Code 27 : ฝรั่งยกท้ายตลาด

วันพุธที่ 24 มีนาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ-การเมือง
ไทยรัฐ : เงาหุ้น - แรงดีไม่มีตก!!
- ดัชนีหุ้นวันที่ 23 มี.ค.53 ปิดที่ 782.48 จุด ทำนิวไฮรอบ 1 ปี 9 เดือน เพิ่มขึ้น 10.23 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 33,104.95 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,879.62 ล้านบาท
- หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย PTTAR ปิดที่ 30 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท, PTT ปิดที่ 256 บาท เพิ่มขึ้น 7 บาท, TCAP ปิดที่ 25.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท, IRPC ปิดที่ 4.86 บาท เพิ่มขึ้น 0.22 บาท และ IVL ปิดที่ 16.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท
- ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ ชี้ว่าดัชนีหุ้นแกว่งตัวขึ้นลงแรงหลังโดนแรงขายทำกำไรสลับออกมาทั้งวันจนดัชนีเกือบหลุดลงติดลบหลายรอบ แต่แรงซื้อหนาแน่นในหุ้นพลังงานช่วยดันให้ดัชนีทะยานกลับปรับตัวขึ้นแรงได้
- มองทิศทางตลาดระยะสั้นว่าตลาดจะยังคงผันผวน เพราะช่วงที่ผ่านมาดัชนีทะยานขึ้นเกือบ 100 จุดในช่วงที่ผ่านมา จึงอาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมาได้เป็นระยะ แต่มองว่าเม็ดเงินลงทุนต่างชาติน่าจะยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องจึงทำให้ทิศทางดัชนียังเป็น "ขาขึ้น" ได้ต่อเนื่อง
- แนะกลยุทธ์ ให้ถือหุ้นมาร์เกตแคปใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นพลังงาน ทั้ง PTTAR, TOP และ PTTEP ส่วนผู้ที่ต้องการซื้อหุ้นเข้าพอร์ตเพิ่ม ให้รอจังหวะที่ดัชนีอ่อนตัวลง
- ด้านเทคนิค ประเมินแนวรับไว้ที่ 777-769 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 787 จุด
- ขณะที่ "โชติกา สวนานนท์" กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ ประเมินแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยปีนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 680-800 จุด โดยช่วงปลายปี มีโอกาสได้เห็นดัชนีปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 800 จุด โดยมองว่าอัตราการเติบโต ของกำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้จะโตไม่เกิน 15%
- หากประเมินถึงกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติ มองว่ายังมีโอกาสไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องในตลาดทางเลือก แต่หลังจากมีกำไรระดับหนึ่งก็จะสลับขายออก ก่อนจะรอจังหวะกลับเข้ามาซื้ออีกรอบ
- ปิดท้าย บทวิเคราะห์ บล.ภัทร เชียร์ "ซื้อ" หุ้น SPALI ให้ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท เนื่องจากราคาหุ้นยังมีส่วนลดมากเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มเดียวกัน ขณะที่ให้เงินปันผลอัตราสูงและมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง คาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ไว้ที่ 2,684 ล้านบาท และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 9.3%!!
By...อินเด็กซ์ 51

FSS: เทรดดิ้งต่อ..แต่ควรหาจังหวะซื้อตอนตลาดอ่อน และขายทำกำไรบ้าง!!
- นักลงทุนยังคงมั่นใจในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวบวกขึ้นเกือบ 1% โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังมีสัญญาณอุปสงค์ที่ดีขึ้นในอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปก็ดีดตัวขึ้นด้วยจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีขึ้นเกินคาด อย่างไรก็ตามค่าเงินดอลลาร์เริ่มกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง เนื่องจากค่าเงินยูโรที่อ่อนแอลงจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาของกรีซที่ยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือที่ชัดเจนจากยูโรโซน ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็ถือว่าอยู่ในลักษณะบวกแคบๆ ทำให้ FSS ยังคงคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังอยู่ในลักษณะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 770-790 จุดต่อไปก่อน ซึ่งในบ้านเรายังต้องจับตาดูสถานการณ์การเมืองต่อเนื่อง หลังมีการขยายเวลาใช้ พรบ.ความมั่นคง ไปจนถึง 30 มี.ค. และติดตามการเปิดประชุม 2 สภาฯ ในวันนี้ว่าสมาชิกของทั้ง 2 สภาฯ จะมีท่าทีอะไรออกมาบ้าง รวมถึงการกำหนดทิศทางการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงเพิ่มเติมหลังเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ของการชุมนุมใหญ่ ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เลือกเข้าเทรดดิ้งเป็นรายตัว และหาจังหวะทยอยขายทำกำไรบ้างเมื่อตลาดขยับขึ้นเพื่อรอเข้ารับในจังหวะที่ SET อ่อนตัวลงมา โดยหุ้นที่น่าสนใจในช่วงนี้ได้แก่ PTTAR, PTTEP, TMB, ADVANC, AIT, AP, BCP, BEC, BGH, BMCL, CFRESH, CPALL, EGCO, GSTEEL, TSTH, HANA, HEMRAJ, IRPC, KASET, LPN, MCOT, TASCO, TTW, TVO เป็นต้น รวมทั้งหุ้นในกลุ่มแบงก์ ซึ่ง Top Picks ของเราได้แก่ KBANK, SCB, BAY

