Code 126 : Selective Buy

วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม 2553

ATT Code : Selective Buy
1. หุ้นตัวที่ถูกขายออกมาเยอะ และสามารถยืนได้ พร้อมที่จะไปต่อได้ เช่น Global STA Trubb เป็นต้น
2. หุ้นปันผลต่างๆ ที่กำลังจะ XD ในเดือน ส.ค. 53
3. ลงทุนระยะยาว เช่น IRPC PTTCH BTS OFM เป็นต้น
4. ลงทุนแล้วไม่เป็นไปดังคาด ควรกำหนดจุด Stop loss สัก 3-5 %
FSS : PTTEP (BUY) - ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน...หากไม่รวมความเสี่ยงมอนทาร

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
30 กค .53 ( +0.81 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

แกว่งตัวแคบ 5 จุด ในกรอบ 850 – 855 จุด
แนวโน้มในวันศุกร์นี้ มีโอกาสที่ดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบ 850 – 855 หรือประมาณระหว่างจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของวันพฤหัส

จากนั้นถ้ามีการปรับตัวลง ต่ำกว่า 849.11 จุดต่ำสุดของวันพฤหัสและเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ภาพตลาดระยะหนึ่งถึงสองสัปดาห์ ข้างหน้า มีแนวโน้มที่จะปรับฐานลงไปบริเวณ 800 – 820 จุด ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน หรือ ประมาณ Fibonacci Ratio 50% นับจากที่ปรับตัวขึ้นมารอบนี้

แต่ตราบใดไม่ต่ำกว่า 849.11 ตลาดยังพอ มีโอกาสอยู่บ้าง ( แต่ค่อนข้างน้อย ) ที่จะปรับตัวขึ้น 863 – 868 จุด ก่อนที่จะปรับตัวลง 800 – 820 จุด ต่อไป
หุ้นเด่น

BBL มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25ชั่วโมง ทยอยซื้อแถว 137.50 – 138.00 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 139.00 จุดสูงสุดวันพฤหัส เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 141.00 –143.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 136.50 )141 - 143


SCB ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงอีกครั้ง ทยอซื้อแถว 89.50 – 89.75 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 90.25 จุดสูงสุดวันพฤหัสและเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน91.75 – 92.25( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 89.25 )

TVO
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์เกิน 22.00 ขึ้น 22.40 - 24 ต่ำกว่า 21.20 ขาย

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
TRUE แกว่งตัว 4.10 – 4.40
CPF แกว่งตัว 23.70 – 24.50
SCB รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
PTTEP ต่ำกว่า 148 ลง 145 – 146
PTT ต่ำกว่า 254 ลง 249 – 250
BBL รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
SCC ปรับตัวลง 260 - 262
BTS แกว่งตัว 0.80 – 0.84
TUF ปรับตัวลง 46 – 48
KBANK ไม่น่าเกิน 104.50 - 105

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-PTTEP ใจดี!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 29 ก.ค.53 ปิดที่ 854.59 จุด เพิ่มขึ้น 0.81 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 27,623.60 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 407.66 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่า หลังดัชนีไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ระดับ 860 จุดขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดี โดยมุมมองทางเทคนิคตลาดเข้าข่ายมีแรงซื้อมากเกินไป (Overbought) จึงต้องระมัดระวังแรงขายออกมา

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญคือต้องติดตามกระแสเงินทุนไหลเข้าหรือ Fund Flow ว่าจะเข้ามาอย่างจริงจังหรือไม่ เพราะยังมีความไม่แน่นอน อยู่ หาก Fund Flow ยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าดัชนีจะสามารถทะลุแนวต้านดังกล่าวได้

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไรออกมา หากดัชนียังคงไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 860 จุดได้ แต่หากผ่านไปได้แนะให้ "ถือต่อเพื่อรอขาย" ส่วนในทิศทางขาลงประเมินแนวรับไว้ที่ 844 จุด
มีข่าว บอร์ด PTTEP ใจดี มีมติจ่ายปันผลงวดผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 53 หุ้นละ 2.55 บาท ให้ผู้ถือหุ้น โดยแบ่งเป็นเงินปันผลจ่ายจากกำไรสุทธิที่เสียภาษีเงินได้ตาม พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และตามประมวลรัษฎากรที่อัตราหุ้นละ 2.34 บาท และ 0.21 บาท ตามลำดับ โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 17 ส.ค. และจะจ่ายเงินปันผลวันที่ 30 ส.ค.นี้

สำหรับคำแนะนำหุ้น PTTEP ที่เกือบทุกโบรกฯเคาะถังแก๊สให้เดินหน้าซื้อได้ดั่งนี้ บล.เกียรตินาคิน ใจกล้าให้มูลค่าที่เหมาะสมสูงสุดถึง 208 บาท ตามด้วยนครหลวงไทยให้ 200 บาท, ทรีนีตี้ 198 บาท, กิมเอ็ง 195 บาท, กรุงศรีอยุธยา 190 บาท, เคจีไอ 182 บาท, ฟิลลิป 178 บาท, ทิสโก้ 177 บาท ปิดท้ายด้วยโกลเบล็กให้ราคาเป้าหมายปี 53 ที่ 176 บาท

มีอีกตัวที่ยังไม่ค่อยเห็นว่าใครจะแนะให้ขายมีแต่ให้ "ซื้อ" กับ "ถือ" คือหุ้น SCC โดยมี บล.ทิสโก้ ให้ราคาเป้าหมายสูงสุด 331 บาทตามด้วยทรีนีตี้ 316 บาท, ยูไนเต็ด 312 บาท, เกียรตินาคิน 311 บาท, บัวหลวง 306 บาท, เอเซียพลัส 302 บาท, กิมเอ็ง 300 บาท,
เคทีซี มิโก้ 285 บาท และกรุงศรีอยุธยาให้มูลค่าพื้นฐาน 255 บาท!!

FSS: คาดตลาดยังมีโอกาสแกว่งตัวผันผวน..จังหวะซื้อจึงยังรอรับตอนปรับลงได้!!
แนวโน้ม:
เมื่อวานนี้รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการใช้ พรก.ฉุกเฉินในอีก 6 จังหวัด ทำให้ปัจจุบันมีจังหวัดที่ยังอยู่ภายใต้ พรก.ดังกล่าวเหลือเพียง 10 จังหวัด แต่ยังไม่ได้มีการยกเลิกในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ทำให้ FSS คาดว่าจะไม่ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นมากนัก ขณะที่ยังมีเหตุระเบิดต่อเนื่องอีกครั้งเมื่อคืนนี้ ทำให้มองได้ว่าสถานการณ์ทางด้านการเมืองยังไม่นิ่ง นอกจากนี้แรงขายในตลาดหุ้นต่างประเทศก็ยังมีออกมาอยู่ หลังนักลงทุนกลับมากังวลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐ และจีน ทำให้ FSS ยังมองว่าโอกาสที่ SET จะเริ่มขยับตัวขึ้นได้น้อยลงและมีกรอบจำกัดมากขึ้นยังเป็นไปได้ และมีแนวโน้มที่จะมีการปรับพักตัวลงไปเคลื่อนไหวในด้านลบมากขึ้นได้ด้วย โดยเรายังคาดหมายการแกว่งตัวลงไปหา 820 จุด(+/-) ในช่วงถัดไป ดังนั้นช่วงนี้จึงยังเน้นการขายทำกำไรเมื่อตลาดขยับขึ้น และถ้าจะเข้าเทรดดิ้งยังแนะนำให้เลือกเข้าซื้อเป็นรายหลักทรัพย์มากกว่าเช่นเดิม
กลยุทธ์: การเข้าเทรดดิ้งยังแนะนำให้เลือกหุ้นที่ยังขยับขึ้นไม่มาก หรือราคามีการปรับตัวลงมาบ้างในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะมีข่าวสนับสนุนเพื่อความปลอดภัย เช่น CK, ITD, STEC, SEAFCO, ADVANC, DTAC, LPN, SIRI, QH, AP, ROJNA, HEMRAJ, MCOT, BEC, SSI, TSTH, TKS, BECL, PDI, MINT และ TICON เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
§ ราคาถ่านหินปรับลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกันจาก US$100.55/ตันในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมิ.ย. เป็น US$95.05/ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เอื้อต่อราคาหุ้น BANPU และ LANNA แต่ไม่มีผลต่อกำไรในปีนี้เพราะ BANPU ล็อคราคาขายสำหรับปีนี้ไปเกือบหมดแล้ว เพียงแต่ถ้าราคาถ่านหินปัจจุบันปรับขึ้นจะเป็น upside ของกำไรปีหน้า ในด้านพื้นฐานเรายังมอง BANPU เป็นหุ้นที่เติบโต แต่ในด้านเทคนิคราคาระยะนี้จะยังแกว่งในกรอบ 600 – 650 บาทต่อไปอีกระยะ

§ SSI กำไรน้อยกว่าคาด หากไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยน จะมีกำไรปกติ 882 ล้านบาท ลดลง 34% Q-Q แต่เพิ่มขึ้น 44% Y-Y แนวโน้ม 3Q10 น่าจะแย่ลงจากราคาขายที่ไม่ได้ดีขึ้น เรายังประเมินราคาเป้าหมาย 2 บาท

§ หุ้นโทรศัพท์ 3G กลับมาคึกคักใหม่ ในที่สุด กทช. ก็ได้ลงประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่านความถี่ 2.1 GHZ ในราชกิจจาฯ แล้ว มีผลตั้งแต่ 29 ก.ค. นี้ ถือเป็นความคืบหน้าอย่างเป็นทางการของการประมูล 3G หลังจากนี้ กทช.จะเปิดให้ยื่นซองเข้าร่วมประมูลภายใน 30 ส.ค. นี้ ก่อนมีการพิจารณาคุณสมบัติขั้นแรก (Pre-qualification) และเปิดประมูลจริงภายใน 28 ก.ย.นี้ คาดว่าหุ้นกลุ่ม 3G จะกลับมาคึกคักใหม่ เพราะหากประมูล 3G ได้จริง มูลค่าหุ้นจะเพิ่มขึ้น ADVANC จะเป็น 105 บาท, DTAC 50.50 บาท, และ TRUE 3.60 บาท แนะนำ “ซื้อ” ทั้ง ADVANC และ DTAC และเลือก DTAC เป็น Top pick

§ Foreign Fund Flow ยังไหลเข้าต่อเนื่องเป็นวันที่ 16 ติดต่อกัน และในช่วง 4 วันของสัปดาห์นี้มีเม็ดเงินไหลเข้าแล้วกว่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่แล้วมีเม็ดเงินไหลเข้าเพียง 523 ล้านดอลลาร์เท่านั้น สาเหตุที่มีเม็ดเงินไหลเข้าเรายังมองว่ามาจาก 3 ประเด็น คือ 1) การปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีของประเทศในเอเชีย 2) ผลการปรับดอกเบี้ยนโยบายของหลายประเทศในเอเชีย 3) ระบบการเงินในยุโรปเริ่มนิ่งหลังผลการทดสอบแบงก์ไม่ได้แย่อย่างคาด สำหรับแนวโน้มกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติน่าจะยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง หากไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้าสู่ตลาด ส่วนทิศทางค่าเงินยูโรและภูมิภาคเอเชียยังแข็งแกร่งต่อเนื่องก็ยิ่งน่าเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ข่าวภายในประเทศ
BTS ขายหุ้นเพิ่มทุน 80 สต.อัพไซด์เหลือบานกว่า 33% ผู้ถือหุ้น BTS อนุมัติปรับขึ้นราคาขายหุ้นเพิ่มทุนเป็น 0.80 บาท หลังราคากระดานดี วันดีคืน “คีรี”ลั่นล้างขาดทุนสะสมหมดปีนี้ พร้อมจ่ายปันผลได้ทันที ระบุรายได้รถไฟฟ้าเฉลี่ยวันละกว่า 11 ล้านบาท โบรกเชียร์ซื้ออัพไซด์เหลือกว่า 33% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-07-2010)
สหวิริยาฯ ทำเจ๋งกำไรกระฉูด 34% ครึ่งปีหลังยังสวย SSI โกยกำไรไตรมาส 2/53 พุ่ง 34.20% ที่ 917.68 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือน พลิก เป็นกำไร 2.37 พันล้านบาท มีรายได้ 1.18 หมื่นล้านบาท จากปริมาณ-ราคาขายเฉลี่ยสูงขึ้น ขณะที่บรัทย่อยสร้างผลตอบแทนดี คาดกำลังซื้อกลับมาหลังจากราคาขายเหล็กมีแนวโน้มขาขึ้น หลังจากที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หนุนครึ่งปีหลังยังคงเติบโตดี (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-07-2010)
SPALI ทำกองทุนตะลึงมาร์เก็ตแคปพุ่ง 239% หุ้นดีฟรีโฟลตกว่า 72% จ่อคิวขึ้น SET50 ปลายปีนี้ “ศุภาลัย”เนื้อหอมกองทุนไทย-เทศ สนใจลงทุน หลังตลึงดันมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้น 239% แตะระดับ 21,000 ล้านบาท จากเดิม 6,200 ล้านบาท ปริมาณซื้อขายต่อวันเพิ่ม 175% จาก 38 ล้านบาท เป็น 104 ล้านบาท “ไตรเตชะ”เผยฟรีโฟลตหุ้นสูง 72% เชื่อเพียงพอรับรองดีมานด์การลงทุนของนักลงทุนสถาบัน ขณะที่ยอดขายไหลลื่นครึ่งแรกทำได้ 7,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% ส่งซิกงบ Q4 ทำสถิติสูงสุดนับแต่ตั้งบริษัทมา พร้อมจ่อคิวขึ้น SET50 ปลายปีนี้ (ที่มา: นสพ. ข่าวหุ้น 30-07-2010)
THAI ปรับตัวดีขึ้นผู้โดยสารขยับ 11% เชื่อไตรมาส 3 แจ่ม นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มผู้โดยสารไตรมาส 3 ของการบินไทยว่า ปรับตัวทิศทางดีขึ้น โดย 3 สัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม จำนวนผู้โดยสารปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน พบว่าผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จึงเชื่อว่าสถานการณ์การเดินทางของนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางไตรมาส 3 จะปรับตัวทิศทางดีขึ้น โดยจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อเที่ยวบินเดือนกรกฎาคมจะอยู่ที่ร้อยละ 75-76 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-07-2010)
DRT ส่ง ”อดามัส”บุกตลาดโครงการมั่นใจครึ่งหลังแจ่มยอดขายโต 10% DRT บุกตลาดลูกค้าโครงการ ส่งสินค้ากระเบื้องคอนกรีตแบบเรียบ “อดามัส” รับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน การันตีคุณภาพสินค้าได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ เชื่อตลาดวัสดุก่อสร้างครึ่งปีหลังดีขึ้น จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล มั่นใจยอดขายเติบโต 10% ตามเป้า โบรกฯ คาดไตรมาส 2/53 จะทำนิวไฮทั้งยอดขายและกำไร (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
หุ้นมะกันปิดลบ น้ำมันเพ่ิม1.37ดอลล์

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,467.16 จุด ลดลง 30.72 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ 78.36 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล....

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ดัชนีปรับลดลงหลังข้อมูลตัวเลขผู้ว่างงานยื่นขอความช่วยเหลือในสัปดาห์ที่ ผ่านมาลดลงเพียง 11,000 คนไปอยู่ที่ 457,000 คน แต่ยังมีปัจจัยบวกจากผลประกอบการไตรมาส 2 ที่น่าพอใจของหลายบริษัททั้งเอ็กซอนโมบิล เซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ และโซนี่ ช่วยให้ดัชนีลดลงไปไม่มากนัก ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 2 ของปีออกมาในวันนี้

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ 78.36 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,467.16 จุด ลดลง 30.72 จุด หรือ 0.29% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,2251.69 จุด ลดลง 12.87 จุด หรือ 0.57% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,101.53 จุด ลดลง 4.60 จุด หรือ 0.42%

ตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 5,313.95 จุด ลดลง 5.73 จุด หรือ 0.11% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 6,134.70 จุด ลดลง 44.24 จุด หรือ 0.72% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,651.91 จุด ลดลง 18.45 จุด หรือ 0.50% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 77.59 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปรับขึ้น 1.53 ดอลลาร์สหรัฐ

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ 1,168.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปรับขึ้น 8.00 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนตลาดลอนดอน ปิดที่ 1,164.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปรับขึ้น 4.15 ดอลลาร์สหรัฐ.

ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยุโรปดีดตัวขึ้น หลังภาคการผลิต-บริการฟื้นตัว ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยุโรปพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ที่ 101.3 จุดในเดือนก.ค. จากระดับเดือนมิ.ย.ที่ 99 จุด คณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า ความเชื่อมั่นของประเทศส่วนใหญ่ในยูโรโซนนั้นปรับตัวขึ้น โดยความเชื่อมั่นในเยอรมนีเพิ่มขึ้นสูงสุด ขณะที่สเปนมีดัชนีความเชื่อมั่นที่ลดลง ขณะที่อัตราการขยายตัวของภาคธุรกิจบริการและการผลิตของยุโรปนั้น ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-07-2010)
จีน: จีนเตรียมควบคุมกำลังการผลิตถ่านหินในปี 2554-2558 หลังเผชิญภาวะการผลิตล้นตลาด นายวู ยิน รองผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานแห่งชาติของจีน กล่าวว่า จีนกำลังพิจารณาเรื่องการควบคุมปริมาณการผลิตถ่านหิน และการวางแผนด้านกำลังการผลิตอย่างเป็นระบบในช่วงเวลาตามแผนเศรษฐกิจระยะ 5 ปีฉบับที่ 12 (2554-2558) หลังจากที่ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมถ่านหินของจีนกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก
เรื่องกำลังการผลิตที่ล้นตลาด วูกล่าวว่า ความเสี่ยงด้านการกำลังผลิตถ่านหินที่ล้นตลาดในปี 2554-2558 มีสาเหตุหลักมาจากการพัฒนาโครงการเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ของจีนในปัจจุบัน รวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตของผู้ประกอบการเหมืองถ่านหินหลังจากที่มีการปรับโครงสร้างองค์กรและปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานในเหมือง ตลอดจนการมีส่วนร่วมขององค์กรนอกภาคอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่บางรายที่สนใจในธุรกิจดังกล่าวซึ่งให้ผลกำไรสูง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-07-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยดัชนี CPI เดือนมิ.ย.ลดลง 1.0% บ่งชี้ญี่ปุ่นยังเผชิญภาวะเงินฝืด กระทรวงฝ่ายกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ทั่วไปในเดือนมิ.ย.ของญี่ปุ่น ลดลง 1.0% จากปีที่แล้ว ทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับภาวะเงินฝืด แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 1.1% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-07-2010) เอเชีย: สนง.สถิติแห่งชาติเกาหลีใต้เผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นเกินคาด 16.9% สำนักงานสถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 16.9% จากปีที่แล้ว ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 16.5% สะท้อนให้เห็นว่าเกาหลีใต้สามารถรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก
ได้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารกลางเกาหลีใต้เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-07-2010)


----------------------------------------------------------------------------------

Code 125 : พยากรณ์หุ้นวันพรุ่งนี้

วันพฤหัสที่ 29 กรกฎาคม 2553

ATT Code : พยากรณ์หุ้นวันพรุ่งนี้
1. ไม่เขียวก็แดง (+/- ..... จุด)
2. ไม่ขึ้นก็ลง (+/- ..... จุด)
3. มีวันไหนบ้างที่หุ้นปิดแบบไม่เปลี่ยนแปลง (0.00 จุด)

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
29 กค .53 ( +0.10 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ต้องไม่ต่ำกว่า 847.12 จุด
ตราบใดไม่ต่ำกว่า 847.12 จุดต่ำสุดวันอังคาร ดัชนีในวันพฤหัสหรือศุกร์นี้สามารถปรับตัวขึ้นต่อได้แถว 863 – 868 จุด ในรูปแบบของคลื่น 5

อย่างไรก็ตาม เครื่องมือทางเทคนิคอย่างRSI & Stochastic ยังคงอยู่ใน “เขตซื้อมาก” ในภาพระยะสัปดาห์ ดังนั้นยังคงมีความเสี่ยงที่ตลาดพร้อมปรับตัวได้ทุกเวลา

การปรับตัวลง ต่ำกว่า 847.12 จุดต่ำสุดวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง จะถือเป็นสัญญาณการปรับตัวลงของตลาด มีเป้าหมายในการปรับฐานระยะสัปดาห์บริเวณ 800 - 820 จุด หรือประมาณ Fibonacci Ratio 50% กับเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ระวังแรงขายทำกำไร!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 28 ก.ค.53 ปิดที่ 853.78 จุด เพิ่มขึ้น 0.10 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 35,005.66 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 619.19 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด นำโดย TRUE ปิดที่ 4.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.32 บาท, SCB ปิดที่ 90.50 บาท ลดลง 0.50 บาท, CPF ปิดที่ 24.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท, PTT ปิดที่ 256 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท และ PTTEP ปิดที่ 149 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ชี้ว่า Fund Flow ยังคงไหลเข้ามาสู่ตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยบวกที่ดันตลาดปรับตัวขึ้น แต่โดนแรงขายทำกำไรออกมา ทำให้ดัชนีชะลอตัวปรับขึ้นได้ไม่ไกล เพราะก่อนหน้านี้ได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนมองแนวต้านสำคัญของดัชนีอยู่ในช่วง 860 จุด ทำให้มีแรงรอตั้งขายที่บริเวณดังกล่าว

มองแนวโน้มตลาดระยะสั้น มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ เชื่อว่าเม็ดเงินต่างชาติจะยังไหลเข้าสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น แต่ยังต้องระวังแรงขายทำกำไร

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ซื้อหุ้นบิ๊กแค็ป เช่น BBL, BANPU, ADVANC, CPF, MINT และ CK ด้านเทคนิคให้แนวรับของดัชนีไว้ที่ 848 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 860 จุด

ปิดท้ายมีข่าว ก.ล.ต.เตือนผู้ถือหุ้น SSE และ SPACK ให้ศึกษาข้อมูลและความเห็นที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ ก่อนอนุมัติการซื้อหุ้น EPCO ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (FA) และคณะกรรมการตรวจสอบของ SSE มีความเห็นให้ผู้ถือหุ้นของ SSE ไม่อนุมัติการทำรายการดังกล่าว
โดยขอให้ผู้ถือหุ้นเข้าประชุมเพื่อใช้สิทธิออกเสียง เพื่อรักษาประโยชน์ ของตนเองด้วย

เหตุผลที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของ SSE เห็นควรให้ผู้ถือหุ้นลงมติไม่อนุมัติรายการซื้อหุ้น EPCO และการกู้ยืมเงินจากกรรมการและผู้ถือหุ้นรายดังกล่าวนั้น เนื่องจากหากต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ EPCO นั้น SSE ต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งการกู้ยืมเงินจะทำให้ SSE มีภาระดอกเบี้ยจำนวนมาก

และจะส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและสภาพคล่องของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต เป็นต้น!!

FSS:หลังจากขยับขึ้นมาต่อเนื่องนานพอควร คาดตลาดกำลังจะเริ่มแกว่งพักตัวบ้าง!
แนวโน้ม: แม้ว่านักลงทุนต่างประเทศในบ้านเราจะยังคงมียอดซื้อสุทธิต่อเนื่อง แต่ก็ลดระดับลงจากช่วง 2 วันที่ผ่านมาพอสมควร ทำให้ SET ปรับตัวไหลลงจากระดับสูงสุดของวันลงมาปิดต่ำ แสดงถึงแรงขายทำกำไรระยะสั้นยังมีอิทธิพลกดดันต่อตลาดหุ้นไทยอยู่ ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ก็ปรับตัวลดลงจากความไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐอ่อนแอลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และร่วงลงเกินคาด โดยเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค.ปีที่แล้วด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET จะเริ่มขยับตัวขึ้นได้น้อยลงและมีกรอบจำกัดอีกครั้ง และมีโอกาสที่จะมีจังหวะแกว่งพักตัวลงไปเคลื่อนไหวในด้านลบมากขึ้น ซึ่งหุ้นกลุ่มพลังงานที่ช่วยผลักดันตลาดให้ขยับขึ้นได้ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาก็ถือว่าเริ่มมีแรงกดดันจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก หลังตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดด้วย โดยเรายังคาดหมายการแกว่งตัวลงไปหา 820 จุด(+/-) ในช่วงถัดไปได้อยู่ ดังนั้นช่วงนี้จึงยังเน้นการขายทำกำไรเมื่อตลาดขยับขึ้น และถ้าจะเข้าเทรดดิ้งยังแนะนำให้เลือกเข้าซื้อเป็นรายหลักทรัพย์มากกว่าอยู่
กลยุทธ์: การเข้าเทรดดิ้งยังแนะนำให้เลือกหุ้นที่ยังขยับขึ้นไม่มาก หรือราคามีการปรับตัวลงมาบ้างในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะมีข่าวสนับสนุนเพื่อความปลอดภัย เช่น CK, ITD, STEC, SEAFCO, ADVANC, DTAC, LPN, SIRI, QH, AP, ROJNA, MCOT, BEC, SSI, TSTH, TKS, BECL, PDI, MINT และ TICON เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
SCC กำไรสุทธิ 2Q10 +6.4% Q-Q, และ +6.7% Y-Y
ดีกว่าที่ตลาดและเราคาดไว้ที่ 6.3 พันลบ. สาเหตุที่ดีกว่าคาดมาจากกำไรของธุรกิจกระดาษดีขึ้นมากกว่าคาดจากราคาขายที่พุ่งขึ้น บริษัทย่อยที่เพิ่มเปิดดำเนินการโรงงานมีผลดำเนินงานขาดทุน ทำให้มีการกลับรายการส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย ธุรกิจลงทุนมีกำไรเพิ่มขึ้นเชื่อว่าน่าจะมาจากการขายสินทรัพย์เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจซีเมนต์ชะลอตัวใกล้เคียงคาด ในขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีทรงตัวเนื่อง ยังแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 298 บาท
PTTEP กำไร 2Q10 +1.4%Q-Q, +63%Y-Y ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดไว้ ความเสี่ยงของ PTTEP เหลืออยู่เพียงรอรัฐบาลออสเตรเลียตัดสินเรื่องน้ำมันรั่วจากโครงการมอนทารา ซึ่งเราเชื่อว่าบริษัทจะไม่ถูกยึดสัมปทาน กรณีแย่สุดคือเสียค่าปรับ จึงยังคงแนะนำซื้อลงทุน ราคาเป้าหมายปีนี้ 175 บาท
TUF การซื้อ MW Brands ทำให้ TUF เป็นผู้ผลิตปลาทูน่าและอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดในโลก และมีฐานตลาดครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคมากที่สุด การจับปลาทำได้ทุกน่านน้ำ ต้นทุนการจับปลาจึงถูกลงมาก เราประเมินว่ากำไรในปี 2010 – 2011 จะเติบโต 18% - 28% ชดเชยผลกระทบจาก Dilution ได้ ราคาเป้าหมายใหม่จะอยู่ที่ระดับ 54 – 55 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
SSI ประกาศงบกลางวันนี้ คาดมีกำไรสูงประมาณ 1.3 – 1.5 พันล้านบาท ใกล้เคียงไตรมาสแรกที่มีกำไร 1.4 พันล้านบาท แนวโน้มครึ่งปีหลังยังคงดี เรายังประเมินราคาเป้าหมาย 2 บาท

ข่าวภายในประเทศ
BTS รวบลูกค้าเรลลิ้งค์ ดันเป้าหมายเกิน1บาท ยอดผู้โดยสารเพิ่ม 1.5 หมื่นคน/วัน - “คีรี” อัพราคาเพิ่มทุน 80 สต. BTS ลั่นเปิดบริการแอร์พอร์ตเรลลิงค์เต็ม 23 ส.ค.นี้ ดันปริมาณผู้โดยสารและรายได้เพิ่ม พร้อมบันทึกรายรับทันปีนี้ ขณะโบรกฯปรับเป้าใหม่ 1.02-1.08 บาท เหตุผู้โดยสารเติบโตต่อเนื่อง แถมอนาคตมีปัจจัยหนุนหลายด้าน โดยเฉพาะโครงการต่อสายขยายรางทั้งของกทม.และรัฐบาล “คีรี”ขยับราคาหุ้นเพิ่มทุนเป็น 0.80 บาท หลังราคากระดานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-07-2010)
PTTEP กำไรหมื่นล้านขยายลงทุนมอนทารา PTTEP เซอร์ไพรส์กำไรไตรมาส 2/53 เพิ่ม 63% อยู่ที่กว่า 1 หมื่นล้านบาท โชว์ยอดขายก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทขยับเพิ่มเป็นกว่า 2.63 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ย 46.21 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล “อนนต์” เผยเตรียมติดตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันใหม่แหล่งมอนทารา พร้อมเดินเครื่องผลิตกลางปีหน้า (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-07-2010)
SNC กำไร 100 ล้าน รับออเดอร์ไดกิ้นจ่อเพิ่มกำลังผลิต SNC เฮ!รับ “ไดกิ้น” ส่งสัญญาณเพิ่มกำลังการผลิตจากไม่ถึง 1 ล้านยูนิตต่อปี หลังตลาดเครื่องปรับอากาศเติบโตสูง จากภาวะอากาศที่ร้อนจัด โบรกฯชี้ส่งผลดีต่อการเติบโตของบริษัท คาดไตรมาส 2/53 กำไรสูงถึง 189% ทะลุหลัก 100 ล้านบาท เชื่อทั้งปีมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท เล็งเพิ่มกำลังการผลิตรับออเดอร์ปี 2554 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-07-2010)
กลต.ค้านต่ออายุภาษีบจ. 500 บริษัทรอกรณ์ทุบโต๊ะ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ค้านต่ออายุมาตรการภาษีบจ. ที่ประชุมเกินครึ่งไม่เห็นด้วย ต้นเดือนหน้าส่ง”กรณ์”ตัดสินใจขั้นสุดท้าย ส่วน 500 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีสิทธิกินแห้ว ต้องรอคลังปรับลดภาษีนิติบุคคลทั้งระบบ พร้อมปรับแว็ตเพิ่มแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าจากการประชุมหารือกับระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กว่า 10 หน่วยงาน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-07-2010)
TUF ยึดตลาดทูน่ากระป๋องยุโรป ทุ่ม 2.9 หมื่นล้านบาท ซื้อกิจการบริษัทฝรั่งเศส TUF ซื้อ MWB ฝรั่งเศส มูลค่าประมาณ 28.50 พันล้านบาท ทำให้กลายเป็นผู้ผลิตปลาทูน่าบรรจุกระป๋องรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะสามารถแปรรูปวัตถุดิบปลาทูน่าได้ถึง 500,000 ตันต่อปี บุกยึดตลาดยุโรป มั่นใจแบรนด์เป็นผู้นำในด้านผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าและอาหารทะเล คาดสร้างผลกำไรได้ต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1/53 มีรายได้ 448.2 ล้านยูโรหรือกว่า 1.80 หมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-07-2010)
MJD ทุ่ม 120 ล้านปั้นแบรนด์ “M” ประเดิมเปิดคอนโดหรู 2 ทำเลทอง มูลค่า 4 พันลบ. “MJD” ทุ่มงบการตลาด 120 ล้านบาท สร้างแบรนด์ ใหม่ “M” คอนโดระดับไฮเอนด์เจาะกลุ่มเป้าหมายคนทำงานรุ่นใหม่รายได้สูง ประเดิมเปิดตัว 2 โครงการบนทำเลใจกลางเมือง “M พญาไท” และ “M สีลม” มูลค่ารวมกว่า 4,050 ล้านบาท เตรียมเปิดขายอย่างเป็นทางการวันที่ 5-8 ส.ค.นี้ “สุริยา” ตั้งเป้าปิดการขายสิ้นปีนี้ ดันยอดพรีเซลทั้งปีไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนQ4/53 เล็งเปิดคอนโด “M” อีก 1 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-07-2010)
ปูนใหญ่ปรับเป้าใหม่รายได้ปีนี้โต 25% ไตรมาส 2 ตามนัด 7.2 หมื่นล้าน ลุ้น 5 เดือนมาบตาพุดเดินเครื่องได้ SCC ปรับเป้ารายได้ปี 53 เติบโต 20-25% จากเดิม 10% หลังโชว์รายได้ครึ่งปีแรกขยายตัว 30% แถมราคาผลิตภัณฑ์หลักอยู่ในเกณฑ์ดี โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 2/53 แตะ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ธุรกิจกระดาษสุดแจ๋ว เผยส่งแผน EHIA มาบตาพุดผ่านการอนุมัติ 5 เดือน หากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติชี้ ชัดโครงการเข้าข่ายรุนแรงเร็วกระบวนการมีโอกาสดำเนินการเร็วขึ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ

สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งเหนือความคาดหมาย 7.3 ล้านบาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 23 ก.ค. พุ่งขึ้น 7.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 360.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 0.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 167.5 ล้านบาร์เรล แต่ยังน้อยว่าที่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.1 ล้านบาร์เรล แตะที่ 222.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.9% เหลือเพียง 90.6% มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 0.5% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-07-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย.ร่วงลง 1.0% บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐยังเปราะบาง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนมิ.ย.ร่วงลง 1.0% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะที่เปราะบาง ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องบินร่วงลงมากกว่า 25% และหากไม่นับรวมสินค้าในหมวดการขนส่งซึ่งเป็นหมวดสินค้าที่มีความผันผวนมาก พบว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย.ปรับตัวลดลง 0.6% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-07-2010)
จีน: จีนเดินหน้าปฏิรูปอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน ท่ามกลางภาวะต้นทุนการผลิตพุ่งสูง เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของธนาคารกลางจีนประกาศแผนเดินหน้านโยบายปฏิรูปกลไกด้านอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นคงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืนท่ามกลางภาวะที่ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้น หู เสี่ยวเหลียน รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวในบทความที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของธนาคารว่า "การเปลี่ยนแปลงด้านราคาของปัจจัยการผลิต และการปฏิรูปกลไกด้านอัตราแลกเปลี่ยน มีความสอดคล้องกับแนวทางการใช้นโยบายด้าน เศรษฐกิจมหภาค" (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-07-2010)
เอเชีย: ธนาคารกลางเกาหลีใต้เผยอัตราปล่อยกู้เดือนมิ.ย.ร่วงหนักหลังอัตราสินเชื่ออสังหาฯหดตัว ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่าอัตราปล่อยกู้ของธนาคารในเกาหลีใต้อ่อนตัวลงแตะระดับต่ำเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนมิ.ย. เนื่องจากอัตราสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ร่วงลง โดยอัตราเฉลี่ยของการปล่อยกู้ครั้งใหม่แก่ภาคครัวเรือนและบริษัทเอกชนอยู่ที่ 5.32% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลง 0.08% จากระดับเดือนพ.ค. สถิติดังกล่าวเป็น ระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2539 ซึ่งเป็นช่วงที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้เริ่มเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

Code 124 : ลุ้น 860 แต่อาจจะมีพักฐานบ้าง

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม 2553

ATT Code : ลุ้น 860 แต่อาจจะมีพักฐานบ้าง
SET เช้านี้เปิดไปเป็น New High ที่ 859.15 ก่อนที่จะไปแตะ 860 แล้วก็มีแรงขายลงมาบ้าง ลงมาปิดภาคเช้าที่ 854 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ค่อนข้างมากเหมือนเดิมที่ 20,245 ล้านบาท โดยมีการขายกลุ่มแบงค์ออกมาบ้าง และก็กลุ่มพลังงานมาเป็นตัวนำแทน โดยอาจจะลงทุนในกลุ่มที่ยัง Laggard อยู่
ช่วงบ่าย SET ก็ยังมีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง กดดันให้ SET ลงมา 3 จุด จาก 856.87 ลงมาปิดที่ 853.78 จุด แต่ก็ยังบวกอยู่นิดหน่อย 0.10 จุด ยังยืนเหนือเส้น BB Top ที่ 852 ได้อยู่ โดย Volume ลดลงมาจากเมื่อวานนิหหน่อย แต่ก็ยังหนาแน่นอยู่ ที่ 35,000 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มในวันพรุ่งนี้ก็คาดว่าน่าจะ Sideway ออกด้านข้างออกไปอีก มีแนวรับอยู่ที่เส้น 5 วัน ที่ 844 และแนวต้านอยู่ที่ 860 เหทมือนเดิม
ติดตาม Global ที่เมื่อวานลงมาเยอะ วันนี้ก็มีแรงรับกลับมาแล้ว ถ้าพรุ่งนี้สามารถยืนเหนือ 5.90 ได้ ก็มีสิทธิ์ที่จะผ่าน 6 บาทไปได้ KCE ถ้าย่อลงมาก็น่าจะเข้าไปรับได้แถว 8.80 บ.

