Code 185 : HSKI ยังกดดันตลาดหุ้นไทย

วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2553
ATT Code :HSKI ยังกดดันตลาดหุ้นไทย
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
29 ตค. 53 (+3.27 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

แกว่งตัวในกรอบ 982 – 990 จุด
ดัชนีกำลังแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 982– 990 จุด ใต้เส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงการปรับตัวขึ้น เกิน 992 เส้นค่าเฉลี่ย 25
ชั่วโมง ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นต่อแถว 997 –1000 ใกล้จุดสูงสุดเดิมของปีนี้อีกครั้ง (แต่ยังไม่น่าจะผ่านไปได้)

ขณะเดียวกันเนื่องจากสภาวะ RSI Overbought & Bearish Divergence ในภาพระยะสัปดาห์ ไม่ว่าดัชนีจะขึ้นถึง 1040 –
1060 จุดหรือไม่ ?

ตลาดมีโอกาสปรับฐานใหญ่แถว 900 – 940 จุด ในระยะต่อไป (โดยเฉพาะการปรับตัวลง ต่ำกว่า 970 จุด จะถือเป็นการ
ปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน และถือเป็นการเกิด “สัญญาณขาย” ในเครื่องมือ Point & Figure)

หุ้นเด่น
CKกำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะชั่วโมง รอซื้อตามมื่อปรับตัวเกิน 10.10 กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายสองสามวัน10.60 – 10.80( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 9.75 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
ADVANC ปรับตัวลง 88 – 89
PTT ต่ำกว่า 300 ลง 290 - 295
STEC ไม่ต่ำกว่า 13.30 ขึ้น 14.80 – 15.20
BANPU ไม่น่าเกิน 784 - 788
PTTEP แกว่งตัว 170 - 172
PTTCH ไม่น่าเกิน 146 – 147
AJ เกิน 23.60 ขึ้น 24 – 24.50
BBL ต่ำกว่า 150 ลง 147 - 149
BJC ไม่น่าเกิน 22.20 – 22.30
IVL แกว่งตัว 32.50 – 33.50
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS:
ตลาดปรับลงน่าทยอยเข้ารับ...เพื่อลุ้นโอกาสดีดขึ้นเหนือ 1000 จุดต่อได้
แนวโน้ม: FSS ยังคาดว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนและอยู่ในช่วงปรับพักฐานต่อได้หลังนักลงทุนต่างประเทศยังคงมียอดขายสุทธิต่อเนื่อง และนักลงทุนบางส่วนยังรอดูความชัดเจนของ QE2 จากสหรัฐในต้นสัปดาห์หน้าก่อน ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ก็ยังคงมีแรงขายทำกำไรต่อเนื่องเช่นกัน ดังนั้นโอกาสที่ SET จะแกว่งแถว 980จุดหรือหลุดต่ำกว่ายังมีความเป็นไปได้อยู่ อย่างไรก็ตามหลังการประชุมเฟดผ่านพ้นไป ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม เรายังมองว่าเม็ดเงินของทั้งนักลงทุนต่างประเทศที่คาดว่าจะกลับเข้ามาอีกครั้ง จากความแข็งแกร่งของภาวะเศรษฐกิจไทย รวมทั้งเม็ดเงินใหม่จากกองทุน RMF และ LTF น่าจะยังช่วยผลักดันให้ SET ขยับขึ้นได้อีกครั้งซึ่งล่าสุดบ้านเรายังมีข่าวดีจากการเพิ่มแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือจาก มูดี้ส์ เข้ามาช่วยเสริมด้วย โดยเป้าหมายดัชนีเรายังมองสูงกว่า 1000 จุดได้อยู่เช่นเดิม
กลยุทธ์: เลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อได้ โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ TASCO, GLOBAL,HMPRO, AMATA, SIRI, SPALI, QH, VNG, CK, STEC, MAJOR, IRPC, PTTAR,LANNA, BGH, DTAC, ADVANC, SITHAI เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) ธปท. ปรับประมาณการ GDP เพิ่ม ธปท. ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ของไทยปี 2553 เป็นเติบโต 7.3% - 8.0% จากเดิมคาดโต 6.5% - 7.5% จากการลงทุนและการส่งออกที่ขยายตัวดีในปีนี้ ส่วนปี 2554 คาด GDP โต 3% - 5%วานนี้ สศค.ได้ประเมิน GDP ปีนี้ว่าโต 7.4% โดยคำนึงผลกระทบของน้ำท่วมและบาทแข็งแล้ว
• (+) Moody’s ปรับ Outlook ไทยสู่ "Stable" จาก "Negative" เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวแข็งแกร่ง ฐานะการคลังมีเสถียรภาพ ส่วน rating ของพันธบัตรรัฐบาลสกุลเงินต่างประเทศและสกุลเงินบาทของรัฐบาลไทย รวมทั้งเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ อยู่ที่เดิม Baa1 แต่เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้สกุลเงินต่างประเทศของไทยขึ้น 1 ขั้นเป็น A2 นอกจากนี้ ยังปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้และเงินฝากสกุลต่างประเทศของธนาคาร 8 แห่งของไทย(BBL, KTB, KBANK, SCB, SCBT, UOBT, GHB, EXIMT) สู่ "มีเสถียรภาพ" จาก
"เชิงลบ"
• (-) SSI ผิดคาด กลายเป็นขาดทุนใน 3Q10 จากต้นทุน Slab ที่ซื้อมาแพงมาก ทำให้ขาดทุน 78 ล้านบาทใน 3Q10 (ไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน) แต่แนวโน้ม 4Q10 จะดีขึ้นเพราะปรับราคาขายขึ้นได้ และต้นทุนใหม่ต่ำลง แต่เรายังไม่แนะนำให้ซื้อเพราะความเสี่ยงในเรื่องการเพิ่มทุนยังมี (เพื่อซื้อโรงถลุง TCP)นอกจาก SSI แล้ว คาดว่า TSTH มีโอกาสขาดทุนเช่นกัน น่าขายก่อนประกาศงบ
• (+) เก็งกำไร PTL กำไรในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นถึง 230% Q-Q และ 280% Y-Yเป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มก้าวกระโดดจากระดับ 21% - 24% เป็น40% บริษัทยังประกาศจ่ายปันผล 0.59 บาท/หุ้น (ไม่ต้องเสียภาษี ได้ BOI) คิดเป็น Yield 2% XD 11 พ.ย. จ่ายเงิน 24 พ.ย. ประเมินเบื้องต้น PE ยังต่ำเพียง 10เท่า
• (+) TUF ลูกหุ้นเข้าวันนี้ จำนวน 73.16 ล้านหุ้น เป็นหุ้นที่เกิดจาก XR 20:1 @50และ PP 53 บาท
• วันนี้มี ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) ที่เข้าเทรดคือ BANP42CA และPTT42CA
• Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าต่อเนื่องตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไตหวันและเกาหลีใต้ แต่ขายสุทธิใน
ตลาดหุ้นไทยและอินโดนีเชีย สาเหตุที่กระแสเงินทุนต่างชาติยังชะลอการลงทุนในช่วงนี้เป็นเพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ยังรอผลการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 3
ของสหรัฐอเมริกาและผลการประชุมของเฟดในวันที่ 2-3 พ.ย 2010 ว่าจะออกมาตราการอัดฉีดสภาพคล่องมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินใหม่มากหรือน้อยเพียงใดก็ตาม เราก็ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวอีกนาน ฉะนั้นความแตกต่างด้านอัตราดอกเบี้ยระหว่างเอเชียและสหรัฐหรือยุโรปยังมีช่วงว่างอยู่มาก และจะยังเป็นเหตุให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดภูมิภาคเอเชียอย่างหลีกเลี่ยงไม่มาก เพียงแต่ว่าจะมีมากหรือน้อยเท่านั้นเอง ส่วน
ค่าเงินบาทเช้านี้ยังอ่อนค่าต่อเนื่องจากวานนี้ ดังนั้นกระแสเงินทุนต่างชาติในช่วงนี้อาจจะชะลอตัวอีกระยะหนึ่งจนกว่าผลการประชุมเฟดจะออกมาชัดเจนเพื่อกำหนด
ทิศทางตลาดใหม่
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
----------------------------------------------------------------------------------

Code 184 : 1,000 จุด เป็นแนวต้านที่แข็งแรงมาก

วันพฤหัสที่ 28 ตุลาคม 2553

ATT Code : 1,000 จุด เป็นแนวต้านที่แข็งแรงมาก

เมื่อเช้าวานนี้ SET สามารถเปิดกระโดดขึ้นมาฝ่าน 1,000 จุด ได้อีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นแนวต้านที่แข็งแรงมาก บวกกับตลาด Hong Kong ที่ลงไปลบถึง 400 กว่าจุด ทำให้ SET ก็มีแรงขายออกมาลงมาเรื่อยจนหลุดเส้น 5 วัน ที่ 989 จุด และตามด้วยเส้น 10 วัน ที่ 987 จุด มาหยุดที่เส้น BB Average ที่ 982 ก่อนที่จะมาปิดที่ระดับ 983.96 จุด แต่ก้ยังอยู่ในกรอบ 980-1,000 จุด แต่ในวันนี้ก็ไม่ควรที่จะตำกว่า 970 จุด

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
28 ตค. 53 ( -12.08 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ไม่ควรต่ำกว่า 970 จุด
ดัชนีในวันพุธ ปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดีและโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น 1040 – 1060 จุด เริ่มลดน้อยลง ?

ภาพในวันพฤหัสนี้ ดัชนียังพอมีโอกาสที่จะแกว่งตัวในกรอบ 980 – 1000 หรือระหว่างจุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้ว ถึงจุดสูงสุดของสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากสภาวะ RSI Overbought & Bearish Divergence ในภาพระยะสัปดาห์ ไม่ว่าดัชนีจะขึ้นถึง 1040 –
1060 จุดหรือไม่ ?

ตลาดมีโอกาสปรับฐานใหญ่แถว 900 – 940 จุด ในระยะต่อไป (โดยเฉพาะการปรับตัวลง ต่ำกว่า 970 จุด จะถือเป็นการปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน และถือเป็นการเกิด “สัญญาณขาย” ในเครื่องมือ Point &Figure)

หุ้นเด่น
STECกำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ รอซื้อตามมื่อปรับตัวเกิน 13.70กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายระยะสัปดาห์ 14.80 – 15.20( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 13.00 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTTCH แกว่งตัว 145 - 147
PTT ต่ำกว่า 300 ลง 290 - 295
BANPU ไม่น่าเกิน 784 - 788
IVL ต่ำกว่า 32.75 ลง 31 - 32
JAS แกว่งตัว 1.48 – 1.53
ADVANC ไม่น่าเกิน 92.50 – 93
PTTAR ปรับตัวลง 28 – 28.50
STEC รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
PTTEP ปรับตัวลง 165 - 167
SCC ปรับตัวลง 318 – 320

Intraday
แกว่งตัวในกรอบ 982 - 990 ใต้เส้น 25 ชม.

ต่ำกว่า 970 เส้น 25 วัน เป็นสัญญาณปรับฐานใหญ่ 900 - 940 จุด
----------------------------------------------------------------------------------
วัสดุก่อสร้างที่น่าจะขายดีหลังน้ำลด - GLOBAL, HMPRO, TASCO, DCC, DRT, SCC, SCCC, TSTH
ivl : เกิดไฟไหม้โรงงานที่ระยองเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ย้งไม่ทราบความเสียหาย
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย

FSS:ตลาดปรับลงน่าทยอยเข้ารับ...เพื่อลุ้นโอกาสดีดขึ้นเหนือ 1000 จุดต่อได้
แนวโน้ม: เมื่อวานนี้ตลาดเริ่มปรับตัวลงจากกรอบแกว่งระหว่าง 980-1000 จุดอีกครั้ง แต่เป็นการปรับตัวลงวันเดียวที่ค่อนข้างแรง ทำให้โอกาสที่ SET จะหลุดต่ำกว่า 980 จุดลงไปมีความเป็นไปได้มากขึ้น ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศยังมียอดขายสุทธิต่อเนื่องอีกวัน ซึ่งแม้ว่าจะไม่มากนัก แต่คาดว่าจะสร้างความกังวลให้กับตลาดพอควร อย่างไรก็ตาม FSS ยังมองว่านักลงทุนต่างประเทศเป็นเพียงการขายปรับพอร์ตช่วงสั้นๆ ก่อนทราบรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ของสหรัฐ และยังมีโอกาสที่จะกลับเข้ามาซื้อได้อีกครั้ง รวมทั้งตลาดหุ้นไทยยังมีเม็ดเงินจากกองทุน LTF และ RMF ที่คาดว่าจะเข้ามาเสริมในตลาดหุ้นช่วงท้ายๆ ปีด้วย ดังนั้นช่วงตลาดปรับตัวลงเราจึงยังแนะนำให้เป็นจังหวะของการเลือกหุ้นเข้าซื้ออยู่ เพื่อลุ้นดัชนีขยับขึ้นเหนือ 1000 จุดได้ต่อไป
กลยุทธ์: ยังเลือกหุ้นเข้าซื้อได้เมื่อตลาดปรับตัวลง โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่TASCO, GLOBAL, HMPRO, AMATA, SIRI, SPALI, QH, VNG, CK, STEC,MAJOR, IRPC, PTTAR, LANNA, BGH, DTAC, ADVANC, SITHAI เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (-) ความเสี่ยงของตลาดหุ้นในระยะสั้นยังไม่หมดไป หุ้นทั่วโลก ทอง น้ำมันและโภคภัณฑ์อื่น ปรับตัวลงถ้วนหน้าเพราะตลาดเริ่มกังวลกับขนาดของ QE2 ว่าอาจน้อยกว่าคาด ความเสี่ยงของตลาดในระยะสั้นยังมี ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 (short cover) สอดคล้องกับความเห็นของโบรกต่างชาติที่ให้short equity, long dollar เรามองภาพระยะกลาง-ยาวยังคงขึ้นเหมือนเดิม
• (-) สศค.ประเมินน้ำท่วมกระทบ GDP ปีนี้ 0.08% - 0.21% น้ำท่วมสร้างความเสียหายเบื้องต้นราว 7.7 พัน - 2.02 หมื่นลบ. ซึ่งจะกระทบ GDP ปีนี้0.08% - 0.21% (สศค.คาด GDP ก่อนน้ำท่วมโต 7.6%) พื้นที่การเกษตรที่เสียหายมีประมาณ 2.4 ล้านไร่ ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบเช่นกันทำให้การผลิตต้องหยุดชะงัก โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ อิเลคทรอนิกส์ยานยนต์ และภาคการท่องเที่ยว ส่วนก.คมนาคมประเมินน้ำท่วมทำถนนเสียหายกว่า 8 พันลบ. เล็งของบกลางปี 2555 ซ่อมถนน
• (+) TUF คาดกำไร 3Q10 +3% Q-Q, -12% Y-Y จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดเพราะบาทแข็งและต้นทุนปลาทูน่าผันผวน เรายังแนะนำซื้อ เป้าหมาย 70 บาท ความน่าสนใจอยู่ที่การเติบโตของกำไรในอนาคตหลังซื้อ MWB ซึ่งจะทำให้ TUF เป็นผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่สุดในโลกได้เปรียบคู่แข่งในทุกด้าน
• (+) SCC ปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 375 บาท จาก 330 บาท กำไร 3Q10 ต่ำสุดจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q10 เป็นต้นไป การเติบโตในปีหน้าจะมาจากโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2 ที่จะเดินเครื่องได้อย่างเต็มที่ ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชดเชยmargin ของธุรกิจปิโตรเคมีที่ยังอยู่ในระดับต่ำได้
• (+) TVO ปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 31 บาทแต่ลดคำแนะนำลงเป็นถือ จากเดิมซื้อเพราะราคาหุ้นมี upside เหลือเพียง 8% แนวโน้มกำไร 3Q10 แย่กว่าคาดโดย -6.8% Q-Q และ -27.8% Y-Y
• (+) คาด SSI, RATCH ประกาศผลประกอบการวันนี้
• Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้า แต่ปริมาณเบาบางมาก ทั้งนี้เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่รอดูประกาศตัวเลขจีดีพีสหรัฐและการประชุมเฟดในวันที่ 2-3 พ.ย นี้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร นอกจากนี้ข่าวที่ว่าเฟดอาจจะอัดฉีดเม็ดเงินประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์ เป็นเวลา 6 เดือน โดยจะทะยอยอัดฉีดเดือนละประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ที่คาดว่ากันว่าจะออกในปริมาณที่มากถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 5 แสนล้านในคราวเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามเรามองว่าแม้จะไม่มีการอัดฉีดเม็ดเงินจากเฟด กระแสเงินทุนจากต่างชาติก็จะยังไหลเข้าตลาดภูมิภาคเอเชียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะอย่างไรก็แล้วแต่อัตราดอกเบี้ยของ
ประเทศในเอเชียสูงกว่าสหรัฐและยูโรปมาก นอกจากนี้การที่เฟดไม่อัดฉีดเม็ดเงินของสู่ระบบก็ยังหมายความว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่ถดถอยอีกหรือแข็งแกร่งพอที่จะ
ฟื้นตัวในอนาคตนั้นเอง อย่างไรก็ตามระยะสั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่าลงและตลาดหุ้นเกิดแรงขายทำกำไรหลังเฟดอัดฉีดเม็ดเงินน้อย
กว่าคาด แต่จะเป็นจังหวะซื้อสะสมในการลงทุนระยะยาว

