Code 207 : จุดสำคัญอยู่ที่ ต่ำกว่า 1,000 หรือ มากกว่า 1,010

วันพุธที่ 1 ธันวาคม 2553
ATT Code : จุดสำคัญอยู่ที่ ต่ำกว่า 1,000 หรือ มากกว่า 1,010
----------------------------------------------------------------------------------
Short News
หุ้นที่คาดว่าเข้าคำนวณ SET50 รอบหน้า (1ม.ค.-30มิ.ย. 2011) เข้า - BTS, PTL, ROBINS, SSI, STA, DCC // ออก - BCP, KSL, HANA, PSL, QH, TTA

กนง.มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาที่ 2.00% ... ระวังแรงขายทำกำไรกลุ่มที่อยู่อาศัย ยานยนต์ และ แบงก์ที่ทำธุรกิจเช่าซื้อ แต่เป็นผลดีกับแบงก์ชนาดใหญ่!!

รถไฟสายสีแดงเลื่อนยื่นซองจากวันที่ 1-2 ธ.ค. เป็น 13-14 ธ.ค. เพราะผู้รับเหมาขอขยายเวลาก่อสร้าง รออนุมัติจากไจก้าใหม่
รถไฟสายสีแดง "บางซื่อ-รังสิต" ป่วน เลื่อนยื่นซองราคาหลังรับเหมาขอขยายเวลาอีก 9 เดือน กระทบชิ่งเปิดบริการช้าไปถึงปี 2559 เผยต้นทุนก่อสร้างพุ่งทะลุเฉียด 8 หมื่นล้านบาท หวั่น ครม.ไม่ขยายกรอบวงเงินเพิ่ม ต้องประมูลใหม่ จับตาบิ๊กรับเหมาเกี้ยเซียะแชร์เค้ก "ITD" จับคู่"ช.การช่าง" วัดดวงกับ "ซิโน-ไทย" ที่ดึง "ยูนิค" เป็นพันธมิตร วงในชี้รวมตัวโขกราคาสูงลิ่ว ส่วนรับเหมาต่างชาติแหยงค่าหัวคิว12% ขอบายไม่ยื่นประมูล
มีแนวโน้มว่าโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 75,548 ล้านบาทของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)ประกอบด้วยเนื้องาน 3 สัญญา คือ 1.งานโยธาและสถานีกลางบางซื่อ 26,554 ล้านบาท 2.งานโยธาจากสถานีบางซื่อ-รังสิต18,861 ล้านบาท และ 3.งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้า 26,272 ล้านบาท จะล่าช้ากว่าแผนเดิมอีกอย่างน้อย9 เดือน ตามระยะเวลาที่ผู้รับเหมาขอขยายเวลาก่อสร้างออกไปและวงเงินลงทุนต้องปรับเพิ่มจากราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้นเลื่อนยื่นซอง-รอไจก้าอนุมัติขยายเวลา

*GOVT:พาณิชย์เผย CPI พ.ย.เพิ่ม 2.8%, Core CPI เพิ่ม 1.1%
กระทรวงพาณิชย์แถลง ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI) ในเดือน พ.ย.อยู่ที่ 108.75 เพิ่มขึ้น 2.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ขณะที่เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 0.21% ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกำกับดูแลราคาสินค้าได้ผล และมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของภาครัฐ แม้มีปัญหาภาวะน้ำท่วม

TVO: ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขอปรับราคาเพดานขึ้นจากปัจจุบัน 38 บาท (ราคาขายก็ 38 บาทเช่นกัน) เป็น 48 บาท หากได้ปรับขึ้น ก็จะแพงกว่าน้ำมันถั่วเหลืองที่ปัจจุบันขายอยู่ที่ 42 บาท (ราคาเพดาน 46 บาท) น้ำมันทั้ง 2 ประเภทเป็นสินค้าทดแทนกันได้ หากราคาน้ำมันปาล์มแพงกว่า ประชาชนก็อาจมาบริโภคน้ำมันถั่วเหลืองแทน เป็นผลดีกับ TVO -- เป้าหมาย 36 บาท
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
1 ธค. 53 ( -3.88 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ยังมีโอกาสปรับตัวลง 990 – 995 จุด
แนวโน้มในวันพุธนี้ ดัชนีไม่น่าจะขึ้น ไปได้เกิน 1010 – 20 จุดสูงสุดเดิมของวันอังคารและสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนียังคงมีโอกาสที่จะ ปรับตัวกลับลงไปแถว 990 – 995 ใกล้จุดต่ำสุดของวันจันทร์

จากนั้น ตลาดน่าจะใช้ระยะเวลาอีกหลายวันแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบ 985 – 1010 หรือประมาณจุดต่ำสุดของวันจันทร์ ถึงจุดสูงสุดของวันอังคาร

ขณะที่การปรับตัวลง ต่ำกว่า 983.08 จุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อยังเป้าหมาย 905 – 940 จุด สำหรับภาพในเดือน ธค. ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์

หุ้นเด่น
IVL
ปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะวันขึ้นมาได้ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 53.75จุดสูงสุดวันอังคาร เป้าหมายระยะสัปดาห์57.00 – 67.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 50.75 )57 - 67
LPN
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะชั่วโมง รอตามเมื่อปรับตัวเกิน 10.00 จุดสูงสุดวันอังคาร และเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 10.30 – 10.40( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 9.80 )

Intraday - ไม่เกิน 1013 - 20
ดัชนีไม่น่าปรับตัวขึ้นเกิน 1013 - 20 เส้น 25 วันและจุดสูงสุดสัปดาห์ก่อน จากนั้นทยอยปรับตัวลง 990 - 995 สองสามวันข้างหน้า โดยรวมยังแกว่งตัวในกรอบ 985 - 1020

JAS
ทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะชั่วโมงทยอย 2.00 - 2.02 หรือเกิน 2.04 เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 2.10 - 2.14 ต่ำกว่า 1.99 ขาย

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
IVL รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
THAI แกว่งตัว 53.25 – 57.25
PTTAR แกว่งตัว 37.50 – 38.75
TRUE เกิน 6.40 ขึ้น 6.50 – 6.65
CPF เกิน 25.25 ขึ้น 25.50 – 26
BBL ต่ำกว่า 144 ลง 137 – 142
PTT มีโอกาสลง 301 - 304
KBANK ต่ำกว่า 117.50 ลง 114.50 – 115.50
KTB แกว่งตัว 15.90 – 16.60
BANPU แกว่งตัว 754 - 778
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS: กลยุทธ์การลงทุนเดือนธ.ค.2010
ในช่วงต้นเดือน ตลาดยังคงผันผวนจากแรงขายของต่างชาติและปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก (หนี้ในยุโรปและมาตรการคุมเข้มของจีน) หุ้นBig cap จึงผันผวนได้ง่ายและทำให้ดัชนีมีโอกาสหลุด 1000 จุด แต่หลังจากแรงขายของต่างชาติเริ่มชะลอ เราแนะนำให้ทยอยสะสมในช่วงตลาดอ่อนตัว (ระดับแรก 985 - 990 จุด และถัดไป 970 - 980 จุด) ในหุ้นพื้นฐานดี มีกำไรเติบโตในปีหน้า ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง และให้
ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง สำหรับหุ้นเด่น 5 หลักทรัพย์ในเดือนนี้ ได้แก่ BANPU, BIGC, KTB, PTL, SEAFCO

สรุปภาวะตลาดเดือนพ.ย.2010
SET แกว่งตัวขึ้นลงค่อนข้างกว้างในเดือนที่ผ่านมา โดยขยับบวกขึ้นได้ก่อนในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนและทำจุดสูงสุดใหม่ได้ที่บริเวณ1,055.25 จุดบวกขึ้นจาก ต.ค.ถึง 70.79 จุดหรือคิดเป็น 7.19% จากการเก็งกำไรผลการประชุมเฟดที่ประกาศว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่หลังจากนั้นในช่วงครึ่งหลังของเดือน ตลาดหุ้นทั่วโลกก็เริ่มผันผวนและเน้นหนักทางด้านปรับตัวลงรวมทั้งตลาดหุ้นไทยด้วย จากข่าวการเข้ารับการช่วยเหลือทางการเงินของไอร์แลนด์ ทำให้นักลงทุนวิตกว่าปัญหาหนี้สินในยูโรโซนจะยืดเยื้อและอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอีกได้…

FSS : ตลาดเริ่มมีแรงขายกดดันอีกครั้ง ดังนั้นยังรอโอกาสรับต่ำดีกว่า!!
แนวโน้ม: หลังจากความกังวลต่อปัญหาเรื่องการยุบพรรค ปชป. ผ่านพ้นไปได้บ้าง แม้ว่าจะยังมีคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าศาลฯ จะยกคำร้องด้วยหรือไม่ แต่ความกังวลต่อปัญหาหนี้สินในยุโรปว่าอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ก็ยังคงกดดันอยู่ ส่งผลให้ Sentiment จากตลาดหุ้นทั่วโลกเช้านี้ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้น FSS จึงคาดว่า SET ดีดขึ้นช่วงนี้ยังเป็นเพียงการรีบาวด์ระยะสั้นๆและยังมีแนวโน้มที่ดัชนีจะแกว่งตัวลงไปแถว 980 จุดหรือต่ำกว่าได้อยู่ ดังนั้นจึงยังไม่แนะนำให้ซื้อไล่ราคา โดยยังสามารถรอหาจังหวะเลือกหุ้นเข้ารับเมื่อตลาดปรับตัวลงต่ำได้เช่นเดิม
กลยุทธ์: ตลาดดีดขึ้นก่อนจึงยังไม่ต้องรีบร้อนเข้าซื้อไล่ราคา โดยแนะนำให้รอหาจังหวะเลือกหุ้นเข้ารับแถว 980 จุดหรือต่ำกว่าอีกครั้ง สำหรับหุ้นที่น่าสนใจยังเน้นที่หุ้นหลักของตลาด ได้แก่ BANPU, KBANK, KTB, SCB, TASCO, PTL,AMATA, PS, SPALI, AP, CK, VNG, MAJOR, HEMRAJ เป็นต้น รวมทั้งอาจเริ่ม
จับตาดูหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้าไปคำนวณ SET50 รอบใหม่ (ม.ค.-มิ.ย.54) นี้ ซึ่งเราคาดว่าจะมี BTS, KK, SSI, STA, SPALI, TVO และ ITD

ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) วันนี้เราออกรายงานประจำเดือน ธ.ค. โดยแนะนำให้ถือเงินสด รอซื้อเพิ่มตลาดในช่วงต้นเดือนยังอยู่ในระยะพักฐานและมีโอกาสหลุด 1000 จุดเพราะแรงขายของต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ตามสถิติ ตลาดหุ้นเดือน ธ.ค. ให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย 3% M-M เพราะแรงซื้อของกองทุนในประเทศโดยเฉพาะ 4 ปีที่
ผ่านมาที่ขนาดของ LTF+RMF ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กองทุนซื้อเฉลี่ย 1.0-1.4 หมื่นล้านบาทและเป็นเดือนที่ซื้อมากที่สุด หุ้นเด่นที่เราแนะนำเดือนนี้มี BANPU, BIGC,KTB, PTL, SEAFCO
• (-) เศรษฐกิจเดือน ต.ค. ขยายตัวชะลอลงจากที่ขยายตัวสูงในช่วงก่อนหน้า ดัชนีการบริโภคภาคเอกชน +2.3%Y-Y ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าเพราะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นทำให้กำลังซื้อหดหายไป การลงทุนภาคเอกชน +17.4%Y-Y ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าเช่นกันเพราะมีการเร่งนำเข้าสินค้าทุนสูงมากในเดือนก่อนๆ
การส่งออก +16.6%Y-Y ชะลอน้อยกว่าที่คาด การท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ดีมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 1.36 ล้านคน +12.4%Y-Y เสถียรภาพทั่วไปยังแข็งแกร่ง เงินเฟ้อทั่วไปชะลอลง มีแรงส่งจากการใช้จ่ายของภาครัฐและรายได้เกษตรกรที่สูง
• (-) ญี่ปุ่นรายงานตัวเลขภาคการผลิตและการจ้างงานเป็นลบ อัตราการว่างงานเดือน ต.ค. เพิ่มเป็น 5.1% (Consensus คาด 5.1%) เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ส่วนดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. หดตัวต่อเนื่อง การเริ่มสร้างบ้านลดลงเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่ พ.ค. 2010
• (0) Number Portability เริ่มใช้ 5 ธ.ค. นี้ การแข่งขันจะสูงขึ้นในช่วงแรก จึงดูเหมือน ADVANC ซึ่งเป็นคายใหญ่สุดมีโอกาสที่ลูกค้าจะไหลออกได้มากสุด แต่สุดท้ายเชื่อว่าผลกระทบมีไม่มากเพราะการใช้บริการแบบนี้ในต่างประเทศ พบว่าในระยะยาวแล้วลูกค้ามักไม่ค่อยย้ายค่าย เรายังคงแนะนำ ADVANC ในฐานะที่เป็น Dividend play
• (+) ตลาดคาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ยวันนี้ (ประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้) เป็นบวกทางจิตวิทยากับกลุ่ม Rate sensitive เช่นกลุ่มที่อยู่อาศัย และที่จ่ายปันผลดีด้วยได้แก่ SPALI (เป้าหมาย 14.80 บาท) LPN (เป้าหมาย 12.45 บาท) AP(เป้าหมาย 8.30 บาท) รวมถึงเป็นบวกกับยานยนต์ และแบงก์ที่ทำเช่าซื้อ
• (0) หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 งวด 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2011 – เข้าBTS, KK, SSI, ITD, STA, SPALI ออก – BCP, BH, BIGC, KSL, MAKRO, SCCC
• Fund flow วานนี้ไหลออก แต่ปริมาณเบาบางมาก เนื่องจากตลาดยังเต็มไปด้วยปัจจัยลบจากปัญหาหนี้ของยูโรโซนอาจเกิดลุกลามมากขึ้น โดยอาจจะเริ่มที่กรีซและสเปนส่งผลให้ช่วงนี้เสถียรภาพของระบบการเงินในยุโรปอาจมีปัญหาระยะสั้นได้ ส่งผลให้ค่าเงินยูโรปอ่อนค่าต่ำกว่า 1.3 ยูโรต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับจีนปรับขึ้นดอกเบี้ยยังไม่ผ่อนคลาย ทำให้ค่าเงินเอเชียและค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า ดังนั้นจึงมองว่าแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติช่วงนี้จะเบาบางต่อเนื่องเช่นเดิม

ข่าวภายในประเทศ
กลุ่มมือถือ: กทช.เผยจะเริ่มทดลองให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Number Portability: MNP) ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.นี้ โดยช่วงบริการเฟสแรกไปถึงวันที่ 15 ธ.ค. จำกัดจำนวนไว้เพียงแค่วันละ 100 เลขหมายก่อน (จากผู้ประกอบการ 5 ราย คือ ADVANC DTAC TRUEMOVE TOT และ CAT รายละ 100 เลขหมาย/วัน) จากนั้นจึงมากำหนดว่าหลัง 15 ธ.ค.จะเปิดบริการเพิ่มจาก 100 เป็น 200-500 เลขหมาย หรือมากกว่านั้นค่อย ๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้น คาดว่าไม่เกิน ม.ค.ปีหน้า ทั้งนี้ มีค่าบริการย้ายค่ายเบอร์เดิมที่ 99 บาท โดยจะใช้งานได้ภายใน 3 วัน (ประชาชาติธุรกิจ 1ธ.ค.10) ความเห็น: คาดว่าจะเห็นการแข่งขันมากขึ้นในระยะสั้นช่วงแรกของการเปิดให้บริการ MNP แต่ไม่น่ามีผลกระทบมาก เนื่องจากผู้ใช้บริการมือถือส่วนใหญ่ประมาณ 90% เป็นระบบเติมเงิน (Pre-paid) และจากประสบการณ์ในต่างประเทศ และลูกค้าต้องคำนึงถึงเรื่องคุณภาพบริการ ในระยะยาวกระแสการย้ายค่ายจะนิ่งๆ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการคาดว่าจำนวนผู้ใช้บริการ MNP น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านรายต่อปี (ประมาณ 1.76% ของผู้ใช้บริการรวมระดับ 68 ล้านราย) คำแนะนำ: คงน้ำหนักกลุ่มมือถือเพียง “Neutral” เนื่องจากคาดการประมูล 3G บนคลื่น 2.1 GHZ ล่าช้าไปถึงปลายปี 2012 Top-pick - ADVANC ในเชิง Dividend Play ระดับ 10-12% ต่อปี
PS จุดนัดพบ 25 บาทรับ Q4 รายได้ 7 พันล้าน โชว์ยอดพรีเซล 3.8 หมื่นล้าน โครงการอินเดียเปิดเดือนนี้ PS ยังแจ๋วงบ Q4 สูงสุดรอบปีนี้รายได้พุ่งเกิน 7 พันล้านบาท ส่วนทั้งปีตามเป้า 2.4 หมื่นล้านบาท ล่าสุดยอดขายท่วมท้น 3.8 หมื่นล้านบาท ทั้งปีมีลุ้นทะลุ 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่โครงการอินเดียไปได้สวย เฟสแรก 500 ล้านบาท ขายได้แล้ว 50 ล้านบาท เล็งเปิดขายเป็นทางการเดือนนี้ โบรกฯแนะซื้อเป้า 25 บาท คาดรายได้-กำไรปีหน้าเติบโตโดดเด่น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 1-12-2010)
SITHAI กำไรพิเศษ 300 ล้านปีหน้ารับรู้รายได้เวียดนาม SITHAI ฟุ้งไตรมาส 4 กระฉูดบุ๊คกำไรพิเศษจากค่าสินไหมทดแทนจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกว่า 300 ล้านบาท ส่วนรายได้ทั้งปีโตเกินเป้า 5,700 ล้านบาท จากการเพิ่มกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น ทั้งปีตั้งงบลงทุน 1,100 ล้านบาท เล็งตั้งโรงงานใหม่อินเดีย ส่วนโรงงานที่เวียดนามจะเริ่มเดินเครื่องได้เดือนก.พ.54 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 1-12-2010)
ILINK การันตีรายได้ปีหน้าโต 20% ประมูลงาน 1.3 หมื่นล้าน เชื่อไตรมาสสุดท้ายแจ่ม ILINK เผยปีหน้าตั้งเป้ารายได้ 1,435 ล้านบาทเติบโต 18-20% เล็งเข้าประมูลงานใหม่มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนปีนี้มั่นใจทำได้ 1.2 พันล้านบาท หลัง Q4 ตุน Backlog กว่า 500 ล้านบาท ฟุ้งโค้งสุดท้ายปีนี้โชว์รายได้พุ่ง 100% จาก Q3 ที่ทำได้ 238.91 ล้านบาท จ่อประมูลงานใหม่ 200-300 ล้านบาทก่อนสิ้นปีนี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 1-12-2010)
-----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีการผลิตในเขตมิดเวสต์ขยายตัว 0.7% ในเดือนต.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเปิดเผยว่า ดัชนีการผลิตในเขตมิดเวสต์ เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. ข้อมูลของเฟดระบุว่า ผลผลิตเครื่องจักรในเขตมิดเวสต์พุ่งขึ้น1.5% ขณะที่ผลผลิตเหล็กกล้าเพิ่มขึ้น 0.7% ผลผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น 0.5% และผลผลิตทรัพยากรในภูมิภาคดังกล่าว เพิ่มขึ้น 0.4% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-11-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยค่าแรงโดยเฉลี่ยเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน กระทรวงแรงงานญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ค่าแรงโดยเฉลี่ยของบริษัทญี่ปุ่นที่มีพนักงานอย่างน้อย 5 คน ขยายตัว 0.6% แตะที่ 268,951 เยน/คน ในเดือนตุลาคมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 8ติดต่อกัน อันเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีผลประกอบการสูงขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-11-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดนำเข้าน้ำมันเดือนต.ค.ร่วง 5.8% ทำสถิติลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน สำนักงานพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติญี่ปุ่นเปิดเผยว่า การนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนตุลาคมของญี่ปุ่นมีปริมาณลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สู่ระดับ 105.23 ล้านบาร์เรล และเป็นสถิติที่ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ด้านกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และ อุตสาหกรรมรายงานว่า การนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางคิดเป็น 86.3% ของยอดนำเข้าน้ำมันทั้งหมดของญี่ปุ่น และมีสัดส่วนลดลง 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-11-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยตัวเลขสร้างบ้านเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 6.4% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 5 เดือน กระทรวงที่ดิน สาธารณูปโภค คมนาคม และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น เปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 6.4% จากปีที่แล้ว แตะระดับ 71,390 หลัง ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เพราะได้แรงหนุนจากนโยบายอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน และโครงการแลกแต้มเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งประชาชนสามารถนำแต้มไปแลกเป็นสินค้าและการบริการได้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-11-2010)
เอเชีย: สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ญี่ปุ่นเผยยอดการผลิตเดือนต.ค.ลดลง 8.4% แตะ 751,620 คัน สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่ายอดการผลิตยานยนต์ของญี่ปุ่นในเดือนต.ค.ร่วงลง 8.4% จากระดับปีที่แล้ว แตะ 751,620 คัน ซึ่งถือเป็นสถิติที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 12 เดือน เนื่องจากโครงการให้เงินอุดหนุนในการซื้อรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลได้หมดอายุลง สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การผลิตรถยนต์ร่วงลง9.7% แตะ 644,965 คัน ส่วนการผลิตรถบรรทุกเพิ่มขึ้น 0.1% แตะ 97,781 คัน ขณะที่การผลิตรถโดยสารเพิ่มขึ้น 0.9% แตะ 8,874 คัน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-11-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้เผยผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัว 3 ติดต่อกันในเดือนต.ค. รัฐบาลเกาหลีใต้รายงานว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวลงเป็นเดือนที่3 ติดต่อกันในเดือนตุลาคม หลังจากที่หดตัวลง 1.3% และ 0.4% ในเดือนสิงหาคมและกันยายนตามลำดับ สำนักงานสถิติของเกาหลีใต้รายงานว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนตุลาคมลดลง 4.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และร่วงลงหนักสุดในรอบ 22 เดือน สาเหตุหลักที่ดัชนีลดลงนั้น เป็นเพราะผลผลิตยานยนต์และเซมิคอนดักเตอร์ที่ลดลง 12.4% และ 8.7% เมื่อเทียบรายเดือนตามลำดับ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-11-2010)
เอเชีย: อินเดียเผย GDP ขยายตัวสูงเกินคาดที่ 8.9% ในไตรมาสก.ค.-ก.ย. รัฐบาลอินเดียเปิดเผยว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายนปีนี้ ขยายตัว 8.9% จากปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ราว 8% โดยภาคอุตสาหกรรมขยายตัว9.2% และภาคการเกษตรขยายตัว 4.4% ส่วนเหมืองแร่ขยายตัว 8% และพลังงานขยายตัว 3.4% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-11-2010)
เอเชีย: สิงคโปร์เผยอัตราจ้างงานดีดตัวแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ในปีนี้ กระทรวงแรงงานสิงคโปร์เปิดเผยว่า อัตราจ้างงานดีดตัวแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นจาก 65.4% ในปีที่แล้ว เป็น 66.2% ในปีนี้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code 206 : ลุ้นที่ 1020 จาก Cover Short กลุ่มพลังงาน แบงค์

