Code 105 : ปรับเป้าจาก Triple Top 808 ลงสู่ 804 ก่อน

วันพุธที่ 30 มิถุนายน 2553

ATT Code : ปรับเป้าจาก Triple Top 808 ลงสู่ 804 ก่อน
จากที่เมื่อวานคาดหวังว่า SET น่าจะไป Triple Top ที่ 808 แต่ก็มีแรงถล่มหุ้นจีนเพื่อที่จะนำเงินไปซื้อหุ้น หุ้น Agbank ที่กำลังจะ IPO มูลค่ากว่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ และธนาคารยุโรปต้องจ่ายคืนหนี้ให้กับ ECB จำนวน 5. 4 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้ต้องปรับเป้า จากแนวต้านที่ 808 ลงมาสู่ Triple Top ที่ 804 ก่อน แต่จากแรงซื้อกลับคืนของต่างชาติเมื่อวานนี้ ที่ตอนเช้า NET Sell 380 ล้าน กลับใจมา Net Buy 400 ล้าน ทำให้ต้องคิดว่าเพราะเหตุใด จึงเปลี่ยนใจกลับมาซื้อ ทั้งๆ ที่ทางยุโรปก็ไม่ค่อยดี แต่ยังไงก็ต้องถ้ายึดทางเทคนิดเป็นหลัก ก็คงต้องดูตามเส้นแนวรับแนวต้านต่างๆ ดีกว่า เพราะราคาหุ้นนั้นได้ซึมซับข่าวไปหมดแล้ว

ส่วนในเช้าวันนี้ ตลาดต่างประเทศอยู่ในแดนลบกันท่วนหน้า 1-2% แต่ SET กลับลบแค่ 4.55 จุด หรือ 0.57% ลงมาที่ 794 ใกล้แนวรับที่เส้น 5 วัน ที่ 795 แล้วก็สามารถเด้งผ่านแนวต้านเส้น 5 วัน ที่ 797 กลับมาสู่ 800 จุด ได้ ถือว่าผิดคาดเอามั้กๆ แต่วันนี้ก็ลุ้นเป้า Triple Top ที่ 804 กันก่อนว่าจะฮึดไหวมั้ย

Double Top 804
28/6/53 = 804.40
29/6/53 = 804.45
30/6/53 = 800.28 (11.40 น.)
สุดท้ายปิดตลาด SET ก็ไม่สามารถทดสอบแนวต้านที่ 804 ได้ แถมยังหลุด 800 ลงมาอีกด้วย มาปิด 797.31จุด - 1.78 จุด อยู่ที่เส้น 5 วัน ที่ 797-798 ดังนั้นวันศุกร์คงต้องเปลี่ยน Concept ใหม่ ให้เป็นการทดสอบแนวรับใหม่อีกครั้ง ที่ 794 จุด
----------------------------------------------------------------------------------
FSS
***ตลาดฯ ร่วมกับ TISCO นำ 10 บริษัทไปโรดโชว์ที่ลอนดอน กลาง ก.ค. นี้มี BAY, BBL, CPALL, CPF, CPN , MINT, PTT, RATCH, TISCO, TOP

ตัวเศรษฐกิจเดือน พ.ค. ที่ ธปท. เพิ่งประกาศ พบว่า:–
- (-) การท่องเที่ยวเฉพาะในพื้นที่ กทม.และภาคกลางได้รับผลกระทบเต็มที่
- (-) ภาคการผลิตถูกกระทบเพราะการขนส่งทำได้ลำบาก (การผลิตเพื่อส่งออกขยายตัวได้ แต่การผลิตเพื่อบริโภคในประเทศหดตัว)
- (-) การใช้จ่ายของภาคเอกชนลดลงเล็กน้อย
- (+) การส่งออกขายตัวดีมาก
- (+) การลงทุนขยายตัวดี
จากตัวเลขในเดือน พ.ค. กลุ่มที่น่าสนใจมากคือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ เพราะเป็นกลุ่มเดียวใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งที่สุด สอดคล้องกับการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ (เพื่อมาผลิต) ในเดือน พ.ค. ก็เพิ่มขึ้นถึง 146% Y-Y
หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับยานยนต์มีตั้งแต่ผู้ผลิตรถ ผลิตล้อรถ (ยาง) ชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ในรถ สินเชื่อเช่าซื้อรถ ได้แก่ SAT (TP=20), STANLY (TP=150), AH, IHL, KCE (TP=10), STA (TP ก่อนเพิ่มทุน 111 บ หลังเพิ่มทุน 87 บ), TRUBB, BAT-3K, CWT, GYT, HFT, IRC, TRU, AH, YNP, TISCO, KK

นอกจากนี้ กลุ่มเกษตรก็น่าสนใจ ดัชนีราคาสินค้าเกษตรเพิ่มอย่างต่อเนื่องและเพิ่มถึง 29% Y-Y ในเดือน พ.ค. สินค้าที่ราคาเพิ่มมากได้แก่ข้าว ยาง มันสำปะหลัง ข้าวโพด ผลปาล์มสด กุ้ง สำหรับหุ้นในกลุ่มนี้เราแนะนำ CPF (TP=24), GFPT (TP=10.7), TVO (TP=23), TUF (TP=45, under review), CFRESH (TP=5.80), ASIAN (TP=4.40)
----------------------------------------------------------------------------------



ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงอีกกว่า 2.6% เมื่อคืนนี้ จากความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะแนวโน้มการขาดสภาพคล่องมากกว่า 1 แสนล้านยูโรในระบบการเงิน จากการที่ธนาคารในยุโรปต้องชำระคืนเงินกู้ฉุกเฉินวงเงิน 4.42 แสนล้านยูโร หรือ 5.455 แสนล้านดอลลาร์ ในวันพฤหัสนี้

ดัชนี S&P500 ดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน โดยวานนี้ปิดลดลง 33.33 จุดหรือคิดเป็น -3.10%

ดัชนี VIX Index ซึ่งวัดความวิตกของนักลงทุน ขยับพุ่งขึ้น22% สู่ระดับสูงสุดของวันที่ 35.39 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของเดือน มิ.ย.นี้ด้วย

วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติมีการซื้อขายน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นเงินไหลเข้า ยกเว้นตลาดหุ้นไต้หวันที่เป็นขายสุทธิ ทั้งนี้อาจเป็นผลสืบเนื่องจากมีหุ้น Agbank ที่กำลังจะ IPO มูลค่ากว่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ และธนาคารยุโรปต้องจ่ายคืนหนี้ให้กับ ECB จำนวน 5. 4 แสนล้านดอลลาร์พร้อมกันในวันพฤหัสบดีนี้

แนวโน้ม Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติน่าจะไหลออกเนื่องจากตลาดเต็มไปด้วยปัจจัยลบ และสภาพคล่องตึงตัวจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น

ราคาน้ำมัน NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ดิ่งลงต่ออีก 2.31ดอลลาร์หรือคิดเป็น 2.95% มาปิดตลาดที่ 75.94
ดอลลาร์/บาร์เรล หลังคลายกังวลเรื่องพายุโซนร้อนอเล็กซ์แต่กลับมากังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกแทน

ราคาทองคำส่งมอบเดือน ส.ค. ที่ตลาด COMEX ปิดกลับมาบวก 3.80 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,242.40 ดอลลาร์/ออนซ์

BDI ปิดที่ 2447 จุด ลบอีก 35 จุด

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
30 มิย.53 ( -5.31 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

แกว่งตัว 795 – 801 เพื่อรอปรับตัวลง 786 – 788 จุด
ภาพจากนี้ไป ดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบประมาณ 795 – 801 จุด และเป็นการแกว่งตัวรอบๆเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง

จากนั้น ภาพระยะหนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อแถว 786 – 788 ใกล้จุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้ว ... และ“อาจจะ” ใช้ระยะเวลาอีกสักพักแกว่งตัวในกรอบ 786 – 804 ?? .... เพื่อรอการปรับตัวลงต่อไปแถว 770 – 773 จุด ซึ่งเป็นบริเวณแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน

----------------------------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้ 30/06/53
ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 799.09 จุด -5.31 จุด High 804.45 จุด low 794.68 จุด......แนวรับ 790-786 // 780 จุด แนวต้าน 800-808 // 812-820 จุด......PE SET 12.48 เท่า.........สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งซื้อ 409.26 ล้าน กองทุนซื้อ 453.03 ล้าน…........โบรกเกอร์ ที่ net buy CS 1035, TNS 268, PHATRA 202, KSEC 133 และ UOB 118……...โบรกเกอร์ที่ net sell BLS -484, KEST -391, MACQ -299, ASP -295 และ CLSA -146........TFEX SET50 ปิดที่ 550.01 จุด -5.13 จุด.......S50U10 ปิดที่ 544.90 จุด -8.10 จุด .... high 551.50 จุด low 541.40 จุด OI 17,158 …….......status futureวานนี้ Foreign net SHORT 20 - Fund net SHORT 539 - Retail net LONG 559.............ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ ปิด -268.22 จุด….ยุโรปปิด -2 ถึง -3%........ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.25 น. NIX -204.13 จุด, HSKI -192.70 จุด, TWSE -126.55 จุด, KOSPI -21.68 จุดและ SHCOMP -23.81 จุด ......ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า +13 จุด.......ค่าเงิน - เงินบาท 32.43…เงินเยน 88.60……..COMODITY.... น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ส.ค. ปิดที่ 75.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล -2.31 ดอลล์.....ค่าการกลั่น 3.99 ดอลล์.......ทองคำ COMEX วานนี้ปิดที่ 1242.40 เหรียญ +3.80 ดอลลาร์......BDI ปิดล่าสุดอยู่ที่ 2447 จุด -35 จุด ….. ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดล่าสุดที่ 1743.00 ดอลลาร์ต่อตัน -137.0 ดอลล์
สินค้าเกษตร...ราคาตลาดจริง (หน่วย : บาท/ กก.) ….ข้อมูลจาก WEB Site ของ AFET (www.afet.or.th)
ราคาประมูลยางแผ่นรมควันชั้น 3 (29/06/10) Hatyai A.M. 113.03 บ. -2.90 บ. // FOB.BKK 118.35 บ. -0.75 จุด
ราคาข้าวขาว 5% (29/06/10) 13.38 บ. +0.03 บ.
ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 (29/06/10) 28.95 บ. +0.10 บาท

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-โยกซื้อหุ้นจีน!!

ดัชนีตลาดหุ้นวันที่ 29 มิ.ย.53 ปิดที่ 799.09 จุด ลดลง 5.31 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 22,855 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 409.26 ล้านบาท

ฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ ระบุว่า สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นไทยและเอเชียปรับตัวลดลง เพราะนักลงทุนส่วนหนึ่งได้ขายหุ้นออกมาเพื่อถอนเม็ดเงินลงทุน เตรียมไปจองซื้อหุ้น IPO ของธนาคารเพื่อการเกษตรของจีน (Agriculture Bank of China) ที่เตรียมที่จะระดมทุนกระจายหุ้น คาดว่าจะมีการกำหนดราคา IPO สัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ มองแนวโน้มตลาดว่าน่าจะฟื้นตัวได้บ้าง จากแรงซื้อของกองทุน และนักลงทุนสถาบันเพื่อแต่งตัวเลขปิดงวดบัญชีไตรมาส 2 แต่แรงกดดันจากการขายหุ้นเพื่อนำเงินไปจองซื้อหุ้นแบงก์เพื่อการเกษตรของจีน น่าจะทำให้ดัชนีไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 800 จุดขึ้นไปได้

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้เลือกซื้อหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 จะออกมาดี เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดผันผวน โดยแนะนำหุ้นแบงก์ เช่น BBL กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น LPN และ PS

มีข่าวตลาดหลักทรัพย์ร่วมลงนามกับ กบข. และสมาคมบริษัทจัดการลงทุนในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อเพิ่มทางเลือกลงทุน "Employee's Choice" สำหรับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ กบข. โดยส่งเสริมการเลือกรูปแบบลงทุนที่เหมาะสมกับตนเอง และกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวหาความรู้เรื่องการลงทุน เพื่อผลตอบแทนที่มากขึ้น

"จรัมพร โชติกเสถียร" เผยว่า การผลักดันให้นายจ้างที่จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ กบข. มีนโยบายการลงทุนมากกว่าหนึ่งแบบสำหรับสมาชิก หรือ Employee's Choice มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้พนักงาน หรือลูกจ้างที่มีอายุต่างกัน และมีความต้องการในการลงทุนที่ต่างกัน มีโอกาสเพิ่มทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น เพราะการมีนโยบายการลงทุนเดียวอาจไม่ตอบสนองต่อลูกจ้างได้ทั้งหมด

ขณะที่ "โสภาวดี เลิศมนัสชัย" เลขาธิการ กบข.ระบุว่า ตั้งแต่เดือน ก.ค.53 เป็นต้นไป กบข.จะให้สมาชิกเลือกแผนการลงทุนเองได้ โดยออกแบบ แผนการลงทุนให้เลือก 4 แผน คือ แผนตลาดเงิน มีระดับความเสี่ยงต่ำสุด ลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ที่มีกำหนดไม่เกิน 1 ปี, แผนตราสารหนี้ ลงทุนในตราสารหนี้ทั้งระยะสั้นและยาว เน้นผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินฝาก, แผนหลัก เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงไม่น้อยกว่า 60% โดยสมาชิกที่ไม่ประสงค์เลือกแผนการลงทุนใด กบข.จะบริหารเงินออมตามแผนนี้ และแผนสุดท้ายคือ แผนผสมหุ้นทวี ลงทุนในตราสารทุนหรือหุ้นมากขึ้น ซึ่งมีระดับความเสี่ยงสูงสุด แต่มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากที่สุดเช่นกัน!!

FSS: ยังทยอยเลือกหุ้นเข้ารับได้ เพื่อรอลุ้นขายทำกำไรเมื่อตลาดดีดขึ้นรอบใหม่...!
แนวโน้ม:
ความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกกลับมากดดันความมั่นใจของนักลงทุนอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปรับตัวลดลงกันว่า 2% เมื่อคืนวานนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เปิดทำการด้วยการปรับตัวลงกันกว่า 1% ด้วย ทั้งนี้ความกังวลหลักๆ มาจากการที่ธนาคารในยุโรปจะต้องชำระคืนเงินกู้ฉุกเฉินวงเงิน 4.42 แสนล้านยูโร หรือ 5.455 แสนล้านดอลลาร์ ในวันพฤหัสนี้(1 ก.ค.) ทำให้นักลงทุนวิตกต่อปัญหาการขาดสภาพคล่องในระบบการเงินโลก จึงเริ่มถอยออกจากสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ รวมถึงตลาดหุ้นด้วย ซึ่ง FSS คาดว่า SET เช้านี้ก็น่าจะปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค และมีแนวโน้มที่จะไหลลงไปใกล้ๆ กับจุดต่ำสุดในรอบที่ผ่านมาแถว 790-786 จุดอีกครั้ง และอาจจะหลุดต่ำกว่าลงไปแถว 780-778 จุดได้ด้วย อย่างไรก็ตามเรายังคาดว่าการปรับตัวลงของ SET ในช่วงนี้จะเป็นเพียงระยะสั้นก่อน และยังมีโอกาสที่จะกลับมาฟื้นตัวกลับขึ้นมาหาเป้าหมายแถว 800-820 จุดได้อีกครั้งในช่วงต้นเดือน ก.ค. ทั้งนี้แรงซื้อของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ก็ยังมียอดซื้อสุทธิสลับเข้ามาเป็นพักๆ ให้เห็น ซึ่งคาดว่ามาจากอิทธิพลการแข็งค่าของเงินหยวน จึงถือว่าตลาดปรับลงช่วงนี้ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก
กลยุทธ์: เลือกหุ้นเข้ารับเป็นรายตัว เพื่อลุ้นเทรดดิ้งขึ้นไปขายทำกำไรเมื่อตลาดแกว่งขึ้นอีกครั้งได้อยู่ โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ DTAC, KK, TMB, BBL, KBANK, KH, TTW, PDI, LST, HANA, QH, BECL, TSTH, ESSO เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
-กลุ่มอสังหาฯ แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2H10 และทั้งปี 2010 ยังไปได้ดี
แม้จะมีภาวะความไม่สงบทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา โดยคอนโดมีเนียมราคา 1-3 ล้านบาทเป็นยังเป็นที่นิยมเป็นอันดับหนึ่งในตลาด รองลงมาเป็นทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยวตามลำดับ LPN และ PS มีการดำเนินงานสอดคล้องกับแนวโน้มดังกล่าว โดย LPN เป็นผู้นำคอนโดมีเนียมราคากลาง-ล่าง และ PS เป็นผู้นำตลาดทาวน์เฮาส์ราคากลาง-ล่าง และรุกเปิดโครงการคอนโดมีเนียมเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ซึ่งจะเน้นทำเลในเมืองและใกล้รถไฟฟ้าเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม LPN เต็มมูลค่าไปแล้ว เราแนะนำให้เปลี่ยนมาลงทุนใน PS ที่ยังมี Upside 14% จากราคาเป้าหมาย 20.20 บาท
-ครม.ต่อมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน ผลการประชุม ครม.วานนี้มีมติให้ต่อมาตรการค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า รถไฟ รถเมล์ฟรี ออกไปอีก 6 เดือน จนถึงสิ้นเดือน ธ.ค.2553 และเห็นชอบขยายเวลาการตรึงราคาก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีสำหรับภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมออกไปอีก 6 เดือน จนถึงเดือน ก.พ. 2554 ส่วนค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือ ค่าเอฟที ให้คงไว้ในระดับปัจจุบันถึงสิ้นปี 2553
-CPF เราปรับประมาณการกำไรปีนี้เพิ่ม 9% และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 24 บาทจากเดิม 20 บาท คาดกำไร 2Q10 เติบโตสูงถึง 31% Q-Q และ 32% Y-Y จากราคาเนื้อสัตว์ที่สูงขึ้น ขณะที่ธุรกิจในต่างประเทศ (19% ของยอดขายรวม)ก็เติบโตดีเช่นกันในขณะที่บริษัทล็อคราคาข้าวโพดไว้พอใช้ถึงเดือน ส.ค. นี้ และกากถั่วเหลืองพอใช้ถึงเดือน พ.ย. นี้ ทำให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นใน 2Q10 จะสูงเป็นประวัติการณ์ -TAPAC-W1 เข้าเทรดวันนี้ ประเมินมูลค่าได้ 0.73 บาท เป็นวอร์แรนท์ที่แจกให้ผู้ถือหุ้นเดิมฟรีในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมได้ 1 TAPAC-W1 โดยวอร์แรนท์มีอายุ 3 ปี อัตราส่วนการใช้สิทธิคือ 1 TAPAC-W1 ซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ในราคา 2.30 บาท/หุ้น ใช้สิทธิได้ครั้งแรกคือ 31 ม.ค. 2554 (6 เดือนนับจากเข้าตลาด) และใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 31 พ.ค. 2556 เราประเมินมูลค่า TAPAC-W1 ตามทฤษฎีได้เท่ากับ 0.73 บาท/หุ้น (อ้างอิงจากราคาแม่ 2.70 บาท)

