Code 146 : ปิด High 913.19 ในรอบเกือบ 3 ปี

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม 2553

ATT Code : ปิด High 913.19 ในรอบเกือบ 3 ปี
วันนี้ SET ปิด New high 913.19 ในรอบเกือบ 3 ปี บวกไป 3.54 จุด ด้วยมูล่ค่าการซ์อขาย 4.6 หมื่นล้านบาท โดยมีปูนเป็นตัวดันตลาดไว้ และก็มีกลุ่มแบงค์ ตัวใหญ่ที่ไม่เปล่ยนแปลงลงมาก ส่วนตัวเล็กก็ขึ้นมาทะลุแนวต้านกันทั้งนั้น ส่วนแนวโน้มในวันพรุ่งนี้ก็ต้องให้ SET สามารถยืนอยู่เหนือเส้น BB Top ที่ 913 ให้ได้อยู่ ดดยมีแนวต้านที่ 920 จุด และมีแนวรับอยู่ที่ 903 จุด
----------------------------------------------------------------------------------
31/08 09:32 - SAT เพิ่มทุนขาย PP ในราคาหุ้นละ 21.80 บาท
31/08 09:26 - 30 หุ้นฝรั่งไล่ซื้อ 30 หุ้นฝรั่งขายทิ้งวานนี้
31/08 09:15 - 4 หุ้นสัญญาณเทคนิคเด่น เช้านี้
31/08 09:13 - หุ้นเด่น จานร้อน บล.ฟิลลิป
31/08 07:44 - Japan Policy Tinkering Leaves ’Huge’ Risk to Growth
31/08 07:39 - เยนแข็งค่าหลังผิดหวังมาตรการบีโอเจ
31/08 07:38 - Oil slips with equities on economic concerns
31/08 07:33 - ราคาน้ำมันดิบร่วงตามตลาดหุ้น 47เซนต์
31/08 07:31 - Nikkei slides 2 pct on profit-taking, Wall St fall
31/08 07:29 - สหรัฐเผยการใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มเกินคาด 0.4% ในเดือนก.ค.
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
31 สค. 53 ( +9.28 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

อาจปรับตัวระยะสั้นแถว 900 - 903 จุด ดัชนีในวันจันทร์ปรับตัวขึ้นเกิน 905 จุด ทำให้เกิด “สัญญาณซื้อ” ในเครื่องมือ Point & Figure

แนวโน้มในวันอังคารนี้ ดัชนีอาจจะปรับตัว “ระยะสั้น” แถว 900 – 903 จุด เหนือบริเวณแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ตราบใดไม่ต่ำกว่า 881 จุดต่ำสุดของ สัปดาห์ที่แล้ว และเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน ถือว่า แนวโน้มหลักของตลาดยังคงเป็น “ขาขึ้น” มี เป้าหมายประมาณเดือน ตค. แถว 1010 – 1020 จุด ในรูปแบบของ Zigzag wave

จากนี้ไปถ้าไม่ต่ำกว่า 900.75 ปรับตัวขึ้น 911 - 913 เกิน 913.81 จุดสูงสุดวันจันทร์ ขึ้นต่อ 1020 - 1030 ประมาณ เดือน ตค .

KTBกำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 13.70 กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายระยะเดือน 17.00 – 20.00 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 12.90 )

BAYกำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 21.60 กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายระยะเดือน 28.50 – 33.50 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 20.70 )
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-แรงยังไม่ตก!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 30 ส.ค.53 ปิดที่ 909.65 จุด บวก 9.28 จุด หลังระหว่างวันขึ้นไปสูงสุดที่ 913.81 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 40,127 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,113.40 ล้านบาท

หุ้นไฮโซตัวใหญ่ปรับตัวขึ้นแรงแทบทั้งสิ้น รวมทั้งหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงการในมาบตาพุด คือ SCC, PTT, PTTCH และ BBL เก็งกำไรก่อนศาลปกครองกลางนัดตัดสินคดีโครงการมาบตาพุด โดย บล.กสิกรไทย ระบุว่า วันที่ 2 ก.ย.นี้ ศาลปกครองกลางนัดฟังคำพิพากษาคดีมาบตาพุด ซึ่งคาดว่าจะออกมาเป็นบวก ซึ่งตรงกับ Market timing ที่มองว่าวันที่ 2 ก.ย.นี้ จะมีแรงหนุนหุ้นในกลุ่มมาบตาพุดทั้ง PTT, PTTAR, PTTCH, SCC และ BBL ซึ่งเป็น 1 ในสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ให้โครงการในพื้นที่มาบตาพุด อย่างไรก็ตาม แนะนำเก็งกำไรหุ้น PTTCH

ส่วน บล.เคจีไอ ระบุว่า แนวโน้มทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้ามาลงทุนและการที่ศาลนัดฟังคำสั่งกรณีมาบตาพุดในสัปดาห์นี้ จึงยังคงแนะ "ซื้อเก็งกำไร" หุ้น PTT, SCC และ PTTCH

ขณะที่หุ้น CPN ปรับขึ้นแรงไม่แพ้กัน หลังโบรกเกอร์มองว่ากำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยบทวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า หุ้น CPN มีราคาเป้าหมายที่ 35 บาท โดยคาดว่ากำไรได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 จากผลกระทบทางการเมืองที่เกิดขึ้น แต่แนวโน้มการประกอบธุรกิจต่อจากนี้น่าสนใจมาก จากการกลับมาเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ใหม่อีกครั้งในไตรมาส 4 ปีนี้ และการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นทุกปี

ด้านหุ้นสื่อสารผันผวนหนัก โดยช่วงแรกสดใสบวกแรงทั้งกลุ่ม แต่สุดท้ายถูกขายทำกำไรขายลดความเสี่ยงออกมาหนัก กดราคาร่วงยกแผง โดยเฉพาะพวกหุ้น "สร้างกระแส" อาศัยเทรนด์ 3 จี เป็นตัวเบิกโรง ให้นักลงทุนเข้ามาตะลุมบอนปั่นหุ้นปั่นกระแส ทั้ง JAS, SAMART และ LOXLEY เป็นต้น เพราะสุดท้าย 3 ขาใหญ่ คือ "ตัวจริง" ที่ยื่นซองยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้บริการเครือข่าย 3 จี คือ TRUE, DTAC และ ADVANC

บล.ทรีนีตี้ แนะซื้อ ADVANC และ DTAC ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะ "ซื้อเก็งกำไร" TRUE!!

FSS :ตลาดมีโอกาสแกว่งตัวผันผวน ดังนั้นจังหวะซื้อยังรอช่วงปรับฐานลงได้...
แนวโน้ม: เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป กลับมาปรับตัวลงกันอีกครั้ง จากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ของสหรัฐในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์นี้ก่อนมากกว่า ทำให้การซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็ตอบรับในเชิงลบ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไรนัก ส่วนตลาดหุ้นไทยเราก็เริ่มเห็นแรงขายในระหว่างวันกดดันให้ SET เมื่อวานนี้ไม่สามารถขยับบวกต่อจากช่วงเปิดมากนัก โดยอยู่ในลักษณะแกว่งตัวแคบๆ และค่อนข้างผันผวนตลอดทั้งวัน ขณะที่หุ้นที่สร้างสีสันให้กับ SETในช่วงนี้อย่างกลุ่มสื่อสาร จากข่าวเรื่องการยื่นประมูล 3G ก็เริ่มมีแรงขายออกมามากขึ้น หลังมีผู้ยื่นซองประมูลเพียง 3 รายซึ่งก็คือบริษัทย่อยของกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ด้านมือถือของไทยนั่นเอง ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงการมาบตาพุดก็ยังต้องรอดูความชัดเจนของคำพิจารณาของศาลปกครองในวันพฤหัสที่ 2 ก.ย.นี้อีกครั้ง ทำให้คาดว่าจะอยู่ในลักษณะแกว่งตัวผันผวนแคบๆ มากกว่า ดังนั้น FSS จึงคาดว่ามีแนวโน้มที่ SET จะอยู่ในช่วงของ
การแกว่งพักฐานลงก่อนได้ ซึ่งมองเป้าหมายการพักตัวที่บริเวณ 900 จุดหรือต่ำกว่า จึงยังแนะนำให้รอตลาดปรับลงค่อยพิจารณาเลือกหุ้นเข้าซื้อ
กลยุทธ์: ยังแนะนำให้รอตลาดปรับลงค่อยเลือกหุ้นเข้าทยอยรับ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อไล่ราคาและน่าจำกัดพอร์ตไว้ด้วย โดยเน้นหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากๆ เป็นหลักได้แก่ SCB, KBANK, BAY, TCAP, KCE, HANA, DELTA, LPN, QH, SIRI, SPALI , DCC,ROJNA, GFPT, TTW และ BTS เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
• (0) 3G กทช.แถลงผลการเปิดรับลงทะเบียนขอใบอนุญาต 3G (ใช้คลื่นความถี่ IMT ย่านคลื่นความถี่ 2.1 GHz) เมื่อวานนี้ (30 ส.ค.) สรุปแล้วมีผู้เข้าลงทะเบียนและยื่นเอกสารครบถ้วนจำนวน 3 รายคือบ.ลูกของ ADVANC, DTAC, TRUE กทช. จึงจะออกLicense 2 ใบ เรายังเห็นว่าฐานะการเงินของ ADVANC และ DTAC เข้มแข็งกว่า แม้TRUE จะให้ข่าวว่ามี SCB ให้การสนับสนุนการเงิน กอปรกับราคาหุ้นปัจจุบันของทั้งADVANC และ DTAC ยังมีส่วนสดเกิน 10% จากราคาเป้าหมายรวม 3G ที่ 113 บาทและ 54 บาท ตามลำดับ จึงยัง Rating “Buy” ทั้ง ADVANC และ DTAC
• (+) SSI การซื้อโรงถลุงเหล็ก (Slab) Teesside Cast Products จาก Corus ตอบโจทย์ของ SSI ที่ขาดต้นน้ำได้อย่างลงตัว ขณะที่ TCP ก็ขาดปลายน้ำ และกำลังการผลิตของทั้งสองโรงงานก็ใกล้เคียงกัน และ SSI ยังมีโอกาสขยายตลาดในยุโรปได้อีกเพียงแต่เราคาดว่าน่าจะต้องมีการเพิ่มทุนเพราะต้องใช้เงินอีกเป็นจำนวนมากในการสำรองเป็นเงินหมุนเวียนในโรงถลุงดังกล่าว เราอาจมีการทบทวนประมาณการใหม่เมื่อมีข้อมูลมากกว่านี้ เราปรับลดคำแนะนำลงเป็น ‘ถือ’ จากเดิม ‘ซื้อ’ เพราะราคาหุ้นปรับ
ขึ้นมารับข่าวแผนการซื้อ TCP ไปแล้วก่อนจะถูกขาย Sell on fact เมื่อวานนี้จนทำให้ upside เหลือเพียง 10%
• Fund Flow วานนี้ไหลเข้าแต่ปริมาณเบาบางมาก โดยเข้าซื้อสุทธิเกือบทุกตลาดในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงคาดว่าความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐและโลกจะชะลอตัวมากกว่าคาดยังมีอยู่ แม้รัฐบาลกลางสหรัฐยังไม่มีมาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถอดถอยรอบ 2 ดังนั้นเม็ดเงินส่วนใหญ่ยังไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินเอเชียที่แข็งค่าแสดงถึงความต้องการเงินสกุลเอเชียมากขึ้นทำให้มีเงินไหลเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตรและมีเพียงเล็กน้อยที่ลงทุนในตลาดหุ้น นอกจากนี้ตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยได้ปรับขึ้น Outperform ดัชนี MSCI เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเป็นเหตุว่าราคาหุ้นปัจจุบันอาจจะแพงและมี Upside จำกัด

ข่าวภายในประเทศ
เหตุการณ์:
CP ผนึก KTB เปิดแบงก์ในจีน หลังบริษัท เจียไต๋ เอ็นเตอร์ไพรส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทในเครือซีพีได้ใบอนุญาต (licence) ในการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์จากรัฐบาลจีนตั้งแต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดย KTB จะเข้าไปถือหุ้น 50% อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าธุรกรรมต่าง ๆ ยังมีไม่มากนัก โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะมุ่งเน้นลูกค้าของกลุ่มเจียไต๋ที่อยู่ในเมืองจีนเป็นหลัก คาดจะตั้งสำนักงานใหญ่ที่เซี่ยงไฮ้ และในเบื้องต้นจะใช้เชื่อเจียไต๋ไฟแนนซ์ (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ 31/8/2010)
ความเห็น:
ถือเป็นข่าวบวกต่อ KTB ที่ได้ขยายธุรกิจไปทำในประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงและมีความต้องการสินเชื่อจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามในช่วงระยะแรกเราเชื่อว่ารายได้และกำไรจากธุรกิจในประเทศจีนไม่น่าจะมีนัยสำคัญนัก ยกตัวอย่าง BBL ซึ่งทำธุรกิจในประเทศจีนมากกว่า 20 ปี ปัจจุบันมี 4 สาขา (ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซี่ยเหมิน และเสิ่นเจิ้น) มีเงินให้สินเชื่อรวม 1 แสนลบ. (~10% ของสินเชื่อรวม) แต่ได้รับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยพอๆกับสินเชื่อที่ให้กับธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศ (~2-2.5%) และจากงบการเงินปี 2009 ผลการดำเนินงานในธุรกิจต่างประเทศยังขาดทุน
คงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับ KTB เรายังไม่รวมประมาณการของธุรกิจใหม่ แต่สำหรับธุรกิจในประเทศยังมีทิศทางเป็นบวก คงราคาเหมาะสมปี 2011 ที่15.70
3 บิ๊กมือถือซัดเดือด! ทุ่มชิงไลเซนส์ 3G 2 ใบ: “ทรู”แบกน้ำหนักสู้ “สามารถ”ขอลุย MVNO ดีกว่า ประมูลไลเซนส์ 3 จีมีเพียงแค่ AISDTAC-TRUE แข่งกันเอง งานนี้ “ทรู” เหงื่อตกแน่ ตามเกณฑ์ล็อตแรกคลอดแค่ 2 ใบ ตามกฎ N-1 แถมเจอ“วินวินเอ็นจีวี” ป่วนยื่นซองแต่ขาดหลักประกัน 1,280 ล้านบาท โดนปรับตกทันที SAMART กลับลำไม่ขอร่วมวงเลือกลุย MVNO เต็มตัวดีกว่า “นที”ประกาศรายชื่อผ่านพีคิว 14 ก.ย.นี้ ใจดีสู้เสือประมูลใบ 3 มีต่างชาติเข้าแน่ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 31-08-2010)
ฝรั่งอยากเทก ‘TMB’ ทาบคลังขอซื้อหมด คลังหัวบันไดไม่แห้ง สถาบันการเงินต่างประเทศทาบทามซื้อหุ้นแบงก์ทหารไทยทั้งหมด 26% หากไอเอ็นจีไม่สู้ราคา ระบุต่างชาติให้ราคาสูงกว่า 3.50 บาท ถึง 4 บาทต่อหุ้น ด้านผู้บริหารทหารไทยวางแผนดันแบงก์ขึ้นเป็นผู้นำตลาดแบ่งมาร์เก็ตแชร์ 15-20% ส่วนเงินปันผลอดใจรอมีเซอร์ไพรส์ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 31-08-2010)
SVI ยอดขายทะลักปีนี้ 235 ล้านเหรียญสูงสุดประวัติการณ์ SVI มั่นใจยอดขายปีนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ กระฉูด 235 ล้านเหรียญ ออเดอร์งานไหลเข้าแน่น ชี้ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า ยอดขายโตถึง 500 ล้านเหรียญ ลุยแก้ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ ด้วยการจัดตั้งบริษัทในไต้หวันเพื่อเป็นฝ่ายจัดหา มั่นใจกลยุทธ์ได้ผลแน่ ฟากวงการเงินไว้ใจ ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ขานรับกำไรทั้งปีพุ่งตื่นทะลุ 670 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น31-08-2010)
SSI ปีนี้รายได้ 5 หมื่นล้านเพิ่มทุนซื้อโรงถลุงเหล็ก SSI ย้ำเป้ารายได้ทั้งปี 5 หมื่นล้านบาท เติบโต 50% จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและคาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 2.7 ล้านตัน อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางกู้เงิน-เพิ่มทุน ซื้อโรงถลุงเหล็กเครือทาทาสตีล มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท คาดราคาเหล็กครึ่งหลังปี 53 มีโอกาสปรับขึ้นอีกประมาณ 5-10% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 31-08-2010)
AP ปลื้มกองทุนสนซื้อหุ้นเพียบ ยอดขายพุ่ง 7,700 ล้านบาท เปิดอีก 11 โครงการ "AP" ปลื้มโรดโชว์สิงคโปร์มีกองทุนกว่า 20 รายสนใจซื้อหุ้น หลังมั่นใจกลยุทธ์ธุรกิจ-ทีมผู้บริหาร ลั่นฟรีโฟลตหุ้นเหลือเพียบ 68% ขณะหุ้นใหญ่ "อนุพงษ์-พิเชษฐ" ถือหุ้นรวมกันแค่ 32% ส่วนยอดขายเดือนส.ค.คาดพุ่ง 7,700 ล้านบาท เชื่อทั้งปี 20,000 ล้านบาท ส่วนรายได้ปีนี้มั่นใจตามเป้า 14,000 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อก 16,000 ล้านบาท บุ๊คปีนี้ 3,700 ล้านบาท ลุยเปิดอีก 11 โครงการ มูลค่า 25,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 31-08-2010)
GSTEELดิ้นแก้หนี้การค้าหมื่นล้าน หุ้นกู้ 170 ล้านเหรียญครบต.ค.นี้ แนะหลีกเลี่ยงลงทุน GSTEEL เร่งหาพันธมิตรร่วมกู้สถานการณ์ทางการเงิน เนื่องจากยังมีหนี้การค้าอีก 1 หมื่นล้านบาท นอกเหนือจากหนี้หุ้นกู้ 170 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่จะครบกำหนดในเดือนต.ค.นี้ เชื่อหากทำสำเร็จอุตสาหกรรมพร้อมที่จะรับอยู่แล้ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจของบริษัทช่วยดันราคาหุ้นก็จะไปได้ดีกว่านี้ ขณะที่โบรกฯแนะ “หลีกเลี่ยง” สำหรับการเข้าลงทุนใหม (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 31-08-2010