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน 2553

ATT Code : ลุ้นที่ 1020 จาก Cover Short กลุ่มพลังงาน แบงค์
--------------------------------------------------------------------------------
Short News
ธปท.รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของไทย เดือน ต.ค. (จากหัวข้อข่าวบิสนิวส์-รอยเตอร์)
--ส่งออก ต.ค.โต 16.6%, นักวิเคราะห์คาดโต 16.3%
--นำเข้า ต.ค.โต 13.0%, นักวิเคราะห์คาดโต 13.4%
--ดุลการค้า ต.ค.+$2.44 พันล้าน,นักวิเคราะห์คาด +$2.30 พันล้าน
--ดุลบัญชีเดินสะพัด ต.ค.+$2.91 พันล้าน,นักวิเคราะห์คาด +$2.50 พันล.
--ดัชนีเชื่อมั่นทางธุรกิจ ต.ค.ที่ 50.0 จาก 50.6 ใน ก.ย.
--ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ต.ค. -1.2% จากเดือนก่อน
--ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน ต.ค. -0.9% จากเดือนก่อน
--ธปท.คาดน้ำท่วมกระทบจีดีพี 0.2% แต่ยังคงเป้าปีนี้โต 7.3-8.0%

*ปธ.บอร์ด TMB ดับฝันปันผลระหว่างกาล ระบุขอรอดูงบ Q4/53 ก่อนลุ้นจ่าย
อินโฟเควสท์ (30 พ.ย. 53)--นางเสาวนีย์ กมลบุตร รองปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานกรรมการ ธนาคารทหารไทย(TMB)เปิดเผยว่า คณะกรรมการธนาคารยังไม่มีการพิจารณาจ่ายเงินปันผล แม้ว่าผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาถือว่าน่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่ก็จะขอดูผลประกอบการในไตรมาส 4/53 อีกครั้งก่อน
"เรื่องปันผลขอดูไตรมาส 4 ก่อน ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกันเลย...ตอนนี้กำลังติดตามอยู่ ขอให้มีอะไรชัดเจนก่อน ขอดูตัวเลขไตรมาส 4 ก่อนแล้วจะได้คุยกัน" นางเสาวนีย์ กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/53 น่าจะเป็นไปตามแผนงานและมีกำไรต่อเนื่อง อีกทั้งเชื่อว่าการปล่อยสินเชื่อน่าจะขยายตัวได้ขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมาที่ทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากธนาคารมีสินเชื่อเดิมที่ไม่ดี ทำให้เป็นภาระต้องบริหารจัดการ ขณะที่ไม่สามารถเพิ่มสินเชื่อใหม่ได้มาก แต่ขณะนี้พอร์ตสินเชื่อดีขึ้นมาก เพราะจัดการภาระหมดแล้ว ทำให้มีเวลาในการหาลูกค้าดีๆ ใหม่ๆเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้มขณะนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว
สำหรับการขายหุ้น TMB ของกระทรวงการคลัง 26.1% ขณะนี้ทางไอเอ็นจีกรุ๊ปยังให้ความสนใจซื้อหุ้นเพิ่มเติม แต่ยังไม่มีข้อสรุปในขณะนี้ เนื่องจากทางกระทรวงการคลังยังไม่ได้เร่งขายหากไม่สามารถตกลงราคาได้เป็นที่พอใจ ประกอบกับ ขณะนี้ฐานะการเงินและการดำเนินธุรกจิของธนาคารดีขึ้นมากแล้ว

AP (BUY) - แนวโน้ม 4Q10 ฟื้นขึ้น และคาดผลตอบแทนปันผลประมาณ 5.8%
* แนวโน้ม 4Q10 กำไรจะดีขึ้น Q-Q เพราะมีคอนโดฯ ที่โอน 1 โครงการ คือ Rhythm รัชดา ซึ่งปัจจุบันโอนไปได้ประมาณ 10% และบริษัทตั้งเป้าหมายโอนใน 4Q10 ที่ 30% ของมูลค่ารวม 3.6 พันล้านบาท และมีรายได้จากบ้านแนวราบที่ส่งมอบต่อเนื่องจาก 3Q10 แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารงานที่ยังอยู่ในระดับสูง จากการโฆษณาและทำการตลาดโครงการคอนโดฯ และบ้านแนวราบที่เปิดใหม่ใน 4Q10 อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะฟื้นดีขึ้น Q-Q แต่ไม่ใช่กำไรที่ดีสุดของปี ซึ่งผ่านมาแล้วในช่วง 1Q10

ข่าวดีกลุ่มรับเหมา รฟม.เตรียมูลสายสีเขียว ก.พ. ปีหน้า ส่วนสายสีแดง - ประมูล 1 ธ.ค. แนะซื้อ STEC (TP 15.4), CK (12.7) ถือ/ซื้ออ่อนตัว ITD (TP 5.2)

สายสีแดง บางซื่อ – รังสิต
· การจัดการประกวดราคา
ออกประกาศเชิญชวนประกวดราคานานาชาติ (International Competitive Bidding) และจำหน่ายเอกสารประกวดราคางานสัญญา 1 (งานโยธาสำหรับสถานีรถไฟบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง)
งานสัญญา 2 (งานโยธาสำหรับทางรถไฟช่วงบางซื่อ – รังสิต)
งานสัญญา 3 (งานระบบไฟฟ้า และเครื่องกลรวมงานจัดซื้อตู้รถไฟฟ้า)
มีผู้สนใจซื้อเอกสารประกวดราคางานสัญญา 1 จำนวน 9 ราย งานสัญญา 2 จำนวน 10 ราย และงานสัญญา 3 จำนวน 19 ราย
กำหนดยื่นเอกสารประกวดราคางานสัญญา 1 ในวันที่ 1 ธันวาคม 2553
งานสัญญา 2 ในวันที่ 2 ธันวาคม 2553
และงานสัญญา 3 ในวันที่ 17 มกราคม 2554
มูลค่างานรวมเบื้องต้น สัญญาที่ 1 + 2 เท่ากับ 45,000 ล้านบาท
สัญญาที่ 3 รวม 20,000 ล้านบาท

สายสีเขียวอ่อน (ส่วนต่อขยาย) แบริ่ง-สมุทรปราการ
จะเปิดประกวดราคาได้ในเดือนก.พ.-มี.ค.2554 (ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยกำหนดระยะเวลา)
มูลค่าเฉพาะงานก่อสร้างประมาณ 15,000 ล้านบาท
ส่วนช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ต้องใช้เวลาศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
30 พย. 53 ( +17.29 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ปรับตัวลง 990 - 995 จุด
ดัชนีในวันจันทร์ ปรับตัวขึ้นสูงสุดประจำวันที่ 1009.00 ต่ำกว่าเป้าหมาย 1010 – 15 จุดที่คาดไว้ 1 จุด

แนวโน้มจากนี้ไป ไม่ว่าจะขึ้นถึง 1010 –15 จุดหรือไม่ ? ดัชนีมีโอกาสปรับตัวกลับลงมาแถว 990 – 995 ใกล้จุดต่ำสุดของวันจันทร์อีกครั้ง จากนั้นมีความเป็นไปได้ว่า ตลาดน่าจะใช้ระยะเวลาอีกหลายวัน แกว่งตัวขึ้นลงในกรอบ985 – 1010 หรือประมาณจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของวันจันทร์

ขณะที่แนวโน้มหลักของตลาด ยังคงมีความเสี่ยงของการปรับตัวลงต่อ โดยเฉพาะการปรับตัวลง ต่ำกว่า 983.08 จุดต่ำสุดของวันศุกร์ที่แล้ว ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อยังเป้าหมาย905 – 940 จุด สำหรับภาพในเดือน ธค. ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์

หุ้นเด่น
THAI
ปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะวันขึ้นมาได้ ทยอยซื้อแถว 49.75 – 50.25 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 51.75 จุดสูงสุดวันจันทร์เป้าหมายระยะสัปดาห์ 55.00 – 56.50 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 49.00 )

TMB
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงพอดี รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 2.18 จุดสูงสุดวันจันทร์ และเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 2.22 – 2.26( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 2.16 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTTCH มีโอกาสลงต่อ 150 – 151
PTT ต่ำกว่า 310 ลง 301 - 304
TRUE ไม่เกิน 6.25 ลง 5.60 – 5.70
PTTAR เกิน 38.75 ขึ้น 39.50 - 40
BANPU ไม่เกิน 778 ลง 754 - 760
IVL เกิน 50.50 ขึ้น 51 – 51.50
SCC ต่ำกว่า 326 ลง 316 - 320
CPF เกิน 24.90 ขึ้น 25 – 25.25
PTTEP ต่ำกว่า 170 ลง 166 - 168
JAS ต่ำกว่า 1.90 ลง 1.76 – 1.80

----------------------------------------------------------------------------------
หุ้นมีข่าว byแม่หมอ(เช้า) 30/11/53

สภาพตลาดวันนี้
SET 29/11/53 ปิด 1009.00 จุด+17.29จุด vol30179 ล้าน ฝรั่ง ขาย 834 ล้าน กองทุนซือ้ 591ล้าน พอร์ตบล ซือ้ 335 ล้าน ........
เช้านี้ต่างประเทศมีบวกสลับลบ - น้ำมัน ทองคำขึ้น BDI ลง ........
ตลท.เชื่อหลังการเมืองมีเสถียรภาพจากกรณีศาลยกคำร้องยุบพรรคปชป. ต่างชาติเลิกดิสเคาท์ตลาดหุ้นไทย พี/อีกลับมาใกล้เคียงตลาดหุ้นภูมิภาค...
ประเด็น คาบสมุทรเกาหลีต้องติดตามใกล้ชิด - ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประนามการโจมตีของเกาหลีเหนือเป็นอาขญากรรมต่อ มนุษยชาติ - เกาหลีใต้แจ้งให้ผู้สื่อข่าวออกจากเกาะยอนเปียง .......
สัญญาสายสีแดงจะยื่นซองสัญญาที่ 1 วันที่ 1 ธ.ค.นี้ และสัญญาที่ 2 ยื่นซองวันที่ 2 ธ.ค.นี้ มูลค่ารวม 4.5 หมื่นล้านบาท ......
จับตาการประกาศตัวเลขส่งออกของธปทที่อาจโตต่ำสุดตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์วันนี้ และ ติดตามการประชุมกนง.พรุ่งนี้คาดคงดอกเบี้ย ......
วันนี้ ดีเดย์MSCI เริ่มลดน้ำหนัก ในหุ้น BBL BANPU CPN ขณะที่ ปรับเพิ่มน้ำหนัก KBANK BEC- นำTHAI IVL เข้าคำนวณ - small cap 5 ตัวเข้าคำนวณเพิ่มมี BTS JAS STPI SAT PTL ..........
MSCI จะปรับเพิ่มน้ำหนักไทยในดัชนีอีก 0.07% จาก 1.5% เป็น 1.57%.....
SET แนวรับ 997/992/683จุด - แนวต้าน1007/1013/1020 จุด........

--------------------------------------------------------------
หุ้นในกระแสข่าว (หุ้น ที่อยู่ในกระแสข่าวรวบรวมมาให้จากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ และหนังสือพิมพ์ แต่ไม่สามารถคาดการณ์ราคาขึ้นลงได้ โปรดใช้วิจรณญานในการอ่านด้วย )
1.PTT KESTมองกรณีมอนทาร่าราคาหุ้น สะท้อนข่าวร้ายไปแล้ว-กำไร 4Q53 ของ PTT จะฟื้นตัวชัดเจน QoQ จากกำไรของธุรกิจโรงกลั่น (TOP, PTTAR, IRPC) ฟิทช์จัดอันดับหุ้นกู้ 100 ปีที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นของ ที่ 'AAA(tha)'
2.TOP ML/ CITI /MACQ Maintain BUY - Raise TP to 74/78 /80ปรับ เพิ่มกำไรปี 54 และ 55 ขึ้น 10% และ 15% หลังปรับสมมุติฐาน GRM ปี 11 / 12 จาก $ 5/ $6.9 / BBL เนื่องจากปัญหาขาดแคลนดีเซลในจีนอันอาจส่งผลต่อราคา LPG และ GPM ในไทยเพิ่มขึ้น$ 0.25 / BBL
3.PTTAR JPM Maintain BUY TP Bt40.00 - งบ 3Q ที่ออกมาไม่ใช่สิ่งที่ตลาดสนใจ เพราะเป็นอดีตไปแล้ว แต่ 4Q จะสดใส จาก PX Spread ที่ปรับตัวขึ้นแบบน่าตื่นเต้น และยืนได้ต่อเนื่องถึงปี 54- จ่อทุ่ม3หมื่นล้านบาท ตั้งโรงงานแครกเกอร์ใหม่รับปีทองปิโตรเคมี ปีหน้ารายได้โต
4.IVL BLSเป้าหมาย 62 บาท แนวโน้มกำไร 4Q/53-54 เติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยผลักดันจากความต้องการ PTA และเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์เพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้ทดแทนฝ้ายที่มีราคาแพงขึ้นมากซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลน PTA และโรงงานอัลฟาเพ็ทในสหรัฐ
5.PTTEP CITI แนะนำ Buy TP191 คาดการเข้าซื้อ KKD จะช่วยเพิ่มมูลค่า 30 บาท/หุ้น - ML คาดมอนทาราจะกระทบมูลค่า PTTEP ประมาณ 20 บาท/หุ้น แต่ราคาหุ้นลงมารับข่าวแล้ว
6.CK ไซยะบุรีเซ็นสัญญาปีหน้า- จ่อบุ๊คกำไรพิเศษขายไฟฟ้าโครงการน้ำงึม 2 ไตรมาส 4/53 ประมาณ 95 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย SEAN อีก 27 ล้านบาท ส่วนตั้งแต่ปี 54 เป็นต้นไปจะรับรู้รายได้จากการขายไฟ 400-450 ล้านบาทต่อปี - สัญญาสายสีแดงจะยื่นซองสัญญาที่ 1 วันที่ 1 ธ.ค.นี้ และสัญญาที่ 2 ยื่นซองวันที่ 2 ธ.ค.นี้ มูลค่ารวม 4.5 หมื่นล้านบาท
7.STEC ผลประกอบการไตรมาส3เพิ่มจาก76เป็น118ล้าน โกยมาร์จิ้นกระฉูด หลังควบคุมต้นทุนวัตถุดิบอยู่หมัด ผลสรุปคณะกรรมการสอบสวนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทั้ง 5 สัญญา พบว่าข้อมูลและขั้นตอนการประกวดราคา เป็นไปตามมติครม.- สัญญาสายสีแดงจะยื่นซองสัญญาที่ 1 วันที่ 1 ธ.ค.นี้ และสัญญาที่ 2 ยื่นซองวันที่ 2 ธ.ค.นี้ มูลค่ารวม 4.5 หมื่นล้านบาท
8.KTB CLSA ยังแนะนำ Overweight กลุ่มธนาคาร หุ้น Top pick คือ KTB เป้าหมาย 24.00 บาท รับผลบวกการปล่อยสินเชื่อภาครัฐ และงบลงทุนของรัฐบาล
9.BTS เคจีให้ให้เป้าหมาย0.97บาท คาดรายได้ปี 53 แตะ 4 พันลบ. เตรียมออกหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงินหมื่นลบ. -ฟันปีละ674ล้านจ้างวิ่งอ่อนนุช-แบริ่ง ผู้โดยสารเพิ่มวันละแสนคน กทม.เซ็นสัญญาอายุ 19 ปี
10.SAMTEL KESC ให้เป้าหมาย22บาทหุ้นกลุ่มสัมปทานภาครัฐคึกคัก รับข่าวบวกไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ หนุนโครงการรัฐเดินหน้าต่อ จับตาโครงการ 3G ของทีโอที เซียนหุ้นมองเปิดขายซองเดือนหน้าพร้อมชูอนาคตสดใสหากชนะประมูล ดันกำไรเพิ่ม 30%

--------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้
SET 29/11/53 ปิด 1009.00 จุด+17.29จุด vol30179 ล้าน high 1009.00 low 983.72 up 260 down 114 unchg 116 ............. ทางเทคนิค แนวรับ 997/992/683จุด- แนวต้าน1007/1013/1020 จุด ...... PE SET 14.88 เท่า ...... หุ้นtop5 PTTCH 154 +1.50 PTT 314 +11 TRUE 6.05 +0.05 PTTAR 38.50 +2.25 BANPU 772 +8 ......... สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่ง ขาย 834 ล้าน กองทุนซือ้ 591ล้าน พอร์ตบล ซือ้ 335 ล้าน รายย่อย ขาย 92 ล้าน .............. ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี ฝรั่ง+50401ล้าน กองทุน-25337 ล้าน พอร์ตบล +1918 ล้าน รายย่อย - 26983 ล้าน .......โบรกเกอร์ TOP5 KEST KGI BLS CGS ASP ...... โบรกเกอร์ ที่net buy UBS 841 CLSA 213 PST 377 ..... โบรกเกอร์ที่ net sell .MACQ 725 TSC 440 BLS 357.........หุ้นที่มีการshort sell (ล้านบาท)PTTCH 36 BBL 25 PTTEP 23 PTT 16 TRUE 10 ......... TOP NVDRซือ้ (ล้านบาท) SCC316 CPF266 SSC 155 ......ขาย (ล้านบาท) BANPU239 PTTCH208 BBL117 .......
.TFEX S50 ปิดที่ 702.65 จุด +14.35จุด ...... S50Z10 ปิดที่ 706.60 จุด high 704.50 low 681.50 avg 695 long 6501 short 5276 ......... ทางเทคนิค แนวรับ 700/697/961/686 จุด แนวต้าน706/711/716 จุด ........... GFZ10 ปิดที่ 19570 บาท -20 บาท high 19630 low 19530 avg 19577.69 long 742 long 969 ....ทางเทคนิค แนวรับ 19570/19430/19370 จุด แนวต้าน 19660/19720/19800 จุด ...... status future Foreign net long 857 - Fund net long509 - Retail net short 1366 .........
ตลาดต่างประเทศ DJ ปิด - 39.51 จุด 11052.49 จุด ....... ตลาดยุโรป FTSE -117.70จุด DAX -151.0 จุด CAC40-91.69 จุด........ ตลาดเอเซียNIX -41จุด KOSPI+20 จุด HSKI -57จุดTWSE+65 จุด SHCOMP+6 จุด ..... ตลาดล่วงหน้า DJ +8 จุด .............
ค่าเงิน เงินบาท 30.24 ....... เงินเยน 84.20 ........ยูโร อ่อนค่า ตลาดไม่เชื่อมั่นแผนไอร์แลนด์
COMODITY .... น้ำมัน NYMEXปิด+ 1.97เหรียญ 85.73เหรียญ ...... ค่าการกลั่น 5.38 เหรียญ ........ ทองคำCOMEXปิด+3.60 เหรียญ 1366เหรียญ ...... ตลาดสินค้าเกษตร น้ำตาลวิตกขาดแคลนปิดบวก - ถั่วเหลืองปิดลบหลังดอลล่าร์แข็ง - ราคายางปรับขึ้น2% ....... BDI ปิด-25 จุด 2145จุด ......
--------------------------------------------------------------
ข่าวต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ ปิดลบ0.36% จากวิตกปัญหายุโรปลาม
หุ้นธนาคารกดตลาดยุโรปปิดดิ่งลง1.5%
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: หวั่นปัญหาหนี้ลุกลามยุโรป ฉุดยูโรดิ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน
ธนาคารกลางยุโรปยันไม่มีการปรับลดมูลค่าพันธบัตรรัฐบาล
ตร.อินเดียรุดสอบแบงค์ตัดหนี้เสียพัวพันรับเงินใต้โต๊ะแลกการปล่อยกู้
จีนเผยปริมาณเงินทุนไหลเข้าอยู่ใกล้สถิติสูงสุดเดือนตค
เอดีบีเผยยอดขายตราสารหนี้เอเซียตอ ชะลอตัวในไตรมาส3
วิกีลีกส์แฉกาตริย์ซาอุหนุนสหรัฐโจมตีโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน
นายกสิงคดปร์หวังท่องเที่ยวเข้าประเทศวูงสุดเป็นประวัติการณ์ปีนี้
ธนาคารกลางไต้หวันเผยเงินนอกไหลเข้าบอนด์ลดลงหลังออกมาตรการสกัด
เฟดชิคาโกเผยดัชนีการผลิตเขตมิตเวสท์เพิ่มขึ้นในตค ญี่ปุ่นเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 5.1% หลังผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัว:

