Code 463 : 01/08/54 มีแรงรับอย่างเหนียวแน่น ที่ EMA5... ลุ้นผ่าน High ที่ 1136... ยังคง Target ที่ 1138 - 1144...

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2554
ATT Code : มีแรงรับอย่างเหนียวแน่น ที่ EMA5... ลุ้นผ่าน High ที่ 1136... ยังคง Target ที่ 1138 - 1144...

***ระวัง จะเกิด Sell Signal ขึ้นมา ถ้า MACD cross Signal ลงมา.... เพราะ MACD Osc มีค่าน้อยลง ทุกๆ วัน***
กรอบเล็ก... Range อยู่ที่ 1134 - 1136...
กรอบใหญ่...
Range อยู่ที่ 1116 - 1145...

* ระยะ Day >>> เป็นลักษณะ ขึ้นขาย... ลงซื้อ... แนวรับ EMA5 ยังคงแข็งแรง...

* ระยะ Week 1 - 5 ส.ค.54 >>> เป็น Buy Signal in Bull Market... ลุ้นผ่าน 1145...
- สัปดาห์ที่แล้ว SETI ทำ New High ที่ 1136.26 จุด... มี Low ที่ 1115.11 จุด...
- SETI อยู่ระหว่าง BBA กับ BBT...
- UpTrend = MacD crossover Signal Line...
- MacD Osc ขึ้นมาเป็นบวกมากขึ้น....
- Main Indicators ทุกตัวเป็น Buy Signal...
- กรอบเล็ก Range อยู่ที่ 1100 - 1135...
- กรอบใหญ่ Range อยู่ที่ 1066 - 1145...

* ระยะ Month 1-31 ส.ค. 54 >>> SETI เป็นลักษณะ UpTrend...
- เดือนที่แล้ว กรกฎาคม ทำ New High 1136.26 จุด... มี Low ที่ 1059.78 จุด...
- กรอบเล็ก Range อยู่ที่ 1074 - 1136...
- กรอบใหญ่ Range อยู่ทีี่ EMA10 - BBT... หรือที่ 1026 - 1192...

---------------------------------------------------------------------------
*** แนวโน้มหลัก : ฺBull market... Up Trend in Range 1125 - 1144...***
* SETI แนวรับ EMA5 ยังคงแข็งแรง... ถ้าผ่าน 1136 ก็จะมี Targe ที่ 1138 / 1142 / 1144...
* SETI อยู่ใน Trading Range ของ EMA5 กับ BBT...

1. เข้าที่...
วันศุกร์ SETI ปิดที่ 1133.53 จุด -0.85 จุด... Volume 30,528 MB...
- SETI ขึ้นไปทดสอบแนวต้านก่อน แล้วก็ลงมาทดสอบแนวรับ... ก่อนที่จะมาปิดใกล้กับราคาปิด...
- SETI อยู่แหนือ EMA5 ได้ เป็น Up Trend... และ EMA5 ยังอยู่เหนือกว่า EMA10 อยู่...
โดยถือว่า EMA5 เป็นแนวรับที่สำคัญ...
(ถ้า EMA5 ตัด EMA10 ลงมา... ก็จะเป็น Dead Cross = Down Trend)
- Chart Pattern เป็นลักษณะ Doji + Hanging Man....

- Main Indicators... ทรงๆ เริ่มมีการอ่อนแรงลงบ้าง...
แต่ MACD Osc.. ยังมีค่าลดลงเป็นวันที่ 4 แล้ว.. ส่วน Indy ตัวอื่นก็ทรงๆ ตัว...
*** ระวัง MACD cross Signal ลงมาเท่านั้น... ถ้ายังไม่เกิดยังไม่เป็นไร...
*** SSTO กับ RSI อยู่ในเขต Overbought แต่ยังไม่เกิดสัญญาณขาย Sell Signal ขึ้นมา...