ข่าวภายในประเทศ
ทยอยซื้อ ‘LTF-RMF’ ก่อนดัชนีทะลุพันจุด กองทุนแนะทยอยซื้อ LTF-RMF ช่วงหุ้นปรับฐาน ฟันธงปีนี้ดัชนีทะลุ 1 พันจุด รับอานิสงส์เงินซื้อ
กองทุนหวังลดหย่อนภาษีเข้าอีกหมื่นล้านบาท ต้านทานแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ด้าน “บลจ.กรุงไทย” –“บลจ.แอสเซท พลัส” มั่นใจผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นยังสวย หลังดัชนีปรับตัวขึ้นทำนิวไฮ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-10-2010)
JAS เทรดวอลุ่มโป่งหวั่นถูกแคชบาลานซ์ JAS เตรียมติด turnover list หากวอลุ่มเทรดวันนี้เกิน 144 ล้านบาท และราคาหุ้นปิดต้องสูงกว่า 1.45บาท ทำให้การคำนวณ P/E เกิน 50 เท่า เข้าเกณฑ์ ก.ล.ต. ทันที และมีสิทธิถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ บังคับให้ซื้อในบัญชีเงินสด (cash balance) (ที่มา:นสพ.ข่าวหุ้น 28-10-2010)
N-PARK ลุ้นชนะ! คดีแบงก์สินเอเซียบอร์ดมีมติเพิ่มทุน เอ็นพาร์คมั่นใจชนะคดีเก่า สินเอเซีย 741.40 ล้านบาท ภายใน 1-2 เดือนนี้ ระบุถ้าชนะใช้เป็นบรรทัดฐานกับคดีอื่นได้หมด ส่วนโครงการร้อยชักสามอยู่ระหว่างเจรจาหาข้อยุติ บอร์ด "N-PARK" มีมติให้นำหุ้นสามัญ 13,645.95 ล้านหุ้นที่เหลือจากการเพิ่มทุนครั้งที่แล้ว เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราส่วน 4 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาขายหุ้นละ 0.01 บาท(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-10-2010)
SC ยอดขายพุ่ง 6 พันล้าน ทุ่ม 80 ล้านลุยรีแบรนดิ้ง SC เผย 10 เดือนโชว์ยอดขาย 4,000 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปีนี้ยอดขายพุ่ง 6,000 ล้านบาท ทุ่มงบคอร์ปอเรทกว่า 80 ล้านบาท เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาและจัดกิจกรรมเปิดตัว 12 โครงการ มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 5-7 พ.ย.นี้"ยิ่งลักษณ์" ลั่นปีหน้าตั้งเป้ายอดขาย-รายได้โต 25% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-10-2010)
CSL ครึ่งหลังลูกค้าองค์กรไหลเข้า เชื่อทั้งปีกำไร 76 ล้าน - ปันผล 0.25 บ. CSL เชื่อธุรกิจอินเตอร์เน็ตยังพอไปได้ คาดครึ่งปีหลังลูกค้าองค์กรยังทยอยเข้ามาต่อเนื่อง คาดรายได้โตสูงสุด 10% วางเป้าหมายรักษากำไรที่ 40 สต.ต่อหุ้น โบรกฯคาดรายได้ไตรมาส 3 มากกว่า 678 ล้านบาท กำไร76 ล้านบาท ส่วนทั้งปีคงกำไรที่ 343 ล้านบาท โตขึ้น 20% เชื่อปันผลที่เหลืออีก 0.25 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-10-2010)
PTTCH กำไร Q3 ต่ำสุดรอบปีนี้ รับสเปรดลด-กำลังผลิตใหม่เข้า PTTCH ส่งสัญญาณ Q3 กำไรทำจุดต่ำสุดที่ 2,132 ล้านบาท หลังเปรดลดลง
กำลังผลิตใหม่จากตปท.จะเข้ามา แต่ลุ้นวอลุ่มช่วย เหตุ ส.ค.นี้ แครกเกอร์ 1 ล้านตัน เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ และLDPE 3 แสนตันต่อปี สตาร์เครื่องผลิตแล้ว รอลุ้นไตรมาส 4 รายได้ฟื้น หลังความต้องการยังเติบโต (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-10-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: เยอรมนีเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค.ลดลง 7.5% หลังตลาดแรงงานฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ นายอุร์ซูลา วอน เดอ เลเยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของเยอรมนี เปิดเผยว่า จำนวนคนว่างงานในเยอรมนีลดลงต่ำกว่าระดับทางจิตวิทยาที่ 3 ล้านคนในเดือนตุลาคม โดยนายวอน เดอ เลเยน ระบุว่า อัตราการว่างงานเดือนต.ค.ร่วงลง 7.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน สู่ระดับ 2.9 ล้านคน และทำสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2535 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-10-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเกินคาด 3.3% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนก.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.2% เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดสั่งซื้อเครื่องจักร เครื่องบินและชิ้นส่วนเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม หากไม่นับรวมยอดสั่งซื้อในหมวดการขนส่ง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย.ลดลง 8.8% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-10-2010)
สหรัฐอเมริกา: ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด 6.6% หลังยอดขายในเขตมิดเวสต์ทะยาน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 6.6% แตะระดับ 307,000 ยูนิต/ปี จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 288,000 ยูนิต/ปี มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 300,000 ยูนิต ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเกินคาดนั้นมาจากยอดขายบ้านใหม่ในเขตมิดเวสต์ที่ทะยานขึ้น 61% ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่ในภูมิภาคตอนใต้และตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง3% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-10-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งเกินคาด 5.01 ล้านบาร์เรล หลังยอดนำเข้าสูงขึ้น สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 22 ต.ค. พุ่งขึ้น 5.01 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 366.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล หลังจากสหรัฐนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 863,000 บาร์เรล/วัน แตะระดับ9.43 ล้านบาร์เรล/วัน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-10-2010)
เอเชีย: สนง.สถิติเวียดนามคาดยอดขาดดุลการค้า 10 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ $9.5 พันล้าน สำนักงานสถิติเวียดนามคาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลการค้าของเวียดนามอาจเคลื่อนไหวที่ระดับ 9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 16.4% ของรายได้การส่งออกโดยรวมในประเทศ สำหรับยอดขาดดุลการค้าในเดือนต.ค.อาจอยู่ที่ระดับ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 17.6% ของรายได้จากการส่งออก (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-10-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code183:ไม่ต่ำกว่า992มีลุ้นยืนเหนือ1,000จุด

วันพุธที่ 27ตุลาคม 2553
ATT Code :ไม่ต่ำกว่า992มีลุ้นยืนเหนือ1,000จุด
ฮั่งเส็งยังคงลงด้วยเหตุผลเดียวกับเมื่อเช้าคือราคา commodity (Materials) ปรับลง + ตลาดกล้วว่าเม็ดเงิน QE2 จะน้อยกว่าคาด กลุ่มที่ลงหนักยังคงเป็น Basic materials และ Oil&Gas
ฮั่งเส็งลบลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ -400 จุด นำลงโดยกลุ่ม Basic Material เพราะ 1. ตลาดกลัวฟองสบู่ในภาคอสังหา 2. ราคา commodity ลดลง 3. China Coal Energy กำไรต่ำกว่าคาด 4. JP Margan ปรับลดคำแนะนำ BYD Co. ผู้ผลิตรถยนต์ จาก Neutral เป็น Underweight
----------------------------------------------------------------------------------

MARKET WAVEAnalysis
27 ตค. 53 ( +3.80 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ต้องไม่ต่ำกว่า 992 จุด
ดัชนีในวันอังคาร สามารถปรับตัวเกินจุดสูงสุดเดิมของปีนี้ที่ 999.51 และถือเป็นการปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะวันขึ้นมาได้
จากนี้ไปถ้า ไม่ต่ำกว่า 992 จุด เส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ถือว่า ตลาดมีแนวโน้มในการปรับตัวขึ้นต่อยังเป้าหมาย 1040 – 1060 จุด
สำหรับภาพสองสามสัปดาห์ข้างหน้า ในรูปแบบของ Double Zigzag wave ประมาณระยะทางนับจากจุดต่ำสุด 20 กย. ถึงจุดสูงสุดของวันที่ 4 ตค.
ณ บริเวณ 1040 – 1060 จุด ตลาดมีโอกาสที่จะปรับฐานใหญ่กลับลงมาบริเวณ 930– 950 จุด ?? ... รอดูโครงสร้างภาพอีกครั้ง

หุ้นเด่น
KTB
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 17.50กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายระยะสัปดาห์ 19.50 – 20.50( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 17.00 )19.50 – 20.50

IVL
ยังสามารถปรับตัวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันได้ รอซื้อตามมื่อปรับตัวเกิน 34.00 จุดสูงสุดวันอังคาร เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน37.00 – 38.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 33.25 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
IVL เกิน 34 ขึ้น 37 – 38
PTT แกว่งตัว 303 - 309
BANPU ไม่ต่ำกว่า 788 ขึ้น 816 - 836
PTTCH ไม่ต่ำกว่า 148.50 ขึ้น 151 – 155
SCC เกิน 333 ขึ้น 350 – 365
PTTAR แกว่งตัว 28.50 – 31
JAS เกิน 1.45 ขึ้น 1.50 – 1.60
ADVANC แกว่งตัว 92 – 94
PTTEP แกว่งตัว 170 – 173
ITD เกิน 5 ขึ้น 5.10 – 5.20
----------------------------------------------------------------------------------
EFinanceThai:1,000 จุดผ่านได้... หุ้นไทยไปต่อ
วงการมองหุ้นไทยไปต่อ หลังดัชนีฯ ผ่าน 1,000 จุดสำเร็จ พร้อมวอลุ่มเทรดยังหนาแน่น มั่นใจ Fund Flow ยังอยู่ แถมระยะนี้ยังได้งบ บจ.ไตรมาส 3/53 หนุน แต่จะให้ดีต้องเลือกลงทุนหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เหตุรับผลดีจากเหตุการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดวันที่ 26 ตุลาคม 2553 ที่ระดับ 996.04 จุด เพิ่มขึ้น 3.80 จุด หรือ 0.38% มูลค่าการซื้อขาย 34,241.78 ล้านบาท โดยระหว่างวัน ดัชนีฯ ไปทำจุดสูงสุดที่ 1,001.06 จุด

* หุ้นไทยไปต่อหลังแตะ 1,000 จุด ต้องเลือกหุ้นวัสดุฯ
นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า หลังจากที่ SET Index สามารถปรับขึ้นแตะระดับ 1,000 จุดได้เรียบร้อยแล้ว ประเมินว่าหลังจากนี้ดัชนีฯ มีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ เพราะยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น ประกอบกับนักลงทุนยังคงรอดูผลประกอบการในไตรมาส 3/2553 ว่าจะออกมาในทิศทางใด ซึ่งหากออกมาดีคาดว่าจะส่งผลบวกต่อบรรยากาศการลงทุนและสนับสนุนให้ดัชนีฯ ยืนที่ระดับ 1,000 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง
"ช่วงนี้ดัชนีฯ อาจจะเคลื่อนไหวแกว่งตัวและวอลุ่มน่าจะยังอยู่ในระดับนี้ แต่ก็ถือว่าดัชนีฯ อยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะยังคงรองบในไตรมาส 3 ที่ยังไม่ได้ประกาศ ถ้าออกมาดีก็จะเป็นบวกต่อ SET Index ให้ปรับขึ้นได้ต่อ สำหรับปัจจัยบวกอื่นๆ ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ส่วน บล.โกลเบล็ก เองก็ประเมิน SET Index สิ้นปีนี้ไว้ที่ 1,045 จุด" นายธวัชชัย กล่าว
ขณะที่กลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนที่ซื้อหุ้น เมื่อดัชนีฯ อยู่ในระดับต่ำๆ แนะนำให้ถือต่อ เพราะคาดว่าดัชนีฯ มีโอกาสปรับขึ้นได้ ประกอบกับบรรยากาศการลงทุนยังมีแนวโน้มที่ดี ส่วนนักลงทุนที่ยังไม่หุ้นแนะนำให้ซื้อเล่นรอบ โดยหุ้นที่แนะนำให้ลงทุน ประกอบด้วยหุ้นที่เกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง เพราะจะได้รับปัจจัยบวกหลังจากที่น้ำลด ส่งผลให้ยอดขายสินค้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นในทิศทางที่ดีด้วย

* ตลาดฯ ไร้ปัจจัยลบ นลท. รอผลประกอบการ บจ. Q3/53
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน เปิดเผยว่า ดัชนีฯ สามารถปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1,001.06 จุดได้ เพราะได้รับปัจจัยบวกจากแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และวัสดุก่อสร้าง ส่วนแนวโน้มดัชนีฯ ในช่วงนี้คาดว่ามีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง เพราะยังไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังรอดูผลประกอบในไตรมาส 3/2553 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่จะทยอยประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงนี้อาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติไม่มีอะไรน่ากังวลนัก ดังนั้นจึงแนะนำนักลงทุนซื้อหรือรอซื้อเมื่อดัชนีฯ อ่อนตัว โดยหุ้นกลุ่มที่แนะนำได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง, รับเหมาก่อสร้าง และยานยนต์ เป็นต้น
"หลังจาก SET สามารถแตะระดับ 1,000 จุดได้ ก็ประเมินว่าในระยะนี้ดัชนีฯ มีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ เพราะยังมีเม็ดเงินไหลเข้ามา แต่อาจจะมีแรงขายทำกำไรตามจิตวิทยาออกมาบ้าง ในระยะสั้นๆ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งนักลงทุนก็เลือกซื้อหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง ยานยนต์ ก็ได้" นายชัย กล่าว

* ประเมิน Fund Flow ยังไหลเข้า ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า คาดว่าแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงสิ้นปีมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุระดับ 1,000 จุด เนื่องจากได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ที่มีโอกาสและพร้อมที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย ประกอบกับคาดว่าในช่วง 2 เดือน คือเดือน พ.ย.-ธ.ค. มีโอกาสที่จะมีเม็ดเงินจากกองทุน LTF และ RMF เข้ามาอย่างต่ำประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งคาดว่าในแง่ของเม็ดเงินจากกองทุน LTF และ RMF น่าจะเติบโตจากปีก่อนประมาณ 7-8% ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์ (NAV) ก็จะปรับสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มมีเม็ดเงินดังกล่าวเริ่มทยอยเข้ามาในตลาดหุ้นแล้ว และคาดว่าจะไหลเข้ามาลงทุนต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี
อย่างไรก็ดี มองว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีฯยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้น แต่อาจจะมีการผันผวน แต่เชื่อว่าหากไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบต่อตลาดหุ้น คาดว่าเม็ดเงินก็มีโอกาสจะไหลเข้ามาลงทุนต่อ
ด้านประเด็นที่มีความกังวลว่ากองทุน LTF และ RMF จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนน้อยลง หลังจากที่ตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้น แต่ยังเชื่อว่าประชาชนที่มีฐานเงินเดือนสูงยังคงต้องการถือกองทุน LTF และ RMF เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้านภาษี โดยไม่ได้มีการคาดหวังกำไร หรือผลตอบแทนเป็นหลัก

* พบผลสำรวจ ผู้บริหาร บจ. กังวลปัญหาการเมืองมากสุด
นางสาวเพ็ญศรี สุธีรศานต์ ผู้อำนวยการสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย (สมาคมบจ.) กล่าวถึงผลสำรวจผู้บริหารจำนวน 66 บริษัท ใน 9 อุตสาหกรรมเกี่ยวกับภาพรวมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ พบว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวประมาณ 6.5-7.5% และปีหน้าขยายตัว 4-4.5% โดยปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ความไม่มั่นคงทางการเมือง ปัญหาเงินบาท และปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ในส่วนของสัญญาณที่แสดงถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นในความยั่งยืนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พบว่า 97% เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแล้ว มีเพียง 3% ที่เห็นว่ายังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นางสาวเพ็ญศรี กล่าวถึงผลสำรวจผู้บริหารจำนวน 66 บริษัท ใน 9 อุตสาหกรรมเกี่ยวกับประเด็นการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนในอีก 12 เดือนข้างหน้า ว่า ผู้ประกอบการกว่า 85% เห็นว่าจะขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งเทียบกับปี 2552 ซึ่งมีเพียง 58% ที่จะขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม บริษัทจดทะเบียนยังคงมีความกังวลต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองเป็นปัจจัยอันดับ 1
สำหรับแผนการระดมทุนเพื่อการลงทุนของบริษัทจดทะเบียน แหล่งเงินทุนหลักที่สำคัญมาจากกำไรสะสม รองลงมาคือ การขอสินเชื่อจากธนาคาร และการออกหุ้นกู้ภายในประเทศ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปี 2552 พบว่า บริษัทมีความมั่นใจมากขึ้นในเรื่องการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน และการระดมทุนจากตลาดทุน
ส่วนผลสำรวจผู้บริหารจำนวน 66 บริษัท ใน 9 อุตสาหกรรมเกี่ยวกับประเด็นมุมมองทางเศรษฐกิจ-การเมืองของรัฐบาลปัจจุบัน ในหัวข้อแนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ว่า 42% ตอบว่าพัฒนาระบบราง รองลงมาขยายถนน/ทางด่วน และขยายศักยภาพของท่าเรือ
นอกจากนี้ในหัวข้อ 3G มีความสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ตอบว่ามีความสำคัญมาก และรัฐบาลควรเร่งดำเนินการทันที เนื่องจากระบบ 3G มีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
ขณะที่นโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล 62% เห็นว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมีผลในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลควรให้ความสำคัญมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ 1. การรักษาเสถียรภาพทางการเมือง 2. การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และ 3. การดูแลค่าเงินบาท
นางสาววิวรรณ ธาราหิรัญโชติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ศูนย์วิจัยฯ มองว่าแนวโน้มเงินบาทยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง อาจเพราะประเทศไทยมีการเกินดุลบัญชีสะพัดมาตลอด โดยล่าสุดเงินบาทแข็งค่าขึ้นไป 11.6% ทั้งนี้คาดว่าสิ้นปีนี้เงินบาทจะอยู่ที่ระดับ 29 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนปีหน้าอยู่ที่ 28 บาทต่อดอลลาร์

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS:ยังรอซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัวลง...เพื่อลุ้นโอกาสดีดขึ้นเหนือ 1000 จุดต่อได้
แนวโน้ม: FSS ยังคาดว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่องในกรอบ 980-1000จุด และอาจมีหลุดต่ำกว่า 980 จุดลงไปได้บ้าง เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศเริ่มมียอดขายสุทธิต่อเนื่องมากขึ้น เพราะเริ่มเข้าใกล้ช่วงท้ายปีซึ่งจะเป็นช่วงวันหยุดยาวของสถาบันต่างประเทศ จึงทำให้คาดว่านักลงทุนต่างประเทศ
บางส่วนอาจเริ่มลดพอร์ตลงบ้างหลังจาก SET ขยับขึ้นมามากพอควร อย่างไรก็ตามจากกระแสข่าวเรื่องการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ
ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลหลังการประชุมเฟดในต้นสัปดาห์หน้า(วันที่ 2-3 พ.ย.) จะยังเป็นปัจจัยบวกให้กับตลาดหุ้นไทยได้อยู่ รวมทั้งในช่วงท้ายปีมักจะมีเม็ดเงินจาก
กองทุน LTF และ RMF เข้ามาเสริมในตลาดหุ้นด้วย ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้ทยอยเลือกหุ้นเข้ารับได้ เพื่อลุ้นดัชนีขยับขึ้นเหนือ 1000 จุดได้ในที่สุดต่อไป
กลยุทธ์: ยังแนะนำให้เลือกหุ้นเข้าซื้อได้เมื่อตลาดอ่อนตัวลง โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ SCB, KBANK, BBL, TCAP, TASCO, TTCL, ITD, STEC, CK, SEFCO,LPN เป็นต้น
Equities Index
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (0) ระวังแรงขายปลายสัปดาห์ก่อนการประชุม Fed 2 – 3 พ.ย. ทั้งจากการเตรียมขาย Sell on fact หรือเม็ดเงินที่ Fed จะซื้อตราสารต่างๆ (QE2) อาจน้อยกว่าตลาดคาด หากเป็นเช่นนั้นจะทำให้เกิดการ cover shortค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับค่าเงินดอลลาร์ในช่วงนี้ที่เริ่มแข็งค่า ขณะที่
เมื่อวาน CS เริ่มขายหุ้นไทย 1 พันกว่าล้านบาท ขายมากเป็นวันแรกในรอบหลายสัปดาห์ สำหรับการลงทุนกลาง-ยาว ยังแนะนำถือต่อ แต่ระยะสั้น น่าหาจังหวะขายเมื่อปรับขึ้น
• (-) DCC กำไรแย่กว่าคาดเพราะยอดขายชะลอกว่าคาด DCC รายงานกำไรสุทธิ 250.5 ล้านบาท -21.8% Q-Q, +4.5% Y-Y จากยอดขายที่ชะลอตามฤดูกาล แต่พัฒนาการที่ดีคืออัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นต่อเนื่องเป็น 45.7%สูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงที่สุดในอุตสาหกรรมกระเบื้องปูพื้น เรายังแนะนำซื้อจากกำไรที่โตต่อเนื่อง และอัตราปันผลตอบแทนปีละ 6% ราคาเป้าหมาย
65 บาท
• (+) THAI หากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน คาดกำไรในไตรมาสนี้ 2.92 พันล้านบาท ฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 3.17 พันล้านบาทและขาดทุน 1.21 พันล้านบาท จากจำนวนผู้โดยสารที่ฟื้นตัว แนวโน้มของTHAI ที่ดีขึ้นได้สะท้อนไปในราคาหุ้นไปแล้วบางส่วน จึงแนะนำซื้อเก็งกำไร
ผลประกอบการ หรือซื้ออ่อนตัว เราประเมินเป้าหมาย 48 บาท
• (0) SSC บ.เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ ขอทำ Tender offer หุ้น SSCทั้งหมดในราคา 42 บาท/หุ้น โดยจะยื่นคำเสนอซื้อย่างเป็นทางการ 3 พ.ย. นี้
• (+) วันนี้ PTTEP และ SCC ประกาศผลประกอบการ แนวโน้มกำไรPTTEP ดีมาก ส่วน SCC กำไรชะลอแต่ก็รับรู้ไปในราคาหุ้นแล้ว
• Fund Flow วานนี้ไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันและมีปริมาณที่หนาแน่นมากขึ้น แม้จะไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสู่ตลาด แต่ความตึง
เครียดเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินสกุลเอเชียได้ผ่อนคลายลง และตลาดยังคงคาดหวังว่าเฟดจะอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มกระแสเงินทุนจากต่างชาติน่าจะยังคงมีไหลเข้าเอเชียต่อเนื่องเช่นเดิมอย่างไรก็ตามค่าเงินยูโรและค่าเงินในภูมิภาคเอเชียกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยหลังจากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดกันว่าเฟดอาจอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไปจากเดิมที่คาดว่าเฟดจะใส่เงินเข้ามาครั้งเดียวในปริมาณมาก ส่งผลให้ค่าเงินเอเชียและยูโรเช้านี้อ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่เราระยะยาวยังเชื่อว่า Fund Flow ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคเช่นเดิม
เมื่อคืนนี้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงกว่า 77 จุดในระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ก่อนจะไต่ระดับกลับขึ้นมาปิดเป็นบวก5.41 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลของนักลงทุนที่ว่าการเลือกตั้งของสหรัฐและการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า อาจส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายด้านการเงินและกฎหมายของสหรัฐได้ แต่ยังได้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดี และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเอกชนช่วยหนุน
ตลาดหุ้นในยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลง หลังธนาคารยูบีเอสรายงานว่าแผนกวาณิชธนกิจประสบภาวะขาดทุน นอกจากนี้ราคาบ้านในสหรัฐที่ปรับตัวลง ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดบวก 0.03 ดอลลาร์ปิดตลาดที่82.55 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.ที่ดีขึ้น
ราคาทองคำ COMEX เดือน ธ.ค. ปิดลดลง 0.30 ดอลลาร์อยู่ที่ 1,338.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้น
ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดบวก 30 จุดอยู่ที่ 2778 จุด ดีดตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และสามารถขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 1 เดือนเศษด้วย