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ

ยุโรป: ดัชนีความเชื่อมั่นทางศก.ของยูโรโซนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี คณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้จากการสำรวจผู้บริหารธุรกิจและผู้บริโภคในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 16 ประเทศ พุ่งแตะระดับ 101.8 จุดในเดือนสิงหาคม จากระดับ 101.1 จุดในกรกฎาคม ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนส.ค.ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2551 โดยสาเหตุที่ทำให้ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบสองปีครึ่งก็คือ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นอันเนื่องมาจากความวิตกเรื่องการว่างงานบรรเทาลง ขณะที่การส่งออกที่ทะยานขึ้นได้ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 1% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 4 ปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-08-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นเกินคาด 0.4% ขณะรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.2% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ที่แข็งแกร่ง ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 31-08-2010)
จีน: จีนเผยธนาคารจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีกำไรครึ่งปีแรกพุ่ง 45.67% ธนาคารพาณิชย์ของจีน 16 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รายงานกำไรสุทธิครึ่งปีแรกรวมกันเพิ่มขึ้น 45.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะ 4.434 แสนล้านหยวน (5.05 หมื่นล้านดอลลาร์)โดยธนาคารเซี่ยงไฮ้ ผู่ตง ดิเวลอปเมนท์ แบงค์ (SDP) ระบุในรายงานผลประกอบการที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกเท่ากับ 9.08 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 33.92% เนื่องจากการขยายตัวของสินเชื่อและมีรายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-08-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ขยายตัวเหนือความคาดหมาย 0.3% รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผลผลิต
ภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นหลังจากปรับค่าฤดูกาลแล้ว มีอัตราการขยายตัว 0.3% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบกับเดือนก่อน สวนทางกับผลการสำรวจของสำนักข่าวเกียวโดที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 0.3% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 31-08-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ขยายตัว 3.9% ทำสถิติขยายตัวต่อเนื่องเดือนที่ 7 กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และ อุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นขยายตัว 3.9% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบกับปีก่อน และเป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7ติดต่อกัน แต่หากเทียบกับเดือนก่อนโดยไม่มีการปรับค่าฤดูกาล ยอดค้าปลีกเดือนดังกล่าวขยายตัวเพียง 0.7% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 31-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

Code145:ลุ้นวิ่งต่อ เพราะบาทแข็ง

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม 2553

ATT Code :ลุ้นวิ่งต่อ เพราะบาทแข็ง

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย เชื่อสัปดาห์หน้ามีลุ้นหุ้นไทยวิ่งต่อ เหตุปัจจัยชี้นำในประเทศยังดี แนะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อธปท.และกระทรวงพาณิชย์ ความคืบหน้าประมูล3จี ให้แนวรับที่ 882-875 จุด และแนวต้านที่ 923-934 จุด

ปิดตลาดหุ้นไทย ซื้อขายกว่า40,000ล้าน

ปิดการซื้อ-ขาย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาด 909.65 จุด เพิ่มขึ้น 9.28 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 40,127.45 ล้านบาท...ต่างชาติซื้อ 1113.39 ลบ. สถาบันซื้อ 962.45 ลบ.พอร์ตบล.ซื้อ 465.03 ลบ.รายย่อยขาย 2540.89 ลบ.

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำวันจันทร์ที่ 30 ส.ค. 2553 ปิดตลาดที่ระดับ 909.65 จุด เพิ่มขึ้น 9.28 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 40,127.45 ล้านบาท หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 211 หลักทรัพย์ ลดลง 168 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 122 หลักทรัพย์

สำหรับ 5 อันดับซื้อขายสูงสุดประจำวันนี้ ได้แก่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) , บริษัท ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) , บริษัทโทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) , บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) และบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

----------------------------------------------------------------------------------
ลุ้นหุ้นไทยวิ่งต่อสัปดาห์หน้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เชื่อสัปดาห์หน้ามีลุ้นหุ้นไทยวิ่งต่อ เหตุปัจจัยชี้นำในประเทศยังดี แนะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อธปท.และกระทรวงพาณิชย์ ความคืบหน้าประมูล3จี ให้แนวรับที่ 882-875 จุด และแนวต้านที่ 923-934 จุด

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานภาวการณ์เคลื่อนไหวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สัปดาห์ที่ผ่านมา (23-27 ส.ค.) ว่า ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 900.37 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.31% จาก 893.92 จุด ในสัปดาห์ก่อนหน้า และพุ่งขึ้น 22.58% จากสิ้นปี 2552 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้น 10.05% จาก 181,058.02 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 199,255.16 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นจาก 36,211.60 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 39,851.03 ล้านบาท โดยนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิที่ 3,365.12 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบัน บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 3,158.81 ล้านบาท 187.78 ล้านบาท และ 18.52 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ปิดที่ 254.27 จุด ขยับขึ้น 0.74% จาก 252.11 จุด ในสัปดาห์ก่อนหน้า และปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.10% จากสิ้นปีก่อน

ดัชนีหุ้นไทยปิดเหนือ 900 จุดได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังแกว่งตัวผันผวนในระหว่างสัปดาห์ โดยดัชนีปิดบวกได้เล็กน้อยในวันจันทร์ หลังจากในช่วงบ่ายมีแรงขายหุ้นกลุ่มหลักอย่างพลังงานออกมา เนื่องจากการแก้ปัญหาโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดยังไม่มีความชัดเจน ทว่าในวันอังคาร ดัชนีปรับตัวลดลง หลังดัชนียังไม่สามารถผ่านระดับ 900 จุดไปได้ จึงทำให้มีแรงเทขายทำกำไร นำโดยกลุ่มพลังงาน แต่แรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ และเทคโนโลยี ช่วยพยุงตลาดไม่ให้ปรับตัวลดลงมากนัก ส่วนในวันพุธ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนก่อนจะปิดลดลง โดยยังไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ในตลาด อย่างไรก็ตาม ดัชนีปิดปรับตัวขึ้นอีกในวันพฤหัสบดี โดยมีแรงซื้อสลับกับแรงขายหุ้นเป็นระยะๆ ขณะที่มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาในช่วงท้ายตลาด หลังศาลปกครองกลางนัดตัดสินคดีมาบตาพุดในวันที่ 2 ก.ย. จากนั้น ดัชนีสามารถปิดขึ้นเหนือระดับ 900 จุดได้ในวันศุกร์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี จากแรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มหลักเกือบทุกกลุ่ม

สำหรับแนวโน้มใน สัปดาห์นี้ (30 ส.ค.-3 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นต่อได้ตามปัจจัยชี้นำจากในประเทศเป็นหลัก ซึ่งน่าจะทำให้มีแรงเก็งกำไรในหุ้นหลายกลุ่ม โดยปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจและเงินเฟ้อโดยธปท.และกระทรวงพาณิชย์ ความคืบหน้าการยื่นซองประมูลใบอนุญาต 3G และคำตัดสินคดีโครงการในพื้นที่มาบตาพุดในวันที่ 2 ก.ย. รวมถึงการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ส่วนปัจจัยในต่างประเทศ ได้แก่ ทิศทางราคาน้ำมัน และความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นภูมิภาค รวมทั้งการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ (เครื่องชี้ตลาดแรงงาน) และจีน (ดัชนี PMI)

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 882 และ 875 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 923 และ 934 จุด ตามลำดับ.


----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ทะยานสูงสุด!!
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 27 ส.ค.53 ปิดที่ 900.37 จุด เพิ่มขึ้น 14.27 จุด ทำนิวไฮรอบ 2 ปี 10 เดือน นับเป็นระดับปิดตลาดสูงสุดในรอบ 2 ปี 10 เดือน นับจาก 1 พ.ย.50 ซึ่งดัชนีอยู่ที่ 902.73 จุด ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย 43,609 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 670.54 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด PTTEP ปิดที่ 141 บาท ลดลง 1 บาท, TMB ปิด 2.56 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท, JAS ปิด 1.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท, CPF ปิด 26 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท และ PTT ปิด 258.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ชี้ว่าการฟื้นตัวขึ้นของหุ้นไทยแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังได้รับอานิสงส์จากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากอัตราเเลกเปลี่ยนเงินบาทที่ยังคงส่งสัญญาณแข็งค่าต่อไป

มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าว่า แม้จะมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนบรรยากาศการลงทุนในหุ้นแต่ละกลุ่ม แต่การขยับตัวขึ้นของดัชนี จะมีแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นออกมาของนักลงทุนบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยง หลังดัชนีปรับขึ้นมายืนในระดับสูง

สำหรับปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตาม คือวันที่ 27-28 ส.ค.นี้ คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯเตรียมจะมีการหารือเพื่อหาทางออกให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงมีความเปราะบางสูง ซึ่งต้องจับตาดูว่าจะมีมาตรการใดออกมาดูแลเพิ่มเติมบ้าง ส่วนการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นมากนัก เพราะตลาดได้มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าตัวเลขจะออกมาต่ำ ขณะที่ 30 ส.ค. กระทรวงการคลังจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทย เดือน ก.ค.53

ด้านเทคนิคให้แนวต้านไว้ที่ 910 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 890 จุด กลยุทธ์การลงทุน แนะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และหากดัชนียังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ให้หาจังหวะขายทำกำไรหุ้นรายตัวออกมา

ปิดท้าย โฟกัสหุ้นรายตัว หุ้น DTAC ที่ยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องนั้น บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า DTAC เป็นหุ้นที่น่าสนใจ เนื่องจากคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานที่เป็นเงินสดไตรมาส 3 จะแข็งแกร่งมาก ส่วนกำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตก้าวกระโดด เพราะเป็นช่วง High Season ของการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่

ด้าน บล.กรุงศรีอยุธยา ชี้ว่า DTAC เป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลดีมากสุดจากต้นทุนการบริหารที่ลดลง เมื่อเปลี่ยนไปใช้โครงข่าย 3 จี ทั้งนี้ แนะ "เก็งกำไร" DTAC และแนะ "ซื้อ" ADVANC โดยให้มูลค่าพื้นฐานปี 54 ที่ 46.5 และ 114 บาท ตามลำดับและกรณีรวมผลบวกจาก 3 จี จะมีมูลค่าพื้นฐานที่ 59.5 บาท และ 136 บาท ตามลำดับ!!


----------------------------------------------------------------------------------

Code 144 : ยืน 900 แล้ว

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2553

ATT Code : ยืน 900 แล้ว
เช้านี้ SET เปิดที่ 888.20 จุด + ไป 1 จุด ยืนอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยช่วงเข้าก็ยืนเหนือเส้น 5 วัน ที่ 891 ได้ ก่อนที่จะมาปิดตลาดบวกไป 14.27 จุด ปิดที่ 900.37 จุด ได้เป็นวันแรก และปิดเป็น High ของวัน โดยมีกลุ่มแบงค์ สื่อสาร และพลังงาน ดันในตลาดสามารถยืนเหนือ 900 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากถึง 43,609 ล้านบาท โดยในวันจันทร์นี้ มีแนวรับอยู่ที่ 886-888 จุด แต่ถ้ารับไม่อยู่ก็อาจจะลงไปที่ 880 ใหม่ได้ และมีแนวต้านที่ BB Top อยู่ที่ 903 จุด โดยถ้าสามารถทะลุผ่าน 903 ไปได้ ก็อาจจะเป็นการขึ้นต่อไปได้ถึง 905 ได้

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น- หุ้นสื่อสารแร้งงง..!!


ดัชนีหุ้นวันที่ 26 ส.ค.53 ปิดที่ 886.10 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 32,684.72 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 630.86 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป มองแนวโน้มตลาดระยะสั้น คาดว่าจะแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ โดยตลาดรอปัจจัยใหม่ที่โดดเด่นเข้ามากระตุ้นบรรยากาศการลงทุน แต่เชื่อว่ายังมี Fund Flow ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตา คือตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เช่นจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันที่ 27 ส.ค. สหรัฐฯจะประกาศทบทวนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค. ขณะที่ 31 ส.ค. ธปท.จะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.ค.53
กลยุทธ์การลงทุน แนะเลือกเทรดดิ้งเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นรายตัวตามข่าวที่เข้ามากระทบ ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 878-870 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 890-895 จุด
มีบทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า วันที่ 20 ก.ย.นี้ เป็นวันแรกที่ กทช. จะเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จี ในมุมมองเอเซียพลัสคาดว่าผู้ที่จะชนะการประมูลน่าจะมีเพียง 3 ราย จากใบอนุญาตทั้งหมด 3 ใบ คือ TRUE, ADVANC และ DTAC ด้วยความได้เปรียบทางด้านฐานลูกค้าและแหล่งเงินทุน
โดยเฉพาะ ADVANC และ DTAC มีกระแสเงินสดภายในกิจการสูงเพียงพอในการจ่ายค่าใบอนุญาต ขณะที่มี D/E ต่ำ สถาบันการเงินพร้อมสนับสนุน ส่วน TRUE แม้กระแสเงินสดภายในจะไม่เพียงพอต่อการจ่ายค่าใบอนุญาต แต่ SCB ก็ประกาศตัวเป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน
ฝ่ายวิจัยจึงยังแนะ ซื้อ ADVANC และ DTAC เนื่องจากราคาตลาดยังไม่ตอบรับผลบวกจากธุรกิจ 3 จี ทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี upside 30% และ 29% ส่วน TRUE ราคาหุ้นได้สะท้อนธุรกิจ 3 จี และความสำเร็จของการเพิ่มทุนแล้ว
ส่วนผู้ประกอบการที่เหลือคาดว่าจะเป็นผู้ให้บริการ 3 จี รายย่อย ที่อาจจะให้บริการเฉพาะด้าน ทั้งนี้ คาดว่าภายใน 30 ก.ย. จะทราบผลการประมูล
จึงเชื่อว่าระหว่างนี้น่าจะสร้างความสนใจให้กับหุ้นสื่อสารที่จะก้าวเข้าสู่ธุรกิจ
3 จี ทั้งรายหลักและรายย่อย
ส่วนหุ้นกลุ่มแบงก์ เอเซียพลัส เลือก KBANK, BBL และ TCAP เป็น Top picks.

FSS:ตลาดยังมีสิทธิแกว่งตัวผันผวน ดังนั้นยังรอรับแถว 880 จุดหรือต่ำกว่าได้อยู่!!
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นสหรัฐยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1 หมื่นจุดอีกครั้ง แม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปจะค่อนข้างสดใส แต่ตลาดหุ้นในเอเชียเช้านี้ยังอยู่ในลักษณะแกว่งตัว แคบๆ และมีลบให้เห็นด้วย ทั้งนี้คาดว่านักลงทุนยังรอดูตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 2 ของสหรัฐในคืนวันนี้ก่อนว่าจะแย่ลงมากน้อยเพียงใด รวมทั้งยังรอดูท่าทีการประชุมของผู้นำธนาคารกลางของหลายประเทศที่จะมีการประชุมกันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ด้วย สำหรับตลาดหุ้นไทย FSS คาดว่าวันนี้มีโอกาสที่จะแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่อง และยังมีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวในด้านลบอยู่ จากแรงกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศ และแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่เริ่มมียอดขายสุทธิในบางวันเข้ามาให้เห็น หลังจากก่อนหน้านี้จะมียอดซื้อสุทธิติดต่อกันหลายวัน นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะกลุ่มของ PTT และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงการในมาบตาพุด อาจจะมีแรงขายกดดัน หลังศาลปกครองกลางเผยว่าจะนัดฟังคำสั่งคดีโครงการในมาบตาพุดและพื้นที่ใกล้เคียงใน วันที่ 2 ก.ย.นี้เวลาประมาณ 13.30 น. ดังนั้นช่วงนี้จึงยังน่ารอจังหวะซื้อเฉพาะเมื่อตลาดปรับพักตัวลงเท่านั้น และยังเน้นเลือกหุ้นทยอยเข้ารับเป็นระดับๆ ไป
กลยุทธ์: ยังเน้นเลือกหุ้นเข้าทยอยรับเมื่อราคาปรับตัวลง โดยไม่จำเป็นต้องซื้อไล่ราคา แต่ยังให้ จำกัดพอร์ตไว้ด้วย โดยเน้นหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ได้แก่ SCB, KBANK, BAY, TCAP, KCE, HANA, DELTA, LPN, QH, SIRI, SPALI , DCC, ROJNA, GFPT, TTW และ BTS เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) ธปท.มีมุมมองบวกกับเศรษฐกิจ การประชุมกับรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ “เจาะลึกชี้แจงแลกเปลี่ยนความคิดทิศทางดอกเบี้ย” มีมุมมองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจ การปรับขึ้นดอกเบี้ยสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้มี เงินทุนไหลเข้าสู่เอเชียมากขึ้นนับจากนี้ ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือการท่องเที่ยว การส่งออก การลงทุน และการบริโภค ขณะที่สถานการณ์ภาคอสังหาฯ ยังไม่พบว่าเป็น Bubble เพราะ 70% เป็นความต้องการจริง
• (+) VNG เรากลับมา cover หุ้นตัวนี้อีกครั้งด้วยคำแนะนำ ‘ซื้อ’ โดยมีราคาเป้าหมายปีหน้า 8.50 บาท VNG เป็นหุ้น Turnaround ที่คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นกว่า 8 เท่าในปีนี้ และโตต่อเนื่องอีก 9% ในปีหน้า การขยายกำลังการผลิตในปี 2012 จะทำให้กำไรโตต่อเนื่องในระยะยาว
• PTTEP ข่าวการฟ้องร้องของอินโดนีเชียเพื่อเรียกค่าชดเชยกรณีน้ำมันรั่วในแหล่งมอนทารา ยังมีมาต่อเนื่อง ล่าสุดคาดว่าจะเรียกร้องค่าชดเชยประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์เทียบกับก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะฟ้องในวงเงิน 780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบันทาง PTTEP ยังไม่ได้รับการยื่นฟ้องร้องอย่างเป็นทางการ และบริษัทก็ยินดีที่จะมีการเจรจากับอินโดนีเชีย นอกจากนี้ PTTEP ยังมั่นใจว่าการรั่วไหลของน้ำมันอยู่ในวิสัยที่บริษัทสามารถ
ควบคุมได้และมีการรายงานให้รัฐบาลออสเตรเลียทราบอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามข่าวในเชิงลบที่ออกมาค่อนข้างถี่จะเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นในระยะสั้นนี้ หากมองในแง่ของแนวโน้ม ผลประกอบการใน 2H10 บริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากทั้งปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นและเงินค่าประกันภัยอีกประมาณ 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะทยอยเข้ามาในไตรมาสที่ 3 ประมาณ 80 ล้านดอลลาร์และไตรมาสที่ 4 ประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ ที่เหลือเข้าปีหน้า ระยะยาวยัง แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 195 บาท/หุ้น (ไม่รวมผลกระทบในการฟ้องร้องดังกล่าว)
• XD วันนี้ MONTRI (0.35), SPORT (0.10), VNG (0.15)
• XD พรุ่งนี้ KCE (0.15)
• Fund Flow ไหลออกต่อเนื่องในปริมาณที่มากขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่และ บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่หันเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรที่ช่วงนี้ตลาดคึกคักเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ค่าเงินเอเชียแข็งค่าเป็นอย่างมาก แนวโน้มคาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง แม้อาจจะเข้าตลาดพันธบัตรมากกว่าตลาดหุ้น ซึ่งเราหวังว่าท้ายที่สุดแล้วก็จะกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นในที่สุด