ข่าวภายในประเทศ
-ตลท.โรดโชว์หุ้นเด่น
‘จรัมพร’ ชู ‘บจ.’ แกร่ง หุ้นใน SET100 ปันผลต่อเนื่อง 3 ปี เฉลี่ย 4% ตลท. จับมือ ทิสโก้ และ ดอยช์แบงก์ ดันท็อปครีม 10 บจ.ไทยโรดโชว์อังกฤษ 12-13 ก.ค.นี้ อาทิ BBL, BAY, TISCO, PTT, RATCH, TOP, CPALL, CPN, CP, MINT มาร์เก็ตแคปรวม 1.2 ล้านล้านบาท เรียกความเชื่อมั่นมาลงทุนหุ้นไทย ด้าน “จรัมพร” มั่นใจสินค้าดีของไทยมีอีกมาก หลังพบ 70 บริษัทใน SET100 จ่ายปันผลต่อเนื่อง 3 ปี เฉลี่ย 4% สูงกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ส่วนกองทุนที่เข้าฟังข้อมูลมีเม็ดเงินลงทุนในตลาดอาเซียนสูงถึง 4 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-06-2010)
-PS พรีเซล 2 หมื่นล้านเชียร์ซื้อเป้า 21.30 บาท PS แรงดีไม่มีตก Q2 ยอดขายทะลักสูงสุด 11,000 ล้านบาท ทำนิวไฮรอบ 17 ปีอีกครั้ง นับแต่ตั้งบริษัทมา ดันยอดขายสะสมครึ่งปีแรกพุ่งแตะ 20,000 ล้านบาท พร้อมแบ็กล็อก 23,000 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดวงการอสังหาฯ “ประเสริฐ” มั่นใจรายได้ปีนี้ตามนัด 24,000 ล้านบาท โบรกฯเชียร์ซื้อเป้า 21.30 บาท ปรับประมาณการกำไรปีนี้เพิ่มขึ้น 9% มาที่ 4.12 พันล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-06-2010)
-TRUBB น่าเก็บแนวต้าน 9 บาท หุ้นพื้นฐานแกร่ง TRUBB มีสภาพคล่องมากขึ้นหลังแตกพาร์บาท และถึงจะแขวน XD โบรกฯมองราคาล่าสุด วานนี้แม้ราคาปรับลงจากราคาปิดก่อนหน้าที่ 11.50 บาท ก็จัดว่าราคาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับราคาที่น่าจะปรับลงมาที่ 7.15 บาท หลังจ่ายปันผลเป็นหุ้น จำนวน 5 หุ้นเดิมได้ 3 หุ้นใหม่ โดยจากสัญญาณทางเทคนิคลุ้นแนวต้าน 9 บาท เชื่อพื้นฐานธุรกิจเติบโต (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-06-2010)
-RS-SPORT แจ่มรับบอลโลก บอลโลกดันรายได้ท่วมหุ้นสื่อ RS งบสปอนเซอร์เข้าเป้า “เฮียฮ้อ” การันตี 550 ล้านบาท ดันงบไตรมาส 2 หรูแน่ ขณะที่ SMM แก้มปริลูกค้าแห่ลงโฆษณาทะลักเฉียด 100% ด้าน SPORT งาบรายได้อีก 70 ล้านบาท หนังสือพิมพ์ อีเวนต์ งานทีวีโต ฟาก MCOTBEC รับอานิสงส์ตามติด (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-06-2010)
-LOXLEY ปันผล 5.4% หุ้นต่ำบุ๊ค – เป้า 2.30 บ. “ล็อกซเล่ย์” ข่าวดีเพียบ รอบิ๊กบอสตัดสินใจล้างขาดทุน เพื่อจ่ายเงินปันผล คาดปี’53 ปันผล 0.10 บาท หรือไม่ต่ำกว่า 5% ส่วนคดีหวยออนไลน์มีสิทธิ์ชนะ หลังดีเอสไอถอนออกจากบอร์ด วันที่ 7 ก.ค.นี้ กองสลากฯรายงานบอร์ดล็อกซเล่ย์ เรียกค่าเสียหาย 3 พันล้านบาท จากความล่าช้าของโครงการ พบราคาหุ้นต่ำมากเมื่อเทียบกับพื้นฐานบริษัท แถมราคาบุ๊คอยู่ที่ 2.30 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-06-2010)
-NWR จ่อคว้างานโรงไฟฟ้ามาเลย์ ครึ่งปีหลังลุยประมูลงานใหม่ 3.5 หมื่นล้านบาท NWR จ่อเซ็นสัญญาสร้างโรงไฟฟ้าในมาเลเซีย มูลค่า 3,000 ล้านบาทราวเดือนก.ค.นี้ ดันงานใหม่ในมือทะลุ 4,000 ล้านบาทตามเป้าที่ตั้งไว้ ลุ้นได้งานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินร่วมกับ “ซิโน-ไทย” ส่วนครึ่งปีหลังเดินหน้าเข้าประมูลงานกว่า 3-3.5 หมื่นล้านบาท หวังได้งานไม่ต่ำกว่า 10% ดันผลงานทั้งปีแจ่ม โบรกฯมองพื้นฐานดีจากรายได้ที่ขึ้นใน อนาคต ขณะที่แผนลดจำนวนหุ้น ทำให้มีโอกาสจ่ายปันผลได้อีกครั้ง แนะซื้อราคาเหมาะสมก่อนลดทุน 0.48 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-06- 2010)
-DRT ทุ่ม 480 ล้านขยายสายผลิตที่ 10 DRT ทุ่ม 480 ล้านบาท ขยายสายการผลิตที่ 10 ไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ด กำลังผลิต 72,000 ตัน หลังสายการผลิตที่ 9 เดินเครื่องผลิตเต็ม 100% ปรับสัดส่วนสินค้าไม้สังเคราะห์เพิ่มเป็น 40% ลดส่วนกระเบื้องหลังคาเหลือ60% “อัศนี” ชี้ตลาดไม้สังเคราะห์มีโอกาสเติบโตสูง คาดทยอยรับรู้รายได้จากสายการผลิตใหม่ครึ่งหลังปี 2555 ปีละ 300-500 ล้าน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-06-2010)
-คลังปรับตัวเลขศก.เกิน 6% มั่นใจลงทุนเอกชนพุ่งเกิน 10%-ธปท.โดดหนุนคลัง สศค.ปรับเป้าจีดีพีปีนี้โตเกิน 6% จากเดิม 4.5% ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกฟื้นเร็วเกินคาด ส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวสูง ขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนกลับมาขยายตัวที่ 10.2% ต่อปี จากปีก่อนที่หดตัวถึง -12.8% ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือปัญหาการเมืองและหนี้ยุโรป ด้าน ธปท. หนุนคลัง มั่นใจจีดีพีปีนี้ขยายตัวดี (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 30-06-
2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ไทยรัฐ - หุ้นมะกันรูดเกือบ270จุด-น้ำมันลด


นักลงทุนผิดหวังข้อมูลเศรษฐกิจ ฉุดดัชนีหุ้นสหรัฐดิ่งลงเกือบ 270 จุด ส่วนราคาน้ำมันดิบ ลดลง 2.31 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 75.94 ดอลลาร์สหรัฐฯ...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ นักลงทุนผิดหวังทั้งข้อมูลเศรษฐกิจในจีนที่อาจเกิดการชะลอตัว ขณะที่ในยุโรปก็มีความวิตกกังวลจากการผละงานประท้วงของชาวกรีซที่ไม่พอใจแผน รัดเข็มขัดของรัฐบาล รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐในเดือนพฤษภาคม ลดลงกว่า 10 จุด ไปอยู่ที่ระดับ 52.9ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดิ่งลง 268.22 จุด หรือ ลดลง 2.65% ไปปิดที่ 9,870.30 จุด แนสแดคปิดที่ 2,135.18 จุด ลดลง 85.47 จุด หรือ ลดลง 3.85% และเอสแอนด์พีลดลง 33.33 จุด หรือลดลง 3.10% ไปปิดที่ 1,041.24 จุด ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคมปีที่แล้ว

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 2.31 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3% ไปปิดที่ 75.94 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจยุโรปปรับตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. หลังเศรษฐกิจโลกฟื้น ความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปปรับตัวดีขึ้นเหนือความคาดหมายในเดือน มิ.ย. หลังจากที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้น และเงินยูโรที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค คณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริหารและผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจใน 16 ประเทศที่ใช้เงินยูโรปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 98.7 จุด
จากระดับ 98.4 จุดในเดือนพ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าความเชื่อมั่นจะลดลงแตะ 98.1 จุด ทั้งนี้ เงินยูโรอ่อนตัวลงมาแล้ว 15% ในปีนี้ ส่งผลให้ สินค้าของยุโรปในต่างประเทศมีความได้เปรียบมากขึ้น ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกก็เป็นไปอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-06-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐ รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 52.9 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 62.8 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 62.7 จุด (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-06-2010)
จีน: ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจีนเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 5 เดือน บ่งชี้ศก.ชะลอตัว สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.ของจีนขยับตัวขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งเป็นระดับที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 5 เดือน ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของจีนปรับตัวขึ้นน้อยกว่าที่เพิ่มขึ้น 1.7% ตามรายงานเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลกระทบให้ตลาดหุ้นจีนเผชิญช่วงขาลง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-06-2010)
จีน: สภาหอการค้าอียูเผยรบ.จีนแทรกแซงตลาดมากไป ชี้ส่งผลต่อความน่าดึงดูดใจด้านการลงทุน สภาหอการค้าสหภาพยุโรปในจีนชี้การดำเนินธุรกิจในประเทศจีนถูกปกคลุมด้วย บรรยากาศการค้าที่ไม่เป็นธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากรัฐบาลมักยื่นมือเข้าแทรกแซงตามอำเภอใจซึ่งทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่ขาดความน่าดึงดูดใจในการดำเนินธุรกิจ ผลสำรวจจากบริษัทยุโรป 500 แห่งในจีนระบุว่า 36% เชื่อว่านโยบายของรัฐบาลจีนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาขาดความเป็นธรรม ขณะที่มีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากขึ้นมองว่า สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงในอนาคต (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-06-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้เผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.พุ่งเกินคาด 21.5% บ่งชี้ศก.สามารถต้านวิกฤตหนี้ยุโรปได้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้รายงานในวันนี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 21.5% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 20.8% เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการ ส่งออกนั้น สามารถต้นทานผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปได้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 30-06-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

Code 104 : ทดสอบ 808 ครั้งที่ 3....จะผ่านมั้ย???

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน 2553

ATT Code : ทดสอบ 808 ครั้งที่ 3....จะผ่านมั้ย???
วานนี้ต่างชาติซื้อตอนเช้า 600 ล้าน แต่ช่วงบ่ายกลับเป็น Net Sell 500 ล้าน ซะงั้น โดยเช้านี้ 3 ตลาดหลักในเอเซีย คือ SSEC และ HSKI ยังอยู่ในแดนลบ 0.60% 0.90% แต่ NIX อยู่ในแดนบวก 0.60% ทำให้เช้านี้ Sentiment ในแดนลบของ HSKI กดดันให้ SET เปิดมาลบประมาณ 3 จุด เปิดที่ 801.10 จุด โดยวันนี้ในดูแนวต้านที่ SET จะไปทดสอบ 808 จุด ในครั้งที่ 3 นี้ จะผ่านได้หรือไม่???
Oh...My God??? เปิดบ่าย ลบไป 7 จุด ลงมาที่ 796 ตาม HSKI ที่ลบ ไป 450 จุด ทำให้ SET หลุดแนวรับที่เส้น 5 วัน ที่ 797 ลงมา และก้ต้องดูว่าจะหลุดแนวรับ 10 วัน ที่ 794 หรือไม่???
ภาคบ่าย SET ปิดที่ 799.09 จุด -5.31 จุด สามารถยืนหหนือเส้น 5 วัน ที่ 798 ได้ ถือว่าฉิวเฉียดมั้กมั้ก เรียกว่าหายใจรดต้นคอกันเลย แต่แนวโน้มพรุ่งนี้ไท่ทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จากที่ Djia Future -120 และยุโรปก็ลบ 2% กว่า ก็ให้ดูแนวรับ10 วัน ที่ 794 เหมือนเดิม
ASP daily : กลยุทธ์การลงทุน
ดัชนีอาจติดแนวต้าน 805-810 จุด มีปัจจัยกดดันรอบด้าน
1. หุ้นถ่านหินถูกกดันหลังจีนให้ตรึงราคาขาย (BANPU)
2. Moodys’ ลด rating PTT, PTTEP และ
3. ในไทยเจอโรคเลื่อน คือ การเปิดซองราคาก่อสร้าง รถไฟฟ้าสีน้ำเงินสัญญา 1 และ 2 อาจเลื่อนเป็นปลายสัปดาห์ รวมถึง
4. กทช. อาจเลื่อนการออกใบอนุญาต 3.9G ไปในครึ่งหลังของเดือน ก.ค. นี้
กลยุทธ์การลงทุนยังแนะนำซื้อ/ถือหุ้นที่เติบโตจากเศรษฐกิจในประเทศ ธ.พ. (KBANK, SCB, TCAP) อสังหา/ก่อสร้าง (PS, LH, STEC, SYNTEC) สื่อสาร (ADVANC, DTAC)
***นี่อาจเป็นสาเหตุทำให้หุ้นร่วง***
CHINA
:หุ้น IPO AgBank ถล่มตลาดหุ้นจีนปิดทรุด 4.3% ทำนิวโลว์ 14 เดือน -รอยเตอร์
CHINA:นักลงทุนจับตาหุ้น IPO แบงก์ยักษ์ AgBank ขณะแห่เทขายหุ้นอื่น -รอยเตอร์
--------------------------------------------------------------------------------
STRATEGIC MOVE
ปรับหมากกลยุทธ์ ภาคบ่าย
จีนร่วงกราวรูด คาด SET บ่ายอาจลงถึง 790 จุดก่อนฟื้นมาปิดแถว 797 จุดอีกครั้ง เวลาแบบนี้ ต้องเก็บของถูกโดยเฉพาะ KBANK, SCB และถือต่อไปกับ ADVANC, DTAC, PS, LH, STEC, SYNTEC, SCC, CPF ส่วน S50M10 ให้ Rollover หน้า Long ไปยัง S50U10 ภาพ SET ราย 5 นาที ณ เวลา 12.30 น. ที่มา : Bloomberg, ฝ่ายวิจัย ASP
สำรวจตลาด :
■ แรงกดดันจากเซี่ยงไฮ้และฮั่งเสง ทำให้บรรยากาศของ SET ที่ตอนแรกยังดูดีและสดใส ต้องพลิกมาเป็นแย่ทันตาเห็น โดยดัชนีในช่วงเช้าปิดตัวติดลบไปกว่า 2.91 จุดด้วยปริมาณการซื้อขายเขย่าขวัญกว่า 1.07 หมื่นล้านบาท
■ อิทธิพลการปรับร่วงแรงของเซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้ บอกได้คำเดียวว่าไม่ธรรมดา เพราะช่วงเช้าดัชนีหุ้นในเอเชียหลายๆ ตัวยังปรับบวกกันสดใส (นิเคอิปิดช่วงเช้า บวกไป 0.5% KOSPI ของเกาหลีช่วงเช้าสามารถปรับเพิ่มขึ้นไปได้กว่า 0.4%) แต่พอจีนเปิดตลาดปุ๊บ กระแสข่าวมาตรการการควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์ที่จะกลับมาอีกครั้ง ได้ทำให้ตลาดเกิด Panic Sell และดึงให้ เซี่ยงไฮ้ร่วงกราวรูดกว่า 4% และที่สำคัญลงคนเดียวไม่ว่า แต่นี่เล่นลากเอาหุ้นทั่วเอเชียร่วงตามกันไปด้วย ฮั่งเสงล่าสุดเละไป 2% นิเคอิปิดร่วง 1.27% และอื่นๆ ที่ร่วงตามอีกมากมาย
■ การปรับรูดแรงกว่า 4% ของเซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้ ได้ทำให้ดัชนีลงไปยังจุดต่ำที่สุดในรอบปี ซึ่งถือได้ว่าเป็น Sentiment เชิงลบที่ย่ำแย่มาก เนื่องจากดัชนีได้ลงไปต่ำถึง 2,442 จุด ซึ่งต่ำกว่าแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 2,476 จุด แรงกดดันมหาศาลระดับนี้ ไทยแลนด์แดนออฟม็อบ คงไม่สามารถที่จะหลีกหนีผลกระทบไปได้ และคาดว่าช่วงต้นของครึ่งบ่าย SET น่าจะตกใจตามจนร่วงไปถึง 790 จุด อย่างไรก็ตามเชื่อว่า SET จะตั้งสติได้และถูกไล่ขึ้นอีกครั้งจนอาจมาปิดที่ 797 จุด
■ ช่วงเวลา SET ย่อถือได้ว่าเป็นจังหวะดีที่จะเข้าเก็บของถูกโดยเฉพาะ กลุ่มแบงก์ที่ยัง Under Perform เมื่อเทียบกับใน SET ในขณะที่กลุ่มเล็กๆ อื่น Out Perform SET ไปกันหมด จุดที่น่าสนใจก็คือ ตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. SET ปรับเพิ่มขึ้นไปแล้วกว่า 7.3% แต่กลุ่มพลังงาน และแบงก์ ซึ่งมี Market Cap รวมกันแล้วมีมากถึง 60% ของ SET กลับปรับเพิ่มขึ้นไปเพียง 2.1% และ 5.9% เท่านั้น นั่นก็หมายความว่า กลุ่ม
อื่นๆอีก 40% ต้องปรับเพิ่มขึ้นมหาศาลถึงจะดึงให้ SET ขึ้นไปได้ถึง 7% (เกษตร ขึ้น กว่า 20% อาหาร 11.7 อสังหา 13% ยานยนต์12.8% อิเล็ก 17% สื่อสาร 11%) ดังนั้นจะเห็นได้ว่า กลุ่มแบงก์ ยังถือว่าถูกมาก และโดยเฉพาะเดือนหน้าจะเป็นฤดูกาล Preview Earning ของกลุ่มแบงก์ ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการจะออกมาดีเกินคาด ก็น่าจะเป็นเหตุให้กลุ่มแบงก์กลับมาให้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน :
■ เรื่องของจีน แม้จะมีผลกระทบบ้างแต่นี่ประเทศไทย เพราะฉะนั้นลงมาก็เก็บ โดยเฉพาะของดีราคาถูกมากอย่าง KBANK, SCB, ส่วน
STEC, SYNTEC, ADVANC, DTAC, PS, LH, CPF, SCC ยังถือต่อไปได้
■ ทำการ Rollover จาก Long ใน S50M10 ไปเป็น Long ใน S50U10 ซึ่งคาดว่าแนวรับที่ 540 จุดน่าจะเอาอยู่
--------------------------------------------------------------------------------
CHINA:หุ้น IPO AgBank ถล่มตลาดหุ้นจีนปิดทรุด 4.3% ทำนิวโลว์ 14 เดือน -รอยเตอร์
ตลาดหุ้นจีนปิดดิ่งลง 4.3% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนในวันนี้ขณะที่ภาวะสภาพคล่องตึงตัวในตลาดทำให้นักลงทุนต้องขายหุ้นเพื่อไปจองซื้อหุ้นที่เสนอขายต่อสาธารณชนครั้งแรก (IPO) ของอะกริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟไชน่า (AgBank) ซึ่งอาจจะเป็นหุ้น IPO มูลค่าสูงสุดของโลกจนถึงขณะนี้ ทั้งนี้ ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ปิดที่ 2,427.1 ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2009 ตลาดหุ้นจีนยังคงเป็นหนึ่งในตลาดที่ปรับตัวได้ย่ำแย่ที่สุดในโลกในปีนี้โดยทรุดลงแล้ว 22% ในไตรมาสนี้ และ 26% นับตั้งแต่ต้นปีนี้
CHINA:นักลงทุนจับตาหุ้น IPO แบงก์ยักษ์ AgBank ขณะแห่เทขายหุ้นอื่น -รอยเตอร์
ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงทรุดตัวลงในช่วงวันนี้ โดยมีแรงถ่วงจากการที่ นักลงทุนถอนเม็ดเงินออกจากตลาดเพื่อรองรับการจองซื้อหุ้นในการเสนอขายต่อ สาธารณชนครั้งแรก (IPO) ของอะกริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟ ไชน่า (AgBank)