ข่าวภายในประเทศ
SAMART กระฉ่อน 30% SAMTEL-SIMตัวทำเงิน ปีนี้โชว์กำไร 600 ล้าน “วัฒน์ชัย”ลั่น 3 จีสู้ไม่ถอย SAMART มั่นใจกำไรครึ่งปีหลังแรงต่อเนื่อง คาดรายได้โตไม่น้อยกว่า 30% รับ SAMTEL–SIM โตต่อเนื่อง พร้อมโดดลุยงานประมูล 3 จีทีโอที 19,000 ล้านบาท โชว์งานในมือสูงกว่า6,000 ล้านบาท โบรกฯเชื่อกำไร Q3 ราว 150 ล้านบาท ส่วนทั้งปีเชื่อจบเฉียด 600 ล้านบาท โต 58% จากปีที่แล้ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-10-2010)
IVL แพ้ประมูล PET หุ้นรูด 20% IVL รูดกว่า 20% ผู้บริหารรับสภาพแพ้ประมูลซื้อโรงงานทำพลาสติก PET ของ Eastman ที่สหรัฐ นักลงทุนเทขายหนัก โบรกฯเชื่อลั่นไตรมาส 3 กำไรแตะ 1,442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152% จากช่วงเดียวกันไตรมาสก่อน เป้ารายได้ทั้งปีเติบโต 20% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-10-2010)
KASET กระหึ่ม! กำไร Q4 รับ 2 เด้งยอดขายไฮซีซั่น KASET รับ 2 เด้ง เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับรับอานิสงส์จากน้ำท่วมดันยอดขายสินค้าสำเร็จรูป ทั้งโจ๊ก วุ้นเส้นและข้าวปรับตัวสูงขึ้น เป้ารายได้ปีนี้ 2.1 พันล้านบาท เติบโตทั้งในและต่างประเทศ หลังรุกขยายตลาดแถบ
อาเซียน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-10-2010)
SPALI เจ๋งพรีเซลทะลัก แบ็กล็อกพุ่ง 2 หมื่นล้าน "ศุภาลัย" แจ่ม! ยอดขายทะลัก 12,200 ล้านบาท 2 เดือนจ่อเปิด 7 โครงการมูลค่า 8,200 ล้านบาท มั่นใจยอดขายทั้งปีเกินเป้า 15,000 ล้านบาท ล่าสุดแบ็กล็อกพุ่ง 20,000 ล้านบาท บุ๊คปีนี้ 5,000 ล้านบาท "ไตรเตชะ" ลั่นรายได้ปีนี้สูงกว่าเป้า11,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-10-2010)
MAJOR เล็งขึ้นค่าโฆษณาโรงหนัง ลูกค้าแห่ซื้อแน่นทะลัก Q3 กำไรเกิน 140 ล้านบาท MAJOR เล็งขึ้นค่าโฆษณาโรงหนัง ผู้บริหารชี้ความต้องการซื้อแน่นเอี้ยด จ่อคิวปรับเพิ่มต้นปีหน้า ชี้ไตรมาส 3 ไปได้สวย หนังทำเงินเพียบ ชี้ปัญหาน้ำท่วมไม่กระเทือน หลังโรงหนังส่วนใหญ่อยู่ใจกลางเมือง ฟากวงการเงินชี้กำไรปกติไตรมาส 3 โตขั้นต่ำทะลุ 100% เกิน 140 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-10-2010)
TVO เด้งรับราคาถั่วเหลืองขยับ กำไร Q4 แจ๋วซื้อเป้า 29.03 บาท หุ้น TVO วิ่งขึ้นต่อเนื่อง หลังคาดราคาถั่วเหลืองมีโอกาสขยับจาก 12 เหรียญ
ต่อบุชเชล ไปสูงกว่า 13 เหรียญต่อบุชเชล หนุนประสิทธิภาพการทำกำไร เชื่อไตรมาส 4 ราคาขายในประเทศปรับขึ้น และได้รับประโยชน์จากการเดินเครื่องกำลังการผลิตส่วนเพิ่มเต็มที่ โบรกฯแนะซื้อราคาเป้าหมาย 29.03 บาท รับดิวิเดนด์ยีลด์ 5.2-5.7% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-10-2010)
SENA กำไร Q3 หล่นฮวบ 63% เหตุรายได้ลด-ค่าใช้จ่ายพุ่ง SENA ไตรมาส 3 โชว์ยอดขาย 450 ล้านบาท โต 22% ส่วนกำไรคาดทำได้ 24ล้านบาท หล่นฮวบ 63% เหตุไตรมาส 3 รายได้ลดเหลือ 200 ล้านบาท จาก 300 ล้านบาทในไตรมาส 2 แต่เชื่อกำไรจะกลับมาเติบโตสูงสุดในไตรมาส4 รอบุ๊ครายได้โอนคอนโดฯ 800 ล้านบาท แนะ "ซื้อ" ราคาเหมาะสมปีหน้า 2.95 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-10-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ ยุโรป: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีทรงตัวที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง สถาบันวิจัย GfK เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีทรงตัวที่ระดับสูงสุดในรอบสองปีครึ่งในเดือนพ.ย. เนื่องจากผู้บริโภคยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ อันเนื่องมาจากการว่างงานที่ลดลง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับ 4.9 จุดในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีประกอบด้วยมาตรวัด 3 ตัวได้แก่ การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นแตะ 56 จาก 53.5 อันมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากตลาดแรงงานที่ฟื้นตัวดีขึ้น โดยอัตราว่างงานของเยอรมนีปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 15 ในเดือนต.ค. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-10-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค.ลดลง 0.3% หลังนโยบายลดหย่อนภาษีผู้ซื้อบ้านหมดอายุ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคสชิลเลอร์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค.ใน 20 ขตเมืองของสหรัฐ ลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก.ค. ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ หลังจากนโยบายลดหย่อนภาษีแก่ผู้ซื้อบ้านหมดอายุลง หากเทียบเป็นรายปีพบว่า ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค.ใน 20 ขตเมืองของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.7% ซึ่งน้อยกว่าเดือนก.ค.ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 3.2% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-10-2010)
สหรัฐอเมริกา: คอนเฟอเรนซ์บอร์ดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นเกินคาด คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.2 จุด จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 48.6 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 49.2 จุด อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ยังคงเคลื่อนไหวใกล้กับระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากผู้บริโภคยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ร่วงลง 95,000 ตำแหน่ง ซึ่งลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่อัตราว่างงานยืนอยู่ที่ระดับ 9.6% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-10-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code 182 : ยืนเหนือ 991 ลุ้นไปที่ 999

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม 2553

ATT Code : ยืนเหนือ 991 ลุ้นไปที่ 999
หลังจากที่ SET ยืนเหนือ 991 มาได้ และก็ผ่าน 999 มาแตะ 1,000 ได้ถึง 2 ครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยืนเหนือ 1,000 จุดได้ โดยมาปิดที่ 996.04 จุด

SET แตะ 1,000 จุดครั้งแรก @ 10.40 น. ก่อนที่จะหลุด 1,000 ลงมาครั้งแรก



ขึ้นไป High ที่ 1001.06

ก่อนที่จะหลุด 1,000 ลงมาอีกครั้งแล้วมาปิดที่ 996.04




----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
26 ตค. 53 ( +3.44 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

แกว่งตัวในกรอบ 980 - 999 จุด
แนวโน้มตลาดในช่วงนี้ เป็นการแกว่งตัวในกรอบ 980 – 999 หรือระหว่างจุดต่ำสุดของวันพุธถึงจุดสูงสุดเดิมของปีนี้ จากนั้นมีความเป็นไปได้ 2 แนวทางด้วยกัน คือ
1 การปรับตัวขึ้น เกิน 999.51 จุดสูงสุดเดิมของปีนี้ ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อแถว1040 – 1053 จุด ... ก่อนที่จะปรับฐานใหญ่ต่อไป
2 การปรับตัวลง ต่ำกว่า 979.12 จุดต่ำสุดของวันที่ 20 ตค. ดัชนีมีโอกาสปรับฐานใหญ่แถว 900 – 910 จุด หรือเท่ากับอัตราส่วน Fibonacci Ratio 38.2% นับจากที่ปรับตัวขึ้นมาเมื่อเดือน มิย. ปีนี้

หุ้นเด่น
LANNAปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ขึ้นมาได้ ทยอยซื้อแถว 20.70 – 20.90หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 21.30 จุดสูงสุดวันศุกร์ เป้าหมายระยะสัปดาห์ 22.30 – 24.30( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 20.30 )22.30 – 24.30

STPIปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ขึ้นมาได้ ทยอยซื้อแถว 36.00 – 36.50หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 37.25 กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน39.50 – 41.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 35.50 )

Intraday : จากนี้ไปไม่ต่ำกว่า 990 เป้าหมายระยะสัปดาห์ 1053

SCB
ไม่ต่ำกว่า 103 ขึ้น 107 - 108

KTB
ไม่ต่ำกว่า 17 ขึ้น 19.60 - 20.60

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
BANPU ไม่ต่ำกว่า 772 ขึ้น 816 - 836
PTTCH เกิน 144 ขึ้น 144.50 – 146
BJC เกิน 21.90 ขึ้น 22.50 – 22.70
PTT ไม่น่าเกิน 306 - 308
CPALL เกิน 42.25 ขึ้น 42.75 – 43
AMATA เกิน 16 ขึ้น 16.20 – 16.40
KTB แกว่งตัว 17 – 17.50
PTTEP แกว่งตัว 169.50 – 171.50
CPF แกว่งตัว 22.80 – 23.80
PTTAR แกว่งตัว 28.50 – 29.50
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS:
ตลาดยังแกว่งในกรอบ 980-1000 ...จังหวะซื้อจึงยังรออ่อนตัวลงก่อนได้
แนวโน้ม: เราคาดว่าเช้านี้ SET มีโอกาสรีบาวด์ขึ้นไปเคลื่อนไหวในด้านบวกต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้วก่อนได้ หลังเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย
ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในด้านบวกและปิดเป็นบวกได้พอควร หลังที่ประชุมกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศรวมทั้ง G20 บ่งชี้ว่าสถานการณ์
ในตลาดปริวรรตเงินตราจะยังคงเหมือนเดิม รวมถึงการคาดหวังใน QE รอบสองของเฟดด้วย ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการไป อย่างไรก็ตาม SET ยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวผันผวนและมีโอกาสที่จะย้อนกลับลงไปเคลื่อนไหวในด้านลบได้เนื่องจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้เริ่มแกว่งบวกแคบๆ และมีแรงขายทำกำไร
ออกมาบ้างในบางแห่ง นอกจากนี้สถานการณ์น้ำท่วมในบ้านเรามีสิทธิเป็นแรงกดดันต่อความกังวลต่อสภาวะเงินเฟ้อที่อาจสูงขึ้นได้ด้วย
กลยุทธ์: จังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อเพิ่มจึงยังรอช่วงตลาดอ่อนตัวลงได้ โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ SCB, KBANK, BBL, TCAP, TASCO, TTCL, ITD, STEC, CK,SEFCO, LPN เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) สิ่งที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ในประเทศมีผลประกอบการของ TPC (26),SCC (27), PTTEP (27/28), DCC (28), SSI (29) สำหรับปัจจัยต่างประเทศนอกจากผลประกอบการของ Exxon Mobil, Ford, Microsoft, Merck, Procterand Gamble แล้ว มีรายงานเกี่ยวกับบ้าน และคาดการณ์ครั้งแรก GDP 3Q10 ของสหรัฐฯ ประกาศในวันศุกร์ (ตลาดคาด +2.5% annualized ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ +1.7% annualized) และตลาดยังคงคาดหวังกับมาตรการ QuantitativeEasing (QE2) ที่ Fed จะประชุมในวันที่ 2 – 3 พ.ย. นี้ เรายังยืนยันเป้าดัชนีปีนี้1,100 จุด ระยะสั้น เลือกซื้อเป็นรายตัว ระยะกลาง-ยาว ถือ
• (+) ADB ชี้บาทแข็ง-น้ำท่วม ไม่มีผลต่อ GDP ไทย มั่นใจปีนี้โต 7% แต่ใน1Q11 ต้องดูผลผลิตภาคเกษตรเพื่อประเมินผลกระทบอีกครั้ง และเห็นว่าการเติบโตของเศรษฐกิจปีหน้าชะลอตัวเหลือโต 4.5% สำหรับเงินทุนไหลเข้าไทยถือเป็นการเก็งกำไรตามปกติ ไม่ใช่การโจมตีค่าเงินบาท และยังไม่เห็นแรงกดดันราคาสินทรัพย์ในไทย

• (+) DTAC จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.56 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 1.3% ขึ้นXD 4 พ.ย. จ่ายเงิน 19 พ.ย. ส่วนกำไร 3Q10 ดีต่อเนื่องตามคาด +26% Q-Qและ +88% Y-Y ราคาหุ้นยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ 48 บาท และคาดว่าจะมีปันผลปลายปีอีกทำให้มี Yield 6.7% ต่อปี จึงแนะนำซื้อเพื่อรับปันผล
• (+) GLOBAL คาดกำไร 2H10 ชะลอตัวจาก 1H10 จากปัจจัยฤดูกาล คาดกำไร 3Q10 ลดลง 38% Q-Q แต่เติบโตสูงถึง 91% Y-Y และกำไรทั้งปีโตสูงสุดในกลุ่มค้าปลีก น้ำท่วมทำให้มีการซ่อมแซมบ้านเรือนหลังจากนี้ เรายังแนะนำซื้อเป้าหมาย 10.60 บาท
• (+) กลุ่มรับเหมา จับตาพรุ่งนี้ ที่ประชุมร่วมรัฐสภาเตรียมลงมติร่างกรอบเจรจาความร่วมมือด้านการพัฒนากิจการรถไฟไทย-จีน มูลค่า 8 แสนล้านบาท ซึ่งจะ
ครอบคลุม 5 เส้นทางหลัก กทม-หนองคาย กทม-ระยอง กทม-สุดชายแดนไทยกทม-อุบล กทม-เชียงใหม่ เป็นประเด็นบวกกับ STEC, CK, ITD
• Fund Flow วานนี้ไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เพิ่มขึ้นและไหลเข้าเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน แม้ผลการประชุมจี 20 ไม่มีข้อสรุปอะไรออกมาแต่ก็ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดเรื่องค่าเงินเอเชียที่แข็งค่าได้บ้าง สำหรับแนวโน้มกระแสเงินทุนจากต่างชาติวันนี้ยังมีทิศทางไหลเข้าต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่าเฟดจะต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบรอบที่ 2 หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสที่จะแข็งค่าไปอีก ซึ่งเช้านี้ค่าเงินเอเชียและบาทค่อนข้างนิ่ง หลังจากวานนี้แข็งค่าขึ้น ค่าเงินยูโรก็แข็งค่าขึ้นมาแตะระดับ 1.4 ยูโร/ดอลลาร์อีกครั้ง ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ดังนั้นหุ้นในกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มนำตลาด

ข่าวภายในประเทศ
TRT กำไร Q3 กระฉูด 200% บันทึกยอดโอนหม้อแปลง TRT ลุ้นกำไรไตรมาส 3/53 โต 204% อยู่ที่ 47.3 ล้านบาท จากจุดต่ำสุดไตรมาสก่อนที่มีปัญหาลูกค้าเลื่อนการรับมอบหม้อแปลง ขณะที่มียอดขายประมาณ 410.4 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นกลับมาอยู่ในเกณฑ์ดี 30.2% สิ้นปี
ตุน Backlog แตะพันล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-10-2010)
CPF กำไรพิเศษ 900 ล้าน Q4 บันทึกปันผลเซเว่นฯ CPF ลุ้น CPALL ปันผลพิเศษระดับ 0.40-0.80 บาท ทำให้ CPF รับรู้กำไรพิเศษ 990-980ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้น 28% “อดิเรก” มั่นใจทั้งปีโตตามเป้ายอดขาย 1.8 แสนล้านบาท และกำไรโตเกิน 20% ส่วนไตรมาส 3/53 มากกว่า 4พันล้านบาท แนะ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 24.75 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-10-2010)
TKS แจ่มกำไรทะลุ 100 ล้าน TKS ปิดงวดไตรมาส 3 ทะลุ 100 ล้านบาท หลัง 9 เดือน ทำรายได้แล้วกว่า 800 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มกำไรทั้งปีมีโอกาสโตกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 20% ขณะที่ไตรมาส 4/53 ออเดอร์ปฏิทินเพียบจ่อรับรู้รายได้จากการพิมพ์แสตมป์เซเว่นอีเลฟเว่น 40-60 ล้านบาท (ที่มา:
นสพ.ข่าวหุ้น 26-10-2010)
HANA โชว์กำไรขั้นต่ำ 700 ล้านบาท ออเดอร์ไหลเข้าทะลัก เงินบาทแข็งไม่กระเทือน HANA กำไรแรงตามติด วงการชี้ไตรมาส 3 กำไรโตขึ้นขั้นต่ำ 700 ล้านบาท ไฮซีซั่นช่วยหนุนออเดอร์งานเข้าแน่นทะลัก ชดเชยปัญหาเงินบาทแข็งค่าได้สบาย ชี้ขยายโรงงานจบไตรมาส 4 ยิ่งช่วยเพิ่มกำลังการผลิตสูงขึ้นถึง 15% ราคาหุ้นยังถูก อัพไซด์เหลืออีกเพียบ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-10-2010)
SGP กำไรไตรมาส 3 เกิน 320 ล้าน ขานรับยอดขายก๊าซพุ่งกระฉูด SGP ไตรมาส 3 รายได้เด้งกว่าไตรมาส 2 หลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น แถม ปริมาณขายก๊าซฯทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่ม เล็งปรับประมาณการรายได้ปีหน้าใหม่ เติบโต 25% จากการรับรู้รายได้จากจีนต้นปี 2554 ส่วน Q4 จ่อประมูลงาน 1 แห่ง ในแถบอาเซียน โบรกฯเชื่อกำไร 323 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-10-2010)
CYBERรุกขยายแฟรนไชส์ GeniusPlanet ปักฐานรายได้สำคัญดันปีนี้โตก้าวกระโดด CYBER ปลื้ม Genius Planet กระแสตอบรับดีเยี่ยม ลุยเต็มที่ด้านการขยายแฟรนไชส์ เผยขณะนี้ปรับโฉมใหม่ใสปิ๊งกว่าเดิม ทั้งห้องเรียนที่สดใส คอมพิวเตอร์พกพารุ่นใหม่ ช่วยขยายฐานรายได้ให้ใหญ่ขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจการพัฒนาซอฟต์แวร์เกม คาดมีสัดส่วนประมาณ 30-40% ของรายได้รวม พร้อมมั่นใจปีนี้ผลงานของ CYBER ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง คาดจะเติบโตแบบก้าวกระโดดได้แน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-10-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code 181 : จะไปไหนก่อนดี 999 หรือ 970

วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 2553
ATT Code : จะไปไหนก่อนดี 999 หรือ 970
ปีนี้อาจจะไม่ได้เห็น SET 1,000 ก็เป็นได้ ถ้ายังไม่สามารถยืนเหนือ 991 ได้ ซื่งถ้าหลุด 980 ก็อาจจะลงยาวได้ต่ำกว่า 970
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
22 ตค. 53 ( +0.69 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

แกว่งตัวในกรอบ 980 - 999 จุด
แนวโน้มในวันศุกร์นี้ ดัชนีน่าจะแกว่งตัวในกรอบ 980 – 999 หรือระหว่างจุดต่ำสุดของวันพุธถึงจุดสูงสดเดิมของปีนี้

จากนั้นมีความเป็นไปได้ 2 แนวทางด้วยกัน คือ
1 การปรับตัวขึ้น เกิน 999.51 จุดสูงสุดเดิมของสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อแถว 1040 – 1055 จุด ... ก่อนที่จะปรับฐานใหญ่ต่อไป
2 การปรับตัวลง ต่ำกว่า 970 เส้นค่าเฉลี่ย25 วัน ดัชนีมีโอกาสปรับฐานใหญ่แถว 900 –910 จุด หรือเท่ากับอัตราส่วน Fibonacci Ratio 38.2% นับจากที่ปรับตัวขึ้นมาเมื่อเดือน
มิย. ปีนี้

หุ้นเด่น
TCAP
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันพอดีทยอยซื้อแถว 39.25 – 39.75 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 40.00 จุดสูงสุดวันพฤหัสเป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 41.50 – 42.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 39.00 )41.50 – 42

STPI
ปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะวันขึ้นมาได้ ทยอยซื้อแถว 35.50 – 35.75 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 37.25 จุดสูงสุดวันพฤหัสเป้าหมายระยะสัปดาห์ 39.75 – 40.75( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 35.00 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
BANPU ไม่ต่ำกว่า 744 ขึ้น 816 - 836
PTT มีโอกาสลง 297 – 300
BJC ไม่ต่ำกว่า 19.90 ขึ้น 21.20 – 23.20
STA ไม่เกิน 32.25 ลง 26 – 28
CPF เกิน 23.90 ขึ้น 24.30 - 25
KTB แกว่งตัว 17 – 17.50
TISCO เกิน 43.50 ขึ้น 44 – 44.50
SCC เกิน 328 ขึ้น 331 - 333
TMB ปรับตัวลง 2.24 – 2.28
STPI รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
----------------------------------------------------------------------------------
FSS - BJC: เก็งกำไรการประมูลคาร์ฟูร์รอบ 2 ปลาย ต.ค.ต้น พ.ย.(รู้ผลสิ้นปี) ถ้าซื้อมาแพงอาจต้องเพิ่มทุน (ปีที่แล้ว Carrefour ขาดทุนเพราะเสีย market share ให้ Lotus, BIGC)

BJC
- ใกล้ระยะเวลาประมูลรอบ 2 คาร์ฟูร์ (ตามเอกสารระบุเป็นรอบสุดท้าย) ราวปลาย ต.ค. – ต้น พ.ย. คาดรู้ผลภายในสิ้นปีนี้
- ผู้ประมูลที่เหลืออยู่ 3 รายได้แก่ BJC, เซ็นทรัล กรุ๊ป และ คาสิโน (BIGC)
- เรายังไม่สามารถประเมิน Synergy จากการซื้อคาร์ฟูร์ได้ เนื่องจากปัจจุบันคาร์ฟูร์ประเทศไทยได้สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับ Lotus, BIGC ทำให้ปี 2009 ที่ผ่านมาขาดทุนราว 300 ลบ. (จากปี 2008 ที่กำไรถึง 500 ลบ.) และยังไม่ทราบกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกของ BJC ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เบื้องต้นคาดว่าการซื้อคาร์ฟูร์จะต่อยอดธุรกิจ Consumer Product (สัดส่วน 30% ของยอดขายรวม) ของ BJC ได้ แต่ถ้าดีลนี้สำเร็จ BJC จะต้องเพิ่มทุนอย่างแน่นอน
- คาดกำไร 3Q10 ของ BJC จะเติบโต Y-Y อยู่ที่ระดับ 450 – 500 ล้านบาท ใกล้เคียง 2Q10
- ราคาเป้าหมาย Consensus (ยังไม่รวมคาร์ฟูร์) อยู่ที่ 24 – 25 บาท

----------------------------------------------------------------------------------
เFSS - รื่องควรรู้ : จากการหมดอายุของ DW ซึ่งตัวแรกของรอบนี้จะเป็น PTT13CB สัดส่วนการแปลง 20 ต่อ 1 ที่ราคา 271.70 บ. ซึ่งจะซื้อขายวันสุดท้ายวันที่ 22 พ.ย.

คาดว่าเมื่อเข้าใกล้วันหมดอายุ ราคาของ DW จะค่อยๆ ปรับตัวเข้าหาราคาที่ไม่มีพรีเมี่ยม เช่น PTT13CB พอเข้าใกล้วันที่ 22 พ.ย. ถ้าราคา PTT อยู่ที่ 305 บาท ราคาของ DW น่าจะปรับตัวลงไปแถว 1.66 บาท (เกิดจากการนำราคาตลาดหุ้นแม่ไปลบด้วยราคาแปลง แล้วหารด้วยสัดส่วนการแปลง) และวอลุ่ม BID คาดว่าจะเหลือค่อนข้างน้อย เนื่องจากนักลงทุนจะไม่มา BID แล้วเพราะไม่มีส่วนต่างเหลือ ดังนั้นยิ่งเข้าใกล้วันหมดอายุเท่าไหร่ คนที่มี DW อยู่ต้องระวังเรื่องของสภาพคล่องในการที่จะขายคืนในตลาดด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับ DW ที่ออกโดย KGI ทางบริษัทแจ้งว่าในวันสุดท้ายของการเทรด (เช่นกรณีของ PTT13CB คือวันที่ 22 พ.ย.) Market Maker ของ KGI จะส่งคำสั่ง BID เข้าไปรองรับ ณ ราคา at the money ให้ทั้งวัน เพื่อนักลงทุนจะได้ไม่ต้องเสียภาษี... (แต่ไม่ได้เป็นข้อบังคับว่าผู้ออก DW ต้องทำแบบนี้ ดังนั้นส่วนของเจ้าอื่นๆ เราจะตามเช็คมาให้อีกครั้ง)
ข้อสำคัญ การหมดอายุของ DW จะเป็น Cash Settlement (ไม่มีการแลกเป็นหุ้นแม่) คือ ผู้ออก DW จะคิดส่วนต่างของราคาปิดหุ้นแม่ ณ วันสุดท้ายเพื่อมาคำนวณส่วนต่าง ถ้าเป็นบวกก็คืนเงินให้ ซึ่งต้องนำไปคำนวณเพื่อเสียภาษีสิ้นปีด้วย
ตัวอย่างเช่น PTT13CB พอสิ้นสุดวันที่ 22 พ.ย.ไปแล้ว ทาง KGI จะนำราคาปิดหุ้น PTT วันที่ 22 พ.ย. (สมมติว่าเป็น 305 บาท) มาหักราคา Exercise ของ PTT13CB ซึ่งในที่นี้เท่ากับ 271.70 บาท เท่ากับนักลงทุนที่ถือ DW อยู่จะได้กำไรจากส่วนต่างเท่ากับ 33.30 บาทต่อ DW ที่ถืออยู่ทุกๆ 20 หน่วย (เพราะสัดส่วนการแปลงคือ 20 ต่อ 1) หรือเท่ากับ 1.66 บาทต่อ 1 PTT13CB นั่นเอง แล้วโอนเงินเข้าบัญชีผู้ถือหน่วย หรือจ่ายเป็นเช็ค ในรูปแบบเดียวกับการรับเงินปันผล โดยไม่ได้สนใจต้นทุนการถือ DW ของนักลงทุนแต่ละคน ซึ่งข้อมูลรายรับตรงนี้นักลงทุนต้องนำไปกรอกเพื่อยื่นแบบฯ ภาษีของปี 53 นี้ในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. 54 ด้วย ไม่ว่านักลงทุนรายนั้นๆ จะมีต้นทุน DW อยู่เท่าไหร่ และจริงๆ แล้วอาจจะขาดทุนจากการลงทุนครั้งนี้ก็ตาม [เช่นถ้าลูกค้าซื้อ DW มาที่ 5 บาท ถ้าคิดส่วนต่างก็จะเป็นขาดทุน = {(5*20)+271.70}-305 = ขาดทุน -66.70 บาทต่อ 20 DW] แต่ก็ต้องนำไปคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีตามฐานภาษีของแต่ละคนด้วย
ดังนั้นถ้าลูกค้าของใครถือไปจนหมดอายุ แล้วปิด Book ได้รับเงินจากผู้ออก DW ต้องเตือนให้นำไปยื่นแบบภาษีกับกรมสรรพากร ณ สิ้นปีนั้นๆ ด้วย เพื่อไม่ให้เสียค่าปรับจากการไม่ลงข้อมูลส่วนนี้ในแบบฯ
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS: ยังมีสิทธิแกว่งในกรอบ 980-1000 ต่อ จังหวะซื้อจึงยังรอตอนอ่อนได้...
แนวโน้ม: FSS ยังคงคาดว่าตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวขึ้น-ลงอยู่ในกรอบ 980-1000 จุดต่อไปก่อน เนื่องจากความกังวลต่อเรื่องของค่าเงินบาทที่ถือว่าแม้จะยังทรงตัวแคบๆ ในช่วงหลัง แต่ก็ยังอยู่ในระดับแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลให้แบงก์ชาติต้องพิจารณามาตรการดูแลออกมาได้ในอนาคต รวมทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาคช่วงนี้แม้ว่าจะเคลื่อนไหวในด้านบวกแต่ก็ยังมีกรอบการขึ้นที่จำกัดและค่อนข้างแกว่งตัวผันผวนเช่นกัน ขณะที่ SET จะติดช่วงวันหยุดต่อเนื่องในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ด้วย จึงน่าจะทำให้นักลงทุนบางส่วนชะลอการเข้าซื้อและอาจขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงออกมาบ้าง ทำให้ SET วันนี้น่าจะยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบเดิมดังกล่าวต่อไป
กลยุทธ์: จึงเน้นถือหุ้นไม่เกิน 50% ของเงินลงทุนต่อ ส่วนซื้อเพิ่มรอช่วงตลาดอ่อนตัวได้ โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ กลุ่มแบงก์(SCB, KBANK, BBL, TCAP) ที่เริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงาน รวมทั้งหุ้นพื้นฐานที่ราคาพักฐานลงมาบ้างแล้วเช่น TASCO, TTCL, ITD, STEC, CK, SEFCO, LPN เป็นต้นประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) UBS ชี้หุ้นไทยน่าลงทุน เพราะมีผลประกอบการดีสุดในเอเชีย มูลค่าหุ้นยังดึงดูดใจ ดัชนีอาจขึ้น 20% แตะ 1,050 จุดสิ้นปีนี้ แนะซื้อหุ้นแบงก์และพลังงาน
• (+) GDP ของจีนใน 3Q10 โต 9.6% Y-Y ดีกว่าตลาดคาดที่ +9.5% Y-Yแต่ชะลอจากไตรมาสก่อนที่ +10.3% Y-Y แต่หากพิจารณาการเติบโต Q-Qพบว่าในไตรมาสนี้ GDP +8.9% เร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ +7.3% Q-Q ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจจีนผ่านจุดที่ชะลอตัวไปแล้วและกลับมาขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพอีกครั้ง การขยายตัวที่ดีอยู่ในภาคการลงทุนและการผลิต ส่งผลดีต่อเนื่องกับภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะไทยที่พึ่งพาตลาดจีนถึง 11% ของการส่งออกทั้งหมด หุ้นที่ส่งออกไปจีนค่อนข้างมากได้แก่ STA, TASCO, IVL,
SITHAI, VNG
• (+) กำไรกลุ่มแบงก์ดีกว่าคาด แบงก์ 10 แห่งที่เราศึกษามีกำไรเติบโต 9.6%Q-Q และ 22.7% Y-Y ดีกว่าที่เราคาดโดยเฉพาะ KTB (รายได้ดอกเบี้ยที่กว่าคาด), KK (เพราะมีกำไรจากการขาย NPA), TCAP (สำรองหนี้สูญต่ำกว่าคาด),BBL (กำไรจากการขายเงินลงทุนดีกว่าคาด) โดยมีแบงก์ที่เราปรับประมาณการและราคาเป้าหมายขึ้นคือ KTB ปรับขึ้นเป็น 19 บาท (เดิม 17.30 บาท) KBANKปรับเพิ่มเป็น 140 บาท (เดิม 130 บาท) SCB ปรับเพิ่มเป็น 130 บาท (เดิม 125บาท) TCAP ปรับเพิ่มเป็น 45 บาท (เดิม 40 บาท) TISCO ปรับเพิ่มเป็น 45 บาท
(เดิม 37 บาท) หุ้นเด่นในกลุ่มคือ SCB, KBANK, BBL
• (+) BANPU ปรับเป้าขึ้นเป็น 950 บาท โดยปรับเพิ่มสมมติฐานราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น US$80/ตันจากเดิม US$75/ตันและรับรู้ CEY เต็มปี (เริ่มรวมงบการเงินตั้งแต่ 1 ต.ค. นี้) สำหรับกำไร 3Q10 คาดโตก้าวกระโดด +263%Q-Qและ +262%Y-Y จากกำไรจากขาย ITMG แต่กำไรปกติลดลง 21%Q-Q และ4.5%Y-Y เรายังแนะนำซื้อ
• Fund Flow วานนี้เบาบางมาก แม้ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ปรับขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่เห็นทิศทางตลาดที่ชัดเจน เพราะหลังจากที่จีน
ปรับขึ้นดอกเบี้ยขณะที่สหรัฐกำลังอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ ประกอบการรัฐมนตรีคลังสหรัฐออกมาบอกว่าดอลลาร์สหรัฐยังเป็นเงินสกุลหลักใช้เป็นทุนสำรอง
ระหว่างประเทศ ดังนั้นจึงทำให้ทิศทางค่าเงินผันผวนในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตามล่าสุดมีการคาดกันว่าเฟดอาจจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่
ใส่ครั้งเดียว ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเร็วเกินไป สำหรับแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติวันนี้น่าจะเบาบาง เพื่อรอเฟดจะประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 3
พ.ย นี้ ค่าเงินบาทก็แข็งค่าแต่ผันผวนอยู่ในช่วงแคบ