- Minor Indicators... ทรงๆตัว แต่ CCI กับ Vol มีสัญญาณขาย เบาๆ ยังไม่ต้องกังวลเท่าไหร่...
ADX ยังคงบวกขึ้นเรือยๆ... ไปในทิศทางเดียวกับ DI+... ส่งผลให้ทิศทางตลาดยังคงแข็งแรงและปรับตัวขึ้นได้อยู่

----------------------------------------------------------------------------
2. ระวัง...
- ระวังถ้าดัชนีต่ำกว่า 1127... ก็มีโอกาสที่จะลงไปสู่ 1116ได้...
***ระวัง จะเกิด Sell Signal ขึ้นมา ถ้า MACD cross Signal ลงมา.... เพราะ MACD Osc มีค่าน้อยลง ทุกๆ วัน***

-----------------------------------------------------------------------------
3. ไป...
- แนวโน้มวันนี้ >>> มีแรงรับอย่างเหนียวแน่น ที่ EMA5... ลุ้นผ่าน High ที่ 1136... ยังคง Target ที่ 1138 - 1144...

- สัญญาณบวก >>> ถ้าดัชนีสามารถปรับตัวสูงขึ้น แล้วไม่ย้อนกลับลงมาต่ำกว่า 1133... ก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบที่ 1136 - 1138 ได้...
*** ถ้าผ่าน 1136 - 1138 ไปได้ ก็จะเป็นสัญญาณที่ดี ที่มีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบ Target ที่ 1142-1144 ได้...

- สัญญาณลบ >>> แต่ถ้าดัชนีลงมาต่ำกว่า 1133 ลงมา... ก็มีโอกาสที่จะลงมาที่เป้าหมายที่ 1127 ได้...
*** ถ้าหลุด 1127 EMA5 ลงมา ก็จะเกิด Sell Signal... โดยมีเป้าหมายลงมาที่ 1116 EMA10 ได้...

----------------------------------------------------------------------------
แนวรับ... 1134 / 1127 / 1120 / 1116...
แนวต้าน... 1136 / 1142 / 1145...



-----------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis

-----------------------------------------------------------------------------



Code 462 : 29/07/54 ยังคงทำ New High อย่างต่อเนื่อง... มี Target ที่ 1138 - 1144...

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2554
ATT Code : ยังคงทำ New High อย่างต่อเนื่อง... มี Target ที่ 1138 - 1144...

กรอบเล็ก... Range อยู่ที่ 1125 - 1138...
กรอบใหญ่...
Range อยู่ที่ 1115 - 1144...

* ระยะ Day >>> ยังคงเป็นลักษณะ Lower Low and Higher High... ยกฐานขึ้นตลอด...

* ระยะ Week 125- 27 ก.ค. 54 >>> เป็น Buy Signal in Bull Market
- SETI อยู่ระหว่าง BBA กับ BBT...
- UpTrend = MacD crossover Signal Line...
- MacD Osc ขึ้นมาเป็นบวกมากขึ้น....
- Main Indicators ทุกตัวเป็น Buy Signal...
- กรอบเล็ก Range อยู่ที่ 1097 - 1128...
- กรอบใหญ่ Range อยู่ที่ 1080 - 1150...

* ระยะ Month 1-31 ก.ค. 54 >>> SETI เป็นลักษณะ Sideway in UpTrend..
- กรอบเล็ก Range อยู่ที่ 1016 - 1133
- กรอบใหญ่ Range อยู่ทีี่ EMA10 - BBT... หรือที่ 998 - 1182...

---------------------------------------------------------------------------
*** แนวโน้มหลัก : ฺBull market... Up Trend in Range 1120 - 1144...***
* SETI ผ่าน High เดิมขึ้นมา... ก็จะมี Targe ที่ 1138 / 1142 / 1144...
* SETI อยู่ใน Trading Range ของ EMA5 กับ BBT...

1. เข้าที่...
วันพุธ SETI ปิดที่ 1134.38 จุด +3.67 จุด... Volume 28,900 MB...
- SETI ผ่าน High ที่ 1131.40 ขึ้นมา แล้วมาปิดที่ 1134.38...
- SETI อยู่แหนือ EMA5 ได้ เป็น Up Trend... และ EMA5 ยังอยู่เหนือกว่า EMA10 อยู่...
โดยถือว่า EMA5 เป็นแนวรับที่สำคัญ...
(ถ้า EMA5 ตัด EMA10 ลงมา... ก็จะเป็น Dead Cross = Down Trend)
- Chart Pattern เป็นลักษณะ White Candle... Stronger...