-----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis

28 กค .53 ( +13.44 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

เกิน 854.49 ขึ้น 860 – 862 จุด
การปรับตัวขึ้น เกิน 854.49 จุดสูงสุดวันอังคาร ดัชนีสามารถขึ้นต่อแถว 860 – 862 จุด ต่อไป

อย่างไรก็ตาม เครื่องมือทางเทคนิคอย่างRSI & Stochastic ยังคงอยู่ใน “เขตซื้อมาก”ในภาพระยะสัปดาห์ ดังนั้นยังคงมีความเสี่ยงที่ตลาดพร้อมปรับตัวได้ทุกเวลา

การปรับตัวลง ต่ำกว่า 847.12 จุดต่ำสุดวันอังคาร จะถือเป็นสัญญาณอย่างแรกของการปรับตัวลง มีเป้าหมายในการปรับฐานระยะสัปดาห์บริเวณ 815 – 825 จุด ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย25 วัน

หุ้นเด่น
KTB
ปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ขึ้นมาได้ ทยอยซื้อแถว 13.40 – 13.60 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 13.70 จุดสูงสุดวันอังคาร เป้าหมายสองสามวัน 14.20 – 14.80 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 13.20 )
IRPC
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ได้อีกครั้ง ทยอยซื้อแถว 3.88 – 3.92 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 3.94 จุดสูงสุดวันอังคาร เป้าหมายสองสามวัน 4.06 – 4.12 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 3.84 )
BANPU
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันได้ อีกครั้ง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 632 จุดสูงสุดวันอังคาร เป้าหมายระยะสัปดาห์ 644 – 650 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 622 )

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-แร้งงง!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 27 ก.ค.53 ปิดที่ 853.68 จุด เพิ่มขึ้น 13.44 จุด ทำนิวไฮในรอบ 2 ปี 2 เดือน มีมูลค่าการซื้อขายทะลัก 42,522.17 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,710.82 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย SCB ปิดที่ 91 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท, PTT ปิดที่ 255 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาท, KTB ปิดที่ 13.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท, KBANK ปิดที่ 105 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท และ PTTEP ปิดที่ 147.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาด อาจเผชิญแรงขายทำกำไรบ้างในช่วงระหว่างการซื้อขาย แนะกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ขายทำกำไร ด้านเทคนิคประเมินแนวรับอยู่ที่ 840 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 855-860 จุด

มีบทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะนำ "ซื้อ" หุ้น PTTEP ให้ราคาตามพื้นฐาน 178 บาท ระบุว่ามีมุมมองเป็นบวกกับ PTTEP ในระยะกลาง-ระยะยาว เพราะเชื่อว่าความผันผวนของกำไรสุทธิจะน้อยลง หลังรายได้จากก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น ราคาพื้นฐาน 178 บาท เทียบเท่ากับ P/E ปี 54 ที่ 14 เท่า และ PBV 3.2 เท่า

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบทุกๆ 10% จะมีผลต่อกำไรสุทธิ 70 ล้าน US $ ซึ่งคิดเป็น 7% ของกำไรสุทธิปี 53 (หรือ 0.7 บาท/หุ้น)

นอกจากนี้ยังแนะ "ซื้อ" หุ้น THAI ให้ราคาพื้นฐาน 44.25 บาท โดยได้ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 และ 54 เพิ่มขึ้น 9.6% และ 7.5% ตามลำดับราคาพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 44.25 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 26% เทียบกับราคาพื้นฐานใหม่ ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 53 ก็อยู่ในระดับที่ดีเป็น 6.9% นอกจากนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันก็ยังถูกกว่า เมื่อเทียบกับหุ้นธุรกิจเดียวกันในภูมิภาคแถบนี้

ส่วนหุ้น TOP แนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาพื้นฐาน 52 บาท เห็นว่าวัฏจักรของค่าการกลั่นได้มาถึงประมาณระดับกลาง ซึ่งมีการฟื้นตัวจะช่วยชดเชยส่วนต่างกำไรของสินค้าประเภทปิโตรเคมี โดยสัดส่วนธุรกิจปิโตรเคมีนั้นเป็น 14% ของกำลังการผลิตทั้งหมดของบริษัท และเป็น 28% ของกำไรสุทธิ และราคาหุ้นที่ปรับลงเป็นจังหวะในการเข้าซื้อเพื่อการลงทุน

แถมให้อีกตัว PLE ที่ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะ "ซื้อ" ให้ราคาพื้นฐาน 2.21 บาท!!

FSS:แรงซื้อต่างประเทศเริ่มเข้ามาหนักแน่น.. ลุ้น SET บวกต่อ แต่ต้องระมัดระวัง!!
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นต่อเนื่องได้ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยมีวอลุ่มสนับสนุนพอควรโดยเฉพาะแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศที่เพิ่งกลับเข้ามามียอดซื้อสุทธิอย่างหนักแน่นกว่า 2.5 พันล้านบาทต่อวันในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ยอดซื้อขายของเดือน ก.ค.นี้ นักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมามียอดเป็นซื้อสุทธิไปแล้วกว่า 4 พันล้านบาท หลังจากเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับผลการทำ Stress Test ของยุโรป ซึ่งแรงซื้อเริ่มกระจายเข้าสู่หุ้นกลุ่มพลังงานที่ก่อนหน้านี้ราคาไม่ค่อยขยับขึ้นอีกด้วย ทำให้ SET ยังมีโอกาสที่จะขยับขึ้นต่อเนื่องให้เทรดดิ้งได้ อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ และผลประกอบการของธุรกิจต่างๆ ในสหรัฐที่ดูดีในช่วงที่ผ่านมานั้น เริ่มไร้ทิศทางมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่ยังคงไม่นิ่ง ทำให้ FSS คาดว่าโอกาสที่ SET ใกล้ที่จะปรับพักตัวลงในเร็วๆ นี้ยังมีความเป็นไปได้อยู่ ดังนั้นการขยับขึ้นของตลาดคาดว่าจะยังมีกรอบการขึ้นที่จำกัด และยังมีแนวโน้มที่จะปรับพักตัวลงไปหา 820 จุดหรือหลุดต่ำกว่าได้ จึงยังต้องเลือกเทรดดิ้งเป็นรายตัว และหาจังหวะทำกำไรเมื่อราคาขยับขึ้นด้วย
กลยุทธ์: ถ้าจะเข้าเทรดดิ้งต่อ จึงแนะนำให้เลือกหุ้นที่ยังขยับขึ้นไม่มาก หรือราคามีการปรับตัวลงมาบ้างในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะมีข่าวสนับสนุนเพื่อความปลอดภัยเช่น หุ้นในกลุ่มรับเหมา(CK,ITD,STEC,SEAFCO) ที่จะมีข่าวการขายซองประมูลรถไฟสายสีแดง หุ้นกลุ่มสื่อสาร(ADVANC,DTAC) จากข่าวการเตรียมประมูล 3G และการจ่ายปันผลงวดระหว่างกาล หุ้นกลุ่มบ้าน(LPN,SIRI,QH,AP) จากราคาหุ้นที่ปรับพักตัวลงพอควร รวมถึงหุ้นที่ยังพอมีจังหวะลุ้นขยับขึ้นได้ต่อ เช่น ROJNA, MCOT, BEC, SSI, TSTH, TKS, BECL,PDI, MINT และ TICON เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
ต่างชาติซื้อสุทธิเป็นหลัก 2 พันล้านบาทติดต่อกันเป็นวันที่ 2
เป็นการกลับมาด้วยปริมาณที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เทียบกับเดือน มิ.ย. ทั้งเดือนที่ซื้อ 2.97 พันล้านบาททำให้เม็ดเงินย้ายจากหุ้นขนาดเล็กมาเข้าหุ้น Big cap ในกลุ่มหลักทั้งแบงก์และพลังงานแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานเพราะเป็นกลุ่มเดียวในปีนี้ที่ laggard (-0.1%YTD) แบงก์ยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจและมี upside เฉลี่ย 10% โดย SCB มี upsideมากสุด (เป้าหมาย 112 บาท) ส่วนกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มที่ laggard ที่สุดในปีนี้(+3%YTD เทียบกับ SET +16%YTD)
OFM ‘ออฟฟิศเมท’ เข้าตลาดวันแรกวันนี้ในตลาด MAI ราคา IPO = 4.90 บาท 20ล้านหุ้น บล.ธนชาตเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
PSL กำไร 2Q10 ลดลงถึง 86% Y-Y เพราะรายได้จากการเดินเรือ -52% Y-Y จากจำนวนเรือที่ลดลงจากการขายออกไปและค่าระวางเรือที่ตกต่ำ ทำให้กำไรงวด 2H10 ลดลง 72% Y-Y อุตสาหกรรมเรือเทกองเป็นขาลงอย่างชัดเจนด้วยภาวะ Oversupply ของเรือในตลาด นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้เป้าหมาย 15 – 20 บาท ยังไม่น่าสนใจ บริษัทที่ประกาศผลประกอบการวันนี้มี PTTEP, SCC เราคาด PTTEP มีกำไรสุทธิ -
5.8% Q-Q, +51.8% Y-Y ส่วน SCC คาดกำไรสุทธิ -8.0% Q-Q, -7.7% Y-Y กำไรถูกฉุดด้วยธุรกิจปิโตรเคมี
Regional Fund Flow ; ยังมีแนวโน้มไหลเข้าต่อเนื่อง - เป็นสัปดาห์ที่ 3ที่กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้า โดยเฉพาะ 2 วันที่ผ่านมามี Flow ไหลเข้ามากกว่าปกติแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียมีมากขึ้นเนื่องจากก่อนหน้านี้มีการปรับขึ้นประมาณการตัวเลขจีดีพีของประเทศในเอเชีย ในขณะเดียวกันผลการทดสอบแบงก์ในยุโรปดีกว่าคาดสะท้อนเสถียรภาพของระบบการเงินในยุโรปยังดีอยู่ แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัวอยู่ นอกจากนี้ ตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่2 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐออกมาดีกว่าคาด แม้ตัวเลขเศรษฐกิจโดยเฉพาะตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงปรับตัวลงและต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ก็ตาม เราเชื่อว่าแนวโน้มกระแสเงินทุนจากต่างชาติจะยังไหลเข้าต่อเนื่อง จากการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตลาดพันธบัตรเข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น ประกอบกับค่าเงินยูโรและค่าเงินภูมิภาคเอเชียยังคงแข็งค่าต่อเนื่องและกำลังจะทำสถิติใหม่กันอีกครั้ง

ข่าวภายในประเทศ
SCB เหนือกว่าทุกประตู อัพไซด์สูงกว่ากสิกรไทย
โบรกเชียร์เป้าใหม่ 120 อัตราทำกำไรพุ่งรับดอกขาขึ้น “ไทยพาณิชย์” ไล่บี้ “กสิกรไทย” ผลสรุปเหนือกว่าทุกด้าน ประสิทธิภาพการทำกำไรเจ๋ง ทั้งผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น หรือ ROE อยู่ที่ 1.8% เหนือกว่ากสิกรไทย 1.2% อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นก็ดีกว่า 15.5% คู่แข่ง 13.6% ขณะที่ราคายังต่ำกว่ามาก มีอัพไซด์ให้เล่นอีกกว่า 31.8% ส่วน KBANK เหลือแค่
12% โบรกเกอร์ประสานเสียงเชียร์ซื้อ คาดได้รับผลดีมากสุดจากนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้น เหตุต้นทุนเครดิตต่ำ ราคาเป้าหมายใหม่ 120 บาท จาก เดิม 101 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-07-2010)
SCC ครึ่งปีปันผล 5 บาทรับ Q 2กำไร 7.2 พันล้าน จับตา SCC กำไรสุทธิไตรมาส 2/53 แตะ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ขานรับโรงโอเลฟินส์ใหม่เดินเครื่องผลิต แถมธุรกิจกระดาษสดใส จากราคา-กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น แต่ครึ่งปีแรกกำไรลดลงเหลือ 1.41 หมื่นล้านบาท ลดลง 16% เผยควักกระเป๋าจ่ายเงินปันผล 5 บาทต่อหุ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-07-2010)
BANPU เป้าเกิน 740 บ. งบ Q2 กำไร 2.6 พันล้านเชียร์ซื้ออัพไซด์เพียบ BANPU ยังร้อนแรง เตรียมรับรู้กำไรจากดีลเข้าซื้อกิจการ centennial มั่นใจดันราคาหุ้นบวกเพิ่ม ขณะที่เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น 10 ส.ค.นี้ ลุ้นประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/53 แตะ 2,600 ล้านบาท จากราคา ถ่านหินที่ปรับตัวสูงและปริมาณผลิตที่เพิ่มขึ้น ด้านโบรกฯเชียร์ “ซื้อ” อ้างราคาหุ้นยังมีอัพไซด์เพียบ ราคาเป้าหมาย 740 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น
28-07-2010)
TTA-PSL แววดีต้องรีบทยอยซื้อสะสม ตัวเลข BDI เริ่มฟื้นตัว ขานรับราคาสินแร่นิวไฮรอบ 3 เดือนราคาสินแร่เหล็กฟื้นรอบ 3 เดือน ส่งสัญญาณจีนลุยออเดอร์เพิ่ม ด้านวงการชี้ ราคาสินแร่ช่วยดัน BDI ตื่นตัวตาม เชื่อมีลุ้นผ่านแนวต้าน 2,000 จุด หนุนหุ้นเรือเทกองทำกำไร ชี้เหมาะทยอยเก็บ TTA-PSL ขานรับการเติบโตในอนาคต ด้าน ม.ล.จันทรจุฑา การันตี พร้อมซื้อเรือใหม่เพิ่มอีกแน่ หลังคว้าลำล่าสุดราคา 1,112 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-07-2010)
กสทฯกลับลำซื้อใจ DTAC-TRUE ข้อเสนออัพเกรด HSPA เป็น 3จี ได้ กสทฯปล่อยไม้เด็ดหวังจูงใจ DTAC-TRUE กลับลำให้พัฒนาคลื่นเดิมเอชเอสพีเอเป็น 3 จีได้ เชื่อเมื่อมีไลเซนส์ใหม่จากกทช. คู่สัมปทานก็ไปอยู่ดี ควรหารายได้ให้เต็มที่ก่อนดีกว่า คาดดีเดย์ให้บริการเชิงพาณิชย์ 29 ก.ค.นี้ ส่วนแนวคิดเลิกสัมปทานลั่นไม่เคยอยู่ในแผนความเสี่ยง เร่งตั้งทีมทำงานศึกษาผลกระทบเสนอไอซีทีแล้ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-07- 2010)
เรียก 2 บอร์ดถกด่วนสะสางเรื่องไทยคมมึนผลสรุปคนละทาง แหล่งข่าวจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า แม้ผลการตรวจสอบความเสียหาย และความผิดในสัญญาสัมปทานดาวเทียม ที่บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ทำไว้กับไอซีที ออกมาแล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุปและยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะถือว่าคณะกรรมการมาตรา 22 ว่า ด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานประกอบกิจการร่วมกับรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ได้ส่งสรุปผลการตรวจสอบแล้วตามกรอบเวลาที่กำหนด และมั่นใจว่ารายละเอียดต่างๆ เป็นไปบนพื้นฐานตามข้อเท็จจริง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ

ยุโรป: ยูโรดีดตัว รับผลประกอบการดอยช์แบงก์-ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนี ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ก.ค.) หลังจากเยอรมนีรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งขึ้น และธนาคารดอยช์แบงก์และยูบีเอส เอจี ซึ่งเป็น 2 ธนาคารยักษ์ใหญ่ของยุโรป รายงานผลประกอบการที่สดใส อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.ค. ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.02% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2997 ดอลลาร์ จากระดับของจันทร์ที่ 1.2994 ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.65% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5585 ดอลลาร์ จากระดับ 1.5484 ดอลลาร์ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-07-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ร่วง บ่งชี้ผู้บริโภคกังวลแนวโน้มศก.-อัตราว่างงาน สำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ร่วงลงสู่ระดับ 50.4 จุด จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ54.3 จุด ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 51.0 จุด และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความวิตกกังวล
เกี่ยวกับอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงและภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-07-2010)
เอเชีย: ธนาคารกลางอินเดียประกาศขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ธนาคารกลางอินเดียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย repo rate 0.25% เป็น 5.75% ในการประชุมวันนี้ และได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย reverse repo rate 0.50% เป็น 4.5% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในสัดส่วนที่มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ โดยอัตราดอกเบี้ย repo rate เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางอินเดียปล่อยกู้ระยะสั้นให้กับธนาคารพาณิชย์ ส่วนอัตราดอกเบี้ย reverse repo rate เป็นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-07-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้เผยยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมิ.ย.พุ่งสูงสุดในรอบ 1 ปี หลังศก.ฟื้นกระตุ้นดีมานด์สินค้า ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า เกาหลีใต้มียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.04 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี จากเดือน พ.ค.ที่ระดับ 3.82 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกช่วยกระตุ้นดีมานด์การนำเข้ารถยนต์และเซมิคอนดัคเตอร์จากเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นมาตรวัดการค้าระหว่างประเทศ ที่รวมถึงสินค้า การบริการ รายได้จากการลงทุน รายได้จากการนำเข้าและ ส่งออก เศรษฐกิจเกาหลีใต้ขยายตัวในอัตรา 1.5% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งสนับสนุนมุมมองของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ที่ว่าภูมิภาคเอเชียสามารถ ต้านทานความเสี่ยงต่างๆที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมทั้งวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปได้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

Code 123 : ต่างชาติกลับมาซื้อเกือบ 3 พันล้าน

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2553

ATT Code : ต่างชาติกลับมาซื้อเกือบ 3 พันล้าน
High Light Support:
FSS: แม้ทางด้านต่างประเทศจะดูดีขึ้น แต่สถานการณ์ภายในประเทศยังกดดัน...
-ผล Stress Test ออกมาดีและดีเกินกว่าที่หลายฝ่ายคาด
-การเมืองในประเทศกลับมาเป็นความเสี่ยงอีกครั้ง
-ไฮไลท์สัปดาห์นี้อยู่ที่วันศุกร์+ผลประกอบการ
-Regional Foreign Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน

SET วันนี้ปิดที่ 853.68 โดยขึ้นไปทำ New High ที่ 854.49 จุด Volume เข้ามาหนาแน่น ที่ 42,522 MB
โดยกลุ่มแบงค์ยังคงเป็นกลุ่มที่นำตลาดอยู่ และก็มีกลุ่มพลังงานที่เริ่มขยับเข้ามาบ้างแล้ว ดังนั้นตัวไหนที่ขึ้นมาสูงแล้วมีกำไรก็ควรที่จะทยอยขายออกไป หรือว่าจะขายทั้งหมดแล้วโยกไปกลุ่มพลังงานที่เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะทำให้ SET ยังสามารถยืนเหนือ 850 อยู่ได้ โดยที่มีแนวรับที่เส้น 5 วัน อยู่ที่ 840 จุด ซึ่งนักวิเคราะห์ก็เห้นว่าเข้าเขต Over Bought แต่ก็ยังสัญญาณไม่มีแรงขายออกมา แต่ถ้าหลุด 840 รับไม่อยู่ ลงต่อมาที่ 830 ก็เป็นแนวที่ต้องติดตาม ซึ่งถ้า 830 รับไม่ไหว ก็อาจจะพลิกมาเป็น Dead Cross ได้
----------------------------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้ 27/07/53
ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 840.24 จุด +7.23 จุด High 842.49 จุด low 837.69 จุด......แนวรับ 835-830 // 825-820 จุด แนวต้าน 842 // 845-850 จุด......PE SET 13.10 เท่า.........สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งซื้อ 2826.01 ล้าน กองทุนซื้อ 34.56 ล้าน….......โบรกเกอร์ ที่ net buy UBS 1209, CS 702, KSEC 616, BSEC 257 และ PHATRA 194……..โบรกเกอร์ที่ net sell CLSA -561, KEST -371, PST -263, DBSV -195 และ CGS -155.......TFEX SET50 ปิดที่ 570.66 จุด +6.27 จุด.......S50U10 ปิดที่ 562.20 จุด +4.10 จุด .... high 563.80 จุด low 559.20 จุด OI 20,006 ….......status futureวานนี้ Foreign net LONG 680 - Fund net LONG 1720 - Retail net SHORT 2400........ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ ปิด +100.81 จุด….ยุโรปปิด +0.5 ถึง +1% ......ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.10 น. NIX +12.77 จุด , HSKI +85.84 จุด, TWSE -12.70 จุด, KOSPI +2.27 จุดและSHCOMP -17.24 จุด.....ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า -6 จุด.......ค่าเงิน - เงินบาท 32.21…เงินเยน 86.93……...COMODITY.... น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ก.ย. ปิดที่ 78.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลง.........ค่าการกลั่น 6.10 ดอลล์........ทองคำ COMEX ปิดที่ 1183.10 เหรียญ -4.70 ดอลล์ ......BDI ปิดล่าสุดอยู่ที่ 1841 จุด +15 จุด …...ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดล่าสุดที่ 1954.0 ดอลลาร์ต่อตัน +48.0 ดอลล์
สินค้าเกษตร...ราคาตลาดจริง (หน่วย : บาท/ กก.) ….ข้อมูลจาก WEB Site ของ AFET (www.afet.or.th)
ราคาประมูลยางแผ่นรมควันชั้น 3 (23/07/10) Hatyai A.M. 97.21 บ. +0.42 บ. // FOB.BKK 102.40 บ. -1.50 บ.
ราคาข้าวขาว 5% (23/07/10) 12.55 บ. ไม่เปลี่ยนแปลง
ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 (23/07/10) 28.65 บ. ไม่เปลี่ยนแปลง

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
23 กค .53 ( +2.08 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

แกว่งตัว 830 - 850
แม้ RSI & Stochastic จะอยู่ใน "เขตซื้อมาก"
แต่ยังไม่มีสัญญาณปรับตัวที่ชัดเจน
ดังนั้น ตลาดน่าจะแกว่งตัวขึ้นๆลงๆ ในกรอบ 830 - 850 ต่อไป

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย

FSS: แม้ทางด้านต่างประเทศจะดูดีขึ้น แต่สถานการณ์ภายในประเทศยังกดดัน...
แนวโน้ม:
ผลการทำ Stress Test ของยุโรปออกมาค่อนข้างดีเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีแบงก์ที่ไม่ผ่านการทดสอบเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่นักลงทุนคาดการณ์กันมาพอสมควรแล้วในช่วงหลัง ทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศสะท้อนในเชิงบวกไม่มากนัก ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่เริ่มดูดีขึ้นอีกครั้ง ประกอบกับผลประกอบการของธุรกิจต่างๆ ในสหรัฐที่ยังดีต่อเนื่องดูจะมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นมากกว่า ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ขยับบวกต่อเนื่องตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้วจนกระทั่งถึงเมื่อคืนนี้ ซึ่งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียก็สามารถบวกตามขึ้นมาได้ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยหยุด แต่ก็ถือว่ากรอบการขึ้นส่วนใหญ่ยังค่อนข้างจำกัดและมีการแกว่งตัวในระหว่างวันค่อนข้างมาก ทำให้เราคาดว่าการที่ SET ปิดทำการไปเมื่อวานนี้ไม่น่าจะช่วยส่งให้ตลาดหุ้นไทยเช้านี้บวกได้มากกว่าเพื่อนบ้านมากนัก รวมทั้งในช่วงวันหยุดยังมีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ชุมชนพอควร จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 8 รายและเสียชีวิต 1 ราย แสดงถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงไม่นิ่ง ซึ่งย่อมหมายความว่าการคาดหวังว่าจะมีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่ กทม.เร็วๆ นี้นั้นน่าจะเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น ดังนั้น FSS จึงคาดว่าแนวโน้มที่ SET จะเริ่มปรับพักตัวลงในเร็วๆ นี้ยังมีความเป็นไปได้มากกว่า จึงยังมองกรอบแกว่งของตลาดอยู่ระหว่าง 820-840 จุดโดยประมาณต่อไป และมีโอกาสที่จะหลุดลงไปต่ำกว่าได้ด้วย
กลยุทธ์: ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้ทยอยขายทำกำไรต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นที่ราคาตลาดขยับขึ้นมาแรงมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา จากนั้นเน้นถือเงินสดไว้ก่อน ส่วนหุ้นที่ยังพอมีจังหวะลุ้นขยับขึ้นได้บ้างในช่วงนี้ ได้แก่ ROJNA, MCOT, BEC, SSI, TSTH, TKS, BECL, PDI, MINT และ TICON เป็นต้น ส่วนหุ้นในกลุ่มรับเหมาถือว่าขยับขึ้นมาแรงแล้ว จากนี้ไปต้องเริ่มระวังแรงขายด้วย
ประเด็นสำคัญวันนี้
§ ผล Stress Test ออกมาดีและดีเกินกว่าที่หลายฝ่ายคาด
โดย CEBS ระบุว่ามี 7 แบงก์ใน 91 แบงก์ที่สอบตก ซึ่งได้แก่ 1 แบงก์ในเยอรมนี 1 แบงก์ในกรีซ และ 5 แบงก์ของสเปน โดยทั้ง 7 แบงก์มี Tier 1 ต่ำกว่าเกณฑ์ 6% ทำให้ต้องเพิ่มทุนรวมกัน 3.5 พันล้านยูโร (US$4.5 พันล้านเหรียญ) คิดเป็นเพียง 1 ใน 10 ที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดไว้ จุดอ่อนของการทำ Stress Test ครั้งนี้คือไม่ได้ทดสอบ Liquidity risks และตั้งสมมติฐานว่าไม่มีการหยุดพักชำระหนี้ (No sovereign default risk) แต่เรามองว่า อย่างน้อยก็ทำให้ตลาดสามารถประเมินความเสี่ยงในระยะสั้นได้
§ การเมืองในประเทศกลับมาเป็นความเสี่ยงอีกครั้งจากระเบิดที่เกิดขึ้นที่หน้าห้าง BigC สาขาราชดำริภายหลังประกาศผลการเลือกตั้งซ่อม สส. กทม. เขต 6 ที่ปรากฏว่าพรรคประชาธิปัตย์ชนะ และหากมีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน เรากลับไม่ได้มองว่าเป็นข่าวดีแต่อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ความขัดแย้งทางการเมืองกลับมาอีก
§ ไฮไลท์สัปดาห์นี้อยู่ที่วันศุกร์+ผลประกอบการ ศุกร์นี้ ธปท. รายงานเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. และสหรัฐฯ รายงาน GDP 2Q10 (คาดการณ์ครั้งแรก) นอกจากนี้ มี บจ. ที่ประกาศผลประกอบการคือ TPC, SCC, PTTEP, DCC, SSI, TUF
§ หลังจากที่เราปรับประมาณการกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีลง ทำให้ EPS growth ของตลาดในปีนี้เติบโต 12% ลดลงจากเดิมที่ +15% แต่ปีหน้าโตเพิ่มขึ้นเป็น +18% จากเดิม +16% เพราะฐานปีนี้เล็กลง เรายังคงเป้า SET 860 จุดสิ้นปีนี้ และ 1,100 จุดสิ้นปีหน้า
§ Regional Foreign Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน และมีปริมาณการไหลเข้ามากขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ที่สำคัญนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยมากกว่าปกติ สาเหตุสำคัญน่าจะมาจากตัวเลขผลประกอบการที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด แม้ตัวเลขเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวมากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ผลการทดสอบแบงก์ในยุโรปออกมาดี แสดงให้เห็นว่าระบบการเงินในยุโรปไม่น่าจะมีปัญหามากกว่าคาด แม้เศรษฐกิจจะยังไม่ดีขึ้น ส่งให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้นจะทำให้เม็ดเงินไหลจากตลาดพันธบัตรสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น ค่าเงินยูโรยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงค่าเงินในภูมิภาคและค่าเงินบาทก็แข็งค่าด้วยเช่นกัน ดังนั้นแนวโน้ม Fund Flow น่าจะไหลเข้าต่อเนื่องและค่อยเป็นค่อยไป

ข่าวภายในประเทศ
กรุงไทยปล่อยกู้ปรี๊ด ขยับตัวเลขเพิ่ม 10% จับตาไตรมาส 3 บุ๊ค‘วายุภักษ์’กว่าพันล้าน “แบงก์กรุงไทย”(KTB) ปล่อยกู้เพลินหลังครึ่งปีแรกโตแล้ว 10% ด้าน “อภิศักดิ์” เผยขยับตัวเลขสินเชื่อปีนี้จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 7% เป็นมากกว่า 10% พร้อมคาดผลกำไรปีนี้ไม่น้อยกว่าปีก่อนหน้าด้านโบรกฯ มอง KTB ไตรมาส 2 ตัวเลขยังงาม คาดฟาดกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 4.3 พันล้านบาท เพิ่มจากไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท เหตุได้บันทึกปันผลจากวายุภักษ์อีกร่วมพันล้านบาท ส่งผลจะมีกำไรในปีนี้ 1.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 17% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-07-2010)
สองแนวทางขาย TMB คลังยันสะท้อนต้นทุน คลังเผย 2 แนวทางขายทหารไทย ทางแรกขายตามราคากระดาน บวกด้วยค่าพรีเมี่ยม หรือขายตามราคาต้นทุนไม่ต่ำกว่า 3 บาท ด้าน “บุญทักษ์” เผยการจ่ายปันผลต้องรอเรื่องเข้าในที่ประชุมบอร์ดและผู้ถือหุ้นก่อน ยันสิ้นปีนี้สินเชื่อพลิกเป็นบวกได้ ส่วนเอ็นพีแอลตัวเลขจะลดเหลือหลักเดียวจาก 10% ในขณะนี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-07-2010)
TTCL เซ็นต์ 5 พันล้านเริ่มบันทึกไตรมาส4เชื่อครึ่งปีหลังสดใส TTCL เล็งเซ็นงานใหม่ 2 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ไตรมาส 3/53หนุนงานในมือทะลุ 1 หมื่นล้านบาท คาดรับรู้รายได้ส่วนหนึ่งภายในไตรมาส 4/53 ที่เหลือจะรับรู้ปีหน้า “สุวิทย์” การันตีครึ่งปีหลังสดใสและดีกว่าครึ่งปีแรก หากปัญหามาบตาพุดจบเร็ว เนื่องจากมีงานรออยู่ 5-6 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท เตรียมปรับเป้ารายได้ทั้งปีใหมเ่ ร็วๆ นี้ (ที่มา:นสพ.ข่าวหุ้น 27-07-2010)
KIAT ปันผลครึ่งปีรับงบ Q2 เริ่ด KIAT การันตีจ่ายปันผลระหว่างกาลแน่นอน ชี้งบไตรมาส 2 ยังสวยหรูต่อไม่หยุด รับรู้รายงานขนส่งสินค้าเพียบพร้อมเดินหน้าลุยประมูลงานภายในประเทศตุนเพิ่ม ด้านวงการเงินชี้ กำไร Q2 ไปได้สวย ดันงบครึ่งปีโตเกิน 60 ล้านบาท เชื่อจ่ายปันผลงวดครึ่งปีขั้นต่ำ 0.20 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-07-2010)
TNDT มั่นใจครึ่งหลังรายได้ฉลุย เศรษฐกิจฟื้นตัว-การเมืองสงบ! TNDT ประเมินผลงานครึ่งหลังฉลุย หลังเดินหน้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง-รับอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้น-สถานการณ์ทางการเมืองนิ่ง ย้ำเป้ารายได้ปีนี้ 360 ล้านบาท ด้านกำไรไตรมาส 2/53 อยู่ที่ 8 ล้านบาท รายได้ทรงตัวจากไตรมาส 1/53 เนื่องจากโดนพิษทางการเมือง เศรษฐกิจชะลอตัว การลงทุนหยุดชะงักในมาบตาพุด ส่งผลให้งานทดสอบทางวิศวกรรมครึ่งปีแรกชะลอตัว เดินหน้ารุกงานต่างประเทศต่อเนื่อง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-07-2010)
MAKRO-BIGC ทีเด็ดหุ้นกลุ่มค้าปลีก เชียร์ทยอยซื้อสะสม ไร้ปัญหาช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น หุ้นค้าปลีก-ค้าส่ง MARKO-BIGC-ROBINS ไม่สะเทือนภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ฐานะการเงินแข็งแกร่ง เงินสดสุทธิสูง หนี้สินไม่มี เชื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โบรกฯแนะเข้าสะสม คาดMAKRO ไตรมาส 2/53 กำไร 450 ล้านบาท โต 56% รับรู้เพิ่ม 7 สาขา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วน BIGC คาดกำไร Q2/53 แตะ 708ล้านบาท พุ่ง 19.50% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-07-2010)


ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ลุ้นไปต่อ!!
นักวิเคราะห์ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีโอกาสขยับขึ้นได้ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน หลังนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อสุทธิจำนวนมาก ขณะที่แบงก์ชาติปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยหนุนตลาด

ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า หุ้นไทยอาจไปได้แค่ประคองตัวเท่านั้น ขณะที่นักลงทุนบางส่วนจะถือหุ้นเพื่อรอรับเงินปันผลงวดครึ่งปี ส่วนเหตุระเบิดป้ายรถเมล์ย่านราชประสงค์ไม่น่าส่งผลกระทบต่อตลาดมากนัก

ฝ่ายวิจัย บล.ธนชาติ ระบุว่า ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ แต่อาจไปติดแนวต้านที่บริเวณ 860 จุด โดยผลการทดสอบภาวะวิกฤติของสถาบันการเงินยุโรป (Stress test) 91 แห่ง ที่มีเพียง 7 แห่ง ที่ไม่ผ่านการทดสอบนั้น น่าจะมีผลต่อตลาดในทิศทางที่เป็นกลางถึงบวก ซึ่งไม่น่าจะถ่วงการลงทุนในหุ้นไทย ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียน ของกลุ่มเรียลเซ็คเตอร์ หรือภาคการผลิตที่แท้จริงที่จะทยอยออกมาในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะ SCC และ PTTEP จะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางผลการดำเนินงานของกลุ่มที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ในช่วง 1-2 วันนี้ เริ่มเห็นการเข้ามาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ อย่างชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มแบงก์ ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้น่าจะยังเป็นหุ้นที่นำตลาดได้ต่อไป หลังมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นจะทำให้การปล่อยสินเชื่อดีขึ้น รวมทั้งหุ้นที่อิงกับการใช้จ่ายและเศรษฐกิจในประเทศก็น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นด้วย ดังนั้น จึงเชื่อว่าหุ้น domestic play จะเป็นตัวนำตลาดต่อไป แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมามากแล้วก็ตาม

ส่วน บล.ไอร่า เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสขยับขึ้นได้เช่นกันจากแนวโน้ม เศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น รวมถึงการคาดหวังการจ่ายเงินปันผลของหุ้นในกลุ่มเรียลเซ็คเตอร์ รวมถึงปัจจัยในต่างประเทศที่มีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ด้านเทคนิคให้ แนวต้านดัชนีสัปดาห์นี้ที่บริเวณ 848 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 832-826 จุด

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ บล.บีฟิท มองตลาดหุ้นไทยจะไปได้แค่ประคองตัว โดยตลาดจะผันผวนขึ้นอยู่กับข้อมูลข่าวและการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาเป็นรายวัน แต่นักลงทุนบางส่วนจะยังคงถือหุ้นเพื่อรอปันผลกลางปี ทำให้การปรับตัวลงของดัชนีอาจไม่มากนัก!!

ทิศทางหุ้น 26/07/53

ภาวะการซื้อขายหุ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 840.24 จุด ขยับขึ้น 1.53% จาก 827.54 จุด ในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้น 32.57% จาก 135,236.73 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 179,279.88 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นจาก 27,047.35 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 35,855.98 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 2,140.31 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,349.56 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 3,200.51 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิที่ 289.35 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 244.90 จุด ขยับขึ้น 3.77% จาก 236.01 จุด ในสัปดาห์ก่อนหน้า

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ปัจจัยชี้นำคงจะอยู่ที่การตอบรับของตลาดต่อผลการทดสอบภาวะวิกฤติของธนาคารในยุโรป อย่างไรก็ดี แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชียที่ชัดเจนกว่าภูมิภาคอื่น น่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทย หากมีการปรับฐานเกิดขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน ทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ และเศรษฐกิจชั้นนำอื่น ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของ ธปท. และผลประกอบการไตรมาส 2/2553 ของบริษัทจดทะเบียน ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 836 และ 825 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 850 และ 860 จุด ตามลำดับ

ภาวะตลาดเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นทรงตัวต่อเนื่องใกล้ระดับ 1.50% ท่ามกลางภาวะที่ตลาดเงินไม่มีปัจจัยใหม่ๆมากระทบ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ ประเภทกู้ยืมข้ามคืน (Overnight) มีระดับหนาแน่นตลอดสัปดาห์ที่ 1.37% เงินบาทในประเทศ (Onshore) เคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัดและยังคงไม่มีปัจจัยใหม่ๆมากระตุ้นตลาด ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าในช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาค หลังจากที่สัญญาณความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและเทขายสกุลเงินเอเชียออกมา เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์เช่นเดียวกับสกุลเงินอื่นๆในภูมิภาค โดยได้รับ

แรงหนุนจากสัญญาณเชิงบวกของข้อมูลเศรษฐกิจในฝั่งยุโรป ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาปิดตลาดปลายสัปดาห์ที่ระดับ 32.22 บาทต่อดอลลาร์ฯ.