ข่าวภายในประเทศ
กก.ผจก.ใหญ่ TOT เปิดเผยว่า ในช่วงต้นเดือนพ.ย.นี้ อัยการสูงสุดน่าจะตรวจเอกสารเงื่อนไขการประมูล (TOR) การเปิดประมูลโครงข่ายทั่วประเทศ สำหรับขยายบริการ 3G บนคลื่น 1900 MHz แล้วเสร็จ ในวงเงิน 19,980 ล้านบาท และคาดว่าจะส่งกลับมายังบอร์ด TOT โดยน่าจะสามารถเปิดการประมูลวิธีอี-ออคชั่น ได้ทันในเดือนเดียวกันตามกรอบเวลาเดิมทั้งนี้ ฝ่ายบริหารและบอร์ดทีโอที ได้มีข้อสรุปเพิ่มเติมในการแก้ไขเงื่อนไขทีโออาร์ โดยเพิ่มหลักเกณฑ์ 1 ข้อคือ การนำผลงานของบริษัทที่เคยชนะการประมูล มาพิจารณาร่วมด้วยเป็นพิเศษ ซึ่งในวันประชุมบอร์ดทีโอทีวันที่ 29 ตุลาคมนี้ จะมีการรับรองการเพิ่มหลักเกณฑ์ดังกล่าวลงไป จากนั้น จะนำส่งกลับไปยังอัยการสูงสุดอีกครั้งหนึ่ง“ถ้าใครที่เคยชนะงานทีโอทีและมีผลงานดี เสร็จตามกรอบเวลา ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษร่วมกับการยื่นซองประกวดราคา และซองเทคนิค โดยโครงการดังกล่าวอยู่ในโครงการไทยเข้มแข็งจึงไม่จำเป็นต้องทำประชาพิจารณ์ และไม่ต้องประกาศรายการจัดซื้อจัดจ้างทางเว็บไซต์” รายงานข่าวแจ้งว่า บริษัทโทรคมนาคมหลักๆ ที่เข้าประมูลงานของทีโอทีประจำ มีบมจ. สามารถเทลคอม หรือ SAMTEL บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH บริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS บริษัท แซดทีอี จำกัด และบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) (Source - ข่าวหุ้น 22 ต.ค.10)
ความเห็นและคำแนะนำ: คง Rating “Trading Buy” SAMTEL ราคาเป้าหมายปี 11 ที่ 11.60 บาท อิง P/E เป้าหมายที่ 15 เท่า) โดย Upside จากโอกาสได้งานโครงการ 3G TOT ดังกล่าว คาดมูลค่าเพิ่มจากโครงการประมาณหุ้นละ 3 บาท แต่เรายังไม่รวมโครงการดังกล่าวในประมาณการและราคาเป้าหมาย เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงความล่าช้าของการดำเนินการประมูลโครงการ
SAMTEL-FORTH-JTS ยิ้ม! ทีโอทีแก้ TOR เอื้อประโยชน์ ทีโอทีเพิ่มหลักเกณฑ์ทีโออาร์ใหม่ เปิดช่อง SAMTEL-FORTH-JTS ที่เคยรับงานทีโอทีได้รับพิจารณากรณีพิเศษ เล็งชงเข้าบอร์ด 29 ต.ค. เปิดประมูลเดือนพ.ย.นี้ มอบหมายฝ่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่-บริหารการลงทุน เปิดดีลแบงก์-โอเปอเรเตอร์ทำตลาด AIS เสนอตัวพร้อมเต็มที่ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 22-10-2010)
PF ผุด 6 คอนโด 6 พันล้านบาท ยอดขายพุ่ง 7.2 พันล้าน คงเป้ารายได้ปีนี้หมื่นลบ. PF รุกหนัก Q4 ลุยเปิดคอนโดฯ 6 โครงการ มูลค่าเกือบ 6
พันล้านบาท ภายใต้ "ไอคอนโด" 3 โครงการ ราคาขาย 1-1.2 ล้านบาท และคอนโดฯปล่อยเช่าแบรนด์ "ยูนิลอฟท์" 3 โครงการ รวมปีนี้เปิดโครงการ
ใหม่ 14 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 14,022 ล้านบาท ขณะที่ล่าสุดยอดขายพุ่ง 7.2 พันล้านบาท ลุ้นสิ้นปีทำได้ตามเป้า 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนรายได้ปีนี้
คงเป้า 1 หมื่นล้านบาท โชว์แบ็กล็อก 3 พันล้านบาท บุ๊คปีนี้ 2.2 พันล้านบาท เพิ่มงบซื้อที่ดินแตะ 3.6 พันล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 22-10-
2010)
TTW กำไรไตรมาส 3 พุ่ง 545 ล้าน ขานรับกำลังผลิตใหม่ช่วยเสริม TTW ไตรมาส 3 ลุ้นกำไรสุทธิ 545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% ขานรับกำลัง
การผลิตใหม่เดินเครื่อง 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ยอดการใช้น้ำพุ่ง ย้ำเป้าทั้งปีขยายตัว 10% เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารทะเล แถมอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้นไข้ โบรกฯฟันธงปีนี้ควักกระเป๋าจ่ายเงินปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น ระหว่างกาลจ่าย 0.15 บาท (ที่มา:นสพ.ข่าวหุ้น 22-10-2010)
PYLON การันตีกำไรไตรมาส 4 สูงสุด งานในมือทะลัก 800 ล้าน เล็งเข้าประมูลงานอีกแห่ง PYLON ฟุ้งรายได้-กำไรไตรมาส 4/53 แจ่มสุด
เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากงานในมือเพิ่มขึ้น จาก Backlog ที่มีอยู่กว่า 800 ล้านบาท คาดรับรู้ปีนี้ 200 ล้านบาท หนุนรายได้ทั้งปีโตตามเป้าที่ตั้งไว้
600 ล้านบาท ขณะที่เตรียมเข้าประมูลงานใหม่มูลค่า 500 ล้านบาท เชื่อปี 2554 จะเป็นปีที่โดดเด่นที่สุดนับจากตั้งบริษัทมา (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 22-
10-2010)
MJD ลั่นกำไรปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน เชื่อยอดรายได้รวมทำได้ตามเป้า MJD แย้มผลประกอบการปีนี้คาดใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,997.86
ล้านบาท และกำไรสุทธิ 406.61 ล้านบาท หลังยอดรับรู้รายได้ทำได้ตามเป้า ส่วนยอดขาย 9 เดือนยังดีขานรับเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 6,000
ล้านบาท โบรกฯแนะซื้อเป้า 3.62 บาท เชื่อครึ่งปีหลังกำไรฟื้นตัว คาดทั้งปีนี้โกยกำไรสุทธิ 425 ล้านบาท โต 4.5% จากปีก่อน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น
22-10-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: รัฐบาลเยอรมนีปรับเพิ่มคาดเศรษฐกิจประเทศปีนี้เป็นขยายตัว 3.4% ไรเนอร์ บรูเดอร์เล รมว.กระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่ารัฐบาลเยอรมนีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวที่ระดับ 3.4% ในปีนี้ ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเมษายนว่าจะขยายตัวเพียง1.4% เนื่องจากการส่งออกของประเทศทะยานขึ้นแข็งแกร่ง นอกจากนี้ เยอรมนียังได้ยกระดับคาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้าเป็น 1.8% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.6% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-10-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วลดลงเกินคาด 23,000 ราย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ต.ค.ลดลง 23,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 452,000 ราย ซึ่งปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 455,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐกำลังเริ่มฟื้นตัว ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ลดลง 4,250 ราย แตะระดับ 458,000 ราย (ที่มา: อินโฟเควสท์ 22-10-2010)
สหรัฐอเมริกา: ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ย.ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.3% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด กล่าวว่า แม้ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจซึ่งเป็นมาตรวัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ได้ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน แต่ดัชนีเดือนก.ย.ขยายตัวในอัตราที่ค่อนข้างช้า หลังจากที่ขยายตัว 0.1% ในเดือนส.ค. และขยายตัว 0.2% ในเดือนก.ค. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 22-10-2010)
จีน: สนง.สถิติจีนเผยดัชนี CPI เดือนก.ย.ขยายตัว 3.6% สำนักงานสถิติจีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.ขยายตัว 3.6% เมื่อ
เทียบเป็นรายปี ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 24 เดือน เฉิง ไหล่หยุน โฆษกสำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวว่า อัตราการขยายตัวดังกล่าวสูงขึ้น 0.1% เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติเดือนส.ค. และเมื่อเทียบเป็นรายเดือนแล้ว CPI เดือนก.ย. ขยายตัว 0.6% จากเดือนส.ค. (ที่มา: อินโฟเควสท์
21-10-2010)
จีน: สำนักงานสถิติจีนเผย GDP ไตรมาส 3 ขยายตัว 9.6% สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของ
จีนในไตรมาส 3 ปีนี้ ขยายตัว 9.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอัตราการขยายตัวดังกล่าวชะลอตัวลงจากระดับ 11.9% ในไตรมาสแรก และ
ระดับ 10.3% ในไตรมาส 2 สำหรับในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย.นั้น GDP ขยายตัว 10.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 26.866 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ4.028 ล้านล้านดอลลาร์ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-10-2010)
จีน: จีนเร่งผลักดันการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหิน ทางการจีนเรียกร้องให้ผู้ประกอบการเหมืองทั่วประเทศเพิ่มความพยายามในการควบรวมกิจการเหมือง เพื่อลดจำนวนเมืองขนาดเล็กที่มีเทคโนโลยีการผลิตล้าสมัย สภาแห่งรัฐจีน หรือคณะรัฐมนตรีจีนเปิดเผยแถลงการณ์จากคณะกรรมการธิการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนซึ่งเรียกร้องให้บริษัทเหมืองถ่านหินในแหล่งผลิตถ่านหินสำคัญๆ ของประเทศ อาทิ มณฑลซานซี เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน และมณฑลฉ่านซี เดินหน้าควบรวมกิจการเหมืองถ่านหิน รวมถึงปิดเหมืองถ่านหินขนาดเล็กที่มีการผลิตล้าสมัยเช่นเดียวกับมณฑลเฮย์หลงเจียง หูหนาน เสฉวน กุ้ยโจว และยูนนานที่ถูกเรียกร้องมาในลักษณะเดียวกันด้วย (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-10-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code 180 : ลุ้น SET ยืนเหนือ 991 ให้ได้

วันพฤหัสที่ 21 ตุลาคม 2553
ATT Code : ลุ้น SET ยืนเหนือ 991 ให้ได้
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
21 ตค. 53 ( -1.16 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ปรับตัวลง 979 – 981 จุด
แนวโน้มในวันพฤหัสนี้ ตราบใดไม่เกิน 989.05 จุดสูงสุดวันพุธและเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ดัชนีมีโอกาสปรับตัวกลับลงไปแถว979 - 981 ใกล้จุดต่ำสุดของวันพุธอีกครั้ง และภาพของตลาดหนึ่งถึงสองวันนี้ น่าจะเป็นการแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบ 10 จุด ระหว่าง 979 -989 หรือระหว่างจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของวันพุธ

จากนั้น แนวโน้มสัปดาห์หน้าดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงแถว 960 – 965 จุด ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 วันและ ระยะเดือนบริเวณ 900 – 910
จุด ตามอัตราส่วน Fibonacci Ratio 38.2% นับจากที่ปรับตัวขึ้นมาเมื่อเดือน มิย. ปีนี้

ขณะที่การปรับตัวขึ้น เกิน 989.05 จุดสูงสุดวันพุธ ดัชนีสามารถปรับตัวกลับขึ้นไปแถว 993 – 994 จุด

หุ้นเด่น
IHL
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะ15นาที รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 11.30 กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน
12.10 – 12.40( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 10.80 )

BLA
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงได้อีกครั้ง ทยอยซื้อแถว 29.50 – 30.25 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 30.75 จุดสูงสุดวัน
อังคาร เป้าหมายสองสามวัน 32.00 – 33.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 29.25 )

Intraday - ปรับตัวลง 982 - 987
จากนั้นถ้าเกิน 999.51 จุดสูงสุดเดิมปีนี้ได้ ... ขึ้น 1050 - 1055 ต่ำกว่า 979.12 จุดต่ำสุดวันพุธ ... ลง 900 - 910

IVL
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะชั่วโมง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 39.00 กรอบบนของสามหลี่ยม เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 41.00 – 42.00 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 38.00 )

THAI
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภภาพระยะวัน ทยอยซื้อแถว 44.00 – 44.50 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 45.00 กรอบบนของสามเหลี่ยม
เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 46.75 – 47.25 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 43.50 )

STPI
น่าจะไปถึง 37.75 - 38

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTT ต่ำกว่า 306 ลง 297 – 300
BANPU ไม่เกิน 750 ลง 716 – 736
IVL ไม่น่าเกิน 39 - 39.50
STA ไม่น่าเกิน 31 – 32
TASCO แกว่งตัว 75 – 78
PTTAR ต่ำกว่า 28.75 ลง 27 - 28
PTTEP ไม่เกิน 171 ลง 160 – 163
BBL ไม่น่าเกิน 156 – 157
TCAP เกิน 39.75 ขึ้น 41 – 42
PTTCH แกว่งตัว 134.50 – 137.50

----------------------------------------------------------------------------------
หุ้นมีข่าว byแม่หมอ (บ่าย) 21/10/53 ...
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย
SET ปิด 12.30น.ที่ 990.08จุด +1.97 จุด vol14456 ล้าน high993.64 low 988.60 up183 down100 unchg169 .........
ภาพรวมยัง sideway แคบๆ กรอบ988-993 จุด - ฝรั่งครึ่งเช้า net sell 250M....... GDP จีนชะลอตัวลง ขยายตัว 9.6% yoy ใน 3Q53 จาก10.3% ใน 2Q53 มากกว่าคาดที่ 9.5% yoy ทั้งนี้เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวที่ระดับสูง........
IMF ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจเอเชียว่าจะเป็นตัวนำของเศรษฐกิจโลก แต่ปัญหาที่ท้าทายในอนาคตมีหลายด้าน... มหาวิทยาลัยหอการค้าประเมินความเสียหายจากน้ำท่วมกระทบจีดีพี0.2% ....... DB ปรับเป้า SET จาก 1000 สู่ 1130 ....... ตลาดยังคงเป็นลักษณะ select ตัวเล่นโดยมี theme ผลประกอบการไตรมาส3ที่ทยอยประกาศออกมาหนุน ........ ASP รายงานกำไรสุทธิที่ 303 ล้านบาท ดีกว่าคาด โต 146% จากไตรมาสก่อน ....... BAYไตรมาส มีกำไรสุทธิ 2,331.49 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.38 บาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 23.33 ล้านบาท หรือ 1 % เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน .....

------------------------------------------------------
หุ้นในกระแสข่าว (หุ้น ที่อยู่ในกระแสข่าวรวบรวมมาให้จากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ และหนังสือพิมพ์ แต่ไม่สามารถคาดการณ์ราคาขึ้นลงได้ โปรดใช้วิจรณญานในการอ่านด้วย )
1.SCC KEST มองจะเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ในช่วงปี'54-56 กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ซึ่งจะทำให้กำไร พุ่งขึ้นเป็น 40,000-50,000 ล้านบาท ในช่วงปี'55-56แนะนำ ซื้อ ........
2.BANPU KSEC /BLS ให้เป้า821/848 บาทหลังการซื้อ Centennial เป็นการเติบโตของกำไรในอนาคต เริ่มบุ๊คกำไรจาก Centennial ตั้งแต่ไตรมาส 4/53 พร้อมลุ้นโชว์กำไรสุทธิไตรมาส 3/53 เติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ ...
3.THAI DB ปรับจาก40ขึ้นเป็น57บาท ราคาถูกสุดเมื่อเทียบAsia ex Japan คาดอัตราบรรทุก และอัตราขนสินต้าฟื้นในไตรมาส4 div5.2%สูงสุดในสายการบินเอเซีย.....
4.STPI CGS แนะนำ คาดเตรียมจ่ายปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น 4.10 บาท หลังกำไรจากบีโอไอ มูลค่า1.4 พันล้านบาทใกล้ครบอายุ- บ.ปัดมีปันผลพิเศษ แต่ยันมีจ่ายปันผลตามนโยบาย ระบุขอดูความจำเป็น.....
5.SAT ทิสโก้แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 29.50 บาท คาดกำไรสุทธิ 3Q10 ที่ 92 ล้านบาท เชื่อว่าราคาหุ้นยังไม่สะท้อนแนวโน้มที่ดีใน H2/53 - ปี 54 นอกจากนี้ด้วยผลประกอบการที่น่าจะออกมาดีใน Q3/53 และโอกาสในการเข้าซื้อกิจการในประเทศอินเดีย
6.CWT CGS แนะ ซือ้ เป้า12บาท ล้างขาดทุนจ่ายปันผล โชว์รายได้ไตรมาส 3 พุ่ง 20% ส่วนทั้งปีคาดทะลุ 1,000 ลบ. โบรกเคาะพื้นฐานแจ๋วจริงคาดปีนี้กำไรกว่า 200 ลบ. ส่วนปีหน้ากระฉูด 270 ลบ. อานิสงค์จีนป้อนรายได้ปีละ 100 ลบ. .....
7.TISCO UBS /KSEC เป้า หมาย 44/46 บาท ที่PER 10.4 เท่า PVB 2.1 เท่า และอัตราปันผล 4.3% ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 3/53 ออกมามีกำไร 731 ลบ ได้รับประโยชน์จากกนง.คงดอกเบี้ย จาก margin สูง .......
8.STA KSECปรับ เป้า เป็น 29.75 บ อุปสงค์ยางแข็งแกร่งสินค้าคาดจะมีราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 40% ในปี 2553 เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1.1 ล้านตันภายในปี 2555 การจดทะเบียน 2 ตลาดช่วยผลักดันกำไรต่อหุ้นและเงินปันผลในปี 2553 ปรับเพิ่มกำไรปกติ 13% ในปี 2555 อุปสงค์ยางดิบทั่วโลก คาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ยปีละ 4.3% ไปจนถึงปี 2556..............
9.SNC KK - BLS แนะ นำ เป้าหมาย17.45/ 19.10 บาท แม้จะปรับลดอัตราการทำกำไรของ SNC ลง แต่คาดว่าบ.จะมีปริมาณขายมากพอที่จะหนุนให้กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ในปีหน้า จะยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม เครื่องปรับอากาศและยานต์ยนต์ไทย10.VNG DBSV ให้เป้าหมาย8บาท ออเดอร์ล้นมือ ไตรมาส 3 ซดกำไรเต็มอิ่ม 300 ลบ. เชื่อผลงานโค้งท้ายสดใส มั่นใจทั้งปีโต 20%.........
--------------------------------------------------------------

ตัวเลขบ่ายนี้
- SET ปิด 12.30น.ที่ 990.08จุด +1.97 จุด vol14456 ล้าน high993.64 low 988.60 up183 down100 unchg169 .........
- TOP ACTIVE BANPU 756 +10 PTT 306 -1 TISCO 43.50 +2 STA 32 +1 IVL 38.50 -
- S50ปิดที่ 684.86 จุด+1.33จุด S50Z10ปิดที่687.60 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง high690.30 low686 avg688.26 long1088 short1085
- GFV10ปิดที่ 19070บาท-40 บาท high 19110 low 19060 avg19075.75 long 182 short307
- สัดส่วนการซือ้ขาย ฝรั่ง net sell 250M
- ตลาดตปท NIX ปิด-5.12 จุด TWSE ปิด +6.61จุด KOSPIปิด+4.25 จุด HSKI +61จุด SHCOMP-20.41 จุด SENSEX+135 จุด
- ตลาดล่วงหน้า DJU+0 จุด
- โภคภัณฑ์ ทองคำ 1342.80เหรียญ น้ำมัน 81.94 เหรียญ
------------------------------------------------------
ข่าวต่างประเทศ ดอลล์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ หลัง 'ไกธ์เนอร์' ยันสหรัฐฯไม่มีนโยบายทำให้ค่าเงินอ่อนค่า ....... GDP จีนชะลอตัวลง ขยายตัว 9.6% yoy ใน 3Q53 จาก10.3% ใน 2Q53 มากกว่าคาดที่ 9.5% yoy ทั้งนี้เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวที่ระดับสูง........
ตลาดหุ้นฟิลลิปปินส์ พักการซือ้ขาย อพยพเจ้าหน้าที่ออก หลังถูกขู่วางระเบิด ......... ไกธ์เนอร์เรียกร้องจี20กำหนดมาตรฐานFX ขณะยันสหรัฐไม่จงใจกดดอลล่าร์อ่อน........ เฟดเล็งอัดเงิน5แสนล้านดอลล์ ซือ้บอนด์ครั้งใหญ่กระตุ้นศกสหรัฐ ......... อุปสงค์ยางดิบทั่วโลก คาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ยปีละ 4.3% ไปจนถึงปี 2556.......
ข่าวการเมือง
กรมชลประทานประชุมด่วนสรุปสถานการณ์น้ำ พร้อมเตรียมรับมือน้ำเหนือเข้ากรุง.....
เฉลิม โชว์ตั้งกลุ่มทักษิณ เปิดห้องอาหารจีนโชว์60สส ชูยุทธการเอาแม้วกลับบ้าน .......
ชวนมั่นใจกรณีคลิปวีดีโอไม่มีผลต่อการยุบพรรค .......

ข่าวเศรษฐกิจ
ประสาร"เผย ธปท.ยังดูแลบาทระยะสั้น ไม่ให้ผันผวนเกินไป ให้ธุรกิจปรับตัวได้ ........ ธปท.ระบุแรงกดดันเงินเฟ้อระยะสั้นของไทยยังไม่สูง ยังไม่ต้องขึ้นดบ.เหมือนจีน....... ธปท.ยืนยัน ดูเเลความผันผวนค่าเงินในระยะสั้นเพื่อช่วยพยุงผู้ส่งออก ยืนยันจะใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบยืดหยุ่นเพื่อดูแลค่าเงิน ..........
ตลท.ควงภัทรโรดโชว์ลอนดอนดึง10บจ.ชั้นนำร่ายมนตร์ต่างชาติ........ ธนาคารกสิกรไทยชี้ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มน่าห่วง คาดสิ้นปีแตะ 29 .20 บาทต่อเหรียญสหรัฐ........... .สอ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์ ก.ย.ขยายตัว 64.73% มาที่ 81,296 คัน:....... กรณ์บี้แบงค์ลดค่าต๋งโอนเงินช่วยน้ำท่วม ........ มหาวิทยาลัยหอการค้าประเมินความเสียหายจากน้ำท่วมกระทบจีดีพี0.2% .......
------------------------------------------------------
คอมเมนต์โบรกเกอร์ไทย-เทศ
Fund Survey ........... 21/10/53 คาดว่าการคงอัตราดอกเบี้ยของ MPC วานนี้ที่ 1.75% เป็นการชะลอการปรับขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อาจได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่า แต่ถึงกระนั้นเมื่อพิจรณาจากอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะสูงขึ้นใน 4Q10 อันอาจหลุดจากรกอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อนโยบาย ทำให้เราคาดว่า BoT น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ดี หากค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง BoT อาจเลื่อนการปรับขึ้นไปเป็นต้นปี 11 กล่าวโดยสรุปเศรษฐกิจใน G-3 ที่ฟื้นตัวเปราะบาง ความเสี่ยงต่อการถดถอยที่ยังมีอยู่, นโยบายการเงินเชิงปริมาณแบบผ่อนคลายของ US จะกดดันให้ค่าเงิน USD อ่อนค่าลง ขณะที่ EM Currency แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะหนุนให้สินทรัพย์เอเชีย รวมถึงไทยยังมีความน่าสนใจระยะกลาง เราจึงคงเป้าหมาย SET ที่ 1050 ในช่วง 1 เดือนข้างหน้า และน้ำหนักพอร์ตที่ 100% เลือก TOP, PTTCH, BANPU, PTT, KTB, BAY, STEC, THAI, BBL เป็น Top Picks

บล.ไทยพาณิชย์ ........ 21/10/53 TCAP - ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2553: ตั้งสำรองลดลง ทั้งๆที่ NPL เพิ่มขึ้น - Neutral (ราคาเป้าหมาย 44.80 บาท) ...... KTB แนะนำซือ้ เป้า21.70 บาท ผลประกอบการไตรมาส3สูงกว่าคาดเพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิสูง ..........เช้านี้ตลาดปรับประมาณการณืงบ DELTA ขึ้น หลังจากคาดกำไรไตรมาส 3/53 ออกมาสูงมาก 1.5 พันล้านบาท +125% YoY 40% QoQ
บล.กสิกรไทย .......... 21/10/53 PTTEP maintain buy top pick energy sector on solid outlook for oil price .......... today best trade Buy KTB annouced stronger than expected earning result .......
บล.บัวหลวง ......... 21/10/53 STPI BLS แนะนำซือ้เป้าหมาย45บาท คาดมีปันผลระหว่างกาล3บาท ......หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ ซื้อ "TCAP" เป้าหมายอยู่ที่ 45 บาท.......