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นจีนปิดดิ่งลง 4.3% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงทรุดลงกว่า 2% ในช่วงบ่าย โดย ณ เวลา 14.53 น. ตามเวลาไทย ดัชนีฮั่งเส็งรูดลง 511.60 จุด หรือ 2.5 % อยู่ที่ 20,215
แหล่งข่าวกล่าวว่า AgBank อาจกำหนดราคา IPO ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ในระดับที่ต่ำกว่าราคา IPO ในตลาดหุ้นฮ่องกง หลังจากทางธนาคารกำหนดกรอบ ราคาสำหรับการทำ IPO ในจีนต่ำกว่าในฮ่องกง เนื่องจากความต้องการซื้อหุ้นของนักลงทุนจีนอยู่ในระดับต่ำกว่าในฮ่องกง

ทั้งนี้ AgBank ถือเป็นธนาคารขนาดใหญ่แห่งสุดท้ายจากจำนวน 4 แห่ง ของจีนที่เปิดขายหุ้นต่อสาธารณชน โดย AgBank เป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 3 ของจีน มีสินทรัพย์ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ และมีลูกค้ากว่า 350 ล้านราย ซึ่งสูงกว่าจำนวนประชากรทั้งหมดในสหรัฐ

การทำ IPO สองตลาดในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อระดมทุนราว 2.02 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าการทำ IPO ของธนาคารอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ของจีนที่ระดับ 2.19 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2006 ซึ่งถือ เป็นสถิติสูงสุดสำหรับการทำ IPO นอกจากว่าจะมีการใช้สิทธิตามออปชั่นในการ ซื้อหุ้นส่วนเกิน ซึ่งจะส่งผลให้ขนาดการทำ IPO ของ AgBank เพิ่มขึ้น 15 %
--------------------------------------------------------------------------------
เซียนหุ้น ชี้ BANPU อาจถูกกดดันระยะสั้น หลังจีนมีนโยบายกำหนดเพดานราคาถ่านหิน คาดราคาอาจหลุดต่ำกว่า 600 บ.อีกครั้ง

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล. เอเซียพลัส ประเมินว่า เนื่องจากรัฐบาลจีนต้องการควบคุมเงินเฟ้อในประเทศมิให้สูงเกินไป (ล่าสุดเงินเฟ้อในจีนเท่ากับ 3.1%) ล่าสุดจึงได้ออกมาตรการควบคุมราคาถ่านหินในประเทศ โดยจะกำหนดราคาเพดานสูงสุด (Ceiling price) ด้วยการอ้างอิงราคาขายในตลาด ในขณะนั้น โดยการกำหนดช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเช่น 3 หรือ 6 เดือน แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังมิได้มีการกำหนดรายละเอียด แต่นั่นหมายความว่าเป็นการจำกัดโอกาสการปรับขึ้นของราคาถ่านหินในประเทศจีน จะกระทบต่อผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายถ่านหินในจีน โดยเฉพาะ BANPU ปัจจุบันได้ลงทุนธุรกิจถ่านหินในจีน 2 แห่ง (ผ่านบริษัทย่อย 2 แห่ง คือ Danning ถือหุ้น56% และใน HEBI 40%) มีกำลังการผลิตรวม 3.2 ล้านต้น หรือ
คิดเป็นราว 12.3%ของกำลังการผลิตถ่านหินของ BANPU ทั้งหมด 26 ล้านตัน (23 ล้านตันที่เหลืออยู่ในประเทศอินโดนีเซีย)

BANPU: Phatra cut TP 6% to 734 on lower coal price assumption in China
FSS-BANPU: รัฐบาลจีนร้องขอเจ้าของหมืองถ่านหินในประเทศตึงราคาถ่านหิน เพื่อป้องกันเงินเฟ้อ - กระทบกำไรไม่มาก Maintain BUY TP Bt750
*News: www. China.org.cn รายงานข่าวรัฐบาลจีน หรือ The National Development and reform Commission (NDRC) ได้ร้องขอให้ผู้ผลิตเหมืองถ่านหินในประเทศตึงราคาถ่านหินในประเทศไม่ให้สูงไปมากกว่า เพื่อปัองการเงินเฟ้อ เนื่องจากราคาถ่านหินเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดค่าไฟ ซึ่งโรงไฟฟ้ากว่า 75% ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง
*Comments: ข่าวนี้มีมาตั้งแต่ พฤหัสบดีที่ผ่านมาแล้ว
*หากผลการควบคุมราคาถ่านหินในประเทศทำให้ต้องมีการปรับลดราคาถ่านหินก็จะส่งผลกระทบกต่อกำไรของ BANPU ที่ทำธุรกิจเหมืองในจีนที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 28% ของกำไรสุทธิของ BANPU
*ดังนั้นหากราคาถ่านหินในจีนปรับลงประมาณ 5% ก็จะกระทบต่อกำไรสุทธิของ BANPU ประมาณ 2.5% เท่านั้น และเรายังคงประมาณการไว้เช่นเดิม
*นอกจากนี้หากพิจารณาความเป็นไปได้ที่ราคาจะปรับลงนั้นมีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าในจีนขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้จีนยังต้องนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ประกอบกับราคาถ่านหินในตลาดจรของจีนอยู่ที่ 760-800 หยวนต่อตัน(112 -118 ดอลลาร์/ตัน) ยังสูงกว่าราคาตลาดภูมิภาค( BJI) ที่ 99.55 ดอลลาร์/ตัน
*ยังคงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 750 บาท/หุ้น

----------------------------------------------------------------------------------
ASP - ประเด็นวิเคราะห์:
• ไม่อยากเชื่อ ก็ต้องเชื่อ เมื่อ SET พลิกกลับขึ้นมาได้อย่างหน้าตาเฉย จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2553 จะลงมาทำ...อะไรเนี่ย ATT-Code : ถูก ถูก....อ่านแล้ว...เห็นด้วยอย่างมาก
• ก่อนหน้าวันที่ 24 มิ.ย.2553 ฝ่ายวิจัยได้ออกบทวิเคราะห์เทคนิค ทั้งรายวัน สัปดาห์ และรายไตรมาส และวางเป้าว่า SET จะขึ้นไปนู่น 810, 820 และ 838 จุด แต่แล้วอยู่ๆ วันที่ 24 มิ.ย.2553 ดัชนีก็ปรับหักหัวทิ่มลงต่ำกว่า 800 จุด จนลึกถึง 793 จุด สิ่งที่เกิดขึ้นฝ่ายวิจัยยอมรับว่า เหนือความคาดหมายและทำให้หวั่นใจอยู่พอสมควร แต่ด้วยหลายๆ เหตุผล จึงทำให้ฝ่ายวิจัยยังคงเสียงแข็ง และเชื่อว่า ดัชนีในวันที่ 25 มิ.ย.2553 จะกลับมาที่ 794 จุด (ดัชนีในวันที่ 25 มิ.ย.2553 ปิดที่ 793.67) และดัชนีในวันที่ 28 มิ.ย.2553 จะขึ้นมาที่ 800 จุดอีกครั้ง (ดัชนีในวันที่ 28 มิ.ย.2553 ปิดที่ 803 จุด)
• ตอนนี้ดัชนี Recover กลับมาแล้ว และทำให้อิทธิพลที่เกิดจาก Black Candlestick เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2553 เริ่มจางหายลงในทางเทคนิค ดัชนีส่งสัญญาณสำหรับรอบนี้ครบ 3 ประการแล้ว อันได้แก่ ย่อ (24 มิ.ย.) รับ (25 มิ.ย.) ฟื้น (28 มิ.ย.) รูปแบบที่เกิดขึ้น อาจทำให้ดัชนีฟื้นต่อ และไปทดสอบ 809 จุด อย่างไรก็ตามด้วยปริมาณการซื้อขายที่มีไม่มาก อาจทำให้ช่วงต้นดัชนีน่าจะค้างอยู่ในกรอบ 802-809 จุด
สรุป : ช่วงต้น Volume ยังบาง ทำให้ผ่าน 809 จุดลำบาก แต่เชื่อว่าไม่นาน SET น่าจะตี 809 จุดขึ้นมาได้

--------------------------------------------------------------------------------
ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวอยู่ในด้านบวกเกือบจะตลอดทั้งวัน ด้วยแรงซื้อในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับผู้บริโภค รวมถึงหุ้นยาสูบ ก่อนที่จะมีแรงขายกดดันในช่วงท้ายตลาดจากแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลงเนื่องจากตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของพายุโซนร้อนอเล็กซ์ ทำให้ DJIA ปิดตลาดเป็นลบ 5.29 จุดหรือคิดเป็น 0.05%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเกินคาด ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลก็เพิ่มขึ้นด้วย

วานนี้กระแสเงินทุนจากต่างชาติยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมภาคเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แต่ปริมาณไม่มากนัก ส่วนใหญ่ขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้และไต้หวัน ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นผลมาจากผลการประชุมจี 20 ออกมาไม่ได้สร้างความมั่นใจในการลงทุน เนื่องจากนโยบายการคลัง เพื่อรัดเข็มขัดของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน และต้องใช้เวลาพิสูทธ์

แนวโน้มกระแสเงินทุนจากต่างชาติน่าจะชะลอตัว เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ค่าเงินยุโรอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐมาอยู่ที่ 1.22 ดอลลาร์/ยูโร

สำหรับค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 32.38 บาท/ดอลลาร์ ดังนั้นวันนี้การซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศยังชะลอตัวเช่นวานนี้

ราคาน้ำมัน NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับตัวลดลง 0.61ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 78.25 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีการคาดการณ์ว่าพายุโซนร้อนอเล็กซ์จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก

ราคาทองคำส่งมอบเดือน ส.ค. ที่ตลาด COMEX ปิดร่วงลง17.60 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,238.60 ดอลลาร์/ออนซ์

BDI ปิดที่ 2482 จุด ลบอีก 19 จุด

--------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
29 มิย.53 ( +10.73 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338
ไม่น่าเกิน 807 - 809 จุด
*ในกรณีปรับตัวขึ้นต่อ ดัชนีสามารถขึ้น ต่อได้แถว 807 – 809 ใกล้จุดสูงสุดเดิมของ สัปดาห์ที่แล้ว
*อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหลักของตลาดยังคงมีโอกาสปรับตัวลง โดยมีเป้าหมายแรกระยะสัปดาห์บริเวณ 769 – 772 จุด ซึ่งเป็นบริเวณแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน
*จากนั้น ภาพระยะเดือน กค. ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงแถว 730 – 740 จุด ตาม เป้าหมายในเครื่องมือ Point & Figure

--------------------------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้ 29/06/53
ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 804.40 จุด +10.73 จุด High 804.40 จุด low 798.12 จุด......แนวรับ 800-796 // 790-786 จุด แนวต้าน 808-812 // 820-840 จุด......PE SET 12.56 เท่า.........สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งขาย 504.96 ล้าน กองทุนซื้อ 766.12 ล้าน…........โบรกเกอร์ ที่ net buy CS 460, JPM 412, KEST 235, ASP 189 และ UBS 119……...โบรกเกอร์ที่ net sell BLS -451, TNS -325, SCBS -244, DBSV -174 และ KGI -108........TFEX SET50 ปิดที่ 555.14 จุด +7.51 จุด.......S50M10 ปิดที่ 557.20 จุด +9.50 จุด .... high 558.00 จุด low 544.00 จุด OI 9,075 …… S50U10 ปิดที่ 553.00 จุด +8.20 จุด high 553.60 จุด low 547.20 จุด OI 15,180..............status futureวานนี้ Foreign net LONG 421 - Fund net SHORT 230 - Retail net SHORT 191.............ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ ปิด -5.29 จุด…..….ยุโรปปิด +1 ถึง +1.5%........ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.30 น. NIX +55.82 จุด , HSKI -139.19 จุด , TWSE +53.31 จุด, KOSPI +4.21 จุด และ SHCOMP -5.02 จุด ......ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า +12 จุด.......ค่าเงิน - เงินบาท 32.38…เงินเยน 89.24……..COMODITY.... น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ส.ค. ปิดที่ 78.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล -0.61 ดอลล์.....ค่าการกลั่น 4.31 ดอลล์.......ทองคำ COMEX วานนี้ปิดที่ 1238.60 เหรียญ -17.60 ดอลลาร์......BDI ปิดล่าสุดอยู่ที่ 2482 จุด -19 จุด ….. ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดล่าสุดที่ 1880.00 ดอลลาร์ต่อตัน +7.0 ดอลล์
สินค้าเกษตร...ราคาตลาดจริง (หน่วย : บาท/ กก.) ….ข้อมูลจาก WEB Site ของ AFET (www.afet.or.th)
ราคาประมูลยางแผ่นรมควันชั้น 3 (28/06/10) Hatyai A.M. 115.93 บ. +0.64 บ. // FOB.BKK 119.10 บ. ไม่ ปป.
ราคาข้าวขาว 5% (28/06/10) 13.35 บ. +0.07 บ.
ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 (28/06/10) 28.85 บ. +0.17 บาท

--------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ทรีนีตี้ลุย!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 29 มิ.ย.53 ปิดที่ระดับสูงสุดของวันที่ 804.40 จุด บวก 10.73 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 17,150.91 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 504.96 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุว่า เห็นสัญญาณการกลับเข้ามาซื้อหุ้นในภูมิภาคจากต่างชาติ เพราะเศรษฐกิจเอเชียฟื้นตัวได้เร็วและแข็งแกร่งกว่าที่อื่น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวขึ้น กระตุ้นหุ้นพลังงานให้ปรับตัวขึ้นไปได้ด้วย

ฝ่ายกลยุทธ์ บล.เคจีไอ มองหุ้นไทยขยับขึ้นมายืนบวกเหนือระดับ 800 จุดได้ เพราะได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน ที่เป็นกลุ่มหลักที่ขับเคลื่อนดัชนีฯ หลังราคาน้ำมันสหรัฐฯบวกกว่า 3% สู่ระดับปิดสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ เนื่องจากมีการเตือนถึงพายุโซนร้อนที่อาจเคลื่อนตัวไปยังอ่าวเม็กซิโก

ส่วนทิศทางตลาดช่วง 1-2 วันต่อจากนี้น่าจะผันผวนเชิงบวก หากดัชนีดาวโจนส์ไม่ปรับตัวร่วงแรง โดยพบว่ามีการโยกกลุ่มมาเล่นในหุ้นพลังงานและวัสดุก่อสร้าง เช่น SCC ขยับบวกขึ้น แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ตามการคาดการณ์ผลประกอบการ เช่น BBL รวมทั้งหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีความคาดหวังว่างบไตรมาส 2 จะออกมาดีเช่นกัน แนะหุ้น LPN และ PS ด้านเทคนิคประเมินแนวต้านดัชนี ไว้ที่ 808-810 จุด

ปิดท้ายมีข่าว บล.ทรีนีตี้ เปิดกลยุทธ์ดูดนักลงทุน โดยเล็งเจาะกลุ่มนักลงทุนระยะกลางและยาวซึ่งมีเงินเย็นที่พร้อมจะลงทุน แต่ส่วนใหญ่มีปัญหาในการซื้อขายหุ้น หรือ "ติดหุ้น" ในราคาสูงและขาดทุนจำนวนมาก เพราะไม่มีเวลาติดตามตลาด ประกอบกับโบรกเกอร์หรือมาร์เก็ตติ้งที่ใช้ บริการอยู่ไม่ค่อยอัพเดทข้อมูลข่าวสารและราคาหุ้นให้ จึงทำให้ไม่ได้ขายหุ้นเมื่อมีกำไร หรือไม่ได้ "ขายตัดขาดทุน" เมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาลงหรือมีปัจจัยหรือมีข่าวที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ต้องกลายเป็นนักลงทุนระยะกลางและยาวไปโดยจำยอมหลังเห็นว่าหุ้นที่ถืออยู่มีราคาขาดทุนมาก

ดังนั้น ทรีนีตี้จึงมีกลยุทธ์ที่จะส่งข่าวสารหรือแนะนำนักลงทุนให้ซื้อและขายหุ้นในเวลาที่จะทำให้นักลงทุนมีกำไรมากกว่า เพราะที่ผ่านมาพบว่าส่วนใหญ่มาร์เก็ตติ้งจะแนะนำให้ "ซื้อ" แต่เวลาหุ้นลงกลับไม่ส่งข่าวสารหรือแนะให้นักลงทุนยอมตัดขายขาดทุน โดยเป้าหมายนอกจากนักลงทุนรายใหม่แล้วยังเป็นนักลงทุนที่มีพอร์ตลงทุนในตลาดอยู่แล้ว

ขณะที่ "วิศิษ์ องค์พิพัฒน์กุล" กรรมการบริหารทรีนีตี้ มองนักลงทุนมีโอกาสซื้อหุ้นได้ในไตรมาส 3 ที่คาดว่าตลาดจะอ่อนตัวลง เพื่อรอขายในปีหน้าที่คาดว่าจะเป็นปีทองของหุ้นไทย.

