MKT Code 25 : ยกแบงค์กับพลังงาน

วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ - การเมือง
ไทยรัฐ : เงาหุ้น - ขึ้นกระฉูด!!
- ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 มี.ค.53 ปิดที่ 774.59 จุด เพิ่มขึ้น 15.57 จุด หรือ 2.05% มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 33,988.78 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,742.02 ล้านบาทหุ้นไทยยังขึ้นแรง พรั่งพร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นสุดๆ
- หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย TCAP ปิดที่ 24.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท, KBANK ปิดที่ 96 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท, PTT ปิดที่ 251 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท, SCB ปิดที่ 93 บาท เพิ่มขึ้น 4.25 บาท และ CPF ปิดที่ 14 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท
- บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่ามีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์, พลังงาน และปิโตรเคมี โดยเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติยังคงไหลทะลักเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจเอเชียเจิดจ้าที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ
- มองแนวโน้มตลาดสัปดาห์หน้ามีโอกาสไปได้ต่อ หากการเคลื่อนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงไปทั่วกรุงเทพฯในช่วงวันหยุดไม่มีสถานการณ์รุนแรง เพราะยังมั่นใจว่าเม็ดเงินต่างชาติยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งไทย
- แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ซื้อหุ้นในกลุ่มหลักที่เป็นหุ้นพิมพ์นิยมของต่างชาติ ทั้งแบงก์และพลังงานยังมีโอกาสไปได้ต่อ ตราบใดที่กระแสเงินทุนไหลเข้ายังไหลบ่าเข้ามาในตลาดหุ้นไทยด้านเทคนิค ประเมินแนวรับไว้ที่ 750 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 780-800 จุด
- บล.โกลเบล็ก มองทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์หน้า ด้านเทคนิค ให้กรอบแนวรับที่ 760-755 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 785 จุด
- แนะกลยุทธ์ ให้เก็งกำไร โดยประเมินภาพตลาดในระยะกลางยังเป็นช่วงขาขึ้นได้ต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อยู่ในเกณฑ์ดี และปัญหาการ เมืองยังไม่น่ากังวลมากนักสถาบันวิจัยนครหลวงไทย มองแนวโน้มสัปดาห์หน้าเป็นเชิงบวก เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินที่ยังคงไหลเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง ด้านเทคนิค ให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 770-785 จุด แนะกลยุทธ์ ให้รอซื้อหุ้นเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว!!
- ปิดท้าย "สมบัติ นราวุฒิชัย"เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ฟันธงว่า หากไม่เกิดเหตุรุนแรงในการเคลื่อนพลของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และฝรั่งยังซื้อต่อหุ้นไทยยังกระฉูดได้อีกแต่ต้องจับตาดูการลงทุนของต่างชาติแบบวันต่อวัน เพราะขณะนี้ต่าง ชาติเข้ามาซื้อกลับเท่ากับที่ขายไปก่อนหน้านี้แล้ว!!