ข่าวภายในประเทศ
THCOM ครึ่งหลังกำไร! รายได้จีน-อินเดียทะลัก เตรียมกวาดลูกค้า 3G ราคาเป้าหมาย 10 บาท THCOM ปีนี้พลิกกำไรชัวร์ ปีหน้าเห็นแน่ 990 ล้านบาท รับออเดอร์จากจีน-อินเดียทะลัก ระบุเริ่มเห็นผลดีตั้งแต่ไตรมาส 3 แค่ขายไอพีสตาร์ที่จีนประเทศเดียว ทำรายได้กว่า 1,200 ล้านบาท แจงปัญหาข้อพิพาทกับไอซีทีไม่กระทบ รอลุ้นทีโอทีตกลงใช้ไอพีสตาร์ทำ 3 จี เชียร์ซื้อเป้าหมาย 10 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-08-2010)
JAS ติดแคชบาลานซ์หุ้นกดไม่ลงพีอี53 เท่า หุ้น JAS กดไม่ลงราคาปิดเหนือ 1.45 บาท เข้าข่ายติด Cash Balance ทันที ล่าสุดพีอี 53.05 เท่า
เกินกว่าเกณฑ์กำหนด หุ้น CK ส่อโดนด้วย “จรัมพร” เชื่อเก็งกำไรตามหุ้นสื่อสารเกี่ยวกับข่าว 3G ย้ำยังไม่พบรายงานความผิดปกติ (ที่มา: นสพ. ข่าวหุ้น 27-08-2010)
บุญทักษ์ยันจ่ายปันผล TMB รายใหญ่เข้าเป้า 1.5 หมื่นล. “บุญทักษ์” การันตีทหารไทยจ่ายปันผลแน่ ขออุบไต๋ในเรื่องเวลาและราคา ชี้ผลประกอบการอนาคตดี เป้าสินเชื่อรวมปีนี้เติบโต 10% พร้อมเดินหน้าปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ครึ่งปีหวังดันเข้าเป้า 1.5 หมื่นล้านบาท ล่าสุดปล่อยกู้การบินไทย 2 พันล้านบาท จ่อคิวอีก 3-4 ราย กลุ่มธุรกิจพลังงาน เทเลคอม เกษตรแปรรูป และ อิเล็กทรอนิกส์ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-08-2010)
TMT ลั่นรายได้ปีนี้โตทะลุ 20% รับปริมาณขายขยายตัว 20% บวกราคาเหล็กเพิ่มขึ้น TMT เผยรายได้ปีนี้มีลุ้นโตทะลุ 20% สูงกว่าเป้าเดิมที่คาดโต 15% ตามปริมาณขายที่แนวโน้มขยายตัว 20% แตะ 2.8 แสนตันต่อปี จากปีก่อน 2.3 แสนตันต่อปี รวมทั้งราคาเหล็กมีโอกาสที่เพิ่มขึ้น ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เชื่อไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ 9% หลังพบไตรมาส 2/53 ทำได้สูงถึง 12% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-08-2010)
NOBLE ผุด 2 โครงการใหม่มูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาทกระตุ้นกำลังซื้อครึ่งปีหลัง “โนเบิล” ลุยเปิดเฟสใหม่ 2 โครงการ “โนเบิล คิวบ์-โน เบิล เรซิเดนซ์” มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท พร้อมอัดส่วนลด 1.5 ล้านบาทกระตุ้นกำลังซื้อครึ่งปีหลัง พร้อมปรับโครงการ “โนเบิล รีมิกซ์” จากโรงแรมเป็นคอนโดฯ มูลค่า 1,400 ล้านบาทเล็งเปิดไตรมาส 3 นี้ ก่อนลุยโครงการใหญ่ย่านเพลินจิตมูลค่า 10,000 ล้านบาท ในปีหน้า (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-08-2010)
LOXLEY ปั้น “เอบอนเน่” ทุ่มงบทำตลาด 20 ล้านหวังมาร์เก็ตแชร์ปีนี้ 20% ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จับมือ เอ พลัส ซัพพลาย แจ้งเกิดผลิตภัณฑ์แบรนด์ “เอ บอนเน่” ทุ่มงบ 20 ล้านบาท หวังกวาดรายได้ 50 ล้านบาท พร้อมชิงมาร์เก็ตแชร์ 20% ส่วนปี 54 น่าจะเพิ่มเป็นมากกว่า 50% และลุยออกผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามใหม่อีก 1 ผลิตภัณฑ์ “อาทิตย์” คาดปีนี้รายได้โต 20-30% จากปีก่อน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ - หุ้นมะกันติดลบ น้ำมันเพิ่ม 84 เซนต์
นักลงทุนวิตกกังวล หุ้นสหรัฐฯติดลบ โดยดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 9,985.81 จุด ลดลง 74.25 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ ไปปิดที่ 73.36 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล.....

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันที่ 27 ส.ค. ดัชนีปรับลดลง โดยนักลงทุนเตรียมรอฟังถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นานกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะจำนวนผู้ว่างงาน จะบ่งชี้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศยังดำเนินไปอย่างล่าช้า

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ ไปปิดที่ 73.36 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 9,985.81 จุด ลดลง 74.25 จุด ดัชนีแนสแดค ปิดที่ระดับ 2,118.69 จุด ลดลง 22.85 จุด และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,047.22 จุด ลดลง 8.11 จุด.

ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงเกินคาด 31,000 ราย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 21 ส.ค. ร่วงลง 31,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 473,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 490,000 ราย และเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 1 เดือน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-08-2010)
จีน: ธนาคารกลางจีนระบายสภาพคล่อง$1.337 หมื่นล้านออกจากตลาดเงินผ่านการออกตั๋วเงินคลังสัปดาห์นี้ ธนาคารกลางจีนได้ระบายสภาพคล่องมูลค่า 9.1 หมื่นล้านหยวน หรือ 1.337 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ออกจากตลาดการเงินภายในประเทศในสัปดาห์นี้ ผ่านการดำเนินการในตลาดเปิด โดยการใช้มาตรการควบคุมสภาพคล่องในสัปดาห์นี้มีขึ้นหลังจากธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินสูงถึง 4.1 หมื่นล้านหยวน หรือ 6.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-08-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยดัชนี CPI เดือนก.ค.ร่วงอีก 1.1% ทำสถิติลดลงเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกัน รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค CPI) ของประเทศได้ลดลงอีก 1.1% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกัน ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหาร ลดลง 1.1% ขณะที่ดัชนี CPI ใน 23 เขตของกรุงโตเกียวลดลง 1.1% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่การคาดการณ์การลดลงของตัวเลขโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-08-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยอัตราว่างงานเดือนก.ค.ลดลงสู่ระดับ 5.2% กระทรวงฝ่ายกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานเดือนก.ค. หลังจากที่ปรับค่าฤดูกาลแล้ว ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.2% จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 5.3% โดยรายงานของกระทรวงระบุว่าจำนวนผู้ว่างงานทั้งหมดในเดือนกรกฎาคมมี 3.31 ล้านคน ลดลง 28,000 คนเมื่อเทียบเป็นรายปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-08-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้เผยสินเชื่อภาคครัวเรือนพุ่งแรงใน Q2/53 เหตุต้นทุนการกู้ยืมต่ำ ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ (26 ส.ค.) ว่าเชื่อของภาคครัวเรือนในเกาหลีใต้ช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ อยู่ที่ระดับ 754.9 ล้านล้านวอน (6.346 แสนล้านดอลลาร์) ขยายตัวขึ้น 15.8 ล้านล้านวอนจากไตรมาสแรก เนื่องจากชาวเกาหลีใต้หันมากกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์มากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนการกู้ยืมที่อยู่ในระดับต่ำ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-08-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code 143 : ทยอยซื้อตามแนวรับ

วันพฤหัสที่ 26 สิงหาคม 2553

ATT Code : ทยอยซื้อตามแนวรับ
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นมีความผันผวมบวกกับมีแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดเล็กเข้ามา โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ 3G มีผลให้ Sentiment ของตลาดเกิดแรงขายในหุ้นตัวอื่นๆ ตามมาด้วย ทำให้เกิดสัญญาณในการพักตัวเกิดขึ้น โดยมีแนวรับอยู่ที่เส้น 5 วัน ที่ 880-881 จุด และแนวต้านอยู่ที่ BB TOP ที่ 899-900 จุด โดยควรต้องดูหุ้นตัวใหญ่ในกลุ่มพลังงานและกลุ่มแบงค์ประกอบด้วย เพราะจะเป็นดัชนีที่สำคัญในการชี้นำตลาด

เช้านี้ SET เปิดที่ 887.08 จุด +3.50 จุด โดยช่วงเช้าขึ้นไป High ที่ 886.10 จุด + 5.20 จุด โดยช่วงบ่ายนั้นเรื่องของมาบตาพุดยังไม่มีอะไรคืบหน้า ศาลเพิ่งเริ่มพิจารณาตั้งแต่ 13.30 น ทำให้มีแรงขายเข้ามาในช่วงก่อนปิดตลาดครึ่งชั่วโมง กดดัน SET ลงไปลบนิดหน่อย -1.82 จุด ที่ 882.69 จุด แต่ก่อนจะปิดตลาด ศาลปกครองกลาง นัดฟังคำพิพากษาคดีมาบตาพุด 2 ก.ย.นี้ ... ก็ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาดันให้ SET ขึ้นมาบวกได้ 1.59 จุด ที่ 886.10 จุด สามารถยืนอยู่ใกล้เคียงกับเส้น 10 วันได้ ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 32,684 ล้านบาท ที่น่าสังเกตุคือมี Big Lot เข้ามาในหุ้น PTT เป็นระลอกๆ
แนวโน้มในวันพรุ่งนี้ก็ถ้า SET ยังสามารถยืนอยู่เนือเส้น 10 วัน ที่ 886 ได้ ก้มีโอกาสที่จะไปต่อได้ ที่ 890 และ 899 จุด แต่ถ้ามีแรงขายลงมา ก็ให้ซื้อตามแนวรับที่ 880-882 จุด

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
26 สค. 53 ( -5.94 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ต้องไม่ต่ำกว่า 874 จุด
แนวโน้มในวันพฤหัสนี้ ดัชนี “อาจจะ” ปรับตัวลงต่อเล็กน้อยแถว 877 – 880 ใกล้จุดสูงสุดของวันพุธ
แต่ตราบใดไม่ต่ำกว่า 874 จุด ถือว่าดัชนียังมีโอกาสปรับตัวกลับขึ้นไปแถว 895 – 900 ใกล้จุดสูงสุดของสัปดาห์นี้ได้ สำหรับภาพสอง สามวันข้างหน้านี้ และตลาดน่าจะอยู่ในช่วงของการ ย่ำฐานประมาณ 880 – 900 จุด อีกนานหลายวัน เพื่อรอการปรับตัวขึ้นต่อไป ...
อย่างไรก็ตามการปรับตัวลง ต่ำกว่า 874จุด จะถือเป็นสัญญาณการปรับฐานใหญ่ของตลาดแถว 820 – 860 จุด .... รอดูโครงสร้างภาพอีกครั้ง ??

ปรับตัวขึ้น 898 - 900
แล้ว "อาจจะ" แกว่งตัวในกรอบ 885 - 900 ตลอดทั้งสัปดาห์
เพื่อรอขึ้น 930 - 935 หนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า

แต่ถ้าเกิน 900.78 จุดสูงสุดเดิมของสัปดาห์นี้ได้
อาจขึ้นต่อ 930 - 935 จุด ได้เลย ?


STEC
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะ
ชั่วโมง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 12.10 กรอบ
บนของสามเหลี่ยม เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน
13.30 – 13.80
( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 11.30 )

BLAND
ทยอยซื้อแถว 0.88 – 0.90 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 0.91 จุดสูงสุดวันพุธ
เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 0.97 – 1.02
( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 0.87 )
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ซื้อขายนิวไฮรอบ 10 เดือน!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 25 ส.ค.53 ปิดที่ 884.51 จุด ลดลง 5.94 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 49,390.63 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 เดือน นับตั้งแต่ 15 ต.ค.52 ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 53,773.90 ล้านบาท ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิ 510.57 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด JAS ปิดที่ 1.64 บาท ลดลง 0.10 บาท, TMB ปิด 2.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท, BTS ปิด 0.87 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท, SSI ปิด 1.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.07 บาท และ TRUE ปิด 7.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

นักลงทุนกระจายตัวเล่นไปในหุ้นรายตัวรายกลุ่มตามที่มีข่าวเข้ามากระทบทั้งหุ้นสื่อสารที่ยังคงมีแรงเก็งกำไรกับเรื่องประมูลคลื่นความถี่ 3 จี หรือ

หุ้น TMB ที่ยังเล่นกันไม่เลิกกับความคืบหน้าการขายหุ้นของกระทรวงการคลัง ขณะที่ยังมีความกังวลกับกรณีรัฐบาลอินโดนีเซียจะฟ้องเรียกค่าเสียหายกับ PTTEP จากกรณีแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรั่วที่แหล่งมอนทารา รวมทั้งกรณีการประกาศกิจการที่ส่งผลกระทบรุนแรงกรณีมาบตาพุด

ส่วนการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง.ก็เป็นไปตามที่คาดไม่น่ามีผลกระทบต่อตลาดมากนัก

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส มองแนวโน้มตลาดระยะสั้น เชื่อว่า มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยนักลงทุนรอดูความชัดเจน ทั้งกรณีมาบตาพุดและติดตามการรายงานสต๊อกน้ำมันของสหรัฐฯและทิศทางของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เพราะอาจมีผลชี้นำต่อทิศทางตลาด

แนะกลยุทธ์การลงทุน หากถือหุ้นที่มีต้นทุนต่ำ แนะให้ "ถือต่อ" ส่วนนักลงทุนที่จะเข้าซื้อใหม่ต้องปรับกลยุทธ์ ต้อง "เล่นรอบให้เร็วขึ้น" ด้านเทคนิคประเมินกรอบแนวต้านไว้ที่ 895-900 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 880 จุด ซึ่งไม่ควรหลุดระดับ 880 จุด หากหลุดภาพตลาดจะไม่ดีนัก

ปิดท้าย "มนตรี ศรไพศาล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง เผยว่า ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีปีนี้ขึ้นเป็น 925 จุด จากเดิม 900 จุด เชื่อว่าหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นหลังแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวดี อุตสาหกรรมต่างๆฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด โดยเฉพาะส่งออกที่ฟื้นตัวก่อน ตามด้วยทองเที่ยว

ทำให้คาดการณ์ว่ายังมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง และปีหน้าก็มีโอกาสได้เห็นดัชนีที่ 1000 จุด ได้ไม่ยาก.