FSS :ทยอยเลือกหุ้นเข้ารับต่อเนื่องได้ แต่หลังจากนั้นต้องเตรียมมองหาจังหวะขาย!
แนวโน้ม:
แม้ว่าเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะยังปิดเป็นลบ แต่ก็เพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเกือบจะตลอดทั้งวันดัชนีดาวโจนส์สามารถเคลื่อนไหวอยู่ในด้านบวกเป็นหลักได้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลต่อผลกระทบจากกฎหมายปฏิรูปสถาบันการเงินลงไปบ้าง ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่สามารถเปิดเป็นบวก แม้ว่าจะยังขยับขึ้นในกรอบค่อนข้างจำกัด แต่ก็ถือว่าเป็นปัจจัยหนุนให้ SET มีโอกาสบวกต่อเนื่องจากแรงซื้อที่มีเข้ามาตั้งแต่ช่วงสายของเมื่อวานนี้ได้ ซึ่ง FSS คาดว่า SET มีโอกาสสูงที่จะเริ่มขยับขึ้นไปหาจุดสูงสุดเดิมแถว 808 จุดได้ และยังมีแนวโน้มที่จะผ่านขึ้นไปใกล้จุดสูงสุดของเดือน เม.ย. ที่บริเวณ 820 จุดได้ในเร็วๆ นี้ด้วย อย่างไรก็ตามเรายังมองว่าตลาดแกว่งขึ้นในรอบนี้เป็นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น จากนั้นยังมีแนวโน้มที่จะมีแรงขายกดดันให้ปรับตัวลงอีกครั้งได้ เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศยังไม่ได้แสดงท่าทีที่จะเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยอย่างชัดเจนนัก ดังนั้นเมื่อตลาดขยับบวกขึ้นต่อต้องเริ่มชะลอการเข้าซื้อ และเริ่มมองหาจังหวะขายทำกำไรด้วย
กลยุทธ์: ช่วงนี้ยังเลือกหุ้นเข้ารับเพื่อลุ้นเทรดดิ้งขึ้นไปขายทำกำไรเมื่อตลาดแกว่งขึ้นได้ แต่หลังจากนั้นให้เริ่มชะลอการเข้าซื้อ เพื่อเตรียมมองหาจังหวะขายทำกำไร โดยเฉพาะเมื่อดัชนีวิ่งขึ้นไปใกล้ 820 จุดหรือสูงกว่าต่อไป โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ DTAC, KK, TMB, BBL, KBANK, KH, TTW, PDI, LST, HANA, QH, BECL, TSTH, ESSO เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
-PTT และ PTTEP ถูกปรับลดเครดิต Moody’s ปรับลดอันดับเครดิตเรทติ้งหนี้สกุลเงินบาทของ PTT และ PTTEP เป็น A3 จาก A2 และคง Outlook เป็น Negative ขณะที่หนี้สกุลเงินต่างประเทศทั้งสองบริษัททาง Moody’s ได้ลดอันดับมาอยู่ที่ A3 ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2010 พร้อมๆ กับการลด Outlook ของประเทศไทยเป็น Negative เมื่อต้นปี แม้ข่าวดังกล่าวจะเป็น Sentiment เป็นลบกับทั้ง PTT และ PTTEP แต่เราเชื่อว่าไม่มีผลกับราคาหุ้นมากนัก เพราะเมื่อต้นปีที่หนี้สกุลต่างประเทศของ PTT และ PTTEP ถูกลดเครดิต ก็ไม่มีผลกับราคาหุ้น ส่วนต้นทุนทางการเงินของทั้ง 2 บริษัทอยู่ในระดับที่ไม่สูงนักอยู่แล้วคือ 4.7% - 5.2% และ CDS ของทั้ง 2 บริษัทก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าคู่แข่งในต่างประเทศ จึงไม่น่าเป็นกังวล เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย PTT = 305 บาท PTTEP = 175 บาท การพยากรณ์โดยสำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (NOAA) คาดว่าในปีนี้จะมีพายุ 14 – 23 ลูกในฤดูเฮอริเคน มากกว่าปีก่อน จะส่งผลให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้น
-การประชุมครม.วันนี้ ก.คลังเตรียมเสนอต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพ – ไฟฟ้า น้ำประปา รถเมล์ รถไฟ LPG เพื่อช่วยเหลือประชาชน ออกไปอีก 6 เดือนจากที่กำลังจะสิ้นสุด 30 มิ.ย. นี้เป็นสิ้นสุด 31 ธ.ค. นี้แทน เรายังไม่เห็นวาระโครงการมาบตาพุด อาจไม่ได้นำเข้า ครม. วันนี้
-บอร์ด รฟม. กำหนดเปิดซองราคารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน 1 ก.ค. นี้ ราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาในช่วงสายวานนี้แผ่วลงหลังรองผู้ว่า รฟม. ให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่สามารถกำหนดวันเปิดซองราคารถไฟฟ้าสีน้ำเงินสัญญา 1-2 ได้ แต่ในช่วงเย็นหลังปิดตลาด ผู้ว่า รฟม. ให้สัมภาษณ์ว่าบอร์ด รฟม. เห็นชอบให้เปิดซองราคาในวันที่ 1 ก.ค. นี้ เวลา 14.30 น. ซึ่งน่าจะแน่นอนแล้ว ทั้ง 2 สัญญามีผู้ผ่านคุณสมบัติ 3 รายเหมือนกันคือ CK, ITD, SN Joint venture (STEC+NWR) การเปิดซองทำในช่วงวันหยุดของตลาดฯ ดังนั้น ระวังแรงขาย Sell on fact ในวันศุกร์ด้วย
-CPALL วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติขายเงินลงทุนใน Chia Tai Enterprises International Limited (CTEI) โดย CPALL จะเปลี่ยนจากถือหุ้นกู้แปลงสภาพของ CTEI เป็นหุ้นบุริมสิทธิ 3,897.1 ล้านหุ้น และขายหุ้นทั้งหมดให้ CPH (ถือหุ้น 100% โดย CP Group) และบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยกำหนดราคาขายที่ 0.248 ฮ่องกงดอลลาร์ต่อหุ้น ข้อเสียคือการขายดังกล่าวเป็นการขายขาดทุนประมาณ 1.7 พันล้านบาท บริษัทอาจไม่บันทึกในงบกำไรขาดทุน แต่ไปบันทึกในส่วนของผู้ถือหุ้นแทน ทำให้ Book value ลดลง 0.38 บาท/หุ้น (-8%) แต่ข้อดีคือกระแสเงินสดดีขึ้นไปอีก โดยบริษัทจะนำเงินไปขยายสาขา เราคาดว่ากำไรในปีนี้ของ CPALL จะเติบโตถึง 23.8% ยังคงแนะนำซื้อโดยมีเป้าหมาย 33 บาท

FSS: ข่าวภายในประเทศ
CPF แรลลี่ยาว 25 บาทรับ Q2 กำไร 4 พันล้าน!
“อดิเรก”นำทีมผู้บริหาร แห่เก็บราคาเฉลี่ย19.51 บาท ผู้บริหาร CPF ไล่เก็บกระจายราคาเฉลี่ย 19.51 บาท “อดิเรก”นำทีมซื้อ 1.10 ล้านหุ้น เชื่อผู้บริหารมั่นใจธุรกิจโตต่อเนื่อง คาดกำไร Q2 แตะ 4,000 ล้านบาท โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เป้าหมาย 25.25 บาท ลุ้น Q2/53 กำไร 4,210 ล้านบาท เพิ่ม 224% เหตุยอดขายกุ้งดี-ราคาเนื้อสัตว์สูง ล่าสุด CPF ยังรุกเพิ่มทุนบริษัทย่อยที่
ฟิลิปปินส์ทำธุรกิจเพาะฟักลูกกุ้ง-ให้เช่าอสังหาริมทรัพย (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)
SPALI เป้าเกิน 10 บาทครึ่งแรกปันผล 30 สต. หุ้น SPALI พุ่งแรงกว่า 5% รับแรงซื้อเก็งกำไร คาด “กำไรปีนี้สวย-จ่ายปันผลสูง-เทคนิคหุ้นพุ่งไม่เลิก ลุ้นแนวต้าน 9.80 บาท” โบรกฯ เชียร์ซื้อเป้า 10.07 บาท คาดจ่ายปันผลครึ่งปีแรก 0.30 บาท/หุ้น รับดิวิเดนด์ ยีลด์สูง 7.8% ราคายังถูกพีอีต่ำกว่า 6 เท่า “อธิป” เผย 6 เดือนยอดขายพุ่ง 7,700 ล้านบาท คงเป้ายอดขายทั้งปี 15,000 ล้านบาท ทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 11,000 ล้านบาท ครึ่งปีหลังลุยเปิด 11 โครงการมูลค่าหมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)
คลังเร่ง TMB ปั้นกำไรจ่อวางเป้าขาย 3 บาท กระทรวงการคลังเร่งแบงก์ทหารไทย (TMB) ทำกำไร จ่ายปันผล ดันราคาหุ้นหลังล้างขาดทุนสะสมหมด แต่งตัวก่อนขายไอเอ็นจีหรือพันธมิตรรายใหม่ ไตรมาสสองกำไรดีเกินคาด ระบุราคาต้นทุนคลัง 3 บาทกว่า ถ้าขาย 1.6 บาท ขาดทุนมาก ดังนั้นต้องสร้างฐานราคาใหม่ก่อนขาย ด้าน “สถิตย์” ยันภายในสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุปจากไอเอ็นจี (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)
เครดิตฯอัพเกรด TCAP มองกำไรต่อหุ้นพุ่ง 54% บล.เครดิตสวิส (CS) อัพเกรด TCAP เปลี่ยนคำแนะนำจาก 'underperform' เป็น 'neutral' หลังไม่ต้องเพิ่มทุนแม้ซื้อหุ้น SCIB พร้อมชูกำไรต่อหุ้นปีนี้เติบโต 54% เปลี่ยนราคาเป้าหมายใหม่จาก 23 บาท เป็น 32 บาท ด้านธนชาตผนึกนครหลวงไทย ออกตั๋วแลกเงินพิเศษ 4 เดือน จ่ายดอกเบี้ย 1.40% ต่อปี จับลูกค้าเงินฝากรายย่อยที่มีศักยภาพการออมสูง เล็งระดมเงินจากโปรดักต์ดังกล่าว 2 หมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)
LPN ปลื้มคอนโดใหม่ขายเกลี้ยง Q2 ฟุ้งรายได้ 2.6 พันลบ. ปันผลครึ่งปีแรก 25 สตางค์ “LPN” ปลื้มคอนโดใหม่ขายดี เปิด “ลุมพินีคอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ ตึก D” ขายเกลี้ยงวันเดียวโกยยอดขายเข้ากระเป๋า 550 ล้านบาท ส่วนงบQ2 มั่นใจมาตามนัด 2,600 ล้านบาท Q3 เดินหน้าเปิดเพิ่ม 2 โครงการ มูลค่า 7,600 ล้านบาท ขณะที่ต้นส.ค.นี้เตรียมประชุมบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งปีแรก โบรกฯคาดจ่ายไม่ต่ำกว่า 0.25 บาท/หุ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)
AGE เดินหน้าซื้อเหมืองอินโดนีเซียเชื่อไม่เกิน 2 ปีได้ข้อสรุป โชว์ตัวเลขออเดอร์1แสนตัน AGE ไม่ล้มแผนซื้อเหมืองถ่านหินอินโดนีเซียเตรียมสรุปภายในปี 2555 เพื่อต่อยอดธุรกิจถ่านหิน ด้าน “สมยศ” เผยภายใน 1-2 ปีนี้ เน้นลงทุนโครงการเพื่อลดต้นทุนและขยายฐานลูกค้า โดยยอดออเดอร์ถ่านหินสูง 1 แสนตันต่อเดือน ขณะนี้แนวโน้มราคาถ่านหินมีโอกาสขยับขึ้นอีกในเดือนก.ค.นี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)
RCL พลิกขึ้นแท่นจ่าฝูงหุ้นกลุ่มเรือไตรมาส 2 ถึงจุดคุ้มทุน วิกฤติยุโรปไม่กระเทือน RCL พลิกขึ้นแท่นจ่าฝูงหุ้นกลุ่มเดินเรือ ขนส่งคอนเทนเนอร์ขาขึ้น วงการเงินลุยปรับเป็นหุ้นเด่นประจำกอง ชี้มีโอกาสเห็นจุดคุ้มทุนเร็วเกินคาด ตั้งแต่ไตรมาส 2 เริ่มพลิกกำไรทันที Q3 ธุรกิจแกร่งเน้นขนส่งในเอเชีย ไร้กระเทือนวิกฤตยุโรป ราคาหุ้นต่ำบุ๊ค ขณะที่ประธานบีเอสเอเอการันตีสิ้นปี 2553 ตลาดส่งออกสินค้าขั้นต่ำ 20% นำเข้าโตไม่ต่ำกว่า 30% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)

--------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ : หุ้นมะกันปิดลบ ฉุดน้ำมัน ลดลง90เซนต์
ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ 10,138.52 จุด ลดลง 5.29 จุด ส่วนราคาน้ำมันดิบ ลดลง 90 เซนต์ เคลื่อนไหวใกล้ 78 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล.....

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯวันที่ 28 มิ.ย.ดัชนีปรับลดลงเล็กน้อย แม้นักลงทุนจะพอใจข้อมูลการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ที่เพิ่มขึ้น 0.2% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่สัปดาห์นี้จะยังมีตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ออกมาอีก โดยเฉพาะข้อมูลการผลิตและตัวเลขตลาดแรงงาน ซึ่งคาดว่าจะยังไม่น่าพอใจนัก

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 90 เซนต์ ไปปิดที่ 77.96 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ 10,138.52 จุด ลดลง 5.29 จุด แนสแดคปิดที่ 2,220.65 จุด ลดลง 2.83 จุด และเอสแอนด์พีปิดที่ 1,074.57 จุด ลดลง 2.19 จุด.

FSS: ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ธนาคารกลางยุโรปเผยอัตราการปล่อยสินเชื่อขยายตัวเร็วขึ้นในเดือนพ.ค. ธนาคารกลางยุโรปเปิดเผยว่า อัตราการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคครัวเรือนและภาคเอกชนในยุโรปขยายตัวเร็วขึ้น ในเดือนพฤษภาคม สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ขยายตัวเร็วขึ้นเช่นกัน โดยสินเชื่อที่ปล่อยให้กับภาคเอกชนขยายตัว 0.2% ในเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลังจากที่ขยายตัว 0.1% ในเดือนเมษายน ขณะที่ปริมาณเงิน M3 ซึ่ง
ธนาคารกลางยุโรปใช้วัดอัตราเงินเฟ้อในอนาคต ปรับลดลง 0.2% ในเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่เท่ากับในเดือนเมษายน(ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-06-2010)
จีน: จีนเล็งเปิดตัวกองทุนสกุลเงินหยวน-กองทุน ETF ในตลาดหุ้นฮ่องกง จีนกำลังพิจารณาเรื่องการเปิดตัวกองทุนสกุลเงินหยวน รวมถึงกองทุน ETF ซึ่งอ้างอิงความเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์บนกระดานซื้อขาย A-Share ของจีนในตลาดหุ้นฮ่องกง ตั้งเป้ายกระดับบรรยากาศการซื้อขายในตลาดทุนให้มีเสรีภาพมากขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-06-2010)
จีน: โอบามาคาดหวังเงินหยวนแข็งค่าเร็วๆนี้ ขณะจีนไม่กล้าผลีผลาม เหตุหวั่นกระทบส่งออก ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ แสดงความหวังว่าจะได้เห็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้นในไม่ช้า นี้ ในขณะที่จีนเตือนว่ายอดส่งออกของจีนอาจได้รับผลกระทบหากมีการปรับค่าเงิน หยวน ซึ่งท่าทีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ อาจย่ำแย่ลงในปีนี้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-06-2010)
เอเชีย: แบงค์ชาติเกาหลีใต้ชี้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารในประเทศร่วงแตะ ระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือน ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารในเกาหลีใต้ในเดือนพ.ค.อ่อนตัวลงแตะระดับต่ำ สุดในรอบ 13 เดือน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่ปรับตัวลง โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยสำหรับเงินกู้ใหม่ในเดือนพ.ค.ลดลงมาอยู่ที่ 5.4% จากระดับ 5.49% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกันเดือนที่ 4 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-06-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 2.8% เหตุมาตรการกระตุ้นศก.เริ่มสิ้นสุด รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8% ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 แต่ตัวเลขดังกล่าวขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.และเม.ย.ที่ขยายตัวเกือบ 5% เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซบเซาลง อันเนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้สิ้นสุดลง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-06-2010)
--------------------------------------------------------------------------------

Code 103 : ยืน 800 ได้ มีลุ้น 820

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2553

ATT Code : ยืน 800 ได้ มีลุ้น 820
ปัจจัยสำคัญที่จะหนุนให้ดัชนีปรับตัวขึ้นคือ
1. การทยอยแข็งค่าของเงินหยวน ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินในเอเชียแข็งค่าขึ้นตาม และเป็นปัจจัยดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติให้ไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชีย แต่จะไม่มากอย่างมีนัยสำคัญอย่างน้อยจนกว่าจะพ้นเดือน ก.ค.โดยเลือก
หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินหยวนแข็งค่าเช่น และมี story เฉพาะตัว สัปดาห์นี้มี CK, CPF, IVL, PTT, PTTCH, STA, TCAP, TVO
2. ได้เห็นผลของ Stress Test
ในแบงก์ยุโรปครึ่งหลังของเดือน ก.ค.
3. ปฏิกิริยาของตลาดหลังผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ในวันที่ 4 ก.ค. นี้
ทั้งนี้ เห็นตัวอย่างได้จากสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.5% W-W ตลาดหุ้นจีน +1.6% W-W ค่าเงินในเอเชียอื่นแข็งค่าเฉลี่ย 0.2% W-W ตลาดหุ้นในเอเชียบวกเฉลี่ย 0.7% W-W มีแรงซื้อของต่างชาติในหลายตลาดได้แก่ไต้หวัน อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และไทย
4. รายงานเศรษฐกิจเดือน พ.ค. ของไทยในวันพุธ ซึ่งเป็นวันสิ้นเดือน (Window Dressing) เป็นที่จับตาว่าเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเดือน พ.ค. จะส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการลงทุนมากเท่าใด
5. เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาให้เห็นบ้างแล้ว คาดมีลุ้นดีดกลับขึ้นเร็วๆ นี้
(สรุปข่าว จากข้อมูล FSS)
6. ส่วนทางด้านเทคนิดแล้ว ถ้ายืนแนวรับที่เส้น 5 วัน อยู่ที่ 788 ได้ ซึ่งยังรักษาระดับที่ 800 ได้ ก็ทำให้ภาพยังออกมาดูดี เพราะเมื่อวันศุกร์ SET ก็ยังสามารถกลับยืนที่ 793 เหนือเส้น 10 วัน ที่ 791 อยู่ ทำให้แนวต้านแรกอยู่ที่ High ที่ผ่านมา คือ 808 และแนวต้านต่อมาที่ BB Top ที่ 816 และเป้าหมายที่ High เดิม ที่ 820