ข่าวการเมือง
นายกขอทุกฝ่ายเคารพคำตัดสินศาลรธน คดียุบพรรค ห่วง แดง-เหลืองเคลื่อนไหว
จี้ปฏิรูปภาษีลด'เหลื่อมล้ำ' ทีดีอาร์ไอชี้หากไม่เร่งทำอาจก่อวิกฤติ สุเทพอัดซ้ำ"สนธิ"ประโยชน์ส่วนตัว-ปลุกปชช.ร่วมต้านจี้"กกต." ลาออกยกชุด ปชป.ลุ้นใช้บรรทัดฐานคดี 258 ล้านข่าวเศรษฐกิจ
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าผันผวนมาก แม้การเมืองคลี่คลาย แต่กังวลหนี้ยุโรปลุกลาม ตลาดสงสัยแผนไอร์แลนด์-กลัวสงครามเกาหลี ยูโรอ่อนสุดรอบสองสัปดาห์-หุ้นพุ่งขึ้นอย่างลำบาก
ผู้ว่าธปท ผยขณะนี้มีเครื่องมือพอสมควรในการดูแลค่าเงินบาท แบงก์ชาติหนุนรัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เชื่อไม่กระทบเงินเฟ้อ ลูกจ้างได้ประโยชน์เต็มที่ โรงงานขอขึ้นน้ำมันปาล์ม10บาท : อ้างต้นทุนพุ่ง40บาทพาณิชย์ดึงต้นปีหน้า เรกูเลเตอร์"เร่งสรุปค่าสถานีLNGปตท. รองรับเปิดจำหน่ายปีหน้า เชื่อต้นทุนราคาก๊าซเพิ่ม เอ็มทีเอสโกลด์ฯขายทอง10เดือนยอด1.3แสนลบ. นายกสมาคมบลจ. แนะ นักลงทุนปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสม เชื่อเม็ดเงินลงทุนนอกแห่เข้าเอเชียต่อเนื่อง หลังนักลงทุนต่างชาติหมดศรัทธาค่าเงินดอลลาร์ยันตลาดหุ้นทั่วโลกยังเข้าสู่ ภาวะกระทิง
คลังคุมรายจ่ายรัฐสวัสดิการ เพิ่มรายได้ทำงบสมดุล 5 ปี-ชี้ศก.ปีนี้โต 7.5% TFEXคาดวอลุ่มปีหน้าเติบโต20%เทรด'ดบ.'วานนี้ ปชป."รอดหุ้นรับเหมาเด้ง เก็งงานรถไฟฟ้าวิ่งสะดวก
--------------------------------------------------------------
คอมเมนต์โบรกเกอร์ไทย เทศ
1 Dec 10 MPC Meeting Consensus ( from Fund Survey) · CS คาด GDP 4Q10 โตขึ้นเล็กน้อย คาดทั้งปี 10 โต 8% คาด BoT ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% 1 ธ.ค. แต่มีความเป็นไปได้ที่จะคงดอกเบี้ยสกัดผลกระทบ QE2
· JPM คาด BoT ปรับอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25%, 0.25%, 0.25% ในวาระการประชุมในเดือน ธ.ค., มี.ค., มิ.ย. ตามลำดับ · CITI คาด MPC จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ · CS คาด BoT จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ใน 1 ธ.ค. และอีก 1% ในปี 11 อย่างไรก็ดีหากการเติบโตชะลอลงอาจเลื่อนไปขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปี 11
· JPM คาด BoT จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 1 ธ.ค. กังวลเงินเฟ้อใน 4Q10 จากน้ำท่วม จนอาจส่งผลให้เป้าหมายดอกเบี้ยปี 11 อาจสูงกว่า 2%
· ML คาดหลังจาก BoT คงดอกเบี้ยที่ 1.75% แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจ US, EU, JP ฟื้นตัวอย่างเปราะบาง ขณะที่ ASEAN แกร่ง ส่วนส่งออกไทยรับผลกระทบตาม แต่การบริโภคในประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
· ML คาด MPC จะขึ้นอีก 0.25% ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ · CITI คาดว่าหาก BoT คงดอกเบี้ยไว้ที่ 2% และทั้งปี 11 จะส่งผลให้ EPS TISCO +12% ขณะที่ KBANK, BAY, KTB ทรงตัว แต่ BBL, TMB จะกระทบ -5%, -10% ในขณะที่นโยบายการเงินยังไม่ชัดจึงชอบ TISCO, BAY, SCB, KBANK มากกว่า
สรุปมุมมองตลาด ปรับขึ้น 0.25% เพื่อ สกัดกั้นเงินเฟ้อ แต่ส่วนต่างดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นหนุนเงินไหลเข้า บาทแข็งค่าต่อ แกระทบส่งออก หรือ่อนตัวช้าลงเพราะหักล้างการขายสุทธิของต่างชาติ สรุปขึ้นดอกเบี้ย BANK นำตลาด PROP กระทบไม่มากเพราะฐานดอกเบี้ยยังต่ำ แต่ถ้าไม่ขึ้นจะเป็นบวกต่อ PROP และ TISCO, KK
หยิบเงินหยิบทองวันนี้ ........ 30/11/53 ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ถือได้ว่าขยับขึ้นอย่างโดดเด่น หลังจากปรับฐานลงมาตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อผลการวินิจฉัยคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ออกมา 4:2 ยกคำร้องกกต. ทำให้การเก็งกำไรในหุ้นหลักเข้ามาอย่างโดดเด่น ปิดทะลุ 1,000 จุดมาอยู่ที่ 1,009 จุด แม้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 834 สัญญาก็ตาม ........ ภาพ SET INDEX วันนี้คาดขยับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เพื่อทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,015+/- จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่ดีขึ้น หลังแรงกดดันภายในประเทศคลี่คลายลง และหากตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค.ของธปท.ใน วันนี้ออกมาส่งสัญญาณการขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่หดตัวลงในเดือนก่อนหน้า หากกลับมาขยับขึ้นได้อีกครั้ง เชื่อว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะเป็นบวกที่อาจสวนกระแสตลาดหุ้นใน เอเชียเช้าวันนี้ได้เช่นกัน พร้อมกับกระแสเงินทุนต่างชาติอาจกลับมาสะสมหุ้นไทยอีกครั้ง เพราะอาจต้องปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับ MSCI ซึ่งจะมีผลในวันนี้ และก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของนักลงทุนกลุ่มนี้เทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่กลางเดือนธ.ค. ...ขณะ ที่ประเด็นหนี้สาธารณะในยุโรป ต่างกังวลว่าอาจจะขยายไปยังยุโรปตอนใต้อย่างสเปนและโปรตุเกสนั้น ยิ่งเป็นการตอกย้ำเงินทุนต่างชาติจะต้องกลับมาในเอเชียซึ่งมีเศรษฐกิจที่ แข็งแกร่งกว่ามากในเชิงเปรียบเทียบ รวมถึงตลาดหุ้นไทยก็มีความเป็นไปได้......กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอ "ถือพอร์ตส่วนที่เหลือ" และ "ทยอยสะสม" KTB / IRPC........การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน "ถือสถานะ Long ใน S50Z10 ข้ามวัน" Stop Loss: S50Z10 <>3เดือน- Let Profit Run คาดดัชนีฯมี New High เหนือ 1055 จุด หุ้นแนะนำวันนี้– PTT SCC PTTEP PTTCH (Short Covering) ........ ซื้อ SAMTEL เป้าหมาย 12.80 บาท บ.คาดว่า TOT การเปิดขายซองประมูลอาจเลื่อนไปต้นปี 54 ทั้งนี้ราคาเป้าหมายไม่ได้รวมบนสมมติฐาน SAMTEL จะชนะประมูลโครงการ 3G จะอยู่ที่เป้าหมาย 17.60 บาท จาก 12.80 บาท โดยมูลค่าโครงการ 1.8 หมื่นลบ. Net Profit Margin 2% เริ่มต้นสร้างในไตรมาส 2/54 ใช้เวลา 18 เดือนรับรู้รายได้ 50% ปี 54และ ปี 55
บล.ธนชาต ..... 30/11/53 ประเด็นสำคัญ:การเมือง ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ4ต่อ2เสียงไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ / LTF+RMF / STECซื้อ"Timingมีสัญญาณการกลับตัวขึ้น แนวต้าน 14.50บาท ........หุ้นทางเทคนิค: "ซื้อเก็งกำไร" STEC, QH, BBL / เทคนิค: สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายในทางบวก ส่งผลแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่กลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง
Fund Survey ........... 30/11/53 Strategy: การเมืองผ่อนคลาย แต่ EU ยังต้องตระหนัก รีบาวด์ต่อได้ แต่ไม่แรง ต่างชาติขายปิดงวด เลือก TOP, THAI, PTTCH เป็น Top Buy เลือก GSTEEL, ITD, JAS เป็น Top T-Buy
บล.ไอร่า ........ 30/11/53 ทิศทางตลาดวันนี้ ลดลงตามต่างประเทศ (-) กังวลหนี้ในยุโรปลุกลาม (-) ต่างชาติขายสุทธิ -834ล้านบาท (+?) ราคาน้ำมันล่วงหน้า +US$1.97/barrel หุ้นแนะนำ STEC, SAMTEL
บล.บัวหลวง..........30/11/53 SPALI หุ้นแกร่งปันผลดี ส่องราคา 13.40 บาท จาก 1) ราคาหุ้นปรับลด15% จากประเด็นเพิ่มวงเงินวางมัดจำในกลุ่มอสังหาเพื่อลดการเก็งกำไร ราคาปัจจุบันรับรู้ข่าวแล้ว ไตรมาส 4/53 การบันทึกรายได้และกำไรก้อนใหญ่ที่จะเป็นตัวกระตุ้นราคาหุ้นได้ 2)ได้เปิดตัวดครงการพรีเมียร์ ดาวน์ทาวน์ราชเทวี (มูค่า 3 พันลบ. )อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าราชเทวี ทำให้อัตราจองซื้อ 60% ทำเลที่ตั้งพร้อมราคาที่เหมาะสมยัคงเป็นกลไกต่อการขาย 3) ยอดขายรอรับรู้รายได้ ในระยะสั้นถึงกลางมองปัจจัยหนุนคือ คาดว่ากำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 4/53 (โดดเด่นที่สุดในกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย) และปันผลที่น่าดึงดูด 6.2% ต่อปี และ 4) PER ปี 54 ที่ 6.3 เท่า ในขณะที่การขยายตัวของกำไรคาดว่าจะมากกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มเล็กน้อยที่ 11% แนะนำซื้อเก็งกำไร
คู่หูคู่หุ้น........30/11/53 CPF หุ้นไก่ติดปีก ตั้งราคา 26 บาท เริ่มเห็นปัจจัยบวก ราคาเนื้อไก่ปรับตัวเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุด เพิ่มขึ้น 7.04% ซึ่งคาดว่าน่าจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ไปอีกอย่างน้อยก็ถึงต้นปีหน้า สำหรับผลกำไร CPF ในไตรมาส 4/53 คาดว่าจะเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ โดยปัจจัยที่จะผลักดันให้กำไรเติบโตจาก 4Q/52 คือปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ในจีน อีกประเด็นคือ การที่สหภาพยุโรปยุโรป อียิปต์และสหรัฐอาหรับ เอมิริตส์ กำลังจะพิจารณาการนำเข้าเนื้อไก่สดจากประเทศไทยอีกครั้ง ทางเทคนิคคาดว่ามีโอกาสทดสอบไฮเดิม 26.75 บาท
นายเรียนรู้........30/11/53 BLA พื้นฐาน 43 บาท ประเด็นที่น่าสนใจคือ กำไรที่ยังไม่รับรู้งวด 9M10 จากเงินลงทุนเผื่อขาย ฯลฯ ที่มีส่วนเกินทุนประมาณ 1 พันลบ. ส่งผลให้มูลค่าทางบัญชี/หุ้น เพิ่มขึ้นเป็น 7.81 บาท เติบโต 32% YoY จาก 5.89 บาท และคาดว่า Hidden Asset ดังกล่าวหากรับรู้เข้ามาจะส่งผลบวกต่อกำไรในอนาคต ,คงกำไรปี 2010-11F ที่ 1.9 และ 2.2 พันลบ. ,คาดอัตราการเติบโตยอดขาย เฉลี่ยปี 2011-13F ที่ 29% ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 15-20%
บาดตาเซียน.......30/11/53 ขอเล่นแค่ ภาพ Rebound ก่อนดีกว่า........PS มีสัญญาณเป็น Bullish divergence อีกทั้งปริมาณ Volume ที่เริ่มกลับมา ทดสอบ 22 และต้านสำคัญที่ 23 บาท เว้นแต่ว่าพลิกต่ำกว่า 20 ก่อนเท่านั้น มองให้น้ำหนักบวก ในระยะสั้นก่อน กลยุทธ์......ราคา 20.60-20.50 บาท ก็ยังน่าซื้อ เพื่อหวังขายช่วง 22 -23 บาท
เด็กแนว.......30/11/53 SAMTEL กำไรปีนี้ที่โด่งมาแต่แรก งานในมือร่วม 6 พันลบ. งานสำคัญ 3G-TOT เกิดแน่ๆ และ SAMTEL ถือว่าเป็นตัวเต็งสุดในการได้งานนี้ ซึ่งถ้าได้ไปก็จะมีการกระจายงานให้พันธมิตรบ้าง วางเป้าหมายราคาหุ้น 16 บาทก่อน ซื้อสะสม ต้านแรก 14 บาท.........................CK เมื่อรัฐบาลอยู่ต่อ เรื่องการเซ็นสัญญา รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจำนวนกว่า 5 หมื่นลบ.ที่ประมูลกันไปแล้ว โดยพี่ชอ รายเดียวฟาดไป 1.5 หมื่นลบ. และเมื่อทุกอย่างราบรื่นอย่างนี้ ก็น่าจะนัดเซ็นกันไปเลย Week หน้า มีเซ็นงานเขื่อนไชยะบุรี มูลค่า 7 หมื่นลบ. กราฟเด้งแรงจากระดับ Bottom ขึ้นมาสร้าง W-Shape กราฟดีต่อเนื่อง ต้านต่อไป 9.70 บาท.....................TCC เปลี่ยนชื่อจาก THECO แล้วจะทำธุรกิจถ่านหิน ย้ายมา Energy กลุ่ม Hiso นั่นเอง ล่าสุดมีการลดพาร์ล้างขาดทุนสะสม ซื้อสะสม ตัดอวัยวะ 2.90 บาท ถ้าไม่หลุด ต้านต่อไป 3.20 บาท
กระซิบหน้าจอ.......30/11/53 ซื้อ THAI ต้าน 54 บาท การลดคชจ.พนักงานกว่าปีละ 700 ลบ. และจากที่ลดต้นทุนน้ำมันลง 1.6% หรือกว่า 1 พันลบ.ต่อปีจากการใช้เครื่องบินใหม่รวมถึงการวางแผนเส้นทางการบินใหม่ จะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพ ส่งผลให้การดำเนินงานปี 54 กลับมาเติบโตก้าวกระโดดได้ .....................ซื้อ BTS ต้าน 0.85 บาท หลังปัญหาการเมืองคลี่คลายลง สามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มโมเดิร์นเทรดได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังมีดอกเบี้ยจ่ายลดลง และคาดว่าจะมีแนวโน้มกำไรดีขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากอัตราการเติบโตคงที่ของรถไฟลอยฟ้า ทั้งนี้คาดว่าตัวเลขผู้โดยสายปี 54 และปี 55 จะเพิ่ม 9.3% YoY และ 9.9%YoY ตามลำดับและจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง โดยต้นทุนการเงินของ BTS จะลดลงจากการออกหุ้กู้ใหม่เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในปัจจุบัน 8.7 พันลบ.
บล.เคจีไอ......30/11/53 ซื้อ HEMRAJ เป้าหมาย 2.65 บาท ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงจากความกังวลในเรื่องปัญหาความล่าช้าของ GHECO-One ดังกล่าว น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะยาวในการเข้าซื้อสะสมหุ้น
บล.ฟิลลิป....30/11/53 ซื้อ AS เป้าหมาย 14 บาท ไตรมาส 3/53 กกำไรเพิ่มขึ้น 47.01% จากปีก่อน เพราะต้นทุนที่ลดลงแต่ต่ำกว่าคาด เพราะมีการตั้งสำรองต่างเข้ามาราว 22 ลบ. ขณะที่ไตรมาส 4/53 เป็นฤดูกาลที่สูงของปี ส่วนแผนการลงทุนที่เวียดนามและอินโดนีเซียจะสรุปได้ในปี 54 ก็จะสร้างการเติบโตได้มากขึ้น
บล.โกลเบล็ก.........30/11/53 ซื้อ SCC เป้า หมาย 367 บาท คาดผลประกอบการ 4/53 ยังคงมีทิศทางที่ดีจากสเปรดในธุรกิจปิโตรเคมีที่ดีขึ้น ขณะที่คาดว่าผลประกอบการปี 54-55 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างโดดเด่นต่อเนื่อง จากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจปิโตรเคมี ความต้องการปูนซีเมนต์คาดว่าจะรับอานิสงค์จากงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่เริ่มก่อสร้าง และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นของธุรกิจกระดาษรวมถึงสัดส่วน ยอดขายที่เพิ่มขึ้นของสินค้าประเภท High-Value Added ซึ่งมีอัตรากำไรที่สูง
บล.ทรีนีตี้........30/11/53 ซื้อ AJ เป้าหมาย 43 บาท คาดไตรมาส 4/53 ยังคงน่าจะออกมาดีมาก ถ้าเป็น Bottom Line คาดน่าจะอยู่ที่ 376 ลบ. แม้เกิด Dilution Effect โดยคำแนะนำระยะสั้น 29 -31 บาทเป็นโอกาสเข้าซื้อลงทุนระยะยาวได้ หากซื้อแถว 31 -33 บาท ไม่ได้ต้นทุนที่ต่ำ อาจเป็นการเก็งกำไรต่อเนื่อง ทั้งนี้เนื่องจาก P/BV ของ AJ สูงขึ้นมาเป็น 6.3 เท่า ในระยะสั้นดูแพงหากราคาขึ้นแตะ 37-40 บาท แต่เชื่อมั่นในความสามารถทำกำไร AJ เนื่องจากภาพอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ดีเป็นปัจจัยหนุนในระยะยาวในอนาคต P/BV อาจลดลงเมื่อมีกำไรสะสมเพิ่มขึ้นในอนาคต ........STANLY - IHL รับทรัพย์ ญี่ปุ่นอัดหมื่นล.ซบไทย ฉายภาพอุตสาหกรรมโตต่อเนื่อง 3-5 ปี ส่วนปีนี้ยอดผลิตรถใหม่ทะยาน 1.7 ล้านคัน แนะนำซื้อ IHL เป้าหมาย 13.80 บาท คาดผลประกอบการฟื้นตัวได้อีกครั้งในQ4/53
บล.กสิกรไทย.......30/11/53 หุ้นสัมปทานรัฐผยองเดช SAMTEL จ่อฮุปงาน 3G ทีโอที รับข่าวบวกไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ หนุนโครงการรัฐเดินหน้าต่อ เซียนหุ้นมองเปิดขายซองเดือนหน้า พร้อมชู SAMTEL อนาคตสดใสหากชนะประมูล ดันกำไรเพิ่ม 30% เคาะราคาเป้าหมาย 22 บาท ทางเทคนิคมีสัญญาณเก้.กำไร แนวต้าน 13 บาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส........30/11/53 ปชป. รอด หุ้นรับเหมาเด้ง เก็งงานรถไฟฟ้าวิ่งสะดวก เซียนหุ้นฟันธงงานนี้โครงการรถไฟฟ้าวิ่งฉลุย ถึงปีหน้างานซุก สายสีแดง- ชมพู -เขียว จ่อคิวคลอด งานนี้รีบสอย STEC เป้าหมาย 16.53 บาท ซื้อ CK ติดกระเป๋า 11.80 บาท (อยู่ระหว่างปรับประมาณการเพิ่ม) เล่นสั้น ITD พิกัด 5.30 บาท (จากเดิมถือ)
บล.ฟินันเซีย ไซรัส...........30/11/53 ผถห. TSF ไฟเขียวเพิ่มทุน อนาคตแจ๋ว ส่องต้าน 2.40 บาท แผนเพิ่มทุน 450 ลบ.รวมเป็นเงิน 45 ลบ. นำเงินลุยเทกโอเวอร์ "เจซีดี แมเนจเม้นท์" ต่อยอดธุรกิจมีเดีย เชื่อธุรกิจแจ๋วแน่ แถมคาดผลงานไตรมาส 4/53สวยกว่าไตรมาส 3/53 ที่มีรายได้ 17.83 ลบ. หลังคว้างานตรึม - จ่อประมูลงานใหม่เพียบ พร้อมแย้มทั้งปีมีแววรายได้ทะลุเป้า 100 ลบ. กรอบลงทุน 1.90-2.40 บาท โดยให้แนวรับ 1.90 บาท ต้านแรก 2.20 บาทหากผ่านได้ 2.34-2.40 บาท

