MKT Code 22 : FundFlow เข้าหุ้น แต่ Short TFEX

วันพฤหัสที่ 18 มีนาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ-การเมือง
ไทยรัฐ: เงาหุ้น - ฝรั่งซื้อถล่มทลาย!!
- ดัชนีหุ้นวันที่ 17 มี.ค. 53 ปิดที่ 765.54 จุด เพิ่มขึ้น 13.34 จุด มี มูลค่าการซื้อขาย 33,676.78 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,026.06 ล้านบาท
- หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย PTT ปิดที่ 250 บาท บวก 4 บาท, PTTEP ปิดที่ 148 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท, BANPU ปิดที่ 614 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท, TCAP ปิดที่ 22.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท และ KBANK ปิดที่ 91.75 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท
- ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ชี้ว่าหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงต่อ และเป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น 1-2% จากเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาค หลังเศรษฐกิจเอเชีย ฟื้นตัวดีขึ้นมาก เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปที่เศรษฐกิจไส้ในยังมีปัญหา
- ส่วนกรณีธนาคารกลางสหรัฐฯประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0-0.25% ถือว่าเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จึงไม่น่ามีผลต่อตลาดมากขึ้น
- สำหรับปัญหาการเมืองภายในประเทศ แม้ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม แต่คาดว่าไม่น่ามีเหตุรุนแรงใดๆที่ทำให้กังวล
- ทั้งนี้ มองแนวโน้มตลาดระยะสั้น ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ เพราะประเมินว่าเม็ดเงินต่างชาติยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง แต่นักลงทุนต้องระมัดระวังและให้จับตาทิศทางการลงทุนของต่างชาติประกอบด้วย หากต่างชาติส่งสัญ-ญาณขายออกมาก็ต้องระมัดระวังการลงทุน
- แนะกลยุทธ์การลงทุน ระยะสั้นให้เทรดดิ้ง ขึ้นขาย-ลงซื้อ
- ด้านเทคนิค ประเมินแนวรับไว้ที่ 755 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 775 จุด
- ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส มองทิศทางตลาดอยู่ในเชิงบวก โดยได้แรงหนุนจากเงินลงทุนต่างชาติ สะท้อนได้จากค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นมาก เพราะนักลงทุนคลายความกังวลปัจจัยการเมือง
- แนะกลยุทธ์การลงทุน หากนักลงทุนที่มีหุ้นในมืออยู่แล้ว ให้ "ถือต่อเพื่อรอจังหวะขายทำกำไร" ส่วนผู้ที่คันไม้คันมือเหมือนจะเป็นไข้ ถ้าไม่ได้ซื้อ ให้ใจเย็นๆ รอหาจังหวะเข้าซื้อช่วงราคาหุ้นอ่อนตัว เพราะช่วงที่ผ่านมาขึ้นแรง เหลือเกิน
By...อินเด็กซ์ 51

EfinanceThai: ลุ้นบาทแข็งแตะ 31.50 บ. หนุนหุ้น เม.ย. แรงได้อีก
ค่าเงินบาททุบสถิติแข็งค่าอีกครั้ง หลังวานนี้ปิดที่ 32.33 - 32.36 บาท/ดอลล์ ขณะที่วันก่อนหน้าแข็งค่าสุดรอบ 21 เดือนแตะระดับ 32.46 บาท/ดอลล์ ระบุเม็ดเงินลงทุนต่างชาติเป็นกลไกหลักทรงอิทธิพลขับเคลื่อนตลาดเงินและตลาดหุ้น วงการแนะจับตาสิ้นปีนี้ มีสิทธิ์แตะ 31.50 บาท/ดอลล์ เชื่อดันตลาดหุ้นเดือน เม.ย.นี้ พุ่งจากเดือน มี.ค.อีก 4% ชี้หุ้นนำเข้าและมีหนี้นอกได้ประโยชน์ ส่วนหุ้นส่งออกอาจเจ็บตัว ระบุกลุ่มเหล็ก และพลังงานน่าสน ส่วนรายตัวแนะ TVO - TRUE - TT&T - GSTEEL

ฟินันเซีย ไซรัส: ชี้ค่าบาทแข็งค่าสุดรอบ 21 เดือน ต่างชาติกระหน่ำซื้อ
- หุ้นเดือน เม.ย.มีโอกาสขึ้นต่อจาก มี.ค. อีก 4% ปัจจุบันหุ้นที่ laggards ได้แก่ KBANK, SCB, PTTEP, TOP, IRPC, PTTCH, AOT, AP, LPN

เคจีไอ: เผยบาทแข็ง เม็ดเงินนอกไหลเข้าลงทุนตลาดหุ้น เหตุได้กำไรจากส่วนต่างราคาบนกระดาน และได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยน

KBANK: ชี้ค่าบาทแข็งต่อเนื่อง จับตาสิ้นปีนี้มีสิทธิ์แตะ 31.50 บ.