7. SET ปิดตลาดที่ 804.40 จุด +10.73 จุด SET สามารถมายืนเหนือ 800 ได้ โดยสามารถปิดเป็น High ของวันได้ด้วย ประกอบกับ STO นั้น %K ก็ตัด %D ขึ้นไปแล้ว พร้อมทั้ง MACD ก็ตัดเส้น Signal ขึ้นมาแล้ว โดยองค์ประกอบทั้ง 3 อย่างนี้ ทำให้ภาพ SET ออกมาดูดีมาก โดยแนวโน้มในวันพรุ่งนี้มีสิทธิ์ที่จะผ่านแนวต้านที่ 808 ได้ ซึ่งตลาดยุโรปที่เปิดมาก็ +1% แล้ว


----------------------------------------------------------------------------
FSS

แม้สัปดาห์ที่ผ่านมา Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติยังเป็นซื้อสุทธิ แต่มีปริมาณที่น้อยมาก อีกทั้งยังขายสุทธิต่อเนื่องในช่วงท้ายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ที่ผ่านมา FundFlow ไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคค่อนข้างมาก โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกาหลีใต้และไต้หวัน

แนวโน้มสัปดาห์นี้กระแสเงินทุนจากต่างชาติน่าจะทรงตัวหรืออาจชะลอตัวลงอีก เนื่องจากตลาดยังไม่มีทิศทางชัดเจน ความกังวลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาของเศรษฐกิจยุโรปยังไม่มีความชัดเจนมากนัก แต่อย่างไรก็ตามค่าเงินยุโรค่อนข้างนิ่งอยู่ที่ 1.23 ดอลลาร์/ยุโร ค่าเงินบาทแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

-ความกังวลต่อโอกาสที่อาจจะเกิดพายุในพื้นที่ใกล้กับอ่าวเม็กซิโก ส่งผลให้ราคาน้ำมัน NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.ทะยานขึ้นถึง 2.35 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 78.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนลงต่อเนื่อง
-ราคาทองคำส่งมอบเดือน ส.ค. ที่ตลาด COMEX ปิดพุ่งขึ้น10.30 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,256.20 ดอลลาร์/ออนซ์
-BDI ปิดที่ 2501 จุดปิดลบไปเพียง 1 จุด

--------------------------------------------------------------------------------
Indraday


หนึ่งถึงสองวันข้างหน้าปรับตัวลง 787 - 789
และมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ 787 - 802 อีกหลายวัน หรืออาจตลอดทั้งสัปดาห์ ?
เพื่อรอลง 770 เส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน
SF
ทะลุกรอบสามเหลี่ยม ระยะเดือน
ทยอยซื้อแถว 3.40 - 3.44 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 3.84 เป้าหมายสัปดาห์ขึ้นไป 4.50 - 5.50 ต่ำกว่า 3.28 ขาย

RCL
ทะลุกรอบสามเหลี่ยม ระยะเดือน
ทยอยซื้อแถว 13 - 13.30 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 14.50 เป้าหมายสัปดาห์ขึ้นไป 16.20 - 19.70 ต่ำกว่า 12.50 ขาย

--------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย

ไทยรัฐ - ทิศทางหุ้น 28/06/53
ภาวะการซื้อขายหุ้น
แนวโน้มในสัปดาห์นี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกลุ่ม จี 20 ในช่วงสุดสัปดาห์ (25-27 มิ.ย.) ความคืบหน้าประเด็นหนี้ในยุโรป ทิศทางของราคาน้ำมันและค่าเงินหยวน ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจและเงินเฟ้อโดย ธปท.และกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 786 และ 758 จุด ขณะที่ แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 810 และ 820 จุด

ภาวะตลาดเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นทรงตัว ท่ามกลางสภาพคล่องที่ยังมีอยู่มากในตลาดเงิน โดยธนาคารพาณิชย์เตรียมสภาพคล่องเพื่อรองรับการเบิกถอนเงินสดของลูกค้าในช่วงสิ้นเดือนซึ่งเป็นช่วงสิ้นงวดกลางปีด้วย ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ประเภทกู้ยืมข้ามคืนหนาแน่นทั้งสัปดาห์ที่ระดับ 1.12%

เงินบาทในประเทศ (Onshore) แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบประมาณ 1 เดือนในช่วงต้นสัปดาห์ เช่นเดียวกับทิศทางของสกุลเงินอื่นๆในเอเชียที่ได้รับแรงหนุนจากการประกาศเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเงินหยวนของทางการจีน สำหรับในวันศุกร์ เงินบาทอ่อนค่ากว่าระดับ 32.40 ก่อนลดช่วงติดลบมาปิดตลาดปลายสัปดาห์ที่ระดับ 32.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ.

บ.ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัก

ประชาชาติ :คอลัมน์ เกาะติดตลาดหุ้น-เงิน


- ตลาดหุ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแรงซื้อกลับจากต่างชาติ หลังจากที่จีนประกาศปล่อยค่าเงินหยวนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ตลาดหุ้นขึ้นขานรับข่าวในทิศทางเดียวกันทั้งภูมิภาค ดัชนีปิดวันแรก ที่ 806.07 จุด เพิ่มขึ้น 14.22 จุด มูลค่า การซื้อขาย 29,913.40 ล้านบาท
- ช่วงกลางสัปดาห์ ตลาดมีแรงเทขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานและแบงก์ แต่ มีแรงซื้อหุ้นกลางและเล็กในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อาหาร และธุรกิจการเกษตร ดัชนีปิดที่ 806.52 จุด เพิ่มขึ้น 2.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 23,347.96 ล้านบาท ท้ายสัปดาห์ ตลาดทรงตัว ดัชนีปิดที่ 793.67 จุด เพิ่มขึ้น 0.48 จุด มูลค่าการซื้อขาย 21,051.02 ล้านบาท
- สัปดาห์นี้ บล.ธนชาติคาดดัชนีมีแนวรับ 782-800 จุด แนวต้าน 800-809 จุด
- ด้านค่าเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา เปิดตลาดที่ 32.30/31 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดในสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 32.40/41 เป็นผลจากที่รัฐบาลจีนประกาศ ให้ค่าเงินหยวนเคลื่อนไหวยืดหยุ่น โดยเงินหยวนแข็งค่าขึ้น ทำให้ค่าเงินในสกุลเอเชียเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน เงินบาทขยับแตะแข็งค่าสุดในรอบสัปดาห์ที่ 32.26
- หลังจากนั้นค่าเงินเอเชียกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้ง หลังสหรัฐประกาศยอดขายบ้านประจำเดือน พ.ค. ออกมาต่ำกว่าที่คาด นักลงทุนเกิดความกังวลและกลับเข้ามาถือเงินสกุลดอลลาร์อีกครั้ง ทำให้กลางสัปดาห์ถึงท้ายสัปดาห์ เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.38 และปิดตลาดที่ 32.39/40
- สัปดาห์นี้ สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย คาดเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.25-32.60 แนะจับตาการปล่อยให้ค่าเงินหยวนแข็งค่า จะเป็นปัจจัยหลักต่อเงินลงทุนไหลเข้าภูมิภาค และส่งผลให้ค่าเงินเอเชียแข็งค่าขึ้น

FSS:เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาให้เห็นบ้างแล้ว คาดมีลุ้นดีดกลับขึ้นเร็วๆ นี้...
แนวโน้ม:
หลังสภาคองเกรสของสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับกฎหมายการปฏิรูปกฎระเบียบทางการเงิน ที่ ปธน.โอบามา พยายามผลักดันอยู่ และนักลงทุนในตลาดค่อนข้างกังวลมาก่อนหน้าว่ากฎระเบียบนี้จะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินในอนาคต แต่สุดท้ายเมื่อกฎหมายดังกล่าวผ่านสภาฯ และนักลงทุนได้ศึกษารายละเอียดแล้วก็เริ่มมั่นใจว่าไม่น่าจะส่งผลต่อกำไรของบริษัทในวอลล์สตรีทมากเท่ากับที่เคยคาดไว้เดิม จึงทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงไม่มากนัก ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ยังเปิดทำการด้วยอาการลังเล โดยเคลื่อนไหวเป็นบวก-ลบแคบๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตามเราจะพบว่า SET มีแรงซื้อกลับเข้ามาพอควรในช่วงท้ายตลาดของสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ FSS คาดว่าสัปดาห์นี้ SET มีโอกาสที่จะรีบาวด์กลับขึ้นให้เทรดดิ้งตามรอบได้ ดังนั้นอ่อนตัวยังน่ารับ เพื่อรอหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อตลาดขยับขึ้นต่อไป
กลยุทธ์: โดยหุ้นที่น่าสนใจทยอยเข้ารับ เพื่อที่จะเทรดดิ้งขึ้นไปขายทำกำไรเมื่อตลาดดีดกลับขึ้นได้นั้น ได้แก่ DTAC, KK, TMB, BBL, KBANK, KH, TTW, PDI, LST, HANA, QH, BECL, TSTH, ESSO เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
-ผลการประชุม G20 เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาปิดฉากลงโดยให้น้ำหนักกับการหาแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันก็พยายามลดการขาดดุลงบประมาณลงประมาณครึ่งหนึ่งภายใน 3 ปีเพื่อแก้วิกฤตหนี้ โดยเฉพาะหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งคาดว่าปัจจุบันน่าจะมีสัดส่วนถึงระดับ 107.7% ของ GDP โลก ที่ประชุมยังพิจารณาออกกฎกำกับการดำรงเงินกองทุนสำหรับธนาคารให้เข้มงวดขึ้น และแสดงความชื่นชมที่จีนประกาศยืดหยุ่นอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินหยวนกับดอลลาร์ ซึ่งนำไปสู่การแข่งขันด้านการค้าที่ยุติธรรมมากขึ้น
-กลุ่มรับเหมาสัปดาห์นี้ลุ้นเปิดซองราคารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสัญญาที่ 1 และ 2 มูลค่า 11,592 ล้านบาทและ 10,766 ล้านบาท ตามลำดับ ผู้ที่ยื่นซองของสัญญาที่ 1 และ 2 มี CK, ITD, SN Joint venture (STEC+NWR) อย่างไรก็ตาม คาดว่า CK และ ITD มีโอกาสสูงเพราะเป็นงานใต้ดินที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่หุ้นรับเหมาทุกตัวมีโอกาสในเก็งกำไรเท่าๆ กัน ที่สำคัญคืออย่าลืมขายหลังประกาศผล!! ความเสี่ยงสำหรับการเก็งกำไรคือการเลื่อนประมูล ซึ่งมีเว็บไซด์ประชาชาติธุรกิจแหล่งเดียวที่บอกว่าเลื่อนไปไม่มีกำหนด
-ลุ้นมาบตาพุดเข้า ครม. อังคารนี้ เพื่ออนุมัติประเภทโครงการที่รุนแรงและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หลังจาก ครม. อนุมัติ จะประกาศเป็นกฎกระทรวงเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายต่อไป ส่วนโครงการที่ไม่ได้อยู่ในประเภทดังกล่าวก็จะยื่นขอปลดล็อก ซึ่งเราคาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ใน 4Q10 นับเป็นข่าวดีกับ PTT, PTTCH, SCC
-คาดการณ์ผลประกอบการกลุ่มแบงก์ในสัปดาห์นี้ โดยรวมน่าจะลดลง ~5-6% Q-Q แต่เพิ่มขึ้น ~15% Y-Y KTB เป็นหุ้นเรามีแนวโน้มปรับประมาณการขึ้นหลังสินเชื่อขยายตัวแรงกว่าที่คาด แต่ยังคงคำแนะนำ ‘ถือ’ ส่วน Top Pick เราชอบ KBANK ขณะที่ BAY เรามีมุมมองที่แย่ลง และมีมุมมองที่ดีขึ้นกับ TCAP
-สัปดาห์นี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องจับตามองคือ 1) รายงานเศรษฐกิจเดือน พ.ค. ของไทยในวันพุธ ซึ่งเป็นวันสิ้นเดือน (Window Dressing) เป็นที่จับตาว่าเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเดือน พ.ค. จะส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการลงทุนมากเท่าใด 2) วันพฤหัสมีรายงานเงินเฟ้อของไทยเดือน มิ.ย. ซึ่งคาดว่าจะทรงถึงลงเล็กน้อย ที่สำคัญคือ 3) การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความวิตกให้นักลงทุนในเดือนก่อนจากการจ้างงาน ดัชนีมีโอกาสลุ้นทดสอบ High เดิมที่ 820 จุด เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินหยวนแข็งค่าเช่น และมี story เฉพาะตัว สัปดาห์นี้เราแนะนำ CK, CPF, IVL, PTT, PTTCH, STA, TCAP, TVO

ข่าวภายในประเทศ
TRUBB รายได้หมื่นล้านพาร์ใหม่วันนี้เกิน 12 บาท :
ไล่ซื้อหุ้นคึกก่อนขึ้น XD - ผุดโรงงานยางเส้นครึ่งหลัง TRUBB ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 25% ลุ้นรายได้ทะลุหมื่นล้านบาท ขานรับอานิสงส์ราคายางพาราสูงยืนเกิน 100 บาทต่อกิโลกรัม ตามปริมาณดีมานด์ตลาดโลกพุ่งกว่า 5%เชื่อราคาพาร์ใหม่วันนี้วิ่งเกิน 12 บาท เหตุนักลงทุนแห่ซื้อก่อนแขวนป้าย XD 29 มิ.ย.นี้ ล่าสุด “วรเทพ” เล็งทุ่ม 100 ล้านบาท ผุดโครงการขยาย โรงงานทำยางเส้น 2 แห่งภาคอีสานช่วงครึ่งปีหลัง รองรับตลาดในอนาคต (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-06-2010)
กรุงไทยลูบปากอีกรอบรับปันผลวายุภักษ์ 875 ล. 5 แบงก์พาณิชย์กรี๊ดสนั่น บลจ.เอ็มเอฟซี ยันงวดครึ่งปีปันผลวายุภักษ์ไม่ต่ำกว่า 3% แน่นอนแถมข่าวดีกองทุนใกล้อายุครบ 4 ปี มีโอกาสปันผลเพิ่มขึ้นอีก เหตุมีกำไรสะสมจนกระเป๋าตุง ด้านแบงก์กรุงไทยเช็ดปากรอ รับมากสุด 875 ล้านบาท ส่วนแบงก์ไทยพาณิชย์ 297 ล้านบาท ธนาคารที่เหลือคือ SCIB BAY และ CIMBT (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-06-2010)
AH-TSC ส้มหล่น! ฟอร์ดซื้อชิ้นส่วนมูลค่า 2.6 หมื่นล้าน ฟอร์ดจ่อเทงบ 26,000 ล้านบาท ซื้อชิ้นส่วนในประเทศรองรับโรงงานใหม่ AH-TSCTRUสายสัมพันธ์ออโต้อัลลายแอนซ์แน่น จ่อคิวได้รับงานเพิ่ม AH โชว์กำไร Q2 ขั้นต่ำ 30 ล้านบาท ฟาก TSC อ้าแขนรับงาน หลังปัจจุบันครองส่วนแบ่งชุดควบคุมสายเกิน 75% เอ็มดี TRU สั่งลุยกินแชร์วางแผนทุ่มขั้นต่ำ 300 ล้านบาท ขยายโรงงานผลิตรองรับออเดอร  (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น28-06-2010)
“คีรี”ลั่นปีนี้ BTS จ่ายปันผล “คีรี” โวปีนี้ BTS กำไรชัวร์ พร้อมจ่ายปันผลแน่นอน ระบุปริมาณผู้โดยสารกลับมาแล้ว หลังเกิดปัญหาการเมืองแถวราชประสงค์ ยืนยันผลกระทบไม่มากอย่างที่คิด แถมล่าสุดเพิ่งรับรถเพิ่มอีก 12 ขบวน มั่นใจทำผู้โดยสารกระฉูด 5-10% ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 8%เล็งเพมิ่ ทุน BTS อีก 3-5 พันล้านบาท ใน 2 เดือน เพื่อแบ่งเบาภาระหนี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-06-2010)
TRUE เตรียมรีไฟแนนซ์ ซีพีออกหน้าเจรจาแบงก์ ซีพีกรุ๊ปผู้ถือหุ้นใหญ่ TRUE ออกหน้าเจรจารีไฟแนนซ์เงินกู้นอกประเทศ งานนี้ TRUE รับ 2 เด้ง ทั้งประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าทำให้คืนหนี้น้อยกว่าเดิมกับลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของต่างประเทศสูงสุด 11% เหลือไม่เกิน 7% เทียบเรตกู้แบงก์ในประเทศ มั่นใจดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงทุก 1% ช่วยลดค่าใช้จ่ายปีละ 240 ล้านบาท บล.ภัทรยันรีไฟแนนซ์ช่วย TRUE อยู่รอด แนะซื้อราคาเป้าหมาย 4.40 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-06-2010)
MAJOR-MPIC โชว์กำไรสวยทั้งคู่ หนังทำเงินเข้าฉายเพียบ รับรู้ขาดทุน CAWOW น้อยลง MAJOR-MPIC กำไรสวยทั้งคู่ ด้านวงการชี้ MAJOR ฟาดกำไรทะลักขั้นต่ำ 100 ล้านบาท โตจากเดิมบานตะไท หนังใหญ่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทเข้าฉายเพียบ การเมืองไม่กระเทือน ได้สาขาอื่นทดแทนพารากอน แถมรับรู้ขาดทุน CAWOW น้อยลง หลังถือหุ้นเพียง 19% จ่อคิวรับรู้กำไรขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาฯอีก 188 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-06-2010)
HEMRAJ มาตามนัดฟอร์ดซื้อที่ดิน 468 ไร่รับรู้รายได้ถึงปีหน้า “HEMRAJ” ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกับ “ฟอร์ดมอเตอร์ คัมปะนี ประเทศไทย”468 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง เพื่อตั้งโรงงานแห่งใหม่ในประเทศไทย คาดจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้และปีหน้า ตามช่วงระยะเวลาการเสร็จสิ้นในแต่ละเฟสของแผนการพัฒนาโครงการของฟอร์ด มอเตอร์ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-06-2010)
ADVANC ไตรมาส 2 กำไร 4,500 ล้าน DTACฉลอง 20 ล้านเลขหมาย เชื่อกำไรปีนี้เพิ่มขึ้น 50% งบไตรมาส 2 บริษัทมือถือคาดทำรายได้-กำไรดีขึ้นจากปีก่อนถ้วนหน้า แต่ลดลงจากช่วงไตรมาสแรก หลังโดนปัจจัยโลว์ซีซั่นกระทบ ชี้ AIS ฟันกำไรได้ไม่ต่ำกว่า 4,500 ล้านบาท กลยุทธ์ลดรายจ่าย ดันนอนวอยซ์เสริมรายได้ ส่วน DTAC หาลูกค้าใหม่เข้าระบบได้ 3 แสนเลขหมาย ทำยอดรวมทะลุ 20 ล้านรายแล้ว ส่วนกำไร
เพิ่มขึ้นจากปี 2552 กว่า 50% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-06-2010)