FSS:ตลาดใกล้ 880 แล้วเลือกหุ้นทยอยเข้ารับได้ แต่จำกัดพอร์ตเพื่อลุ้นต่ำลงอีก..
แนวโน้ม: เช้านี้ตลาดหุ้นต่างประเทศรีบาวด์กลับขึ้นกันเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาเสริม โดยล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐยังออกมาอ่อนแอเกินคาดต่อเนื่อง จึงคาดว่าเป็นเพียงแรงซื้อเก็งกำไรหลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงมาพอควรในช่วงสัปดาห์นี้ ดังนั้นการขยับขึ้นจึงยังมีกรอบค่อนข้างจำกัด และต้องติดตามดูการประชุมของกลุ่มผู้นำจากธนาคารกลางทั่วโลกที่เฟดจัดขึ้นที่สหรัฐในช่วงวันที่ 27-29 ส.ค.นี้ ว่าจะมีถ้อยแถลง หรือมาตรการใดออกมาช่วยเสริมความมั่นใจของนักลงทุนได้หรือไม่ ส่วน SET เราคาดว่าจะยังแกว่งตัวผันผวนแต่ก็มีโอกาสลุ้นรีบาวด์กลับขึ้นไปเคลื่อนไหวในด้านบวกได้ตามตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตามในจังหวะบวกขึ้นก็ยังต้องตามระวังแรงขายกดกลับไว้ด้วย โดยในบ้านเราวันนี้จะมีประเด็นติดตามเรื่องการนัดพิจารณาคดีโครงการในมาบตาพุด ของศาลปกครองกลาง ซึ่งนายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนแจ้งว่าคงจะยังไม่มีการตัดสินใดๆ ในวันนี้ และต้องรอดูว่าจะมีฝ่ายใดยื่นข้อมูลใหม่ให้ศาลฯ พิจารณาหรือไม่ โดยฝ่ายของผู้ร้องคาดว่าจะไม่มีการยื่นข้อมูลใหม่ แต่ฝ่ายของรัฐและผู้
ถูกร้อง แจ้งเตรียมนำเรื่องการจัดประเภทกิจการที่รุนแรงซึ่งผ่านการประชุมไปเมื่อวันจันทร์เข้ายื่นต่อศาลฯ ก่อน เนื่องจากการประกาศอย่างเป็นทางการอาจล่าช้าเพราะต้องรอส่งให้ ครม.รับทราบเสียก่อน ดังนั้นประเด็นมาบตาพุดที่ยังยืดเยื้อจึงอาจจะยังเป็นประเด็นที่กดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานให้ดีดกลับขึ้นได้ยาก นอกจากนี้ในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ทางองค์กรอิสระ(NGOs) ยังเตรียมที่จะไปประท้วงปิดล้อมนิคมอุตสาหกรรมบางแห่งในระยอง เพื่อคัดค้านผลการแบ่งประเภทกิจการรุนแรงของคณะ กก.สิ่งแวดล้อมที่ออกมาใหม่นี้ด้วย
กลยุทธ์: สามารถเลือกหุ้นเข้าทยอยรับตอนราคาปรับตัวลงได้ แต่ยังแนะนำให้จำกัดพอร์ตไว้ก่อนโดยเน้นหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ได้แก่ KBANK, SCB, BAY,TCAP, KCE, HANA, DELTA, QH, SIRI, SPALI , LPN, DCC, ROJNA และ GFPT เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) วันนี้ 13.30 น. ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนคดีมาบตาพุดครั้งสุดท้ายก่อนนัดฟังคำพิพากษาต่อไป ที่สุดแล้ว ประเด็นมาบตาพุดต้องรอ นายก/ครม.ประกาศประเภทโครงการที่รุนแรง หลังจากนั้นเอกชนจึงไปยื่นปลดล็อกหากไม่มีชื่ออยู่ในโครงการที่รุนแรง หากมาบตาพุดมีความชัดเจน ไม่เพียง PTTCH, PTT, SCC, GLOWที่ได้ประโยชน์โดยตรง จะเป็นผลดีกับ TTCL, TRC, QLT, TNDT, VNG และแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อให้โครงการต่างๆ ด้วย
(+) กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด หลังมองว่าเงินเฟ้อปี 2554 มีแนวโน้มแตะระดับ 3% ซึ่งต้องดูแล คาดสิ้นปีนี้ดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 2% ติดตามวันที่ 28 ต.ค. ว่าธปท. จะปรับเป้า GDP หรือไม่ ดอกเบี้ยที่ขึ้นเป็นบวกกับกลุ่มแบงก์ (แนะนำ SCB เพราะ
ราคาหุ้น laggard ที่สุดสวนทางผลประกอบการ 2H10 ที่จะดีขึ้นมาก) กลุ่มบันเทิง(BEC, MCOT) ค้าปลีก (CPALL, HMPRO, BIGC, MAKRO, GLOBAL)
(+) TRUE แต่งตั้ง SCB เป็นที่ปรึกษาการเงินโครงการ 3G แม้ว่าจะมี SCB สนับสนุนเงินกู้แต่เราเชื่อว่า TRUE ยังมีความจำเป็นต้องหาพันธมิตรหากจะเดินหน้า 3G ส่วน กทช. เผยล่าสุดมี 18 รายซื้อซองประมูล (1 บริษัทซื้อหลายซอง) ยืนยันประมูลวัน
แรก 20 ก.ย. เราเชื่อว่าสุดท้ายผู้ที่มีศักยภาพในการยื่นประมูลอาจเหลือเพียง ADVANC, DTAC, TRUE, SIM, LOXLEY, JAS แต่ผู้ที่ประมูลได้จะมีเพียง 3 ใน 6 รายนี้
XD วันนี้ มีหลายหุ้น ที่สำคัญมี AH (0.26), AS (0.43), BH (0.40), CPNRF(0.2435), FORTH (0.12), FUTUREPF (0.272), GLOW (0.735), SPPT (0.15) XD พรุ่งนี้ MONTRI (0.35), SPORT (0.10), VNG (0.15)
Fund Flow ไหลออกมากผิดปกติ เนื่องจากต่างชาติชายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวันเป็นอย่างมาก ขณะที่ซื้อสุทธิในเกาหลีใต้และอินโดนีเชียเล็กน้อยเนื่องจากตลาดยังเต็มไปด้วยปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว ประกอบกับการปรับลดอันดับความ
น่าเชื่อถือในฝั่งยุโรปและการพิจารณาเพิ่มเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยิ่งเป็นการตอกย่ำถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังจะเป็นไปอย่างยากลำบาก ทำให้ค่าเงินยูโรยังอ่อนค่า แต่ค่าเงินภูมิภาคเอเชียและค่าเงินบาทยังแข็งแกร่ง ก็ยังทำให้มั่นใจว่ากระแสเงินทุนต่างชาติยังไม่ได้ไหลออกอย่างแท้จริงเพียงพักตัวรอความชัดเจนของเศรษฐกิจมากกว่า

ข่าวภายในประเทศ
SCB หนุนทรูสู้ศึก 3G! หุ้นวิ่งท้าแคชบาลานซ์ JAS เทรดสนั่น 5.7 พันล้าน “พิชญ์” ไล่ซื้อราคา 1.69 บาท ค่ายทรูฯผนึกพันธมิตร SCBร่วมสู่ศึก 3G เชื่อฐานเงินทุนแข็งแกร่ง คลายแรงกดดันฐานทุนต่ำสุดกลุ่มสื่อสาร ดันหุ้น TRUE วิ่งรับข่าวดีราคาพุ่ง 7.30 บาท ท้าทายตลาดขึ้นป้ายแคสบาลานซ์ ส่วนหุ้น JAS เทรดสนั่น .57 พันล้านบาท รับผู้บริหาร“พิชญ์”ไล่ซื้อเพิ่มอีก 20 ล้านหุ้น ราคา 1.69 บาท เสี่ยงเจอแคสบาลานซ์ปลายสัปดาห์นี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-08-2010)
กนง.ตามนัดขึ้น 0.25% เงินเฟ้อปี 54 สูงกว่าเป้า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นดบ.อาร์/พี 1 วัน 0.25% เป็น 1.75%หลังเศรษฐกิจขยายตัว -แรงกดดันเงินเฟ้อยังต่ำ มองเงินเฟ้อพื้นฐานปีหน้าสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ 0.5-3% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-08-2010)
BWG ครึ่งหลังธุรกิจโตตามอุตสาหกรรมQ2โชว์ฟอร์มเจ๋งพลิกเป็นกำไร13.95ล้าน "สุวัฒน์"มั่นใจครึ่งหลัง BWG โชว์ฟอร์มเยี่ยม หลังอุตสาหกรรมประเทศ ขยายตัวต่อเนื่องแถมคุมต้นทุนอยู่หมัด หวังปีนี้พลิกจากขาดทุนกว่า 43 ล้านบาท มาเป็นกำไรสำเร็จ หลังไตรมาส 2 โชว์ผลงานสุดยอดกำไรพุ่งกว่า 159.16% พลิกจากขาดทุน 23.58 ล้านบาท มาเป็นกำไร 13.95 ล้านบาท หนุนผลงานครึ่งแรกพลิกขาดทุน 19.50ล้านบาท มามีกำไร 8.78 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-08-2010)
PB ปันผลระหว่างกาลจ่ายงาม 2.92 บาท/หุ้นครึ่งปีแรกกำไร 262 ล. “เพรซิเดนท์ เบเกอรี่” ใจดีอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 2.92บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้น หลังครึ่งปีแรกโกยกำไรสุทธิ 262.44 ล้านบาท พร้อมรุกตลาดเปิดสินค้าใหม่ ขยายศูนย์กระจายสินค้าอีก 40 แห่งทั่วประเทศและเพิ่มร้านค้าย่อยอีก 3,000-4,000 ร้าน จากเดิมมีอยู่ 32,000 ร้าน ดันรายได้ตามเป้า 4,500 ล้านบาท หรือโต 15% จากปีก่อน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-08-2010)
DCC รับไตรมาส 3 เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต15% แนะซื้อให้ราคา 45 บาท DCC รับไตรมาส 3/53 ชะลอตัว เนื่องจากเป็นช่วงโลซีซั่น บวกกับฤดูฝน ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ แต่มั่นใจดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน เชื่อกำลังการผลิตใหม่รองรับกำลังซื้อได้มากขึ้น “ชนะ”แย้มทิศทางครึ่งปีหลังยังเติบโตดี คงเป้ารายได้โต 15% ขณะที่โบรกแนะซื้อลงทุน เป้าหมาย 45 บาท คาดกำไรทั้งปีอยู่ที่ 1,310 ล้านบาท (ที่มา:นสพ.ข่าวหุ้น 26-08-2010)
TTCL คั่วงานใหม่มาบตาพุดหมื่นล้าน ลุ้นปัญหาสะเด็ดน้ำซะที ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท TTCL งานเข้าเพียบ ลุ้นมาบตาพุดจบลงด้วยดีจ่อยื่นประมูลงานกว่า 1 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 4/53 หนุนงานในมือสิ้นปีทะลุหมื่นล้าน จากที่มีอยู่ 7,000 กว่าล้านบาท รับรู้รายได้ปีนี้อย่างน้อย3,500-4,000 ล้านบาท ส่วนงานต่างประเทศคาดรู้ผลปลายปีนี้ ขณะที่เตรียมยื่นประมูลงานใหม่อีกหลายโครงการ ด้านโบรกฯ มองกำไรครึ่งปีหลังฟื้นตัว โอกาสได้งานใหม่สดใส ปรับราคาเหมาะสมเป็น 7.50 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ไทยรัฐ - ปิดหุ้นมะกันบวก น้ำมันเพิ่ม89เซนต์
หุ้นสหรัฐฯปิดตลาดดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 10,060.06 จุด เพิ่มขึ้น 19.61 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 72.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 89 เซนต์..... สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังยอดขายอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐยังไม่กระเตื้องขึ้น โดยดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 10,060.06 จุด เพิ่มขึ้น 19.61 จุด หรือ 0.20% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,141.54 จุด เพิ่มขึ้น 17.78 จุด หรือ 0.84% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,055.33 จุด เพิ่มขึ้น 3.46 จุด หรือ 0.33% ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 72.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 73.48 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์สหรัฐ.

FSS: ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สนง.งบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐเผยแผนกระตุ้นศก.หนุนยอดจ้างงาน Q2/53 เพิ่มขึ้น 3.3 ล้านตำแหน่ง สำนักงานงบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐ (CBO) เผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐช่วยหนุนให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นสูงสุด 3.3 ล้านตำแหน่งในไตรมาสสองของปีนี้ โดย CBO มีหน้าที่เปิดเผยรายงานรายไตรมาสเกี่ยวกับผลกระทบด้านการจ้างงานและผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากที่มีการใช้กฏหมายฟื้นฟูที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ลงนามบังคับใช้ไปเมื่อเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังมีส่วนทำให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาสสองขยายตัวขึ้นในระดับ 1.7 - 4.5% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-08-2010)
สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นเกินคาด 4.1 ล้านบาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 20 ส.ค. พุ่งขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล หรือ 1.2% สู่ระดับ 358.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 800,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.27 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 225.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 200,00 บาร์เรล เพิ่มขึ้น 4.1 บาร์เรล สู่ 358.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.76 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 176ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.0 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 2.3% เหลือเพียง 87.7% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-08-2010)
จีน: ธนาคารกลางจีนอนุมัติแบงค์ออฟเซี่ยงไฮ้ทำธุรกิจนำเข้าทองคำจากต่างประเทศ หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชี่ยล นิวส์ รายงานว่า ธนาคารกลางจีนได้อนุญาตให้ แบงค์ ออฟ เซี่ยงไฮ้ สามารถทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าทองคำจากต่างประเทศ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ธนาคารกลางจีนอนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์สามารถทำธุกรรมนำเข้าทองคำได้ หลังจากที่อนุญาตให้ธนาคารขนาดใหญ่ของรัฐ 4 แห่ง ทำธุรกรรมดังกล่าวในปี 2546 ครั้ง เคลื่อนไหวของธนาคารกลางครั้งนี้เป็นการช่วยให้ธนาคารพาณิชย์ของจีนมีช่องทางหารายได้และส่วนแบ่งในตลาดทองคำเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การผลิตทองคำของจีนครึ่งแรกของปี 2553 มีปริมาณ 159.24 ตัน เพิ่มขึ้น 8.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-08-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดส่งออกเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 23.5% แต่อัตราการขยายตัวชะลอลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดการส่งออกของญี่ปุ่นขยายตัวขึ้น 23.5% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 5.9528 ล้านล้านเยน แต่อัตราการขยายตัวของการส่งออกชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งสร้างความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักอาจจะชะลอตัวต่อเนื่องหากเงินเยนยังคงแข็งค่าต่อไป รายงานของกระทรวงการคลังระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ยอดการส่งออกเดือนกรกฎาคมดีดตัวขึ้นมาจากความต้องการรถยนต์ในตลาดต่างประเทศ ในขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 15.7% ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน สู่ระดับ 5.1786 ล้านล้านเยน ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้า 8.042 แสนล้านเยนในเดือนกรกฎาคม หรือเพิ่มขึ้น 2.2 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการมียอดเกินดุลการค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-08-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code 142 : พักฐานต่อ

วันพุธที่ 25 สิงหาคม 2553

ATT Code : พักฐานต่อ
เช้านี้ SET เปิที่ 890.63 จุด ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวานเท่าไหร่ โดยมีการเก็งกำไรจากหุ้นที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง และตัวที่ได้รับผลประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเช่น SSI, TCJ เป็นต้น ส่วน PTTEP ที่ลงมาเยอะก็ได้รับผลกระทบจากข่าวที่รัฐบาลอินโดนีเซียเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่ามีแผนจะเรียกร้องค่าชดเชย US$2.23 พันล้าน (7หมื่นล้านบาท) กรณีทำน้ำมันรั่วลงสู่ทะเลติมอร์ ก็เลบกดดันทั้งกลุ่ม ปตท ให้ลงมาด้วย โดยช่างบ่าย SET ลงมายืนอยู่ในแดนลบ ลงไป Low ที่ 881 ก่อนที่จะ Rebound ขึ้นมานิดหน่อย มาปิดที่ 884.51 จุด -5.94 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มากเลยทีเดียวเกือบ 5 หมื่นล้านบาท (49,390 ล้านบาท) แต่ดูแล้ว SET ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่หลุดเส้น 5 วัน ที่ 887 ลงมา แต่ยังดีที่ยังไม่หลุดเส้น 10 วัน ที่ 881 จุด ก็เป็นไปได้ที่ยังอยู่ในช่วงพักฐานประกอบกับข่าวร้ายของ PTTEP ทำให้แนวโน้มในววันพรุ่งนี้ต้องดูแนวรับที่ 880 จุด แนวต้านที่ 888 จุด ครับ
--------------------------------------------------------------------------------------
ข่าวหุ้น : Breaking News
25/08 09:03 - 4 หุ้นเด็ด สัญญาณเทคนิคขาขึ้น
25/08 09:01 - หุ้นเด่น จานร้อน บล.ฟิลลิป
25/08 08:57 - ติดตาม!กำหนดการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้
25/08 07:51 - เงินเยนพุ่งสูงสุดรอบ 15 ปี
25/08 07:49 - Nikkei hits 16-month low on yen, economy jitters
25/08 07:44 - ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐเดือนก.ค.ดิ่ง 27.2% ต่ำสุดในรอบ 15 ปี
25/08 07:42 - ทองปิดบวกเฉียด5$จากตัวเลขยอดขายบ้านมือสองตกต่ำของU.S.
25/08 07:36 - Oil slumps a 5th day as economy fears persist
25/08 07:33 - ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนต.ค.ร่วง2%
25/08 07:29 - U.S. stock fall as housing data teeters

โบรกแนะเก็บ 12 หุ้นเด็ด
บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ผันผวนกรอบแคบความกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐยังคงกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ แม้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ/ตลาดหุ้นทางฝั่งเอเชียจะรุนแรงน้อยกว่า แต่น่าจะทำให้เกิดการเก็งกำไร

ระยะสั้นกันมากขึ้น โดยวานนี้ SETI ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 900 จุดได้ ขณะที่การซื้อขายสุทธิของนักลงทุนแต่ละประเภทดูแผ่วลง สะท้อนภาพความไม่มั่นใจในการพุ่งขึ้นของตลาด ในวันนี้ปัจจัยภายนอกดูเป็นแรงกดดันเชิงลบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันดิบ ขณะที่ปัจจัยภายในทรงตัวด้านบวก หลังบอร์ดสิ่งแวดล้อมมีมติ 11 กิจการรุนแรงฯ เป็นความหวังคลี่คลายปัญหามาบตาพุด ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคยังคงแนวโน้มระยะสั้นเป็นขาขึ้น โดยรวมจึงมอง SETI จะเริ่ม ผันผวนในกรอบแคบ

กลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นเน้น Selective trading เป็นหลัก อาทิ KBANK, MINT, AS,STEC
แนวต้าน : 900-906 แนวรับ: 886-882
การจัดพอร์ตระยะสั้น - หุ้น 50% : เงินสด 50%
หุ้นแนะนำ:
1. KBANK เก็งกำไร FV 118 บาท Top pick ในกลุ่มแบงก์
2. MINT เก็งกำไร FV 13.80 บาท ท่องเที่ยวฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด
3. AS เก็งกำไร FV’54=14 บาท แนวโน้มผลประกอบการดี
4. AH เก็งกำไร FV’54=16.30 บาท อุตสาหกรรมฯ ยานยนต์ขยายตัว
5. STEC เก็งกำไร เปิดข้อเสนอราคาสายสีน้ำเงิน

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้
ดัชนี SET50 ที่ปรับตัวลงตามแรงขายหุ้นหมวดพลังงานแม้ว่าจะส่งผลให้รูปแบบแท่งเทียนในกราฟรายวันจะเปลี่ยนเป็นสัญญาณขายได้ในช่วงสั้นๆ ขณะที่ยังไม่เกิดผลกระทบต่อแนวโน้มระยะกลางมากนัก โดยคาดว่าการเคลื่อนไหวของดัชนียังมีลักษณะแกว่งขึ้นสลับลงได้ในบริเวณกรอบแนวรับแนวต้านระหว่าง 600-620 จุด จนกว่าดัชนี SET50 หลุดต่ำกว่า 600 จุดและดัชนี SET ต่ำกว่า 880 จุดจะยืนยันการเปลี่ยนเป็นแนวโน้มลงทันที