--------------------------------------------------------------
หุ้นมีข่าวเชิงบวก
กลุ่มพลังงาน ปิโตร PTT KESTมองกรณีมอนทาร่าราคาหุ้น สะท้อนข่าวร้ายไปแล้ว-กำไร 4Q53 ของ PTT จะฟื้นตัวชัดเจน QoQ จากกำไรของธุรกิจโรงกลั่น (TOP, PTTAR, IRPC)ฟิทช์จัดอันดับหุ้นกู้ 100 ปีที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นของ ที่ 'AAA(tha)' - ออกหุ้นกู้เพิ่มเป็น4พันล. รับกระแสความต้องการท่วมท้น ดอกเบี้ย 5.90% ต่อปี
TOP ML/ CITI /MACQ Maintain BUY - Raise TP to 74/78 /80ปรับ เพิ่มกำไรปี 54 และ 55 ขึ้น 10% และ 15% หลังปรับสมมุติฐาน GRM ปี 11 / 12 จาก $ 5/ $6.9 / BBL เนื่องจากปัญหาขาดแคลนดีเซลในจีนอันอาจส่งผลต่อราคา LPG และ GPM ในไทยเพิ่มขึ้น$ 0.25 / BBL
PTTAR JPM Maintain BUY TP Bt40.00 - งบ 3Q ที่ออกมาไม่ใช่สิ่งที่ตลาดสนใจ เพราะเป็นอดีตไปแล้ว แต่ 4Q จะสดใส จาก PX Spread ที่ปรับตัวขึ้นแบบน่าตื่นเต้น และยืนได้ต่อเนื่องถึงปี 54- จ่อทุ่ม3หมื่นล้านบาท ตั้งโรงงานแครกเกอร์ใหม่รับปีทองปิโตรเคมี ปีหน้ารายได้โต
IVL BLSเป้าหมาย 62 บาท แนวโน้มกำไร 4Q/53-54 เติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยผลักดันจากความต้องการ PTA และเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์เพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้ทดแทนฝ้ายที่มีราคาแพงขึ้นมากซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลน PTA และโรงงานอัลฟาเพ็ทในสหรัฐ
PTTEP CITI แนะนำ Buy TP191 คาดการเข้าซื้อ KKD จะช่วยเพิ่มมูลค่า 30 บาท/หุ้น - ML คาดมอนทาราจะกระทบมูลค่า PTTEP ประมาณ 20 บาท/หุ้น แต่ราคาหุ้นลงมารับข่าวแล้ว
PTTCH KSEC/DBให้เป้าหมาย 195/188บาท KEST มองเต็มมูลค่า Spread แนวโน้มขยับขึ้น -theme ควบรวมPTTAR หากแลกหุ้น 1ต่อ5 ราคาPTTCH ยังถูกอยู่ - คาดยอดขายปี 54 โต 60-70% จากปีนี้ที่มียอดขายเกือบแสนลบ.ปีหน้า ติดเครื่องสปีดไม่หวั่นสรุปแผนซื้อกิจการอืด
กลุ่มอสังหา

SPALI KEST ให้เป้าหมาย 14.80 แนวโน้มกำไร 4Q53 จะออกมาโดดเด่นมาก ขยายตัวถึง 90% YoY และ 633% QoQ บุกอสังหา เชียงใหม่ เปิดบ้านเดี่ยว 850 ล้าน พีอีต่ำ 5.8เท่า
SC ASP เป้า21.68บาท เป็น 1 ใน 5 หุ้น Top Pick 5 คาด รายได้ปีนี้ โต 20-25% ยันงบกำไรQ4ดีกว่าQ3 ยอดขายพุ่ง 4.5 พันล้าน พร้อมชี้ราคาหุ้นยังต่ำกว่าบุ๊คแวลูที่ 25.90 -เปิดตัว คฤหาสน์หรูหลังละ 100 ลผุดโครงการเจาะมหาเศรษฐี: ชูจุดขายอาณาจักรส่วนตัวบรรยากาศสนามกอล์ฟพร้อมเรือนรับรอง
PS ASP ให้ fair value 27.35 บาท สร้างนิวไฮให้กับยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง แบคล็อคสูงสุดในอุตสาหกรรมที่2.3หมื่นล้าน โครงสร้างทางการเงินแข็งแกร่ง
AP ML /CITI Maintain BUYTPt8.60/8.50 - ยอดขาย ASPIRE งามวงศ์วานอยู่ที่ 20% ใกล้เคียงกับคาดการณ์ มี downside ต่ำ เพราะซื้อขายบน PE เพียง 6.5 เท่า ให้ Yield 6%- - มาตราการ ธปท. ไม่กระทบเชิงลบ โครงสร้างคล้ายกับปัจจุบันที่ปฏิบัติอยู่ พีอี6.4เท่า -มั่นใจปี 2553 รายได้เข้าเป้า 10% รับยอดขายทุกโปรเจ็กต์กระฉูด หวังปีหน้าโตอีก 15% พร้อมทุ่มงบ 5-6 พันล้านบาท ซื้อที่ดินรองรับการผุดทั้งแนวราบ-สูงอีก 20 โครงการ

กลุ่มแบงค์
KBANK KEST แนะนำ "ซื้อ" มูลค่าที่เหมาะสม 134.50 บาท รายงาน ยอดสินเชื่อเพิ่มขึ้น 17,721 ล้านบาท หรือ 1.79% จากสิ้นเดือนก่อน - ประเมินสินเชื่อใน 2 เดือนที่เหลือขยายตัวต่อเนื่อง จากสินเชื่อภาคธุรกิจ และสินเชื่อ SMEs เป็นสำคัญ - เล็งเพิ่มพันธมิตรธนาคารแดนปลาดิบอีก5-6ราย
KTB CLSA ยังแนะนำ Overweight กลุ่มธนาคาร หุ้น Top pick คือ KTB เป้าหมาย 24.00 บาท ยืนเป้าสินเชื่อ10% การเมืองนิ่งลงทุนบวก
BBL โชว์ผลงานเริ่ดโค้งสุดท้าย คาดกำไรปีทั้งปีทะลัก 2.53 หมื่นล้านบาท หลังฟันกำไรพิเศษจากการขาย ACL และการลงทุน 4 พันล้านบาท แถมรายได้ค่าธรรมเนียมพุ่งกระฉูดเกินเป้า 2.2 หมื่นล้านบาท จับตาจ่ายปันผล 4.9 บาท จากปีก่อน 4 บาท ขึ้นแท่นอัพไซด์สุดโต่ง 30%
กลุ่มขนส่ง THAI CS /MS ให้เป้าหมาย56/60 บาท ปรับกำไร 10 สู่ 1.46หมื่น ลบ.หลังจาก 3Q10 ดีเกินคาดโตต่อเนื่องปี 11จะเสนอแผนจัดหาเครื่องบินใหม่ราว 37 ลำช่วง 5ปีต่อครม.ช่วงธ.ค.-ม.ค - เตรียมเหินฟ้าไป HK,SG กับ DB สัปดาห์นี้
BTS เคจีให้ให้เป้าหมาย0.97บาท คาดรายได้ปี 53 แตะ 4 พันลบ. เตรียมออกหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงินหมื่นลบ. -ฟันปีละ674ล้านจ้างวิ่งอ่อนนุช-แบริ่ง ผู้โดยสารเพิ่มวันละแสนคน กทม.เซ็นสัญญาอายุ 19 ปี
กลุ่มวัสดุ SCC ทิสโก้ ให้เป้าหมาย 436 บาท ธุรกิจปิโตเคมี Olefins และ Polyolefins มีแนวโน้มดีกว่าคาด ถ้ากำลังการผลิตใหม่เดินเครื่องต่ำกว่า 100% ต่อเนื่อง อุตสาหกรรมอาจจะฟื้นตัวในปี 55 แทนที่ปี 56 ดังนั้น ส่วนต่าง HDPE-Naphtha น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
TCJ ปฏิเสธข่าว เตรียม ออกหุ้นเพิ่มทุน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ แถมวอร์แรนต์ฟรี 2 หน่วย อายุแปลงสิทธิ 3 ปี ระดมทุนรองรับการขยายงานเมกะโปรเจ็กต์รถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน ขณะที่ยอดขายไตรมาส 4 พุ่งปรี๊ด งบปีนี้แจ่มกว่าปีก่อน โบรกฯมองราคายังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 16 บาท
PERM: นับเงินเพลิน รับออเดอร์หมื่นตัน รายได้ปีนี้ 3 พันล้าน กลุ่มรับเหมา ITD CK STEC สัญญาสายสีแดงจะยื่นซองสัญญาที่ 1 วันที่ 1 ธ.ค.นี้ และสัญญาที่ 2 ยื่นซองวันที่ 2 ธ.ค.นี้ มูลค่ารวม 4.5 หมื่นล้านบาท
ITD พลิก จากขาดทุน1.8ล้านมากำไร374ล้าน -เซ็นขายTTCLให้ ชิโยดะ ราคา12บาท- รับงานท่าเรือน้ำลึกทวาย พม่า บางส่วนของโครงการที่มีอายุ60ปี-มูลค่า2,000ล.ดอลล์
CK ไซยะบุรีเซ็นสัญญาปีหน้า- จ่อบุ๊คกำไรพิเศษขายไฟฟ้าโครงการน้ำงึม 2 ไตรมาส 4/53 ประมาณ 95 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย SEAN อีก 27 ล้านบาท ส่วนตั้งแต่ปี 54 เป็นต้นไปจะรับรู้รายได้จากการขายไฟ 400-450 ล้านบาทต่อปี
STEC ผลประกอบการไตรมาส3เพิ่มจาก76เป็น118ล้าน โกยมาร์จิ้นกระฉูด หลังควบคุมต้นทุนวัตถุดิบอยู่หมัด ผลสรุปคณะกรรมการสอบสวนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทั้ง 5 สัญญา พบว่าข้อมูลและขั้นตอนการประกวดราคา เป็นไปตามมติครม.
กลุ่มเกษตร อาหาร SSC "เอสเอสฯ" เผย ตัวเลขเทนเดอร์หุ้น SSC แล้วกว่า 32% ลือหึ่งกลุ่มสมชาย บุลสุข ยอมปล่อยของให้ทั้งหมด ผู้บริหารเอสเอสฯ ลั่นไม่หวั่นแม้ราคาหุ้นพุ่ง 50 บาท สูงกว่าเทนเดอร์ 42 บาท ยันราคาเสนอซื้อไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก - ศึกชิงSSCเข้มข้น'เสี่ยเจริญ'ถือ10%"เสี่ยเจริญ" ส่ง 4 นอมินี เข้าถือหุ้น SSC เกือบ 10% หลังพบ "ศราวุธ เทียนสุวรรณ" กรรมการของ "รัตนคีรี" ผู้ถือหน่วยรายใหญ่ใน TCIF กองทุนอสังหาฯ ของเสี่ยเจริญเข้าถือหุ้น
KSL คู่หูคู่หุ้น/Fund Survey ให้เป้า18.70 /15.70บาท บาท น้ำตาล คาดกำไรปีหน้า +346% YoY ยอดขาย +29% จากกำลังการผลิตใหม่ที่บ่อพลอย -ราคาน้ำตาลตลาด NYMEX+3.13% dod - การันตีรายได้ปีหน้าโต15% -มีเฮ พลังงานไฟเขียวใช้ E85 ต้นปีหน้า หนุนความต้องการใช้เพิ่มเป็น 1.6 ล้านลิตรต่อวัน
CPF เดินหน้าจัดทำโครงการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ ต่อเนื่องอีกร่วม 40 ผลิตภัณฑ์ รวมทั้งฟาร์มปศุสัตว์ ที่เข้าร่วมโครงการอีก 115 ฟาร์ม หลังประสบความสำเร็จจากการที่ผลิตภัณฑ์ไก่ของซีพีเอฟ เป็นผลิตภัณฑ์ไก่รายแรกของโลก ที่ได้รับเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์
กลุ่มไฟแนนซ์ .KGI ฟันกำไรจากการขาย TOP13CA ไม่ต่ำกว่า 90 ล้านบาท FSS รุกจับมือบีเอ็นพีฯดึงสถาบันส่งวอลุ่มเข้า กลุ่มสื่อสาร SAMTEL KESC ให้เป้าหมาย22บาทหุ้นกลุ่มสัมปทานภาครัฐคึกคัก รับข่าวบวกไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ หนุนโครงการรัฐเดินหน้าต่อ จับตาโครงการ 3G ของทีโอที เซียนหุ้นมองเปิดขายซองเดือนหน้าพร้อมชูอนาคตสดใสหากชนะประมูล ดันกำไรเพิ่ม 30%
กลุ่มยานยนต์ STANLY-SAT-IHL กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ โดนรับทรัพย์นักลงทุนญี่ปุ่น เล็งควักกระเป๋า 1 หมื่นล้าน ย้ายฐานการผลิตมาไทยนักวิเคราะห์ ฉายภาพอุตสาหกรรมโตต่อเนื่อง 3-5 ปี ส่วนปีนี้ยอดผลิตรถใหม่ทะยาน 1.7 ล้านคัน
กลุ่ม MAI TSF 1ธ.ค นี้จะขึ้นเครื่องหมาย XR เพิ่มทุนอัตรา 1หุ้นเดิมได้ 1 หุ้นใหม่ราคา 0.40 บาท และข่าวที่บ.ได้งานโฆษณา-ผู้บริหารการันตีผลงานสร้างรายได้ปีนี้วิ่งเข้าเป้า 100 ล้านบาท พร้อมเปิดกรุรับทรัพย์งานเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 16
SNC ฟิลลิปปรับเป้าหมายใหม่เป็น 21.40 บาทไตรมาส 4 ฉลุย เชื่อมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ออเดอร์ญี่ปุ่นเริ่มกลับมา ตอกย้ำรายได้ทั้งปีโตกว่า 50%
MOONG พื้นฐานแข็งโป๊กกวาดกำไรทั้งปีสนั่นกว่า 50% ลุ้นรายได้จากสินค้าใหม่ หนุนงบปีหน้าขยับจาก 73.67 ล้านบาท
หุ้นมีข่าวเชิงลบ
TFI หุ้นที่เสี่ยงเข้าเกณฑ์ Turnover list ประจำสัปดาห์นี้ GLOW : หวั่นปีหน้ากำไรหลุดเป้า15% ต้นทุนถ่านหินพุ่ง มั่นใจปีนี้กำไรโต30% ปีหน้ารายได้โต 20% ลุยขยายลงทุนลาว-เวียดนาม TTA: ปี 53 กำไร หดเหลือ 795 ล้าน เหตุเมอร์เมดขาดทุน ปีหน้าดีมานด์เรือขุดเจาะเพิ่ม

หุ้นมีข่าวทั่วไป
PAE แจ้งขายหุ้น ดับบลิวเอ็นเอสอาร์ แปซิฟิค บ.ย่อย 60.10%
PHOL เคาะราคา IPO จูงใจ 3.60 บาท ลั่นธุรกิจพื้นฐาน แน่นปึ๊ก เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว - เนื้อหอมยอดจองไอพีโอล้น ราคาดิสเคาต์35%-ปันผล0.15บาท
BTS เตรียมออกหุ้นกู้แปลงสภาพ วงเงิน 1 หมื่นลบ. ขายให้ นลท.ต่างชาติภายในปลายปีนี้ - เล็งทุ่ม2พันล้านซือ้ตู้ดดยสารรถไฟฟ้าอีก35ตู้ คาดอีก2ปีครึ่งให้บริการได้
TTL ปันผลอัตรา 1.50 บ./หุ้น จ่าย 10 ก.พ.54
JAS เผย TTTBB เพิ่มทุน 250 ลบ.เพื่อขยายธุรกิจ WIN ยกเลิกขายหุ้นเพิ่มทุนให้ PP-ยกเลิกขายหุ้น"วินโคสท์ โลจิสติกส์"


----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : แม้ตลาดจะดีดกลับขึ้นได้ใหม่แต่มองว่าเป็นช่วงสั้นๆ ...ยังมีโอกาสรับต่ำ!!
แนวโน้ม: ประเด็นเรื่องการยุบพรรค ปชป.ถือว่าไม่กดดันตลาดอีกต่อไป เพราะหลังจากคำตัดสินของศาลฯ วานนี้ที่ให้ยกคำร้องคดีเงิน 29 ล้านบาทจากเรื่องระยะเวลาในการยื่นฟ้องของ กกต.เกินกำหนดเวลาตามกฎหมาย ทำให้ในส่วนของคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทซึ่งอยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน มีสิทธิที่จะตกไป
ด้วยเงื่อนไขเดียวกันได้ อย่างไรก็ตามความกังวลต่อปัญหาหนี้สินในยุโรปว่าอาจลุกลามไปยังโปรตุเกสและสเปนยังคงกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ ขณะที่ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีและแนวโน้มการออกมาตรการคุมเข้มจากทางการจีนต่อเนื่องยังมีอยู่ ทำให้ FSS คาดว่า SET ดีดขึ้นนี้เป็นเพียงการรีบาวด์ในช่วงสั้นๆและโอกาสที่ตลาดจะแกว่งตัวลงไปแถว 980 จุดหรือต่ำกว่ายังมีความเป็นไปได้ดังนั้นจึงยังไม่แนะนำให้ซื้อไล่ราคา โดยยังน่ารอหาจังหวะรับตอนลงต่ำดีกว่ากลยุทธ์: ตลาดดีดขึ้นก่อนยังไม่ต้องรีบร้อนเข้าซื้อไล่ราคา โดยแนะนำให้รอหาจังหวะเลือกหุ้นเข้ารับแถว 980 จุดหรือต่ำกว่าอีกครั้ง สำหรับหุ้นที่น่าสนใจยังเน้นที่หุ้นหลักของตลาด ได้แก่ BANPU, KBANK, KTB, SCB, TASCO, PTL,AMATA, PS, SPALI, AP, CK, VNG, MAJOR, HEMRAJ เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (-) ตลาดยังไม่พ้นการปรับฐาน ศาล รธน. มีมติ 4:2 ให้ยกคำร้องคดียุบพรรคปชป. เพราะกระบวนการยื่นคำร้องของ กกต. ผิดหลักการคือพ้นกำหนด 15 วันโดยศาลฯ ใช้เวลาอ่านคำพิพากษาเพียง 45 นาทีเท่านั้น เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดคือตลาดรีบาวนด์แรง แต่ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนมุมมองว่าไม่ว่าผลจะออกมา
แบบใด ตลาดยังไม่พ้นการปรับฐานและมีโอกาสอ่อนตัวหลุด 1000 จุด เพราะต่างชาติยังขาย 834 ล้านบาท และปริมาณการซื้อขาย 3 หมื่นล้านบาทวานนี้ก็ไม่ถือว่ามากเทียบกับดัชนีที่ +17 จุด
• (-) ความกลัวเรื่องหนี้ยุโรปยังกดดันตลาดหุ้นและค่าเงินยูโร แม้ว่า EU จะมีมติช่วยเหลือไอร์แลนด์เป็นวงเงิน 8.5 หมื่นล้านยูโร อายุเฉลี่ย 7.5 ปี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 5.8-6% และยังได้รับการต่อเวลาออกไปอีก 1 ปีจนถึงปี 2015 ในการลดยอดขาดดุลงบประมาณให้ลงมาอยู่ภายใต้เพดานที่ EU กำหนด 3% ของ GDPแต่ตลาดก็ยังกลัวว่าปัญหาจะลุกลามไปโปรตุเกสและเสปน ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปและ DJIA ร่วง พร้อมกับเงินยูโรที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ดอลลาร์ที่แข็งค่าจึงยังเป็นแรงกดดันตลาดหุ้นและราคา Commodity
• (+) CSL บริษัทแจ้งลดทุนในส่วนที่ได้ซื้อหุ้นคืนไป 51.7 ล้านหุ้น (จะไม่ขายคืนมาในตลาด) ทำให้ทุนชำระแล้วลดลง 8% เหลือ 590.99 ล้านหุ้น เป็นบวกกับValuation โดย PE ปีหน้าลดเหลือเพียง 7.7 เท่า เทียบกับถ้าไม่ลดทุน PE เป็น8.5 เท่า Yield มากขึ้น คาดครึ่งหลังจ่าย 0.20 บาท/หุ้น (Yield 4.1%) และอาจมีเงินปันผลพิเศษ 0.03 บาท/หุ้น จากการลดทุน และที่สำคัญ Target priceเพิ่มขึ้นเป็น 5.80 บาทจากเดิม 5.40 บาท (อิง PE 10 เท่า)
• (+) AOT ราคาปรับลงมาจน upside กว้างขึ้นเมื่อเทียบกับเป้าหมาย 43 บาทขณะที่กำไรในไตรมาสสุดท้ายของปีมีแนวโน้มดีขึ้นเพราะเป็น High season จึงกลับมาแนะนำซื้อ
• (+) คาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ย 1 ธ.ค. นี้ (ประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้) เป็นบวกทางจิตวิทยากับกลุ่มที่อยู่อาศัย หุ้นที่จ่ายปันผลดีด้วยได้แก่ SPALI(เป้าหมาย 14.80 บาท) LPN (เป้าหมาย 12.45 บาท) AP (เป้าหมาย 8.30 บาท)
• (0) หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 งวด 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2011 – เข้าBTS, KK, SSI, ITD, STA, SPALI ออก – BCP, BH, BIGC, KSL, MAKRO, SCCC
• Fund Flow เมื่อวานนี้มีแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นเกาหลีและไต้หวัน (จากที่มีแรงซื้อกลับในสัปดาห์ก่อนหน้า) เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อประเด็นคาบสมุทรเกาหลี มีแรงขายอย่างต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทยแม้ว่าการเมืองจะมีความชัดเจนเรื่องการยุบพรรคแล้ว ค่าเงินบาททรงตัวที่ราว 30.2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ


ข่าวภายในประเทศ
BTS ฟันปีละ 674 ล้านจ้างวิ่งอ่อนนุช - แบริ่ง ผู้โดยสารเพิ่มวันละแสนคน กทม.เซ็นสัญญาอายุ 19 ปี BTS ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง หลัง กทม. ลงนามจ้างวิ่งสายอ่อนนุช-แบริ่งอายุ 19 ปี เริ่มเปิดเดินรถเดือนส.ค.54 รับทันที 674 ล้านบาท แถมผู้โดยสารเพิ่มอีก 100,000 คนต่อวัน ล่าสุดสั่งซื้อรถ35 ขบวน วงเงินกว่า 2,000 ล้านบาท “คีรี”ลั่นฐานะการเงินไร้กังวล พร้อมออกหุ้นกู้ 10,000 ล้านบาทขายนักลงทุนต่างประเทศ พร้อมเสนอตัวประมูลให้เดินรถสายสีม่วงบางใหญ่-บางซื่อปีหน้า (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-11-2010)
PERM นับเงินเพลินรับออเดอร์หมื่นตันรายได้ปีนี้ 3 พันล้าน PERM ยิ้มรับออเดอร์เหล็กรีดร้อนกว่า 1 หมื่นตัน เหล็กหลังคาอีก 4 แสนตร.ม. ส่งผลให้แนวโน้มไตรมาส 4 ดีกว่าไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ดันรายได้ทั้งปีขยายตัวตามเป้าเติบโต 20-30% ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ขณะที่กำลังการผลิตใหม่จะเริ่มเดินเครื่องเต็มกำลังเดือนม.ค. (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-11-2010)
ศึกชิง SSC เข้มข้น‘เสี่ยเจริญ’ถือ 10% “เสี่ยเจริญ” ส่ง 4 นอมินี เข้าถือหุ้น SSC เกือบ 10% หลังพบ “ศราวุธ เทียนสุวรรณ” กรรมการของ “รัตนคีรี” ผู้ถือหน่วยรายใหญ่ใน TCIF กองทุนอสังหาฯ ของเสี่ยเจริญเข้าถือหุ้น แถมเป็นบริษัทขายเหล้าที่อยู่ติดกับบ้านเสี่ยเจริญ ย่านสุรวงศ์ ด้าน บล.บัวหลวง แอบเก็บเข้าพอร์ตอีก 2.51% งานนี้ต้องไล่ซื้อหุ้นในกระดานอย่างเดียว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-11-2010)
FSS รุกจับมือบีเอ็นพีฯดึงสถาบันส่งวอลุ่มเข้า บล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) จับมือ BNP Paribas ecurities เพื่อดึงลูกค้าสถาบันของ BNP เข้าลงทุนในตลาดทุนไทย ทั้งหุ้น และอนุพันธ์ งานนี้ดันเพิ่มขึ้นอีก 1% ของวอลุ่มเทรดของตลาดรวม (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-11-2010)
TTA ปี 53 กำไรหดเหลือ795ล้าน เหตุเมอร์เมดขาดทุน ปีหน้าดีมานด์เรือขุดเจาะเพิ่ม TTA เผยงบรอบปี 2553 กำไรลดเหลือ 795.57 ล้านบาท เหตุเมอร์เมดขาดทุน ส่วนบาคองโคกำไรโตต่อเนื่องจากกลุ่มธุรกิจขนส่ง โดยเฉพาะจากธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง เชื่อปี 2554 ราคาน้ำมันมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ดันความต้องการเรือขุดเจาะใหม่ๆ มากขึ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจยุโรปเดือนพ.ย.ขยายตัวขึ้นแตะระดับ 105.3 จุด คณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 16 ประเทศ ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 105.3 จุดในเดือนพ.ย. จากระดับ 103.8 จุดในเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะที่ระดับ 105 จุด โดยมาตรวัดความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้ผลิต ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 0.9 จากเดิมที่ระดับศูนย์ ส่วนมาตรวัดความเชื่อมั่นในภาคบริการ ปรับตัวขึ้นแตะ 10.2 จากระดับ 8.1 และมาตรวัดความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มสู่ระดับ -9.4 จากเดิม -10.9 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-11-2010)
ยุโรป: อียูคาดเศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 1.7% ปีนี้ แต่ชะลอตัวแตะ 1.5% ปีหน้า คณะกรรมาธิการยุโรปได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของ 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ในปี 2553 เป็น 1.7% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 0.9% อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2554 อาจลดลงแตะที่ระดับ 1.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-11-2010)
จีน: นักวิเคราะห์คาดจีนเตรียมขึ้นดอกเบี้ยอีกเดือนธ.ค.นี้ พร้อมเพิ่มเพดานกันสำรองแบงค์พาณิชย์อีก 0.5% นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนพ.ย.มีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ในปีนี้ นายลู่ เจิ้นเหว่ย หัวหน้านักวิเคราะห์จากอินดัสเทรียล แบงค์ คาดว่า ดัชนีซีพีไอเดือนพ.ย.ของจีนจะพุ่งขึ้น 4.8% ต่อปี หรือ
เพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนต.ค. และคาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) เดือนพ.ย.จะพุ่งขึ้นในเดือนพ.ย. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-11-2010)
เอเชีย: เวียดนามเผย FDI หดตัว 40% ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ กระทรวงการวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม คาดว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของเวียดนามในช่วง 11 เดือนของปีนี้จะอยู่ที่ 1.33 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 40% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วโดยรายงานของกระทรวงฯ ระบุว่า รัฐบาลเวียดนามอนุมัติโครงการใหม่ทั้งสิ้น 833 โครงการในช่วง 11 เดือนแรกของปี คิดเป็นมูลค่า 1.21 หมื่นล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะได้รับเงินลงทุนเพิ่ม 1.2 พันล้านดอลลาร์จากโครงการที่มีอยู่เดิม (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-11-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 5.1% หลังผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัว รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม สาเหตุเพราะได้รับผลกระทบจากตัวเลขยอดผลผลิตของภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนลดลง ทั้งนี้อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.1% ในเดือนตุลาคม จากเดือนกันยายนที่ระดับ 5% ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่ก็เป็นตัวเลขที่สูงเมื่อเทียบกับสถิติของญี่ปุ่น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code 205 : ลุ้นยุบ - ไม่ยุบ

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2553

ATT Code : ลุ้นยุบ - ไม่ยุบ
14.45 น. : การเมือง - ศาล รธน. มีมติ 4:2 ให้ยกคำร้อง เพราะกระบวนการยื่นคำร้องของ กกต. ผิดหลักการ ศาลฯ จึงไม่รับคำร้องไว้พิจารณา (จึงไม่มีการพิจารณายุบพรรค ปชป.)

โบรกฯ ประสานเสียง นลท. ผวาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ คาดกดดันดัชนีฯ สัปดาห์นี้ผันผวน แนวโน้ม SET ฟื้นตัวยาก ชี้ หากดัชนีฯ ต่ำกว่า 1000 จุด ให้ wait&see ให้แนวรับ 980 จุด ต้าน 1000-1010 จุด พร้อมสั่ง เตรียมพร้อมกำหนดจุดในการ cut ไว้ด้วย ฟากทิสโก้ ประเมิน หาก ไม่ยุบ ปชป. หุ้นขึ้นทันที 10 จุด แต่หากโดนยุบ ดิ่งทันที 2 –3 วันประมาณ 30 จุด ก่อนตั้งหลักได้ ด้าน ธปท. เชื่อคดียุบ ปชป.กระทบตลาดเงิน
--------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
29 พย. 53 ( -4.71 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ไม่ต่ำกว่า 983.08 มีโอกาสปรับตัวขึ้น 1010 – 15 จุด
ตราบใดไม่ต่ำกว่า 983.08 จุดต่ำสุดของวันศุกร์ ภาพตลาดในสัปดาห์นี้ พอมีโอกาสปรับตัวกลับขึ้นไปแถว 1010 – 15 จุด ใกล้บริเวณ แนวต้านตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย25 วัน

และ ภาพระยะหนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า ดัชนีมีโอกาสที่จะแกว่งตัวในกรอบ980 – 1020 หรือประมาณจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงต่อในอนาคต โดยเฉพาะการปรับตัวลง ต่ำกว่า 978.52 จุดต่ำสุดของเดือน พย.
ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อยังเป้าหมาย 905 –945 จุด สำหรับภาพในเดือน ธค. ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์

Intraday - ไม่ต่ำกว่า 983 ขึ้น 1010 - 15
THAI
ทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะวัน
ทยอย 49.50 - 50 หรือเมื่อเกิน 51
เป้าหมายสัปดาห์ 55.50 - 56.50
ต่ำกว่า 49.25 ขาย

Stochastic bullish divergence ภาพระยะชั่วโมง
ตราบใดไม่ต่ำกว่า 983.08 จุดต่ำสุดวันศุกร์
ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้น 1010 - 15 จุด แถวเส้น 25 วัน
แต่แนวโน้มหลักยังมีโอกาสเป็นขาลง
โดยเฉพาะเมื่อต่ำกว่า 978.52 จุดต่ำสุดเดือนนี้ .. มีโอกาสลง 905 - 945 ต่อไป

หุ้นเด่น
PTTCH
Stochastic Bullish Divergence ในภาพระยะชั่วโมง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน154.50 จุดสูงสุดวันศุกร์ เวลา 16.00 น.เป้าหมายหนึ่งถึงสอง 156.00 – 158.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 152.00 )

PTTEP
Stochastic Bullish Divergence ในภาพระยะชั่วโมง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน168.50 จุดสูงสุดวันศุกร์ เวลา 16.00 น.เป้าหมายหนึ่งถึงสอง 171.00 – 174.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 167.00 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
TRUE ไม่น่าเกิน 6 – 6.20
IVL แกว่งตัว 47.50 - 49
PTT ไม่ต่ำกว่า 301 ขึ้น 309 – 314
JAS แกว่งตัว 1.84 – 1.92
PTTCH รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
PTTEP รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
BANPU แกว่งตัว 756 – 768
SYMC แกว่งตัว 10.30 – 11.50
CPF เกิน 24.70 ขึ้น 25 – 25.25
PTTAR ไม่น่าเกิน 37 – 37.50
----------------------------------------------------------------------------------
ลุ้นยุบ-ไม่ยุบ ปชป.วันนี้
โบรกฯ ประสานเสียง นลท. ผวาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ คาดกดดันดัชนีฯ สัปดาห์นี้ผันผวน แนวโน้ม SET ฟื้นตัวยาก ชี้ หากดัชนีฯ ต่ำกว่า 1000 จุด ให้ wait&see ให้แนวรับ 980 จุด ต้าน 1000-1010 จุด พร้อมสั่ง เตรียมพร้อมกำหนดจุดในการ cut ไว้ด้วย ฟากทิสโก้ ประเมิน หาก ไม่ยุบ ปชป. หุ้นขึ้นทันที 10 จุด แต่หากโดนยุบ ดิ่งทันที 2 –3 วันประมาณ 30 จุด ก่อนตั้งหลักได้ ด้าน ธปท. เชื่อคดียุบ ปชป.กระทบตลาดเงิน

จับตาการเมืองร้อนถล่มตลาดหุ้นไทย แม้การประชุมร่วมของ 2 สภา ผ่านความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 2 ประเด็นที่รัฐบาลเสนอ และเตรียมเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป ซึ่งน่าจะเป็นช่วงต้นปี 2554 แต่ประเด็น คดียุบ / ไม่ยุบ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ที่นายชวน หลีกภัย จะเป็นผู้แถลงปิดคดีด้วยวาจาด้วยตัวเอง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะนัดฟังคำตัดสินอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าคงไม่นาน และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรเชื่อได้ว่า จะมีแรงกระเพื่อมอันส่งผลสะเทือนเสถียรภาพทางการเมือง และกดดันตลาดหุ้นไทยอย่างช่วยไม่ได้ * โบรกฯ คดียุบ ปชป. กดดันดัชนีฯ สัปดาห์นี้ผันผวน เหตุ นลท.รอลุ้น

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน เปิดเผยว่าในสัปดาห์นี้การเคลื่อนไหวของ SET Index มีโอกาสอยู่ในลักษณะผันผวน โดยดัชนีฯ อาจจะปรับขึ้นไปก่อนแล้วหลังนั้นอาจจะมีแรงขายออกมา เพราะนักลงทุนอาจจะรอดูตัวเลขทางเศรษฐกิจที่จะประกาศออกมา ประกอบกับระยะดังกล่าวมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน นอกจากนี้นักลงทุนอาจจะรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับการปิดคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนได้

" ตลาดหุ้นอาจจะเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน เพราะในสัปดาห์นี้มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน เพราะเป็นวันพ่อ อีกทั้งมีปัจจัยที่ต้องติดตามหลายประการทั้งตัวเลขเศรษฐกิจ การตัดสินคดียุบพรรค ส่วนปัญหาความขัดแย้งของเกาหลีนั้น เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมฉะนั้นนักลงทุนอาจจะรอดูความชัดเจนก่อน " นายชัย กล่าว

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนหากดัชนีฯ ไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,000 จุด และ 1,010 จุด ตามลำดับ แนะนำนักลงทุนให้ทยอยขายตามแนวต้านดังกล่าว นอกจากนี้นักลงทุนควรรอซื้อเมื่อดัชนีฯ อ่อนตัวลงมาที่แนวรับ 963 จุด และ 980 จุด ตามลำดับ * เซียนหุ้น แนะ นลท.รอดูความชัดเจน คดียุบ ปชป. ชี้ หากดัชนีฯ ปรับลงมาก สามารถเข้าซื้อหุ้นได้

นายกมลชัย พลอินทวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ถูกตัดสินให้ยุบพรรคในวันจันทร์นี้ ประเมินว่าจะส่งผลให้ดัชนีฯ ปรับลดลงแต่หากไม่ถูกตัดสินให้ยุบพรรคดัชนีฯ มีโอกาสปรับขึ้น เพราะปัจจัยดังกล่าวมีน้ำหนักต่อการลงทุนและจิตวิทยาการลงทุนมากกว่าปัจจัยอื่นๆ
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนควรรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับการตัดสินคดีดังกล่าวก่อนว่าจะออกมาอย่างไรบ้าง แต่หากดัชนีฯ ปรับลงแรงแนะนำนักลงทุนเลือกซื้อหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี โดยให้แนวรับไว้ที่ 960 จุด และให้แนวรับถัดไปไว้ที่ 980 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,000 จุด และให้แนวต้านถัดไปไว้ที่ 1,012 จุด

"วันจันทร์ถ้าตัดสินยุบพรรค ตลาดหุ้นเละ ถ้าไม่ยุบตลาดหุ้นก็ต้องปรับขึ้นแต่หากไม่มีการตัดสินยุบพรรคบรรยากาศคงอึมครึมและนักลงทุนคงชะลอเพื่อรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นปัจจัยที่นักลงทุนให้น้ำหนัก กังวลมากกว่าปัจจัยอื่นๆ ฉะนั้นช่วงนี้นักลงทุนควรรอดูความชัดเจนก่อนแต่หากดัชนีฯ ปรับลงมากก็สามารถเข้าไปซื้อหุ้นได้ " นายกมลชัย กล่าว * โบรกฯ มองแนวโน้ม SET ฟื้นตัวได้ยาก ชี้ หากดัชนีฯ ต่ำกว่า 1000 จุด ให้ wait&see ให้แนวรับ 980 จุด ต้าน 1000-1010 จุด

นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล รองผู้อำนวยฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยสัปดาห์นี้ คาดว่าจะอยู่ในลักษณะผันผวนต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลกับปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากดดันบรรยากาศการลงทุน โดยเฉพาะปัจจัยหลักสำหรับหุ้นไทย ได้แก่ กรณีการตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 29 พ.ย. นี้ โดยเบื้องต้นประเมินว่าศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็อาจจะส่งผลให้ตลาดปรับตัวลดลง โดยกำหนดแนวรับไว้ที่ 980 จุด

แต่อย่างไรก็ตามหากตัดสินไม่ยุบพรรคฯ ก็เชื่อว่าจะทำให้ภาพรวมของตลาดฟื้นตัวดีขึ้นระยะสั้น เนื่องจากยังคงมีปัจจัยลบจากเหตุปะทะในคาบสมุทรเกาหลี รวมไปถึงปัญหาวิกฤตการเงินของประเทศแถบยุโรปที่ยังไม่มีความชัดเจน ทำให้จะเป็นปัจจัยฉุดดัชนีฯ ปรับตัวลดลง

ด้านกลยุทธ์การลงทุน หากดัชนีฯ ต่ำกว่า 1000 จุด ควร wait&see เนื่องจากมองว่าภาพรวมของตลาดฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ยาก โดยประเมินแนวรับ 980 จุด และประเมินแนวต้าน 1000-1010 จุด*โบรกฯคาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าผันผวนต่อ ยังไม่แนะนำให้นักลงทุนในช่วงนี้ แนะ Wait&See

นายรักพงษ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการ ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ แนวโน้มดัชนีฯในสัปดาห์นี้คาดว่า ดัชนีฯยังคงมีลักษณะผันผวนต่อเนื่อง เนื่องจาก วันที่ 29 พ.ย. นี้ จะมีการแถลงปิดคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าดัชนีฯจะมีลักษณะผันผวนไปในทิศทางใด เนื่องจากยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะตัดสินภายในวันนั้น หรือเลื่อนการตัดสินออกไป ดังนั้น แนะนำนักลงทุนติดตามความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญว่าจะตัดสินในวันไหน รวมถึงติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งในเกาหลีว่าจะเป็นไปในลักษณะใด

สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุนในสัปดาห์นี้ ยังไม่แนะนำให้นักลงทุนในช่วงนี้ควร Wait&See เนื่องจากภาพรวมของตลาด ณ ตอนนี้ยังมีความซับซ้อนอยู่ในหลายๆเรื่อง โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 980 จุด และแนวต้านที่ 1000 จุด* กูรู สั่ง นลท.เตรียมความพร้อม ซื้อหุ้นต้องเผื่อถือไว้หลายวัน และต้องกำหนดจุดในการ cut ไว้ด้วย

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า กรณีตัดสินคดียุบพรรค ดูเหมือนเป็นปัจจัยหลักสำหรับหุ้นไทย เพราะถ้าถึงขั้นยุบพรรค และตัดสิทธิ์ทางการเมืองกัน จะทำให้ขั้วการเมืองอาจเปลี่ยนแปลงได้ การมีนายกฯ คนใหม่ก็หมายถึงอะไรๆ ต้องกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ เมืองไทยไม่ไปไหนสักที ดังนั้นตลาดหุ้นไทยในระยะนี้จึงผันผวนหนักกว่ารอบบ้าน นักลงทุนจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม เพราะอย่าลืมว่าปัญหายูโรยังคงกระทบอยู่เหมือนกันตามด้วยเกาหลีที่ยังไม่สงบลง ดังนั้นตลาดหุ้นช่วงนี้มีความไม่แน่นอนสูงมาก การซื้อหุ้นจำเป็นต้องเผื่อถือไว้หลายวัน และต้องกำหนดจุดในการ cut ไว้ด้วย* ทิสโก้ ประเมิน หาก ไม่ยุบ ปชป. หุ้นขึ้นทันที 10 จุด แต่หากโดนยุบ ดิ่งทันที 2 –3 วันประมาณ 30 จุด ก่อนตั้งหลักได้

บทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า แนวโน้ม SET เดือน พ.ย. – ธ.ค. 53 แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ; 26 พ.ย. – 3 ธ.ค. 53 ; คาด SET Sideways 980 – 1,020 จุด รอผลตัดสินของศาลฯ และ 7 ธ.ค. – 30 ธ.ค. 53 ; คาด SET ซิกแซกขึ้น( LTF & RMF Rall ) เป้า 1,060 หรือ 1,090 จุด จับจาดูประเด็นศาล ฯ นัดคู่ความแถลงปิดสำนวนคดียุบพรรค ปชป. 29 พ.ย. 53 คาด ศาล ฯ อาจตัดสินก่อน 3 ธ.ค. 53 คาด SET ผันผวนออกด้านข้าง Sideways กรอบ 980 – 1,020 จุด กรณีมองทางขึ้นสัญญาณซื้อ ( Buy Signal ) จะเกิดเมื่อ SET ขึ้นทะลุ 1,020 จุด ไปต่อเนื่องถึง 30 ธ.ค. เป้า 1,060 หรือ 1,090 จุด

ประเด็นที่ SET จะผันผวนหนักคือ ผลของการตัดสินของศาลจะออกมาสูตรใด คือ สูตร 1 ( เป็นไปตามตลาดคาด ) “ ยกคำร้อง ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ” หุ้นขึ้นทันที 10 จุด สูตร 2 ( ผิดคาด ) “ สั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด ” SET ลงทันที 2 – 3 วันประมาณ 30 จุด ก่อนตั้งหลักได้ แล้วค่อย ๆขึ้นจาก RMF& LTF Effect * ผู้ว่าธปท. เชื่อคดียุบ ปชป.กระทบตลาดเงิน แต่มั่นใจไม่กระทบจีดีพีปีนี้ ยังคาดโตได้7.3-8 %

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 29 พ.ย. นี้ว่า น่าจะมีผลกระทบต่อตลาดเงิน เนื่องจากคดียุบพรรคจะมีความเกี่ยวข้องกับความต่อเนื่องทางการเมือง ซึ่งขณะนี้ปัจจัยต่างๆ เพียงเล็กน้อยก็อาจมีผลต่อเศรษฐกิจได้

" ต้องติดตามคำตัดสินในคดีนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำตัดสินให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องติดตามว่าพรรคประชาธิปัตย์มีแผนสำรองอย่างไร ได้มีการจัดตั้งพรรคสำรองหรือไม่ กรรมการบริหารที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมีกี่คน" ผู้ว่า ธปท. กล่าว

อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าผลคำตัดสินคดีดังกล่าวจะไม่กระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 7.3-8%*โบรกฯ แนะจับตา เสถียรภาพรัฐบาล-ความคืบหน้าคดียุบพรรค ปชป. อาจส่งผลชี้นำ Sentiment ตลาด

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.เอเซียพลัส ประเมินเสถียรภาพทางการเมือง ถือว่าเป็นดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของประเทศ และ Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นที่สำคัญอีกประการหนึ่ง โดยปัจจุบันมีปัจจัยเร่งความร้อนแรงที่สำคัญ 2 ประการคือ คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ และความเป็นเอกภาพของรัฐบาล ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ โดยในส่วนของคดียุบพรรคกรณีเงินสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ศาลรัฐธรรมนูญได้สอบพยานฝ่ายผู้ร้อง (อัยการ + กกต.) เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในขั้นตอนของการสืบพยานฝ่ายผู้ถูกร้อง (พรรคประชาธิปัตย์) ซึ่งหลังจากนั้นก็จะมีคำตัดสินออกมา ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้ยุบพรรคฯ และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคในชุดที่มีการกระทำความผิด ก็จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยอาจเกิดการสลับขั้วทางการเมืองได้ หากไม่มีการยุบสภาฯ ก่อนหน้าที่ศาลจะมีคำตัดสิน

อีกประเด็นหนึ่งที่ต้องติดตาม ได้แก่ เรื่องของความมีเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะจากการติดตามข่าวในช่วงเวลาที่ผ่านมาพบว่ามีหลายกรณีที่สะท้อนภาพความขัดแย้งในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการร่วมรัฐบาล เริ่มจากกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็มีมติไม่เห็นด้วย, กรณีรถเมล์ NGV 4,000 คัน ซึ่งกลุ่มพรรคภูมิใจไทย เสนอมาตั้งแต่เริ่มต้นการทำงานของรัฐบาล แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ , การเสนอร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาติไทยพัฒนา ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยังคงท่าที่เดิมคือไม่เห็นด้วยกับร่างดังกล่าว และกรณีล่าสุดได้แก่ การแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นประเด็นความขัดแย้งที่มีการตอบโต้ผ่านสื่อ ที่ค่อนข้างร้อนแรง * ขั้วการเมืองเปลี่ยน หาก ปชป.โดนยุบ แต่หากไม่ยุบ จับตาม็อบแดงป่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้ยุบพรรค ปชป. คณะกรรมการบริหารพรรค จะต้องถูกเว้นวรรคทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งหนึ่งในนั้น มีชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีรวมอยู่ด้วย และ หากนายอภิสิทธิ์ ถูกเว้นวรรคทางการเมือง จะส่งผลให้ครม.ทั้งชุดต้องพ้นสภาพทันที ก่อนจะให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ปรากฏการณ์ดังกล่าว จะมีผลทำให้เกิดภาพการพลิกขั้วทางการเมืองในรัฐบาลชุดปัจจุบันแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หาก ปชป.ไม่ถูกยุบพรรค แน่นอนว่า กลุ่มสนับสนุนทางการเมืองทั้ง กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านรัฐบาลแห่งชาติ(นชป.) หรือเสื้อแดง ย่อมมีเงื่อนไขออกมาเคลื่อนไหวแน่นอน ประกอบกับ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 และคัดค้านการพิจารณารับรองบันทึกการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วม(เจบีซี)ไทย-กัมพูชา ที่ได้นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ที่แนวโน้มสถานการณ์จะนำไปสู่ความรุนแรงได้ตลอดเวลา

ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า คดียุบพรรคจะเป็นตัวแปรแทรกซ้อนทางการเมืองที่สำคัญที่สุด เพราะหากพรรคประชาธิปัตย์ ถูกยุบพรรค เงื่อนไขต้องไปดูว่า นายอภิสิทธิ์ ต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองหรือไม่ หากนายอภิสิทธิ์ ถูกตัดสิทธิทางการเมือง เราจะเห็นภาพการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่แน่นอน แต่หากนายอภิสิทธิ์ ไม่ถูกตัดสิทธิ์ กลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ก็จะมีการรวมตัวกัน และรวมตัวกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมตั้งรัฐบาลใหม่ได้อีกครั้ง

---------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : ยังคาดว่าตลาดจะแกว่งลงต่อเนื่องอีกพักใหญ่...โอกาสรอซื้อต่ำยังมีอยู่!!
แนวโน้ม: ความกังวลต่อปัญหาหนี้สินในยูโรโซนยังคงกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก ส่งผลให้เช้านี้ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ยังคงปิดและเคลื่อนไหวในด้านลบ
เป็นหลัก รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีก็ยังคงเป็นประเด็นที่ต้อง ติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่ในบ้านเราเองวันนี้นักลงทุนส่วนใหญ่คงรอติดตาม
การแถลงปิดคดีเรื่องเงินเลือกตั้งของพรรค ปชป. ซึ่งนำโดยอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย เพื่อรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีดังกล่าวในวันนี้ทันที หรือจะนัด
วันพิจารณาเป็นวันใดอีกครั้ง ซึ่งผลของคำตัดสินของศาลฯ มีผลต่อเสถียรภาพ ของรัฐบาลชุดปัจจุบันพอควร ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังคงแกว่งตัวผันผวน
และเน้นหนักในทางปรับตัวลงต่อเนื่องอยู่ ซึ่งจังหวะมองซื้อเรายังแนะนำให้รอ ช่วงดัชนีแกว่งลงไปแถว 980 จุดหรือต่ำกว่าก่อนจึงค่อยเลือกหุ้นเข้าซื้อ
กลยุทธ์: ยังแนะนำให้รอหาจังหวะเลือกหุ้นเข้ารับแถว 980 จุดหรือต่ำกว่า โดย ช่วงนี้ถ้าตลาดดีดขึ้นก่อนยังไม่ต้องรีบร้อนเข้าซื้อไล่ราคา สำหรับหุ้นที่น่าสนใจยัง
เน้นที่หุ้นหลักของตลาด ได้แก่ BANPU, KBANK, KTB, SCB, TASCO, PTL, AMATA, PS, SPALI, AP, CK, VNG, MAJOR, HEMRAJ เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (0) ลุ้นศาลตัดสินวันนี้หรือไม่ วันนี้พรรคปชป.จะแถลงปิดคดีนำเงิน 29 ล้านบาทไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ส่วนศาลจะตัดสินบ่ายวันนี้เลยหรือนัดวันหลัง เป็นไปได้ทั้งสิ้น แต่ตลาดคาดว่าตัดสินบ่ายวันนี้ หากศาลตัดสินว่า 1. ผิดและกรรมการบริหารถูกตัดสิทธิ์ (สส. ของปชป. ที่ถูกตัดสิทธิ 5 ปีมี 31 คน จำนวนนี้เป็น รมต. 15 คน)
– ตลาดลงต่อ 970-980 หรือแย่สุด 960 จุด 2. ผิดและตัดสิทธิ์เฉพาะผู้เกี่ยวข้อง (อาจเป็นนายบัญญัติ นายประดิษฐ์ นายนิพนธ์ ส่วนนายกฯ อาจโดนเพราะเซ็นรับรองงบรายจ่าย)
– ตลาดลงต่อแต่ 980 จุดน่าจะรับอยู่ 3. ยกฟ้อง
– ตลาด rebound ไปแนวต้านเดิม 1,010-1,020 จุด แล้วพักฐานต่อเพราะต่างชาติยังขาย แต่หากเลื่อนวันตัดสิน
– ดัชนีจะ sideway หรือซึมลง (970-980จุดน่าจะรับอยู่เช่นกัน) จนกว่าจะชัดเจน
• (0) สัปดาห์นี้ พลังงานอาจรีบาวน์ แต่ระวังแบงก์ ปิโตรเคมีลงต่อ เพราะยังOutperform ถ้าเทียบกับ Energy และระวัง IVL, THAI เพราะการเปลี่ยนแปลงหุ้นที่คำนวณ MSCI ใช้ราคาปิดวันนี้
• (+) 2 โบรกนอกชี้ดัชนีปีหน้า 1,200 จุด CLSA คาดเลือกตั้ง 1Q11 ประเมินSET target 1,200 จุด ขณะที่ Credit Suisse ประเมิน 1,176 จุดปีหน้า
• (+) คาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ย 1 ธ.ค. นี้ (ประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้) เป็นบวกทางจิตวิทยากับกลุ่มที่อยู่อาศัย หุ้นที่จ่ายปันผลดีด้วยได้แก่ SPALI(เป้าหมาย 14.80 บาท) LPN (เป้าหมาย 12.45 บาท) AP (เป้าหมาย 8.30 บาท)
• (+) Fitch คงอันดับเรทติ้ง PTT หลัง PTTEP เข้าซื้อ KKD และออสเตรเลียทบทวนใบอนุญาต โดยคงเครดิตระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศไว้ที่ ‘BBB’แนวโน้ม Stable ส่วนเครดิตระยะยาวสกุลเงินในประเทศที่ ‘A-’ แนวโน้ม Negative
• (+) KSL เราปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 18 บาท 4Q10 (สิ้นสุด ต.ค. 2010) จะรายงานเป็นขาดทุน ราคาหุ้นที่อ่อนตัวจึงเป็นโอกาสในการซื้อ
• (+) กลุ่มรับเหมา จับตาประมูลสร้างส่วนต่อขยาย BTS สายสีลม "ตากสิน-บางหว้า" ระยะทาง 5.3 ก.ม. มูลค่า 5,915 ล้านบาท เปิดให้บริการเดือน ธ.ค. 2555แหล่งข่าวในวงการแจ้งว่าใช้วิธีส่งเทียบเชิญรายใหญ่ 5 รายมี ITD, CK, STEC,UNIQ, A.S. Associate Engineering (1964) และมีข่าวว่า CK ถอนตัวแล้วนอกจากนี้ ลุ้นวันนี้ที่ประชุม รฟม. จะพิจารณาเรื่องการประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวต้นเดือน ธ.ค. นี้หรือไม่
• (0) หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 งวด 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2011 – เข้าBTS, SSI, ITD, STA, SPALI ออก – BH, BIGC, KSL, MAKRO, SCCC
• Fund Flow เมื่อวันศุกร์ ยังคงไหลเข้าสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์อีกเล็กน้อย สรุปรายสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเกาหลีใต้และไต้หวัน (แม้ว่าปัญหาในคาบสมุทรเกาหลียังทวีความร้อนแรง) ส่วนตลาดอื่นมีการขายทำกำไร โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมายืนเหนือ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ก่อน เนื่องจากความกังวลหนี้ในยุโรป หุ้นกลุ่มส่งออกจึงเริ่มกลับมีความน่าสนใจในระยะสั้น

ข่าวภายในประเทศ
เปิดโผ7หุ้น CG ดีเลิศผลตอบแทนเกิน100% SNC-HEMRAJ-SATนำทีม CPF-PTTCH กำไรทะลัก! เปิดโผ 70 บริษัท CG ดีเลิศซ่อนของดีไว้เพียบให้ผลตอบแทนจากราคาหุ้นเฉลี่ยสูงกว่าตลาด พบ 7 บริษัทมหัศจรรย์ผลตอบแทนสูงกว่า 100% และอีก 27 บริษัทสูงกว่า 40% SNC ตัวเล็กก้ามโตนำทีม ตามด้วย HEMRAJ-SAT-ROBINS-DRT ขณะที่หุ้นไก่บิน CPF ไม่ยอมน้อยหน้าใคร ส่วน PTTCH ดีวันดีคืนรับธุรกิจปิโตรเคมีขาขึ้น (ที่มา:นสพ.ข่าวหุ้น 29-11-2010)
DCC กำไรสดใสลุ้นปันผล70สต.เชื่อ Q1 ทำนิวไฮ DCC ลุ้นปันผลไตรมาส 4 ที่ 0.70-0.80 บาท รับผลประกอบการดีต่อเนื่อง สิ้นปีมีกำไรไม่ต่ำกว่า1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน เชื่อไตรมาส 1/54 กำไรสูงสุดรอบใหม่ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาล และการซ่อมแซมจากภาวะน้ำท่วม เพิ่ม
กำลังการผลิตต่อเนื่อง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-11-2010)
AOT งานเข้ามติบอร์ดส่อปัญหาอีก คงสัญญาล็อกซเล่ย์ 10 ปี อาจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ AOT งานเข้าอีก วงในคมนาคมเปิดแผลบอร์ดชุด “ปิยะพันธ์” เพิ่งเห็นชอบคงสัญญาล็อกซเล่ย์ 10 ปี เผย อาจเป็นมติที่ไม่ถูกต้องเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะบอร์ดชุด “วุฒิพันธ์” เคยไฟเขียวให้ลดเวลาเหลือ 5 ปีไปแล้ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-11-2010)
PREB ย้ำรายได้ปีนี้ 2,035 ล้านQ4 จ่อบุ๊ค 400 ล้านงานก่อสร้าง “พรีบิลท์” ยันรายได้ปีนี้ตามเป้า 2,035 ล้านบาท หลังคาดงบ Q4 ดีตามแผนจ่อบุ๊ครายได้ก่อสร้างกว่า 400 ล้านบาท แต่ถึงสิ้นปีนี้ยังไม่มีแผนประมูลงานเพิ่ม เหตุยอดงานคงค้างในมือเพียบกว่า 3,800 ล้านบาท ขณะที่ลูกค้า 2
ราย “ซีเกท-แอมเวย์” เลื่อนประมูลงานก่อสร้างโรงงานไปเป็นปีหน้า จากเดิมที่จะเปิดประมูลภายในปีนี้ ส่วนปีหน้าตั้งรายได้โต 30% พุ่งแตะ 2,747
ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-11-2010)
CPF กับ “ขยะแลกไข่ไก่สดซี.พี.ปี3”จากความสำเร็จ 61 ชุมชนก้าวสู่ 120 ชุมชน นายอภัยชนม์ วัชรสินธุ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยว่า ซีพีเอฟเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อสังคม “โครงการขยะแห้งแลกไข่ไก่สดซี.พี.” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากจุดเริ่มต้นเมื่อปีแรก พ.ศ.2551 มีชุมชนในเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพียง 10 ชุมชน เมื่อเข้าสู่ปีที่ 2 พ.ศ.2553 ขยายไปยังชุมชนใกล้เคียงอีกเป็น 25 ชุมชน และล่าสุดปี 2553 นี้ ซีพีเอฟได้ขยายความสำเร็จของโครงการ สู่ชุมชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลรวม 61 ชุมชนโดยสนับสนุนไข่ไก่รวม 1,100,000 ฟอง มูลค่ารวม 3,000,000 บาท เพื่อใช้ในโครงการ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยผู้บริโภคใช้จ่ายช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าเพิ่มขึ้น 6.4% สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) เปิดเผยว่าจำนวนประชาชนที่ออกมาใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าเมื่อสุดสัปดาห์ปีนี้ มีมากกว่าปีที่แล้ว โดยส่วนใหญ่ออกมาเลือกซื้อของขวัญลดราคาสำหรับช่วงเทศกาล รายงานของ NRF ระบุว่า จำนวนประชาชนที่ออกมาซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.7% แตะ 212 ล้านคนในวันแบล็คฟรายเดย์ หรือวันศุกร์ที่ 26 พ.ย.ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นของฤดูการจับจ่าย และมียอดการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อคนที่ 365.34 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-11-2010)
จีน: นักวิเคราะห์คาดธนาคารกลางจีนจะขึ้นดอกเบี้ยรวม 1% ใน 3 ไตรมาสข้างหน้า นายเจิง หงฉิง นักวิเคราะห์จากเอเวอร์ไบรท์ แบงค์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมอีก 1.00% ใน 3 ไตรมาสข้างหน้า ด้วยความพยายามที่จะควบคุมเงินเฟ้อและสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน นายเจิงคาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ของจีนจะเพิ่มขึ้น 3.89% ในช่วงปี 2554 และคาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ดัชนีซีพีไอจะเพิ่มขึ้นกว่า 4% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-11-2010)
จีน: จีนคาดผลผลิตเหล็กดิบเพิ่มแตะ 624 ล้านตันในปีนี้ หลัว ปิงเฉิง รองนายกสมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีน คาดว่า ยอดการผลิตเหล็กดิบของจีนอาจแตะระดับ 624 ล้านตัน ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 8.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่การนำเข้าเหล็กดิบของจีนในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม คาดว่าจะมีปริมาณอยู่ที่ 3.2 ล้านตัน และยอดการนำเข้าทั้งปี 2553 อาจแตะ 18.20 ล้านตัน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-11-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.หดตัวลงครั้งแรกในรอบปีนี้ หลังมาตรการกระตุ้นศก.หมดอายุ กระทรวงการค้าญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่ายอดค้าปลีกเดือนต.ค.หดตัวลง 0.2% จากปีที่แล้ว ทำสถิติหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ หลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่นหมดอายุลง นอกจากนี้ การหดตัวลงของยอดค้าปลีกยังมีสาเหตุมาจากการที่รัฐบาลประกาศขึ้นภาษีบุหรี่ รายงานยอดค้าปลีกที่หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคกำลังลดการใช้จ่าย หลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลหมดอายุลง และยังบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัวมากพอที่จะกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศให้เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-11-2010)
เอเชีย: สิงคโปร์เผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.พุ่งสูงขึ้น 31.0% ต่อปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสิงคโปร์ในเดือนต.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 31.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี และขยายตัวขึ้น 2.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่สูงขึ้นนั้น ได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายตัวด้านการผลิตในกลุ่มธุรกิจการแพทย์ชีวภาพที่ระดับ 107.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี รวมถึงผลผลิตในกลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ที่ทะยานขึ้น 121.4% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code 204 : ข่าว PTTEP ค่อนข้างออกมาในเชิงบวก