--------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: เฟดตรึงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม ห่วงหนี้ ยูโร โซนป่วน "เฟด"คงอัตราดอกเบี้ย ห่วงปัญหาหนี้ "ยูโร โซน" กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่ "แบงก์ชาติ" ยัน ไม่ส่งผลกระทบกับการตัดสินใจเรื่องนโยบายดอกเบี้ยของไทย ชี้เศรษฐกิจแถบเอเชียเริ่มฟื้นตัว ทำให้ความจำเป็นใชดอกเบี้ยต่ำกระตุ้นเศรษฐกิจมีน้อยลง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนว่า คณะกรรมการกำกับนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ออกแถลงการณ์ ตัดสินใจตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 0-0.25 ต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยให้เหตุผลว่าเกรงภาวะหนี้สินในยุโรปหรือประเทศแถบยูโร โซน จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (ที่มา: แนวหน้า 25-06-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐปรับลดการประเมิน GDP ไตรมาสแรกปีนี้ เป็นขยายตัว 2.7% จากเดิม 3% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงาน ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัว 2.7% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 3% ต่อปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-06-2010)
จีน: ธนาคารกลางจีนแนะรัฐบาลเพิ่มช่องทางการใช้เงินหยวนเพื่อให้มีบทบาทใน ตลาดโลกมากขึ้น นายเซียะ เตา ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาตลาดการเงินของธนาคารกลางจีน และนายหลี่ เตากุย ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีน กล่าวแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมด้านการเงินซึ่งจัดขึ้นที่เซี่ยงไฮ้วันนี้ ว่า รัฐบาลจีนจำเป็นต้องเพิ่มช่องทางการใช้สกุลเงินหยวนให้กับนักลงทุนและบริษัท เอกชนให้มากขึ้น หากจีนต้องการให้สกุลเงิน
หยวนก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในตลาดโลก และควรเปิดช่องทางให้มีการทำธุรกรรมสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับเงินเยนและยู โร (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-06-2010)
เอเชีย: รัฐบาลเวียดนามคาดมูลค่าการส่งออกเดือนมิ.ย.พุ่ง 24.7% หลังราคาสินค้าตลาดโลกฟื้นตัว รัฐบาลเวียดนามคาดการณ์ว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าของเวียดนามในเดือนมิ.ย.จะพุ่งขึ้น 24.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 6 พันล้านดอลลาร์ ส่วนมูลค่าการส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 3.213 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากราคาสินค้าในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็น
ผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-06-2010)

--------------------------------------------------------------------------------

Code 102 : 3 ปัจจัย ทำให้หุ้นหลุด 800

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน 2553

ATT Code : 3 ปัจจัย ทำให้หุ้นหลุด 800
1. กลต.คุม "บล." เก็งกำไร ทำหุ้นร่วงหลุด 800 จุด หุ้นไทยร่วงหนัก หลุด 800 จุด หลังข่าวลือหนาหู ก.ล.ต.เตรียมคุมเข้ม Pop Trade ไม่ให้เก็งกำไรที่มากเกินไป ด้านสมาคม บล.ตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลเรื่องความเสี่ยงของการเทรดหุ้นของโบรกเกอร์ ส่วน ก.ล.ต.ย้ำหากบอร์ดโบรกเกอร์ไม่ดูแลมีสิทธิ์ต้องรับโทษด้วย "จารุพรรณ" ย้ำต้องการป้องกันความเสี่ยง Pop Trade เกรง ลามอุตสาหกรรม แนะทำไกด์ไลน์ของโบรกฯ เอง
2. วิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศกรีซ โปรตุเกส และสเปน
3. การเมืองภายในประเทศ
เป็น 3 ปัจจัยที่กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยหลุด 800 จุด
(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-06-2010)

-แนวรับเส้น 10 วัน อยู่ที่ 792 และแนวต้านเส้น 5 วัน อยู่ที่ 797 และตามการวิเคราะห์ของ MARKET WAVE Analysis ดัชนีไม่น่าจะขึ้นไปได้เกิน 795 –799 จุด

---------------------------------------------------------------------------

------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVEanalysis
25 มิย.53 ( -13.33 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ไม่น่าเกิน 795 – 799 จุด
ดัชนีในวันพฤหัส ปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง และต่ำกว่า 799.10 จุดต่ำสุดของวันที่ 21 มิย. ซึ่งถือเป็นสัญญาณการปรับตัวลงของตลาด

แนวโน้มระยะสั้นวันศุกร์นี้ ในกรณีปรับตัวขึ้น ดัชนีไม่น่าจะขึ้นไปได้เกิน 795 –799 จุด หรือไม่น่าจะขึ้นไปได้เกินบริเวณแนวต้านตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง

จากนั้น แนวโน้มหลักของตลาดเป็น“ขาลง” มีเป้าหมายสำหรับภาพเดือน กค. ในการปรับตัวลงบริเวณ 730 – 740 จุด ซึ่งเป็นบริเวณเป้าหมายตามเครื่องมือ Point &Figure

------------------------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้ 25/06/53

ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 793.19 จุด -13.33 จุด High 808.97 จุด low 793.19 จุด......แนวรับ 790-786 // 780 จุด แนวต้าน 800 // 808-812 จุด......PE SET 12.38 เท่า.........สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งซื้อ 902.97 ล้าน กองทุนขาย 1119.33 ล้าน…........โบรกเกอร์ ที่ net buy CLSA 418, TSC 378, MACQ 326, TNS 207 และ DBSV 181……...โบรกเกอร์ที่ net sell KSEC -465, UBS -424, PHATRA -401, CS -329 และ PST -249........TFEX SET50 ปิดที่ 547.74 จุด -10.3 จุด.......S50M10 ปิดที่ 547.00 จุด -12.30 จุด .... high 560.00 จุด low 545.70 จุด OI 13,461 …… S50U10 ปิดที่ 543.40 จุด -12.70 จุด high 557.00 จุด low 542.70 จุด OI 8,008..............status futureวานนี้ Foreign net SHORT 967 - Fund net SHORT 1388 - Retail net LONG 2355.............ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ ปิด -145.64 จุด…..….ยุโรปปิด -1.5 ถึง -2%........ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.25 น. NIX -143.58 จุด , HSKI -15.98 จุด , TWSE -79.31 จุด, KOSPI -9.01 จุด และ SHCOMP -9.71 จุด ......ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า +31 จุด.......ค่าเงิน - เงินบาท 32.43…เงินเยน 89.65……..COMODITY.... น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ส.ค. ปิดที่ 76.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล +0.16 ดอลล์.....ค่าการกลั่น 4.22 ดอลล์.......ทองคำ COMEX วานนี้ปิดที่ 1245.90 เหรียญ +11.10 ดอลลาร์......BDI ปิดล่าสุดอยู่ที่ 2502 จุด -13 จุด ….. ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดล่าสุดที่ 1875.00 ดอลลาร์ต่อตัน +45.5 ดอลล์
สินค้าเกษตร...ราคาตลาดจริง (หน่วย : บาท/ กก.) ….ข้อมูลจาก WEB Site ของ AFET (www.afet.or.th)
ราคาประมูลยางแผ่นรมควันชั้น 3 (24/06/10) Hatyai A.M. 115.69 บ. +1.06 บ. // FOB.BKK 118.10 บ. +1 บ.
ราคาข้าวขาว 5% (23/06/10) 13.15 บ. ไม่เปลี่ยนแปลง
ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 (23/06/10) 28.12 บ. +0.17 บาท

------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย

ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ตกใจหลุด 800 จุด!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 24 มิ.ย. ปิดที่ 793.19 จุด ลดลง 13.33 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 30,735.27 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติจับมือรายย่อยซื้อสุทธิ 902.96 ล้านบาท และ 590.19 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,119.33 ล้าน บาท ตามด้วยพอร์ตโบรกเกอร์ขายสุทธิ 373.83 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย PTT ปิดที่ 250.00 บาท ลดลง 4.00 บาท, CPF ปิดที่ 19.80 บาท ลดลง 0.30 บาท, STA ปิดที่ 90.25 บาท เพิ่มขึ้น 5.25 บาท, BANPU ปิดที่ 624.00 บาท ลดลง 10.00 บาท และ TCAP ปิดที่ 28.25 บาท ลดลง 1.00 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุว่า ตลาดที่ปรับตัวลดลง แรงกดดัชนีหลุดระดับ 800 จุดลงมา ทำให้บรรยากาศการลงทุนในช่วงบ่ายถูกกดดัน เพราะเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนัก ยิ่งทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลและขายหุ้นออกมา เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากนักลงทุนกลับมากังวลกับเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐฯอีกครั้ง เพราะเริ่มเห็นแรงขายออกมาในตลาดหุ้นยุโรปเช่นกัน ส่วนกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.25% ถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์

มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่าขึ้นอยู่กับข่าวสารที่เข้ามากระทบโดยเฉพาะสถานการณ์ในยุโรปและสหรัฐฯ แนะกลยุทธ์การลงทุนให้ เทรดดิ้งซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้นเพียง 50% ของพอร์ต แต่ควรเทรดดิ้งอย่างระมัดระวัง

ด้านเทคนิคประเมินแนวรับดัชนีไว้ที่ 780 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 800 จุด

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง มองแนวโน้มดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด โดยนักลงทุนอาจชะลอการซื้อหุ้นหลังดัชนีลงมาต่ำกว่า 800 จุด ทั้งนี้ต้องจับตาทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศประกอบการลงทุนระหว่างวันด้วย

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้หาจังหวะซื้อเพื่อรอขายทำกำไรในหุ้นรายตัว เช่น KTB, BBL, KCE และ RCL เนื่องจากมองว่าราคาหุ้น ยังถูก และคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวดีขึ้น

มีบทวิเคราะห์ บล.พัฒนสิน ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น Bullish หุ้นกลุ่มเกษตรและอาหาร โดยให้เหตุผลดังนี้ อุปสงค์ยังเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจและไม่ค่อยได้รับผลกระทบหากเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่อุปทานเพิ่มไม่มาก เพราะโดนภัยแล้ง อากาศแปรปรวน พื้นที่การเกษตรลดลงและมีโรคระบาด และไทยยังเป็นผู้นำในตลาดโลก ทั้งยางพารา น้ำตาล ทูน่ากระป๋อง และไก่-กุ้งแปรรูป

ที่สำคัญ ยังคาดว่ากลุ่มนี้จะมีกำไรสุทธิโตถึง 29% ในปีนี้ ขณะที่ราคาหุ้น หรือพีอียังต่ำกว่าบริษัทในต่างประเทศจึงให้ CPF GFPT เป็น TOP PICK ในกลุ่มอาหารและให้ STA KSL เป็น TOP PICK ในกลุ่ม soft commodity รวมทั้งมี TVO และ UVAN สำหรับนักลงทุนที่ชอบเงินปันผลกลุ่มอาหาร!!

FSS:ตลาดปรับลง ยังน่าหาจังหวะทยอยเลือกหุ้นเข้ารับ เพื่อรอลุ้นทำกำไรตอนดีด!
แนวโน้ม: ความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกกลับมากดดันตลาดหุ้นอีกครั้ง หลังวันก่อนเฟดปรับลดมุมมองที่มีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐช่วงหลังที่แสดงท่าทีอ่อนแอลง ส่งผลให้มีแรงขายในตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่ง FSS คาดว่า SET ก็น่าจะถูกกดดันจากปัจจัยดังกล่าวเช่นกัน นอกจากนี้ปัจจัยภายในประเทศโดยเฉพาะด้านการเมืองก็กลับมาเป็นปัจจัยลบอีกครั้ง หลังจากที่ช่วงนี้เริ่มมีการพบระเบิดบ่อยครั้งขึ้น ทำให้จากที่นักลงทุนเคยคาดหวังไว้ว่ารัฐบาลอาจจะมีการยกเลิกการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินฯ หลังจากที่ประกาศดังกล่าวจะหมดอายุในต้นเดือน ก.ค. นั้น มีแนวโน้มที่จะยังต้องใช้ต่อไป เพียงแต่อาจลดจำนวนพื้นที่ที่จะอยู่ภายใต้ พรก.ดังกล่าวลงบ้างเท่านั้น แต่สำหรับ กทม.คาดว่าจะยังต้องใช้ พรก.ฉุกเฉินฯ ต่อไป ทำให้โอกาสที่ตลาดจะยังพักตัวลงต่อเนื่องในช่วงนี้ยังเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามเรายังคาดหมายการพักตัวเพียงระยะสั้น ก่อนที่จะมีรอบรีบาวด์ขึ้นได้อีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดยกรอบดัชนีระยะนี้ยังมีสิทธิแกว่งตัวอยู่เหนือ 770 จุดและมีลุ้นดีดกลับขึ้นไปสูงกว่า 800 จุดอีกครั้งได้
กลยุทธ์: ดังนั้นตลาดปรับตัวลงช่วงนี้จึงถือเป็นจังหวะน่าสนใจทยอยเลือกหุ้นเข้ารับ เพื่อที่จะเทรดดิ้งขึ้นไปขายทำกำไรเมื่อตลาดดีดกลับขึ้นได้ในรอบถัดไป โดยหุ้นที่น่าดูจังหวะเข้ารับเพื่อเทรดดิ้ง ได้แก่ DTAC, KK, TTW, PDI, LST, HANA, QH, BECL, TSTH, TMB, ESSO เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
-ความเสี่ยงที่พึงระวัง สถานการณ์ในต่างประเทศที่ยังไม่นิ่งทำให้เราเชื่อมาตลอดว่าต่างชาติจะยังไม่เพิ่มเม็ดเงินในตลาดหุ้นเอเชียอย่างมีนัยสำคัญแม้ว่าเศรษฐกิจของเอเชียจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ความเสี่ยงสำคัญที่เรากังวลเพราะกระทบต่อ Fund flow กำลังเกิดขึ้นคือ 1. กฎหมายปฏิรูปสถาบันการเงินฉบับใหม่ของโอบามาที่มีความพยายามทำให้เสร็จก่อน 4 ก.ค. โดยได้ผ่านสภาล่างไปแล้ว ตอนนี้อยู่ที่วุฒิสภา สาระสำคัญคือห้ามไม่ให้แบงก์ทำธุรกรรมเสี่ยงเกินไปและไม่โปร่งใส อาจห้ามแบงก์ไม่ให้มี Proprietary trading (เพราะเท่ากับแบงก์นำเงินทุนมาทำให้เกิดความเสี่ยง) เป็นต้น 2. ผล Stress tests ของแบงก์ในยุโรปที่จะเสร็จสิ้นไม่เกินครึ่งหลังของเดือน ก.ค. หากแบงก์ตั้งสำรองไม่พอ จะทำให้เกิดการเพิ่มทุนส่งผลให้สภาพคล่องตึงตัว
-กลุ่มรับเหมายังอยู่เรดาร์ การเปิดซองราคารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสัญญาที่ 1 และ 2 อาจไม่ใช่วันจันทร์หน้า (28) ตามที่กำหนดเดิม แต่เชื่อว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า ซึ่งทาง รฟท. คาดว่าจะอยู่ในสิ้นเดือน มิ.ย. นี้ ปัจจุบันคณะกรรมการ รฟม. อยู่ระหว่างการตรวจสอบสัญญา 1 และ 2 ซึ่งต้องใช้เวลาในการพิจารณาอย่างละเอียด เพราะเป็นการก่อสร้างใต้ดินซึ่งมีความซับซ้อนมากกว่า ผู้ที่ยื่นซองของสัญญาที่ 1 และ 2 มีรายชื่อเดียวกันคือ CK, ITD, SN Joint venture (STEC+NWR) ทั้งนี้ CK เป็นบริษัทที่เคยทำงานก่อสร้างใต้ดินจึงถือว่ามีความชำนาญ น่าจะเป็นตัวเก็ง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ยื่นซองมีโอกาสเท่ากันทุกราย สำหรับหุ้นในกลุ่มรับเหมาที่ราคา laggard ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. คือ UNIQ (+3%) รองลงมาคือ ITD (+12%) NWR (+19%) SYNTEC (+19%) PLE (+21%) CK (+27%) ส่วนหุ้นที่ outperform สุดคือ STEC (+34%)
-BAY เรามีมุมมองที่แย่ลงและปรับเป้าหมายลงเป็น 23.70 บาทจากเดิม 26 บาท เพราะสินเชื่อโตไม่ดีเท่าที่ควร 6M10 คาดว่าจะเพิ่มเพียง 1%YTD ต่ำกว่ากลุ่มที่ขยายตัว 4%YTD นอกจากนี้ สิ่งที่น่าจะ surprise ตลาดคือ BAY มีความเสี่ยงที่จะตั้งด้อยค่าสำหรับสินเชื่อในดูไบเวิร์ลเพิ่ม มากสุดไม่เกิน 400 ล้านบาท หรือไม่เกิน 5% ของกำไรต่อปี
-LANNA ได้รับผลบวกจากเงินหยวนที่แข็งค่า ทำให้แนวโน้มราคาถ่านหินมีแนวโน้มปรับขึ้น ขณะที่อุปทานตึงตัวต่อเนื่อง LANNA มีแผนซื้อเหมืองใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าปัจจุบันเท่าตัว พร้อมกับการนำบริษัทลูกที่ทำธุรกิจเอทานอลเข้าตลาดต้นปีหน้า ราคาหุ้น LANNA ที่ laggard BANPU ทำให้ Valuation ถูกกว่า BANPU โดยมี PE 7.8 เท่า ขณะที่ BANPU มี PE 13 เท่า เราจึงแนะนำซื้อ LANNA โดยมีประเมินราคาเป้าหมาย 22 บาท