By...อินเด็กซ์ 51

Comment Broker
- FSS คาดว่าต้นสัปดาห์นี้ SET จะยังคงแกว่งตัวค่อนข้างผันผวนและมีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวในด้านลบอีกครั้งได้ อย่างไรก็ตาม Fund Flow จากต่างประเทศยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงยังสามารถกลับเข้าเลือกหุ้นสำหรับการลุ้นจังหวะดีดขึ้นใหม่หลังการเมืองคลี่คลายได้ ซึ่ง SET ยังมีโอกาสขยับขึ้นถึง 780 จุดหรือสูงกว่า โดยหุ้นที่เรามองว่าพื้นฐานแข็งแกร่งน่าสนใจในการทยอยเข้ารับ ได้แก่ KBANK, BAY, SCB, PTTAR, BANPU, DELTA, KCE, TUF, AH, STANLY, ROJNA, AMATA, HEMRAJ, STEC, DCC, SCC, TASCO และ TSTH เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
- SET ขึ้นมาเกือบ 100 จุด มีหุ้นตัวไหนยังไม่ขึ้นบ้าง SET ที่ระดับ 774 จุด ขึ้นมาแล้ว 95 จุดจาก 679 จุด หรือ 14% ในรอบนี้มาจาก Flow จากต่างชาติเป็นหลัก ถ้าจะมองในแง่ดีก็ต้องย้อนกลับไปในปี 2008 ที่เกิดวิกฤต Subprime ต่างชาติขายสุทธิ 1.6 แสนล้านบาท แต่ปี 2009 ซื้อกลับสุทธิ 3.8 หมื่นล้านบาท และปี 2010 YTD ซื้อ 2.8 หมืนล้านบาท รวม 2 ปีซื้อกลับเพียง 41% ของที่ขายไป ถ้ามองว่าต่างชาติจะซื้อกลับให้เท่ากับที่ขายไป ก็ต้องซื้ออีก 9.5 หมื่นล้านบาท และถ้ายังรักษาระดับการซื้อวันละ 2.5 – 3 พันล้านบาท ก็คงต้องซื้ออีกประมาณ 1.5 – 2 เดือน แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ซื้อทุกวัน ตลาดจึงมีโอกาสพักฐานก่อนจะไปต่อ ปัจจุบัน PE ตลาดหุ้นไทยถูกเป็นอันดับ 2 รองเกาหลี (10.7 เท่า) คือ 11.7 เท่า และถูกกว่าฟิลิปปินส์ (12.9 เท่า) ฮ่องกง (14.1 เท่า) อินโดนีเซีย (14.5 เท่า) สิงคโปร์ (15.2 เท่า) ไต้หวัน (15.5 เท่า) มาเลเซีย (15.7 เท่า) และจีน (16.6 เท่า) (Source: Bloomberg) อย่างไรก็ตาม SET ที่ขึ้นมา 14% หุ้นที่ขึ้นน้อยกว่าตลาดได้แก่ PTTAR, PTTEP, TMB, ADVANC, AIT, AP, BCP, BEC, BGH, BMCL, CFRESH, CPALL, EGCO, GSTEEL, TSTH, HANA, HEMRAJ, IRPC, KASET, LPN, MCOT, TASCO, TTW, TVO เป็นต้น

ส่งออกดีกว่าคาด รถยนต์และชิ้นส่วนขยายตัวเด่นสุด
- สินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือรถยนต์และชิ้นส่วนขยายตัวถึง 89% Y-Y และ 28% M-M จนมีมูลค่าสูงสุดในเดือนนี้ รองลงเป็นน้ำมันสำเร็จรูป ยาง อุปกรณ์ทีวีและเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเกษตรก็เพิ่มสูงถึง 37% Y-Y จากทั้งปริมาณและราคาที่เพิ่มขึ้นแต่คาดว่าจะชะลอลงในระยะถัดไปตามฤดูกาล สำหรับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่เราแนะนำได้แก่ SAT (เป้าหมายของ Consensus = 18 บาท) และ KCE (เป้าหมาย 9.30 บาท)

Technical View : FSS
“ตลาดดีดขึ้นมาชนแนวต้าน 775 จุดได้ก่อน ทำให้ต้นสัปดาห์นี้ยังต้องระวังจังหวะแกว่งตัวย้อนลงไปหาแนวรับต่างๆ ก่อนลุ้นดีดขึ้นได้ใหม่ไว้ด้วย นอกจากยังขยับขึ้นได้อีกจึงจะเทรดดิ้งต่อถึง 782-788 จุด...”