บล.ยูไนเต็ด .... 21/10/53 THAI ปกติแล้วไตรมาส 2-3 ของทุกปีเป็นช่วงผู้โดยสารน้อย ผลการดำเนินงานจะขาดทุน(ปี 2552 ไตรมาส 2 ขาดทุนสุทธิ 5,403 ล้านบาท ไตรมาส 3 ขาดทุนสุทธิ 4,034 ล้านบาท)แต่ผลจากการลดต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ไตรมาส 3 ปีนี้คาดจะมีกำไรสุทธิถึง1,890 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.11 บาท ส่งผลให้ผลประกอบการ 9 เดือน มีกำไรสุทธิ1.42 หมื่นล้านบาท (กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 8,090 ล้านบาท) ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ทั้งปี...... ขณะที่ในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงผู้โดยสารมาก เมื่อรวมกับการที่มีโปรโมชันลดราคาหมดลง คาดผลการดำเนินงานจะออกมาดีต่อเนื่อง ดังนั้นจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ขึ้นเป็น 1.96 หมื่นล้านบาท (กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 8,000 ล้านบาท)กำไรต่อหุ้น 9 บาท....... สำหรับฐานะการเงินจะแข็งแกร่งมากขึ้นหลังการเพิ่มทุน ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้บริษัทสามารถออกหุ้นกู้ที่ได้อัตราดอกเบี้ยไม่สูงนัก และจะส่งผลดีต่อผลประกอบการในอนาคต .......
บล.ทิสโก้ ........ 21/10/53 SAT แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 29.50 บาท คาดกำไรสุทธิ 3Q10 ที่ 92 ล้านบาท เชื่อว่าราคาหุ้นยังไม่สะท้อนแนวโน้มที่ดีใน H2/53 - ปี 54 นอกจากนี้ด้วยผลประกอบการที่น่าจะออกมาดีใน Q3/53 และโอกาสในการเข้าซื้อกิจการในประเทศอินเดีย น่าจะส่งผลให้ตลาดมีการปรับขึ้นประมาณการผลประกอบการ ..........
บล.ทรีนีตี้ ........ 21/10/53 AH แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท คาดไตรมาส 3/53 โตต่อเนื่อง คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/53 ของ AH ยังคงฟื้นตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยคาดยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากไตรมาส 3/53 เป็นช่วง High Season ของการผลิต รถยนต์ รวมถึง Gross margin ที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นจากการประหยัดต่อขนาด ขณะที่ภาพรวม อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงดีอย่างต่อเนื่อง ราคาหุ้นปัจจุบันยังต่ำ Book Value
บล.กิมเอ็ง .........21/10/53 ซื้อเก็งกำไร UMI” คาดกำไรใน 3Q53 น่าจะทำสถิติสูงสุดของปีนี้ หลังขายกำลังการผลิตในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บวกกับ 4Q53 คาดว่าจะได้ปัจจัยบวกจากการเกิดน้ำท่วม ทั้งนี้ หากประเมิน EPS เบื้องต้นแบบอนุรักษ์นิยมปีนี้ที่ 0.42 บาทต่อหุ้น (1H53 ทำได้ 0.21 บาท แม้ว่ากำไรใน 2H53 จะมากกว่า 1H53 ก็ตาม) ราคาในกระดานซื้อขาย PE เพียง 8 เท่า Discount สูงมากจาก DCC ที่ซื้อขายบน PE 15 เท่า ......... ASP (ซื้อเก็งกำไร) รายงานกำไรสุทธิที่ 303 ล้านบาท ดีกว่าคาด โต 146% จากไตรมาสก่อน ......
บล.ดอยช์แบงค์ ............ 21/10 /53 DB ปรับเป้า SET จาก 1000 สู่ 1130 ปรับวิธีจาก Bottom-Up เป็น Top-Down เลือก TCAP,KBANK, KTB,SCC,PTTCH ,STEC,HMPRO,THAI,MINT เป็น Top Picks .......
บล.เมอริลลินซ์ ............. 21/10/53 ML ปรับ EGCO จาก 86 ขึ้นสู่ 103 (Buy) ปรับกำไร 11-12 ขึ้น 4% หลังซื้อหุ้น 10% ในน้ำเทิน 2 จาก ITD คาดการประมูล 4 สัญญาใหม่+M&A กิจการนอกประเทศใน 1H11 จะเป็นปัจจัยกระตุ้น......... ML แนะนำ Buy SCB TP@116.5 กำไร 3Q10 ตามคาด ที่ 6.5 พัน ลบ. (+21.9%QoQ, +24.6%YoY) จากการฟื้นตัวของ NIM, สินเชื่อ+ปันผลจากวายุภักษ์+กำไร 1 พัน ลบ.จากการขายธุรกกิจซึ่งไม่ใช่ธุรกิจหลัก NPLs ลดลงสู่ 4.45% จาก 4.57% .........ML พบว่าส่งออก ก.ย.สูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 1.8 หมื่นล้านเหรียญแม้บาทแข็งค่า จากยอดขายรถยนต์ (+46%YoY) ผลิตภัณฑ์พลาสติก (+20%) Electronics (+20%) การเกษตร (+20%) ซึ่งหลักๆมาจากราคาข้าวที่ +6% แต่ปีหน้าบาทแข็ง+เศรษฐกิจโลกชะลอตัวจะส่งผลกระทบ คาด 3Q10 GDP +5% ........ML คาดหลังจาก BoT คงดอกเบี้ยที่ 1.75% แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจ US, EU, JP ฟื้นตัวอย่างเปราะบาง ขณะที่ ASEAN แกร่ง ส่วนส่งออกไทยรับผลกระทบตาม แต่การบริโภคในประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก คาดจะขึ้นอีก 0.25% ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ...........
------------------------------------------------------
หุ้นมีข่าวเชิงบวก
กลุ่มยานยนต์
IHL บาท แข็งทำต้นทุนลดฮวบหนุนไตรมาส 3/2553 กำไรสวยกว่าไตรมาส 2/2553 ที่ 59 ล้านบาท ส่วนโค้งสุดท้ายปีนี้เชื่อฟอร์มเจ๋ง เกาะกระแสไฮซีซันธุรกิจยานยนต์ มั่นใจทั้งปีรายได้ตามนัด 1.9 พันล้านบาท - นิวไฮตั้งแต่เข้าตลาด ......
CWT CGS แนะ ซือ้ เป้า12บาท ล้างขาดทุนจ่ายปันผล โชว์รายได้ไตรมาส 3 พุ่ง 20% ส่วนทั้งปีคาดทะลุ 1,000 ลบ. โบรกเคาะพื้นฐานแจ๋วจริงคาดปีนี้กำไรกว่า 200 ลบ. ส่วนปีหน้ากระฉูด 270 ลบ. อานิสงค์จีนป้อนรายได้ปีละ 100 ลบ. .....
SAT ทิสโก้แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 29.50 บาท คาดกำไรสุทธิ 3Q10 ที่ 92 ล้านบาท เชื่อว่าราคาหุ้นยังไม่สะท้อนแนวโน้มที่ดีใน H2/53 - ปี 54 นอกจากนี้ด้วยผลประกอบการที่น่าจะออกมาดีใน Q3/53 และโอกาสในการเข้าซื้อกิจการในประเทศอินเดีย
AH TNITY แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท คาดไตรมาส 3/53 โตต่อเนื่อง คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/53 ของ AH ยังคงฟื้นตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยคาดยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากไตรมาส 3/53 เป็นช่วง High Season ของการผลิต รถยนต์
กลุ่มพลังงาน-ปิโตร IVL RBS ให้เป้า 42 บาท กรณีการซือ้โรงงานเพิ่มในจีน ยุโรป อเมริกาประสบความสำเร็จ เตรียมขึ้นแท่นเบอร์1ในตลาดโลก กำลังการผลิตขยายตัว5%ในปี54 และ14%ในปี55 เตรียมซือ้โรงงานเพิ่ม - วิ่งรับข่าวถือหุ้นทีพีที100% เตรียมโรดโชว์สิงคโปร์ ภายในเดือนนี้ ....
GLOW คาด กำไร Q4/53รับผลบาทแข็งราว 100-150ลบรอปันผลครึ่งหลัง 1.175 บาทต่อหุ้น .,ห่วง GHECO-1 เสี่ยงเลื่อน เชื่อโครงการ GHECO One เดินเครื่องตามแผนเดิมในเดือนพฤศจิกายน 2554มองกำไรโตแข็งแกร่ง ปัญหา GHECO One ไม่กระทบเป้ากำไร ....
SUSCO เคยลือมีโอกาสโดนเทคโอเวอร์จากบริษัทผู้ค้ารายใหญ่ที่อยู่ระหว่างการขยายตลาด- bv1.20.... BANPU KSEC /BLS ให้เป้า821/848 บาทหลังการซื้อ Centennial เป็นการเติบโตของกำไรในอนาคต เริ่มบุ๊คกำไรจาก Centennial ตั้งแต่ไตรมาส 4/53 พร้อมลุ้นโชว์กำไรสุทธิไตรมาส 3/53 เติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ ...
SOLAR ควงพันธมิตรคว้างานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่า 767 ลบ- คาดอาจติด turn over list...... AKR สรุปพันมิตรเกาหลี-ไทย เข้าซื้อหุ้น “เอกรัฐโซล่าร์” ประขุมอีกครั้งพรุ่งนี้- “เอกรัฐวิศวกรรม” คว้างานใหม่จากกฟผ.-เอกชน กว่า 500 ล้านบาท ......
กลุ่มแบงค์ KTB CITI / JPM /CL ปรัเป้าหมายขึ้นเป้น20/21/24 บาท กำไรเพิ่มจาก 4.25พันล้านเป็น 4.99พันล้าน ตลาดคาด4.3พันล้าน -..... TISCO UBS /KSEC เป้า หมาย 44/46 บาท ที่PER 10.4 เท่า PVB 2.1 เท่า และอัตราปันผล 4.3% ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 3/53 ออกมามีกำไร 731 ลบ ได้รับประโยชน์จากกนง.คงดอกเบี้ย จาก margin สูง .......
BAYไตรมาส มีกำไรสุทธิ 2,331.49 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.38 บาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 23.33 ล้านบาท หรือ 1 % เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน .....
กลุ่มรับเหมา STPI CGS แนะนำ คาดเตรียมจ่ายปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น 4.10 บาท หลังกำไรจากบีโอไอ มูลค่า1.4 พันล้านบาทใกล้ครบอายุ- บ.ปัดมีปันผลพิเศษ แต่ยันมีจ่ายปันผลตามนโยบาย ระบุขอดูความจำเป็น.....

กลุ่มวัสดุ IMM TCJทำ ธุรกิจด้านนำเข้าเครื่องจักรกลหนักที่เน้นหนักไปด้านงานก่อสร้าง และงาน Mega Projectพาร์ 10 บาท Book 15 บาท รอบ.ลูก ชื่อ Big Crane ซึ่ง ถือ 100% เข้าจดทะเบียน ......
VNG DBSV ให้เป้าหมาย8บาท ออเดอร์ล้นมือ ไตรมาส 3 ซดกำไรเต็มอิ่ม 300 ลบ. เชื่อผลงานโค้งท้ายสดใส มั่นใจทั้งปีโต 20%....... SCC KEST มองจะเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ในช่วงปี'54-56 กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ซึ่งจะทำให้กำไร พุ่งขึ้นเป็น 40,000-50,000 ล้านบาท ในช่วงปี'55-56แนะนำ ซื้อ .......
กลุ่มอสังหา HEMRAJ ค่ายรถดอดซื้อที่ 300 ไร่ ทิสโก้ส่องพื้นฐานน่าสนเป้า 2.80 บาท กลุ่มอิเลคโทรนิกส์ CCETกำไรรับไฮซีซั่นฟันขั้นต่ำ600ล้านบาท ...... DELTA (กำไร 3Q53 จะทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปี และเงินบาทพลิกมาอ่อน จะหนุนหุ้นในช่วงสั้น) KEST แนะซือ้ ........

กลุ่มพาณิชย์
GLOBAL โดดรับน้ำท่วม จ่อผุดสาขาใหม่เดือนหน้า ที่จังหวัดมหาสารคาม หนุนงานQ4/53 เด่นเข้าฤดูไฮซีซัน เชื่อปีนี้รายได้โตเข้าเป้า 25-30% แย้มปีหน้าทุ่มงบ 1.6 พันลบ.ขยายสาขาอีก 3-5 แห่ง
กลุ่มเกษตรอาหาร TVO BLS แนะซื้อ เป้าหมาย 32 บาท คาดว่ากำไรไตรมาส 3/53 จะเติบโตเล็กน้อยQoQ แต่จะโตมากทั้ง QoQ และYoY ในไตรมาส 4/53 อุปทานที่น้อยที่ช่วยหนุนผลผลิตข้าวโพดปลายปี - ถั่วเหลืองราคาสูงสุดรอบ14เดือน ........
STA TRUBB อุปสงค์ยางดิบทั่วโลก คาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ยปีละ 4.3% ไปจนถึงปี 2556....... STA KSECปรับ เป้า เป็น 29.75 บ อุปสงค์ยางแข็งแกร่งสินค้าคาดจะมีราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 40% ในปี 2553 เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1.1 ล้านตันภายในปี 2555 การจดทะเบียน 2 ตลาดช่วยผลักดันกำไรต่อหุ้นและเงินปันผลในปี 2553 ปรับเพิ่มกำไรปกติ 13% ในปี 2555 .......
KASET เกาะ กระแสน้ำท่วมหนุนความต้องการอาหารแห้งเพิ่ม หนุนยอดขายไตรมาส 4/53 ล้นทะลัก มั่นใจรายได้ทั้งปีเข้าเป้าที่ 2.1 พันล้านบาท คาดผลผลิตข้าวไทยจะลดลง20% จากเหตุการณ์น้ำท่วม ......
TUF : นักลงทุนสถาบันจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนสูงถึง 2 เท่า ในราคาขาย 53 บาท.......

กลุ่มกระดาษ
UTP ยอด ขายไตรมาส 3 โตความต้องการใช้กระดาษพุ่ง-มีข่าวลือเทกโอเวอร์หนุน ฟันธงหากหาพันธมิตรไม่ทันอาจถูก SCC ฮุบ ผู้บริหารยันยังไม่มีการเจรจากับ SCC แต่กำลังจะปิดดีลกับผู้ร่วมทุนจากญี่ปุ่น บุ๊กแวลูที่ 9.74 บาท พี/อี 8 เท่า เด็กแนวแนะนำ ......

กลุ่มเหมือง
PDI KESTราคาเป้าหมาย 29 บาท: ราคาหุ้นที่ยัง laggard ราคาสังกะสีโลกอยู่มากเป็นโอกาสซื้อที่ดี 1) ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนราคาสังกะสีโลกที่เพิ่มขึ้นมา 35% 2) ราคาหุ้นยัง laggard ราคาหุ้นผู้ผลิตสังกะสีทั่วโลก3) แนวโน้มราคาสังกะสีในช่วงที่เหลือของปีที่จะเป็นขาขึ้น.....

กลุ่มขนส่ง
THAI DB ปรับจาก40ขึ้นเป็น57บาท ราคาถูกสุดเมื่อเทียบAsia ex Japan คาดอัตราบรรทุก และอัตราขนสินต้าฟื้นในไตรมาส4 div5.2%สูงสุดในสายการบินเอเซีย.......
BTS โบรกฯเก็ง เข้า SET50 ต้นปีหน้า,ใกล้เซ็นเดินรถไฟฟ้าส่วนขยายสุขุมวิท.......

กลุ่มสื่อสาร
THCOM CS เคย upgrade to buy raise target to10.40- ปรับ EBIDTA ปี 11-12 ขึ้น 16.5-13.2% หลังทำสัญญา IP Star กับจีนซึ่งคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นใน 2H10 ปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นคือ จีน+อินเดียลุ้นลูกค้าฟิลิปปินส์-อินโดฯ-มาเลย์เพิ่ม

กลุ่มไฟแนนซ์
ASP รายงานกำไรสุทธิที่ 303 ล้านบาท ดีกว่าคาด โต 146% จากไตรมาสก่อน .......

กลุ่มMAI
SNC KK - BLS แนะ นำ เป้าหมาย17.45/ 19.10 บาท แม้จะปรับลดอัตราการทำกำไรของ SNC ลง แต่คาดว่าบ.จะมีปริมาณขายมากพอที่จะหนุนให้กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ในปีหน้า จะยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม เครื่องปรับอากาศและยานต์ยนต์ไทย

หุ้นมีข่าวเชิงลบ
SOLAR / E / CIG / TCC หุ้นที่เสี่ยงเข้าเกณฑ์ Turnover list ประจำสัปดาห์นี้ ................


หุ้นมีข่าวทั่วไป
Eไซม่อน มอร์ริส เกโรวิชขายหุ้น E สัดส่วน 4.78% เหลือ 3.18%.........
PRANDA แจงไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยโคราช ขณะที่ไฟไหม้แผนกขัดที่โรงงาน ......

