Code 28 : SAA ปรับเป้า SET ใหม่เป็น 827

วันพฤหัสที่ 25 มีนาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ-การเมือง
ไทยรัฐ : เงาหุ้น - เงินไหลเข้าไม่หยุด!!
- ดัชนีหุ้นวันที่ 24 มี.ค.53 ปิดที่ 786.54 จุด เพิ่มขึ้น 4.06 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 36,924.10 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,603.57 ล้านบาท
- หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย PTT ปิดที่ 256 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, PTTAR ปิดที่ 29.50 บาท ลดลง 0.50 บาท, BBL ปิดที่ 135 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท, SCB ปิดที่ 94 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท, IVL ปิดที่ 17.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท
- ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นยังเป็นเชิงบวกแต่ต้องติดตาม Fund Flow เพราะเป็นปัจจัยสำคัญต่อบรรยากาศการลงทุนซึ่งนักลงทุนต้องระมัดระวังสำหรับการเก็งกำไร เพราะระหว่างวันอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง เช่นเดียวกับประเด็นการเมืองยังเป็นปัจจัยต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง แม้การชุมนุมของคนเสื้อแดงจะไม่มีเหตุรุนแรงก็ตามแนะกลยุทธ์การลงทุน ให้เลือกหุ้นขนาดใหญ่หรือหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น น้อยกว่าตลาดหรือน้อยกว่ากลุ่ม เช่น หุ้นพลังงาน, ธนาคารพาณิชย์, อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ โดยหุ้นรายตัวที่น่าลุ้น เช่น HANA, KCE, STANLY และ SAT
- ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส มองระยะสั้นหากดัชนีปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านที่ 790 จุดได้ มีโอกาสไปลุ้นแนวต้านถัดไปที่ 800 จุด แต่ในกรอบดังกล่าวจะมีแรงขายทำกำไรออกมา ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีปรับฐานลงได้แต่คงไม่มาก แต่หลังจากนั้นดัชนีมีโอกาสจะไปต่อได้แนะกลยุทธ์การลงทุน ช่วงสัปดาห์นี้หากดัชนีเข้าสู่กรอบแนวต้าน ควรขายทำกำไรลดพอร์ตหุ้นลง 20-30%ส่วน
- บล.ฟิลลิป มองจุดสูงสุดของดัชนีหุ้นไทยปี 53 อยู่ที่ 810 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 700 จุด แนะกลยุทธ์การลงทุน ช่วงที่เงินทุนต่างชาติยังคงไหล เข้าว่าสามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้ ส่วนนักลงทุนระยะยาวแนะหาจังหวะในการซื้อเพื่อถือโดยประเมินปัจจัยพื้นฐานของหุ้นอย่างรอบคอบปิดท้าย
- บล.ทรีนีตี้ แนะนำซื้อหุ้นน่าลงทุนในไตรมาส 2 ดังนี้ PTTAR, PTTCH, PTTEP, IRPC, KTB, TCAP, CK, QH, HEMRAJ, TUF, KSL, SAT, DELTA, KCE และ MCOTส่วนหุ้นประเภท "มาไวไปไว" หรือขึ้น-ลงเร็ว แนะลุ้น SPALI, LPN, SPA, SSI และ ESSO.
By...อินเด็กซ์ 51

ข่าวเศรษฐกิจ ...........หุ้นมีข่าว
-ต่างชาติอุ้มหุ้นไทยขึ้นผู้นำโลก แซงหน้าดาวโจนส์ของสหรัฐ........
-หุ้นไทยเสน่ห์แรง 16 ก.พ.-23 มี.ค.53 ต่างชาติซื้อสุทธิ 4.24 หมื่นลบ.- ส.นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มกำไรบจปี53โต13.9%จากเดิมคาด13.3% ปรับเป้าดัชนีจากเดิมคาดปลายปีที่812จุดเป็น827จุด และปี54ที่946จุด .........
-นักวิเคราะห์เตือนหุ้นไทยใกล้จุดพีก'ธปท.'ชี้เงินนอกทะลักพันล.เหรียญ.........
-วินโดว์เดรสซิ่ง" จุดพลุหุ้นไทย โบรกมองไตรมาส 2 วิ่งถึง 836 จุด............
-"กรณ์"เย้ยม็อบเสื้อแดง โบรกฯปรับเป้าดัชนี860............
-สอท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมกพ53อยู่ที่114.50 ลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย ......
-สอท.เผยยอดส่งออกรถยนต์กพ.53อยู่ที่7.4หมื่นคันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน66.03% .......