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2553

ATT Code : ข่าว PTTEP ค่อนข้างออกมาในเชิงบวก
----------------------------------------------------------------------------------
Hot News
PTTEP: Key takeaway from conference call : ค่อนข้างออกมาในเชิงบวก
· ผลการสบสืบส่วนเป็นไปตาม ปตท.สผ. คาด เนื่องจาก ปตท. สผ. ได้ทำงานและประสารงานกับกระทรวงพลังงานของออสเตรเลียต่อเนื่องในช่วงสอบสวนเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา
· กระทรวงพลังงานยืนยันอย่างไม่เป็นทางการที่จะให้ ปตท.สผ ดำเนินกิจการในโครงการมอนทาราต่อไป แม้จะอยู่ในช่วงทบทวนสัปทานก็ตาม การดำเนินงานของปตท.สผ ในแหล่งมอนทารายังไม่ได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินงานผลิตน้ำมันดิบแต่อย่างใด นอกจากนี้ตามกฏหมายจะมีการทบทวนสัปทานมอนทาราเท่านั้น ไม่ได้โยงไปถึงแหล่งอื่นของปตท.สผ ในออสเตรเลีย และ สัปทานนี้ปตท. สผ สามารถขายสัปทานมอนทาราต่อไปได้
· ท้ายที่สุดแล้วคำตัดสินจากรัฐบาลออสเตรเลีย ซึ่งปตท.สผ คาดว่าผลการทบทวนการให้สัปทานของมอนทาราจะออกมาเป็นบวก และอาจมีเสียค่าปรับเพียงเล็กน้อยตามที่บริษัทคาด
· ความคืบหน้าการฟ้องร้องกับอินโดนีเชียมีการพูดกับ 2 ครั้ง และพร้อมเปิดเจรจาข้อมูลที่ได้รับจากอินโดเชียเช่นเดิม
· ปตท. สผ คาดว่าผลการทบทวนอันดับเครดิตอาจจะออกมา 50: 50 กรณีของ S&P ทบทวนอันดับเครดิตของปตท.สผ จะใช้เวลา 90 วัน เรื่องนี้บริษัทจะชี้แจงให้บริษัทจัดอันดับเครดิตทราบ สำหรับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นมาก ขณะนี้ปตท.สผ ก็มีแผนที่จะทำให้หนี้สินลดลงในอนาคต ได้แต่การขายสัดส่วนการถือหุ้นในแหล่งเอ็ม 9 ในพม่า รวมถึงการขายลูกหนี้การค้าจากปตท. แม่ที่มีเป็นจำนวนมาก
Comments: การชี้แจงของปตท. สผ ค่อนข้างเป็นบวก แม้จะยังมีความเสี่ยงอยู่ค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าในช่วงสั้นนี้ราคาหุ้นจะยังถูกกดดันต่อเนื่องจนกว่าจะมีคำตัดสินออกมา ส่วนปัจจัยพื้นฐานของปตท. สผ ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกระทรวงพลังงานออสเตรเลียยืนยันอย่างไม่เป็นทางการที่จะให้ปตท. สผ ดำเนินการผลิตน้ำมันดิบในแหล่งมอนทาราต่อไป ไม่ได้สั่งให้หยุด ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับว่ากรณีที่เราถูกยึดใบขับขี่แต่เรายังเป็นเจ้าของรถอยู่มีสิทธิที่จะขายรถคันนี้ได้ ระยะยาวเรายังแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมายที่ไม่หักโครงการมอนทารายังอยู่ที่ 195 บาท/หุ้น
Short News
CHINA:จีนประกาศคุมเข้มภาคอสังหาฯวันนี้ สกัดการทำ IPO-เพิ่มทุน-ปรับโครงสร้าง เซี่ยงไฮ้--26 พ.ย.--รอยเตอร์

Citi: 2011 SET target 1,060. SET50 target 740. OW Energy, Materials, Banks

CS: 2011 SET target 1,176. Top picks: AP, BGH, KBANK, LPN, MINT, SCB, TISCO, THAI, TOP

SPALI (BUY) - 4Q10 กำไรจะฟื้นขึ้นเต็มที่ ส่วน LTV ไม่กระทบมาก
* คาดจ่ายปันผลปี 2010 ที่ 0.62 บาท คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 5.8% ต่อปี โดยจ่าย 1H10 ไปแล้ว 0.30 บาท เหลือจ่ายครึ่งหลังประมาณ 0.32 บาท
* แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2011 ที่ 14.80 บาท ใช้ PE ที่ 9 เท่า โดยมีปัจจัยหนุนจาก Backlog ที่รองรับไปถึงปี 2013 และโครงการที่ยังเปิดใหม่ต่อเนื่อง รวมทั้งความสามารถในการบริหารโครงการให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคู่แข่ง จะเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันที่จะสูงขึ้นในอนาคต

Cash Balance จาก ตลท.: สำหรับสัปดาห์นี้(19-25 พ.ย. 53) คาดว่ามีเพิ่มอีก 3 ตัว ได้แก่ IVL13CB , BAY13CA และ TOP13CA (ต้องเทรดในบัญชีดังกล่าวจากวันที่ 29 พ.ย.-17 ธ.ค.)
สำหรับปัจจุบันมีหุ้นค้างในบัญชีดังกล่าว 2 ตัว คือ TPP (เทรดถึง 3 ธ.ค.) และ LOXLEY (เทรดถึง 9 ธ.ค.)

ADVANC:ข่าวความร่วมมือด้าน Data Roaming และการเป็น MVNO กับ TOT...ยังต้องรอการสรุปที่เป็นทางการ
จากหนังสือพิมพ์ Post Today มีข่าวความร่วมมือ ADVANC กับ TOT เรื่องเชื่อมต่อโครงข่าย 3G ของ TOT ให้บริการด้าน Data และเรื่อง MVNO: เมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) มีการพูดคุยระหว่าง 2 บริษัท ใน 3 เรื่อง คือ (1) TOT เปิดให้ ADVANC ใช้โครงข่าย 3G ของ TOT เพื่อให้บริการ Data (Data Roaming) ประมาณ 5 หมื่นเลขหมาย (2) ADVANC ขอเป็น MVNO บริการ 3G บนคลื่น 1900 MHz ของ TOT และ (3) การให้ TOT เช่าใช้เสาสถานีฐานของ ADVANC สำหรับบริการ 3G ของ TOT ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้า ADVANC จะเสนอแผนการให้บริการ Data Roaming ต่อ TOT อีกครั้ง ความเห็น: การพูดคุยเพื่อทำ Data Roaming กับเครือข่าย 3G ของ TOT มีความล่าช้ามาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เราจึงยังไม่แน่ใจว่าคราวนี้จะได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ หากเป็นจริง เป็นข่าวดีต่อ ADVANC แต่ไม่ใช่ Big-deal เนื่องจากยังจำกัดการ Roaming เพียงระดับ 5 หมื่นเลขหมาย จากฐานลูกค้าทั้งหมดของ ADVANC ประมาณ 30 ล้านราย ส่วนเรื่องการขอเป็น MVNO ระบบ 3G บนคลื่น 1900 MHz ของ TOT มีคู่แข่งคือ DTAC และ TRUE แม้ ADVANC อาจได้เปรียบบ้าง เนื่องจากเป็นคู่สัญญาสัมปทาน (ระบบ 2G บนคลื่น 900 MHz) กับ TOT อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณาอื่นๆ อีก โดยเฉพาะจากมาตรา 46 ของพ.ร.บ.คลื่นความถี่ฯ ใหม่ กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ต้องประกอบกิจการด้วยตนเอง จะมอบหมายให้ผู้อื่นประกอบกิจการแทนไม่ได้ Deal นี้ จึงไม่ง่ายนัก คำแนะนำ: คง Rating ADVANC “BUY”เป้าหมาย 104 บาท โดยมองเป็น Dividend Play จากคาด Dividend yield ระดับ 10-12%
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
26 พย. 53 ( -9.55 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

มีโอกาสปรับตัวลง 980 – 985 จุด
แนวโน้มในวันศุกร์นี้ ในกรณีปรับตัวขึ้นดัชนีไม่น่าจะไปได้เกิน 1005 - 07 บริเวณแนวต้านตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงตลาดยังคงถือว่า มีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงบริเวณ 980 - 985 ใกล้จุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้วอีกครั้ง .. และ “อาจจะ” แกว่งตัวในกรอบ 980 – 1020 หรือระหว่างจุดต่ำสุดสัปดาห์ที่แล้วถึงจุดสูงสุดของสัปดาห์นี้ อีกสักระยะ

ขณะที่การปรับตัวลง ต่ำกว่า 978.52 จุดต่ำสุดสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อเดือนหน้าแถว 905 – 955 จุด ใกล้แนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์

หุ้นเด่น
QH
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉี่ย 25 ชั่วโมงได้อีกครั้ง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 2.10จุดสูงสุดวันพฤหัส เป้าหมายสองสามวัน2.16 – 2.20( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 2.04 )2.16 – 2.20

PS
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉี่ย 25 ชั่วโมงได้อีกครั้ง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 19.10จุดสูงสุดวันพฤหัส เป้าหมายสองสามวัน19.70 – 20.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 18.50 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTT มีโอกาสลง 280 - 290
TRUE มีโอกาสลง 5.30 – 5.60
IVL ต่ำกว่า 48.25 ลง 45 - 47
BANPU มีโอกาสลง 740 - 750
TMB เกิน 2.26 ขึ้น 2.30 – 2.40
PTTEP มีโอกาสลง 155 - 160
CPF มีโอกาสลง 23 – 23.50
PTTAR มีโอกาสลง 34 - 35
PTTCH ต่ำกว่า 155 ลง 150 – 152
IRPC ต่ำกว่า 4.54 ลง 4.30 – 4.40

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : ถ้าตลาดดีดขึ้นยังไม่ต้องรีบร้อนซื้อ เพราะโอกาสรอซื้อต่ำยังมีอยู่!!
แนวโน้ม: ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจบลงตามที่ตลาดคาดการณ์กันไว้ คือร่างแก้ไขฉบับที่รัฐบาลเป็นผู้เสนอผ่านวาระ 1 เรียบร้อยทั้ง 2 ฉบับ ทำให้คาดว่า
จะไม่มีผลต่อ SET ขณะที่ความกังวลต่อการลุกลามของปัญหาหนี้สินในยุโรปรวมถึงความวิตกต่อมาตรการคุมเข้มของทางการจีน ยังกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่
พอควร โดยเช้านี้ตลาดหุ้นในเอเชียก็ถือว่ายังมีแรงขายให้เห็น ส่วนตลาดหุ้นไทยยังมีประเด็นของ PTTEP จากเรื่องการรั่วไหลในมอนทารากดดันราคาหุ้นในกลุ่มPTT ซึ่งถือเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่มีอิทธิพลกับ SET ค่อนข้างมาก ดังนั้น FSS จึงยังคาดว่าแนวโน้มที่ SET จะแกว่งตัวลงไปที่จุดต่ำสุดเดิมแถว 980 จุดหรือใกล้เคียงยังมีความเป็นไปได้ ดังนั้นยังแนะนำให้รอหาจังหวะกลับเข้ารับเมื่อตลาดปรับตัวลงต่ำอยู่เช่นเดิม
กลยุทธ์: ยังรอหาจังหวะเลือกหุ้นรับเมื่อตลาดปรับตัวลง ดังนั้นถ้าช่วงนี้ดีดขึ้นก่อนจึงยังไม่ต้องรีบร้อนเข้าซื้อไล่ราคา ซึ่งหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ BANPU, KBANK,KTB, SCB, TASCO, PTL, AMATA, PS, SPALI, AP, CK, VNG, MAJOR,HEMRAJ เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
• (-) เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ 3Q10 ชะลอมากกว่าตลาดคาด โดยเพิ่ม 6.5%Y-Y,-0.5%Q-Q ขณะที่ตลาดคาด +7.3%Y-Y, +0.9%Q-Q ชะลอลงจาก 2Q10 ที่+8.2%Y-Y, +1.4%Q-Q และเป็นการลดลง Q-Q เป็นไตรมาสแรกนับตั้งแต่ต้นปี2009 ทั้งนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียที่เศรษฐกิจในครึ่งหลังปีนี้เริ่มชะลอตัวเพราะเศรษฐกิจของ G3 (สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น) ที่ยังไม่ฟื้น และสิ่งที่เหมือนกันคือการบริโภคในประเทศที่แข็งแกร่งและเป็นเครื่องจักรสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเอเชียในปีหน้า
• (+) สภาลงมติรับรับร่างแก้ไข รธน. ทั้ง 2 ฉบับของรัฐบาล ตามคาด ทั้งในม. 190 (การลงนามในสนธิสัญญาที่ต้องขอความเห็นจากรัฐสภาโดยคณะรมต.เป็นผู้เสนอ) และม. 93-98 (ระบบเลือกตั้งเขตเดียวเบอร์เดียว) ส่วนร่างแก้ไข รธน.ฉบับของ คปพร. (หมอเหวง) และของ สส.พรรคร่วมรัฐบาล ตกไป ส่วนเสื้อเหลืองนัดชุมนุม 11 ธ.ค. นี้ ขั้นต่อไปจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อพิจารณาวาระ 2และ 3 ซึ่งต้องไปรอประชุมสภาสมัยหน้า เพราะสมัยนี้จะปิดประชุม 28 พ.ย. นี้
• (+) กลุ่มบ้านกลับมาสดใสเพราะคาดว่าสัปดาห์หน้า 1 ธ.ค. กนง.มีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ มาตรการป้องกันฟองสบู่ในกลุ่มบ้านและคอนโดก็ถือว่า
เป็นข่าวดี แนะนำ SPALI (เป้าหมาย 14.80 บาท) PS (เป้าหมาย 27 บาท)
• (+) GLOBAL ราคาหุ้นผ่านการพักฐานไปแล้ว ณ ราคาปัจจุบันมี PE 20 เท่าถือว่าค่อนข้างเมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 27% ในปี 2011 – 2012 การขยายสาขายังเดินหน้าตามแผน และได้ประโยชน์จากการซ่อมบ้านเรือนหลังน้ำลด
• (0) SYMC เริ่มเทรดวันนี้วันแรก บมจ. ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น ให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูงในประเทศ ได้รับ License 15 ปีจาก กทช. เริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือน มี.ค. 2550 ภายใต้แบรนด์ "Symphony" โดยอยู่ในกลุ่ม ICT มีPar 1 บาท ราคาจอง IPO 8.80 บาท บล.ธนชาติเป็นลีดอันเดอร์ไรท์
• (0) PTTEP มี Conference call กับนักวิเคราะห์ 9.00 น. วันนี้
• Fund Flow วานนี้นิ่งและมีปริมาณการซื้อขายเบาบางมาก ไหลเข้าตลาดหุ้นไต้หวัน แต่ขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ส่วนประเทศอื่นขายสุทธิเล็กน้อย ทั้งนี้เป็นเพราะช่วงนี้มีทั้งปัจจัยบวกและลบเข้าสู่ตลาดพร้อมกันทำให้มองทิศทางการลงทุนค่อนข้างยาก ปัจจัยลบจากปัญหาหนี้สินของยูโรโซนแม้จะผ่อนคลายแต่ยัง
ไว้ใจไม่ได้ ขณะเดียวกันมีปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐดูดีขึ้นมากกว่าคาดในระยะสั้น แต่ระยะยาวเฟดก็มีการปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีหน้าลง ส่วนประเด็นใหม่ที่ต้องจับตาคือ เรื่องปัญหาหนี้ของดูไปที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งยังแก้ไขไม่เสร็จอาจจะกลับมาเป็นกังวลอีกครั้งได้ ค่าเงินดอลลาร์ที่ยังแข็งค่าต่อเนื่องจะส่งผลให้กระแสเงินทุนจากต่างชาติช่วงนี้ชะลอตัวต่อเนื่อง หากค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง เราแนะนำให้เข้าเก็งกำไรในหุ้นส่งออก อย่าง TUF ที่คาดว่ากำไรไตรมาสที่ 4 จะออกมาดีจากการรับรู้กำไรจาก MWBand
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ยูโรสแตทเผยยอดสั่งซื้อใหม่ของภาคอุตสากรรมในยูโรโซนหดตัว 3.8% เดือนก.ย. ยูโรสแตท ซึ่งเป็นสำนักงานสถิติของอียู รายงานว่า ยอดคำสั่งซื้อใหม่ในภาคอุตสาหกรรมของกลุ่มยูโรโซนลดลง 3.8% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับตัวเลขของเดือนสิงหาคมที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง5.1% ส่วนยอดคำสั่งซื้อใหม่ใน 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ลดลง 2.5% ในเดือนกันยายน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนสิงหาคม(ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-11-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.ร่วงเกินคาด 8.1% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.ร่วง8.1% แตะระดับ 283,000 หลัง จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 308,000 หลังจาก ซึ่งร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 310,000 หลังในเดือนต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงซบเซา อันเนื่องมาจากอัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก รายงานของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่าราคาบ้านใหม่โดยเฉลี่ยในเดือนต.ค.อยู่ที่ 248,200 ดอลลาร์ ลดลง 8% โดยยอดขายบ้านใหม่ครอบคลุมถึง บ้านเดี่ยว อพาร์ทเมนท์ และคอนโดมิเนียม (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-11-2010)
จีน: จีนเผยยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดพุ่งแตะ 1.023 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 สำนักปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่าจีนมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.023 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ พุ่งขึ้น 1.03 เท่าจากปีที่แล้ว บ่งชี้ว่าจีนกำลังได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากเงินทุนไหลเข้า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนลดลง 8% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 1.242 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับในไตรมาส 2 ไตรมาสเดียวยอดเกินดุลอยู่ที่ 7.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ พุ่งขึ้น 30% เมื่อเทียบรายปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-11-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 7.8% เดือนต.ค. ขณะยอดเกินดุลการค้าทะยาน 2.7% กระทรวงการคลังของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดการส่งออกของญี่ปุ่นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 7.8% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 5.7236 ล้านล้านเยน และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันในขณะที่ยอดการนำเข้าขยายตัว 7.8% ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 8.219 แสนล้านเยน หรือ 2.7% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-11-2010)
เอเชีย: เวียดนามเผยยอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ย.พุ่ง 16% จากเดือนต.ค. หวั่นกระทบค่าเงินดอง สำนักงานสถิติเวียดนามเผยยอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16% แตะระดับ 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. ซึ่งภาวะดังกล่าวอาจสร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินดองที่อ่อนค่าลงอย่างหนักในปีที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยอดส่งออกของเวียดนามในเดือนพ.ย.ปรับตัวสูงขึ้น 4% แตะระดับ 6.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 6.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. ขณะที่ยอดนำเข้าทะยานขึ้น 5% แตะ 7.7พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. ส่งผลให้ในช่วง 11 เดือนของปีนี้เวียดนามมียอดส่งออกเพิ่มขึ้น 24.5% แตะ6.428 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ยอดนำเข้าทะยานขึ้น 19.8% แตะระดับ 7.494 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-11-2010)
เอเชีย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกาหลีใต้เดือนพ.ย.ดีดตัว จากกระแสคาดเศรษฐกิจฟื้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเกาหลีใต้เดือนพ.ย.ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า บรรยากาศการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะช่วยกระตุ้นรายได้ภาคครัวเรือน และสร้างปัจจัยหนุนต่อแนวโน้มการจ้างงาน ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 110 จุด จากระดับ 108 จุดในเดือนต.ค. ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นจากการสอบถามความเห็นของประชาชน 2,138 ครัวเรือน ใน 56 เมืองระหว่างวันที่ 12 - 19พ.ย. ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่เกาหลีเหนือจะยิงปืนใหญ่ไปยังเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code 203 : PTTEP-PTT มีแนวโน้มปรับลดเครดิต

วันพฤหัสที่ 25 พฤศจิกายน 2553
ATT Code : PTTEP-PTT มีแนวโน้มปรับลดเครดิต
*PTT:S&P ชี้ข่าวการซื้อหุ้น Stat oil ไม่กระทบอันดับเครดิต PTT บังกะลอร์--25 พ.ย.--รอยเตอร์
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่า การประกาศของบมจ.ปตท. หรือ PTT และบมจ.ปตท.
สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) หรือ PTTEP ที่จะเข้าซื้อหุ้น 40% ในแหล่งผลิตน้ำมันดิบของ Statoil ในแคนาดาในวงเงิน 2.28 พันล้านดอลลาร์นั้น ไม่มีผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือทางด้านองค์กรที่ BBB+ ที่มีแนวโน้มเชิงลบของ PTT แต่อย่างใด

*PTTEP:"มูดี้ส์"ประกาศทบทวนอันดับเครดิต PTTEP-PTT โดยมีแนวโน้มปรับลดอันดับ สิงคโปร์--25 พ.ย.--รอยเตอร์
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศทบทวนโดยมีแนวโน้มปรับลดลงสำหรับอันดับความน่าเชื่อถือในฐานะผู้ออกตราสารหนี้และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีประกันที่ A3 ของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) และบมจ.ปตท.