----------------------------------------------------------------------------------
CPALL (BUY) : คาดกำไร 2H10 ชะลอตัว H-H ตามฤดูกาล แต่ทั้งปียังโต 28%
* ยังแนะนำ “ซื้อ” แม้กำไร 2H10 จะชะลอตัวจาก 1H10 โดยคาดกำไร 3Q10 ลดลง 4% Q-Q จาก Low Season และคาดชะลอต่อใน 4Q10 จากรายการค่าใช้จ่ายที่สูงช่วงปลายปี แต่ทั้งปียังเติบโตแข็งแกร่ง 28% และดีต่อเนื่องอีก 22% ในปี 2011 จากการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น การขยายสาขาต่อเนื่อง และเน้นเพิ่มสัดส่วนสินค้าอาหารที่มีอัตรากำไรสูง ราคาเป้าหมายปีหน้าเท่ากับ 48 บาท (DCF) ยังมี Upside 20% นอกเหนือจากการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอปีละ 2% - 3% และคาดมีจ่ายปันผลพิเศษในปีนี้จะทำให้มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 3% - 4%

DELTA (BUY) : คาดกำไร 3Q10 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปรับประมาณการกำไรและปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 40 บาท
* ปรับเพิ่มประมาณกำไรปี 2011 อีก 24% เป็น 4,690 ล้านบาท แม้ปรับสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยแข็งค่าเป็น 30 บาทต่อดอลลาร์ จากเดิมที่ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ แต่กำไรยังเติบโตได้ราว 5% เนื่องจากสินค้าที่จะช่วยผลักดันกำไรปีหน้าของ DELTA ได้แก่ Solar Inverter, DES และ DC Fan ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่ม Green Product, Automotive และ Telecom ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยเฉพาะ Solar Inverter ที่คาดว่าจะเป็นพระเอกในปีหน้า โดยมีเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 1% (ยอดขายปีละ US$ 20 ล้าน) เป็น 10% ภายใน 3 ปี รวมถึงยังกระจายฐานลูกค้า Solar Inverter ไปยังเอเชีย และอเมริกา จากเดิมที่เน้นในยุโรปเป็นหลัก และมีแผนขยายสายการผลิตในหมวดสินค้าเดิมทั้งในไทยและอินเดีย โดยคาดใช้เงินลงทุนในปี 2010 – 2011 ราว US$ 50 – US$ 70 ล้าน หรือราว 1,500 – 2,100 ล้านบาท

KTB (BUY) : กำไร 3Q10 ดีเกินคาด NIM มีแนวโน้มดีขึ้น ปรับประมาณกำไรและราคาเหมาะสมขึ้น
* KTB รายงานกำไร 3Q10 ดีเกินกว่าที่คาดไว้มากเกือบ 20% เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยรับดีกว่าคาด 7% โดย NIM ที่ไม่รวมวายุภักษ์เพิ่มเป็น 2.91% จาก 2.8% ในไตรมาสก่อน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน 4Q10 และในปีหน้าตามอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นและปริมาณสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นค่าใช้จ่ายภาษียังน้อยกว่าที่คาดไว้ราว 7% โดยอัตราภาษีจ่ายงวดนี้อยู่ที่เพียง 23% จากระดับปกติที่ควรอยู่ที่ราว 28-30%

TCAP (BUY) : กำไร 3Q10 ดีกว่าคาดจากสำรองหนี้สูญที่ลดลง
* รายงานกำไรสุทธิ 3Q10 ดีกว่าที่คาด 7% เพราะตั้งสำรองหนี้สูญน้อยกว่าที่คาดไว้ ผลการดำเนินงานหลักเป็นไปตามคาดไว้ โดยในงวดนี้ TCAP มีอัตราการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญเพียง 0.2% ของสินเชื่อรวม (~280 ลบ.) เทียบกับ 0.4% ในไตรมาสก่อน และเป็นอัตราที่น้อยที่สุดในกลุ่มธนาคารที่อยู่ที่ราว 0.40-0.50% (ซึ่งเราคาดว่าอัตรานี้ยังไม่ใช่อัตราปกติ และน่าจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสหน้าและปีหน้า เนื่องจาก NPL ยังสูง ~ 6.2% และ Coverage ratio ที่ 70% ของ NPL ยังถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย)
----------------------------------------------------------------------------------
บล.กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 21/10/53กลยุทธ์วันนี้ 990+

ประเด็นสำคัญวันนี้ SET INDEX วานนี้ปรับฐานลงต่ำสุดของวันเพียง 979.12 จุด และเริ่มเกิดแรงเก็งกำไรหุ้นหลักกลับ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน เพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย ทำให้ SET INDEX ฟื้นตัวมาปิดที่ 988.11 จุด ลดลงเพียง 1.16 จุด ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติขายสุทธิทั้งตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นไทย

ทิศทาง SET INDEX วันนี้เชื่อว่าจะขยับขึ้นเพื่อทดสอบแนว 990 จุดอีกครั้ง ซึ่งน่าจะผ่านได้ไม่ยากนัก แม้ว่าจะมีแรงขายหุ้นธนาคารเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสะท้อนงบ 3Q53 และหมดประเด็นบวกใหม่ต่อการลงทุนในกลุ่มธนาคารช่วงสั้น หลังการประชุมกนง.ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่กลุ่มพลังงานและ SCC น่าจะขยับขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ เพื่อเก็งกำไรต่องบการเงิน 3Q53 บวกกับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ และปิโตรเคมีเป็นบวก

ทั้งนี้ KimEng เสนอให้นักลงทุนคอยติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท/US$ เทียบกับทิศทางเงินดอลลาร์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือประกอบการประเมิมเม็ดเงินต่างชาติเข้า-ออกไทย เพราะช่วงนี้กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัว อาจมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนช่วงสั้น

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 21/10/53แกว่งตัวขึ้น กลับมาเล่นประเด็นมาตรการสหรัฐฯ
KGI ประเมินหุ้นไทยวันพฤหัสฯ ปรับตัวขึ้นแต่จะผันผวนสูง ปัจจัยหนุนคือต่างชาติมีโอกาสสูงที่จะกลับมาซื้อสุทธิ หลังจากค่าเงินดอลล่าร์ฯ อ่อนลงอย่างมากและกลับสู่ระดับก่อนที่จีนจะประกาศขึ้นดอกเบี้ยเมื่อคืนวันที่ 19 ต.ค. และช่วยหนุนการีบาวด์ของตลาดน้ำมันและตลาดหุ้นในฝั่งตะวันตกประเด็นของมาตรการกระตุ้นสภาพคล่องกลับสู่ตลาดอีกครั้ง หลังจากรายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เรียกว่า Beige Book บ่งชี้ถึงระดับการเติบโตที่ซบเซา ขณะที่ ธ.กลางอังกฤษได้กล่าวเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป คล้ายๆ กับที่เฟดได้กล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน เช่นนี้แล้ว ประเด็นของสภาพคล่องล้นตลาดโลกก็จะยังหนุนเม็ดเงินให้เข้ามาในตลาดสินทรัพย์เอเชียต่อไป

อย่างไรก็ดีคาดว่าดัชนีฯ จะยังไม่ผ่านระดับ 1,000 จุด เนื่องจากดัชนีฯ เพิ่งฟื้นเมื่อวานและนักลงทุนจะต้องการความมั่นใจสัก 1-2 วัน แต่ภาพรวมแนวโน้มระยะสั้นถึงปลายสัปดาห์หน้า มีโอกาสสูงที่ดัชนีฯ จะผ่านขึ้นไปได้ ไม่เพียงแต่ประเด็นภายนอกแต่ปัจจัยภายในเชิงพื้นฐานก็มีแรงหนุนจากกำไรกลุ่มธนาคารที่ดีกว่าที่คาดการณ์ วานนี้ KTB* แจ้งกำไรไตรมาส 3 โดดเด่นที่ 5.0 พันล้านบาท ตลาดคาด 4.3 พันล้านบาท (ดูเพิ่มในฉบับ) และ BBL* เช้านี้รายงานกำไรแข็งแกร่งกว่าตลาดคาดเช่นกัน (6.2 พันล้านบาทตลาดคาด 5.8 พันล้านบาท)

กลยุทธ์: พอร์ตเทรดดิ้งที่เข้าซื้อช่วงอ่อนตัววานนี้ให้ถือหุ้นไว้ หรือซื้อเพิ่มช่วงดัชนีฯ มีเหวี่ยงในวัน แนะซื้อหุ้นแบงก์อย่าง KTB*, BBL* และหุ้นกลุ่มอื่นที่แนวโน้มจะแจ้งกำไรไตรมาส 3 เด่น เช่น BANPU*, DELTA* สำหรับดัชนีฯ วันนี้มีแนวต้านที่ 999 จุด และแนวรับที่ 985 จุด

ความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ
BANPU* ยอมรับว่ามีแผนจะปรับการลงทุนในพอร์ตของบริษัทเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการลงทุนตามแผน 5 ปี โดยเตรียมที่จะมีการขายเงินลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก รวมถึงการถือหุ้นใน RATCH* ประเด็นข่าวนี้สอดคล้องกับที่เราเคยได้ให้ความเห็นไปในสัปดาห์ที่แล้วว่า BANPU มีโอกาสขายหุ้น RATCH ออกมาเนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซซึ่งไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัทที่เน้นการลงทุนในธุรกิจถ่านหิน ปัจจุบัน BANPU ถือหุ้นใน RATCH 15% ต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 14 บาทต่อหุ้น หากมีการขายหุ้นออกมาทั้งหมดจะมีการบันทึกกำไรก่อนภาษีประมาณ 4.6-4.9 พันล้านบาท ขึ้นอยู่กับราคาขาย ยังคงคำแนะนำ ซื้อ BANPU ราคาเป้าหมาย 850 บาท
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS: ยังต้องระวังแกว่งในกรอบ 980-1000 จุด ดังนั้นรอซื้อตอนอ่อนตัวดีกว่า!
แนวโน้ม: SET ยังมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง แม้ว่าในระหว่างวันจะปรับตัวลงไปพอควร ทำให้ FSS คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะแกว่งในกรอบ 980- 1000 จุดต่อเนื่อง แต่ถ้ายังไม่สามารถขยับผ่าน 1000 จุดขึ้นไป ก็ถือว่ายังมีความเสี่ยงต่อการที่จะแกว่งย้อนกลับลงไปแถว 980-960 จุดได้ใหม่ โดยเฉพาะความกังวลจากค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าอยู่ รวมทั้งการที่นักลงทุนต่างประเทศเริ่มมียอดขายสุทธิบ่อยครั้งมากขึ้น ดังนั้นเรายังมองว่าจังหวะที่จะเลือกหุ้นเข้าทยอยรับยังสามารถรอช่วงปรับพักตัวลงของ SET ได้

กลยุทธ์: แนะนำถือหุ้นได้แต่จำกัดพอร์ตไว้ไม่เกิน 50% ของเงินลงทุน ส่วนจังหวะทยอยเข้าซื้อแนะนำให้รอตลาดปรับตัวลง หรือเมื่อดัชนียืนเหนือ 995 จุด
ได้ก่อนจึงพิจารณาซื้อเพิ่ม โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ กลุ่มแบงก์(SCB, KBANK,BBL, TCAP) ที่เริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงาน รวมทั้งหุ้นพื้นฐานที่ราคาพักฐานลงมาบ้างแล้วเช่น TASCO, TTCL, ITD, STEC, CK, SEFCO, LPN เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) กนง. คงดอกเบี้ยตามตลาดคาด ที่ 1.75% แต่ยอมรับว่าทิศทางยังเป็นขาขึ้นเพราะอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (ดอกเบี้ยหักเงินเฟ้อ) ติดลบไม่เหมาะกับ
เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดี
• (+) ส่งออกของไทยเดือน ก.ย. +9.8% M-M และ +21.2% Y-Y สูงกว่าที่ตลาดคาด ครึ่งหนึ่งของยอดส่งออกที่เพิ่มมาจากอัญมณี (ส่วนใหญ่ทอง) ซึ่ง
+169% M-M ถ้าหักส่วนนี้ออกไป ยอดส่งออกจะโต 3.5% M-M เติบโตในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องถึง 4Q10 จากที่ฐานปีก่อนที่โตขึ้นและเศรษฐกิจของประเทศ G7, OECD ที่ยังไม่ฟื้นตัว
• (+) KTB กำไรมากกว่าคาดเกือบ 20% จากรายได้ดอกเบี้ยรับที่สูงเกินคาดสะท้อนว่าแนวโน้ม NIM ดีขึ้นจากสินเชื่อที่ปล่อยใหม่ เราปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 19บาท
• (+) TCAP กำไรดีกว่าคาดเล็กน้อย เราปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 45 บาท
• (+) DELTA เติบโตสวนกระแสบาทแข็ง คาดกำไร 3Q10 +40%Q-Q,
+131%Y-Y จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ Power supply ที่ใช้กับ Solar invertor และพัดลมที่ใช้ในรถยนต์ ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง ชดเชยผลกระทบจากบาทแข็งได้ เราปรับประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าขึ้น 26% และ 24% ตามลำดับ และปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 40 บาท
• (+) CPALL คาดกำไรครึ่งหลังชะลอตามฤดูกาล แต่ทั้งปีกำไรยังเติบโต28% ปีหน้าโตอีก 22% สาขาที่ถูกน้ำท่วมคาดว่ามีไม่เกิน 2% ของสาขาทั้งหมดกว่า 5 พันสาขา ขณะที่การเจรจาต่ออายุสัญญา (ที่จะหมดอายุปี 2012) กับ PTTอาจเป็นข่าวดี ส่วนเงินปันผลพิเศษจะจ่ายหรือไม่ จะได้ข้อสรุป 9 พ.ย. นี้ เรายังคงแนะนำซื้อ CPALL เป้าหมาย 48 บาท
• Fund Flow วานนี้กลับมาไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาค แต่ปริมาณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังจากจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแตะเบรกเศรษฐกิจทำให้เกิดผล
กระทบระยะสั้นกับอัตราแลกเปลี่ยนทันทีโดยค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าชั่วคราวเนื่องจากเป็นมาตรการที่สวนทางการสหรัฐที่กำลังจะอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้น
เศรษฐกิจ สำหรับแนวโน้มวันนี้คาดว่า Fund Flow น่าจะกลับมาไหลเข้า โดยสงเกตุจากค่าเงินของสกุลเงินเอเชียแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ รวมถึง
ค่าเงินบาทก็ขึ้นค่าขึ้นมาอยู่ที่ 29.85 บาท/ดอลลาร์ หลังจากที่เรียนรู้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะยิ่งทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าจีนและเอเชียต่อเนื่อง เพราะหาก
เฟดอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ก็จะยิ่งทำให้ปริมาณเงินท่วมโลก และเงินก็จะวิ่งไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่าเป็นปกติ

ข่าวภายในประเทศ
AH-IHL-SATหุ้นเด่น กำไรหรูอย่ามองข้าม หุ้นตกต้องสวนเก็บยานยนต์ AH-IHL-SAT กำไรเด่นจงอย่ามองข้าม “เย็บ ซู ชวน” การันตีอุตสาหกรรมดีหนุนงบไตรมาส 3 AH หรูแน่ วงการเชื่อกำไรกระฉูด 100 ล้านบาท ฟาก SAT เตรียมทุบสถิติกันอีกหน ยอดขายพุ่งเกิน 1,500 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 21-10-2010)
DCC รายได้พุ่ง สบช่องน้ำท่วมปันผลปีนี้ 3.20 บ. DCC ได้อานิสงส์น้ำท่วมหนักต่างจังหวัด ดันยอดขายวัสดุก่อสร้างพุ่ง หวังโชว์งบไตรมาส 4/53
หรู ขณะที่มั่นใจปีนี้รายได้ขยับไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนทำได้ 5.90 พันล้านบาท แนะซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมายเท่ากับ 63 บาท ปีนี้ปันผล 3.20
บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 21-10-2010)
PTTAR ลุ้น Q3 พลิกเป็นกำไร ขานรับกำไรค่าการกลั่น-สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น PTTAR ลุ้น Q3 พลิกเป็นกำไร 1,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 313%จาก Q2 ขาดทุน หลังตัวเลขกำไรค่าการกลั่นดีขึ้น แถมมีกำไรจากมูลค่าสินค้าคงเหลือจากราคาผลิตภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้น ส่วน Q4 แนวโน้มรายได้ดีต่อเนื่อง ทิศทางราคาน้ำมันและค่าการกลั่นพุ่ง โบรกฯแนะซื้อราคาเป้าหมาย 35 บาท รอรับจ่ายปันผล 1 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 21-10-2010)
ROBINS รายได้ปีนี้โตเกิน 12% ทุ่ม 650 ล้านผุดสาขาใหม่ที่ตรัง ROBINS การันตีรายได้ปีนี้โตทะลุ 12% รับเศรษฐกิจดี-กำลังซื้อสูง โดยเฉพาะไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น ลุยขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทุ่มงบ 650 ล้านบาท จ่อเปิดสาขาที่ จ.ตรังในรูปแบบ “ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์” วันที่ 11 พ.ย.นี้ ดันยอดสาขาปีนี้ครบ 24 สาขา ส่วนปีหน้าตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 3-4 สาขา ใช้งบลงทุน 2,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 21-10-2010)
NINE พร้อมเข้า mai เทรดวันแรก 17 พ.ย .ขายไอพีโอ 2.40 บาท NINE พร้อมนำหุ้นเข้าเทรดเอ็ม เอ ไอ 17 พ.ย.นี้ เชื่อหุ้นได้รับความสนใจเหตุให้ส่วนลด 20% ลั่นแต่งตั้ง 3 อันเดอร์ไรเตอร์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ บล.ฟินันเซีย ไซรัส และบล.ซีไอเอ็มบีฯ ร่วมขายหุ้น IPO ให้กับนักลงทุนในราคาหุ้นละ 2.40 บาท ระหว่างวันที่ 1-3 พ.ย.นี้ ด้านกำไรปีนี้ทิศทางดีขึ้นจากปีก่อน หลังควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายและบริหารที่ดี (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 21-10-2010)
TRUE โชว์ยอดขายสมาร์ทโฟนพุ่ง 30% โบรกแนะขายหมดสตอรี่บวก ราคาเป้าหมายต่ำกว่า 3 บาท TRUE คุยฟุ้งยอดขายมือถือสมาร์ทโฟนพุ่งพรวดกว่า 30% ทั้งบีบี-ไอโฟน 4 ออเดอร์ทะลัก มั่นใจโค้งสุดท้ายของปียอดขายเพิ่มหลายเท่าตัว ดันรายได้นอนวอยซ์เพิ่มขึ้น จากยอดการใช้งานดาต้าเพิ่มถึง 89% ส่วนงบไตรมาส 3 ได้เห็นกำไรกว่า 800-1 พันล้านบาท รวยจากอัตราแลกเปลี่ยน ได้อานิสงส์ค่าบาทแข็ง แต่งบปกติยังขาดทุนอีกเพียบ เหตุธุรกิจหลักในมือทั้งบรอดแบนด์-ทรูวิชั่นส์-ทรูมูฟ ฟื้นตัวช้ากว่าคู่แข่ง โบรกฯชี้หุ้นยังไร้สตอรี่บวก แนะ “ขาย” ลูกเดียว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น21-10-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: FED ออกรายงาน Beige Book ชี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวปานกลาง ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขตในสหรัฐ ครั้งล่าสุดเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวในระดับปานกลาง โดยกิจกรรมด้านการผลิตในเกือบทุกเขตมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของปริมาณการผลิตและยอดสั่งซื้อในภาคการผลิต ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคยังคงฟื้นตัวขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงอ่อนไหวต่อราคาสินค้าและเลือกซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็นที่สุด ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยในเกือบทุกเขตยังคงอ่อนแอ โดยมีรายงานว่ายอดขายที่อยู่อาศัยในปีนี้ยังต่ำกว่าปีที่แล้ว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-10-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 667,000 บาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 15 ต.ค.เพิ่มขึ้น 667,000 บาร์เรล แตะระดับ 361.2 บาร์เรล แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นร่วงลง 2.16 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 170.06 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 800,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 1.16 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 219.33 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นเพิ่มขึ้น 0.6% แตะระดับ 82.5% มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.1% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-10-2010)
เอเชีย: สนง.สถิติเกาหลีใต้เผยอัตราว่างงานยังทรงตัวที่ 3.4% ในเดือนก.ย. สำนักงานสถิติของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า อัตราว่างงานในประเทศยังคงทรงตัวที่ระดับ 3.4% ในเดือนกันยายนเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศกำลังฟื้นตัว อัตราว่างงานเกาหลีใต้เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆในช่วง 3% มาตลอด 6 เดือนติดต่อกัน หลังจากที่ร่วงลงจากระดับ 4.3% เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สำนักงานสถิติรายงานว่า แม้ภาครัฐจะมีการจ้างงานลดลง 196,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน ซึ่งสวนทางกับที่รัฐบาลประกาศว่าจะสร้างงานให้มากขึ้น แต่ยังโชคดีที่ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 445,000 ตำแหน่ง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-10-2010)
เอเชีย: นายกเวียดนามคาดเศรษฐกิจปี 53 โต 6.7% เชื่อยอดส่งออกมีแนวโน้มพุ่ง 19.1% นายเหงียน ทัน ตุง นายกรัฐมาตรีเวียดนาม คาดว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเวียดนามจะขยายโต 6.7% ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 6.5% โดยนายเหงียนกล่าวในรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลระหว่างการประชุมแห่งชาติว่า เวียดนามยังคงรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคไว้ได้ และประสบความสำเร็จในการส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการเกษตรซึ่งคาดว่าจะเติบโต 2.6% ในปีนี้ ขณะที่ ภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้างจะเติบโตถึง 7.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-10-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