ข่าวภายในประเทศ
-ที่ประชุมผู้ถือหุ้น TMB อนุมัติให้ลดพาร์เหลือ 0.95 บาท: TMB แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวานนี้ได้อนุมัติให้ลดมูลค่าหุ้นของ ธนาคารลงเหลือหุ้นละ 0.95 บาท จากเดิม 10 บาท เพื่อนำไปล้างขาดทุนสะสม โดยธนาคารเชื่อว่าภายในไตรมาส 2 ธนาคารจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ได้จนหมดจำนวนโดยผลจากการลดมูลค่าหุ้นจะทำให้ธนาคารมีผลขาดทุนเหลือ 78 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำเอากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 1 ล้างขาดทุนในส่วนดังกล่าวได้ ในส่วนของการขายหุ้นของก.การคลังนั้น รองปลัดกระทรวงการคลังระบุว่า อยู่ในระหว่างการรอตอบกลับจาก ING ซึ่งคาดว่าจะขายหุ้นให้แล้วเสร็จภายในปี 2010 (ที่มา อินโฟเควสท์ 24/6/2010) ความเห็น: การปรับลดพาร์ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในกระดาน เป็นวิธีการทางบัญชีเพื่อให้ TMB ล้างขาดทุนสะสมและจ่ายปันผลได้เท่านั้น สำหรับการขายหุ้นของก.การคลังนั้นเป็นปัจจัยต่อราคาหุ้นจากการเก็งกำไรในราคาซื้อขายและการทำคำเสนอซื้อที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการซื้อขายจากก.คลังเสร็จสิ้นแล้ว ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 1.15 บาท แต่เราแนะนำเก็งกำไรได้จากประเด็น M&A ดังกล่าว
-HEMRAJ รับข่าวดี 2 เด้ง! ฟอร์ดลงทุน 1.5 หมื่นล้าน ตัวเลขกำไรปีนี้แจ่มแจ๋ว ราคาเป้าหมายใหม่ 2 บาท HEMRAJ รับ 2 เด้งหลัง "ฟอร์ด" ลงทุนมูลค่า 15,000 ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ที่นิคมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ลุ้นขายที่ดินเพิ่มเติมให้ซัพพลายเออร์ ที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ป้อนฟอร์ดอีกเพียบ หลังเซ็นขายที่ดินให้ฟอร์ดไปแล้ว 400 กว่าไร่ จับตา 30 มิ.ย.นี้ เล็งแถลงข่าวใหญ่ โบรกฯ แนะซื้อลงทุน เป้ากำไรสุทธิพุ่งเกิน 1 พันล้านบาท หลังบุ๊คกำไรจาก Gheco-one อีก 180 ล้านบาท ให้ราคาเป้าหมาย 1.95-2 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-06-2010)
-SSI ยอดขายกระฉูด จีนสั่งเลิกคืนภาษี 9% SSI รับเละอานิสงส์จีนยกเลิกคืนภาษีส่งออก 9% เหล็กแผ่นรีดร้อน-รีดเย็น หนุนยอดขายเพิ่มขึ้นอีกทั้งได้อานิสงส์จากอุปสงค์การใช้เหล็กโลกปี 2553 ที่คาดจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10.7% ส่งผลบวกให้ความต้องการใช้เหล็กแผ่นรีดร้อน โดยเฉพาะ ในอุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาขยายตัวอย่างมั่นคง ส่งผลดีต่อผลประกอบการในอนาคต โบรกฯ แนะเก็งกำไร ทั้ง SSI-GSTEEL-GJS (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-06-2010)
-ดีเอสไอถอนคดีหวย "ล็อกซเล่ย์" รับข่าวดี ดีเอสไอถอนคดีหวยออนไลน์ ออกจากบอร์ดคดีพิเศษ หลังจากล็อกซเล่ย์เข้าร้องเรียนกรรมการขอ ความเป็นธรรม วันนี้ประชุมบอร์ดสลากฯ เสนอเรื่องล็อกซเล่ย์ทำหนังสือเรียกค่าเสียหาย 3 พันล้าน พร้อมระบุให้ทำโครงการหวยต่อไป ด้านโบรกเกอร์มอง LOXLEY อนาคตไกลบริษัทมีแผนล้างขาดทุนสะสมปีนี้ ก่อนจ่ายปันผล ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-06-2010)
-กลต.คุม "บล." เก็งกำไร ทำหุ้นร่วงหลุด 800 จุด หุ้นไทยร่วงหนัก หลุด 800 จุด หลังข่าวลือหนาหู ก.ล.ต.เตรียมคุมเข้ม Pop Trade ไม่ให้เก็งกำไรที่มากเกินไป ผสมโรงกับวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศกรีซ โปรตุเกส และสเปน และการเมืองภายในประเทศ กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยหลุด 800 จุด ด้านสมาคม บล.ตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลเรื่องความเสี่ยงของการเทรดหุ้นของโบรกเกอร์ ส่วน ก.ล.ต.ย้ำหากบอร์ดโบรกเกอร์ไม่ดูแลมีสิทธิ์ต้องรับโทษด้วย "จารุพรรณ" ย้ำต้องการป้องกันความเสี่ยง Pop Trade เกรง ลามอุตสาหกรรม แนะทำไกด์ไลน์ของโบรกฯ เอง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-06-2010)
-MCS จ่ายปันผลครึ่งแรก 20 สต. ปรับราคาพื้นฐานใหม่ 8.82 บาท MCS จิ๋วแต่แจ๋วจ่อปันผลครึ่งแรก 0.20 บาท แม้แนวโน้มไตรมาส 2/53 ชะลอตัว จากปริมาณส่งมอบลดลง เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ขณะที่มีงานในมือกว่า 7 หมื่นตัน รองรับการรับรู้รายได้ถึงปี 2554 เตรียมส่งมอบใน ครึ่งปีแรก 2.18 หมื่นตัน โบรกฯ คาดกำไรสุทธิปี 2553 ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 552 ล้านบาท ยังคงแนะซื้อ ราคาพื้นฐาน 8.82 บาท แถมอัพไซด์ 15% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-06-2010)
-ธปท.มองแรงกดดัน เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นปี'54 ค่าบาทสู่ภาวะปกติ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อในปี'54 จะเพิ่มมากขึ้น โดยเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และแรงกดดันจากราคาน้ำมัน รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ขณะที่มองว่าเงินเฟ้อพื้นฐานในปีนี้ จะอยู่ในกรอบเป้าหมายที่วางไว้ โดยการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังของไทยช่วงจากนี้ น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-06-2010)

------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ-หุ้นสหรัฐฯร่วงกว่า140จุด นักลงทุนไม่มั่นใจเศรษฐกิจ
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯดิ่งลงกว่า 140 จุด นักลงทุนเทขาย หลังไม่มั่นใจต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ข้อมูลตัวเลขแรงงานตกงาน ยังไม่ลดลง มากนัก และยอดสั่งซื้อสินค้าก็ลดลงด้วยเช่นกัน...

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯ นักลงทุนเทขายหุ้นอย่างหนัก เนื่องจากไม่มั่นใจต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังข้อมูลระบุว่า ตัวเลขจำนวนแรงงานตกงานที่ยื่นเอกสารขอความช่วยเหลือจากทางการประจำสัปดาห์ ลดลงไม่มากอย่างที่คาด และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนที่แล้วลดลง 1.1%

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ปรับเพิ่ม 9 เซนต์ ไปปิดที่ 76.44 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 10,152.80 จุด ดิ่งลง 145.64 จุด นาสแดค ปิดที่ 2,217.42 จุด ลดลง 36.81 จุด และเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,073.69 จุด ลดลง 18.35 จุด.

FSS:
ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วกว่า 160 จุดเมื่อคืนนี้ ก่อนที่จะเริ่มแกว่งทรงตัวในช่วงท้ายตลาด โดยปิดทำการเป็นลบไป 145.64 จุด จากความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ หลังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความอ่อนแอในภาคการบริโภค และความวิตกเรื่องกฎระเบียบทางการเงินที่เข้มงวดแม้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะลดลงในสัปดาห์ล่าสุด และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนจะเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม

ตลาดหุ้นยุโรปก็ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เปิดทำการด้วยการปรับตัวลงด้วยความกังวลในปัจจัยดังกล่าวด้วยเช่นกัน

วานนี้ Fund Flow จากนักลงทุนต่างประเทศเบาบางมาก มีไหลเข้าและออกสลับกับในแต่ละประเทศ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุนการซื้อขาย นักลงทุนส่วนใหญ่รอความคืบหน้าหรือพัฒนาการใหม่จากวิกฤติหนี้ของยุโรป

แนวโน้มคาดยังทรงตัวหรืออาจยังมีการซื้อขายที่เบาบางแต่อย่างไรก็ตามแนวโน้มค่าเงินยุโรที่แข็งค่าขึ้น รวมถึงค่าเงินหยวนที่กลับมาแข็งค่าขึ้นอีก แม้ตลาดกังวลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรปอาจไม่เป็นรูปธรรมหรืออาจเป็นการซ้ำเติมตลาดหากรัฐบาลของประเทศต่างๆ ในยุโรปเริ่มถอนเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจออกไป แต่เราไม่เชื่อเช่นนั้นและคาดว่าผลการประชุมจี 20 น่าจะเห็นทางออกของยุโรปมากขึ้น

ราคาน้ำมัน NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ดีดตัวกลับขึ้นมา0.16 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 76.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนแรงอีกครั้ง

ราคาทองคำส่งมอบเดือน ส.ค. ที่ตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 11.10 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,245.90 ดอลลาร์/
ออนซ์

BDI ปิดที่ 2502 จุดเริ่มเป็นลบน้อยลงเพียง 13 จุด

ข่าวต่างประเทศ
-สหรัฐอเมริกา:
สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วลดลง 19,000 ราย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 19 มิ.ย.ลดลง 19,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 457,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 476,000 ราย ซึ่งแม้ว่าจำนวนคนว่างงานปรับตัวลดลง แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-06-2010)
-จีน: ธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนวันนี้สูงสุดในรอบ 5 ปี ธนาคารกลางของจีนกำหนดค่ากลางของอัตรา แลกเปลี่ยนเงินหยวนประจำวันนี้ที่ระดับ 6.7896 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี และเพิ่มขึ้นจากระดับของเมื่อวานนี้ที่ 6.8100 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-06-2010)
-จีน: จีน-ไต้หวันจ่อลงนามสัญญาการค้า รัฐบาลจีนและไต้หวันเตรียมจะลงนามข้อตกลงกรอบความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ (อีซีเอฟเอ) ในวันที่ 29 มิถุนายนที่จะถึงนี้ พิธีลงนามข้อตกลงฉบับสำคัญที่สุดระหว่างสองดินแดนคู่อริในอดีตในรอบ 60 ปี จะจัดขึ้นที่เทศบาลนครฉงชิ่ง ซึ่งเคยถูกยกเป็นเมืองหลวงของจีนภายใต้การปกครองของพรรคชาตินิยมช่วงสั้นๆ ก่อนพ่ายแพ้สงครามกลางเมืองต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน ปี 2492 ตามข้อตกลง ดังกล่าวทั้งสองฝ่ายจะลดภาษีศุลกากรให้กันโดยสินค้าไต้หวันจะได้ประโยชน์ราว 540 รายการ ครอบคลุม 15% ของสินค้าส่งออกไปยังจีน โดยเฉพาะสินค้าประเภทปิโตรเคมี, เครื่องจักร, ชิ้นส่วนรถยนต์ และสิ่งทอ ส่วนสินค้าส่งออกของจีนจะได้ลดหย่อนภาษีราว 270 รายการ (ที่มา: ไทยโพสต์ 25-06-2010)
-เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยดัชนี CPI เดือนพ.ค.ร่วง 1.2% ทำสถิติลดลงติดต่อกัน 15 เดือน กระทรวงฝ่ายกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่น รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) พื้นฐาน ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อ ร่วงลง 1.2% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันยาวนานถึง 15 เดือน และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับภาวะเงินฝืด ส่วนดัชนีซีพีไอพื้นฐานในกรุงโตเกียว ลดลง 1.3% ในเดือนมิ.ย. น้อย
กว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 1.4% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-06-2010)
-เอเชีย: ธนาคารกลางไต้หวันประกาศขึ้นดอกเบี้ย หลังส่งออกพุ่ง-ว่างงานลดลง ธนาคารกลางไต้หวันประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเป็น 1.375% จากเดิมที่ระดับ 1.25% หลังจากที่เศรษฐกิจของประเทศทำสถิติขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี เนื่องจากการส่งออกและการลงทุนดีขึ้น
มาก ขณะที่อัตราว่างงานก็ปรับตัวลดลง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-06-2010)

------------------------------------------------------------------------------

Code 101 : Bearish Divergence

วันพฤหัสที่ 24 มิถุนายน 2553

ATT Code : Bearish Divergence
จากการที่ SET ได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีพักและขายทำกำไรกันบ้าง โดยรอจังหวะที่จะรับข่าวดีและข่าวร้ายอยู่ ซึ่งมีแนวต้านอยู่ที่ 815 และแนวรับอยู่ที่ 800 แต่จุดสังเกตุ ณ ตอนนี้ เริ่มมี Bearish Divergence โดยมี Oscillator 2 ตัว คือ SRI และ Stochastic ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ ทำให้ถ้าแนวรับที่ 800 รับไม่อยู่ SET ก็พร้อมที่จะปรับตัวลงมาได้ก่อน

--------------------------------------------------------------------------





--------------------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้ 24/06/53
ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 806.52 จุด +2.39 จุด High 807.73 จุด low 802.46 จุด......แนวรับ 800-798 // 793-790 จุด แนวต้าน 808 // 812-820 จุด......PE SET 12.59 เท่า.........สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งซื้อ 345.77 ล้าน กองทุนขาย 1406.48 ล้าน�......โบรกเกอร์ ที่ net buy CS 489, JPM 356, KEST 263, DBSV 166 และ SCBS 148��...โบรกเกอร์ที่ net sell CNS -350, TSC -227, BLS -207, PHATRA -200 และ CLSA -140........TFEX SET50 ปิดที่ 558.11 จุด +0.90 จุด.......S50M10 ปิดที่ 559.30 จุด +1.30 จุด .... high 560.30 จุด low 555.00 จุด OI 15,764..............status futureวานนี้ Foreign net SHORT 1233 - Fund net SHORT 373 - Retail net LONG 1606.............ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ ปิด +4.92 จุด�..�.ยุโรปปิด -1 ถึง -1.5%........ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.20 น. NIX +16.67 จุด , HSKI -61.19 จุด , TWSE -8.51 จุด, KOSPI +4.28 จุด และ SHCOMP -12.49 จุด ......ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า +1 จุด.......ค่าเงิน - เงินบาท 32.37�เงินเยน 89.89��..COMODITY.... น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ส.ค. ปิดที่ 76.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล -1.50 ดอลล์.....ค่าการกลั่น 4.81 ดอลล์.......ทองคำ COMEX วานนี้ปิดที่ 1234.80 เหรียญ -6.00 ดอลลาร์......BDI ปิดล่าสุดอยู่ที่ 2515 จุด -32 จุด �.. ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดล่าสุดที่ 1829.50 ดอลลาร์ต่อตัน +35.50 ดอลล์
สินค้าเกษตร...ราคาตลาดจริง (หน่วย : บาท/ กก.) �.ข้อมูลจาก WEB Site ของ AFET (www.afet.or.th)
ราคาประมูลยางแผ่นรมควันชั้น 3 (23/06/10) Hatyai A.M. 114.63 บ. +0.24 บ. // FOB.BKK 117.10 บ. ไม่ ปป.
ราคาข้าวขาว 5% (22/06/10) 13.15 บ. +0.03 บาท
ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 (22/06/10) 27.95 บ. +0.27 บาท

-------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
24 มิย.53 ( +2.39 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ถ้าต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงจะเริ่มไม่ดี

ดัชนีในวันพุธ ปรับตัวลงมาแถวแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงพอดี ตราบใด ยังไม่ต่ำกว่าแนวรับเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว ถือว่าตลาดยังไม่มีสัญญาณการปรับตัวลง

อย่างไรก็ตาม จากสภาวะ Stochastic Overbought & Bearish Divergence ที่ดัชนีปรับตัวสูงขึ้น แต่เครื่องมือทางเทคนิคไม่ได้ปรับตัวขึ้นตาม ดังนั้นตลาดพร้อมปรับตัวลงได้ทุกเวลา โดยเฉพาะการปรับตัวลงต่ำกว่า 799.07 จุดต่ำสุดวันจันทร์ และเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง จะถือเป็นสัญญาณการปรับตัวลงของดัชนี มีเป้าหมายประมาณเดือน กค. บริเวณ 730 � 740จุด

ช่วงบ่าย: แกว่งตัวในกรอบประมาณ 803 - 809 แม้ยังไม่มีสัญญาณปรับตัวลงที่ชัดเจน
แต่ RSI & Stochastic Bearish Divergence ภาพระยะชั่วโมง
โอกาสปรับตัวขึ้นแรง เป็นไปได้น้อย


ต่ำกว่า 799 ถือเป็นสัญญาณปรับตัว 730 - 740 เดือน กค.

