Code 47 : Dead Cross

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2553

ATT-Code : Dead Cross
* ภาพรวมในวันที่ 12 เม.ย. 53 SET ปิดที่ 760.90 จุด Rebound ขึ้นมา 19 จุด จาก 742 จุด โดยมี MA 5 วัน อยู่ที่ 783.16 ตัดเส้น MA 10 วัน 785.47 ลงมาแล้ว ก็ Confirm เป็น Dead Cross โดยที่ Oscillators ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น MACD RSI STO ได้ลงมาก่อนหน้านี้แล้ว
* แนวรับที่สำคัญยังอยู่ที่ BB Bottom อยู่ที่ 742 และ MA 75 วัน อยู่ที่ 740 และมีแนวต้าน MA 25 วัน อยู่ที่ 770 และ BB Average อยู่ที่ 780 จุด

Day Trading : ถ้า SET ลงแรง และสามารถยืนได้ ก็ให้ซื้อตาม และเมื่อมีแรงเทขายก็ให้ขายทำกำไรตาม
นักลงทุนระยะกลาง : ให้รอสัญญาณจาก STO ตัดขึ้นก่อน ตามด้วย MACD
นักลงทุนระยะยาว : ให้รอสัญญาณจาก Golden Cross ให้แน่นอนก่อน แล้วค่อยตาม

TFEX : มีแนวรับที่ 516 - 520 จุด แนวต้านอยู่ที่ 540 - 547 จุด เปิดมาก็ลบลง 7 จุด ที่ 523 จุด เช้าปิดไปที่ 521.50 จุด -8.60 จุด
SET : เปิดลดลงมา -12 จุด มาอยู่ที่ 746.52 หลุด 750 แล้ว ก็ต้องมาดูแนวรับต่อไปที่ 740 - 742 ภาคเช้า SET ปิดที่ 745.12 จุด -15.78 จุด V. 14,395 MB. ฝรั่งขาย 1,700 ล.บ.

ภาคบ่าย : เปิดมาได้สัก 10 นาที SET ก็หลุด 740 แล้ว -20 จุด TFEX ก็หลุด 516 เหมือนกัน
ตอนปิดตลาด : SET ปิดที่ 736.16 จุด ลงไป -24.74 จุด V. 29,736 MB. ส่วน TFEX ปิดที่ 511.60 จุด ลงไป -18.50 จุด ฝรั่งขาย Net Sell 1,450 MB.

-------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น - ถล่มตลาดหุ้น!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 12 เม.ย.53 ปิดที่ 760.90 จุด ลดลง 28.76 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 35,210 ล้านบาท

ต่างชาติขายสุทธิ 2,109.97 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ขายหุ้นหนีตายไม่ต่างกับต่างชาติ โดยขายสุทธิมากถึง 2,426.79 ล้านบาท ตามด้วยพอร์ตโบรกเกอร์ที่ขายสุทธิ 168.90 ล้านบาท ขณะที่หน่วยกล้าตายนักลงทุนรายย่อยเป็นกลุ่มเดียวที่เข้ามาซื้อสุทธิ 4,705.66 ล้านบาท

หุ้นมีการซื้อขายสูงสุด นำโดย PTT ปิดที่ 256.00 บาท ลดลง 13.00 บาท, KTB ปิดที่ 13.10 บาท ลดลง 0.80 บาท, BBL ปิดที่ 116.00 บาท ลดลง 6.50 บาท, KBANK ปิดที่ 92.00 บาท ลดลง 5.25 บาท และ PTTEP ปิดที่ 146.00 บาท ลดลง 2.50 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ประเมินว่า ทิศทางตลาดหุ้นที่จะเปิดทำการ ในวันศุกร์ที่ 16 เม.ย.น่าจะเป็นเชิงบวกมากขึ้นหลังดัชนีปรับตัวลงไปจุดต่ำสุดรอบนี้ไปแล้ว โดยเชื่อว่าดัชนีไม่น่าปรับตัวลงไปมากกว่าแนวรับที่ระดับ 740 จุดได้ ประกอบกับปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชียยังถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง จึงไม่ได้เป็นปัจจัยซ้ำเติมตลาด

แต่ในระหว่างนี้ต้องจับตาสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด เพราะมีอิทธิพลต่อการลงทุนโดยตรง

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้เลือกหุ้นที่มีผลประกอบการไตรมาส 1 โดดเด่น ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 740 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 770 จุด