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ - หุ้นสหรัฐฯบวก 100จุด 'น้ำมัน'ยังคงที่
ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,525.43 จุด พุ่งขึ้น 100.81 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ปิดที่ระดับ 78.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล.....

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.โดยข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ยอดขายบ้านใหม่ในเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 300,000 หลัง/ปี ส่งผลดีต่อตลาดบ้านที่กำลังเริ่มฟื้นตัว ขณะที่เฟดเอกซ์ บริษัทด้านการขนส่งยักษ์ใหญ่ ก็คาดการณ์ว่า ผลกำไรในไตรมาส 2 ของปีนี้จะออกมาน่าพอใจ

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ปิดที่ระดับ 78.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,525.43 จุด พุ่งขึ้น 100.81 จุด หรือ 0.97% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,296.43 จุด ขยับขึ้น 26.96 จุด หรือ 1.19% ดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,115.01 จุด เพิ่มขึ้น 12.35 จุด หรือ 1.12%

ตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 5,351.12 จุด เพิ่มขึ้น 38.50 จุด หรือ 0.72% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 6,194.21 จุด เพิ่มขึ้น 27.87 จุด หรือ 0.45% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,636.18 จุด เพิ่มขึ้น 29.13 จุด หรือ 0.81% ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 77.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ 1,183 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ลดลง 4.70 ดอลลาร์สหรัฐ จากเมื่อวันศุกร์.

FSS: ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ผลการทดสอบภาวะวิกฤตธนาคารยุโรปชี้ มีธนาคารเพียง 7 แห่งที่ไม่ผ่านการทดสอบ คณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS) ได้เปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ธนาคาร 91 แห่งในยุโรปเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) โดยระบุว่ามีธนาคารเพียง 7 ที่ไม่ผ่านการทดสอบ ซึ่งได้แก่ธนาคารไฮโป เรียลเอสเตท โฮลดิ้ง ของเยอรมนี ธนาคารเอทีอีของกรีซ ส่วนธนาคารอีก 5 แห่งเป็นของ
สเปน ได้แก่ ธนาคาร Diada, Unnim, Espiga, Banca Civica และ Cajasur ซึ่งการทดสอบ stress test เป็นความร่วมมือระหว่าง CEBS และธนาคารกลางยุโรป (ECB) แถลงการณ์ของ CEBS ระบุว่า ธนาคารทั้ง 7 แห่งไม่สามารถผ่านการทดสอบการเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินกองทุนขั้นที่1 (Tier 1 capital) ซึ่งเป็นตัววัดความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยธนาคารทั้ง 7 แห่งมีอัตราส่วนทุนต่อสินทรัพย์ต่ำกว่าระดับอ้างอิงขั้นต่ำของ CEBSที่ 6% จึงทำให้ธนาคารเหล่านี้ต้องระดมทุนเป็นเงินรวมกันมูลค่า 3.5 พันล้านยูโร หรือ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเสริมสร้างสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่ง และเพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นของนักลงทุน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-07-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นเกินคาด 23.6% แต่ราคาบ้านปรับตัวลดลง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 23.6% สู่ระดับ 330,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 267,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 30 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 320,000 ยูนิตต่อปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-07-2010)
เอเชีย: กระทรวงคลังญี่ปุ่นปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจเดือนเม.ย.-มิ.ย.หลังยอดการซื้อรถขยายตัว กระทรวงคลังญี่ปุ่นปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจเดือนเม.ย.-มิ.ย.ติดต่อกัน 2 ไตรมาส หลังจากที่ยอดการซื้อรถและสินค้าหรูหราขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับระบุว่าเศรษฐกิจยังคงอยู่สถานการณ์ที่เรียกได้ว่ายากลำบาก แต่ก็ยังฟื้นตัวอย่างช้าๆโดยเฉพาะในภาคของการผลิต สำนักข่าวเกียวโดรายงานผลการสำรวจรายไตรมาสที่รวบรวมโดยสำนักงานระดับภูมิภาคทั่วประเทศของกระทรวงคลังว่า การผลิตฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากดีมานด์ในเอเชียที่สูงขึ้น รวมทั้งผลผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์ใช้สอยภายในบ้านและมือถือขยายตัวขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-07-2010)
เอเชีย: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 26.1% คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์เผยผลผลิตภาคการผลิตของสิงคโปร์ในเดือนมิ.ย.ขยายตัวขึ้น 26.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยผลผลิตภาคการผลิตขยายตัวทุกภาคส่วน ยกเว้นภาควิศวกรรมขนส่ง (ที่มา:อินโฟเควสท์ 26-07-2010)
เอเชีย: แบงค์ชาติเกาหลีใต้เผยเศรษฐกิจไตรมาส2 ขยายตัว1.5% หลังส่งออกสดใส ธนาคารกลางเกาหลีใต้เผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีไตรมาส 2 ของเกาหลีใต้ขยายตัว 1.5% จากระดับไตรมาส 1 หลังจากที่ได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่สดใสและดีมานด์ภายในประเทศที่ปรับตัวขึ้น นับเป็นสถิติที่ช่วยสนับสนุนมุมมองเรื่องการฟื้นตัวอย่างมั่นคงของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

Code122 : New High @ 842

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม 2553

ATT Code : New High @ 842
ต้องยอมรับจริงๆ ว่า 840 นั้นมาเร็วเหลือเกิน มีการโยกไปโยกมาระหว่างกลุ่มต่างๆ ทั้ง Bank Energy Property ICT มีทั้งยก มีทั้งทิ้งแล้วลงมาก็กลับมารับใหม่ ทำให้ SET ไม่ลงเท่าไหรเวลาเจอแรงขาย และก็สามารถกลับมา New High ที่ 842 ก่อนที่จะลงมาปิดย่อลงมานิดนึงที่ 840 ใกล้เคียงกับเส้น BB TOP ที่ 841.86 สรุปแล้วพลังงานตัวใหญ่ๆ ยังไม่มา มาแต่ตัวเล็กๆ และก็กลุ่มอื่นๆ เช่น Bank Property ICT เป็นต้น ฉะนั้นในสัปดาห์หน้าวันอังคาร ก็คงจะขึ้นอยู่กับตลาดต่างประเทศเป็นหลัก และข่าวหุ้นรายตัว แต่ตัวที่สามารถเก็บระยะยาวที่ยังดูดีอยู่เช่น PTTCH ที่มีแรงรับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

****SET จะขึ้นต่อไปได้....คงต้องลุ้นการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน.....ว่าจะยกเลิกเมื่อไร่??????

-------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
23 กค .53 ( +2.08 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ยังไม่น่าผ่านจุดสูงสุดเดิมของสัปดาห์นี้ไปได้
แนวโน้มดัชนีในวันศุกร์นี้ ยังไม่น่าจะผ่านจุดสูงสุดของสัปดาห์นี้ที่ 836.82 ไปได้ และมีโอกาสที่จะปรับตัวกลับลงมาแถว 820 – 825 ใกล้จุดต่ำสุดของวันพฤหัสอีกครั้ง

รวมถึงความเป็นไปได้ว่า ตลาด“อาจจะ” ปรับตัวลงได้ลึกถึงบริเวณ 810 – 815 จุด ?? เหนือบริเวณแนวรับตามธรรมชาติของ เส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน

ภาพโดยรวมแล้ว ตลาดระยะหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า มีโอกาสแกว่งตัวอยู่ในกรอบประมาณ 810 – 836 หรือระหว่างจุดสูงสุดของสัปดาห์นี้ ถึงบริเวณเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน


----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-มหกรรมวิเคราะห์หลักทรัพย์!!


ดัชนีหุ้นวันที่ 22 ก.ค.53 ปิดที่ 833.01 จุด บวก 2.08 จุด มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 42,805.63 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 243.87 ล้านบาท

หุ้น ADVANC และ DTAC พุ่งขึ้นแรง หลังบทวิเคราะห์หลายสำนักระบุเป็นผลบวก กรณีนายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับการเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จี โดยจะเป็นผลบวกต่อเนื่องกับหุ้นผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยมองว่า ADVANC และ DTAC มีความพร้อมมากสุดด้านฐานะการเงิน

ขณะที่ผู้บริหาร ADVANC ระบุว่า บริษัทได้เตรียมงบลงทุนเพื่อขยายเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3.9 จี ด้วยมูลค่า 4.5 หมื่นล้านบาท ในช่วง 3 ปี

ส่วนหุ้น BCP พุ่งทำสถิติสูงสุดกว่า 4 เดือน โดย บล.เอเซียพลัส แนะลงทุนในหุ้นปันผลที่ยังปรับตัวขึ้นน้อย ซึ่งรวมถึงหุ้น BCP ขณะที่ บล.ไอร่าแนะ "ถือ" ให้ราคาเป้าหมาย 15 บาท โดยคาดว่า BCP จะจ่ายปันผลครึ่งปีแรกในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น

ด้านหุ้น PTTEP ร่วง หลังอินโดนีเซียจะเรียกร้องค่าชดเชยจาก PTTEP กรณีที่บริษัทในเครือได้ทำน้ำมันรั่วไหลลงสู่น่านน้ำลงสู่ทะเลติมอร์ของอินโดนีเซียเป็นเวลากว่า 2 เดือน ขณะที่ "อนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTEP เผยว่ายังไม่ทราบเกี่ยวกับประเด็นการเรียกร้องค่าชดเชยดังกล่าว และไม่มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

ปิดท้ายมีข่าวดีๆที่นักลงทุนคุณภาพไม่ควรพลาดใดๆทั้งสิ้น งาน "มหกรรมวิเคราะห์หลักทรัพย์" ในวันศุกร์ที่ 23-25 ก.ค. เวลาตั้งแต่ 10.00-17.30 น. ที่อาคารสภาวิชาชีพบัญชีฯ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 (อโศก) โดยเป็นการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของนักวิเคราะห์ชื่อดังที่สุดของวงการและนักวิเคราะห์ยอดเยี่ยมแห่งปี ฟรีตลอดงาน

โดยมีหัวข้อการสัมมนาเด็ดๆ เช่น สูตรลับจับหุ้น-ลุ้นทอง-จองคอนโด, เจาะลึกมุมมองของการลงทุนครึ่งปีหลัง, ฟันธงแนวโน้มหุ้น : ปัจจัยพื้นฐาน VS เทคนิค, เคล็ดลับกระชับหุ้นอสังหาฯและกองทุนอสังหาฯ, สูตรกระชับจับหุ้นพลังงาน, ปิโตรเคมีและกองทุนพลังงาน, จัดพอร์ตลงทุน...เลือกหุ้นให้เหมาะสมกับสถานการณ์, แนวโน้มเศรษฐกิจ ทิศทางหุ้นและทองคำ, เจาะหุ้นพื้นฐานดีมีปันผล เป็นต้น

และพิเศษสุดๆเฉพาะในงานนี้ จำหน่าย "คู่มือผู้ลงทุน ขุมทรัพย์การลงทุน" ในราคา 80 บาท จากราคาเต็ม 400 บาท สนใจโทร. 0-2229-2355-6 หรือ http://www.saa-thai.org/

FSS: ยังเน้นขายทำกำไรต่อเนื่อง เพื่อถือเงินสดให้มากขึ้น...
แนวโน้ม: แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้จะสามารถดีดขึ้นกว่า 200 จุดซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ตอบสนองในเชิงบวกด้วยการเปิดเป็นบวกเช่นกัน แต่หลักๆ ยังเป็นการขยับขึ้นจากตัวเลขผลประกอบการของธุรกิจต่างๆ ในสหรัฐที่ออกมาดีกว่าที่คาด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจรายสัปดาห์ของสหรัฐยังอ่อนแอต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาด , ตัวเลขชี้นำเศรษฐกิจที่ลดลง และ ยอดขายบ้านมือสองของเดือน มิ.ย.ที่ยังร่วงลงต่อเนื่องสู่ระดับต่ำสุด รวมทั้งในคืนวันนี้เวลาประมาณ 23.00 น.ของไทยจะมีการประกาศผลการทดสอบภาวะวิกฤติของแบงก์ในยุโรป ซึ่งตลาดหุ้นไทยจะติดช่วงวันหยุดในวันจันทร์นี้อีก 1 วัน อาจทำให้นักลงทุนบางส่วนขายทำกำไรเพื่อรอดูความชัดเจนก่อนได้ FSS จึงคาดว่าวันนี้ SET จะยังแกว่งตัวผันผวนในกรอบกว้างระหว่าง 820-840 จุด และจากระดับดัชนีปัจจุบันซึ่งขยับขึ้นมาตอบรับการประกาศผลการดำเนินงานไปพอสมควรแล้ว รวมทั้งมีส่วนต่างจากดัชนีเป้าหมายของฝ่ายกลยุทธ์เราที่ 860 จุดเพียงไม่มาก ดังนั้นตั้งแต่สัปดาห์หน้าไปจึงต้องระวังการปรับตัวย้อนลงและมีสิทธิหลุดต่ำกว่า 800 จุดไว้ด้วย
กลยุทธ์: ยังแนะนำให้ทยอยขายทำกำไรต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นที่ราคาตลาดขยับขึ้นมาแรงมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา จากนั้นเน้นถือเงินสดไว้ก่อน ส่วนหุ้นที่ยังพอมีจังหวะลุ้นขยับขึ้นได้บ้างในช่วงนี้ ได้แก่ KBANK, ROJNA, MCOT, SSI, TSTH, TKS, BECL, PDI และหุ้นในกลุ่มรับเหมา เป็นต้น ส่วน BCP ถือว่าขยับขึ้นมาแรงแล้ว จากนี้ไปต้องเริ่มระวังแรงขายด้วย
ประเด็นสำคัญวันนี้
§ หุ้น 3G จะยังเป็นที่สนใจของตลาด
และเริ่มมีความหวังกับการประมูลมากขึ้นเรื่อยๆ DTAC เป็น Top pick ส่วน TRUE เก็งกำไรได้ แต่ถ้า 3G เลื่อน ผู้ที่เก็งกำไรข่าวนี้ก็ต้องพร้อมจะขายด้วยเช่นกัน
§ PTTEP ข่าวที่อินโดนีเซียจะเรียกร้องค่าชดเชย US$55 ล้าน (~1.8 พันล้านบาท) บริษัทยังไม่ได้รับการฟ้องร้องอย่างเป็นทางการ กรณีเลวร้ายสุด 1.8 พันลบ. หลังภาษีแล้วจะมีค่าความเสียหายสุทธิประมาณ 1 พันลบ. กระทบกำไรปีนี้เพียง 3% สำหรับการสอบสวนมอนทาราของรัฐบาลออสเตรเลีย เชื่อว่า PTTEP ไม่น่าจะเสียค่าปรับมากและไม่ถึงขั้นยึดสัมปทาน เนื่องจากปริมาณน้ำมันที่รั่วเพียง 400 บาร์เรลเท่านั้น การอ่อนตัวจึงเป็นจังหวะซื้อ ราคาเป้าหมาย 175 บาท/หุ้น
§ ในกลุ่มปิโตรเคมี PTTAR แย่สุดเพราะมีแนวโน้มจะขาดทุนมากสุดใน 2Q10 ที่แย่รองลงมาคือ TOP ไม่ขาดทุนแต่กำไรลดลงมาก -47%Q-Q ส่วน PTTCH ดูดีสุดเพราะคาดกำไรลดลง 16%Q-Q แต่แนวโน้ม 3Q10 ของปิโตรเคมีแย่กว่าโรงกลั่น เป็นข่าวร้ายกับ PTTCH การลงทุนระยะนี้ยังให้หลีกเลี่ยงกลุ่มปิโตรเคมี ระยะสั้นอาจมี Technical rebound แต่แนวโน้ม 3Q10 ที่ยังไม่ดีไปกว่า 2Q10 เชื่อว่า rebound ไม่ไกล +(3-5%) และน่าจะลงต่อ (ติดตามรายงานวันนี้)
§ วันนี้ติดตาม 1) Stress Test ของ 91 แบงก์ในยุโรป 2) ธปท. รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อรายไตรมาส และอาจปรับประมาณการ GDP ขึ้น ส่วนสัปดาห์หน้า ตัวเลขเศรษฐกิจมีแนวโน้มเป็นบวก วันที่ 30 ธปท. รายงานเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. และสหรัฐฯ รายงาน GDP 2Q10 ตลาดคาด +3.1% Q-Q ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ +2.7% Q-Q
§ Foreign Fund Flow วานนี้ถือว่าเบาบาง แต่เป็นไหลออก ขายมากสุดในตลาดหุ้นไต้หวัน เนื่องจากช่วงนี้การเคลื่อนย้ายของเงินทุนไม่มาก โดยเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่รอปัจจัยใหม่เข้าสู่ตลาด และหันไปลงทุนในบ้านของตัวเองมากกว่าการลงทุนในต่างประเทศเพราะเป็นช่วง Earnings Season ที่โดยส่วนใหญ่จะออกมาดี แนวโน้มกระแสเงินทุนต่างประเทศในช่วงนี้ก็ยังจะเบาบางต่อเนื่องจนกว่าผลประกอบการจะประกาศหมด และมีปัจจัยใหม่เข้าสู่ตลาด ที่สำคัญค่าเงินยูโรและค่าเงินในภูมิภาคเอเชียยังคงแข็งแกร่ง ทำให้เราเชื่อว่าโอกาสที่จะมีเม็ดเงินไหลออกน้อยกว่าไหลเข้า นอกจากนี้ค่าเงินบาที่ยังแข็งค่านั้น เราเชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่เทขายในช่วงเกิดเหตุการจลาจลจำนวนมากนั้นยังไม่ได้ไหลออกจากประเทศไทยเพียงแต่พักตัวอยู่ในตลาดพันธบัตร ซึ่งเราสังเกตุได้จากการรักษาสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติอยู่ในระดับ 17-20% ของมูลค่าซื้อขายรวม ตามมูลค่าการซื้อขายวานนี้ที่ 4.2 หมื่นลบ.