*PTTEP:S&P ประกาศเครดิตพินิจเชิงลบต่อ PTTEP กังวลเงินทุนซื้อหุ้น Statoil สิงคโปร์--25 พ.ย.--รอยเตอร์
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่า ทางบริษัทได้ประกาศเครดิตพินิจโดยมีแนวโน้มเชิงลบ สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือทางด้านองค์กรที่ BBB+ ของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) หรือ PTTEP

นอกจากนี้ S&P ยังได้ประกาศเครดิตพินิจโดยมีแนวโน้มเชิงลบสำหรับอันดับความน่าเชื่อถือที่ BBB+ ของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีประกันที่ออกโดยบริษัทพีทีทีอีพี ออสเตรเลีย อินเตอร์เนชันแนล ไฟแนนซ์ และได้รับการค้ำประกันจาก PTTEP

S&P เปิดเผยว่า การประกาศเครดิตพินิจสำหรับอันดับความน่าเชื่อถือของ PTTEP มีขึ้น หลังการประกาศของ PTTEP ว่าจะเข้าซื้อหุ้น 40% ในแหล่งผลิตน้ำมันดิบของ Statoil ในแคนาดา ในวงเงิน 2.28 พันล้านดอลลาร์

---------------------------------------------------------------------------------
Short News
TMB - ที่มีข่าวว่าจะมีการประชุมบอร์ดเรื่องการจ่ายเงินปันผลในวันพรุ่งนี้ ไม่น่าจะเป็นความจริง
· จากข่าวนสพ.ข่าวหุ้น ที่ว่า TMB จะมีการประชุมบอร์ดโดยจะมีวาระการจ่ายเงินปันผลด้วยนั้น
· เราได้สอบถามไปยังฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของ TMB ได้ข้อสรุปว่า
· พรุ่งนี้มีประชุมบอร์ดจริง และน่าจะมีการพูดถึงความเป็นไปได้ในการจ่ายเงินปันผล แต่คงยังไม่มีมติออกมาเป็นเรื่องเป็นราวออกมา
· การจ่ายเงินปันผลน่าจะต้องรองบปีออกมาทั้งหมดก่อน จึงจะตัดสินใจได้ (ตัวแปรคือ ต้องมีเงินกองทุน กำไรสะสม และกำไรทั้งปีซึ่งไม่รวมกำไรพิเศษ)
· เราคาดจะจ่าย ~ 0.03-0.04 บาทต่อหุ้น คิดเป็น yield แค่ 1.5% น้อยกว่า KTB ที่มีทั้ง Fundamental และ story ที่น่าสนใจกว่า
· แนะนำ ขาย TMB เข้า KTB เป็นทางเลือกที่ดีกว่า

กลุ่มมือถือ:Sentiment เชิงลบระยะสั้นจากข่าวกรมสรรพสามิตจะเสนอเก็บภาษีการใช้บริการมือถือ 3%
จากแหล่งข่าว กรมสรรพสามิต จะเสนอก.คลังเก็บภาษีสรรพสามิตจากการใช้บริการมือถือ ในอัตรา 3% จากฐานภาษี 10% ภายในสิ้นปีนี้-มี.ค.11 โดยคาดรายได้เข้ารัฐ 2 หมื่นล้านบาท
ความเห็น: เป็น Sentiment เชิงลบระยะสั้นต่อหุ้นกลุ่มมือถือ แม้โอกาสเกิดจริงไม่น่ามาก ในทางปฏิบัติจะมีการโอนภาระไปให้ผู้บริโภค เพื่อรักษาMargin ของผู้ประกอบการ รวมทั้งปัจจุบันบริการมือถือจัดว่าเป็นสินค้าจำเป็นโดยเฉพาะบริการด้าน Voice ที่มีสัดส่วนรายได้ 85-90% และมีอัตราการเติบโตไม่มากอยู่แล้ว ที่เหลือ 10-15% จากด้าน Non-voice การปรับขึ้นของค่าบริการ อาจมีผลต่อปริมาณการใช้ (MOU) เพียงระยะแรกๆ
คำแนะนำ: คงให้น้ำหนักการลงทุนเพียง “Neutral” กลุ่มมือถือ โดยให้น้ำหนักด้าน Dividend Play โดยคาด ADVANC มากสุดระดับ 10-12%
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
25 พย. 53 ( -3.50 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

แกว่งตัวในกรอบ 1000 – 10 จุด
ดัชนีกำลังแกว่งตัวในกรอบ 1000 – 10 หรือระหว่างจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของวันพุธ ใต้แนวต้านตามธรรมชาติเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันและ25 ชั่วโมง

จากนั้น ตลาดยังคงมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงบริเวณ 980 - 985 ใกล้จุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้วอีกครั้ง .. และอาจจะแกว่งตัวในกรอบ 980 – 1020 หรือระหว่างจุดต่ำสุดสัปดาห์ที่แล้วถึงจุดสูงสุดของสัปดาห์นี้ อีกสักระยะและการปรับตัวลง ต่ำกว่า 978.52 จุดต่ำสุดสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อ
เดือนหน้าแถว 905 – 965 จุด ใกล้แนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์

หุ้นเด่น
PTL
ปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะชั่วโมงขึ้นมาได้ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน37.25 จุดสูงสุดวันพุธ เป้าหมายสองสามวัน39.00 - 41.50( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 36.00 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTT ไม่น่าเกิน 314 – 316
PTTEP ไม่น่าเกิน 174 – 176
TRUE แกว่งตัว 6.40 – 6.65
PTTAR แกว่งตัว 37 – 38.25
IVL เกิน 50 ขึ้น 50.50 - 51
CPF เกิน 25.25 ขึ้น 25.50 - 26
PTL รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
TOP ต่ำกว่า 65.75 ลง 56 – 60
PTTCH ไม่เกิน 163.50 ลง 150 – 155
KBANK ไม่เกิน 123.50 ลง 118 - 119
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : ตลาดขึ้นยังรอดูท่าทีก่อนได้ เพราะโอกาสลงต่ำใหม่ยังมีอยู่!!
แนวโน้ม: SET ยังมีแรงซื้อจากบริเวณ 1000 จุดอยู่เป็นวันที่ 2 ทำให้มีโอกาสลุ้นจังหวะดีดกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวเป็นบวกได้ในช่วงนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้สนับสนุนแนวโน้มดังกล่าวด้วย แต่ความกังวลต่อการลุกลามของปัญหาหนี้สินในยุโรป และความวิตกต่อมาตรการคุมเข้มของทางการจีน รวมทั้งความ
ขัดแย้งทางด้านการเมืองในประเทศจากประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีการโหวตรับร่างแก้ไข รธน.กันในวันนี้ น่าจะยังกดดันให้ SET ขยับขึ้นได้ในกรอบ
จำกัด ซึ่ง FSS คาดว่าโอกาสที่ดัชนีจะขยับขึ้นไปสูงกว่า 1020 จุดในระยะนี้มีความเป็นไปได้ไม่มากนัก ในทางกลับกันเรายังมองว่าแนวโน้มที่ SET จะแกว่งตัวลงไปที่จุดต่ำสุดเดิมแถว 980 จุดหรือใกล้เคียงยังมีความเป็นไปได้มากกว่านอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับปัญหามอนทาราของ PTTEP ก็ยังมีสิทธิที่จะกดดันให้หุ้นในกลุ่ม PTT แกว่งตัวลงต่อได้ ดังนั้นยังน่ารอรับต่ำอยู่เช่นเดิม
กลยุทธ์: รอหาจังหวะเลือกหุ้นรับเมื่อตลาดปรับตัวลง ซึ่งหุ้นที่น่าสนใจได้แก่BANPU, KBANK, KTB, SCB, TASCO, PTL, AMATA, PS, SPALI, AP, CK,VNG, MAJOR, HEMRAJ เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (0) จับตาการลงคะแนนแก้ไขรัฐธรรมนูญวันนี้ มีแนวโน้มว่าสภาจะโหวตให้ผ่านซึ่งจะเป็นข่าวบวกกับตลาด แต่ก็ยังต้องระวังคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมี
การแถลงปิดคดี 29 พ.ย. นี้และอาจตัดสินในวันเดียวกันนั้นเลยหรือนัดใหม่ ทำให้การรีบาวนด์ของ SET ยังถูกจำกัด
• (-) PTTEP ข่าวดีปนร้าย หลังมีข่าวว่ารัฐบาลออสเตรเลียกำลังทบทวนใบอนุญาตของ PTTEP กรณีทำน้ำมันรั่วที่แหล่งมอนทารา กลบข่าวดีที่ไปลงทุนใน Oil Sands และทำให้ราคาหุ้นวานนี้ปรับลงถึง 9 บาทหรือ 5% มีผลต่อ SET 4จุด แม้ว่าบริษัทจะมั่นใจว่าจะไม่ถูกยึดใบอนุญาต แต่เราประเมินกรณีเลวร้ายสุด ถ้าต้องตัดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จะกระทบกำไร 3 บาท/หุ้น และกระทบราคาเป้าหมายประมาณ 30 บาท/หุ้นจากเป้าหมายปัจจุบัน 195 บาท ทำให้อาจลดลงเหลือ 165 บาท ราคาหุ้นมี downside ไม่มากแล้วเพียง 3% ที่เราแนะนำให้ขายไปก่อนแต่หากขายไม่ทัน ปัจจุบันเราแนะนำ ‘ถือ’ ส่วนผู้ที่ขายไปแล้ว รอความชัดเจนกว่านี้ จึงพิจารณาเข้าลงทุนใหม่
• (+) BIGC การซื้อ Carrefour เป็นประโยชน์ระยะยาวจากจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 106 สาขา พื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น อำนาจต่อรอง supplier สูงขึ้น แต่ในปีหน้าจะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงขึ้น 200 ล้านบาท รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่ากำไรปี 2011 เติบโตได้เพียง 5% แต่หลังจากนั้นคาดกำไรโตก้าวกระโดด 20% ต่อปี เราแนะนำซื้อลงทุน เป้าหมาย 85 บาท
• (+) TTCL ได้งานโรงงานปิโตรเคมีกว่าพันล้านบาท การขายหุ้นของผู้ถือหุ้นคือITD น่าจะเป็นข่าวดีกับ TTCL และอาจเสร็จสิ้นก่อนสิ้นปีนี้ TTCL เป็นหุ้นรับเหมาที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง อัตรากำไรสูงสุดในกลุ่ม เรายังแนะนำซื้อ เป้าหมาย 12 บาท
• (+) IVL และ THAI ยังคงร้อนแรงเพราะจะถูกนำเข้ามาคำนวณ MSCI รอบหน้านี้ โดยใช้ราคาปิด 29 พ.ย. นี้
• Fund Flow วานนี้ไหลออกจากตลาดภูมิภาคเกือบทุกตลาด ยกเว้นเกาหลีใต้ที่ยังเข้าซื้อสุทธิแต่ปริมาณน้อยมาก เราเชื่อว่าการปรับขึ้นของตลาดหุ้นเอเชียในรอบนี้ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเข้าเก็งกำไรของนักลงทุนในแต่ละประเทศเป็นหลักอิทธิพลของกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติถือว่ามีความสำคัญน้อยลงมาก
หลังจากเฟดประกาศ QE2 กลับกลายเป็นช่วงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติปัจจัยลบจากการที่ไอร์แลนต้องได้รับการช่วยเหลือจาก IMF และ EU ทำให้เกิดความกังวลต่อเนื่องว่าจะขยายวงกว้างหรือไม่ ขณะเดียวกันจีนก็จะต้องการที่จะออกมาตรการสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด ไม่ว่าจะเป็นจีดีพีไตรมาสที่ 3 ระดับ 2.5% ดีกว่าคาด ตัวเลขการขอรับสวัสดิการของคนว่างงานลดลง เป็นเหตุให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นรวมถึงค่าเงินเอเชียและค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามาอยู่ที่ 30 บาท/หุ้นอีกครั้ง ดังนั้นช่วงนี้ต้องเล่นหุ้นตัวเล็กที่มีแนวโน้มธุรกิจสดใส อย่างกลุ่มปิโตรเคมี เป็นต้น

ข่าวภายในประเทศ
TTCL คว้างานพันลบ. ยุ่นพบอิตัลไทยวันนี้เปิด แผน 5 ปีรายได้เฉลี่ยปีละ 3 หมื่นล้าน โตโย-ไทย (TTCL) ได้งานก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีมูลค่ากว่าพันล้านบาท ลงนามต้นเดือนหน้า และเตรียมประมูลอีก 15 โครงการ ทั้งในและนอกประเทศ ส่วนวันนี้ (25 พ.ย.) ผู้บริหาร “ชิโยดะ” จากประเทศญี่ปุ่นเข้าประชุมร่วมโตโย-ไทย อิตาเลียนไทย หลังเข้าถือหุ้นใหญ่ TTCL กว่า 10% ส่วนแผนงาน 5 ปี ตั้งเป้ามีรายได้ปีละ 3 หมื่นล้านบาท(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-11-2010)
PTTEP แจงปัญหามอนทารา มั่นใจไม่ถูกริบคืนสัมปทาน ปตท.สผ. ชี้แจงผลสอบสวนเหตุการณ์มอนทารา บริษัทได้ตั้งกรรมการวางแผนครอบคลุมทุกด้าน เพื่อแก้ปัญหาอยู่แล้ว พร้อมประสานงานกับรัฐบาลออสเตรเลียมาโดยตลอด ระบุที่ผ่านมาไม่ได้ติดปัญหาอะไร เชื่อไม่นำไปสู่การเรียกคืนสัมปทานดังกล่าว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-11-2010)
KIAT ลั่นปีนี้โต 30%ไตรมาส 4 ยังสดใสส่งซิกปันผลเพิ่มขึ้น KIAT ปีนี้โชว์ผลงานโดดเด่น กำไร 9 เดือนกระฉูด 43.64% สูงกว่าปีก่อนทั้งปีที่
ทำได้ 137 ล้านบาท ส่วนไตรมาสสุดท้ายโตต่อเนื่อง สั่งปรับเป้ารายได้-กำไรปีนี้ เป็นขยายตัว 30% จากเดิมกำหนดไว้ 10-15% ส่งสัญญาณมีลุ้นปันผลงามกว่าปีก่อนตามกำไรโตขึ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-11-2010)
SGP ซื้อธุรกิจ LPG มาเลย์ปี 54 ยอดขายกระฉูด 40% SGP เล็งเข้าประมูลธุรกิจ LPG มาเลเซีย ไตรมาส 1/54 เป็นโครงการขนาดใหญ่กว่าที่เคยเข้าซื้อ รู้ผลไตรมาส 2/54 เผยเตรียมแนวทางหาเงินลงทุนจากการออกหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาทและกู้เงิน เผยปีหน้ายอดขายเติบโต 40% จากปีนี้15%
เนื่องจากรายได้ต่างประเทศเข้ามาเสริมเพียบ เตรียมซื้อเรือใหม่ขนาด 4.5 หมื่นตัน มูลค่า 16 ล้านเหรียญ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-11-2010)
SC ยันงบกำไร Q4 ดีกว่าQ3 ยอดขายพุ่ง 4.5 พันล้าน รายได้ปีนี้โตตามเป้า 25% "SC" ยันงบ Q4 ดีกว่า Q3 เหตุบุ๊คโอนคอนโดฯเซ็นทริคซีน
รัชวิภากว่า 80% จากมูลค่าทั้งหมด 1,900 ล้านบาท ดันรายได้ปีนี้โตตามเป้า 20-25% จากปีก่อน โชว์แบ็กล็อก 2,000 ล้านบาท ยอดขายพุ่ง4,500
ล้านบาท ทั้งปีลั่นตามเป้า 5,700 ล้านบาท หลัง Q4 เปิดเพิ่ม 7 โครงการ 6,000 ล้านบาท ล่าสุดเปิดคฤหาสน์หรู 60-100 ล้านบาท "กรานาด้า ปิ่น
เกล้า มูลค่า 2,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้าเปิด 10 โครงการมูลค่าหมื่นล้านบาท พร้อมทุ่มงบซื้อที่ดิน 3,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-11-2010)
TTW รับสนใจถือหุ้นเขื่อนน้ำงึม 2 ลงทุน 5 ปี 2 หมื่นล้าน ลดสัดส่วนรายได้จากน้ำ 60% TTW ส่งซิกสนใจเข้าถือหุ้นโครงการน้ำงึม 2 ในลาว
เนื่องจากเป็นโครงการพลังงานสะอาดสอดคล้องกับแผนธุรกิจ เผยตั้งงบลงทุน 5 ปี (2554-58) 2 หมื่นล้านบาท ลุยลงทุนธุรกิจพลังงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 35% และธุรกิจน้ำเป็น 65% มั่นใจภายใน 5 ปีรายได้แตะ 7.6-7.7 พันล้านบาท ผลประกอบการไตรมาส 4รายได้สดใสย้ำเป้าทั้งปีแตะ 4.4 พันล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ยูโรอ่อนเทียบดอลล์-เยนที่ตลาดโตเกียว เหตุวิตกคาบสมุทรเกาหลี-หนี้ยุโรป เงินยูโรเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินเยนในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียววันนี้ เนื่องจากวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยูโรโซน ประกอบกับสถานการณ์ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินยูโร (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-11-2010)
สหรัฐอเมริกา: FED หั่นคาดการณ์การขยายตัว GDP ปี 54 ของสหรัฐลงเหลือ 3.0-3.6% ระบุอัตราว่างงานยังสูง ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 2-3 พ.ย. โดยรายงานระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในปี 2554 ลงสู่ระดับ 3.0 -3.6% จากเดิมที่คาดการณ์เมื่อเดือนมิ.ย.ว่า จะขยายตัว 3.5 -4.2% นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของจีดีพีปี 2553 ลงสู่ระดับ 2.4 - 2.5% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.0 -3.5% ส่วนในปี 2555 นั้น เฟดคาดว่าอัตราการขยายตัวของจีดีพีจะอยู่ที่ 3.6 - 4.5% ซึ่งใกล้เคียงกับที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.5 - 4.5% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-11-2010)
จีน: สื่อจีนคาดรัฐบาลจีนเล็งเพิ่มเป้าหมายดัชนี CPI ปี 54 เป็น 4% หนังสือพิมพ์ไชน่า บิสิเนส นิวส์รายงานในวันนี้ว่า รัฐบาลจีนอาจปรับเพิ่มเป้าหมายอัตราการขยายตัวของดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) สำหรับปี 2554 ขึ้นเป็น 4% ในการประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกลางในช่วงปลายปีนี้ จากระดับเป้าหมายในปีนี้ที่ 3% ไชน่า บิสิเนส นิวส์ คาดว่า รัฐบาลกลางของจีนอาจใช้นโยบายการเงินแบบรอบคอบในปี 2553 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงไปจากที่ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในช่วง 2 ปีที่แล้ว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-11-2010)
จีน: สื่อเผยรัฐบาลจีนอาจสั่ง 7 แบงก์พาณิชย์ยักษ์ใหญ่เพิ่มเพดานสำรองสภาพคล่อง หนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตีส์ นิวส์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในวันนี้ว่า รัฐบาลจีนอาจมีคำสั่งให้สถาบันการเงินรายใหญ่ 7 แห่งที่มีความสำคัญต่อระบบการเงินของจีน เพิ่มเพดานการสำรองสภาพคล่องในอัตราที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารรายใหญ่ทั้ง 7 แห่งที่คาดว่าจะต้องเพิ่มเพดานการสำรองเงินฝากได้แก่ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า(ICBC), ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ (CCB), อะกริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ABC), แบงก์ ออฟ ไชน่า (BoC), แบงก์ ออฟ คอมมูนิเคชันส์(BOCOM), ไชน่า เมอร์ชานท์ แบงก์ และไชน่า ซิติก แบงก์ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-11-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดขายในห้างสรรพสินค้าเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ปี 8 เดือน สมาคมห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดขายในห้างสรรพสินค้าเดือนตุลาคมของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบปีต่อปี ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี 8 เดือน เนื่องจากยอดขายเครื่องนุ่งห่มในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและเสื้อผ้ากันหนาวที่สูงขึ้น โดยรายงานของสมาคมระบุว่า ยอดขายในห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นมีมูลค่าทั้งสิ้น 5.1213 แสนล้านเยน ในเดือนตุลาคม โดยเครื่องนุ่งห่มมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี 4 เดือน เนื่องจากเสื้อผ้าสำหรับฤดูใบไม้ร่วงและเสื้อกันหนาวมียอดขายสูงขึ้นหลังจากที่อุณหภูมิได้ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงหลังของเดือน รวมทั้งการจัดแคมเปญการส่งเสริมการขายและการนำสินค้าไปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้ามากขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-11-2010)
เอเชีย: สมาพันธุเหล็กญี่ปุ่นคาดผลผลิตเหล็กดิบดีดตัวขึ้นแตะ 110 ล้านตันในปีงบ 2553 สมาพันธ์เหล็กและเหล็กกล้าญี่ปุ่นเปิดเผยว่าผลผลิตเหล็กดิบของญี่ปุ่นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 110 ล้านตันในปีงบประมาณปัจจุบัน เนื่องจากการส่งออกที่แข็งแกร่งไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชีย หลังจากที่ผลผลิตเหล็กดิบอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 100 ล้านตันในปีงบประมาณ 2552 ขณะที่เกิดวิกฤตการเงินโลก(ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-11-2010)

----------------------------------------------------------------------------------