ขณะที่ บล.เอเซียพลัสประเมินว่า มีโอกาสมากที่นักลงทุนต่างชาติจะเทขายหุ้นไทยออกมาเรื่อยๆจนกว่าสถานการณ์การเมืองจะคลี่คลายชัดเจน เพราะที่ต่างชาติขายออกมาในช่วง 3 วันหลังประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่างชาติขายสุทธิรวมแล้วกว่า 5,268.79 ล้านบาท ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับที่ต่างชาติเข้ามาซื้อติดต่อกัน 31 วัน รวมกว่า 58,800 ล้านบาท

ดังนั้น จึงประเมินทิศทางตลาดว่า ตราบใดที่ต่างชาติยังขายหุ้นไทยออกมาดัชนีหุ้นก็จะค่อยๆไหลรูดลงได้เรื่อยๆ โดยมองว่าดัชนีมีโอกาสลงไปได้ถึงระดับ 700 จุดต้นๆ โดยมีแนวรับแรกอยู่ที่บริเวณ 730 จุด แม้ระหว่างนั้นจะสวิงตัวขึ้นมาได้บ้างแต่สุดท้ายก็จะไหลหลุดต่ำกว่า 730 จุดแน่นอน

จึงแนะกลยุทธ์ การลงทุนช่วงนี้ ให้ลดพอร์ตการลงทุนลงเหลือหุ้นในพอร์ตเพียง 30% โดยขายหุ้นที่อิงกับการบริโภคภายใน ทั้งท่องเที่ยว โรงแรม และหุ้นก่อสร้างที่อาจชะลอตัวหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง รวมทั้งหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่น่าจะได้รับแรงกดดันจากแรงขายของต่างชาติในระยะนี้

ขณะที่แนะซื้อหุ้น TUF ที่มีส่วนแบ่งรายได้จากการส่งออกถึง 89%, PTTEP ที่ราคาหุ้นสัมพันธ์กับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เชื่อว่าจะยังอยู่ในระดับ สูง, RATCH อยู่ในกิจการไฟฟ้าที่เป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐานและมีรายได้แน่นอนจากสัญญาการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. และแนะซื้อกองทุนรวม TFUND!!

FSS : SET ยังผันผวนไปทางลบ..เทรดดิ้งต้องจำกัดพอร์ต แต่ลงแรงน่าซื้อถือ
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาก่อนที่ตลาดหุ้นบ้านเราจะหยุดทำการ ทาง กกต. ได้มีมติด้วยเสียงข้างมากให้ส่งเรื่องยุบพรรค ปชป. จากประเด็นเงินบริจาค 258 ล้านบาท ซึ่งขั้นตอนต่อไปคือต้องส่งเรื่องให้ อสส. ทำสำนวนเพื่อส่งให้กับศาล รธน. พิจารณาตัดสินอีกครั้ง โดยคาดว่าต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควร แต่ก็ถือเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่กดดันต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในปัจจุบันที่มีพรรค ปชป. เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นอกจากนี้ด้านการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงก็ถือว่ายังเป็นแรงกดดันต่อเนื่อง หลังทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ย้ายเวทีชุมนุมใหญ่จากสะพานผ่านฟ้ามาตั้งหลักที่สี่แยกราชประสงค์เต็มตัว ทำให้ภาครัฐประกาศให้บริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่อันตรายยิ่งส่งผลต่อภาพลบของการชุมนุมมากขึ้น รวมทั้งนักลงทุนต่างประเทศก็ยังคงมียอดขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องหลังการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินฯ ดังนั้นถึงแม้ว่าในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในเอเชียจะดีตามคาด แต่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ขยับบวกขึ้นรุนแรงนัก ขณะที่เช้านี้กลับเริ่มมีแรงขายกดดันให้ตลาดเอเชียส่วนใหญ่เปิดตัวเป็นลบด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET วันนี้จะยังแกว่งตัวผันผวนและเน้นด้านลบเป็นหลักอยู่ การเข้าเลือกหุ้นเพื่อเทรดดิ้งจึงยังมีความเสี่ยงสูง ต้องใช้ความระมัดระวังและจำกัดพอร์ตการลงทุนไว้ด้วย แต่สำหรับนักลงทุนระยะกลาง–ยาวถือว่าจังหวะที่ตลาดหุ้นปรับลงแรงเป็นโอกาสในการเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดี โดยเฉพาะที่มีแนวโน้มผลประกอบการ 1Q10 ดี เช่น KBANK, KTB, BAY, PTTCH, PTTAR, PTTEP, TOP, IVL, SCC, CPF, CPALL, KCE, PS, SSI นอกจากนี้ หุ้นที่ยังไม่ได้ขึ้นเครื่องหมาย XD และมี Dividend yield กว่า 5% ขึ้นไปได้แก่ AP, QH, SC, LST, MFEC, MODERN, TRT