ยังคงให้ระดับแนวต้านสำคัญเป็นจุดที่ขายทำกำไร เพราะถึงแม้ว่าดัชนีจะขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ แต่เนื่องจากแรงเหวี่ยงที่จุดสูงสุดมีลักษณะที่ลดความแข็งแกร่งลง จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดแรงขายหุ้นที่บริเวณแนวต้านโดย SET มีแนวต้านสำคัญที่ 910 จุด และ SET50 มีแนวต้านสำคัญที่ 620 จุด
-หมวดธนาคารยังคงมีความน่าสนใจในระยะสั้นดัชนีหมวดขึ้นทะลุ 350 จุด เป็นจังหวะเก็งกำไรได้ต่อเนื่องโดยที่ BBL ซึ่งคาดว่าจะขึ้นไปที่ระดับ 145 บาท TMB ซื้อเก็งกำไรได้ในกรอบ 2.20-2.30 บาท และ BAY ที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง มีโอกาสขึ้นไปที่ระดับ 21.50 บาท
-หมวดวัสดุก่อสร้าง SCC ยังคงมีแนวโน้มขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไป 278 บาท TTA ในหมวดขนส่งยังมีแรงซื้อโดดเด่นมีเป้าหมาย 28 บาท คาดว่าจะขึ้นตามแรงเหวี่ยงบวกของดัชนีค่าระวางเรือที่ขึ้นใกล้ถึงระดับ 3000 จุด เป้าหมาย 3200 จุด และซื้อ KSL ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นไปที่แนวต้านย่อย 12.40 และแนวต้านหลัก 13.40 บาทตามลำดับ BEC มีแนวโน้มขึ้นต่อเนื่องระยะสั้นระหว่าง 30.50-31.50 บาท

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-พักฐาน!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 24 ส.ค.53 ปิดที่ 890.45 จุด ลดลง 4.33 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 38,409.81 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 253.42 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นมีโอกาสพักฐาน เพราะนักลงทุนกลับมาไม่มั่นใจกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยปลายสัปดาห์นี้จะประกาศตัวเลขทบทวนจีดีพีไตรมาส 2 ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจย่ำแย่กว่าการคาดการณ์ในครั้งแรก

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้รอซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว โดยเน้นหุ้นพื้นฐานดี

และราคาต่ำกว่าการปรับขึ้นของตลาด ด้านเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 880 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 895 จุด

โฟกัสหุ้น PTTEP ปรับตัวลงแรง หลังมีข่าวรัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 780 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก PTTEP กรณีเหตุระเบิดที่แหล่งขุดเจาะมอนทารา

ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง เตือนให้เพิ่มความระมัดระวังการลงทุนใน PTTEP จากกรณีนี้ โดยความเสียหายทางตรงจากกรณีมอนทาราอยู่ที่ 500 ล้านรูเปีย และความเสียหายที่เรียกร้องเป็นตัวเลขสุดท้ายของรัฐบาลอินโดฯ จากการประเมินความเสียหายทางตรงและสิ่งแวดล้อม

ด้าน บล.ธนชาตชี้ หาก PTTEP ถูกปรับ 780 ล้านเหรียญฯ จะกระทบต่อมูลค่าหุ้น 5% ซึ่งไม่มากนัก และในเชิงพื้นฐานจึงยังคงแนะซื้อ ให้ราคาเหมาะสม 168 บาท

ส่วน บล.เกียรตินาคิน วิเคราะห์ประเด็นมาบตาพุด โดยเชื่อว่าจะไม่มีโครงการโรงแยกก๊าซฯแห่งที่ 6 และโครงการปิโตรเคมีขั้นปลาย กลับมาอยู่ในกิจการรุนแรง และหากปัญหาจบได้ในกรอบนี้ จะทำให้โรงแยกก๊าซฯแห่งที่ 6 ของ PTT เริ่มดำเนินการผลิต ทำให้กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจึงยังคงแนะซื้อลงทุน PTT และ PTTCH ด้วยมูลค่าที่เหมาะสม 318 บาท และ 128 บาท ตามลำดับ

ปิดท้าย "จรัมพร โชติกเสถียร" ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เผยวันที่ 26 ส.ค.นี้ จะไปบินโรดโชว์สิงคโปร์ร่วมกับกระทรวงการคลังและบริษัทจดทะเบียนอีก 9 แห่ง หวังดึงความเชื่อมั่นต่างชาติคืนกลับมา และมีแผนเตรียมไปโรดโชว์ที่สหรัฐฯ ก.ย.นี้ และช่วงปลายปีจะไปญี่ปุ่น

ซึ่ง 9 บจ.หัวหอก นำโดย BBL, TISCO, PTT, PTTEP, TOP, ADVANC, CPALL, TUF และ MINT.

FSS:
จังหวะซื้อจริงจังยังน่ารอตอนตลาดแกว่งตัวลงต่อ เป้าหมาย 880 หรือต่ำกว่า..
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นทั่วโลกยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาอ่อนแอกว่าคาดของ
สหรัฐต่อเนื่อง ขณะที่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่เฟด 7 ใน 17 รายซึ่งไม่ได้มีส่วนในการลงมติครั้งที่
แล้ว แสดงความไม่มั่นใจต่อมาตรการที่ธนาคารกลางสหรัฐเตรียมที่จะย้ายเงินในพอร์ตลงทุนที่
ครบกำหนดไถ่ถอนไปซื้อพันธบัตรเพิ่ม ซึ่งเป็นมติของเฟดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้ง
แสดงความกังวลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่คณะกรรมการกำหนดนโยบาย
การเงินของธนาคารกลางอังกฤษ ออกมาเตือนว่าอังกฤษอาจเผชิญความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยอีก
ครั้ง ทำให้นักลงทุนเริ่มเลี่ยงที่จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงใน
เช้าวันนี้ โดยส่วนใหญ่ยังรอติดตามดูตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงท้ายสัปดาห์นี้ด้วย สำหรับ
ตลาดหุ้นไทย แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค แต่ช่วงนี้ก็ต้อง
เริ่มระมัดระวังแรงขายด้วยเช่นกัน หลังข่าวการจัดประเภทโครงการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ผ่านพ้นไปแล้ว แต่เอกชนก็ต้องใช้เวลาในการยื่นขอปลดล็อกจากศาลฯ รวมทั้งต้องมีการจัดทำ
HIA และ EIA ให้กับโครงการต่างๆ ด้วยซึ่งคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ขณะที่ PTTEP มีข่าวลบจาก
การเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมจากอินโดนีเซีย ซึ่งแม้ว่ายังไม่มีข้อสรุปแต่ก็ทำให้
Sentiment ในหุ้นกลุ่ม PTT เสียไป ดังนั้น FSS จึงคาดว่า SET จะยังอยู่ในช่วงแกว่งพักฐาน
ต่อเนื่อง โดยยังคาดหมายโอกาสไหลลงไปแกว่งตัวแถว 880 จุดหรือต่ำกว่าได้ จึงยังแนะนำให้รอ
หาจังหวะเลือกหุ้นเข้าทยอยซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลงต่อ
กลยุทธ์: แนะนำให้รอทยอยเข้ารับตอนราคาปรับตัวลง โดยยังเน้นหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคา
ตามปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ได้แก่ KBANK, SCB, BAY, TCAP, KCE, HANA, DELTA, QH, SIRI,
SPALI , LPN, DCC, ROJNA และ GFPT เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) รมว.คลังและตลาดฯ นำ 9 บจ.และ กทช.ไปโรดโชว์สิงคโปร์ มี BBL,
TISCO, PTT, PTTEP, TOP, ADVANC, CPALL, TUF, MINT วันที่ 27 ส.ค. นี้
(+) คาด กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เพื่อดูแลเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น เป็นบวกกับกลุ่ม
แบงก์ (แนะนำ SCB เพราะราคาหุ้น laggard ที่สุดสวนทางผลประกอบการ 2H10 ที่จะดี
ขึ้นมาก) กลุ่มที่มีสภาพคล่องสูงเช่นกลุ่มบันเทิง (BEC, MCOT) ค้าปลีก (CPALL,
HMPRO, BIGC, MAKRO, GLOBAL)
(+) CK เสนอราคาต่ำสุด 5,029 ล้านบาทสำหรับสัญญาที่ 5 ของรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน
การที่ CK ได้สัญญาดังกล่าวช่วยลดผลกระทบจากสัญญาที่ 1 ของสายสีน้ำเงินที่
ปรากฏว่า ITD ได้ไป ไม่ใช่ CK ทำให้ปัจจุบันมี Backlog ~2.6 หมื่นล้านบาท (ยังไม่
รวมโครงการที่เป็น Potential) นอกจากนี้ กลุ่มรับเหมายังมีโอกาสเก็งกำไรได้อีกจาก
ข่าวที่ ครม.อนุมัติ 6.2 หมื่นล้านบาทพัฒนาสุวรรณภูมิ เก็งกำไรได้ทั้ง STEC, ITD, CK
(-) PTTEP ถูกรัฐบาลอินโดนีเซียฟ้องเพิ่มเป็น US$780 ล้าน หากต้องจ่ายจริง
US$780 ล้าน และสามารถเครดิตภาษีได้ 58% จะคิดเป็นค่าปรับสุทธิ 10,483 ล้าน
บาท หรือ 7.50 บาท/หุ้น ราคาเป้าหมายปีหน้าจากเดิม 195 บาทจะลดลงเหลือ 135
บาท (ช่วงที่มีข่าวไฟไหม้มอนทาราครั้งแรก ราคาลงไปต่ำสุด 130 บาท) แม้เชื่อว่า
โอกาสเกิดมีน้อยแต่ระยะสั้นราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวลง กรณีแย่สุด (ถ้าไม่ฟ้องเพิ่ม)
คืออีก 5% เพราะความเสี่ยงมอนทารายังไม่จบและยังไม่ได้มีการบันทึกความเสียหาย
แนะนำเป็นทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว
XD วันนี้ CCET (0.07), MK (0.10), SAMTEL (0.10), TTCL (0.15)
XD พรุ่งนี้ AH (0.26), AS (0.43), BH (0.40), BKKCP (0.185), CPNRF (0.2435),
DSGT (0.17), ECL (0.02), FORTH (0.12), FUTUREPF (0.272)
Foreign Fund Flow ชะลอตามคาด แม้จะมีซื้อสุทธิโดยส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาดหุ้น
ไต้หวันที่ต่างชาติขายสุทธิมากสุด เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่รอดูตัวเลขเศรษฐกิจ
สหรัฐที่จะบ่งบอกถึงทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกในอนาคต แนวโน้ม
กระแสเงินทุนจากต่างชาติวันนี้น่าจะยังชะลอตัวต่อเนื่อง เพราะการประกาศตัวเลขล่าสุด
เกี่ยวกับบ้านในสหรัฐชะลอตัวและบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และหากตัวเลข
เศรษฐกิจอื่นที่กำลังทยอยประกาศรวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐยังแย่อยู่ก็
จะเป็นปัจจัยกดดันตลาดในช่วงนี้ต่อไป ดังนั้นระยะสั้นนี้เม็ดเงินจะเข้าลงทุนในสินทรัพย์
ที่ไม่เสี่ยงมากขึ้น แต่ในด้าน Fund Flow เรากลับมองว่าจะมี Fund Flow ของจีนที่ขาย
พันธบัตรสหรัฐเพราะราคาพันธบัตรสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่เดือน ม.ค 2009
ไหลเข้าลงทุนในเอเชีย


ข่าวภายในประเทศ
SF กำไรปี'55 โตก้าวกระโดด เล็งเปิดศูนย์การค้าใหญ่ “เมกะบางนา” มูลค่าหมื่นล. “SF” พุ่งปรี๊ดเกือบ 8% เก็งกำไรอนาคตสดใส เตรียม
เปิดศูนย์การค้าขนาดใหญ่ “เมกะ บางนา” มูลค่าหมื่นล้านบาท เจาะตลาดย่านบางนา-ตราด กม.8 พื้นที่เช่า 180,000 ตารางเมตร ดันรายได้-กำไรปี
55 โตก้าวกระโดด (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-08-2010)
DRT ครึ่งปีหลังหดรับดีมานด์ซบเซาเพิ่มตลาดส่งออก DRT เผยรายได้ครึ่งหลังชะลอตัวจากครึ่งแรก หลังดีมานด์ในประเทศซบเซา แม้หันไป
ส่งออกต่างประเทศชดเชยแต่ไม่เพียงพอ ลั่นปี 55 โครงการลงทุน NT 10 เพิ่มกำลังผลิตเป็น 6 แสนตันต่อปี จากปัจจุบัน 5.5 แสนตันต่อปีมีแผน
เพิ่มกำลังการผลิตใหม่สรุปปีหน้า (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-08-2010)
CPN มั่นใจรายได้ครึ่งหลังแจ่ม!เซ็นทรัลเวิลด์เปิดบริการบางส่วน “เซ็นทรัลพัฒนา” โปรยข่าวดีรายได้ครึ่งหลังดีกว่าครึ่งแรก เหตุเซ็นทรัล
เวิลด์กลับมาเปิดให้บริการได้บางส่วนเดือนก.ย.นี้ พร้อมทุ่มงบลงทุน 5 ปี มูลค่า 4.24 หมื่นล้านบาท พัฒนาโครงการใหม่ ล่าสุดเซ็น MOU ร่วมทุน
พันธมิตรในจีน ผุดศูนย์การค้าแห่งใหม่ แนวโน้มเริ่มรับรู้รายได้ไม่เกิน 10% ของรายได้รวมภายในปี'56 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-08-2010)
แสนสิริลุยซื้อคืนทรัพย์สิน SIRIPF ยันเงินพร้อมไม่กระทบงบการเงิน “แสนสิริ” ลั่นซื้อทรัพย์สินคืนจาก SIRIPF มูลค่า 850 ล้านบาท ไม่
กระทบงบการเงิน ยันเตรียมเงินไว้พร้อมแล้ว ส่วนโบรกฯคาดส่งผลดีเชิงบวก นำทรัพย์สินกลับมาหมุนเวียนปล่อยเช่า-ขายต่อสร้างรายได้ ขณะที่
ครึ่งปีหลังแจ่มกำไรพุ่ง 1,080 ล้านบาท สูงกว่าครึ่งปีแรกที่ทำได้ 577 ล้านบาท แนะซื้อเป้า 9 บาท ราคาถูก พีอีต่ำ จ่ายดิวิเดนด์ยีลด์สูง 9% (ที่มา:
นสพ.ข่าวหุ้น 25-08-2010)
HMPRO กระหึ่มแคมเปญฉลอง 14 ปี ขยายครบ 40 สาขา ดันยอดขายกระฉูด 15% HMPRO ปีนี้มั่นใจยอดขายโต 15% จากการเติบโต
ของสาขาเดิม และสาขาใหม่ วันที่ 18 ก.ย.เปิดสาขาลำลูกกา เชื่อเป็นไปตามเป้า 40 สาขา ล่าสุดทุ่มงบ 50 ล้านบาท จัดงานฉลองครบ 14 ปี ตั้ง
เป้ากวาดยอดขาย 1,900 ล้านบาท ขณะที่ช่วงปลายปีเตรียมออก แคมเปญ “14 ปี 40 สาขา” ตั้งเป้ายอดขายไว้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท (ที่มา:
นสพ.ข่าวหุ้น 25-08-2010)
“ช.การช่าง”คว้าสายสีน้ำเงินสัญญา 5 ชดเชยสัญญา 1 โดน ITD ซิว รฟท.เซ็นพร้อมกันต.ค.นี้ CK ต่างตอบแทนสีน้ำเงินสัญญา 1 วานนี้
เสนอราคาสัญญา 5 ต่ำสุดที่ 5.02 พันล้านบาท ประธานกรรมการประกวดราคาเผย ขอเวลาตรวจสอบผลเสนอราคาอีกครั้งก่อนเริ่มเจรจา คาดใช้
เวลา 2 สัปดาห์มีความชัดเจน ส่วนการต่อรองสัญญา 2-4 ยุติแล้ว เตรียมเสนอบอร์ดพิจารณา 31 ส.ค.นี้ เชื่อเดือนต.ค.53 ได้ลงนามพร้อมกัน 5 ทั้ง
สัญญา (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-08-2010