ดีบีเอส: ฟันธง TVO - TRUE - TT&T - GSTEEL ได้ประโยชน์จากบาทแข็งโป๊ก
- ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทดังกล่าวเป็นลบกับบริษัทฯ ที่มีการส่งออกสุทธิสูง เช่น กลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์, ธุรกิจเกษตรส่งออก รองลงมาเป็นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ขณะเดียวกัน จะเป็นบวกกับบริษัทฯ ที่มีการนำเข้าวัตถุดิบสูง เช่น TVO และบริษัทฯ ที่มีหนี้ต่างประเทศที่ยังไม่ทำประกันความเสี่ยง เพราะทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เช่น TRUE, TT&T, GSTEEL เป็นต้น

คันทรี่ กรุ๊ป: ระบุตั้งแต่ต้นปีนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 3% แนะหุ้นเหล็ก - พลังงาน น่าเล่น
สำหรับหุ้นที่มีความน่าสนใจในช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่ามากพอสมควร ได้แก่ หุ้นกลุ่มเหล็ก และกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะที่นำเข้าน้ำมัน เพราะจะได้ต้นทุนที่ต่ำมาก และหุ้นการบินไทย เพราะได้รายรับเป็นสกุลเงินต่างประเทศเป็นส่วนหญ่

เอเซีย พลัส: เตือน นลท. ระวังความเสี่ยงฝรั่งขายทำกำไรปลายสัปดาห์นี้ถึงสัปดาห์หน้า หากค่าบาทเข้าสู่ระดับ 32 บ./ดอลล์

แม้ว่าในระยะกลาง Fund Flows จะยังคงมีแนวโน้มไหลเข้าต่อ โดยจุดที่จะทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจจะชะลอการนำเข้าในระยะกลาง หรือ มีความเสี่ยงจากการไหลออก คือ เมื่อเงินบาทแข็งค่าเข้าสู่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์ หรือแข็งค่าราว 4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดที่เคยเกิดขึ้นในอดีต (ในรอบ 10 ปี พบว่า Fund Flow ที่ไหลเข้าทำให้ค่าเงินบาท แข็งค่า 5 ครั้ง ระหว่าง 4%-20%) ประกอบกับในช่วงปลายเดือน มี.ค. – พ.ค. ของทุกปี นักลงทุนต่างชาติก็มักมีสถานะซื้อมากกว่าขายอีกเช่นกัน

Comment Broker
FSS: เน้นขายตามแนวต้าน ถ้าเล่นสั้นต้องเร็ว เลือกเฉพาะ Laggards โอกาสที่ Flow จะเข้าต่อเนื่องยังมี และถ้าเป็นเช่นนั้นโอกาสที่เป้าหมายของ SET จะขยับไปที่ 780 – 800 จุดก็มีเช่นกัน เมื่อคิดจากอัตราผลตอบแทน 7% จากต้นทุนของต่างชาติที่ 725 จุด หรือคิดจากค่าเงินบาทที่ควรจะเป็นที่ 32.50 บาท เป้าหมายของ SET รอบนี้จะอยู่ที่
บริเวณ 780 จุด อย่างไรก็ตาม ณ ระดับ SET ปัจจุบันเราเน้นขายตามแนวต้าน ถ้าจะเล่นสั้น ต้องเร็ว และเลือก Laggards เท่านั้น ในกลุ่มแบงก์ตัวที่ Laggards ที่สุดคือ TCAP รองลงมาคือ KBANK และ SCB ส่วนกลุ่มพลังงานตัวที่ laggards ที่สุดตอนนี้คือ PTTCH, PTTAR กลุ่มอสังหาฯ

หุ้นน่าติดตาม
TCAP
ปันผลงวดครึ่งหลังปี 52 0.60 บ 19/4/53 คาดรับรู้กำไรปีละ2พันล้าน จากการซือ้SCIB ทำให้ประหยัดต้นทุนเงินฝากและผลบวกจากการ cross selling กลายเป็นธนาคารที่ใหญ่1ใน5 ประสิทธิภาพการดำเนินงานดีขึ้น -กินปันผลกว่าพันล. .........

Technical View : FSS
“แม้ว่าจะยังมีลุ้นขยับขึ้นต่อเนื่องได้ แต่ต้องเริ่มระวังแรงขายกดกลับเพราะการขยับห่างเส้นต้นทุนเฉลี่ยมากๆ เป็นความเสี่ยง ดังนั้นควรเริ่มชะลอการเข้าซื้อ และมองหาจังหวะขายทำกำไรดีกว่า...”
แนวรับ : 757-753** , 744-734***
แนวต้าน : 768-770** , 775***

SET: ภาคเช้า ปิดที่ 767.06 บวก 1.52 จุด +0.20%
ภาคบ่าย ปิดที่ 759.02 ลบ -6.52 จุด -0.85 %
มูลค่าการซื้อขาย 27,523 ลบ.
MACD: เริ่มแดงเป็นวันแรก
Sto: %K น้อยกว่า %D เป็นวันแรก
TFEX: ปิดที่ 537.60 ลบ -2.90 จุด

Foreign
SET:
เช้า Net Buy300MB. บ่าย Net Buy 3,234MB.
Month 2 date: Net Buy 27,811 MB
TFEX: Net Short -236 contracts น้อยกว่าเมื่อวาน
Month 2 date: Net Long+2,880 contracts ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง
Direction: ระวังแนวต้านที่ 770

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น