Code 179 : เสี่ยงปรับฐานใหญ่ถ้า SET ยังไม่เกิน 991

วันพุธที่ 20 ตุลาคม 2553
ATT Code : เสี่ยงปรับฐานใหญ่ ถ้า SET ยังไม่เกิน 991

AYS - Market Recap and Trend: ดอลลาร์ฯกลับมาแข็งค่าขึ้นจะเป็นปัจจัยกดดัน
ตลาดหุ้นทั่วโลก และ SET....คาด กนง.คงดอกเบี้ยที่ 1.75% วันนี้
SET ปรับสูงขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 990 จุด เมื่อวานและปิดตลาดที่ 989.27 จุดสูงขึ้น0.54% ด้วยมูลค่าการซื้อขายลดลงเหลือ 27,830 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิ778 ล้านบาท สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้ คาดว่าจะถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ฯซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 30.03 บาท/ดอลลาร์ฯ เช้านี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีน0.25% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ขึ้นมาที่ 2.5% และ 5.56% ตามลำดับ โดยการปรับดอกเบี้ยขึ้นของจีนครั้งนี้ทำให้นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน และโลก รวมไปถึงความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ฯ (Dollar Index) Rebound ขึ้นมาที่ระดับ 78.18 จุดและราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับลดลง 4.32% เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดัน SETโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน วันนี้ โดยมีแนวรับหลักที่บริเวณ 980 จุด
Investment Strategy: พร้อมลดสัดส่วนหุ้นในพอร์ตลงเหลือ 60% ในกรณีที่SET ปิดตลาดต่ำกว่า Trailing Stop ที่ 980 จุดเราได้ให้ความสำคัญกับค่าเงินดอลลาร์ฯ (Dollar Index) ตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ก่อน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ฯ ได้อ่อนค่าสะท้อนความคาดหวังของมาตรการซื้อพันธบัตรของ Fed ไปแล้วตั้งแต่กลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และอ่อนค่าเข้าใกล้แนวรับทางเทคนิคบริเวณ 74-76 จุด...ทั้งนี้หลังจาก ธ.กลางจีนปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เมื่อวานนี้ยิ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้มีการขาย
สินทรัพย์เสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นสามัญ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ออกมามากขึ้น และเริ่มเห็นกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าไปสู่เงินดอลลาร์ฯ บ้างแล้ว ทำให้นักลงทุนต้อง “ระมัดระวัง” ต่อแนวโน้มการพักฐานมากขึ้น โดยเราคงกลยุทธ์ Trailing Stop ต่อไป โดยเลื่อนจุด Trailing Stop ขึ้นมาที่ 980 จุด และแนะนำลดสัดส่วนหุ้นในพอร์ตลงเหลือ 60% จาก 80% ในกรณีที่ SET ปิดตลาดต่ำกว่า 980 จุด สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่
DELTA – แนะนำ ซื้อ มูลค่าพื้นฐาน 31 บาท คาดผลการดำเนินงาน 3Q53 ออกมาดี ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงถือว่าเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้น
BLA – แนะนำ เก็งกำไร ครม.อนุมัติเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันเป็น 3 แสนบาท Futures Strategy: แนะนำ Trading ในกรอบ 682-690 จุด ต่อเนื่องจากเมื่อวานรอยืนยันทิศทางตลาดไปก่อน (ดูรายละเอียดใน Derivative Strategy)
AUTO: THAI ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทแข็ง และราคาน้ำมันปรับลดลง
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
20 ตค. 53 ( +5.24 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ปรับตัวลง 982 - 984 จุด
แนวโน้มในวันพุธนี้ ตราบใดไม่เกิน991.50 จุดสูงสุดวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ย 25ชั่วโมง ดัชนีมีโอกาสปรับตัวกลับลงไปแถว
982 – 984 ใกล้จุดต่ำสุดของวันอังคารอีกครั้ง

และภาพของตลาด หนึ่งถึงสองวันข้างหน้านี้น่าจะเป็นการแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบ 982 – 992หรือ ระหว่างจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของวันอังคารและถ้ามีการปรับตัวลง ต่ำกว่า 980.58จุดต่ำสุดของวันจันทร์ ดัชนีระยะสัปดาห์สามารถปรับตัวลงต่อแถว 963 – 968 จุด ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน และระยะเดือนบริเวณ 900 –910 จุด ตามอัตราส่วน Fibonacci Ratio38.2% นับจากที่ปรับตัวขึ้นมาเมื่อเดือน มิย. ปีนี้

แต่ถ้าระยะสั้นสามารถปรับตัวขึ้น เกิน991.50 จุดสูงสุดวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ย 25ชั่วโมง ดัชนีสามารถปรับตัวกลับขึ้นไปแถว997 – 999 ใกล้จุดสูงสุดเดิมของปีนี้

หุ้นเด่น
HEMRAJ
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงพอดีรอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 1.92 จุดสูงสุดวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมาย
หนึ่งถีงสองวัน 1.97 – 1.99( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 1.87 )

ADVANC
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงพอดีทยอยซื้อแถว 93.50 – 94.00 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 94.25 จุดสูงสุดวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมายสองสามวัน95.25 – 95.50( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 93.25 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
BANPU ไม่น่าเกิน 746 – 748
GUNKUL ไม่ต่ำกว่า 8.50 ขึ้น 9 – 9.30
STA ไม่น่าเกิน 30.75 - 31
PTTAR ต่ำกว่า 28.75 ลง 27 – 27.50
PTT ไม่เกิน 311 ลง 306 - 307
TASCO เกิน 76 ขึ้นต่อ 78 – 80
IVL แกว่งตัว 35.25 – 37.25
CPF ไม่เกิน 23.40 22.80 – 22.90
PTTEP ไม่เกิน 171 168 – 169
TMB ไม่ต่ำกว่า 2.38 ขึ้น 2.48 – 2.50

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS:ยังต้องระวังแกว่งในกรอบ 980-1000 จุด และอาจหลุดลงหา 960 จุดได้!
แนวโน้ม: ตลาดเริ่มรีบาวด์กลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในด้านบวกได้บ้าง แต่ยังอยู่ในลักษณะแกว่งตัวขึ้น-ลงอยู่ในกรอบ 980-990 จุด ซึ่ง FSS คาดว่ายังต้องระวังการผันผวนของตลาด เพราะยังมีโอกาสที่จะหลุดต่ำกว่า 980 จุดเพื่อไหลลงหา 960จุดอีกครั้งได้ เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนยังรอดูผลการประชุมของ กนง. ในวันนี้(20 ต.ค.) ก่อนว่าจะมีการกล่าวถึงมาตรการในการดูแลค่าเงินบาทหรือไม่ ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ก็ไม่ค่อยสดใสนักด้วย อย่างไรก็ตามจังหวะตลาดปรับพักตัวลงเรายังมองว่าเป็นโอกาสที่จะเลือกหุ้นเข้าทยอยรับได้ เนื่องจากเม็ดเงินของนักลงทุนต่างประเทศยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องกลยุทธ์: แนะนำให้ถือหุ้นได้ แต่ยังจำกัดพอร์ตไว้ไม่เกิน 50% ของเงินลงทุนจากนั้นส่วนที่เหลือรอให้ตลาดปรับตัวลงอีกครั้ง หรือรอดัชนียืนเหนือ 995 จุดได้ก่อนจึงพิจารณาซื้อเพิ่ม โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ กลุ่มแบงก์(SCB, KBANK, BBL,TCAP) ที่เริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงาน รวมทั้งหุ้นพื้นฐานที่ราคาพักฐานลงมาบ้างแล้วเช่น TASCO, TTCL, ITD, STEC, CK, SEFCO, LPN เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (-) จีนปรับขึ้นดอกเบี้ยเหนือความคาดหมาย 0.25bps ทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้ 1ปีขึ้นมาอยู่ที่ 5.56% จาก 5.31% เพื่อชะลอการขยายตัวของสินเชื่อที่โตเร็วเกินไปอาจก่อให้เกิด NPL การขึ้นดอกเบี้ยที่เหนือความคาดหมายและเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีเป็นลบกับตลาดหุ้นในเอเชียและราคา Commodity อาจทำให้เกิดการขายในระยะสั้น
• (+) World Bank GDP ไทยปีนี้ขึ้นเป็น 7.5% จากเดิม 6.1% (คาดเอเชียโตเฉลี่ย 8.9%) ส่วนปีหน้าคาดโต 3.2% (คาดเอเชียโตเฉลี่ย 7.8%) World Bankไม่เห็นด้วยกับการลดดอกเบี้ยและไม่เห็นด้วยกับมาตรการคุมเงินทุนไหลเข้าขณะที่ S&P จะเข้ามาเก็บข้อมูลในไทย 20-23 ต.ค. นี้ มีแนวโน้มปรับอันดับเครดิตของไทยขึ้น 1 ขึ้นจากปัจจุบัน BBB+ เป็น A1
• (+) คาด กนง.คงดอกเบี้ยที่ 1.75% เพื่อชะลอเงินไหลเข้า และเงินเฟ้อยังไม่ใช่ปัจจัยกดดันระยะนี้ ค่าเงินที่แข็งค่าก็ช่วยชะลอเงินเฟ้อไม่ให้พุ่งแรงด้วย หุ้นที่ sensitive กับดอกเบี้ยได้แก่กลุ่มบ้านและรับเหมา STEC, CK, ITD, TTCL,TPOLY, SPLAI
• (-) ผลกระทบน้ำท่วม ในระยะสั้นเป็นลบกับกิจการที่เสียหายเช่นร้านค้าปลีกCPALL, MAKRO รายได้เกษตรกรที่ถูกกระทบอาจกระทบยอดขายของ DCC, DRTรถยนต์ที่เสียหายอาจเป็น NPL กระทบต่อธุรกิจเช่าซื้อ TISCO, KK และบางส่วนของ TCAP ในระยะยาวจะเป็นบวกกับ TASCO, DCC, DRT, GLOBAL, HMPRO,TVO
• (+) KBANK กำไรดีกว่าคาด TMB ใกล้เคียงคาด KBANK กำไรดีกว่าคาด+6.8% Q-Q, +36.7% Y-Y สินเชื่อแตะระดับ 1 ล้านล้านบาทเป็นไตรมาสแรกเราปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 140 บาท ส่วน TMB กำไรใกล้เคียงคาด ประเด็นการลงทุนของ TMB ขึ้นอยู่กับราคาขายหุ้นของคลังให้ ING หรือพันธมิตรรายอื่น
• Fund Flow วานนี้ไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แต่ปริมาณไม่มาก นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นอินโดนีเชียและไต้หวันหนักสุด แต่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้และไทย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินในภูมิภาคเอเชียที่รวดเร็วเกินไป ประกอบตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอ่อนแอและนักลงทุนยังหวังว่าเฟดจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น ที่สำคัญขณะนี้มีแรงปะทะกันระหว่างการที่จีนประกาศขึ้นดอกเบี้ยหรือเป็นการถอนสภาพคล่องออกจากตลาด กับการที่เฟดกำลังจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะคาดได้ว่าตลาดจะเริ่มเปลี่ยนทิศทางหรือไม่ อย่างไรก็ตามผลที่ตามมาทันที่คือ ค่าเงินดอลลาร์หลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลอื่นทั้งหมด แต่เราเชื่อว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ เพราะเฟดเตรียมจะออกอัดฉีดสภาพคล่อง ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ยของจีนแม้จะทำให้ทุกคนคิดว่าจะทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงจริงๆ แต่เราไม่คิดว่าจะเป็นปัจจัยลบต่อความเสี่ยง หรือมองเศรษฐกิจเอเชียในแง่ลบ

ข่าวภายในประเทศ
TMB คว้ากำไรสนั่นทุ่งมาตามนัด 777 ล้านบ. ‘กสิกรไทย’ ฟอร์มยังสด ฟาด 5 พันล้าน แบงก์ TMB ปั้นกำไรสุทธิ 8 ไตรมาสต่อเนื่อง ล่าสุดไตรมาส 3/53 ฟัน 777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% เอ็นพีแอลวูบเหลือ 9.5% ส่วนสินเชื่อพลิกเป็นบวก ด้าน “กสิกรไทย” กำไรสุทธิ 5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น36% ขณะที่ “ซีไอเอ็มบีไทย”(CIMBT) มีกำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรก 894 ล้านบาท เป็นการพลิกจากขาดทุน 41 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนเอ็นพีแอลปรับลดลงเช่นกันเหลือ 8.7% จาก 140.9% ในปลายปี'52 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
PTTEP กำไรปีนี้ 3 หมื่นล้านปริมาณขายปิโตรเลียมพุ่ง PTTEP ลั่นกำไรปีนี้ทะลุ 3 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีแรกเก็บเข้ากระเป๋าแล้ว 2.1 หมื่นล้านบาทเนื่องจากปริมาณการขายปิโตรเลียมพุ่ง แถมบันทึกค่าประกันความเสียหายแหล่งมอนทาราบางส่วน เผยควบรวมกิจการแบบ M&A ได้เห็นในปีนี้ 1 ดีลด้านเงินลงทุนมีพร้อมแล้ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
MCS คว้างาน CK ฮุบออเดอร์สีม่วงยอดขาย 5 พันตัน MCS จ่อบุ๊ครายได้ขายเหล็กโครงสร้างให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญา 1 ให้ ช.การช่าง 5,000 ตัน ไตรมาส 4/53 ปริมาณงานส่งมอบสูงถึง 1.5-1.6 หมื่นตัน เหลืองานที่รอรับรู้อีก 7 หมื่นตันปีนี้ อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 3/53 ทรงตัวระดับ 42% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
GUNKUL ติดลมวันแรกพุ่ง 59% GUNKUL วันแรกพุ่ง 59% ผู้บริหาร-ที่ปรึกษาชูปัจจัยพื้นฐานมั่นคง เดินหน้าประมูลงานไตรมาส 4 เพิ่มอีก 50ล้านบาท ส่วนปีนี้รายได้แตะ 1,000 ล้านบาท เติบโต 10% เผยโครงการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ใช้เทคโนโลยีแบบ CIS รับผลดีลดความผันผวนวัตถุดิบได้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
SC ผุดคอนโดใหม่ 3 โครงการ เจาะ 3 ทำเลใหม่มูลค่า 2.3 พันล้าน เปิดจองพ.ย.นี้ SC รุกหนักไตรมาส 4 ลุยเปิดคอนโดฯ 3 โครงการ 3 ทำเลใหม่ มูลค่ารวม 2,300 ล้านบาท ได้แก่ ทำเลใกล้รถไฟฟ้ารัชดา-สุทธิสาร มูลค่า 900 ล้านบาท ทำเลพหลโยธิน 11 มูลค่า 900 ล้านบาท และทำเลร่วมฤดี มูลค่า 300 ล้านบาท เล็งเปิดจองต้นเดือนพ.ย.นี้ คาดเริ่มบันทึกรายได้ปี 2554 และ 2555 พร้อมเดินหน้าเปิดตัวบ้านเดี่ยวอีก 4 โครงการ (ที่มา:นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
STA ลุ้นกำไร Q3 กระโดด140% Q4 ได้ดีราคายาง-ดีมานด์หนุน STA วิ่งรับอานิสงส์ดีมานด์อุตสาหกรรมยางสูง มองไตรมาส 3/53 กำไรก้าวกระโดด 140% เป็น 680 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4/53 หลังราคายางปรับตัวขึ้น ประกอบกับยางรถยนต์ใหม่และยางรถยนต์อะไหล่ในจีนผลักดันการเติบโต เชื่อทั้งปีจ่ายปันผล 1.21 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
FORTH รวบตู้เน็ตทีโอที 2 พันล้าน ดันรายได้กระฉูด 30% AIT ราคาหุ้นถูกจ่ายปันผลสูง FORTH ตีปีกรายได้ครึ่งหลังดีกว่าช่วงแรก ล่าสุดชนะการประมูลคว้าโปรเจ็กต์ตู้อินเตอร์เน็ตทีโอทีอีกว่า 1,900 ล้านบาท มั่นใจรายได้ปี 2553 เข้าเป้า 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 30% ยิ้มรับงานในมือทะลัก 2,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เล็งจับมือพาร์ทเนอร์ต่างชาติ ขยายไลน์ธุรกิจตู้เติมเงิน AIT ไม่น้อยหน้าโบรกฯคาดกำไร Q3 กว่า 80 ล้านบาท แนะ “ซื้อ” ราคาถูกแถมปันผลสูงลิ่ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ดัชนีความเชื่อมั่นนลท.เยอรมนีร่วงลงต่อเนื่อง เหตุนลท.วิตกศก.ชะลอตัว ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีประจำเดือนต.ค. ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะชะลอตัวลง สถาบัน ZEW เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนี ซึ่งทำขึ้นเพื่อชี้วัดแนวโน้มของนักลงทุนสำหรับช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้านั้นร่วงลงมาอยู่ที่ระดับติดลบ 7.2 จุดในเดือนต.ค. จากระดับติดลบ 4.3 จุดในเดือนก.ย. ทั้งนี้ ภาคการส่งออกที่แข็งแกร่งช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไตรมาส 2 ของเยอรมนีขยายตัวได้ 2.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ได้มีกระแสความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นในระยะนี้ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจนอกกลุ่มประเทศยุโรปที่ชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของเยอรมนี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-10-2010)
ยุโรป: เยอรมนีเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนต.ค.ร่วงต่ำสุดในรอบ 21 เดือน ผลการสำรวจล่าสุดของสถาบัน ZEW ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจยุโรป พบว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือนในเดือนตุลาคม ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยรายงานของสถาบัน ZEW ระบุว่าดัชนีเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงสู่ระดับ -7.2 จุด ในเดือนตุลาคม เทียบกับระดับ -4.3 จุด ในเดือนกันยายน นับเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันและแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-10-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเกินคาด 0.3% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้น 0.3% แตะระดับ 610,000 หลัง/ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 580,000 หลัง/ปี ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายมาจากตัวเลขการสร้างบ้านเดี่ยวที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 4.4% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-10-2010)
จีน: ธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มีผลวันที่ 20 ต.ค. ธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก 0.25% มีผลบังคับใช้ในวันพุธที่ 20 ตุลาคมนี้ ซึ่งถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของจีนนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2550 แบงก์ชาติจีนระบุในแถลงการณ์ซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 1 ปี จะเพิ่มขึ้นจาก 2.25% เป็น 2.50% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 1 ปีจะเพิ่มขึ้นจาก 5.31% เป็น 5.56% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-10-2010)
จีน: ธนาคารโลกแนะจีนปรับสมดุลเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อการขยายตัวอย่างยั่งยืน ธนาคารโลกแนะจีนเดินหน้าปรับสมดุลเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นในขณะที่จีนกำลังอยู่ในระหว่างเตรียมความพร้อมสำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้า รายงานความคืบหน้าทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกฉบับล่าสุดของธนาคารโลกระบุว่า จีนควรดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่เข้มงวดกว่าเมื่อปี 2552 เพื่อควบคุมกระแสคาดการณ์ด้านเงินเฟ้อและเพื่อสกัดกั้นความเสี่ยงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงความเสี่ยงด้านการคลังของรัฐบาลท้องถิ่น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-10-2010)

----------------------------------------------------------------------------------