FSS: ถ้า SET บวกให้ทำกำไร..จังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อแนะนำให้รอตลาดลบ!!
- ตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มกลับมาลบกันเป็นส่วนใหญ่ จากความวิตกกังวลต่อปัญหาหนี้สินในยุโรป หลังโปรตุเกสถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง และบรรดานักการทูตแสดงความไม่เห็นด้วยกับมาตรการช่วยเหลือกรีซเนื่องจากมีภาระหนี้ที่สูงเกินไป ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ถ่วงให้ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดหุ้นปรับตัวลง ทำให้ FSS คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังคงแกว่งตัวผันผวนและมีโอกาสสูงที่จะมีการปรับพักตัวลงในเร็วๆ นี้ ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ทยอยทำกำไรเมื่อตลาดขยับขึ้น โดยจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อครั้งใหม่ให้รอช่วงตลาดปรับพักตัวลงไปเคลื่อนไหวในด้านลบก่อนดีกว่า อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วเรายังคาดว่า SET จะสามารถขยับขึ้นไปยืนเหนือ 800 จุด โดยหุ้นที่น่าสนใจเข้ารับได้แก่ หุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มแบงก์และพลังงาน โดยแบงก์ที่ยัง laggard มี SCB, KBANK ส่วนกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่ Laggard มี PTTEP, PTT, SCC นอกนั้น หุ้นขนาดกลางที่ laggard ได้แก่ AP, QH, BCP, CPALL, DTAC, HANA, ITD, KCE, LH, MCOT, TMB, TTW, TVO

ประเด็นสำคัญวันนี้
-โปรตุเกสถูกปรับลดอันดับเครดิต...ยูโรร่วง ดอลลาร์แข็งค่า ตลาดวอลล์สตรีทปิดลบ
- นักวิเคราะห์ปรับเป้า SET ปีนี้ขึ้นเป็น 827 จุด และปีหน้า 946 จุด ผลสำรวจของนักวิเคราะห์ครั้งที่ 1/53 มีมุมมองดีขึ้นจากที่สำรวจครั้งก่อนในเดือน ธ.ค. โดยปรับเพิ่ม SET Target ปลายปี 2010 เป็นเฉลี่ย 827 จุด (จากคาดการณ์ครั้งก่อนที่มอง 812 จุด) (FSS คาด 860 จุด) และปลายปี 2011 อยู่ที่ 946 จุด (FSS คาด 1,100 จุด) โดยประเมินดัชนีสูงสุดในปีนี้ไว้ที่ 861 จุด และต่ำสุดที่ 643 จุด และปรับเพิ่ม GDP จากเดิมที่คาด 3.5% เป็น 4% (FSS คาด 3.5%) และปี 2011 จะขยายตัว 4.5% (FSS คาด 4.5%) หุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนตรงกันหลายสำนักวิจัยได้แก่ ADVANC, BANPU, BAY, KBANK, KTB, PTTEP, QH เป็นต้น
- วานนี้ต่างชาติขาย Futures สูงถึงกว่า 1.8 พันสัญญา รวมเป็น 8 พันสัญญาในรอบ 10 วันที่ผ่านมา คิดเป็นเกือบ 60% ของที่ซื้อสุทธิไปในช่วง 1 เดือนก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ตาม ในตลาดหุ้น ยอดซื้อกลับสูงถึง 9 พันล้านบาทสูงที่สุดในรอบหลายเดือน เช่นเดียวกับยอดขายที่สูงถึง 6.6 พันล้านบาท ทำให้ยอดสุทธิยังเป็นการซื้อ แต่สถาบันในประเทศกลับขายหนักมา 3 วันติดต่อกัน ตลาดอาจใกล้ปรับฐานแต่น่าจะเป็นหลังจากสิ้นเดือน มี.ค. หรือให้ผ่านช่วง Window dressing ไปก่อน โดยกลุ่มที่จะผลักดันให้ตลาดไปยืนเหนือ 800 จุดในรอบนี้ยังคงเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มแบงก์และพลังงาน