แนวรับ : 767-762*, 757-753**, 744-736***
แนวต้าน : 776***, 782-788*, 796-800**


คอลัมน์ คุณฉุยคุยเอง วันที่ 22 มี.ค. 2553
-ตั้งแต่ SET ผ่านแนวต้าน 700 – 705, 710 จุด ได้ ไป เกิดสัญญาณซื้อ (Bullish Divergence) คือ ราคาหุ้น มีจุดสูงใหม่ แต่ Indicators (MAC, 14RSI, Modified Stochastic) มีจุดต่ำยกสูงขึ้น เป็นสัญญาณเชิงบวกที่ดี และ ผ่านแนวต้าน 737 – 740, 758 - 760 จุด, หลังคดียึดทรัพย์ฯ และ การชุมนุมคนเสื้อแดงที่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง เป็นสัญญาณที่ดี ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าอย่างท่วมท้น โดย ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าอยู่ต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 32.32 บาท/ดอลลาร์ และปริมาณการซื้อขายเริ่มมีเข้ามาสนับสนุน 25,000 – 33,000 ล้านบาท/วันได้ ต่อเนื่องหลายวัน, นอกสภาฯ กับกลุ่มเสื้อแดง ถ้าไม่มีความรุนแรงแล้วจบเร็ว จะดีมาก แต่ถ้ายืดเยื้อต้องติดตามต่อเนื่อง อาจจะกลับมาเป็นความเสี่ยงอีกรอบ ล่าสุด แกนนำกลุ่มเสื้อแดงต้องการชุมนุมยืดเยื้อ ถึงปลายเดือนมี.ค. 53 ส่วนการเมืองในสภาฯ ใกล้วันยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รัฐบาลจะผ่านพ้นได้หรือเปล่า เกี่ยวกับการทุจริตต่างๆถ้าผ่านได้ มีโอกาสอยู่ยาวได้ ถ้าหากพรรคร่วมไม่ถอดใจเสียก่อน, นักลงทุนหรือคนเล่นหุ้น ต้องการให้จบความเสี่ยงทางการเมืองเร็วๆ ไม่สนใจว่า ใครเป็นฝ่ายแพ้หรือ ชนะ คนเล่นหุ้น ชอบหมด ขอให้ไม่ยืดเยื้อ อย่าให้มียุบสภาหรือ ข่าวลือปฏิวัติ ถือว่า ใช้ได้ครับ, ส่วน คดีฯ มาบตาพุด หากแก้ไขปัญหาได้เร็ว จะส่งให้หุ้นพลังงานและ กลุ่มปิโตรเคมี ปรับตัวขึ้นรุนแรงได้ต่อไป, ช่วงนี้ บริษัทจดทะเบียน กำลังทยอยประกาศผลการดำเนินงาน และ ประกาศจ่ายเงินปันผล (XD) กลยุทธ์ ช่วงนี้ คือ ถ้ายืนเหนือ แนวรับสำคัญ 758 – 760 จุด ได้ ถือต่อ ซื้อเพิ่ม อย่าลืม ฝรั่งเป็นเจ้ามือ ให้ซื้อหุ้นขนาดใหญ่ เป็นหลัก จนกว่า ฝรั่งจะอ่อนล้ากำลังแล้วค่อยเปลี่ยนมาเป็นกลุ่มเก็งกำไรอื่นๆ (จับโจร ให้จับหัวหน้าโจร)
1. นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดว่า คณะกรรมการ FOMC จะมีการส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี – ต้นปีหน้า ส่วนกลางปีนี้ มีส่วนน้อยที่คาดว่า จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้น แสดงถึง แนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรป มีโอกาสฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องได้ ส่งผลให้ ดัชนีหุ้น DJIA , FTSE, DAX (ยุโรป) ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดสัญญาณซื้อ เชิงบวกมากขึ้นเรื่อยๆ ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ เคลื่อนไหวไปทางเดียวกันทั่วโลก หากไทย ไร้ความเสี่ยงเรื่องการเมืองภายใน ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสกระโดดขึ้นอย่างรุนแรง ตามดัชนีต่างประเทศ
2. ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ล่าสุด 32.29 บาท/ดอลลาร์ ตั้งแต่ก่อนการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ต่อเนื่องถึงการเริ่มเดินขบวนกลุ่มเสื้อแดง เม็ดเงินไหลเข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่ (Big Market Cap.) แสดงถึง ต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่ วันที่ 19 ก.พ. 53 เป็นต้นมาและ สถาบัน เริ่มกลับตัวซื้อตามต่างชาติ (กลัวตกรถไฟฟ้า มาหาเธอนะ 5555555) ระยะแรก เม็ดเงินไหลเข้ากลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี BANPU, PTT, PTTEP , TOP, PTTCH, PTTAR, IRPC, CPALL, CPF , SCC ปลายสัปดาห์ ไหลเข้า TCAP, SCB, KBANK, BAY, BBL, KTB, TMB, CIMBT, TTA, ADVANC, ESSO, TOP, QH, AP, THAI, THCOM, LH, GSTEEL, SSI, BCP เป็นต้น หลังจาก SET สามารถตีทะลุผ่านแนวต้าน 758 – 760 จุดได้ แรงซื้อของต่างชาติ, สถาบัน เข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่ (Big Market Cap.) ทำให้ปริมาณการซื้อขายสนับสนุนถึงระดับ 30,000 – 35,000 ล้านบาท/วัน เป็นการยืนยันว่า ต่างชาติเข้าตลาดหุ้นไทยจริงๆ ส่วนรายย่อย ก็จะเกิดอาการกลัวตลอด กลัวติดที่สูง ไม่กล้าๆๆๆ กลัวเสื้อแดงจะมีปัญหา กลัวปัญหาต่างๆนานา อย่าลืมว่า เราควร เกาะตามก้นฝรั่งไปก่อนแล้วกันดีกว่านะครับ
3. ระยะสั้น ถ้า SET ปรับฐาน อย่าให้หลุด 750 – 760 จุด ถือว่า ตลาดหุ้นยังไปได้ต่อครับ และถ้าไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นช่วงก่อนสงกรานต์ ตลาดหุ้นน่าจะตีได้ยาว เพราะข่าวร้ายๆ จะเริ่มจบเพราะ แนวโน้มเศรษฐกิจโลก จะฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ตลาดหลักในการส่งออกของไทยทั้ง สหรัฐ, ยุโรป และญี่ปุ่น ฟื้นตัวเมื่อไหร่ จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจไทยทันทีจากนั้น นักวิเคราะห์ จะเริ่มคำนวณผลการดำเนินงานชิงบวกมากขึ้น แล้วกล้าที่จะพยากรณ์ค่า P/E Ratio ที่สูงขึ้น ถ้าเทียบกับการเริ่มเป็น ตลาดขาขึ้นสมบูรณ์แบบ (Super Bullish) รอบใหม่นี้ ราคาหุ้นที่ท่านนักลงทุนหลายๆ คนกลัวนักหนาในตอนนี้ อาจจะมานั่งบ่นว่า ทำไม เมื่อตอนเสื้อแดงมาชุมนุมปีนี้ เราไม่ซื้อหุ้นเข้าพอร์ต มัวแต่กลัวอยู่นั่น แต่ทำไม พวกหัวแดงๆ แถบยุโรป อเมริกา กลับไม่กลัวซื้ออย่างเดียว แล้วอย่านั่งด่าตัวเองอีกล่ะ และอย่าด่า มาร์เก็ตติ้งว่า ทำไมไม่เชียร์ซื้อก็รู้ว่าหุ้นจะขึ้น ทำไมไม่เชียร์ (เฮ้อ กรรมของมาร์เก็ตติ้งจริงๆ หุ้นขึ้นหุ้นลง โดนด่าตลอด เวรกรรม ฮาาาาาาาาา)
4. จำไว้ว่า สัญญาณทางเทคนิค ไม่หลอกใคร แต่คนวิเคราะห์ หลอกตัวเองต่างหาก เพราะจะเอาปัจจัยอื้นๆใหม่ๆ เข้ามาแทรกตลอด ทำให้ไม่มั่นใจในสัญญาณทางเทคนิคว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไร ทำให้การลงทุนแต่ละรอบ เราจึงยังตกรถอยู่เป็นประจำหรือสัญญาณขาลง แต่เราไม่ปฏิบัติตามสัญญาณขาย เราจึงติดหุ้นตลอดปี ตลอดชาติ ต้องแก้ที่ตัวเรา สรุปได้ว่า “เราเป็นนักทฤษฎีชั้นยอด เป็นนักปฏิบัติชั้นแย่ ตลอดกาล เอย........จริงมั๊ย (ว่าทุกคน รวมทั้งตัวเองครับ 5555555)”