- Main Indicators... กลับมามีสัญญาณบวก... มีค่าเพิ่มขึ้น...
แต่ MACD Osc.. ยังมีค่าลดลงเป็นวันที่ 3 แล้ว.. ส่วน Indy ตัวอื่นยังมีค่าเพิ่มขึ้นมา...
ระวัง MACD cross Signal ขึ้นมาเท่านั้น... ถ้ายังไม่เกิดยังไม่เป็นไร...
SSTO กับ RSI อยู่ในเขต Overbought แต่ยังไม่เกิดสัญญาณขาย Sell Signal ขึ้นมา...

- Minor Indicators... ทรงๆตัว แต่ CCI กับ Vol มีสัญญาณขาย เบาๆ ยังไม่ต้องกังวลเท่าไหร่...
ADX ยังคงบวกขึ้นเรือยๆ... ไปในทิศทางเดียวกับ DI+... ส่งผลให้ทิศทางตลาดยังคงแข็งแรงและปรับตัวขึ้นได้อยู่

----------------------------------------------------------------------------
2. ระวัง...
- ระวังถ้าดัชนีต่ำกว่า 1134... ก็มีโอกาสที่จะลงไปสู่ 1126ได้...

-----------------------------------------------------------------------------

3. ไป...
- แนวโน้มวันนี้ >>> ยังคงทำ New High อย่างต่อเนื่อง... มี Target ที่ 1138 - 1144...

- สัญญาณบวก >>> ถ้าดัชนีสามารถปรับตัวสูงขึ้น แล้วไม่ย้อนกลับลงมาต่ำกว่า 1134... ก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบที่ 1138 ได้...
*** ถ้าผ่าน 1138 ไปได้ ก็จะเป็นสัญญาณที่ดี ที่มีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบ Target ที่ 1142-1144 ได้...

- สัญญาณลบ >>> แต่ถ้าดัชนีลงมาต่ำกว่า 1134 ลงมา... ก็มีโอกาสที่จะลงมาที่เป้าหมายที่ 1126 ได้...
*** ถ้าหลุด 1125 EMA5 ลงมา ก็จะเกิด Sell Signal... โดยมีเป้าหมายลงมาที่ 1112 EMA10 ได้...

----------------------------------------------------------------------------
แนวรับ... 1125 / 1120 / 1115...
แนวต้าน... 1138 / 1142 / 1144...




-----------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
29 กค. 54 (+3.67 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ต้องไม่ต่ำกว่า 1125.46 ถึงปรับตัวขึ้น1145 - 55 จุด
แนวโน้มในวันศุกร์นี้ตราบใด ไม่ต่ำกว่า1125.46 จุดต่ำสุดของวันพฤหัส และเส้นค่าเฉลี่ย25 ชั่วโมง ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้แถว1145 – 55 จุด ... ก่อนที่จะปรับตัวลงแถว 1097– 1107 จุด ต่อไป

อย่างไรก็ตามจากสัญญาณ RSI &Stochastic Overbought ในภาพระยะวันดัชนีพร้อมปรับตัวลงทุกเมื่อ โดยเฉพาะการปรับตัวลง ต่ำกว่า 1125.46 จุดต่ำสุดวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงได้แถว 1097 - 1107 จุด

หุ้นเด่น
KTB
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะชั่วโมง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 20.80 กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน21.40 – 21.60( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 20.50 )

SCB
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะชั่วโมง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 127.00กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 131.00 – 132.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 125.50 )

RAIMON
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 1.36 กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน1.44 – 1.58( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 1.30 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
KBANK ต่ำกว่า 139 ลง 133 - 135
PTT ต่ำกว่า 347 ลง 342 – 344
CPF ต่ำกว่า 30.25 ลง 29 – 29.50
PTTCH ต่ำกว่า 160 ลง 155 - 157
SCC ไม่ต่ำกว่า 374 ขึ้น 385 – 395
IVL ต่ำกว่า 43.50 ลง 42.75 – 43
CPALL ต่ำกว่า 48.75 ลง 46.50 – 47.50
SCB รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
KBS เกิน 13.20 ขึ้น 13.40 – 14
LOXLEY เกิน 3.58 ขึ้น 3.70 – 3.80
-----------------------------------------------------------------------------