ASP
-Dollar Index ฟื้นตัว จากยูโรทำสถิติจุดต่ำสุดใหม่ หลังโปรตุเกสถูก Fitch ลดอันดิบเครดิตลง
-สต๊อกน้ำมันเบนซินลด เข้าสู่ฤดูกาลขับขี่ เชื่อยังดันค่าการกลั่นเดินหน้าทำสถิติ 2 หลัก ใน เม.ย.
สหรัฐรายงานสต๊อกน้ำมันของสัปดาห์ล่าสุด พบว่าแม้น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 7.3 ล้านบาร์เรล สู่ 351.3 ล้านบาร์เรล แต่ทางด้านสต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปยังคงลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล สู่ 224.6 ล้านบาร์เรล โดยเกือบทั้งหมดเกิดจากน้ำมันเบนซินที่ลดลง จึงคาดหมายว่าปริมาณสำรองน้ำมันดีเซลน่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้เนื่องจากได้ผ่านพ้นฤดูหนาว ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงมีแนวโน้มลดลง แต่เนื่องจาก
กำลังเข้าสู่ฤดูกาล Driving Season ในช่วงปลาย มี.ค. ต่อเนื่อง เม.ย. – พ.ค. ทำให้ความต้องใช้น้ำมันเบนซิน เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์เพิ่มมากขึ้น บวกกับโรงกลั่นหลายแห่งในโลกเริ่มหยุดซ่อมบำรุง หลังจากที่เดินเครื่องเต็มที่ในช่วงไตรมาสแรกของทุกปี ซึ่งยังหนุนให้ค่าการกลั่น(GRM) มีแนวโน้มขยับขึ้นไปสู่ระดับ 5-8 เหรียญฯต่อบาร์เรล และมีโอกาสทำสถิติสูงสุดของของปีที่ 10 เหรียญฯต่อบาร์เรลได้ ระยะสั้น
นอกจากนี้คาดหมายว่าผลประกอบการในงวด 1Q53 ของโรงกลั่นน่าจะมีแนวโน้มสดสดอันเป็นผลของฤดูกาล กล่าวคือค่า GRM เฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี 2553 จนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 5.02 เหรียญฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.6 เท่าตัว จาก 1.96 เหรียญฯต่อบาร์เรลในงวด 4Q52 ซึ่งน่าจะดีกับ TOP ซึ่งมีฐานกำไรมาจากธุรกิจโรงกลั่นถึง 60% และอีก 40% มาจากธุรกิจปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์ ซึ่งยังได้รับผลบวกจาก Spread (PX-ULG95) ที่สามารถรักษาช่วง 300-350 เหรียญฯต่อตัน จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในธุรกิจ PTA และช่วยหักล้างกับ Supply ใหม่จากตะวันออกกลางที่จะทยอยเข้าสู่ตลาดได้ แนะนำให้ซื้อ TOP เมื่อราคาอ่อนตัว เนื่องจากกำไรที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี แต่หากนักลงทุนชื่นชมหุ้นโรงกลั่น 100% ต้องเลือก BCP แม้ว่าเป็นหุ้นที่ถูกขนานนามว่า “คลานเป็นเต่า” ก็ตาม แต่ฝ่ายวิจัยชอบหุ้นBCP เพราะประเด็นของเงินปันผลที่ดีมาก ซึ่งน่าจะเหมาะกับนักลงทุนที่สนใจผลตอบแทนในรูปเงินปันผล ซึ่งภายหลังจากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเสร็จสิ้นเชื่อว่าจะทำให้กำไรของ BCP มีเสถียรภาพ และน่าลบภาพขี้ริ้วขี้เหร่ในอดีตไปได้หมดคร๊าบ