5. หุ้น กลุ่มอื่นๆ (เก็งกำไร) หุ้นเด็ด (ชีพหรือเปล่านะ) KK, KK-W4 กราฟสวยครับ ปริมาณการซื้อขายสนับสนุน KK แนวต้าน 28.25 – 28.50 บาทหากผ่านได้ ลุ้นถือยาว บริเวณ 30, 32.50 – 33.50, 35 บาทตามลำดับ ตามด้วย SICCO ต้าน 5.30, 5.50, 5.80, 6, 6.25 บาทตามลำดับ, TPIPL ต้าน 9.50, 9.8, 10, 12.5 บาทตามลำดับ, SMT ต้าน 6.50, 6.75, 7, 7.35, 7.5 บาท ตามลำดับ TYONG, BLAND, BLAND-W2, KCE, เป็นต้น
6. SET ฟอร์มตัวเป็นรูป สามเหลี่ยมลู่ขึ้นขนาดใหญ่ (Ascending) หลังจากทะลุผ่านแนวต้านสำคัญทางเส้นแนวโน้ม (Trend Line) และ จุดสูงสุดเดิม (750 และ 760 จุด ตามลำดับ) กลายเป็นสัญญาณซื้อสำคัญ วัดระยะเป้าหมายได้ประมาณ 850 – 870 จุด โดยประมาณ (ตีตัวเลขคร่าวๆ ว่า ทะลุ 760 จุดขึ้นไป แนวต้านระยะเป้าหมายประมาณ 80 – 100 จุด หรือ 760 + 100 = 860 จุด โดยประมาณ) ได้รับการยืนยันจาก Indicators (MACD, 14RSI, Modified Stochastic, Directional Indicator) ที่เริ่มสั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 19, 22 ก.พ. 53 เป็นต้นมาจากการเกิดสัญญาณซื้อที่ดี คือ การเกิด Bullish Convergence คือ ราคาหุ้นและ MACD, 14RSI มีจุดต่ำยกสูงขึ้นไปทางเดียวกัน ขณะที่ 14 RSI อยู่แค่ระดับ 75.65 % เท่านั้น ยังไม่เข้าเขต 90 % กว่าๆ ยังมีโอกาสไปได้อีกไกลพอสมควร
7. ช่วงนี้ ต้องปล่อยให้ลอยตามน้ำ (Follow the main trend) ใครกลัว หลบไปก่อน ให้คนที่กล้าเขาซื้อกัน อย่างที่เขาบอกว่า ใจไม่ถึงไม่ได้ขี่ช้างงา ส่วนใหญ่บอกกับตัวเองว่า ถ้าเป็นขาขึ้นพี่กล้าซื้อแพงๆ ก็กล้า แต่พอมาจริงๆ กลับไม่กล้า (ฮาาาาาาาา) จึงได้แต่ช้ำใจตลอดครับ
8. เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ถ้าใครอ่านคอลัมน์ของคุณฉุย (8 มี.ค. 53) ได้บอกไว้ว่า ถ้ามีปริมาณการซื้อขายเข้ามาสนับสนุนและ Indicators (MACD, 14RSI, Modified Stochastic) ยืนยันและ ถ้า SET สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ ( ทะลุจุดสูงสุดเก่า 758 – 760 จุด ได้) ให้ซื้อหุ้นเข้าพอร์ต หรือ ถือต่อ เพื่อดูแนวต้านสำคัญ ที่ 775 – 780 จุด หากผ่านได้ ลุ้นระยะเป้าหมาย 850 – 860 จุด ต่อไป ยังคงยืนยันตามนั้นครับ (หลายคนอาจจะบอก คุณฉุย Bullish เกินไปหรือเปล่านะ แต่จำไว้ครับ ถ้านักวิเคราะห์มองทางเดียวกัน ให้ขายให้ทิ้งหรือ ทำตรงข้ามซะ แต่ถ้ามองต่างมุมอยู่ ให้ท่านเลือกเชื่อ คนที่ท่านมั่นใจ ชนะแน่นอน ฮาาาาาาาาาาา)
9. SET Daily โดย EMA 5 วัน = 758.64 , 10 วัน = 747, 25 วัน = 730, 75 = 716 และ EMA 200 วัน = 677 จุดตามลำดับ ตั้งแต่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่กระจุกตัวเป็น Golden cross เมื่อประมาณ 19, 22 – 24 ก.พ. 53 เป็นต้นมา จะเกิดสัญญาณซื้อที่ดีและจะสามารถตีได้แรงๆ แบบทะลุทะลวง เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 53 ได้บอกว่า หาก สามารถตีทะลุ 758 – 760 จุด ขึ้นไปได้และมีปริมาณการซื้อขายสนับสนุนระดับ 25,000 ล้านบาท/วัน ได้อย่างต่อเนื่องได้ ให้ซื้อเพิ่ม (Follow buy) หรือ ถือต่อได้ อย่าลืม ต้องซื้อหุ้นใหญ่ ตามก้นฝรั่ง รอบนี้ เขาเป็นเจ้ามือ ครับผ๊ม