- ปัจจัยต่างประเทศที่อาจเป็นความเสี่ยงต่อตลาดในช่วงปลายสัปดาห์ได้แก่
1) การประชุมของธนาคารกลางไต้หวันวันพฤหัสนี้ ต้องจับตาว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่หลังจากอินเดีย surprise ตลาดด้วยการขึ้นดอกเบี้ยไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (ทำให้ดัชนีลบ 1% และกดดันตลาดหุ้นทั่วเอเชีย)
2) ความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ หลังจากที่สหรัฐฯ วิจารณ์และกดดันอย่างหนักให้ค่าเงินหยวนแข็งค่า ทั้งนี้ รมว. พาณิชย์ของจีนจะไปเยือนสหรัฐฯ วันที่ 24 – 26 มี.ค. นี้ อาจมีการถกเรื่องค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าเกินจริง
3) หลายฝ่ายเริ่มคาดการณ์ว่าจีนจะออกมาตรการคุมเข้มการเงินเพิ่มเติมเช่นการขึ้นอัตราการกันสำรองเงินฝาก หรือปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้
4) ปัญหาหนี้ของกรีซที่ทาง EU จะประชุม Summit ในวันที่ 25 – 26 มี.ค. นี้ เราให้น้ำหนักน้อยกับประเด็นนี้เพราะเชื่อว่าสุดท้ายกรีซจะหันไปพึ่ง IMF เนื่องจากประเทศในกลุ่ม EU ไม่ได้อยู่ในภาวะที่พร้อมจะช่วยเหลือได้ แต่สิ่งที่จะกระทบตลาดคือค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าในช่วงปลายสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้า ซึ่งจะกดดันราคาโภคภัณฑ์