SET Index แนวรับ 770 จุด แนวต้าน 800 จุด


ประเด็นวิเคราะห์:
• SET ไปไม่กลับอีก 4.06 จุด สู่ 786.54 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายทะลักเดือดกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท
• วานนี้ SET ทำ New High อีกครั้งด้วยการ Break ผ่าน 787 จุดซึ่งเป็น High ในรอบ 21 เดือน ไปได้อย่าง ชิว ชิว มาก มองว่าการ Break ผ่านครั้งนี้ เป็นการรับลูกต่อเนื่องมาจาก อิทธิพลของ Candlestick เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2553 ที่เกิดการไล่ดัชนีอย่างต่อเนื่องในช่วงบ่ายของตลาด โดย Momentum ที่เกิดขึ้นนี้ก็ทำให้มองได้ว่าดัชนีเตรียมที่จะขึ้นกันอีกรอบ และอาจจะไปถึง 800 จุดได้ไม่ยากนัก
• สัญญาณทางเทคนิคใน Indicators สำคัญอย่าง RSI, MACD ล้วนเข้าเขต Over Bought สุดๆ แต่ก็ยังไม่เกิดสัญญาณ Divergence อาการแบบนี้จะทำให้ดัชนี จะเกิดแค่ย่อตัว แต่จะยังไม่ปรับร่วงรุนแรงอะไร
• ในช่วงสั้น ดัชนีอาจจะต้องเกิดการย่อตัวบ้างเมื่อมา
สรุป :
• ได้เวลาถอย แต่คงแค่ ก้าว สอง ก้าว และไม่ต่ำกว่า 770 จุด ก่อนทะเลจะกว้างอีกครั้งเพื่อไปที่ 800 จุด

หุ้นเด่น - ประเด็นข่าว
ข่าวหุ้น:
ทันหุ้น:

10หุ้นข่าวเด่น........หุ้นมีข่าว

1.ROJNA คาดจะทำสถิติกำไรสูงสุดในปีนี้ ยอดขายคอนโดและภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัว คาดปันผลปีนี้จะสูง8.9% คาดกำไรปีนี้เพิ่ม41%YOY XD 0.30 29/3/53-ML ให้เป้า12.9 บาท .........

2.AMATA ได้รับปัจจัยบวกจากการส่งเสริมการลงทุนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ - รอเอาอมตะเวียดนามเข้าตลาดเวียดนาม- Q1 ยอดขายพุ่ง 250 ไร่ลูกค้ารอเซ็นสัญญาในไตรมาส 1/2553 จำนวน 5-7 รายไม่ยกเลิกเซ็นสัญญา -ปัจจุบันขายที่ดินได้แล้ว119ไร่เป้าอยู่ที่600ไร่ คาดเติบโต69.%YOY เป้าหมาย9.5-10บาท ...........

3.HEMRAJ บุ๊ค0.82บาท บัวหลวงเคยแนะนำที่1.10บาท เริ่มกลับมายืนแถวหน้าของกลุ่มพัฒนาที่ดินอุตสาหกรรมกำไรมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในทุกกลุ่มทั้งการขายที่ดิน บริการสาธารณูปโภค และโรงงานให้เช่า ........

4.BBL พี/อี ต่ำสุด 11 เท่าน่าลงทุน - CL ปรับ จาก Buy เป็น Strong Buy ปรับ TP 190 คาดกำไร +89% ช่วงปี 09-12 กำไรที่เพิ่มขึ้นจะกลับมาในรูปปันผลที่มากขึ้น -Top Picks ของUBS คาดอัตราการจ่ายปันผล BANK ที่เพิ่มจาก 33% เป็น 39% ในปี 09- ML ปรับ BBL จาก 132.6 เป็น 153.5(Buy)...................