ข่าวภายในประเทศ
TSTH รายงานกำไรสุทธิ 28 ล้านบาทใน 2Q10
ความเห็น: หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน TSTH จะขาดทุน 0.5 ล้านบาท ขาดทุนต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 122 ล้านบาท จากปริมาณการขายที่ลดลง ราคาขายยังทรงตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อนคือ 19 – 20 บาท/กก.ขณะที่โรงถลุงใหม่ที่เริ่มผลิตตั้งแต่ปลายปีก่อนยังขาดทุน ปัจจุบันสถานการณ์ราคาเหล็กเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย และเชื่อว่าแนวโน้มของบริษัทใน 2H10จะดีขึ้น แต่เราเห็นว่ามีหุ้นเหล็กตัวอื่นที่ทำกำไรได้สูงกว่ามากและแนวโน้มดีกว่า แนะนำให้เปลี่ยนตัวเป็น SSI (เป้าหมาย 2 บาท)
TTA ราคาหุ้น rebound ตาม BDI ที่ปรับขึ้นมา 5 วันติดต่อกันหลังจากลงไปต่ำสุด 1,700 จุดวันที่ 15 ก.ค. แต่เป็นการรีบาวนด์ในกรอบจำกัดเพราะแนวโน้มเรือเทกองยังเป็นขาลงด้วย supply เรือใหม่ที่เข้าตลาดปีละ 14% - 16% แต่ Demand โต 7% BDI อาจ rebound ไปได้ถึง 2,200– 2,400 จุด ถ้า TTA วิ่งตาม น่าหาจังหวะขาย นักวิเคราะห์ในตลาดส่วนใหญ่แนะนำขาย Consensus ปรับลดเป้าหมายลงจาก 27 – 29 บาทเหลือ23 – 25 บาท
คลังโต้กลับ “จรัมพร”TMB ขึ้นตามพื้นฐาน ทำชอร์ตอะเกนพอร์ต ซื้อกลับท้ายตลาด 75 ล้านหุ้น ประธานบอร์ดทหารไทยออกโรงโต้ “จรัมพร” ราคาหุ้นขึ้นตามปัจจัยพื้นฐาน หลังแบงก์ล้างขาดทุนหมด ประกอบกับผลประกอบการกำไร 5 ไตรมาสต่อเนื่อง ระบุเนื้อหอมสถาบันการเงินต่างชาติรุมจีบ เร่งไอเอ็นจีตัดสินใจ กูรูชี้หุ้นTMB ขึ้นมามีข่าวดีสนับสนุน กลายเป็นหุ้นแบงก์เทิร์นอะราวด์ ประเด็นปั่นหุ้นยาก เหตุเป็นหุ้นมหาชนเล่น บางวันวอลุ่มเทรด 5 พันล้าน ชูประเด็น “คลัง” ได้ประโยชน์สูงสุด หากขาย 3 บาท งานนี้นักลงทุนเมินข่าวทางการเบรก พร้อมทำชอร์ตอะเกนพอร์ตเก็บหุ้นราคาถูก วานนี้ท้ายตลาดซื้อกลับ 75.40 ล้านหุ้น โบรกฯปรับราคาเป้าหมายใหม่ 2.3 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-07-2010)
KK ปันผลสายฟ้าแลบ ธนาคารเกียรตินาคิน (KK) ปันผลทันใจนักลงทุน งวดระหว่างกาลหุ้นละ 1 บาท ปิดพักโอนหุ้น 6 ส.ค. จ่ายปันผล 20 ส.ค. หลังกำไรไตรมาส 2/53 พุ่ง 36% ด้านโบรกฯเชียร์ซื้อ เล็งปรับเป้าราคาใหม่สูงกว่า 32.40 บาทเอกชนล้มโต๊ะแปรสัมปทาน ลุยประมูลไลเซนส์ 3จี ดีกว่า ค่ายมือถือล้มโต๊ะไม่เอาแล้วไลเซนส์ 2 จี หลังแนวทางรัฐไม่เคลียร์ หวั่นได้ไม่คุ้มเสียระบุหากรัฐบาลไร้ข้อสรุป มุ่งหน้าประมูล 3 จีของ กทช. ดีกว่า “ศุภชัย” ยอมรับหวั่นหนีเสือปะจระเข้ ฝาก “วิเชียร” ย้ำชัดเดินหน้าประมูล 3 จีดีกว่า
ขณะที่ค่าย DTAC หวั่นซ้ำรอยเดิมรัฐแก้อะไรไม่สำเร็จซักอย่าง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-07-2010)
PRIN เจ๋ง Q2 กำไรกระฉูด 44% “ปริญสิริ” ไตรมาส 2 แจ่ม! รายได้พุ่ง 1,500 ล้านบาท กำไรขั้นต้นเกิน 23% แถมบันทึกกลับรายการสำรองหนี้เพิ่ม 17 ล้านบาท ดันกำไรทะยาน 176 ล้านบาท โต 44% จากไตรมาสก่อน “ชัยรัตน์” แย้มครึ่งปีแรกทำรายได้ 2,800 ล้านบาท ทั้งปีมั่นใจตามเป้า 5,000 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อก 1,400 ล้านบาทบุ๊คหมดปีนี้ ครึ่งหลังลุยเปิด 4 โครงการ 3,000 ล้านบาท โบรกฯแนะซื้อเป้าหมาย 3.63 บาทเหลืออัพไซด์ 38% จ่ายดิวิเดนด์ยีลด์สูง 7% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-07-2010)
AGE ลั่นกำไรปีนี้เกิน 10 ล้านบาท ขานรับศก.ฟื้นตัว ยอดขายถ่านหินครึ่งแรก 6 แสนตันAGE ลั่นปี 2553 กำไรสุทธิเกิน 10 ล้านบาท ขานรับเศรษฐกิจฟื้นตัว ไตรมาสแรกตุนกำไรในกระเป๋า 25 ล้านบาท โปรยข่าวดียอดขายถ่านหินครึ่งปีแรกแตะ 6 แสนตัน ย้ำเป้าทั้งปียอดขาย 1.2 แสนตัน ส่งผลมีรายได้รวม 2.5-2.6 พันล้านบาท เผยอยู่ระหว่างศึกษาส่งออกถ่านหินไปจีน หลังความต้องการใช้สูง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
FSS - ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา:
เบอร์นันเก้เตือนศก.สหรัฐเผชิญความไม่แน่นอนอย่างไม่ปกติ ขณะอัตราว่างงานยังสูง-ตลาดอสังหาฯตกต่ำ เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลางในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ หลังจากเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญกับ"ความไม่นอนอย่างไม่ปกติ" เบอร์นันเก้กล่าวว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐขยายตัวในอัตรา 4% ต่อปี ในช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว จากนั้นก็ขยายตัวขึ้นอีก 2.75% ในไตรมาสแรกของปีนี้ และคาดว่าจีดีพีจะขยายตัวอีกในระดับปานกลางในไตรมาส 2 เพราะได้แรงหนุนจากการที่ภาคเอกชนปรับเพิ่มสินค้าในสต็อก รวมทั้งการขยายตัวของอัตราการใช้จ่ายด้านการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล และอัตราการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้นด้วย (ที่มา: อินโฟเควสท์ 22-07-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้น 37,000 ราย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 17 ก.ค. พุ่งขึ้น 37,000 ราย สู่ระดับ 464,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 445,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 429,000 ราย สะท้อนให้เห็นถึงภาวะอ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-07-2010)
จีน: ธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนแข็งค่าขึ้นวันนี้ที่ $6.7790 ธนาคารกลางของจีนกำหนดค่ากลางของอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนประจำวันนี้ที่ระดับ 6.7790 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับวานนี้ที่ 6.7859 ดอลลาร์ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-07-2010)
เอเชีย: เยนแข็งค่าจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดความเสี่ยง หลังปธ.เฟดชี้ศก.สหรัฐเผชิญความไม่แน่นอน เงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ และพุ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินที่ทำการซื้อขายในตลาด ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงหลังนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน (ที่มา: อินโฟเควสท์
22-07-2010)
เอเชีย: ธนาคารกลางเกาหลีใต้เผยมีธุรกิจเปิดใหม่เพิ่มขึ้น 16% ในครึ่งปีแรก ธุรกิจเปิดใหม่ในเกาหลีใต้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่รวดเร็วเกินคาด ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ธุรกิจที่เริ่มเปิดดำเนินการในเดือนม.ค.-มิ.ย.อยู่ที่ระดับ 31,176 ราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 15.8% จากปีก่อนหน้านี้ และเฉพาะในเดือนมิ.ย.เพียงเดือนเดียว เกาหลีใต้มีธุรกิจเปิดใหม่เพิ่มขึ้น19.3% ต่อเดือน ทำสถิติขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลให้การสนับสนุนการจัดตั้งธุรกิจใหม่ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 22-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

Code 121 : จุดเปลี่ยนที่ 820 - 830 Broker แนะเน้นขายดีกว่า

วันพฤหัสที่ 22 กรกฎาคม 2553

ATT Code : จุดเปลี่ยนที่ 820 - 830 Broke แนะเน้นขายดีกว่า
SET มีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ 820 - 830 อีกหนึ่งถึงสองวัน ถ้ายืน 830 ... มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ 840 โดยถึง ณ จุดนี้ ถือว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างมาก เนื่องจากกรอบการขึ้นมีอยู่อย่างจำกัด เพราะหุ้นตัวใหญ่ๆ ยังไม่มีแรงซื้อเข้ามา โดยถ้า SET ต่ำกว่า 820 ลงต่อ 796 - 806 ปลายสัปดาห์

----------------------------------------------------------------------------------
ข่าวไทยรัฐออนไลน์:: ข่าวเศรษฐกิจ
หุ้นสหรัฐฯร่วง ดาวโจนส์ลด 109.43 จุด
"ตัน"เต้นมือมืดซุ่มสอย "โออิชิ" "เสี่ยเจริญ"คอนเฟิร์มบริหารได้ "ซูโก้ย"
แบงก์ไทย "ว่านอนสอนง่าย"
ตลาดเกาะติดซื้อขายหุ้นทหารไทย เตือนนักลงทุนระวังเป็นแมงเม่า
บสก.ปลื้มโชว์กำไรทะลัก

KELive วิเคราะห์รายหุ้น
DTAC (41.25 บาท : ซื้อ) ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้คาดเติบโตถึง 43% เป็น 9.5 พันล้านบาท
THAI (32.25 บาท : ซื้อ) ผู้โดยสารฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ
TOP (41.25 บาท : ซื้อเมื่ออ่อนตัว) คาดไตรมาส 2/53 กำไรลดลง 48% qoq

Manager Online - ข่าวการเงิน
พบสัญญาณเงินนอกป่วนไทย ธปท.ผวาเฮจด์ฟันด์คืนชีพ-เตือนรับมือ
แบงก์กรุงศรีฯ ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ 0.125%-ขยับดอกฝาก 0.10-0.35%
กรุงศรีฯแถลงผลประกอบการ Q2 กำไร 2.1 พันล้าน เพิ่ม 24%
ธปท.กังวลเงินนอกทะลักป่วน ศก. เสี่ยงฟองสบู่ ยันค่าบาทเป็นธรรมชาติ
ธปท.ผวาทุนไหลเข้าตลาดหุ้น หวั่นซ้ำรอยฟองสบู่-วิกฤตหนี้ยุโรป ซับไพรม์

Manager Online - ตลาดเงิน-ตลาดทุน
ตลท.ตามข้อมูลหุ้น TMB ใกล้ชิด ชี้ ราคาพุ่งสูงต่อเนื่องผิดปรกติ
ผวาโรงไฟฟ้าติดบัญชีดำ กระทบกำลังไฟสำรอง-ความมั่นคงพลังงาน
"หม่อมอุ๋ย" ชี้ กำไรหุ้นทะลักเข้าอสังหาฯ เตือนอย่าดีใจส่งออกพุ่งแรง
IRPC ล้มแผนควบรวม หากไม่คุ้ม-ทุ่ม 2.6 พันล้าน ผลิตโพรพิลีนแสนตัน
หุ้นไทยปิด 830.93 จุด เพิ่ม 6.52 จุด ดัชนีแกว่งตัวแดนบวก

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-หุ้น TMB!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 21 ก.ค.53 ปิดที่ 830.93 จุด เพิ่มขึ้น 6.52 จุด

มีมูลค่าการซื้อขาย 31,919.10 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 538.86 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป มองแนวโน้มตลาดระยะสั้น ปัจจัยต่างประเทศมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของตลาด โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯและการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่ขณะนี้ยังไม่ได้เข้ามาซื้อชัดเจน ส่วนปัจจัยในประเทศจะเป็นการเล่นหุ้นรายตัวตามข่าวและผลประกอบการ

แนะกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ดัชนีถือว่าปรับตัวขึ้นมาสูงระดับหนึ่งแล้วให้เน้นลงทุนหุ้นที่มีปันผลระหว่างกาลรองรับ และหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 โดดเด่น เช่น หุ้น TTW, MAJOR และ MCOT

ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 820 จุด และประเมินแนวต้านไว้ที่ 836 จุด

ปิดท้าย ตลาดหลักทรัพย์ออกข่าวว่าได้เข้าตรวจสอบการซื้อขายหุ้น TMB หลังมีแรงซื้อขายเข้ามาคึกคักดันราคาพุ่งกระฉูดกระฉาด เพราะนักลงทุนเก็งข่าวการขายหุ้นของกระทรวงการคลังที่ถูกปล่อยออกมาสร้างสีสันประกอบการปั่นราคาเป็นระยะ แม้ธนาคารจะออกมาปฏิเสธข่าวว่า

ยังไม่มีการเข้ามาทำดิวดิลิเจนท์ของไอเอ็นจีแบงก์ก็ตาม

แต่ก็อย่างว่า มีกรณีตัวอย่างจากการขายหุ้น SCIB มาให้เห็นแล้ว ใครจะอดใจไหว!!

อย่างไรก็ตาม มีคำแนะนำหุ้น TMB จากโบรกเกอร์หลายสำนักโดย บล.กิมเอ็ง บอกว่า ราคาหุ้นขณะนี้ "เต็มมูลค่า" แล้ว เพราะให้มูลค่าเหมาะสมปี 53 ไว้เพียง 1.54 บาท ส่วน บล.เคที ซีมิโก้ แนะ "ขาย" มูลค่าพื้นฐาน 1.35 บาท เช่นเดียวกับทิสโก้ที่สั่งเดินหน้า "ขาย" ลูกเดียว ให้ราคาเป้าหมาย 1.41 บาท ส่วน บล.ยูไนเต็ด แนะ "ขายทำกำไร"

แต่ บล.บัวหลวง สวนทางปืน แนะ "ซื้อเก็งกำไร" ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 54 เป็น 2.33 บาท โดยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 53 และ 54 ขึ้น 32% และ 36% มาอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท และ 4.5 พันล้านบาท สะท้อนการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นและความเสี่ยงจากการขาดทุนจาก NPL ลดลง

ทั้งนี้ ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำจาก "ขาย" เป็น "ซื้อเก็งกำไร".

FSS:ยังแนะนำให้เน้นทยอยขายทำกำไรต่อเนื่อง แล้วกลับมาถือเงินสดมากขึ้น...
แนวโน้ม: เมื่อวานนี้ตัวเลขการส่งออกของไทยยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ SET สามารถดีดตัวกลับขึ้นมาจากการปรับตัวลงค่อนข้างแรงวันก่อนหน้าได้ แต่แรงซื้อในตลาดก็ยังเป็นลักษณะของการเลือกซื้อเป็นรายตัวมากกว่าอยู่เช่นเดิม และยังเป็นแรงซื้อในหุ้นตัวเดิมๆ ที่ขยับขึ้นมาพอสมควรแล้วด้วย ในส่วนของหุ้นหลักๆ ของตลาดโดยเฉพาะกลุ่มพลังงานแทบจะยังไม่ได้ขยับขึ้นไปไหน และกลับมีแรงขายทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องด้วย ทำให้ FSS คาดว่าแม้ว่าโอกาสของการที่จะยังมีแรงซื้อเข้ามาเลือกรับหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/53 จะดี หรือหุ้นที่คาดว่าจะมีปันผลระหว่างกาล แต่แนวโน้มที่ภาพรวมของตลาด โดยเฉพาะในส่วนของ SET INDEX ที่จะมีกรอบการขึ้นที่จำกัดมากขึ้น และมีโอกาสของการที่จะเปลี่ยนไปเป็นปรับตัวลงแทนมีความเป็นไปได้สูงมากขึ้น ขณะที่ Upside ของตลาดเมื่อเทียบกับดัชนีเป้าหมายที่ฝ่ายกลยุทธ์ของเราประเมินไว้สำหรับปีนี้ที่ 860 จุดนั้นก็ถือว่าเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ทำให้ความน่าสนใจของการเข้าซื้อจากบริเวณนี้มีน้อยลงไปด้วย ทำให้เราคาดว่า SET จะเริ่มเน้นหนักไปทางแกว่งทรงตัวมากกว่าที่จะขึ้นต่อได้ และสุดท้ายยังมีแนวโน้มที่จะลดระดับลงไปแถว 800 จุดหรือใกล้เคียงได้ด้วย
กลยุทธ์: ยังแนะนำให้ทยอยขายทำกำไรต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นที่ราคาตลาดขยับขึ้นมาแรงมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา จากนั้นเน้นถือเงินสดไว้ก่อน ส่วนหุ้นที่ยังพอมีจังหวะลุ้นขยับขึ้นได้บ้างในช่วงนี้ ได้แก่ KBANK, ROJNA, MCOT, SSI, TSTH, TKS, BECL, BCP, PDI และหุ้นในกลุ่มรับเหมา เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
§ มูลค่าการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ส่งออกเดือน มิ.ย. 1.8 หมื่นล้านบาท +46%Y-Y, +9%M-M ดีกว่าตลาดมาก เป็นการเติบโต Y-Y สูงสุดในรอบ 18 ปี และเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สินค้าส่งออกที่เติบดีต่อเนื่องทั้ง M-M และ Y-Y ได้แก่อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ยาง เครื่องจักรกล คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน แผงวงจรไฟฟ้า เม็ดพลาสติก ตลาดส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มได้แก่ตลาดในเอเชีย (อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลีใต้) ตลาดสหรัฐฯ และยุโรปก็เติบโตดีเช่นกัน แต่จีน (10% ของการส่งออกทั้งหมด) เริ่มชะลออย่างรวดเร็วเหลือ +1.4%M-M ข่าวนี้เป็นบวกกับ KCE, STANLY, AH, IHL, SAT, SITHAI, TUF, CFRESH
§ หลีกเลี่ยงกลุ่มปิโตรเคมี ผลประกอบการ 2Q10 ของกลุ่มนี้แย่ลงมาก Q-Q บางบริษัทอาจขาดทุนจาก Stock loss เช่น PTTAR (ขึ้นอยู่กับการบันทึกบัญชี) ที่ยังดีกว่ารายอื่นคือ PTTCH และปลายน้ำอย่าง IVL, TPC, VNT มีแนวโน้มที่นักวิเคราะห์จะปรับเป้าหมายลง ผู้ที่ยังไม่มีหุ้น ยังไม่แนะนำให้เข้าซื้อ แต่ถ้ามีและขาดทุนมาก ไม่น่าขายแล้ว ให้รอรีบาวนด์แล้วขาย
§ มีมุมมองบวกขึ้นเรื่อยๆ กับการประมูล 3G กทช. คาดว่าจะประกาศร่าง IM ในราชกิจจานุเบกษา 25 ก.ค. และประมูลในสัปดาห์ที่ 3 ของ ก.ย. ส่วนการแปร 2G เป็น License เราเชื่อว่ายากและการศึกษาไม่น่าจะเสร็จทันภายใน 1 เดือน เลือก DTAC เป็น Top pick และเก็งกำไร TRUE และเป็นบวกกับหุ้นที่เกี่ยวข้อง AIT, JTS, SAMART, LOXLEY
§ กำไรของแบงก์ดีกว่าคาด 9 แบงก์มีกำไรรวม 2.7 หมื่นล้านบาท +3% Q-Q, +27% Y-Y เราปรับประมาณการขึ้นใน BBL, KK เลือก KBANK, SCB เป็น Top pick และชอบ BBL มากขึ้น
§ พรุ่งนี้ติดตาม 1) Stress Test ของ 91 แบงก์ในยุโรปว่าจะเรียกความเชื่อมั่นได้เหมือนกรณีสหรัฐฯ หรือไม่ ที่หลังประกาศผล หุ้นขึ้นทันที 2) ธปท. รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อรายไตรมาส และอาจปรับประมาณการ GDP ขึ้นด้วย