10. SET Weekly โดย EMA 5 week = 738 , 10 week = 727 จุด, 25 week = 705 จุด, 75 week = 657.6 และ 200 week = 657.6จุด ตามลำดับ, SET weekly ได้เกิด Golden Cross คือ EMA 5 week ตัด10 week ขึ้นไป เป็นสัญญาณซื้อที่สำคัญ และสามารถทะลุแนวต้าน 758 – 760 จุด ขึ้นไปได้ เป็นสัญญาณซื้อชั้นดี แถม Indicators(14RSI, MACD, Modified Stochastic) เริ่มสั่งเป็นสัญญาณซื้อขึ้นมา ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก
11. การลาก เส้นแนวโน้มขาลง จากกำหนด จุดสูงสุด (H1) = 924.70 (เดือน 9/2007) ผ่าน H2 = 886.57 จุด (เดือน 5/2008) จะได้เส้นแนวต้านขนาดใหญ่ คือ 775 – 780 จุด เป็นแนวต้านสำคัญ หากผ่านแนวต้านบริเวณนี้ได้ เป็นการผ่านแนวต้านขาลงครั้งใหญ่ กลายเป็นขาขึ้นครั้งใหญ่ (Up trend) ดังนั้นถ้าผ่าน 780 จุดขึ้นไปได้ ให้ซื้อตามน้ำ ถ้ามีปริมาณการซื้อขายสนับสนุน ระดับ 25,000 ล้านบาท/วัน ต่อเนื่องหลายๆ วัน ลุ้นเป้าหมาย 850 – 870 จุด ต่อไป (พูดเมื่อ 8 มี.ค. 53)
12. สรุป กลยุทธ์ ถ้าเราก้าวข้ามผ่านปัจจัยการเมืองได้ ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นส่งให้ภูมิภาคเอเชีย ปรับตัวขึ้นตาม ไม่เว้นแต่ไทย และเม็ดเงินเข้าอย่างท่วมท้น ค่าเงินบาทแข็งค่า ต่อเนื่อง 32.29 บาท/ดอลลาร์ ยืนยันได้เป็นอย่างดี, ระยะสั้น ดูว่า แนวต้าน 770 – 780 จุด สามารถผ่านไปได้หรือเปล่า ถ้าผ่านได้ ลุ้นเป้าระยะกลาง – ยาว 850 – 870 จุด ตามลำดับ ตามฝรั่ง ตามกลิ่มเม็ดเงิน คือ หุ้นขนาดใหญ่ ตามข้อ 2, 5 ถ้าเป็นขาขึ้นสุดๆ อย่ากลัวมาก ไม่งั้น คงต้องเลิกมองหุ้น ไปมองคนที่บ้านแทนแล้วกันครับ (ฮาาาาาาาาา) แต่ถ้าพลิกผัน เพราะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ใน 1 – 3 เดือนนี้ ช่วยไม่ได้ครับ ระยะสั้น แนวรับอย่าให้หลุด 750 – 760 จุด ลงมา ถ้าอย่างนั้น อย่าลืม ปล่อยลอยตามน้ำ (Follow the main trend) ต้องกล้าซื้อ กล้าขาย เมื่อตลาดเปลี่ยน ต้องกล้าเปลี่ยนมุมมอง เหมือนเรามองสาวคนหนึ่ง แต่ก่อนไม่สวย พอหล่อนศัลยกรรมจนกลับมาสวย เราต้องยอมรับความจริงว่า เธอสวย หุ้นเรา ก็เป็นเช่นเดียวกันครับ, ใครจะตกรถหรือ ตกนรก มาดูกัน
13. ประชาสัมพันธ์ ให้ด้วยครับ คุณฉุยเปิดหลักสูตร ไต่บันไดเซียน 4 วันเต็ม เสาร์, อาทิตย์, จันทร์, พุธ 24, 25, 26, 28 เม.ย. 2553 ใช้โปรแกรม Apex-IRS คอมพิวเตอร์ 1 คน/เครื่อง เรียนวิเคราะห์ทางเทคนิค+พื้นฐาน+แกะรอยฝรั่ง, รายใหญ่+ ดูจอหุ้นเรียลไทม์ (Ticker& Volume Out Perform) ปฏิบัติการจริง เล่นหุ้นจริง, รับส่วนลดพิเศษสำหรับท่านที่เปิดพอร์ตซื้อขายหุ้นกับทีมงานคุณฉุย บล. ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) FSS และหรือ ลูกค้า บริษัท IRS จำกัด ผู้ให้บริการข้อมูลกราฟ APEX-IRS แค่ 15 ที่นั่ง ใกล้เต็มแล้ว สำรองที่นั่งด่วน ที่คุณฉุยและทีมงาน 02-646-9652 – 3, 081-441-3638, รายละเอียดเพิ่มเติมใน www.sienhoon.com หรือ ค้นหาผ่าน google : คุณฉุยเซียนหุ้น เซียนหุ้นคุณฉุย ได้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น