5.KBANK ROE สูง 14% มองอีก 2-3 ปี เพิ่มเป็น 16-17% ราคาหุ้นเทรด 1.7-1.8 เท่าของบุ๊ก ต่ำกว่าอดีตที่เทรด 1.9 เท่า -JPM ปรับ เป็น 126(Buy) ปรับกำไร 10-12 ขึ้นอีก +6%/+8%/+9% สินเชื่อโตโดดเด่นจาก SME และรายย่อย(บ้าน)+NIM ขยายจากดอกเบี้ยขึ้น........

6.SCB CS แนะนำ Buy TP@120 เลือกเป็น Top Picks................

7.CK เตรียมเซ็น MOU กับ กฟผ.ซื้อขายไฟฟ้าเขื่อนไซยะบุรี มี.ค.-เม.ย. นี้- CL ให้เป้าหมายที่ 6.58 สายสัมพันธ์ที่ดีกับ ปชป.ลุ้นประมูลสายสีน้ำเงิน เม.ย.+โปรเจ็คลาว ...................

8.STEC Target Price: RBS@7.0/BNPP@7.8/DB@8.7CL@8.4/CS@7.0 คาดกำไรปี 10 +21.4% และโอกาสชนะประมูลงานมาร์จิ้นสูงมีมาก อาทิ Pluto LNG Phase 2. - คาดจะชนะประมูลอีก 2 หมื่นล้านบาทในปีนี้, คาดมมาร์จิ้นดีขึ้น ปี 10-11 เป็นปีที่ดีของ STEC.....

9.LPN CS- CITI แนะนำ Buy LPN TP@8.9 /8.3ขายหมด 2 โครงการมูลค่า 4.6 พันล้านบาทเมื่อวันเสาร์ คาดมาร์จิ้นขยบัขึ้นจากโครงการพระราม 4 ..............

10.SSI ก.พ. ส่งมอบเหล็กรีดร้อนม้วนสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงกว่ายอดส่งมอบทั้งไตรมาส 1/52 เชื่อปีนี้กำไรโตก้าวกระโดด 6 พันล้านบาท เทียบปี'52 กำไรแค่ 1.3 พันล้าน - รับผลบวก ข้อมูลการผลิตเหล็กทั่วโลกพุ่ง ...............

Comment Broker

บล.กิมเอ็ง.....25/3/53 AOT แนะนำ ทยอยสะสม ราคาเหมาะสม43บาท.....ชะลอโครงการก่อสร้าง Domestic Terminal ช่วยลดภาระเงินลงทุน มุมมองเป็นบวกต่อโครงการพัฒนาสุวรรณภูมิแผนใหม่ ช่วยลดเงินลงทุนได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท จำนวนผู้โดยสารไตรมาส 2 คาดยังเติบโตแข็งแกร่งแม้จะมีปัญหาทางการเมือง ประเมินกำไรปกติที่ 1.6 พันล้านบาท

บล.ซิตี้กรุ๊ป .....25/3/53 CITI เลือก BBL,SCB, KTB, BAY, TISCO เป็น Top Picks ปรับ BBL, KTB เป็น Buy/ ปรับ KBANK จาก Sell เป็น Hold ...........:

CITI ปรับ BBL จาก Sell เป็น Buy ปรับ TP จาก 116 เป็น 160 ปรับกำไร 10-11 14-15% สะท้อนการเติบโตสินเชื่อ+NIM ขยาย....CITI ปรับ SCB จาก 100 เป็น 108(Buy) ปรับกำไร 10-11 5-6% สะท้อนการเติบโตสินเชื่อ+NIM ขยาย+ROE 18% สูงสุดในกลุ่ม........

CITI ปรับ TISCO จาก 29 เป็น 31(Buy) สินเชื่อ HP โต+NIM สูงที่ 4.6%+ROE@17%+DIY@6%......