ข่าวภายในประเทศ
นายกฯ ไฟเขียวเปิดประมูล 3G ก.ย.นี้: การพูดคุยกันระหว่างนายกฯ กับกทช. เมื่อวานนี้ นายกให้อิสระ "กทช." เดินหน้าประมูลไลเซ่นในประมาณสัปดาห์ที่ 3 ก.ย.นี้ ตามกรอบเวลาประมูลตามเดิม และคาดวันที่ 25 ก.ค.นี้ จะประกาศ IM ลงราชกิจจานุเบกษา ส่วนเรื่องการแปลงสัมปทาน 2G เป็นใบอนุญาต กทช.มีท่าทีรับในแผนและจะให้ความร่วมมือ ความเห็น: ท่าทีเห็นด้วยกับการเดินหน้าประมูล 3G น่าจะเป็นปัจจัยเชิง
บวกต่อเนื่องต่อกลุ่มมือถือ ส่วนกรณีแผนการแปลงสัมปทาน 2G เป็นใบอนุญาต มองว่าค่อนข้างยากและอาจไม่ทันเนื่องจากมีระยะเวลาศึกษาเพียง1 เดือน โดยเฉพาะประเด็นด้านกฎหมาย เนื่องจากเอกชนสามารถเลือกได้ว่าจะแปลงหรือไม่ จึงยังไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเชิงลบต่อเอกชน
คำแนะนำ:คง “Overweight” กลุ่มมือถือ โดยยังมองว่า ADVANC กับ DTAC มีความพร้อมมากสุดด้านฐานะการเงิน ขณะที่ DTAC และ TRUE มีโอกาสลดต้นทุนดำเนินงานเชิงเปรียบเทียบมากกว่า หากรวมมูลค่าเพิ่มจาก 3G ของ ADVANC, DTAC, และ TRUE ที่ 11 บาท, 7 บาท, และ 0.60 บาท เข้าไป ราคาเป้าหมายของหุ้นดังกล่าว จะเพิ่มจากเดิม 94 บาท, 43.50 บาท, และ 2.74 บาท เป็น 105 บาท, 50.50 บาท, และ 3.34 บาท ตามลำดับคงแนะนำ “Buy” ทั้ง ADVANC และ DTAC โดยเลือก DTAC เป็น Top-Pick ส่วน TRUE ยัง Rating “Sell” แม้ระยะสั้นอาจมีการเก็งกำไรมากขึ้นจากประเด็นพันธมิตรที่กลับมาอีกครั้ง
เขยเจริญลุยค้าปลีกซื้อคาร์ฟูร์หมื่นล้าน ส่ง BJC เทกโอเวอร์ สยายปีกเครือข่ายธุรกิจ BJC ประกาศสู้ศึกชิง “ห้างคาร์ฟูร์” ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างมูลค่าระยะยาว เชื่อใช้เงินไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท หลังล่าสุดเข้าซื้อกิจการ “มาลายากล๊าสโปรดักส์” โรงแก้วยักษ์ใหญ่มาเลเซีย ดันยอดขายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วเติบโตกว่า 20% พร้อมเดินหน้าลงทุนเวียดนาม 400 ล้านบาท ใช้ฐานขยายตลาดลาว-กัมพูชา การันตียอดขายปีนี้โต 10% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 22-07-2010)
ชายน้อยเบรกโบรกเกอร์ มองหุ้น PTTAR ร้ายเกิน PTTAR ลั่นไตรมาส 2/53 ผลประกอบการไม่เลวร้ายอย่างนักวิเคราะห์มอง เนื่องจากมาร์จิ้นโรงกลั่นยังดี แม้มาร์จิ้นอะโรเมติกส์แคบลง ราคาน้ำมันจะผันผวน เผยยังไม่สามารถประเมินรายได้ครึ่งปีหลัง เหตุมีโรงกลั่น โรงปิโตรเคมีปิดตัวลงหลายราย รวมทั้งรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจก่อน ด้านโบรกฯ มอง Q2/53 พลิกขาดทุน จากกำไร 2.3 พันล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 22-07-2010)
SYNTEC งานแน่นเอี้ยดจ่อเซ็นสัญญาอีกพันลบ. SYNTEC หุ้นรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากภาคอสังหาฯที่ฟื้นตัว ลูกค้าแน่นเอี้ยด โชว์ Backlog 6.5 พันล้านบาท บวกงานที่เพิ่งเซ็นสัญญาไปแล้วในไตรมาส 2 อีก 285 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 เตรียมเซ็นสัญญาก่อสร้างคอนโดฯใหญ่ มูลค่า 1 พันล้านบาท เบ็ดเสร็จรวม 7.8 พันล้านบาท กินยาวไปถึงปี 2555 แถมราคาหุ้นเทียบกับกลุ่มรับเหมาฯ ถือว่าราคาถูกที่สุดPER ที่ 5.64 เท่า ส่วน PBV ที่ 0.76 เท่า ให้ราคาพื้นฐาน 1.45 บาท ต่ำกว่าบุ๊คอีกต่างหาก (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 22-07-2010)
STAR ออเดอร์นอกพุ่ง ครึ่งหลังรายได้สวยหรูคลอดสินค้าใหม่ 7 รุ่น STAR ออเดอร์ตะวันออกกลางเข้าปลายปีนี้ หนุนผลประกอบการครึ่งปีหลังสวย โดยเฉพาะไตรมาส 4/53 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น “สมชัย” มั่นใจรายได้เข้าเป้า 10-15% จาก 206.42 ล้านบาท ขณะที่ยังเดินหน้าคุยลูกค้าใหม่และขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง เล็งออกสินค้าใหม่ 7-8 รุ่นในไตรมาส 3/53 เจาะตลาดระดับกลาง-บน ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 22-07-2010)
TICON ซื้อเก็งกำไรลุ้น 11.60 บาท ปีนี้ฟันกำไร 800 ล้าน โต 22% รับดิวิเดนด์ยีลด์สูง 8% “ไทคอน” เทคนิคหุ้นยังซื้อเก็งกำไรได้ ลุ้นขึ้นทดสอบแนวต้าน 11.60-12.50 บาท ส่วนงบ Q2 คาดโกยกำไร 89 ล้านบาท เพิ่ม 30% จาก Q2 ปีก่อน แต่ลดลงจาก Q1 เหตุไม่มีบุ๊ครายได้ขายโรงงาน ส่วนทั้งปีดูดีรับแรงหนุนธุรกิจยานยนต์ขยายตัว โบรกฯคาดปีนี้ฟันกำไร 800 ล้านบาท โต 22% จากปีก่อน แนะนำซื้อเป้า 13.60 บาทรับดิวิเดนด์ยีลด์สูง 8% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 22-07-2010)
IRPC อนุมัติการผลิตโพรพิลีนแสนตัน รับแผนควบรวมเลื่อนยาว แนะถือเป้าหมาย 4 บาท บอร์ด IRPC ปัดฝุ่นโครงการผลิตโพรพิลีน 1 แสนตันต่อปี มูลค่า 80 ล้านเหรียญ หลังดองมาตั้งแต่ปี 2551 แจกเอกสารมติ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอดีตนายกฯทักษิณให้กระทรวงการคลัง เข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ TPI รับทราบ เพื่อดูรายละเอียด พร้อมศึกษาข้อกฎหมาย “ประเสริฐ” ลั่นไม่สามารถตอบได้เลยแผนควบรวมนานขนาด
ไหน โบรกฯแนะนำถือให้ราคาเป้าหมาย 4 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 22-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ - หุ้นสหรัฐฯร่วง ดาวโจนส์ลด 109.43 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนัก หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ย้ำว่า เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณไม่มั่นคง...
ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีปรับตัวกระจัดกระจายในช่วงแรก จากรายผลประกอบการของหลายบริษัทที่มีทั้งน่าพอใจและไม่เป็นไปตามเป้า ก่อนที่นักลงทุนจะเทขายหุ้น หลังนายเบน เบอร์นานกี ประธานเฟด จะยอมรับระหว่างให้ปากคำต่อกรรมาธิการวุฒิสภา ว่า เศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ในภาวะไม่มั่นคง แม้จะไม่ระบุอย่างชัดเจนว่าเลวร้ายถึงขั้นถดถอยอีกหรือไม่ ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 1.02 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ 76.56 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ 10,120.53 จุด ลดลง 109.43 จุด แนสแดคปิดที่ 2,187.33 จุด ลดลง 35.16 จุด และเอสแอนด์พีปิดที่ 1,069.59 จุด ลดลง 13.89 จุด


ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา:
สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล สต็อกเบนซินพุ่ง 1.1 ล้านบาร์เรล สำนักงานสารสนเทศการพลังงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ก.ค.เพิ่มขึ้น400,000 บาร์เรล แตะระดับ 353.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 1.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรล แตะที่ 166.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น1.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 222.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1% แตะระดับ 91.5% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 22-07-2010)
จีน: ซินหัวเผยสต็อกน้ำมันเดือนมิ.ย.ของจีนเพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบรายเดือน ข้อมูลสถิติสต็อกปิโตรเลียมจีน (CPSS) ระบุว่า สต็อกมันดิบเชิงพาณิชย์ของจีน ซึ่งไม่นับรวมสต็อกในคลังเก็บน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ อยู่ที่ระดับ 28.8 ล้านตันเมื่อสิ้นสุดเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น.3 ล้านตันหรือ 4.7% จากสิ้นเดือนพฤษภาคม ขณะที่สต็อกผลิตภัณฑ์น้ำมันของจีน ซึ่งรวมถึงน้ำมันเบนซิน ดีเซล และน้ำมันก๊าด อยู่ที่ระดับ17.27 ล้านตันเมื่อสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ลดลง 330,000 ตัน หรือ 1.9% จากสิ้นเดือนพฤษภาคม (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-07-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นคงประมาณการณ์เศรษฐกิจเดือนก.ค.ที่ระดับเดิม หลังศก.ในปท.ส่งสัญญาณชะลอตัว รัฐบาลญี่ปุ่นคงประมาณการณ์เศรษฐกิจรายเดือนไว้ที่ระดับเดิมในเดือนนี้ ระบุการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศขาดปัจจัยหนุน ขณะที่สหรัฐเผชิญความเสี่ยงในช่วงขาลงและยุโรปประสบปัญหาหนี้สาธารณะ คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุในรายงานการประเมินเศรษฐกิจประจำเดือนก.ค.ว่า "แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะเริ่มกระเตื้องขึ้นและมีปัจจัยพื้นฐานที่ช่วยหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน แต่เศรษฐกิจยังเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายในส่วนของอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง" (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-07-2010)
เอเชีย: รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมชะลอการใช้นโยบายกระตุ้นตลาดอสังหาฯ รัฐบาลเกาหลีใต้จะชะลอการประกาศใช้นโยบายกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในภาวะที่ซบเซา หลังจากที่กระทรวงต่างๆยังไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องนโยบายดังกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ชุง จอง-ฮวาน รัฐมนตรีกระทรวงที่ดิน ขนส่ง และกิจการทางน้ำของเกาหลีใต้ กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า หลังจากที่ได้หารือเกี่ยวกับนโยบายตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน เช่น นโยบายหนี้ต่อรายได้ และมาตรการทางภาษีต่างๆแล้ว ที่ประชุมเห็นว่า ควรจะมีการทบทวนผลพวงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้นโยบายดังกล่าวมากขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-07-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code 120 : SET ยังคงผันผวน และเล่นตามข่าว

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม 2553

ATT Code : SET ยังคงผันผวน และเล่นตามข่าว
เช้านี้ SET เปิดที่ 828.48 จุด + 4.07 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับเพื่อนบ้าน แต่ก็มีแรงขายจนลงมา Low muj 821.49 0จุด ลงไป -3 จุด ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับจึ้นไปจนปิดครึ่งวันเช้าที่ 829.18 จุด +4.77 จุด ฝรั่ง Net SELL ประมาณ 70 ล้านบาท V. 15,547 MB และตอนบ่าย SET มาปิดตลาดที่ 830.93 จุด +6.52 จุด โดยกลุ่พลังงานยังนิ่งๆ อยู่ แต่กลับเป็นกลุ่มแบงค์และกลุ่มสื่อสารเป็นตัวนำตลาด ซึ่งวันนี้สามารถยืน 830 เหนือเส้น 5 วันที่ 826 ได้ ก็ทำให้แนวโน้มในวันพรุ่งนี้มีแนวต้านอยู่ที่ BB Top 836 จุด

----------------------------------------------------------------------------------
KELive วิเคราะห์รายหุ้น

SPALI (12.90 บาท : ซื้อเมื่ออ่อนตัว) ยอดขายและกำไรไตรมาส 2/53 ชะลอตัว
TCAP (30.00 บาท : ซื้อ) ขยับขึ้นเป็นธนาคารอันดับ 5 ทางด้านขนาดสินทรัพย์
DTAC (39.00 บาท : ซื้อ) ประกาศกำไร 2,435 ล้านบาทในไตรมาส 2/53 โต 78% yoy และเกินกว่าคาด 12%/จะต้องปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้
CPF (23.30 บาท : ขายทำกำไร) คาดกำไรไตรมาส 2/53 สูงเป็นประวัติการณ์ เติบโต 30% yoy
KTB (12.70 บาท : ซื้อ) สินเชื่อครึ่งปีแรกขยายตัว 8.5% จากสิ้นปีก่อน
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
21 กค .53 ( -5.99 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

พอมีโอกาสดีดตัวขึ้น 826 – 829 จุด ดัชนีในวันอังคาร ปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ถือเป็นการเกิด “สัญญาณขาย” แนวโน้มในวันพุธนี้ พอมีโอกาสอยู่บ้างที่ ดัชนีอาจจะดีดตัวกลับขึ้นไปแถว 826 – 829 จุด ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม จากนั้นถ้ามีการปรับตัวลงต่ำกว่า 820.41 จุดต่ำสุดของวันอังคาร จะทำให้เกิด “สัญญาณขาย” ในเครื่องมือ Point &Figure อีกครั้ง และ ดัชนีมีเป้าหมายในการปรับตัวลงต่อไปแถว 796 – 806 จุด ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน
Rebound 826 - 829 Next correction Target 796

LOXLEY
มีโอกาสปรับตัวในคลื่น 4 เพื่อรอขึ้นต่อคลื่น 5ภาพระยะวัน รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 2.12จุดสูงสุดวันอังคาร เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน2.20 – 2.30( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 2.06 )2.20 – 2.30

CPN
ปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ขึ้นมาได้ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน21.10 จุดสูงสุดวันอังคาร เป้าหมายระยะสัปดาห์ 22.10 – 22.60( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 20.50 )

หุ้นเด่น
10 อันดับซื้อขายสูงสุด

TMB แกว่งตัว 2 – 2.12
CPF ไม่น่าเกิน 23.50 – 23.70
PTTAR ปรับตัวลง 21 - 22
BBL ปรับตัวลง 128 – 129
PTT ปรับตัวลง 243 – 244
BTS ไม่น่าเกิน 0.86 – 0.88
TPIPL ไม่น่าเกิน 13.80 -14
TRUE ไม่น่าเกิน 3.38 – 3.40
SCB ปรับตัวลง 82 - 83
IVL ปรับตัวลง 19.50 - 20
----------------------------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้ 21/07/53
ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 824.41 จุด -5.99 จุด High 836.82 จุด low 820.41 จุด......แนวรับ 820 // 810-808 จุด แนวต้าน 830 // 836-840 จุด......PE SET 12.88 เท่า.........สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งซื้อ 151.42 ล้าน กองทุนขาย 404.95 ล้าน….......โบรกเกอร์ ที่ net buy TSC 470, PHATRA 219, AYS 218, KTZ 159 และ FSS 156……..โบรกเกอร์ที่ net sell MACQ -242, CGS -209, KEST -199, SCBS -184 และ US -155........TFEX SET50 ปิดที่ 559.09 จุด -4.13 จุด.......S50U10 ปิดที่ 552.80 จุด -4.60 จุด .... high 561.20 จุด low 551.50 จุด OI 19,708 ….......status futureวานนี้ Foreign net LONG 425 - Fund net SHORT 1966 - Retail net LONG 1541........ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ ปิด +75.53 จุด….ยุโรปปิด -0.5 ถึง +0.5% ......ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.30 น. NIX +21.19 จุด , HSKI +123.51 จุด, TWSE +23.02 จุด, KOSPI +11.85 จุดและSHCOMP +3.28 จุด.....ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า -12 จุด.......ค่าเงิน - เงินบาท 32.28…เงินเยน 87.22……...COMODITY.... น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ส.ค. ปิดที่ 77.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล +0.90 ดอลล์.........ค่าการกลั่น 4.46 ดอลล์........ทองคำ COMEX ปิดที่ 1191.70 เหรียญ +9.80 ดอลล์ ......BDI ปิดล่าสุดอยู่ที่ 1761 จุด +29 จุด …...ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดล่าสุดที่ 1875.00 ดอลลาร์ต่อตัน +67.0 ดอลล์

สินค้าเกษตร...ราคาตลาดจริง (หน่วย : บาท/ กก.) ….ข้อมูลจาก WEB Site ของ AFET (www.afet.or.th)

ราคาประมูลยางแผ่นรมควันชั้น 3 (20/07/10) Hatyai A.M. 100.63 บ. -1.0 บ. // FOB.BKK 104.90 บ. -1.0 บ.