หุ้นน่าติดตาม
-PTT รับผลบวกเก็งสตอรี่บ.เครือชัดเจนเรื่องการควบรวมพค53- JPM UBS MACQ CLSA BNPP RBS DB target 350/341/288/280/300 /321/288 บาท - คาดสิ้นสค.รัฐบาลจะทบทวนมาตรการตรึงราคาLPG NGV แม้การชดเชย NGV จะเป็นจุดถ่วงผลประกอบการใน1-2ปีข้างหน้า แต่ยังคาดเติบโตได้6%YOY- ราคาอาจปรับขึ้นได้หลังจากความเสี่ยงการเมืองลดลง และต่างชาติถืออยู่ในระดับต่ำ+Discount ตลาดมาก - มาบตาพุดที่จะได้ข้อสรุป พ.ค.- M&A PTTAR+IRPC ก่อนสิ้น พ.ค.- การนำ Star Petroleum เข้าจดทะเบียน- การปรับราคารขาย LPG/CNG ในเดือน ส.ค.ช่วยหนุนรายได้............
-PTTEP ปีนี้ turn around ฝรั่งปรับเป้าขึ้น CL- CITI ให้ 195/175บาท ............
-TOP ML ปรับ TOP จาก 49 เป็น 58.5(Buy) ....
-BCP ไทยเอ็นวีดีอาร์ เก็บหุ้น BCP เพิ่ม 0.12% - เดินหน้ากลั่นเพิ่มเป็น 1 แสนบาร์เรลต่อวัน -มีการกระจายความเสี่ยงด้านการตั้งเป้าเป็นผู้นำพลังงานทดแทน มีการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงงานผลิตเอทานอล และเหมืองโปแตช ..........
-KBANK JPM ปรับ เป็น 126(Buy) ปรับกำไร 10-12 ขึ้นอีก +6%/+8%/+9% สินเชื่อโตโดดเด่นจาก SME และรายย่อย(บ้าน)+NIM ขยายจากดอกเบี้ยขึ้น........
-BBL พี/อี ต่ำสุด 11 เท่าน่าลงทุน - CL ปรับ จาก Buy เป็น Strong Buy ปรับ TP 190 คาดกำไร +89% ช่วงปี 09-12 กำไรที่เพิ่มขึ้นจะกลับมาในรูปปันผลที่มากขึ้น -Top Picks ของUBS คาดอัตราการจ่ายปันผล BANK ที่เพิ่มจาก 33% เป็น 39% ในปี 09 ...........
-SCB CS แนะนำ Buy TP@120 เลือกเป็น Top Picks........
-CK เตรียมเซ็น MOU กับ กฟผ.ซื้อขายไฟฟ้าเขื่อนไซยะบุรี มี.ค.-เม.ย. นี้........
-AMATA ได้รับปัจจัยบวกจากการส่งเสริมการลงทุนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ - รอเอาอมตะเวียดนามเข้าตลาดเวียดนาม- Q1 ยอดขายพุ่ง 250 ไร่ลูกค้ารอเซ็นสัญญาในไตรมาส 1/2553 จำนวน 5-7 รายไม่ยกเลิกเซ็นสัญญา ..............
-ROJNA BLS เคยให้เป้า14.40บาท- ML ให้เป้า12.9 บาท คาดจะทำสถิติกำไรสูงสุดในปีนี้ ยอดขายคอนโดและภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัว คาดปันผลปีนี้จะสูง8.9% คาดกำไรปีนี้เพิ่ม41%YOY XD 0.30 29/3/53......
-HEMRAJ บุ๊ค0.82บาท บัวหลวงเคยแนะนำที่1.10บาท เริ่มกลับมายืนแถวหน้าของกลุ่มพัฒนาที่ดินอุตสาหกรรมกำไรมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในทุกกลุ่มทั้งการขายที่ดิน บริการสาธารณูปโภค และโรงงานให้เช่า .....
-LPN CS แนะนำ Buy LPN TP@8.9 ขายหมด 2 โครงการมูลค่า 4.6 พันล้านบาทเมื่อวันเสาร์ คาดมาร์จิ้นขยบัขึ้นจากโครงการพระราม 4/ CITI เลือก LPNTP@8.3SPALI ML แนะนำ Buy TP@11- ราคาขึ้นมาทำจุดสูงสุดรอบ14ปี ........
-CPN UBS ปรับ CPN จาก 25.4 เป็น 28.25(Buy) สะท้อนค่าเช่า และอัตราการเช่าที่สูงขึ้น+เปิดโครงการใหม่ที่เชียงใหม่ และการขยายเชียงใหม่พลาซ่าเข้า CPNRF 2H10 กระตุ้นราคา /DB ปรับ CPN จาก 26 เป็น 27 ปรับกำไร 12 +7% สะท้อน 3 โครงการใหม่....
-LH จ่ายปันผลที่เหลือปี 52หุ้นละ 0.10บาท จ่าย 25 พ.ค......
-SSI ก.พ. ส่งมอบเหล็กรีดร้อนม้วนแล้ว 2.54 แสนตัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงกว่ายอดส่งมอบทั้งไตรมาส 1/52 เชื่อปีนี้กำไรโตก้าวกระโดด 6 พันล้านบาท เทียบปี'52 กำไรแค่ 1.3 พันล้าน......
-SCC ฝรั่งเริ่มทยอยปรับเป้าขึ้นล่าสุด CLSA - RBS -UBS -MS - BNPP ให้เป้าหมาย 300-279-262.5-270-280 บาท และเช้านี้ MACQ ให้เป้าหมายใหม่335บาท ความกังวลธุรกิจปิโตรเคมีลดลง ขณะที่ซีเมนต์ฟื้นตัวขึ้นช่วยลดผลกระทบราคาปิโตรเคมีที่ลดลง, สาธารณูปโภคภาครัฐ.........
-CPF ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 53 ราคาขายดี-ล็อคต้นทุนต่ำ.........
-TUF แนวโน้มเติบโต ย้ายโรงงานส่งผลบวกต่อการดำเนินงาน ธุรกิจกุ้ง ปลาหมึก ซาร์ดีน และ สินค้าในประเทศ ผลักดันยอดขาย บริหารจัดการได้ดีแม้เงินบาทแข็ง ฐานะการเงินแข็งแกร่ง จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ- ผู้บริหารคาดกำไรทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ .........
-SMT กลุ่มลูกค้าที่รับของไปขายต่างประเทศมีที่พำนักในไทยและขายเป็นเงนต่างประเทศ สวนทางกับบ.ส่งออกอิเลคโทรนิกส์อื่นๆ ........
-HMPRO ได้อานิสงค์ต่อมาตรการกระตุ้นอสังหา2เดือน DB แนะนำ Buy TP@5.50 จำนวนร้านที่เพิ่ม+มาร์จิ้นที่เพิ่มหนุนกำไรปี 09 คาดกำไรปี 10-12 โตเฉลี่ย 16% จากการฟื้นตัวผู้บริโภค- ลุ้นรายได้พิเศษ 650 ล้าน งานเอ็กซ์โปคึกลูกค้า 300 ราย ....EPCO ทุนใหม่ซื้อ EPCO 2 บาท - เผยนักลงทุน 4 รายใน-ตปท.เจรจาเป็นพันธมิตรร่วมทุนคาดสรุป Q2/53........
-IRPC เชื่อทางเลือกควบรวมไม่พ้น 2-3 ทางเดิม ยึดปย.ผู้ถือหุ้นเท่าเทียมกัน....
-STEEL ออกหุ้นเพิ่มทุน 350 ล้านหุ้นแลกหุ้น"โซล่า พาวเวอร์"สัดส่วน 10:1...........
-LEE: ขึ้นเครื่องหมาย XW ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 เพื่อแจก LEE-W2 ....
-TTA PSL TTA GS ปรับจาก Neutral เป็น Sell ปรับ TP จาก 30 ลงสู่ 19- นำ TTA เข้าสู่รายชื่อหุ้นสมควรขาย ปรับ EPS ลง 21-34%,กังวลผลกระทบ UMS./ PSL GS ปรับ จาก Buy เป็น Neutral ปรับ TP จาก 25.3 ลงสู่ 22.7 Upside เหลือน้อย....