CITI ปรับ BAY จาก 24 เป็น 27(Buy) ปรับกำไร 10-11 8-11% สะท้อนการเติบโตสินเชื่อ+NIM ขยาย+รายได้ค่าบริการโต คาดกำไร BAY +55% ใน 2 ปีข้างหน้า เทียบกลุ่ม +34.5%.......

CITI ปรับ KTB จาก Hold เป็น Buy ปรับ TP จาก 10.5 เป็น 13.5 ปรับกำไร 10-11 11-13% สะท้อนการเติบโตสินเชื่อ+NIM ขยาย+รายได้ค่าธรรมเนียมโต สถาพคล่องสูงสุด ได้รับประโยชน์สูงจากดกอเบี้ยขาขึ้น..............

CITI ปรับ KBANK จาก Sell เป็น Hold ปรับ TP จาก 88 เป็น 108 ปรับกำไร 10-11 4-6% สะท้อนการเติบโตสินเชื่อ+NIM ขยาย.......

CITI ปรับ SCIB จาก 29 เป็น 32.5(Sell) สะท้อนราคาขายให้ TCAP......

CITI ปรับ TMB จาก 1.0 เป็น 1.2(Sell) ปรับกำไร 10-11 1-12% สะท้อนการเติบโตสินเชื่อ+NIM ขยาย+รายได้ค่าบริการโต

บล.อาร์บีเอส ..... 25/3/53 RBS เพิ่ม KTB เป็น Top Picks ปรับ KTB จาก 12 เป็น 14(Buy) คาดสินเชื่อโตจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ PBV เพียง 1.1x แถม PE ต่ำเพียง 9x ...

บล.เมอริลลินซ์ ........... 25/3/53 : ML ปรับ BBL จาก 132.6 เป็น 153.5(Buy)........ บล.ยูบีเอส ....... 25/3/53 UBS ชอบ LPN เพราะ Valuations ถูก,งบดุลแกร่ง,ประสิทธิภาพการทำกำไรสูง........ ชอบ LH เพราะมีบ้านพร้อมขาย..........

บล.ดอยช์แบงค์ ......... 25/3/53 DB ปรับ CPF จาก 14.2 เป็น 18.7(Buy) ปรับกำไรปี 10 +18% คาดมาร์จิ้นขยับขึ้นมาอยู่ที่ 17.5%, ยอดขายโต 5% จากบริษัทลูกในต่างประเทศ........ : DB ชอบ LH, LPN หลังต่อมาตรการภาษี แต่ให้น้ำหนัก Neutral กลุ่มอสังหา......... : DB แนะนำ Buy HMPRO TP@5.5 รับประโยชน์จากมาตรการภาษีที่ต่ออายุออกไป.......

บล.ซีแอลเอสเอ .......25/3/53 CL ปรับ BBL จาก Buy เป็น Strong Buy ปรับ TP จาก 134 เป็น 190 คาดกำไร +89% ช่วงปี 09-12 กำไรที่เพิ่มขึ้นจะกลับมาในรูปปันผลที่มากขึ้น........

CL ปรับ TCAP จาก Buy เป็น Strong Buy ปรับ TP จาก 24.25 เป็น 31 คาดกำไร +49% ในปี 09-12 จากสินเชื่อโตลบล้างมาร์จิ้นที่หดตัวลง การควบ SCIB ช่วยหนุนการเติบโตในระยะยาว.........

CL ปรับ SCB จาก 107 เป็น 106(Buy) สินเชื่อเติบโต+มาร์จิ้นขยาย+ค่าธรรมเนียมขยาย,สำรองลด,ต้นทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คาดกำไร +78% ปี 09-12.....

CL ปรับ KBANK TP จาก 111 เป็น 125(Buy) คาดกำไร +130% ช่วงปี 09-12 สินเชื่อเติบโต+มาร์จิ้นขยาย+ค่าธรรมเนียมขยาย,สำรองลด,ต้นทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คาดบริษัทจะจ่ายปันผลมากขึ้น..............