--------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
FSS : ปัจจัยต่างประเทศมีแต่ข่าวดี จีนรายงาน GDP ที่แข็งแกร่งโดยที่ยังควบคุมเงินเฟ้อได้ โดยเศรษฐกิจจีนไตรมาสแรกขยายตัว 11.9% Y-Y เป็นอัตราการขยายตัวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2007 และดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 11.5% รวมทั้งดีกว่า 4Q09 ที่ขยายตัว 10.7% Y-Y ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มี.ค. แสดงถึงความแข็งแกร่งโดยยอดค้าปลีกเพิ่ม 18% Y-Y ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่ม 18.1% Y-Y การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในต่างจังหวัดขยายตัว 26.4% Y-Y แต่ยังดีที่เงินเฟ้อเดือน มี.ค. เพิ่มเพียง 2.4% YTD ลดลงจากเดือน ก.พ. ที่ 2.7% YTD ช่วยคลายแรงกดดันที่อาจทำให้จีนต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอภาวะเศรษฐกิจที่ร้อนแรง

--------------------------------------------------------------------
ACL: กลยุทธ์การลงทุน
คาด SET ยังลงต่อไปที่ PER 12 เท่าหรือ 700 จุด ตามแรงขายของต่างชาติ ขณะที่โอกาสยุบสภาภายใน 1-2 เดือน มีสูงขึ้น ระยะสั้นแนะนำให้ทยอยปรับพอร์ตขายหุ้นรายตัวเช่นเดิม โดยเฉพาะที่ได้รับผลกระทบจากการเมืองโดยตรง (ERAWAN, CENTEL, MINT, CPN, MAJOR, AOT, THCOM,THAI) และหุ้นที่เต็มมูลค่า (TOP, PTTCH, PTTAR, IRPC, TRUE, STA, YNP, VNG, HMPRO, CPALL, ITD, ROBINS, AMATA, DTAC) และให้เลือกถือ/ซื้อราคาอ่อนตัว หุ้นที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก/ป้องกันเงินเฟ้อได้ (PTTEP, LANNA, TTW, EASTW, GLOW)

GDP งวด 2Q53 มีแนวโน้มชะลอตัวจากงวด 1Q53
ตราบที่การชุมนุมยังยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการในบริเวณที่มีการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ และการโรงแรม เป็นต้น ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากจำนวนผู้ท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง ขณะที่การใช้จ่ายของประชาชนในประเทศก็มีแนวโน้มชะลอตัว รวมถึงแผนการลงทุนรัฐมีโอกาสชะงัก ล่าสุดรัฐอาจจะต้องชะลอการออกหุ้นกู้เพื่อระดมเงินเตรียมแผนการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนรอบ 2 วงเงิน 1 แสนล้านบาท ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกดดันให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย (GDP) ในระยะ 3เดือนข้างหน้าเป็นอย่างน้อย ประสบภาวะซบเซา และจะทำให้ GDP Growth ในงวด 2 ของปี 2553 (งวด 2Q53) มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากงวด 4Q52 ที่เติบโตสูงถึง 5.8%yoy และงวด 1Q53 ที่คาดว่าจะเติบโตมากกว่างวด 4Q53 (ซึ่งทั้ง 2 ช่วง ได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และการใช้จ่ายของภาครัฐบาล เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประกอบกับฐาน GDP Growth ในช่วง 4Q51 และ 1Q52 ติดลบสูงมากถึง 4.1%และ ติดลบ 7.2%ตามลำดับ) จึงทำให้ฝ่ายวิจัย ASP ยังคงประมาณการ GDP Growth ปี 2553 ที่ประมาณไว้เดิมที่ 3% ต่อไป เช่นเดียวกับ EPS Growth ตลาดจะอยู่ที่ 17% เช่นเดิม ทั้งนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะยุติได้อย่างไร และจะกินเวลานานเพียงใด ซึ่งหากนานเกินไปก็คงเป็นเรื่องยากที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับมาในภาวะผิดปกติ และยังเป็นปัจจัยหลักที่จะกดดันให้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง หลังจากที่ขายสุทธิมาแล้ว 3 วันนับตั้งแต่รัฐประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยรวมขายสุทธิกว่า 5.2 พันล้านบาท