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.ดิ่งหนักสุดในรอบ 15 ปี สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ
(NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.ร่วงลงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 27.2% จากเดือนมิ.ย. มาอยู่ที่ระดับ 3.83 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่ง
เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2548 หรือในรอบ 15 ปี และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 12% เพราะได้รับผลกระทบจาก
ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่วนราคากลางของบ้านมือสองอยู่ที่ระดับ1 82,600 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.7% จากปีที่แล้ว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-08-
2010)
จีน: จีนเผยมูลค่าผลผลิตรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์พุ่ง 49% ในครึ่งปีแรก กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโยสารสนเทศจีนเปิดเผย
ว่า มูลค่าผลผลิตรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนพุ่ง 49% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 2.086 ล้านล้านหยวน (3.08 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ขณะเดียวกันมูลค่าการส่งออกและนำเข้ารวมก็ทะยาน 84% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 5.066 หมื่นล้านดอลลาร์ (ที่มา: อิน
โฟเควสท์ 24-08-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้เผยการกู้ยืมต่างประเทศระยะยาวของธนาคารพาณิชย์พุ่งสูงขึ้นในเดือนก.ค. การกู้ยืมจากต่างประเทศในระยะยาวของ
ธนาคารพาณิชย์ในเกาหลีใต้ประจำเดือนก.ค.ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ท่ามกลางปัจจัยหนุนในตลาดสินเชื่อทั่วโลกที่ฟื้นตัวขึ้น
สำนักงานตรวจสอบด้านการเงินของเกาหลีใต้ (FSS) เปิดเผยว่า ยอดเงินกู้ต่างประเทศของธนาคารพาณิชย์ 12 แห่งในเกาหลีใต้มีจำนวนรวมอยู่ที่
4.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 47.7% จากเดือนก่อนหน้านี้ โดยเงินกู้ดังกล่าวมาจากการขายตราสารหนี้ในสัดส่วน 3.26 หมื่นล้าน
ดอลลาร์สหรัฐของวงเงินกู้ทั้งหมด และที่เหลือมาจากการออกเงินกู้ระหว่างธนาคาร โดยวูริ แบงก์ มียอดเงินกู้สูงสุดที่ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่โคเรีย เอ็กเชนจ์ แบงก์ (KEB) และเอ็นเอช แบงก์ มียอดขายตราสารหนี้แห่งละ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-08-2010)
เอเชีย: สนง.สถิติแห่งชาติเวียดนามคาดดัชนี CPI เดือนส.ค. พุ่งขึ้น 8.18% สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม คาดการณ์ว่า ดัชนีราคา
ผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ จะขยายตัว 8.61% ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ และคาดว่าดัชนีซีพีไอเฉพาะในเดือนส.ค. จะ
เพิ่มขึ้น 8.18% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเพิ่มขึ้น 0.23% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติคาดว่า เวียดนามอาจจะเผชิญ
กับราคาสินค้าและการบริการประเภทต่างๆปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าราคาด้านการขนส่งจะพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 15.94% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ราคาที่
อยู่อาศัยและวัสดุก่อสร้างจะพุ่งขึ้น 14.97% ส่วนราคาอาหารจะเพิ่มขึ้น 9.39% เมื่อเทียบเป็นรายปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-08-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code 141 : ขอพักหน่อย แล้วค่อยไป 900

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม 2553

ATT Code : ขอพักหน่อย แล้วค่อยไป 900
เมื่อวานนี้หุ้นไทยดึงไม่ผ่านแนวต้าน 900 จุด ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 894.78 จุด เพิ่มขึ้น 0.86 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 35,161.02 ล้านบาท ... โดยมีแรงกันดันจากการยื้อต่อมาบตาพุดกดหุ้นพลังงานรูดกราวโรงแยกก๊าซฯ 6 ผ่านฉลุย ปตท.ยื่นขอเปิดดำเนินงานทันที โดยมีการเลื่อนประกาศปลดล็อก 14 ประเภทกิจการรุนแรงอีก 1-2 วัน กดหุ้นกลุ่ม PTT ร่วงยกแผง

เช้านี้ SET เปิดที่ 896.17 จุด +2.25 จุด แล้วก้ขึ้นไป High ที่ 898.20 จุด ก่อนที่จะมีแรงขายกลุ่มพลังงานออกมาอย่างต่อเนี่อง ทำให้ SET ลงไปลบ 8 จุด ที่ 885.97 จุด ซึ่งหลุดแนวรับ 5 วัน ที่ 888 จุด เมื่อ SET ลงไปมากและเร็วเกินไป ก็ทำให้มีแรงซื้อกลับขึ้นมาพ้นเส้น 5 วัน แล้วมาปิดภาคเช้าที่ 892.61 จุด -2.17 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 20,046 ล้านบาท

MARKET WAVE Analysis โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338
ปรับตัวขึ้น 898 -900
แล้วแกว่งตัวในกรอบ 885 - 900 อีกประมาณสัปดาห์ ตราบใดไม่ต่ำกว่า 874 .... ถือว่ารอขึ้น 930 - 935 หนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า

ช่วงบ่าย SET เปิดมา ก็ยังไหลลงต่อที่ 888 แล้วก็เด้งขึ้นมาปิดที่ 890.45 จุด -4.33 จุด หรือ -0.48% มูลค่าการซื้อขาย 38,000 ล้านบาท

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ลาคนเก่า...รอคนใหม่!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 23 ส.ค.53 ปิดที่ 894.78 จุด บวก 0.86 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 35,161 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 198.95 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด นำโดย PTT ปิดที่ 264 บาท ลบ 2 บาท, JAS ปิด 1.55 บาท บวก 0.09 บาท, SCC ปิด 272 บาท บวก 4 บาท, SAMART ปิด 9.65 บาท บวก 0.30 บาท และ TMB ปิด 2.22 บาท บวก 0.06 บาท

หุ้น TTA ทำนิวไฮในรอบกว่า 5 เดือน หลังดัชนีค่าระวางเรือเมื่อวันศุกร์ ปรับขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยดัชนีค่าระวางเรือพุ่งขึ้น 112 จุด หรือ 4.24% สู่ระดับ 2,756 จุด

ขณะที่ บล.เคจีไอ แนะ "ซื้อ" เก็งกำไร หุ้น TTA ส่วน บล.บัวหลวง แนะทางเทคนิค "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 25.5-27 บาท โดยมองว่า ราคาหุ้นสร้างฐานลักษณะ sideway up ขณะที่สัญญาณซื้อจะปรากฏหากราคาหุ้นทะลุกรอบสามเหลี่ยมด้านบนที่ 25.5 ขึ้นไป และคาดว่าวอลุ่มจะสูงขึ้นตาม

ส่วน TUF ทำนิวไฮเช่นกัน โดยบทวิเคราะห์ บล.ธนชาติ ระบุว่า TUF เป็นหุ้นส่งออกที่น่าสนใจจากการเข้าซื้อกิจการ MW Brand ทำให้ TUF ได้รับความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นจากความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้น กลายเป็นผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่สุดของโลก ซึ่งการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวช่วยเพิ่มมูลค่าให้ TUF และมีสินทรัพย์ขนาดใหญ่ มีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น แม้ราคาหุ้นทำนิวไฮแต่ยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 62 บาท โดยแนะ "ซื้อ"

ในที่สุด บอร์ดตลาดหลักทรัพย์ก็มีมติรับ "ภากร ปีตธวัชชัย" อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ และนายบดินทร์ อูนากูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ เข้าเป็นรองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ แทนนางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย อดีตรองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ที่ไปเป็นใหญ่เป็น เลขาธิการ กบข.

และแทนนายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ที่ยื่นใบลาออก และจะมีผลในวันที่ 31 ส.ค.นี้ โดยนายวิเชฐบอกจะไปช่วย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ไปทำงานด้านการศึกษา

ว่ากันว่า จะไปทำหลักสูตรการอบรมพัฒนาให้ผู้ประกอบการ ร่วมกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ

ก็ขอโบกมือลาคนเก่าขอให้โชคดี และยินดีต้อนรับผู้บริหารคนใหม่!!

FSS: ยังเลือกเทรดดิ้งเป็นรายตัว ส่วนจังหวะเข้าซื้อจริงจังยังน่ารอรับตอนอ่อนตัว..
แนวโน้ม: แรงกดดันจากความกังวลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงกดดันความมั่นใจต่อ สินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนอยู่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐย้อนกลับมาปิดเป็นลบไปเมื่อคืนนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ ก็ยังคงปรับตัวลดลงต่อ แม้ว่าจะไม่มากนัก แต่ก็เป็น Sentiment ที่ไม่ดีนักต่อตลาดหุ้นไทย ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวผันผวน ต่อเนื่อง และยังมีสิทธิที่จะปรับพักตัวลงไปแถว 880 จุด(+/-) ได้อยู่ โดยคาดว่าแรงซื้อที่จะมีเข้ามาบ้างในช่วงนี้คงจะเป็นการเลือกซื้อเป็นรายหลักทรัพย์มากกว่า โดยเฉพาะในหุ้นที่มีข่าวบวกสนับสนุน เช่น หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จะได้รับข่าวบวกจากการเปิดซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สัญญาที่ 5 ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท ขณะที่มีผู้ยื่นเสนอ 4 ราย ได้แก่ ITD, STEC, CK และบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์อีก 1 ราย อย่างไรก็ตาม สำหรับหุ้นกลุ่มนี้ต้องระวังแรงขายทำกำไรหลังการประกาศข่าวด้วย นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มของ ปตท. ยังได้รับข่าวหนุนจากความคืบหน้าเรื่องการประกาศประเภทกิจการที่มีผลกระทบรุนแรง ซึ่งนายกฯ แจ้งว่าจะสามารถประกาศใช้อย่างเป็นทางการได้ใน 1-2 วันนี้ ซึ่งหลังจากนั้นโครงการที่เคยถูกระงับถ้าไม่อยู่ในประเภทกิจการรุนแรงตามประกาศ ก็จะสามารถยื่นขอปลดล็อกต่อศาลปกครองได้ (รายละเอียดติดตามในรายงานวันนี้) ส่วนหุ้นที่ราคาขยับขึ้นมามากแล้วก็ต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรตามภาวะตลาดโดยรวมกดดันให้มีการปรับพัก ตัวลงได้
กลยุทธ์: เลือกเทรดดิ้งเป็นรายตัวในหุ้นที่มีข่าวดีรองรับ แต่ต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนด้วย และไม่ควรไล่ซื้อหุ้นที่ราคาขยับขึ้นมาสูงมากแล้ว โดยแนะนำให้รอทยอยเข้ารับตอนอ่อนตัวดีกว่าสำหรับหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐาน และยังน่าสนใจ ได้แก่ KCE, HANA, DELTA, SCB, TCAP, KBANK, BBL, SEAFCO, DCC, QH, LPN, SPALI, BANPU, ROJNA, MAJOR และ TVO เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) GDP 2Q10 ของไทยดีกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 9.1%Y-Y (Consensus คาด +8%Y-Y) และ +0.2%Q-Q (ครึ่งปีแรกโต 10.5%Y-Y) การบริโภคภาคครัวเรือนมีสัดส่วนต่อการเติบโต มากที่สุดคือ 3.6% ส่วนการลงทุนขยายตัวสูงสุดและเป็นมูลค่าสูงสุดนับจากปี 1996 สศช. ปรับเป้า GDP ปีนี้ขึ้นเป็น 7-7.5% จากเดิม 3.5-4.5% ปีหน้าคาด 4-5% เหมือนเดิม จับตาวันพุธนี้ ตลาดคาด กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25%
(+) มาบตาพุด นายกฯ คาดภายใน 1-2 วันนี้ จะสามารถประกาศประเภทกิจการที่ก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนได้ เราเชื่อว่าโครงการที่ถูกระงับชั่วคราวประมาณ 50 โครงการที่ไม่ได้อยู่ในประเภทโครงการที่รุนแรงก็จะทยอยยื่นขอปลดล๊อกต่อศาลปกครองกลาง คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 เดือนจึงจะเริ่มดำเนินการได้ แนะนำ PTT (เป้า 325 บาท) PTTCH (เป้า 135 บาท) SCC (เป้า 330 บาท) GLOW (เป้า 52 บาท)
(+) รับเหมา รฟม. เปิดข้อเสนอราคาสายสีน้ำเงินงานระบบสัญญา 5 วันนี้ เหลือเข้ารอบ สุดท้าย 3 ราย ITD, CK, STEC สัญญาที่ 5 เป็นระบบราง วงเงิน 5.1 พันล้านบาท ส่วนสัญญา 2-4 เดินหน้าเจรจาแล้ว แต่สัญญา 1 รอคุยบอร์ดก่อน
(+) กลุ่มนิคมน่าสนใจ เราคาดกำไรปกติทั้งกลุ่มนิคมฯ ปี 2010 จะเพิ่มขึ้น 49.8% AMATA มีกำไรโตสูงสุด รองมาเป็น HEMRAJ และ ROJNA แต่ราคาหุ้น AMATA เต็มมูลค่าของเราที่ 12 บาทแล้ว แนะนำขายและเปลี่ยนเป็น ROJNA (เป้า 12.60 บาท) ที่พื้นฐานดี PE ถูกเพียง 10.8 เท่า PBV 1.2 เท่า ถูกสุดในกลุ่ม ส่วน HEMRAJ หากราคาปรับฐานลงมาบริเวณ 1.73 – 1.75 บาท จึงจะน่าสนใจเข้าไปลงทุนอีกครั้ง
XD วันนี้ AJ (0.15), BEC (0.65), BJC (0.25), CTARAF (0.1284), GOLDPF (0.306), GRAMMY (0.40), KCAR (0.36), KEST (0.25), LH (0.16), MJLF (0.225) XD พรุ่งนี้ CCET (0.07), MK (0.10), SAMTEL (0.10), TTCL (0.15)
Regional Fund Flow ไหลเข้าเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน แต่ปริมาณยังเบาบาง ทั้งนี้เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่รอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐของเดือนก.ค ที่ทยอยประกาศภายในอาทิตย์นี้ ซึ่งส่วนใหญ่นักวิเคราะห์มองว่าจะชะลอตัว ในขณะเดียวกันเศรษฐกิจยุโรปก็ยังไม่ฟื้นตัว โดยเราสังเกตจากค่าเงินยูโรเทียบกับดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าต่อเนื่องทำให้ส่งผลลบต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย แต่หากมองฝั่งเอเชียถือว่าการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีมากหรือมากกว่าคาด ดังนั้นในช่วงนี้ค่าเงินที่ยังแข็งแกร่งต่อเนื่องทำให้มองว่ากระแสเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าเอเชียต่อเนื่อง นอกจากนี้แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นจะยิ่งเป็นปัจจัยดึงดูดเม็ดเงินให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตลาดพันธบัตรสู่ตลาดทุนด้วย ดังนั้นช่วงการปรับฐานของตลาดหุ้นจะเป็นจังหวะการเข้าซื้อหุ้นเก็งกำไรได้ดีและมีกำไรก็ขายไม่ต้องโลภ

ข่าวภายในประเทศ
มาร์คยื้อต่อมาบตาพุดกดหุ้นพลังงานรูดกราวโรงแยกก๊าซฯ 6 ผ่านฉลุย ปตท.ยื่นขอเปิดดำเนินงานทันที “มาร์ค” เลื่อนประกาศปลดล็อก 14 ประเภทกิจการรุนแรงอีก 1-2 วัน กดหุ้นกลุ่ม PTT ร่วงยกแผง “วรรณรัตน์” ชี้โรงแยกก๊าซฯ 6 ลอยลำ ลดภาระนำเข้าแอลพีจีเหลือ 4-5 หมื่นตัน ต่อเดือน จากเดิมเดือนละ 1.5 แสนตัน วงเงินชดเชยเหลือแค่ 400-500 ล้านบาท จากเดิม 1,400 ล้านบาทต่อเดือน “ประเสริฐ”เตรียมยื่นหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเพื่อขอเดินหน้าโครงการ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-08-2010)
JAS หมูไม่กลัวน้ำร้อน! พฤหัสนี้ห้ามเกิน 1.45 บ. JAS พุ่งแรง ไม่กลัวแคช บาลานซ์ หุ้นวิ่งเกิน P/E 50 เท่า แถมวอลุ่มยังกระฉูดวานนี้ (23
ส.ค.) เกือบพันล้านบาท งานนี้ราคาหุ้นวิ่งได้อิสระ แต่สุดท้ายวันที่ 26 ส.ค.ราคาหุ้นต้องไม่เกิน 1.45 บาท หากไม่ต้องการให้ติดแคช บาลานซ์ งานนี้หุ้นTRUE ไม่สนแคช บาลานซ์ หุ้นพุ่งตอนเช้า ก่อนปิดลบไป 0.05 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-08-2010)
AH มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้าหมื่นล้าน ออเดอร์ยานยนต์กระฉูด เชื่อปีหน้าโตอีก20% AH มั่นใจรายได้ปี 53 เข้าเป้า 1 หมื่นล้านบาท หลังอุตสาหกรรมยานยนต์โต-ออเดอร์เข้าต่อเนื่อง ส่วนกำไรปีนี้โตมากกว่า 30% ทุ่มงบลงทุน 200-300 ล้านบาท สร้างโรงงานจีนคาดแล้วเสร็จสิ้นปีหน้ารายได้เติบโต 15-20% ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัว ได้รับคำสั่งซื้อใหม่สำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ที่ต่อเนื่องจากต้นปีนี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-08-2010)
STAR รับก้อนโตออเดอร์ไหลเข้าลูกค้าใหม่ยูเออี STAR จ่อรับทรัพย์ก้อนโตไตรมาส 4 ออเดอร์ตะวันออกลางไหลเข้าดันผลประกอบการครึ่งหลังแจ่ม พร้อมเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ 7-8 รุ่น เจาะลูกค้าระดับกลาง–บน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ย้ำเป้าทั้งปีรายได้โต 10-15% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-08-2010)
MODERN แจ่ม! ลุ้นปันผล 1.50 บ. แบ็กล็อกพันล้าน MODERN ครึ่งปีแรกกำไรสุทธิพุ่ง50% โบรกฯแนะซื้อ เพื่อรับปันผลปกติที่คาดว่าจะ
มากกว่า 1.50 บาทต่อหุ้น และปันผลพิเศษ ให้ราคาเป้าหมาย 51 บาท ส่วนยอดขายปี 53 น่าจะเติบโต 21% เป็น 2,700 ล้านบาท เชื่อครึ่งปีหลังกำไรเพิ่มจากแบ็กล็อกที่รอส่งมอบ 1,000 ล้านบาท มองทั้งปีจ่ายปันผล 4.51 บาทต่อหุ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-08-2010)
TUF เล่นข่าว MWB ดันราคานิวไฮ! เป้าหมาย 62.50 บาท รับผู้ผลิตทูน่าเบอร์หนึ่งโลก TUF นิวไฮราคาพุ่ง 8.77% แตะ 62 บาท หลังได้
MW Brands ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารทะเลกระป๋องครบวงจรในยุโรป ดัน TUF เป็นรายใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ความสามารถในการผลิตและการแข่งขันในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าในยุโรป โบรกฯแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 62.50 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ : หุ้นสหรัฐฯปิดลบ ฉุดน้ำมันร่วงต่อเนื่อง
ปิดการซื้อขายหุ้นสหรัฐฯดาวโจนส์ ปิดที่ 10,174.41 จุด ลดลง 39.21 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลงอีก 72 เซนต์ ไปปิดที่ 73.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล......