CL แนะนำ Buy TISCO TP@31.50 คาดกำไร +54% ในช่วง 09-12 จากการเติบโตของสินเชื่อ, การควบคุมต้นทุนดี+สำรองต่ำช่วยลบล้างมาร์จิ้นที่ลดลง, ปันผลสูง ...........

CL ปรับ KK TP จาก 32 เป็น 33(Buy) คาดกำไร +43% ช่วงปี 09-12 คาดสินเชื่อจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง เนื่องจากกำไรในสินทรัพย์ และต้นทุน+สำรองที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น...

TMB จาก 1.02 เป็น 1.13(Sell) NPLs สูง 13%, สำรองต่ำ, กำไรจากการดำเนินงานต่ำเพียง 1.3%........

CL ปรับ SCIB TP จาก 30 เป็น 33(Sell) คาดกำไร +62% ช่วงปี 09-12 การควบกับ TCAP จะทำให้โครงสร้างรายได้เปลี่ยนเป็นรายย่อยมากขึ้น, มาร์จิ้นดีขึ้น+ค่าธรรมเนียมดีขึ้น .....

CL ปรับ KTB จาก Strong Sell เป็น Sell ปรับ TP จาก 9.4 เป็น 11.4 ปรับ P/B จาก 0.9x เป็น 1.1x เพราะคาดกำไร +68% ในปี 09-12 สินเชื่อ+มาร์จิ้น+ค่าธรรมเนียมขยาย ........

Fund Survey ....... 25/3/53 ฝรั่งปรับเป้า BANK ขึ้นมาก และหลายเจ้ายังไม่ได้ปรับ เราคาดว่าจะปรับขึ้นตามในไม่ช้าอาทิ ML,MACQ,DB,MS ฉะนั้น BANK ไม่น่าลง Flowsซื้อต่อเนื่อง......

กลุ่มอุตสาหกรรม

กลุ่มแบงค์ .....แบงก์Q1กำไรโต21% ........ BBLโชว์ตัวเลข7พันล. -รายได้ดอกเบี้ยสุทธิพุ่งสินเชื่อทะลัก - พี/อี ต่ำสุด 11 เท่าน่าลงทุน - CL ปรับ จาก Buy เป็น Strong Buy ปรับ TP 190 คาดกำไร +89% ช่วงปี 09-12 กำไรที่เพิ่มขึ้นจะกลับมาในรูปปันผลที่มากขึ้น -Top Picks ของUBS คาดอัตราการจ่ายปันผล BANK ที่เพิ่มจาก 33% เป็น 39% ในปี 09 - ML ปรับ BBL จาก 132.6 เป็น 153.5(Buy) ....................

-SCB CS แนะนำ Buy TP@120 เลือกเป็น Top Picks........

-KBANK ROE สูง 14% มองอีก 2-3 ปี เพิ่มเป็น 16-17% ราคาหุ้นเทรด 1.7-1.8 เท่าของบุ๊ก ต่ำกว่าอดีตที่เทรด 1.9 เท่า - JPM ปรับ เป็น 126(Buy) ปรับกำไร 10-12 ขึ้นอีก +6%/+8%/+9% สินเชื่อโตโดดเด่นจาก SME และรายย่อย(บ้าน)+NIM ขยายจากดอกเบี้ยขึ้น........ ........

-KK XD1.25 บาท 28/4/53 รับผลบวกอุตระยนต์โตต่อเนื่อง KK-W4แปลง 19.53 บาท หมดมคปี2011........ TISCO ตีปีกรับมอเตอร์โชว์ สบช่องอีโคคาร์ปลุกกระแส ......