บล.ไทยพาณิชย์ แนะทยอยขายทำกำไรคาดสหรัฐไม่เบี้ยวหนี้แต่เสี่ยงถูกลดเครดิต

บล.ไทยพาณิชย์ แนะกลยุทธ์การลงทุนว่า ตลาดฯมี
Upside gain น้อยกว่า Downside risk ในขณะที่การซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในช่วงหลังทราบผลการเลือกตั้งมีมูลค่าสะสมเท่ากับ 35,706 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เคยขายสุทธิออกไปที่ประมาณ 40,000 ล้านบาท ทำให้คาดว่าแรงซื้อคืนในระยะสั้นน่าจะลดลง ดังนั้น จึงแนะนำนักลงทุนทยอยขายทำกำไรหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมามากกว่าตลาดฯ

จากบทวิเคราะห์แนวโน้มปัญหาเพดานหนี้สหรัฐและกลยุทธการลงทุน โดยคาดว่าสหรัฐฯไม่ยอมผิดนัดชำระหนี้แต่มีความเสี่ยงเรื่องการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยประเมินแนวทางของผลการเจรจาเพื่อขยายเพดานหนี้ของรัฐสภาสหรัฐฯไว้ 3 แนวทาง คือ 1.ขยายเพดานหนี้ทันเวลาวันที่ 2 ส.ค. ซึ่งมีโอกาสเกิดมากที่สุดและเป็นกรณีที่ดีที่สุด 2. ขยายเพดานหนี้ไม่ทันวันที่ 2 ส.ค. แต่จะขยายได้ภายหลังจากนั้นไม่นานและไม่ผิดนัดชำระหนี้ มีโอกาสเกิดขึ้นปานกลาง ซึ่งจะส่งผลกระทบด้านลบต่อตลาดการเงินในระยะสั้นแต่ไม่มากนัก และ 3. ผิดนัดชำระหนี้ มีโอกาสเกิดน้อยที่สุด แต่หากเกิดขึ้นจะกระทบต่อตลาดการเงินมากที่สุด

ขณะที่ความเสี่ยงสำคัญของสหรัฐฯ คือ การถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งเกิดขึ้นได้ 2 กรณี คือ ถูกลดอันดับความน่าเชื่อ เนื่องจากไม่สามารถขยายเพดานหนี้ได้ทันวันที่ 2 ส.ค.ซึ่งคาดว่าจะเป็นการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือเพียงระยะสั้น หรือถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ เนื่องจาก แผนการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯต่ำกว่าระดับที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือต้องการ ซึ่งกรณีหลังนี้จะมีผลกระทบมากกว่ากรณีแรก และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาพันธบัตรสหรัฐฯ และ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

แต่ผลกระทบในเชิงลบดังกล่าวจะต่ำกว่ากรณีที่สหรัฐฯผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากประเมินว่า นักลงทุนที่เป็นผู้ถือครองพันธบัตรสหรัฐฯส่วนใหญ่ ได้แก่ จีน และ ญี่ปุ่น จะไม่เทขายพันธบัตรสหรัฐฯที่ถือครองอยู่ออกมา เนื่องจากเป็นการสร้างความเสียหายให้กับตัวเอง ซึ่งประเทศญี่ปุ่นก็เคยถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจาก
AAA เหลือ AA- เหมือนกันในอดีต แต่แรงขายพันธบัตรมีไม่มากเนื่องจากผู้ถือพันธบัตรส่วนใหญ่เป็นญี่ปุ่นเอง แต่อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรสหรัฐฯจะปรับตัวขึ้นสะท้อนอันดับความเสี่ยงที่ลดลง ซึ่งพิจารณาได้จากระดับค่าประกันความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี (CDS) ของสหรัฐฯที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงนี้

นอกจากนี้ ประเมินว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับเรื่องปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯไปพอสมควรแล้ว หลังจาก
Dollar index อ่อนค่าแล้ว 3% นับตั้งแต่ระดับ 76 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินในเอเชียแข็งค่าขึ้นมากที่สุดในรอบ 14 ปี โดยล่าสุด ค่าเงินเยน และ ค่าเงินบาท อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 78 เยน/ดอลลาร์สหรัฐฯ และ 29.74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ หรือแข็งค่าขึ้นในช่วงเดียวกัน 4% และ 2% ตามลำดับ

แนวโน้มเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะผันผวนมากในช่วงวันนี้จนถึงวันที่ 2 ส.ค. คาดว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีโอกาสผันผวนสูงมากในช่วงหลังจากทราบผลการขยายเพดานหนี้ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ภายในสัปดาห์นี้ถึงวันที่ 2 ส.ค.

ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยประเมินว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นมีโอกาสผันผวนซึ่งจะขึ้นกับทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นหลัก เนื่องจากมีผลกระทบต่อทิศทางเงินทุนจากต่างประเทศ แต่เรายังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีว่าดัชนีฯมีโอกาสปรับตัวขึ้นถึง 1200 จุดได้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีกว่าในฝั่งสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่อง

แนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้นแบ่งออกได้เป็น 3 กรณี ได้แก่

1.ผลการเจรจาขยายเพดานหนี้สำเร็จ คาดว่าจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ซึ่งในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสขายทำกำไรระยะสั้นจากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยน ดัชนีฯมีโอกาสลดลงไปที่ระดับ 1080 จุด ซึ่งเป็นต้นทุนเฉลี่ยของนักลงทุนต่างชาติในรอบนี้

2. สหรัฐฯถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าต่อเนื่องอีกสักระยะหนึ่ง ส่งผลให้ค่าเงินในเอเชียแข็งค่าต่อเนื่องจากเงินทุนไหลเข้า ดัชนีฯมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 1150 จุด

3. สหรัฐฯผิดนัดชำระหนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลดลงแรง ประเมินว่าอาจลดลงไปได้ถึง 1060-1030 จุด

-----------------------------------------------------------------------------

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ดาวโจนส์ปิดร่วงลงก่อนสภาผู้แทนโหวตกม.หนี้

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ในวันพฤหัสบดี โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ปิดตลาดร่วงลง แต่ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดขยับขึ้น ในขณะที่นักลงทุนไม่แน่ใจว่าการโหวตร่างกฎหมายเพดานหนี้ในสภาคองเกรสจะส่งผลให้มีการบรรลุข้อตกลงที่นำไปสู่การปรับขึ้นเพดานหนี้ได้จริงหรือไม่

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 62.44 จุด หรือ 0.51% สู่12,240.11, ดัชนี S&P 500 ปิดอ่อนลง 4.22 จุด หรือ 0.32 % สู่ 1,300.67 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 1.46 จุด หรือ 0.05 % สู่ 2,766.25

ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ราว 7.93 พันล้านหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ค, ตลาดหุ้นอเมริกัน (American Stock Exchange) และตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งสูงกว่าปริมาณเฉลี่ยต่อวันของปีนี้ที่ 7.47 พันล้านหุ้น

จำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในสัดส่วนราว 3 ต่อ 2 ในตลาดนิวยอร์ค และจำนวนหุ้นลบกับหุ้นบวกมีสัดส่วนเกือบเท่ากันในตลาด Nasdaq

ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดในแดนลบเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ในขณะที่นักลงทุนออกไปรอดูท่าทีอยู่นอกตลาด เพื่อดูว่าสมาชิกสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณสหรัฐได้หรือไม่

คาดกันว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอาจจะโหวตร่างกฎหมายของพรรครีพับลิกันในการปรับขึ้นเพดานหนี้หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันพฤหัสบดี ส่วนวุฒิสภาสหรัฐที่อยู่ภายใต้การนำของพรรคเดโมแครตก็กำลังจัดทำร่างกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง เพื่อแข่งขันกัน และผู้นำพรรคเดโมแครตได้กล่าวว่า ร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา

ปัญหาเรื่องยอดขาดดุลงบประมาณสหรัฐทำให้ระดับความผันผวนในตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นขณะที่ตลาดหุ้นร่วงลง โดยดัชนี S&P 500 ดิ่งลงมาแล้ว 3.3 % จากช่วงต้นสัปดาห์นี้ ส่วนดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ทะยานขึ้นสู่ 23.74 ซึ่งถือเป็น จุดสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.

ดัชนี Nasdaq ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกรีน เมาน์เทน คอฟฟี โรสเตอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทขายกาแฟ โดยหุ้นตัวนี้พุ่งขึ้น 16.4 % สู่ 102.57 ดอลลาร์ หลังจากกรีนเมาน์เทนรายงานในช่วงเย็นวันพุธว่า ยอดขายทะยานขึ้น 18 % ในไตรมาสสาม อย่างไรก็ดี หุ้นเอ็กซอน โมบิล คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ดิ่งลง 2.2 % เนื่องจากเอ็กซอน โมบิลเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำเกินคาด--จบ--

ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:น้ำมันดิบขยับขึ้น 4 เซนต์,จับตาพายุโซนร้อน

ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ขยับขึ้นเล็กน้อยในวันพฤหัสบดีท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ผันผวนมาก โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาด และจากพายุโซนร้อนที่ทำให้โรงงานน้ำมันบางแห่งต้องปิดทำการ โดยปัจจัยเหล่านี้ช่วยบดบังแรงลบที่ราคาน้ำมันได้รับจากความไม่แน่นอนเรื่องปัญหาเพดานหนี้ในสหรัฐ

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย.ขยับขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.04 % มาปิดตลาดที่ 97.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 96.51-98.01 ดอลลาร์

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนอ่อนลง 7 เซนต์สู่ 117.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากลงไปแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 117.05 ดอลลาร์

ปริมาณการซื้อขายที่เบาบางมีส่วนทำให้ราคาน้ำมันแกว่งตัวผันผวนมากยิ่งขึ้น

บริษัทผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกเริ่มต้นปิดการผลิดน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในขณะที่พายุโซนร้อนดอนพัดขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และมุ่งหน้าไปที่ชายฝั่งรัฐเท็กซัส

รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค.จนแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีโดยได้รับแรงหนุนจากการที่ซาอุดิอาระเบียและแองโกลาปรับเพิ่มปริมาณการผลิต

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ปรับทบทวนตัวเลขอุปสงค์น้ำมันสหรัฐประจำเดือนพ.ค. โดยปรับลดตัวเลขลงจากเดิมเป็นอย่างมาก

EIA ระบุว่าอุปสงค์น้ำมันสหรัฐอยู่ที่ 18.363 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนพ.ค.โดยปรับลดลง 2.34 % หรือ 440,000 บาร์เรลต่อวัน จากตัวเลขประเมินครั้งก่อนที่18.803 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนพ.ค.

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ครั้งแรกลดลง 24,000 ราย สู่ 398,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 ก.ค. จาก 422,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น--จบ--

ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ทองขยับลง,ตลาดจับตาการโหวตในสภาผู้แทนสหรัฐ

ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปิดขยับลงในวันพฤหัสบดี หลังจากทำสถิติสูงสุดเมื่อวานนี้ที่ 1,628 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนออกไปรอดูท่าทีอยู่นอกตลาด ในขณะที่สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐใกล้จะโหวตร่างกฎหมายปรับลดยอดขาดดุลงบระมาณที่เสนอโดยพรรครีพับลิกัน

ราคาโลหะเงินในตลาดสปอตดิ่งลง 1.3 % สู่ 39.67 ดอลลาร์

ราคาทองพุ่งขึ้นมาแล้วราว 8 % ในเดือนก.ค. แต่ราคาทองอาจดิ่งลงในอนาคตถ้าหากสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับขึ้นเพดานหนี้ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้นักลงทุนหันไปซื้อสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ และถ้าหากนักลงทุนมองว่ามาตรการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินฝืด

นักยุทธศาสตร์การลงทุนของ CitiFX กล่าวว่า ถ้าหากราคาทองสามารถปิดตลาดเดือนก.ค.ที่ระดับสูงกว่า 1,557.75 ดอลลาร์ ปัจจัยดังกล่าวก็จะบ่งชี้ว่าราคาทองอาจมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,700-1,750 ดอลลาร์สำหรับช่วงสิ้นปี 2011

ตลาดเงินนิวยอร์ค:ตัวเลขศก.ยุโรป,พันธบัตรอิตาลีกดยูโรร่วงลง

ยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินหลายสกุลในวันพฤหัสบดี ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปและการพุ่งขึ้นของต้นทุนการกู้ยืมของอิตาลีทำให้นักลงทุนกังวลว่าวิกฤติหนี้ยูโรโซนอาจลุกลามออกไป

ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 77.76 เยน ร่วงลงจากระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 77.97 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.4314 ดอลลาร์ ร่วงลงจาก 1.4365 ดอลลาร์ ทางด้านยูโร/เยนอยู่ที่ 111.31 เยน อ่อนลงจาก 112.02 เยน

อิตาลีขายพันธบัตรรัฐบาลประเภท 10 ปีด้วยอัตราผลตอบแทนที่สูงที่สุดในรอบ 11 ปี ในขณะที่มีรายงานว่า ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนอยู่ในระดับต่ำเกินคาด

คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักธุรกิจและผู้บริโภคในยูโรโซนร่วงลงสู่ 103.2 ในเดือนก.ค. จาก 105.4 ในเดือนมิ.ย. โดยตัวเลขเดือนก.ค.นี้อยู่ในระดับต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 104.0

นักลงทุนคาดว่า ทิศทางของยูโร/ดอลลาร์อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ในช่วงต่อไปในวันพฤหัสบดี โดยขึ้นอยู่กับผลการโหวตในสภาคองเกรสสหรัฐต่อร่างกฎหมายเพดานหนี้

ยูโรมีแนวรับรออยู่ที่ 1.4185-1.4187 ดอลลลาร์

ดอลลาร์ร่วงลงทำสถิติต่ำสุดที่ 0.7990 ฟรังก์สวิส ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงต่อมา

ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินสำคัญปรับขึ้น 0.2 % สู่ 74.232 ในขณะที่นักลงทุนหลายรายปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่าจะมีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ

"การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มสูงขึ้น แต่สหรัฐยังคงเป็นตลาดตราสารหนี้ที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก" นายพอล มาร์คแฮม ผู้จัดการพอร์ทลงทุนของบริษัทนิวตัน แคปิตัล แมเนจเมนท์กล่าว

บริษัทบราวน์ บราเธอร์ส แฮร์รีแมนคาดว่า ดอลลาร์/เยนจะยังคงปรับลงต่อไปในระยะสั้น และระบุว่า "เราไม่เชื่อว่าจะมีการแทรกแซงตลาด นอกจากว่าดอลลาร์/เยนจะดิ่งลงอย่างรุนแรงและไม่เป็นระเบียบ"

ตลาดเงิน Emerging Asia:สกุลเงินเอเชียอ่อนค่า ขณะนักเก็งกำไรซื้อคืนดอลล์

ริงกิต และเปโซร่วงลงในวันนี้ ขณะที่กลุ่มนักเก็งกำไรอินเตอร์แบงก์ลดสัดส่วนการถือครองสกุลเงินเอเชียในวันนี้ จากความวิตกเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาหนี้ในยุโรป และภาวะชะงักงันทางการเมืองในสหรัฐเกี่ยวกับการลดยอดขาดดุล

แต่เนื่องจากความวิตกต่อการผิดนัดชำระหนี้ หรือการลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยถ่วงดอลลาร์ สกุลเงินเอเชียจึงยังคงมีแนวโน้มที่สดใสในระยะยาว

ดีลเลอร์และนักวิเคราะห์กล่าวว่า สกุลเงินส่วนใหญ่ อาทิ วอน ฟื้นตัวขึ้นจากการร่วงลงในช่วงแรกในท้ายภาคบ่าย ขณะที่สกุลเงินเหล่านี้ยังคงดึงดูดใจมากกว่าดอลลาร์หรือยูโร

นายสักเตียนดิ สุพาท ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย FX จากเมย์แบงก์ กล่าวว่า ถ้าสหรัฐถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ และตลาดหุ้นดิ่งลงทั่วโลก นักลงทุนก็ควรจะหันมามองสกุลเงินต่างๆ อาทิ บาท แทนที่จะเป็นสกุลเงินของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกมากกว่า

ริงกิตปรับตัวลง 0.4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์จากแรงซื้อคืนดอลลาร์ ท่ามกลางยูโรที่อ่อนค่าลง

เปโซร่วงลง ขณะที่กลุ่มนักเก็งกำไรอินเตอร์แบงก์ซื้อคืนดอลลาร์

วอนฟื้นตัวขึ้นจากการร่วงลงในช่วงเช้า ขณะที่กลุ่มผู้ส่งออกซื้อวอนเพื่อชำระบัญชีในช่วงปลายเดือน

ENGLAND:ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index)ปิดวานนี้ลบ 18 จุด สู่ 1278

ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ (28 ก.ค.) ลบ 18 จุด หรือ 1.39 % สู่ระดับ 1278

ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 554

ความเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมามีดังนี้:-

วันที่ ระดับปิด เปลี่ยนแปลง (จุด)

27 ก.ค. 1296 -14

26 ก.ค. 1310 -7

25 ก.ค. 1317 -6

22 ก.ค. 1323 -2

21 ก.ค. 1325 -3

-----------------------------------------------------------------------------