--------------------------------------------------------------------
หุ้นเด่น - ประเด็นข่าว
CPALL นับเงินไม่ทัน ผลดีวิกฤติการเมือง คนหนีห้างเข้าเซเว่นฯ-งบ Q1 ทุบสถิติสูงสุด CPALL ได้ดีเทศกาลสงกรานต์กระตุ้นยอดขายกระฉูด เชื่อความนิยมซื้อของใกล้บ้านมากขึ้นเลี่ยงการเดินทาง แถมสาขาใกล้แหล่งชุมนุมขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แนวโน้มไตรมาส 1/53เติบโตแข็งแกร่ง เชื่อทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง เหตุยอดขายสาขาเดิมพุ่ง-ไม่มีบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษ พร้อมขยายเพิ่มเฉลี่ย 100 สาขา มั่นใจปีนี้โต 13.5% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 16-04-2010)
• เปิดชื่อ 12 หุ้นเด้งเร็ว ราคาฟื้นหลังมีวิกฤติ เปิดโผ 12 หุ้นบลูชิพเด้งเร็วหลังวิกฤติการเมือง แนะมองพื้นฐานราคาหุ้นห่างจากราคาเป้าหมาย ชู PTT เป้าหมาย 350 บาท BANPU ให้ราคาเหมาะสม 700 บาท ส่วนIVLราคาทะลุ 25บาท ด้านCPF 17 บาท หุ้นอสังหาฯ SPALI, LPN และPS ยังห่างเป้าหมายเยอะ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 16-04-2010)
• BCP ลุ้นรับปันผลกลางปี BCP เตรียมชงวาระจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเข้าที่ประชุมบอร์ด หลังปีก่อนควักกระเป๋าตอบแทนผู้ถือหุ้น 0.18 บาทต่อหุ้น ไม่หวั่นแม้ปีนี้ผลประกอบการกลับมาสู่ภาวะปกติ จากปีก่อน ที่มีกำไรจากการทำเฮดจิ้งสัดส่วนสูงถึง 50% ส่วนไตรมาส 1/53 รายได้สวยกว่าที่วางเป้าหมายไว้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 16-04-2010)
• วันนี้ลุ้นหุ้นไทยรีบาวด์ ชี้ยุบสภาหุ้นขึ้นระยะสั้น ลุ้นหุ้นไทยไปต่อ หลังต้นสัปดาห์หุ้นร่วงหนัก วันนี้ดัชนีถึงจุดต่ำสุด รอเด้งกลับแนวโน้มตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียยังดีอยู่ ประเมินดัชนีไม่ร่วงต่ำกว่า 740 จุด เชื่อรับอยู่ พร้อมจับตาฟันด์โฟลว์ไหลออก การเมืองเป็นตัวเร่งให้เทขายหุ้นไทย ส่วนยุบสภาหุ้นอาจขึ้นระยะสั้น แต่ระยะยาวต้องมีความชัดเจนกว่านี้ ด้านมอร์แกน สแตนเลย์ มองจีดีพีไทยปีนี้ จะวูบ 0.6% จากความวุ่นวายที่เกิดขึ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 16-04-2010)
• TWZ พลิกเกมสยายปีกต่างแดน ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 4 พันล้าน TWZ ลั่นปีนี้ลุยงานเต็มที่หวังสยายปีกออกต่างแดน ตั้งเป้ายอดขายโทรศัพท์กว่า 1.5 ล้านเครื่องจากปีก่อนขายได้แค่ 1.1 ล้านเครื่องเชื่อสิ้นปีรายได้แตะ 4,000 ล้านบาท พร้อมร่วมทุนพันธมิตรแดนมังกร ตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้ามั่นใจลดต้นทุนบริษัทได้ราว 3-5%ล่าสุดจับมือ AIS เอามือถือรวม 12 รุ่นวางขายในร้านเทเลวิซ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 16-04-2010)
• MOONG หารือ 4 ราย ร่วมพันธมิตรใหม่ แตกไลน์สินค้าเพิ่ม MOONG เล็งเจรจาพันธมิตรเพิ่มสินค้า 3-4 ราย หวังขยายฐานตลาด "สุเมธ" มองแนวโน้มไตรมาส 1/53 ดีกว่า Q1/52 เชื่อครึ่งปีหลังเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรก ภาพรวมทั้งปีดีกว่าปีก่อนเน้นการตลาดเพิ่มช่องทางจำหน่าย ควบคุมต้นทุน การันตีเทศกาลวันแม่ดันยอดขายสูงตามความต้องการผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 16-04-2010)