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯวันที่ 23 ส.ค. ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดการซื้อขาย แม้มีข่าวว่า ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (เอชพี) และ เดลล์ 2 ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ กำลังแย่งกันเสนอซื้อกิจการของบริษัทผู้ให้บริการเก็บข้อมูลอย่าง 3 พาร์ อิงก์

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลงอีก 72 เซนต์ ไปปิดที่ 73.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 10,174.41 จุด ลดลง 39.21 จุด ดัชนีหุ้นแนสแดค ปิดที่ 2,159.63 จุด ลดลง 20.13 จุด และ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,067.36 จุด ลดลง 4.33 จุด.

FSS :ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นในเดือนก.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจประจำเดือนก.ค.ฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 0 จุด จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ -0.70 จุด ข้อมูลของเฟดระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐรวมถึงผลผลิตในโรงงาน เหมืองแร่ และผลผลิตด้านสาธารณูปโภค ขยายตัวขึ้น 1.0% ในเดือนก.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตยังคงเป็นปัจจัยหลักในการหนุนเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวขึ้น โดยปัจจัยที่ทำให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวในเดือนก.ค.มาจากผลผลิตในโรงงานที่พุ่ง ขึ้นแข็งแกร่งถึง 1.1% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-08-2010)
จีน: จีนเผยมูลค่าสินทรัพย์ภาคธุรกิจประกันภัยเดือนก.ค.มีมูลค่ารวม $6.72 แสนล้าน คณะกรรมการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของจีน (CIRC) เผยสินทรัพย์ในภาคธุรกิจประกันภัยของจีนมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 4.57 ล้านล้านหยวน (6.72 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงสิ้นเดือนก.ค.2553 โดยรายได้จากการขายกรมธรรม์ประกันภัยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้มียอดรวมอยู่ที่ 9.039 แสนล้านหยวน ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวมาจากภาคธุรกิจ ประกันภัยส่วนบุคคลที่ 6.701 แสนล้านหยวน และจากธุรกิจประกันอสังหาริมทรัพย์ 2.337 แสนล้านหยวน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-08-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้ประกาศแผนปฏิรูปภาษีฉบับใหม่ มุ่งกระตุ้นรายได้-หนุนการจ้างงาน เกาหลีใต้เตรียมเดินหน้าแผนปฏิรูปภาษีประจำปี 2553 ซึ่งรวมถึงการริเริ่มโครงการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลเพื่อกระตุ้นการสร้างงานใหม่ๆ มากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะยกเลิกเครดิตภาษีการลงทุนชั่วคราวเพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐบาลกระทรวงยุทธศาสตร์และการคลังของเกาหลีใต้เปิดเผยแผนปฏิรูปภาษีประจำปี 2553 ซึ่งระบุถึงสาระสำคัญในการทบทวนระบบภาษีนิติบุคคลที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ภายใต้แผนปฏิรูปครั้งนี้ รัฐบาลจะระงับการใช้นโยบายให้เครดิตภาษีการลงทุนแบบชั่วคราวแก่บริษัทที่ไม่มีการจ้างพนักงานใหม่ แต่จะกำหนดมาตรการลดภาษีระยะ 2 ปีเพื่อสนับสนุนบริษัทที่จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแผนการของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-08-2010)
เอเชีย: สนง.สถิติแห่งชาติมาเลเซียเผยอัตราว่างงานในประเทศพุ่งแตะ 3.7% เดือนมิ.ย. สำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซียเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 3.7% เนื่องจากจำนวนคนว่างงานปรับตัวสูงขึ้น และหากเทียบกับปีที่แล้ว อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 3.2% ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซียระบุว่า จำนวนคนว่างงานภายในประเทศเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 426,600 คน จากปีที่แล้วที่ระดับ 370,000 คน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-08-2010

----------------------------------------------------------------------------------

Code 140 : SET ถึงดวงดาวแล้ว แตะที่ 900 จุด

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม 2553

ATT Code : SET ถึงดวงดาวแล้ว แตะที่ 900 จุด
SET เช้านี้เปิดที่ 899.33 จุด บวกไป 5.41จุด และก็ไปแตะ 900 จุดจนได้ตอน 11.30 น. ชนแนวต้านที่ BB Top พอดี เป็นอะไรที่ลุ้นกันอยู่นานพอควร แต่ก็ต้องดูกันต่อว่าจะสามารถปิดเหนือ 900 ได้อยู่หรือไม่ โดยปิดภาคเช้าที่ 899.99 จุด +6.07 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 16,581 ล้านบาท

เปิดช่วงบ่ายก็ยังมีแรงขายตัวใหญ่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง กดดันให้ SET ลงไปลบ 2 จุด ที่ 891.85 จุด ก่อนที่จะ Rebound มาบวกนิดหน่อย 0.86 จุด ปิดที่ 894.78 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35,161 ล้านบาท ทำให้ SET ทำได้แค่เห็นดวงดาวที่ 900 จุด แต่ยังไม่สามารถไหว่คว้าให้ยืนเหนือ 900 จุดได้ ดังนั้นพรุ่งนี้ยังคงต้องติดตามกันต่อว่า จะสามารถไหว่คว้า 900 จุด มาครองได้หรือไม่

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS:เน้นเลือกเทรดดิ้งเป็นรายตัวไปก่อน จังหวะซื้อจริงยังน่ารอตอนอ่อนตัว..
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ยังคงผันผวนและเน้นหนักทางด้านลบ หลังนักลงทุนวิตกต่อการชะลอตัวลงของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการคาดหวังอุปสงค์ของพลังงานด้วย ขณะที่ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นมามากพอควรในสัปดาห์ที่แล้ว และเริ่มมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมากดดัน SET ในวันสุดท้ายของสัปดาห์ ทำให้ FSS คาดว่าสัปดาห์นี้มีโอกาสที่ SET จะเริ่มแกว่งตัวผันผวนมากขึ้น และมีโอกาสที่จะเห็นดัชนีเคลื่อนไหวในด้านลบได้ด้วย อย่างไรก็ตามคาดว่าจะยังคงมีแรงซื้อเข้ามาเลือกซื้อเป็นรายหลักทรัพย์อยู่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มแบงก์ที่จะได้รับประโยชน์จากการขยับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในวันพุธที่ 25 ส.ค. นี้จะมีการประชุม กนง. ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าอาจจะมีการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ได้ นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มสื่อสารคาดจะมีแรงซื้อเก็งกำไร หลัง กทช. ยืนยันจะประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านคุณสมบัติได้ในวันที่ 15 ก.ย.นี้ และจะเปิดประมูลระหว่างวันที่ 20-28 ก.ย.ต่อไป ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานมีสิทธิที่จะมีแรงซื้อเก็งกำไร เพื่อลุ้นผลการกำหนดโครงการที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนายกฯ เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะพยายามให้แล้วเสร็จภายในต้นสัปดาห์นี้
กลยุทธ์: เข้าเทรดดิ้งในหุ้นที่มีข่าวดีรองรับได้ แต่ต้องระมัดระวังการแกว่งตัวผันผวนด้วย และไม่ควรไล่ซื้อหุ้นที่ราคาขยับขึ้นมาสูงมากแล้ว แต่แนะนำว่าน่าจะรอทยอยเข้ารับตอนอ่อนตัวดีกว่าโดยหุ้นที่น่าสนใจเป็นลำดับแรกๆ คือหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากๆ เช่น KCE, HANA, DELTA, SCB, TCAP, KBANK, BBL, SEAFCO, DCC, QH, LPN, SPALI, BANPU,ROJNA, MAJOR, TVO และ CPALL เป็นต้น
􀀔 ประเด็นสำคัญวันนี้
􀂃 (+) GDP 2Q10 ประกาศวันนี้ Consensus คาดว่า GDP ไทย +8% Y-Y, -1.4% Q-Q และคาดว่า กนง. จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันพุธนี้ ขณะที่ ก.คลังเล็งปรับเป้า GDP ปีนี้ขึ้นอีกเป็น 6% จากเดิมคาด 5.5% ส่วน ธปท. คาดการณ์ที่ 6.5% - 7.5% ตัวเลข GDP วันนี้อาจมี Positive surprise และหนุนตลาดได้ต่อ
􀂃 (0) จับตานายกฯประกาศ 18 ประเภทกิจการรุนแรงวันนี้ หากชัดเจน ผู้ที่ได้ประโยชน์(มากไปน้อย) คือ PTTCH, PTT, SCC, GLOW
􀂃 (+) Banks สินเชื่อเดือน ก.ค. ลดลง M-M รวม 7M10 สินเชื่อของกลุ่มเพิ่ม 2.85%YTD(ชะลอตัวลงจาก 6M10 ซึ่ง +3.4%YTD) นำโดย KTB ที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นแรง 7M10 ที่ 8%YTD แนวโน้มกำไร 3Q10 ลดลงราว 3%Q-Q (หากไม่รวมกำไรจากเงินลงทุน PPOPคาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 5-10% Q-Q) แนะนำ KBANK, SCB
􀂃 XD วันนี้ BAFS (0.18), BKI (2.75), CPF (0.50), IFEC (0.05), IT (0.14), JCT (1.75),JMART (0.06), MAJOR (0.20), OFM (0.08), SE-ED (0.10), SPALI (0.30), TOG
(0.10), WORK (0.32)
􀂃 XD พรุ่งนี้ AJ (0.15), BEC (0.65), BJC (0.25), CTARAF (0.1284), GOLDPF (0.306),GRAMMY (0.40), KCAR (0.36), KEST (0.25), LH (0.16), MJLF (0.225)
􀂃 Foreign Fund Flow วันศุกร์ที่ผ่านมายังไหลเข้า แต่ปริมาณไม่มาก โดยนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิในตลาดเกาหลีใต้และไทย แต่ยังขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน สำหรับ FundFlow ของสัปดาห์ที่ผ่านมากลับเป็นไหลเข้าเพียงเล็กน้อย แต่ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับไทลออกเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมากจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของเฟดที่มีการโยกเงินลงทุนจากตลาดอนุพันธ์ของอสังหาริมทรัพย์เข้าลงทุนในตลาดพันธบัตรระยะยาวสหรัฐส่งผลให้ราคาพันธบัตรปรับขึ้นมากทำให้เป็นโอกาสในการขายทำกำไรของประเทศผู้ถือพันธบัตรสหรัฐอย่างเช่น จีน ที่ขายพันธบัตรสหรัฐเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าเอเชียทั้งตลาดพันธบัตรและตลาดทุนและยังส่งผลให้ค่าเงินเอเชียแข็งค่าเป็นอย่างมาก สำหรับสัปดาห์นี้เราคาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติน่าจะยังไหลเข้าต่อเนื่อง แต่ปริมาณไม่มาก เนื่องจากคาดว่าการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญในสัปดาห์นี้และค่าเงินยูโรปที่อ่อนค่าจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นในระยะสั้นนี้ ขณะที่ค่าเงินบาทยังแข็งแกร่งอยู่ที่ 31.5-31.52 บาท/ดอลลาร์

ข่าวภายในประเทศ
􀂃 CEN: คว้า3พันล้านก่อสร้างโรงไฟฟ้าเซ็นสัญญาก.ย.นี้ CEN จ่อเซ็นงานโรงไฟฟ้ามูลค่า 3,000 ล้านบาท กลางเดือนก.ย.นี้ หนุนรายได้ปีหน้าโตก้าวกระโดด แย้มอยู่ระหว่างการยื่นประมูลงานใหม่อีก 2-3 โครงการ “เอื้อวิทยา” คว้างานผลิตเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของ LOXLEY มูลค่า 310 ล้าานบาท ทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ 70% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-08-2010)
􀂃 PRIN: กำไรนิวไฮรอบ 10 ปี “ปริญสิริ” ฟุ้งกำไรสุทธิปีนี้สูงสุดรอบ 10 ปีนับแต่ตั้งบริษัทมา รับแรงหนุนโอนคอนโดกำไรสูงขึ้น ดันรายได้พุ่งตามเป้า 5,000 ล้านบาท ต้นทุนค่าใช้จ่ายลดลง โชว์แบ็กล็อกบุ๊คครึ่งปีหลัง 1,478 ล้านบาท ยอดขายปีนี้ตามนัด 5,500 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น23-08-2010)
􀂃 BCP: “บางจาก”ผนึกพันธมิตรลุยเอทานอล เล็งลงทุนกว่า1.5 พันล้าน ลดสัดส่วนโรงกลั่นเหลือ 40% “บางจาก”เตรียมสรุปดีลซื้อโรงงานเอทานอลไตรมาส 3/53 แย้มจับมือพันธมิตรอย่างน้อย 2 ราย กำลังการผลิตเอทานอลเพียบ รองรับความต้องการใช้ของบางจากและเตรียมแผนส่งออก “อนุสรณ์” เผยเตรียมเงินไว้ลงทุน 1,500 ล้านบาท พร้อมเร่งหั่นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงกลั่นเหลือ 40% จากเดิม 70% โอดค่าการกลั่นผันผวน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-08-2010)
􀂃 SGP: เปิดเกมรุกไล่ซื้อกิจการตปท. ดันสัดส่วนรายได้เป็น 50% มั่นใจสรุปภายในไตรมาส 3 สยามแก๊ส เผยปีหน้าเล็งซื้อกิจการใหม่ในต่างประเทศ 3-4 แห่ง หวังดันสัดส่วนรายได้ตปท. แตะ 50% ดีลเทกโอเวอร์จีน เสร็จสิ้นเดือนก.ย.นี้ โปรยยาหอมปี 54 ปรับเป้าผลประกอบการเติบโต 25% เนื่องจากรับรูร้ ายไดต้ ่างประเทศเขา้ มาเต็ม ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 15% เหตุครึ่งปีหลังผลประกอบการเด้งกว่าครึ่งแรก ตามสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-08-2010)


ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ระวังแรงขายทำกำไร!!
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 20 ส.ค.53 ปิดที่ 893.92 จุด เพิ่มขึ้น 2.69 จุด หรือ 0.30% มีมูลค่าการซื้อขาย 40,235.02 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,870.12 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด TRUE ปิดที่ 6.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท, PTT ปิดที่ 266.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, CPF ปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท, JAS ปิดที่ 1.46 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท และ QH ปิดที่ 2.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท นักลงทุนฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ดันดัชนีปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ตลาดยังมีความคาดหวังต่อกลุ่มพลังงาน เนื่องจากในวันที่ 23 ส.ค.นี้ น่าจะได้ข้อสรุปของปัญหามาบตาพุด

มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าว่า ดัชนีน่าจะทรงตัว หรือมีโอกาสปรับตัวลงได้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่ยังต้องติดตามกิจการรุนแรงกรณีปัญหามาบตาพุด ในวันที่ 23 ส.ค. เนื่องจากประเด็นนี้มีผลต่อจิตวิทยาการลงทุน

ขณะที่แนะให้นักลงทุนเทขายทำกำไรเมื่อดัชนีปรับตัวขึ้น และรอเข้ามาซื้อกลับเมื่อดัชนีปรับตัวลดลง ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 885-880 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 898 จุด

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน คาดตลาดหุ้นสัปดาห์หน้า คาดว่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 880-900 จุด โดยนักลงทุนยังคงต้องติดตามปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก เพราะจะส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนโดยตรง รวมทั้งการประชุมร่วมกรรมการ 4 ฝ่าย เพื่อแก้ไขปัญหามาบตาพุด

แนะกลยุทธ์การลงทุน หากดัชนียังสามารถยืนเหนือ 880 จุดได้ ให้นักลงทุนถือไว้เพื่อรอขาย เมื่อดัชนีขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 900 จุด

ขณะที่ "วิเชฐ ตันติวานิช" รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ต้องจับตาการซื้อขายหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการประมูลใบอนุญาต 3 จี เพราะข่าวสารที่ออกมาจะเป็นตัวกระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรจำนวนมาก จนทำให้ราคาปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ต้องระมัดระวัง หากพบหุ้นตัวใดมีการเคลื่อนไหวผิดปกติโดยไร้สาเหตุ อาจจำเป็นต้องเข้าไปสอบถาม หรือหากผิดปกติมากก็อาจเข้าไปตรวจสอบ หรือติดตามอย่างใกล้ชิด

โดยเตือนให้นักลงทุนที่จะเข้ามาเก็งกำไรหุ้นเหล่านี้ ต้องระมัดระวังและกลั่นกรองว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงข่าวลือ หรือการลงทุนจริง!!