-------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-หุ้น STANLY!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 23 มิ.ย.53 ปิดที่ 806.52 จุด เพิ่มขึ้น 2.39 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 23,347.96 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 345.76 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด นำโดย CPF ปิดที่ 20.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท, TTA ปิดที่ 24.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท, STA ปิดที่ 85 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท, PTT ปิดที่ 254 บาท ลดลง 1 บาท และ SCB ปิดที่ 84 บาท ลดลง 0.50 บาท

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่า น่าจะปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยจากแรงหนุนของหุ้นขนาดกลางและเล็ก เช่นหุ้นสื่อสาร เช่น DTAC, ADVANC และ TRUE ที่ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ รวมทั้งยังมีแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มที่ได้ ประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจ

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้เก็งกำไรในหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ จากเศรษฐกิจในประเทศ โดยสามารถถือลงทุน 1-3 เดือนได้ ด้านเทคนิคประเมินกรอบแนวต้านไว้ที่ 810-812 จุด

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.บัวหลวง มองทิศทางตลาดว่า ดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยนักลงทุนยังคงจับตารอผลการประชุมของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ขณะที่แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ซื้อหุ้นในกลุ่มรับเหมา เช่น CK เนื่องจากจะมีการเปิดซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินปลายเดือน มิ.ย.นี้ และหุ้นกลุ่มขนส่งและอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ BTS และ BLAND

ปิดท้าย มีบทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ที่คงน้ำหนักการลงทุน "มากกว่าปกติ" ในหุ้นยานยนต์ คือ STANLY ให้ราคาเป้าหมาย 165 บาท

โดยระบุว่า ได้ปรับขึ้นประมาณการยอดผลิตรถยนต์มาเป็น 1.5 ล้านคัน (+50% YoY) สำหรับปี 53 เนื่องจากยอดส่งออกและยอดขายในประเทศที่แข็งแกร่งกว่าคาด แผนการของ Ford ในการปรับย้ายโรงงานผลิตจากฟิลิปปินส์มายังไทย

และโครงการ Eco car ในอีก 2 ปีข้างหน้า น่าจะเป็นผลดีต่อการเติบโตในระยะยาวสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ของไทย จึงให้น้ำหนักการลงทุน "มากกว่าปกติ".

FSS:SET ยังมีโอกาสแกว่งลบต่อ เพื่อรอลุ้นดีดขึ้นในรอบถัดไป..ดังนั้นทยอยรับได้!
แนวโน้ม:
ตลาดหุ้นทั่วโลกยังแกว่งตัวค่อนข้างผันผวน และเริ่มที่จะบวกขึ้นได้ในกรอบที่จำกัดมากขึ้น หลังเฟดเริ่มปรับลดมุมมองที่มีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ทางการจีนประกาศว่าจะยกเลิกการคืนเงินภาษีส่งออก ซึ่งกดดันให้ดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนนี้ปิดบวกไปเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้เปิดทำการด้วยการเป็นบวกเป็นลบเพียงเล็กน้อยเช่นกัน ซึ่งตลาดหุ้นไทยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาก็เริ่มที่จะชะลอการขยับตัวขึ้นบ้างแล้ว โดยเริ่มมีแรงขายออกมากดดันต่อเนื่อง ทำให้ SET แกว่งตัวผันผวนขึ้น-ลงในกรอบที่ไม่กว้างมากนัก ซึ่ง FSS คาดว่ายังมีโอกาสที่ SET จะแกว่งพักตัวลงอีกระยะ และดัชนียังมีแนวโน้มที่จะไหลลงไปหา 800 จุดหรือต่ำกว่าได้ โดยแรงซื้อแรงขายของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศเริ่มที่จะอยู่ในช่วงสลับกันซื้อสลับกันขายแล้วด้วย ทำให้โอกาสที่ตลาดจะขยับขึ้นต่ออีกครั้งในช่วงนี้น่าจะเป็นไปได้น้อยลง
กลยุทธ์: จึงยังแนะนำให้รอดูแรงซื้อตามแนวรับทางเทคนิคก่อนที่จะพิจารณาเข้ารับ เพื่อที่จะเทรดดิ้งขึ้นไปขายทำกำไรเมื่อตลาดดีดกลับขึ้นได้ในรอบถัดไป โดยหุ้นที่น่าดูจังหวะเข้ารับเพื่อเทรดดิ้ง ได้แก่ KK, PDI, LST, HANA, QH, BECL, TSTH, TMB, ESSO เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
-หุ้นเหล็ก สังกะสี และเกษตรไปต่อ
15 ก.ค. นี้ รัฐบาลจีนจะยกเลิกคืนภาษีผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์หลายรายการเช่น เหล็กแผ่นรีดร้อน-รีดเย็น เหล็กชุบสังกะสี จะยกเลิกคืนภาษี 9% ส่วนสินค้าประเภทแป้งข้าวโพด เอทานอล ผลิตภัณฑ์ทองแดงกึ่งสำเร็จรูป ตะกั่ว ผลิตภัณฑ์สังกะสี และผลิตภัณฑ์ดีบุกจะยกเลิกการคืนภาษี 5% การยกเลิกการคืนภาษีครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการปล่อยให้หยวนแข็งค่า ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกของจีนลำบากอยู่แล้ว และยังยกเลิกการคืนภาษี ยิ่งกดดันผู้ส่งออกอย่างหนัก แต่การทำเช่นนี้ของจีนจะช่วยลดความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ และมาตรการของจีนกล่าวเป็นผลดีกับผู้ผลิตและส่งออกสินค้าดังกล่าวในไทยเช่น SSI, GSTEEL, GJS และ PDI (วันนี้เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 23 บาทเป็น 26 บาท) นอกจากนี้ มีแนวโน้มว่าจีนอาจยกเลิกการห้ามนำเข้า �น้ำมันถั่วเหลือง� จากอาร์เจนตินา ทำให้ราคาน้ำมันถั่วเหลืองในตลาดโลกสูงขึ้น ส่งผลต่อเนื่องมายัง �เมล็ดถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง� ให้มีราคาสูงขึ้นตาม เป็นผลดีกับ TVO ที่กำลังการผลิตใหม่จะเข้ามาใน 3Q10 พอดี
-กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ยังต้องระวัง จากการยกเลิกการคืนภาษีสินค้าประเภททองแดงของจีนน่าจะส่งผลให้ราคาทองแดงในตลาดโลกค่อยขยับขึ้นจึงเป็นผลเสียกับผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย ที่ในช่วงแรกต้องแบกรับภารต้นทุนที่สูงขึ้น ก่อนที่จะผลักภาระให้ลูกค้าในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น KCE ได้รับผลกระทบน้อยสุดเพราะซื้อ Forward ทองแดงไว้แล้วครึ่งหนึ่งของที่จะใช้ในการผลิต
-CPF มีแนวโน้มว่า 2Q10 จะดีกว่าที่เราคาด จากการสอบถามผู้บริหาร เราพบว่ากำไรใน 2Q10 มีแนวโน้มว่าจะสูงกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่า 1Q10 ไม่ต่ำกว่า 24% ดีกว่าก่อนหน้านี้ที่เราคาดว่าน่าจะสูงกว่าประมาณ 12% - 14% Q-Q คาดว่าน่าจะมาจาก Gross margin ที่ดีขึ้นมาก หากเป็นเช่นนั้น กำไรที่เราคาดการณ์ทั้งปีนี้อาจต่ำเกินไปประมาณ 5% - 7% และราคาเป้าหมายของเราก็อาจถูกปรับขึ้นเป็น 22 � 24 บาท จากปัจจุบันที่ทำไว้ 20 บาท เรายังแนะนำถือต่อ let profit run แต่ถ้าจะซื้อเพิ่ม รออ่อนตัวที่บริเวณ 19 บาท

ข่าวภายในประเทศ
STEC รับขาขึ้นก่อสร้าง
แบงก์สก็อตเชียร์ซื้อ 9 บ. กำไรโต 60% ราคาหุ้นเทรดต่ำกว่า PBV ย้อนหลัง 5 ปี 2 เท่า แบงก์ออฟสก็อต(RBS) เชียร์ซื้อ STEC เต็มเหนี่ยว หลังBacklog สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3.5 หมื่นล้านบาท ดันกำไรสุทธิกับ EPS ปีนี้โตก้าวกระโดดเกือบ 60%ยอดมาร์จิ้นเพิ่ม 7% ด้านราคาหุ้นยังเทรดต่ำกว่าค่า PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี เกือบ 2 เท่า พร้อมปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 9 บาท พรุ่งนี้ (25มิ.ย.) บอร์ด รฟม. ประชุมกำหนดวันเปิดซองรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สัญญา 1-2 งานนี้มีลุ้นเปิดสัปดาห์หน้า มูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
MCOT ทีเด็ดหุ้นสื่อ งบ Q2 กำไร 340 ล้านโฆษณาเต็ม100% MCOT ทีเด็ดหุ้นสื่อ กำไรไตรมาส 2 ขั้นต่ำ 340 ล้านบาท �เขมทัตต์� ลั่นโฆษณาเข้าทะลัก ไพร์มไทม์สูงเกิน 100% พร้อมเล็งพัฒนาช่วงนอนไพร์มไทม์ หวังเพิ่มประสิทธิภาพทำกำไร จ่อคิวคลอดผังรายการครึ่งหลังใหม่ช่วยดูดเม็ดเงินโฆษณางวดหลังโตต่อ วงการชี้เตรียมบันทึกรายได้พิเศษ 405 ล้านบาท เข้าไตรมาส 3 ฟากผู้ถือหุ้นหน้าบานมีสิทธิ์ได้เงินปันผลทั้งปีปรี๊ด 2.14 บาท สูงเฉียด 9% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
GLOW ปีนี้รายได้ 4 พันล้าน GLOW ไตรมาส 2 แนวโน้มผลประกอบการที่ดี จากอัตรากำไรที่ดีต่อเนื่อง และปริมาณยอดขายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น �ณัฐพรรษ� มั่นใจรายได้ปีนี้ตามเป้าหมาย 4,000 ล้านบาท แม้ไตรมาส 3/53 มีซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่ได้โรงไฟฟ้าใหม่ขนาด 115 เมกะวัตต์ เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ปลายเดือนก.ค.นี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
DELTA อัพไซด์สูงรับกำไร 800 ล้าน ออเดอร์งานไหลเข้าแน่น วิกฤติยุโรปไม่กระเทือน DELTA อัพไซด์หุ้นเหลือบาน 17% กำไรไตรมาส 2 โตเท่าตัว มีสิทธิพุ่ง 800 ล้านบาท ด้านวงการชี้ออเดอร์งานยังแน่น แถมเน้นตลาดอเมริกา ไร้กระเทือนวิกฤติยุโรป เชื่อเทคโนโลยีใหม่ทยอยเข้าตลาดครึ่งปีหลังไม่เลิก หนุนอุตสาหกรรมเดินหน้าต่อไม่ชะลอตัว กำไรทั้งปีมีลุ้นทะลุ 3,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
BSBM ถือรอรับปันผล 0.08 บาทไตรมาส 2 พลิกเป็นกำไร 54 ล้าน BSBM แย้มยอดขายไตรมาส 2/53 มากกว่า 24,000 ตัน หลังความต้องการใช้เริมกลับมา บวกกับราคาเหล็กขยับขึ้นเป็น 21 บาท/ตัน โบรกฯคาด Q2/53 มีกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 21% เชื่อผลงานครึ่งปีหลังแจ่ม แนะถือเพอื่ รอปันผล 0.06-0.08 บาท ให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 9% ต่อป (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
PRIN คงเป้ารายได้ปีนี้ 5 พันลบ.โชว์แบ็กล็อก 1,900 ล้านบาท Q3 เปิด 2 โครงการ �ปริญสิริ� คงเป้ารายได้ปีนี้ 5,000 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อกรอบุ๊ค1,800-1,900 ล้านบาท ขณะที่ Q3 เตรียมคลอดบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ 1 โครงการย่านพุทธมณฑล เล็งเปิดขายเดือนส.ค.นี้ พร้อมเปิดคอนโดบีโอไอ �สมาร์ท คอนโด วัชรพล� มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท คาดเปิดจองก.ค.นี้ ขณะที่ Q2 คาดยอดขายดีกว่าไตรมาสแรกทำได้ 1,125 ล้านบาท เหตุเปิดโครงการใหม่มากขึ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
PREB มั่นใจรายได้ปีนี้โต 30% ตุนแบ็กล็อกในมือ 2.6 พันล้าน �พรีบิลท์� ฟุ้งรายได้ปีนี้มั่นใจทำได้ตามเป้าใหม่ 2,000 ล้านบาท เติบโต 30% เหตุตุนแบ็กล็อกในมือ 2,600 ล้านบาท คาดรับรู้รายได้ปีนี้กว่า 60% ลุยประมูลงานใหม่เพิ่มเน้นงานสร้างโรงงานและออฟฟิศ คาดครึ่งปีหลัง คว้างานเพิ่มอีก 1-2 โครงการ มูลค่ากว่า 600-700 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 เตรียมเปิดคอนโดใหม่ �The Tempo พหลโยธิน 2� มูลค่า 300 ล้านบาท เล็งเปิดขายเดือนกันยายนนี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
SCC สั่งลุยซื้อกิจการ �บรรจุภัณฑ์�เงินลงทุนไม่เกินพันล้าน ไตรมาส 2 โตสวนการเมือง SCC เผยอยู่ระหว่างเจรจาซื้อธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในอาเซียน หวังต่อยอดธุรกิจเดิม เงินลงทุนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/53 ดีมานด์ยังเติบโต เห็นสัญญาณจากช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.53 ยอดขายขยายตัว แม้มีเหตุการณ์ทางการเมืองวุ่น ด้านผลสรุปโครงการไม่ควรอยู่ในผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม เชื่อมีบางโครงการไม่เข้าข่ายต้องรอดูความชัดเจนก่อน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)

-------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
SUMMARY:สรุปข่าวเศรษฐกิจรอบโลก - รอยเตอร์
-เฟดคงดบ.ตามคาดที่ 0-0.25%
-ราคาพันธบัตรปิดพุ่งหลังเฟดประเมินศกเชิงลบ
-ดอลล์ร่วงหลังเฟดคงดอกเบี้ย
-ตัวเลขสต็อกน้ำมันกดน้ำมันดิบปิดลบ 1.5 ดอลล์ดิ่งลงเกือบ 2 %
-ข้อมูลที่อยู่อาศัยสหรัฐซบเซาถ่วงทองปิดลบ

FSS: ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา:
FED มีมติคงดอกเบี้ย 0-0.25% ระบุเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัว ส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยต่ำต่ออีกระยะหนึ่งคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate)ที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้น นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณว่าอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกระยะหนึ่ง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-06-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่ง 2 ล้านบาร์เรลสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับการคาดการณ์ สำนักงานสารนิเทศด้านพลังงาน(EIA) ในสังกัดกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 มิ.ย. พุ่งขึ้น 2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-06-2010)
จีน: จีนเผยยอดส่งออกยานยนต์เดือนพ.ค.พุ่ง 95.99% เมื่อเทียบรายปี สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน (CAAM) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกยานยนต์เดือนพฤษภาคมอยู่ที่ระดับ 47,119 คัน หรือเพิ่มขึ้น 18.45% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่ง 95.99% เมื่อเทียบรายปี โดยยอดส่งออกรถยนต์โดยสารอยู่ที่ 25,451 คัน หรือเพิ่มขึ้น 54.91% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 179.68% เมื่อเทียบรายปี ส่วนยอดส่งออกรถเชิง
พาณิชย์อยู่ที่ 21,668 คัน หรือลดลง 7.2% เมื่อเทียบรายเดือน แต่เพิ่มขึ้น 45.01% เมื่อเทียบรายปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-06-2010)
เอเชีย: สิงคโปร์เผยดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 3.2% สำนักงานสถิติสิงคโปร์เปิดเผยว่า ราคาผู้บริโภคสิงคโปร์ในเดือนพ.ค.ขยายตัวขึ้น 3.2% ต่อปี หลังจากที่ต้นทุนขนส่ง ที่อยู่อาศัย และอาหารปรับตัวสูงขึ้น โดยต้นทุนด้านการขนส่งเพิ่มขึ้น 15% เนื่องจากราคารถและเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนที่อยู่อาศัยสูงขึ้น 1.6% เนื่องจากค่าไฟและแก็สสูงขึ้น ส่วนราคาอาหารปรับตัวขึ้น 1.3% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-
06-2010)
เอเชีย: ปลาดิบทุ่มงบช่วยเขมรผุดสะพานข้ามโขง ญี่ปุ่นลงนามข้อตกลงจัดสรรเงินทุนจำนวน 131 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่กัมพูชา เพื่อใช้ในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ยาวที่สุด หวังให้เป็นเส้นทางขนส่งสำคัญของภูมิภาค (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-06-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้เตรียมเปิดให้บริการซื้อขายทองคำในตลาดหุ้นในปี 2555 กระทรวงยุทธศาสตร์และการเงินของเกาหลีใต้เปิดเผยว่าเกาหลีใต้จะเปิดให้บริการซื้อขายทองคำในตลาดหุ้นหลักของประเทศในเดือน ม.ค.2555 โดยหวังว่าจะช่วยให้รัฐบาลสามารถควบคุมตลาดทองคำในประเทศได้ดีขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกจากนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังพิจารณาเรื่องการแยกการซื้อขายทองคำออกจากตลาดหลัก ทรัพย์และให้ไปซื้อขายในตลาดสปอต ซึ่งรวมการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เช่น น้ำมันดิบ ปิโตรเลียมกลั่น และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรด้วย หากว่าปริมาณการซื้อขายขยายตัวมากขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-06-2010)

FSS
ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวผันผวนเป็นบวกเป็นลบในกรอบจำกัดอยู่ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย ก่อนที่จะมาปิดทำการเป็นบวกเล็กน้อยที่ 4.92 จุดหรือคิดเป็น 0.05% หลังจากเฟดปรับลดมุมมองที่มีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ พร้อมส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำอีกนานพอควร

ผลการประชุมเฟด ยังคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในกรอบ 0-0.25% ตามคาด โดยย้ำว่าเฟดจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ตลาดหุ้นจีนยังปรับตัวลงต่อเช้านี้ หลังทางการจีนเปิดเผยว่าจะยกเลิกการคืนเงินภาษีส่งออกวานนี้ Fund flow ของนักลงทุนต่างชาติกลับมาไหลออกเป็นครั้งแรกในรอบ 8 วันทำการ แต่ปริมาณน้อยมากซึ่งแสดงให้เห็นว่าหลังจีนยึดหยุ่นค่าเงินหยวน ทำให้นักลงทุนกลับมาวิเคาระห์หาทิศทางตลาดกันใหม่ว่าจะเกิดผลดีหรือผลเสียในอนาคตต่อเศรษฐกิจโลก อัตราแลกเปลี่ยนโดยรวมค่อนข้างนิ่ง

แนวโน้มเชื่อว่า Fund Flow น่าจะนิ่งเพื่อรอดูทิศทางหรือรอผลการประชุมทั้ง Fed และ จี 20 ที่อาจจะมีผลต่อทิศทางการลงทุนในอนาคต ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโรยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1.23 ยูโรต่อดอลลาร์ เช่นเดียวกับอัตราแลกเปลี่ยนภูมิภาคเอเชีย ส่วนค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 32.3-32.4 บาท/ดอลลาร์ นอกจากนี้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากธนาคารจีนแห่งเข้าซื้อเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่ต้องการให้ค่าเงินหยวนมีความยึดหยุ่นมากขึ้น
-------------------------------------------------------------------