กลุ่มพลังงาน-ปิโตร......... พิชัย" ฟันธงควบรวมสรุป PTTAR-IRPC ก่อน คาดจบ พ.ค.นี้ ลั่นขาดทุนก้อนโตไร้ปัญหา ........PTT ถอยตั้งรับ-รอสตอรี่บ.เครือชัดเจนเรื่องการควบรวมพค53- คาดมาบตาพุดที่จะได้ข้อสรุป พ.ค.- M&A PTTAR+IRPC ก่อนสิ้น พ.ค.- การนำ Star Petroleum เข้าจดทะเบียน- การปรับราคารขาย LPG/CNG ในเดือน ส.ค.ช่วยหนุนรายได้............

-PTTEP วันนี้น้ำมันลงแรง -แต่คาดผลประกอบการปีนี้ turn around ฝรั่งปรับเป้าขึ้น CL- CITI ให้ 195/175บาท ............TOP ML ปรับ TOP จาก 49 เป็น 58.5(Buy) .........

-BCP ไทยเอ็นวีดีอาร์ เก็บหุ้น BCP เพิ่ม 0.12% - มีการกระจายความเสี่ยงด้านการตั้งเป้าเป็นผู้นำพลังงานทดแทน มีการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงงานผลิตเอทานอล และเหมืองโปแตช ..........

-IVL เข้าร่วมทุนบริษัทในยุโรป 50% ในการซื้อธุรกิจผลิต PTA-PET ในอิตาลี. - พื้นฐานแน่นปึ๊กกำไรโตต่อเนื่อง ส่วนดีลซื้อหุ้นบริษัทปิโตรเคมียุโรป จบภายในครึ่งปีแรก 1 แห่ง ส่วนอีกบริษัทสรุปช่วงครึ่งหลัง แถมเป้าหมายบริษัทภายใน 4 ปีกำไรโตอีก 2 เท่า......

กลุ่มวัสดุ ........ SSI ก.พ. ส่งมอบเหล็กรีดร้อนม้วนสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงกว่ายอดส่งมอบทั้งไตรมาส 1/52 เชื่อปีนี้กำไรโตก้าวกระโดด 6 พันล้านบาท เทียบปี'52 กำไรแค่ 1.3 พันล้าน - รับผลบวก ข้อมูลการผลิตเหล็กทั่วโลกพุ่ง ......

-SCC ฝรั่งเริ่มทยอยปรับเป้าขึ้นล่าสุด CLSA - RBS -UBS -MS - BNPP ให้เป้าหมาย 300-279-262.5-270-280 บาท และเช้านี้ MACQ ให้เป้าหมายใหม่335บาท ความกังวลธุรกิจปิโตรเคมีลดลง ขณะที่ซีเมนต์ฟื้นตัวขึ้นช่วยลดผลกระทบราคาปิโตรเคมีที่ลดลง, สาธารณูปโภคภาครัฐ.........

หุ้นน่าติดตาม
FSS:
IVL ได้ลงนามเข้าซื้อกิจการ PTA และ PET ในประเทศอิตาลี ราคาหุ้นรับข่าวระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงเปลี่ยนจาก ซื้อเก็งกำไร เป็น ถือ

Technical View : FSS
“ตลาดดีดขึ้นไปใกล้แนวต้านแล้วเริ่มมีแรงขายออกมาอีกครั้ง ถือว่าเป็นการเตือนถึงจังหวะแกว่งย้อนลงที่กำลังจะเกิดขึ้น ดังนั้นควรชะลอการเทรดดิ้งและกลับมาเน้นขายทำกำไร...เพื่อรอรับต่ำ!!”
แนวรับ : 782-780* , 776-769** , 763-757***
แนวต้าน : 793** , 796-800***


SET: ภาคเช้า ปิดที่ บวก/ลบ จุด
ภาคบ่าย ปิดที่ บวก/ลบ จุด %
มูลค่าการซื้อขาย ลบ.
MACD:
Sto:
TFEX: ปิดที่ บวก/ลบ จุด

Foreign
SET: เช้า Net Buy/Sell MB. บ่าย Net Buy/Sell MB.
Month 2 date: Net Buy/Sell MB.
TFEX: Net Long/short contracts
Month 2 date: Net Long/short contracts

Direction:

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น