• MCOT ไฮโซงบ Q1กำไร 307 ล้าน อัตราโฆษณาสูงเกิน 90% ขานรับเข้าสู่ไฮซีซั่น MCOT กำไรไตรมาสแรกพุ่ง 307 ล้านบาท วงการชี้อัตราการใช้เวลาโฆษณาปรี๊ดเกิน 90% แถมได้แรงหนุนจากเม็ดเงินโฆษณาของ True Visions พร้อมก้าวเท้า เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นขานรับลูกค้าแห่ลงโฆษณาแน่นเอี๊ยดตั้งแต่เดือนมี.ค. (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 16-04-2010)
• GM อ่วมขาดทุนเฉียด 1.4 แสนล้าน โดนสวัสดิการ 8.4 หมื่นล้าน หวังพลิกมีกำไรปีนี้ จีเอ็มอ่วนหนักขาดทุนสุทธิเฉียด 1.4 แสนล้านบาท โดนขาดทุนบำเหน็จบำนาญร่วม 8.4หมื่นล้านบาท แถมโดนโดนอัตราแลกเปลี่ยนอีก 4.2 หมื่นล้านบาท ด้านผู้บริหารลั่นพร้อมเดินหน้าพัฒนาองค์กรหวังเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในปีนี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 16-04-2010)
• ไอเอ็นจีกองเลี้ยงชีพโต15% เล็งออก FIF เจาะตลาดหุ้นภูมิภาค-ทั่วโลก บลจ.ไอเอ็นจีเดินหน้าขยายฐานลูกค้าเอสเอ็มอีเพื่อธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ดันเป้าเติบโต 10-15% เช่นเดียวกับเป้าหมาย AUM ปี 53 เน้นนโยบาย Employee choiceเล็งออกกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) เจาะตลาดหุ้นภูมิภาคหรือหุ้นทั่วโลก หลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัว เพื่อเป็นทางเลือกนอกเหนือจากกองทุนเกาหลีใต้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 16-04-2010)
• TCAP ปรับพอร์ตรับรวมสคิบ ไตรมาสแรกสินเชื่อโต 3% ตามอุตฯรถยนต์ TCAP ปรับแผนธุรกิจหลังควบรวมกับ SCIB หวังลดสัดส่วนเช่าซื้อเหลือ 50% พร้อมดันรายใหญ่และเอสเอ็มอีขึ้นมาเป็น 50% แจง 3 เดือนสินเชื่อรวมโต 3% จากสิ้นปี 52เหตุยอดขายรถเริ่มฟื้นตัว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 16-04-2010)
• กรณ์สั่งตั้งงบกลางปี 2 แสนล. ถอนร่างพรบ.กู้เงิน 4 แสนล. คลังเตรียมเสนอครม.ตั้งงบประมาณกลางปี 2 แสนล้านบาททิ้งทวนกระตุ้นเศรษฐกิจเฮือกสุดท้ายก่อนยุบสภาฯ หลังรายได้รัฐบาลปีนี้คาดว่าจะเกินเป้า 2.5 แสนล้านบาท จากภาษีและเงินจากการยึดทรัพย์ทักษิณ พร้อมถอนร่างพรบ.เงินกู้ 4 แสนล้านออกจากสภาฯหลังวุฒิเบรก ยันงบปี 54 ไม่น่าห่วง รอรัฐบาลชุดใหม่มาสานต่อ ขณะที่ฟิทช์เตือนคลังระวังเดี้ยงหากสถานการณ์การเมืองเลวร้าย จีดีพีอาจลดลง 1-2% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 16-04-2010)
• SCIB งดปันผล เทนเดอร์ฯ เสร็จกลางปี นครหลวงไทย แจงงดจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 52 เชื่อผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ประโยชน์ Tender Offer คาดแล้วเสร็จกลางปีนี้ ส่วนแผนธุรกิจยังคงเดิมหวังครึ่งปีหลังปรับแผนกับพาร์ทเนอร์ คลอดผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้อง เน้นเจาะรายย่อย ดันเติบโต 30% ภายในปี 53 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 16-04-2010)

--------------------------------------------------------------------
Technical View : FSS
“มีลุ้นแกว่งในกรอบ 740-790 จุดให้เทรดดิ้งตามรอบได้ แต่หลังจากนั้นต้องระวังการปรับตัวลงต่อเนื่องอีกครั้ง ดังนั้นยังเน้นเป็นเทรดดิ้งสั้นๆ ตามรอบดีด ซึ่งควรขายทำกำไรเมื่อตลาดขยับขึ้นด้วย...”
แนวรับ : 755-750** , 743-740***
แนวต้าน : 770* , 780-790**


--------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น