Technical
บล.ธนชาต : แนะนำหุ้นทางเทคนิค PTT,THAI,IVL ซื้อเก็งกำไร
PTT – ซื้อเก็งกำไร ราคาปิด 256 บาท & 916; +7 บาทแนวรับ: 254-252 แนวต้าน: 260-270ตัดขาดทุน 249ซื้อเก็งกำไร กรอบยังมีโอกาสต่อยอดเข้าหาแนวต้าน 260-270 เป็นเป้าหมายระยะสั้น โดยวางจุด Stop loss ที่ 249ปิด High ปริมาณหุ้นเปลี่ยนมือหนาแน่น ค่าสัญญาณทางเทคนิคยังให้ทิศทางบวกต่อรอบต่อยอด การฟื้นตัวแบบ Double Bottoms เลยครึ่งทางที่ระดับ 251 ขึ้นมาเล็กน้อยและเป็นระดับ High ในช่วงก่อนหน้า ดึงให้ระดับดังกล่าวกลายเป็นแนวรับแน่น
THAI – ซื้อเก็งกำไร ราคาปิด 30 บาท & 916; +2.25 บาทแนวรับ: 28.50-27.75 แนวต้าน: 32-35ตัดขาดทุน 27.50ซื้อเก็งกำไร กรอบยังมีโอกาสขยับเข้าหาแนวต้าน 32-35 เป็นเป้าหมายระยะสั้น โดยวางจุด Stop loss ที่ 27.50ปิด High ที่ 30 โดยมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นหนุนทิศทางบวกต่อยอดของราคา สอดคล้องกับ MACD ที่ยังให้ค่าบวก และฐานไม่ได้ทิ้งห่างจากเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันมากเกินไป
IVL – ซื้อเก็งกำไร ราคาปิด 16.50 บาท & 916; +1.1 บาทแนวรับ: 16.30-16 แนวต้าน: 17-17.30ตัดขาดทุน 15.90ซื้อเก็งกำไร กรอบยังมีโอกาสขยับเข้าหาแนวต้าน 17-17.30 เป็นเป้าหมายระยะสั้น โดยวางจุด Stop loss ที่ 15.90ทิศทางราคาลดช่วงบวกลงเล็กน้อย แต่จากปริมาณหุ้นเปลี่ยนมือที่เพิ่มขึ้นยังจะดันราคาต่อยอดแนวต้าน ตามทิศทางที่เป็นขาขึ้น และน่าจะทำลายสัญญาณลบของ Negative Divergence ใน RSI ได้

Technical View : FSS
“ดัชนีดีดผ่านแนวต้าน 778 จุดขึ้นมายืนสูงกว่าทำให้ยังมีลุ้นขึ้นหาแนวต้านระดับถัดๆ ไปให้ทำกำไรตามรอบ แต่ถ้าย้อนต่ำกว่าลงอีกต้องถอยไปรอที่แนวรับถัดไป...โดยยังเน้นให้เทรดดิ้งเป็นรอบๆ...”
แนวรับ : 778-775*** , 763-757* , 753**
แนวต้าน : 787-788*** , 796-800*


SET: ภาคเช้า ปิดที่ บวก/ลบ จุด
ภาคบ่าย ปิดที่ บวก/ลบ จุด %
มูลค่าการซื้อขาย ลบ.
MACD:
Sto:
TFEX: ปิดที่ บวก/ลบ จุด

Foreign
SET: เช้า Net Buy/Sell MB. บ่าย Net Buy/Sell MB.
Month 2 date: Net Buy/Sell MB.
TFEX: Net Long/short contracts
Month 2 date: Net Long/short contracts

Direction:

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น