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
􀂃 จีน: นักเศรษฐศาสตร์คาดดัชนี CPI จีนเดือนส.ค.พุ่งเหนือ 3.3% ระบุจีนยังถูกกดดันจากเงินเฟ้อ นายเหลียน ปิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากแบงค์ ออฟ คอมมูนิเคชัน ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของจีน คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อภายในประเทศ จะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุด ก่อนที่จะชะลอตัวลงในอีก 2-3 เดือนหลังจากนั้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-08-2010)
􀂃 เอเชีย: เงินเยนพุ่งเช้านี้หลังจีดีพีญี่ปุ่นชะลอตัว ขณะดอลล์ออสเตรเลียร่วงหนักจากความกังวลเรื่องการเมือง ค่าเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวช่วงเช้าวันนี้ (23 ส.ค.) เนื่องจากสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อเงินเยนเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ 15 สกุลเงินที่เป็นคูค่ ้าหลักของญี่ปุ่น หลังจากญี่ปุ่นเผยจีดีพีไตรมาส 2 ปีนี้ ขยายตัว 0.4% ต่อปี แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 2.3% ต่อปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-08-2010)
􀂃 เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยผลผลิตเหล็กดิบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 20% เทียบรายปี แต่ลดลง 1% เทียบรายเดือน สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าแห่งญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลผลิตเหล็กดิบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 20.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 9.22 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน และอยู่เหนือระดับ 9 ล้านตันเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกไปยังจีนและกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าปีที่แล้ว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-08-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code 139 : SET ร้อนแรงจริงๆ

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม 2553

ATT Code : SET ร้อนแรงจริงๆ
เช้านี้ SET เปิดมาลบนิดหน่อยไม่ถึง 1 จุด โดยเปิดที่ 890.74 จุด ซึ่งต่างกับตลาดต่างประเทศที่ลบไป 1 % กว่า ก็ถือว่าเข็งแรงกว่าตลาดเพื่อนบ้าน เพราะมีกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนหนาแน่นขึ้น โดยมีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 896 - 904 จุด แต่การปรับขึ้นของดัชนีอาจไม่ขึ้นรุนแรงนัก ขณะเดียวกัน ตลาดก็ยังมีโอกาสในการปรับฐานด้วย แต่คงไม่ร่วงลงลึกเช่นกัน ด้านเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 885-880 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 896-904 จุด โดยปิดตลาดภาคเช้าที่ 894.88 จุด + 3.65 จุด มีมูลค่าการซื้อขายเกือบ 2 หมื่นล้านบาท

----------------------------------------------------------------------------------
ข่าวหุ้น : Breaking News
20/08 11:19 - CLSA 's Top Picks:SCC GLOW THAI PTT PTTEP
20/08 10:58 - คาร์ฟูร์เนื้อหอม PTT สนใจซื้อต่อยอดธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน
20/08 10:46 - สถิติส่งออกหนุนGDPไต้หวันไตรมาสสองปีนี้พุ่งกว่า12%
20/08 10:37 - หุ้นสัญญาณเทคนิคขาขึ้น บล.ซีไอเอ็มบี
20/08 10:36 - PS “รัตนา” ทยอยซื้อหุ้น
20/08 10:32 - PS “ทองมา” ขายหุ้นหนัก
20/08 10:30 - N-PARK “วีระวรรธน์” ขายหนัก
20/08 10:30 - HMPRO คึกคัก จ่ายปันผลทั้งหุ้นและเงินสด
20/08 10:26 - หุ้นแนะนำพิเศษ และหุ้นเด่น บล.โกลเบล็ก
20/08 10:25 - DRT นักลงทุนซื้อหนัก

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ปรับฐาน แต่แรงซื้อต่างชาติช่วยประคองการอ่อนตัวโมเมนตัมดี รอปัจจัยบวกระยะสั้นต้นสัปดาห์หน้า คาดมีแรงเก็งกำไรต่อ แต่ Upside จากนี้จะจำกัดมากขึ้น เนื่องจากดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นมากกว่า 20% แล้วตั้งแต่ต้นปี ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทเมื่อถึงจุดหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก ซึ่งอาจต้องมีการแทรกแซงอย่างมากขึ้นจากธปท.
ระยะสั้นในวันนี้บรรยากาศลงทุนในภูมิภาคอิงทางลง หลังการประกาศตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่น่าผิดหวังกดดันตลาดหุ้นสหรัฐ-ยุโรป และราคาน้ำมันดิบดิ่งลงหนักวานนี้ SETI จึงมีโอกาสพักตัวหลังพุ่งแรงในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี คาดแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติและสถาบันฯ จะช่วยประคองการอ่อนตัวได้ระดับหนึ่ง
กลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นยังคงเน้นการเก็งกำไรต่อไปก่อนข่าวดีจากปัจจัยบวกในสัปดาห์หน้า แนวต้าน : 900-906 แนวรับ : 885-879
การจัดพอร์ตระยะสั้น - หุ้น 50% : เงินสด 50%
หุ้นแนะนำ:
1. KBANK เก็งกำไร FV 118 บาท Top pick ในกลุ่มแบงก์
2. PTTCH เก็งกำไร FV 122 บาท รอผลมาบตาพุด
3. MINT เก็งกำไร FV 13.80 บาท ท่องเที่ยวฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด
4. QH เก็งกำไร FV 2.80 บาท โมเมนตัมการขายยังดีต่อเนื่อง
5. AS เก็งกำไร FV’54=14 บาท แนวโน้มผลประกอบการดี
บล.เอเซียพลัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ขณะที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ คาดว่าดัชนีน่าจะแกว่งในกรอบ 875-895 นักลงทุนที่ยังไม่ได้ซื้อหุ้นกลับ แนะนำให้รอซื้อหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตในปี 2554 มี PER ต่ำกว่า 10 เท่า พร้อมมีเงินปันผล ในกลุ่มดังต่อไปนี้ พลังงาน (BANPU, LANNA) โรงกลั่น (PTTEP, BCP, TOP) และหุ้นที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง รถไฟฟ้าบนดิน (BTS) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (BMCL) และหุ้นเดินเรือ TTA และ RCL

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-เงินทะลัก!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 19 ส.ค.53 ปิดที่ 891.23 จุด เพิ่มขึ้น 11.21 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 43,311.68 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,633.80 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด PTT ปิดที่ 266 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท, PTTCH ปิดที่ 107 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท, PTTEP ปิดที่ 151.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท, SCB ปิดที่ 93.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท และ CPF ปิดที่ 26.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคจีไอ มองแนวโน้มตลาดว่ายังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนหนาแน่นขึ้น โดยมีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 896 - 904 จุด แต่การปรับขึ้นของดัชนีอาจไม่ขึ้นรุนแรงนัก ขณะเดียวกัน ตลาดก็ยังมีโอกาสในการปรับฐานด้วย แต่คงไม่ร่วงลงลึกเช่นกัน

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ "ถือต่อ" สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้น ส่วนนักลงทุนที่ไม่มีหุ้นอยู่ในมือ แนะให้เข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง ด้านเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 885-880 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 896-904 จุด
ขณะที่ "ทองมกุฎ ทองใหญ่" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินดัชนีหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า มีโอกาสปรับตัวขึ้นทะลุ 900 จุด รับอานิสงส์จากผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาเติบโตดีกว่าคาด ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ส่งผลให้ความน่าสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีมากขึ้น ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติให้ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

หุ้นกลุ่ม ปตท.กลับมาผงาดปรับตัวขึ้นแรงหลังมีความหวังในเชิงบวกต่อโครงการที่ "ติดบ่วง" อยู่ในปัญหามาบตาพุด โดย บล.ยูไนเต็ด ยังคงแนะนำ "ซื้อลงทุน" หุ้น PTT โดยมีราคาเป้าหมายปี 54 ที่ 316 บาท จากการแก้ไขปัญหามาบตาพุดคลี่คลาย และมีกำหนดเวลาที่ชัดเจน บวกกับแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ช่วยผลักดันราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อ

ส่วน บล.ทรีนีตี้ แนะซื้อ ประเมินมูลค่าเหมาะสม 365 บาท, บล.พัฒนสิน แนะซื้อลงทุน ให้ราคาเป้าหมายปี 54 ที่ 365 บาท และ บล.บัวหลวง ให้ราคาพื้นฐาน 316 บาท ขณะที่ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะแค่ "ถือ" ให้ราคาตามพื้นฐาน 262 บาท.

FSS:ตลาดขยับขึ้นแรงเกินไป ต้องระวังการแกว่งตัวย้อนลง ดังนั้นรอซื้อต่ำได้!!
แนวโน้ม: เช้านี้ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มปรับพักตัวลงอีกครั้ง หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาเมื่อวานนี้ยังคงอ่อนแอกว่าคาด ส่งผลให้นักลงทุนกลับมากังวลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ก็ขยับขึ้นมาพอควรในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีแรงขายทำกำไรระยะสั้นเพื่อลดความเสี่ยงออกมากดดัน ซึ่ง FSS คาดว่า SET ก็น่าจะอยู่ในลักษณะเดียวกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยถือว่าขยับขึ้นมาค่อนข้างร้อนแรงกว่าภูมิภาคด้วยอย่างไรก็ตามแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศที่ยังคงมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจของเอเชียรวมทั้งของไทยเราด้วย ยังเป็นตัวผลักดันที่น่าจะทำให้ SET ปรับตัวลดลงไม่มากนัก โดยแม้จะมีโอกาสที่จะแกว่งตัวผันผวนบ้าง แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะรีบาวด์กลับหลังจากปรับพักตัวลงแล้วได้ โดยกรอบดัชนีในช่วงถัดจากนี้คาดว่ามีสิทธิที่จะแกว่งตัวขึ้น-ลงในกรอบ 870-900 จุดได้ ดังนั้นจังหวะปรับตัวลงของ SET จึงยังสามารถเลือกหุ้นเข้าซื้อได้ โดยยังแนะนำที่หุ้นพื้นฐานดี และราคามีการปรับพักตัวลง หรือช่วงที่ผ่านมายังขยับขึ้นไม่มากเป็นลำดับแรก
กลยุทธ์: ตลาดขึ้นแรงเกินไป จึงควรเริ่มแบ่งส่วนทยอยขายทำกำไรบ้าง โดยจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อแนะนำให้รอช่วงตลาดปรับพักตัวลงก่อน หรือเลือกหุ้นที่ยังขยับขึ้นไม่มาก โดยหุ้นที่น่าสนใจเป็นลำดับแรกๆ คือหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากๆ เช่น
KCE, HANA, DELTA, SCB, TCAP, KBANK, BBL, SEAFCO, DCC, QH, LPN, SPALI,BANPU, ROJNA, MAJOR, TVO และ CPALL เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ส่งออกของไทยเดือน ก.ค. เพิ่ม 20.6%Y-Y แต่ลดลง 13.7%M-M เริ่มเห็นอัตราการเติบโตที่ชะลอ ตามทิศทางเดียวกับประเทศในเอเชีย สินค้าที่ชะลอ M-Mและต่ำกว่าเดือนก่อนๆ ได้แก่ทองคำ และข้าว แต่งวด 7 เดือน ส่งออกยัง +34%Y-Y
(+) ยอดส่งออกรถเดือน ก.ค. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี ยอดผลิตรถก.ค. +94%Y-Y, -2%M-M โดยยอดผลิตเพื่อขายในประเทศ +63%Y-Y และยอดผลิตเพื่อส่งออก +125%Y-Y ดีขึ้นทุกตลาด หุ้นที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์และเรายังแนะนำ
ได้แก่ KCE, SITHAI, STANLY, AH, SAT, LHK, TSC, SSI, HEMRAJ, TISCO, TCAP
(+) QH เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท เป็นหุ้นที่ laggard ที่สุดในกลุ่มแต่ล่าสุดคิวหลังสวนมีการขายดีขึ้น ตลาด Hi-end กำลังจะเปิดตัว เช่นโครงการมหานคร (2.5 แสนบาท/ตรม.) และ 185 ราชดำริ (2.65 แสนบาท/ตรม.) นอกจากนี้ LH Bank คาดเข้า IPO ใน 4Q10-1Q11 QH ถือหุ้น 26% จะช่วยสร้าง value ให้บริษัท
(-) STA IFR Asia รายงานราคา IPO เบื้องต้นที่จะขายที่สิงคโปร์คือ 0.79-0.90 ดอลลาร์สิงคโปร์/หุ้น คิดเป็น ~18 – 21 บาท/หุ้น บริษัทจะกำหนดราคา 1 ก .ย. และเริ่มเทรด 9 ก.ย. นี้ ราคาดังกล่าวต่ำกว่าราคาตลาด เป็นข่าวลบกับบริษัท สอดคล้องกับราคาเป้าหมายของเราที่ 20 บาท (หลังเพิ่มทุน) ถือว่า STA เต็มมูลค่าแล้ว แนะนำขาย
XD วันนี้ CSL (0.25), HEMRAJ (0.025), KKC (0.20), MCS (0.30), OISHI (1.50),ROJNA (0.30), SYNEX (0.10), UTP (0.25)
XD วันจันทร์ BAFS (0.18), BKI (2.75), CPF (0.50), IFEC (0.05), IT (0.14), JCT(1.75), JMART (0.06), MAJOR (0.20), OFM (0.08), SE-ED (0.10), SPALI(0.30), TOG (0.10), WORK (0.32)
Foreign Fund Flow วานนี้ไหลเข้าเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ด้วยปริมาณที่มากขึ้น แต่ยังไม่ถือว่ามากกว่าปกติ ยกเว้นตลาดหุ้นอินโดนีเชียต่างชาติซื้อสุทธิ 196 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหุ้นไทยซื้อสุทธิ 83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน
90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เราเชื่อว่าการกระแสเงินทุนต่างชาติที่เข้าลงทุนในตลาดหุ้นในเอเชียเป็นผลจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนของจีนและญี่ปุ่นที่ขายพันธบัตรสหรัฐที่มีราคาปรับตัวสูงขึ้น แล้วหันกับมาลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเราเชื่อว่าสถานการณ์เช่นนี้จะยังเกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งจนกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นแต่อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากค่าเงินยูโรที่ยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและค่าเงินเอเชียทรงตัวหรืออ่อนตัวเล็กน้อยหลังจากที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติอาจจะชะลอตัวลงแต่ไม่มากนัก

ข่าวภายในประเทศ
หุ้นสื่อสารตีปีกเริงร่า!มือถือ 3G พ้นมารผจญ LOXLEY – AIT - JAS แจ่ม ศาลไม่รับฟ้องระงับออกไลเซนส์ หุ้นสื่อสารพ้นบ่วงมารเหตุการณ์ประมูลไลเซ่นส์ 3G เดินหน้าฉลุย เชื่อสื่อสารขนาดเล็กน่าเล่นกว่าตัวใหญ่ AIT-JAS LOXLEY แจ่มหลังศาลปกครองไม่รับคำร้องขอให้ระงับใช้ประกาศกทช, 2 ฉบับ กรณีเกณฑ์ขอใบอนุญาตให้บริการโทรศัพท์ระบบ 3G (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-08-2010)
CPF วันนี้ทิ้งทวน XD รับปันผล 50 สตางค์ทิศทางอนาคตแจ่ม CPF-SPALI วันนี้วิ่งทิ้งทวนก่อนแขวน XD 23 ส.ค. เชื่อนักลงทุนสนใจ CPF ปันผล 0.50 บาท และ SPALI ปันผล 0.30 บาท ส่วน SPALI เป้าหมาย 14.30 บาท มองครึ่งปีหลังมีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-08-2010)
MINT มั่นใจกำไรปีนี้โต 20% ปลายปีโอนโครงการ St. Regis กว่า 1.5 พันล้าน MINT ลั่นกำไรปีนี้โต 20% คาดปลายปีโอนโครงการ St.Regis จำนวน 6 ยูนิต มูลค่า 1,500 ล้านบาท พร้อมเล็งซื้อกิจการเพิ่ม 1-2 แห่ง ทั้งธุรกิจอาหารและโรงแรม ส่วนแผน 5 ปี ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 40% จากปัจจุบัน 20% “ปรารถนา” มองธุรกิจอาหารเติบโต เชื่อเป็นรายได้หลักในไตรมาส 3/53 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-08-2010)
BIGC ปัดตอบซื้อคาร์ฟูร์ฟุ้งกำไรโตไม่ต่ำกว่า10% BIGC ปัดตอบซื้อคาร์ฟูร์ อ้างอยู่ที่บอร์ดบริษัทแม่ ด้านผลการดำเนินงานปีนี้ คาดยอดขายโต 3% ลดลงจากเป้าเดิมโต 4-5% หลังปิดสาขาราชดำริ แต่มั่นใจกำไรปีนี้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เล็งกลับมาเปิดบริการบิ๊กซี ราชดำริไตรมาส1/54 ส่วนงบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ 1.8 พันล้านบาท เพื่อใช้เปิดสาขาใหม่อีก 3-4 สาขา (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ - หุ้นมะกันร่วงหนัก ฉุดน้ำมันลด99เซนต์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯลดลง 144.33 จุด ปิดที่ 10,271.21 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 99 เซนต์ ไปปิดที่ระดับ 74.43 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์.....

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯวันที่ 19 ส.ค. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,271.21 จุด ลดลง 144.33 จุด หรือ 1.39% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,178.95 จุด ลดลง 36.75 จุด หรือ 1.66% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,075.63 จุด ลดลง 18.53 จุด หรือ 1.69% ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 99 เซนต์ ไปปิดที่ระดับ 74.43 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ด้านตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 5,211.29 จุด ลดลง 91.58 จุด หรือ 1.73% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 6,075.13 จุด ลดลง 111.18 จุด หรือ 1.80% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,572.40 จุด ลดลง 75.53 จุด หรือ 2.07% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 75.30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลง ลดลง 1.17 ดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ที่ 1,233.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปรับขึ้น 4.10 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนตลาดลอนดอน ปิดที่ 1,233.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปรับขึ้น 1.40 ดอลลาร์สหรัฐ.

FSS: ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.1% บ่งชี้เศรษฐกิจมีแนวโน้มอ่อนแอ สำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอร์ด เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐในเดือนก.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.1% น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มอ่อนแอในช่วง 3 - 6 เดือนข้างหน้า (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-08-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งแตะ 500,000 ราย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 500,000 ราย ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2552 ที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งแตะระดับ 500,000 คน สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทสหรัฐยังคงลดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-08-2010)
จีน: จีนเตรียมคลอดแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเทเลคอมและการประหยัดพลังงาน รัฐบาลจีนกำลังเร่งร่างแผนประหยัดพลังงานในส่วนของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาแห่งชาติฉบับที่ 12 สำหรับในอีก 5 ปีข้างหน้าจาก พ.ศ. 2554 - 2558 ซึ่งมีกำหนดประกาศใช้ภายในปีนี้ เนื่องจากความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมโมบายอินเทอร์เน็ตของจีน กำลังมีปัญหาการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-08-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้เผยอัตราหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 2 พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี สำนักงานตรวจสอบด้านการเงินของเกาหลีใต้ (FSS) เปิดเผยว่า อัตราหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ในเกาหลีใต้พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีในไตรมาส 2 อันเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างหนี้ขององค์กร รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา โดยอัตราหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ 18 แห่งในประเทศมีมูลค่ารวม 25.5 ล้านล้านวอน (2.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาส 2 ซึ่งสิ้นสุดที่เดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นจากระดับ 18.9 ล้านล้านวอน (1.61 หมื่นล้านดอลลาร์)ในไตรมาสแรก (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-08-2010)
เอเชีย: ไต้หวันเผยเศรษฐกิจขยายตัว 12.53% ในไตรมาสสอง หลังอุปสงค์ต่างประเทศแข็งแกร่ง สำนักงบประมาณ การบัญชี และสถิติของไต้หวันเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสสองปีนี้ ขยายตัว 12.53% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากความต้องการสินค้าส่งออกของไต้หวันในตลาดต่างประเทศยังคงแข็งแกร่ง โดยเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันที่เศรษฐกิจขยายตัว นับตั้งแต่ที่ไต้หวันหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------