ราคาข้าวขาว 5% (19/07/10) 12.68 บ.

ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 (19/07/10) 28.68 บ.


----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ขายทำกำไร!!


ดัชนีหุ้นวันที่ 20 ก.ค.53 ปิดที่ 824.41 จุด ลดลง 5.99 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 35,593.01 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 151.42 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน ชี้ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายทำกำไรออกมากดดัชนีทรุดตัวลง หลังมีปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามการประกาศผลการทดสอบความแข็งแกร่งของธนาคารพาณิชย์ในยุโรป (Stress Test) ที่จะมีการประกาศวันที่ 23 ก.ค.นี้

มองทิศทางตลาดระยะสั้น คาดว่าน่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนเข้ามาหนุนดัชนี แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ทยอยขายทำกำไร โดยด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 820-815 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 825-830 จุด

ทั้งนี้ "ประเสริฐ บุญสัมพันธ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT ระบุว่า ผลการพิจารณาของ ป.ป.ช. ที่มีการชี้มูลความผิดกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้กระทรวงการคลังเข้าฟื้นฟูกิจการ TPI ว่า PTT เตรียมนำผลการชี้มูลดังกล่าวมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการควบรวมกิจการ IRPC กับ PTTAR ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่าจะมีผลกระทบต่อแผนควบรวม เพราะต้องดูความเหมาะสมและผลการศึกษาอย่างรอบคอบก่อน

ประเด็นนี้ส่งผลกดดันให้ราคาหุ้น PTTAR ปรับตัวลงแรงกว่าที่คาด ประกอบกับมีการคาดการณ์ว่ากังวลผลประกอบการไตรมาส 2 อาจออกมาขาดทุน

ขณะที่บทวิเคราะห์นครหลวงไทยแนะให้ "หลีกเลี่ยงลงทุน" PTTAR คาดว่าไตรมาส 2 จะขาดทุนสุทธิ 397 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อโรเมติกส์ ทั้งนี้ ได้ลดราคาเหมาะสมลงเป็น 25 บาท ซึ่งน่าจะชี้นำไปถึงผลประกอบการของ TOP และ IRPC ที่

น่าจะอ่อนแอเช่นกัน

ส่วน บล.กิมเอ็ง แนะทำชอร์ตเซลหุ้น PTTAR โดยควรหาจังหวะ Short ในช่วงที่ราคาหุ้นรีบาวน์เข้าใกล้แนวต้านที่ 24.70-25.00 บาท และมีจุดตัดขาดทุนที่ 25.25 บาท

ด้าน บล.เกียรตินาคิน ปรับลดราคาเหมาะสม PTTAR จาก 34 บาท เป็น 29 บาท แต่ยังคงแนะนำซื้อเก็งกำไร.

FSS:เริ่มมีแรงขายออกมามากขึ้น ดังนั้นตลาดขึ้นต่อควรทยอยขายทำกำไรด้วย
แนวโน้ม: เมื่อวานนี้หลังจาก SET ขยับขึ้นไปสูงสุดของวันที่ระดับเกือบ 837 จุดแล้ว จากนั้นก็เริ่มมีแรงขายออกมากดดันให้ดัชนีไหลย้อนกลับลงมาปิดเป็นลบที่ระดับเกือบต่ำสุดของวัน และเป็นการลดต่ำลงจากระดับสูงสุดถึงเกือบ 2% ด้วย ดังนั้นแม้ว่าวันนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศจะค่อนข้างสดใส โดยตลาดหุ้นสหรัฐสามารถพลิกกลับมาปิดบวกได้สำเร็จหลังจากที่ระหว่างวันไหลลงไปลบกว่า 140 จุด ขณะที่ตลาดเอเชียเช้านี้ก็ตอบสนองในเชิงบวกโดยยังสามารถรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ แต่สำหรับตลาดหุ้นไทย เราคาดว่าจะเริ่มมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนเน้นหนักไปทางลบมากขึ้น เพราะ SET ได้ขยับขึ้นมาใกล้กับเป้าหมายดัชนีสำหรับปีนี้ของฝ่ายกลยุทธ์ FSS ที่ 860 จุดแล้ว โดยที่ระดับสูงสุดเมื่อวานนี้จะมีส่วนต่างเหลือเพียงไม่ถึง 3% ขณะที่ปัญหา Oversupply ในกลุ่มปิโตรเคมี และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เริ่มแกว่งทรงตัว ยังเป็นแรงกดดันให้หุ้นในกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะกลุ่มของ PTT ยังขยับขึ้นได้ไม่มากนักและมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อได้ ส่วนหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่ราคาขยับขึ้นมารับข่าวผลประกอบการไตรมาส 2/53 ที่ทยอยประกาศออกมาดีแล้วนั้น ก็ต้องระวังการ Sell on Fact นอกจากนี้ในช่วงท้ายสัปดาห์นี้ยังต้องจับตาดูผลการทดสอบภาวะวิกฤติของแบงก์ในยุโรปด้วย ดังนั้น FSS จึงคาดว่า SET จะมีกรอบการขึ้นที่จำกัดและมีแนวโน้มที่จะถูกแรงขายกดดันให้เริ่มปรับพักตัวลงสักระยะหนึ่งได้ เราจึงแนะนำให้ทยอยขายทำกำไรเมื่อตลาดขยับขึ้น จากนั้นแนะนำให้ถือเงินสดไว้ก่อนเพื่อรอการปรับตัวลงของตลาดก่อนเข้าซื้อใหม่ ซึ่งมีโอกาสที่ SET จะไหลกลับไปต่ำกว่า 800 จุดอีกครั้งได้
กลยุทธ์: เริ่มทยอยขายทำกำไรต่อเนื่อง โดยเฉพาะถ้าดัชนีขยับขึ้นไปสูงกว่า 830 จุด จากนั้นเน้นถือเงินสดไว้ก่อน

ประเด็นสำคัญวันนี้
§ กลุ่มสื่อสาร เราเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็น ‘Overweight’ จากเดิม ‘Neutral’
เพราะมีมุมมองบวกมากขึ้นกับการประมูล 3G ว่ามีโอกาสเกิดขึ้นในเดือน ก.ย. นี้ตามความมุ่งมั่นของกทช. แม้จะมีการเมืองแทรกแซงก็ตาม ในขณะที่ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่เป็น 2G จึงถือว่ามีความน่าสนใจมากขึ้น หากรวม 3G เข้าไป มูลค่าของ ADVANC จะเพิ่ม 11 บาทเป็น 105 บาท DTAC +7 บาทเป็น 50.50 บาท TRUE +0.60 บาทเป็น 3.34 บาท แนะนำซื้อทั้ง ADVANC และ DTAC โดยเฉพาะ DTAC ที่เป็น Top pick เพราะกำไรดีกว่าคาด และการเติบโตของกำไรก็สูงสุดในกลุ่ม (+41%) ส่วน TRUE น่าสนใจในเชิงเก็งกำไรการหาพันธมิตร

§ กลุ่มแบงก์ ประกาศผลประกอบการแล้ว 7 แบงก์ มีกำไรเพิ่มขึ้น 10% Q-Q และ 34% Y-Y ส่วนใหญ่ดีกว่าคาดเพราะรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าคาด ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเริ่มดีขึ้นจากเดิมที่เราคาดว่าจะ flat แบงก์ที่มีกำไรน่าประทับใจได้แก่ KBANK (Top pick) และ BBL ส่วน SCB กับ BAY คาดว่าจะประกาศวันนี้

§ แผนควบ PTTAR-IRPC เลื่อนยาว เพราะมีประเด็นใหม่ต้องศึกษาเพิ่มเติมคือคำตัดสินของ ปปช. ที่ระบุว่าทักษิณผิดที่ให้ก.คลังบริหารแผน TPI ราคาหุ้นทั้ง 2 พักฐานลงมาแล้ว แต่เชื่อว่ายังมี downside ลงได้ต่อเพราะราคาสินค้าปิโตรเคมีที่ปรับลงมาต่อเนื่อง 11 สัปดาห์และมีแนวโน้มลงต่อเพราะ Oversupply ใหม่เข้ามาต่อเนื่อง ขณะที่ Demand จากจีนเริ่มชะลอ ทั้งนี้ รวมถึงหุ้นปิโตรเคมีอื่นๆเช่น PTTCH, SCC, IVL, TOP, ESSO

§ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าแต่มีปริมาณที่เบาบาง ตามคาด เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่กระทบตลาด นักลงทุนส่วนใหญ่เข้าเล่นเก็งกำไรจากการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ที่มีทั้งที่ดีตามคาดและแย่กว่าคาด และไม่ได้บ่งบอกทิศทางตลาดแต่อย่างใด ตลาดพันธบัตรก็ค่อนข้างเงียบเหงาเช่นกัน การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังคงชะลอตัวตามคาด ค่าเงินยูโรทรงตัว เช่นเดียวกันค่าเงินในภูมิภาครวมทั้งค่าเงินบาทก็ค่อนข้างนิ่ง ทำให้การเคลื่อนย้ายเงินลงทุนในช่วงนี้เบาบางมาก ซึ่งเราเชื่อว่าภาวะเช่นนี้ยังอยู่ต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์นี้

ข่าวภายในประเทศ
TMB โชว์ฟอร์มขั้นเทพ ฟาดกำไรนิ่ม 886 ล้าน!
โบรกฯปรับเป้าราคาใหม่ทันที 2.36 บาท แบงก์ TMB แจงตัวเลขกำไรสุทธิไตรมาส 2/53 หักปากกาเซียนทุกสำนัก หลังโชว์ตัวเลขกว่า 886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125% ดันกำไรครึ่งแรกของปีพุ่ง 1.59 พันล้านบาท โตเกือบ 100 % ปรับ ราคาใหม่ 2.36 บาท เชื่อไตรมาส 3-4 เรี่ยวแรงยังดีดันกำไรปีนี้ใกล้เคียง 3 พันล้านบาท ส่วน BBL กำไรโต 40.4% ตามรายได้เติบโต และกำไรขายหุ้น ACL ส่วน KTB ซิวกำไร 3,373 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% ขณะที่แบงก์พาณิชย์ 9 แห่ง กำไรรวมกันกว่า 2 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 37% วันนี้รอลุ้นอีก 2 แบงก์ คือ SCB และ BAY (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 21-07-2010)
SGP ไตรมาส 2 พุงกาง ยอดขายจ่อ 2.5 หมื่นล. SGP ไตรมาส 2 กำไรพุ่ง 310 ล้านบาท โต 13% ยอดขายพุ่ง 5.3 พันล้านบาท พร้อมรับรู้กำไรจาก SGLS โรงอัดบรรจุที่เพิ่งซื้อจากสิงคโปร์ ช่วยเพิ่มกำไรปีละ 80 ล้านบาท ประเดิมรับปีนี้ 33 ล้านบาท ส่วนปีหน้ารับอีก 90 ล้านบาท ดันยอดขายรวมปีนี้พุ่ง 2.44 หมื่นล้านบาท ส่วนกำไรโต 1.44 พันล้านบาท โบรกฯปรับเป้าใหม่เป็น 19.50 บาท แนะซื้อลงทุนเพื่อรอเก็บเกี่ยว ผลประโยชน์จากการขยายธุรกิจในจีน และเวียดนาม (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 21-07-2010)
STHAI ขยับเป้าปีนี้รายได้ 5.6 พันล้าน ครึ่งหลังออเดอร์ทะลัก เชื่อกำไรทั้งปีเกิน 107 ล้านบาท SITHAI ปรับเป้ารายได้เพิ่มเป็น 5,630 ล้านบาท ออเดอร์ครึ่งหลังทะลักประกอบกับได้เครื่องจักรใหม่หนุนยอดขายโต 17-18% ส่วนกำไรทั้งปีคาดว่าจะสูงกว่า 107 ล้านบาท และคาดมีอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 21% ส่วนเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานที่นิคมอมตะ ไม่กระทบเป้าหมายรายได้ทั้งปีนี้ เพราะบริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงไว้แล้ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 21-07-2010)
STEC ครึ่งปีแรกกำไรโต 123% ลุ้นงานใหม่ครึ่งหลัง 5 พันล้าน STEC อัพไซด์เพียบ เป้าหมาย 7.80 บาท คาดครึ่งปีแรกกำไรโต 123% ประมาณ 202 ล้านบาท จากอัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8.5% เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากงานใหม่เพิ่ม ขณะที่ตั้งเป้าคว้างานใหม่ในครึ่งปีหลังกว่า 5,000 ล้านบาท ไม่รวมงานรถไฟฟ้า โบรกฯเล็งปรับประมาณการกำไรปี 2553 ใหม่ หลังจากประกาศงบไตรมาส 2/53 ในเดือน ส.ค. (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 21-07-2010)
CYBER เปิดแฟรนไชส์ Geniusplanet ตั้งเป้าปีแรกรายได้ 45%จากโดยรวม CYBER รุกหนักธุรกิจสถาบันเสริมทักษะการเรียนรู้สำหรับเด็ก “Geniusplanet” ทั้งขยายสาขาเองและเปิดขายแฟรนไชส์ วางเป้า 12 เดือนนับจากนี้เปิดเองอีก 30 สาขา และในส่วนที่เป็นแฟรนไชส์ปัจจุบันมีผู้จองเข้ามาแล้ว ภาคตะวันออก 30 สาขา และกรุงเทพฯ 15 สาขา “ชนินทร์เดช วานิชวงศ์” เผยวางเป้าปีแรกมีสัดส่วนรายได้ 35-45% ของ รายได้รวม (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 21-07-2010)
TMI รุกตลาดแดนมัมมี่-เวียดนาม กระตุ้นออเดอร์ Q3 พุ่ง ผู้ถือหุ้นไฟเขียวปันผล 5 สตางค์ TMI รุกเจาะตลาดอียิปต์-เวียดนามดันออเดอร์ต่างประเทศพุ่ง การันตีไตรมาส 3/53 สดใส “ธีระชัย” เตรียมลุ้นผลการเจรจากับโมเดิร์นเทรด คาดได้เพิ่มอีก 1 ราย รอแจ้งพร้อมผลประกอบการไตรมาส 2/53 เชื่อมั่นทั้งปีรายได้ตามเป้าหมายโต 17-20% ล่าสุดผู้ถือหุ้นอนุมัติปันผล 0.05 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 30 ก.ค.นี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 21-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ - หุ้นมะกันปิดบวก-น้ำมันทะยานเหนือ77ดอลลาร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดแดนบวก จากผลประกอบการของแอปเปิลและยาฮู ส่วนราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือ 77 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีปรับลดลงในช่วงแรกจากผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีที่ไม่เป็นไปตามเป้าของไอบีเอ็มและจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เนื่องจากไอบีเอ็มลงนามในสัญญาซื้อขายน้อยลง ส่วนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้รับผลกระทบเนื่องจากยาถูกเรียกคืน ก่อนที่ในช่วงครึ่งหลังของการซื้อขายดัชนีจะกระเตื้องขึ้นจากแรงซื้อหุ้น กลุ่มเทคโนโลยี หลังแอปเปิลและยาฮูรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 น่าพอใจ ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ 10,229.96 จุด เพิ่มขึ้น 75.53 จุด แนสแดคปิดที่ 2,222.49 จุด เพิ่มขึ้น 24.26 จุด และเอสแอนด์พีปิดที่ 1,083.48 จุด เพิ่มขึ้น 12.23 จุด
ด้าน ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ ไปปิดที่ 77.44 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: ปรับลดมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่แท้จริงของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกาศแก้ไขตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง ประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 โดยปรับลดลงร้อยละ 0.3 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.7 สืบเนื่องจากปริมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภคและปริมาณการส่งออกสุทธิ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-07-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยตัวเลขการสร้างบ้านใหม่เดือนมิ.ย.ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการก่อสร้างบ้านใหม่เดือนมิ.ย.ร่วงลง 5% มาอยู่ที่ระดับ 549,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอ่อนแอ ซึ่งส่งผลให้ความต้องการก่อสร้างบ้านใหม่หดตัวลงด้วย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้านเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น
2.1% สู่ระดับ 586,000 ยูนิตต่อปี นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังได้ปรับลดการประเมินตัวเลขการก่อสร้างบ้านเดือนพ.ค.ลงสู่ระดับ 578,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะผันผวนในตลาดอพาร์ทเมนท์และคอนโดมิเนียม (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-07-2010)
จีน: จีนไม่ยอมรับ IEA ประเมินจีนแซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นผู้ใช้พลังงานรายใหญ่สุดของโลก นายโจว เซียน เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพลังงานแห่งชาติของจีน (NEA) ได้ออกมาปฏิเสธรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่ระบุว่า จีนแซงหน้าในสหรัฐขึ้นเป็นประเทศที่ใช้พลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลกในปีที่แล้ว IEA ระบุว่า ปริมาณการใช้พลังงานของจีนในปี 2552 อยู่ที่ 2.252 พันล้านตัน สูงกว่าปริมาณการใช้พลังงานของสหรัฐที่ระดับ 2.17 พันล้านตันอยู่ราว 0.4% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-07-2010)
จีน: กระทรวงอุตสาหกรรมจีนคาดผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในปท.อาจพุ่งกว่า 11% ปีนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (MIIT) คาดการณ์ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนตลอดปี 2553 อาจขยายตัวมากกว่า 11% แม้อัตราการขยายตัวของผลผลิตมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ก็ตาม ทั้งนี้ อัตราการขยายตัวของผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมของจีนชะลอตัวลงเมื่อเทียบเป็นรายเดือนนับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยผลผลิตในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 13.7% ในเดือนมิ.ย. ลดลงจากเดือนพ.ค.ที่ขยายตัว 16.5% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-07-2010)
----------------------------------------------------------------------------------