ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดร่วงลงในวันศุกร์หลังการเปิดเผยข้อมูลจ้างงานที่ซบเซาบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว แม้นักวิเคราะห์ระบุว่าดัชนีหุ้นอาจจะมีเสถียรภาพในระยะใกล้ก็ตาม
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 97.29 จุดหรือ 0.79% สู่ 12,151.26, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 12.78 จุดหรือ 0.97% สู่ 1,300.16 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวลง 40.53 จุดหรือ 1.46% สู่ 2,732.78
จำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วนมากกว่า 2 ต่อ 1 ในตลาดนิวยอร์ค และ 4 ต่อ 1 ในตลาด Nasdaq
ปริมาณการซื้อขายเบาบางราว 6.84 พันล้านหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ค, ตลาดหุ้นอเมริกัน (American Stock Exchange) และตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งต่ำกว่าระดับเฉลี่ยต่อวันของปีที่แล้ว 8.47 พันล้านหุ้น
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น 54,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ 9.1% ในเดือนพ.ค.จาก 9% ในเดือนเม.ย.
ดัชนีหุ้นทั้งสามตัวร่วงลง 2.3% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังคงอยู่ในแดนบวกในปีนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์บวก 5%, ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 3.4% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 3% (รอยเตอร์)
ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:ตัวเลขจ้างงานอ่อนแอกดน้ำมันดิบปิดลบ 18 เซนต์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดตลาดขยับลงเล็กน้อยในวันศุกร์ โดยราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 2 ดอลลาร์หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอ แต่หลังจากนั้นราคาน้ำมันก็ลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้เกือบหมด
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ค.ปรับลง 18 เซนต์ หรือ 0.18 % มาปิดตลาดที่ 100.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 98.12-100.87 ดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 30 เซนต์ สู่ 115.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 113.40-116.25 ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดตลาดสัปดาห์นี้ร่วงลง 37 เซนต์ หรือ 0.36 % จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ปรับขึ้น 81 เซนต์ หรือ 0.7 % จากช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 พ.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 54,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นในระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2010 ส่วนอัตราการว่างงานขยับขึ้นสู่ 9.1 % ในเดือนพ.ค. จาก 9 % ในเดือนเม.ย.
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า ตลาดโลกต้องการปริมาณน้ำมันเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน ในขณะที่อุปสงค์ของโรงกลั่นน้ำมันกำลังจะพุ่งขึ้น ทั้งนี้ IEA ออกแถลงการณ์ดังกล่าวเพราะต้องการกระตุ้นกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)ให้ปรับเพิ่มปริมาณการผลิตในการประชุมสัปดาห์หน้า (รอยเตอร์)
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวตอกย้ำว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะเปราะบาง ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และดอลลาร์อยู่ในภาวะอ่อนแอต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ราคาทองได้รับแรงหนุนจากการที่ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินร่วงลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 1 เดือน
ราคาทองสปอตขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวันที่ 1,546.39 ดอลลาร์ ในขณะที่สถิติสูงสุดยังคงอยู่ที่ 1,575.79 ดอลลาร์ ซึ่งทำไว้ในวันที่ 2 พ.ค.
สำหรับราคาโลหะมีค่าที่ตลาด COMEX ในวันศุกร์มีดังต่อไปนี้
ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)
ทองเดือนส.ค. 1,542.40 + 9.70
เงินเดือนก.ค. 36.191 - 1.10 (เซนต์)
พลาตินั่มเดือนก.ค. 1,823.70 + 5.90
พัลลาเดียมเดือนมิ.ย. 783.25 + 14.85 (รอยเตอร์)
ดอลลาร์ร่วงลงในวันศุกร์ และมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อในสัปดาห์นี้ หลังข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 80.200 เยน เทียบกับระดับปิดวันพฤหัสบดีที่ 80.890 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.4635 ดอลลาร์ และ 117.37 เยน เทียบกับระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 1.4490 ดอลลาร์ และ 117.17 เยน
แนวโน้มเชิงลบในสหรัฐนั้นตรงกันข้ามกับความเชื่อมั่นอย่างระมัดระวังในยูโรโซน โดยยูโรแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนจากความเชื่อมั่นที่ว่า กรีซจะได้รับการจ่ายเงินช่วยเหลือ และสามารถหลีกเลี่ยงการปรับโครงสร้างหนี้
ยูโรพุ่งขึ้น หลังสหภาพยุโรป, ธนาคารกลางยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศเปิดเผยว่า จะมีการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลืองวดใหม่ให้กับกรีซในเดือนก.ค.
ดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสและระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับเยน โดยดอลลาร์ยังคงเปราะบางต่อความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ ขณะที่ยูโรสามารถฝ่าแนวต้านสำคัญและอาจปรับตัวขึ้นต่อไป
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น 54,000 ตำแหน่ง ในเดือนพ.ค.ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ 9.1%
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ยูโรปรับตัวขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ซึ่งถือเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลง 0.7% เมื่อเทียบกับเยน
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งวัดการปรับตัวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินลดลง 0.8% สู่ 73.742 (รอยเตอร์)
สกุลเงินเอเชียดีดตัวขึ้นในช่วงแรก จากการปรับตัวขึ้นของยูโร และการอ่อนค่าของดอลลาร์ แต่ก็ไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อไป เนื่องจากนักลงทุนไม่ต้องการถือสถานะการลงทุนล็อตใหญ่ก่อนการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ
วอนแข็งค่าขึ้นในช่วงเช้า แต่ปรับตัวลงในเวลาต่อมา โดยแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อคืนดอลลาร์ก่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐ ดีลเลอร์ระบุว่า วอนมีแนวโน้มปรับตัวในช่วงแคบ ขณะที่นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง
ริงกิตแข็งค่าเหนือเส้นค่าเฉลี่ยรอบ 55 วันเมื่อเทียบดอลลาร์ ขณะที่ยูโรดีดตัวขึ้น แต่ริงกิตลดช่วงบวกในเวลาต่อมา หลังจากนักลงทุนเข้าซื้อชดเชยดอลลาร์
บาท/ดอลลาร์ภาคบ่ายแกว่งตัวแคบ อยู่ที่ 30.30/35 จาก 30.28/34 ช่วงเช้า ขณะที่ในตลาด offshore อยู่ที่ 30.31/34 จาก 30.29/36 ช่วงเช้า ดีลเลอร์มองว่า ในระยะสั้นเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อไป จากข้อมูล เศรษฐกิจของสหรัฐ ที่ออกมาไม่ดีนักในช่วงหลังๆ ทำให้นักลงทุนเลี่ยงความเสี่ยงและหันมาถือครองดอลลาร์มากขึ้น (รอยเตอร์)
ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปิดวันศุกร์ (3 มิ.ย.) ทรงตัวที่ ระดับ 1489 ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 554
ความเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมามีดังนี้:-
วันที่ ระดับปิด เปลี่ยนแปลง (จุด)
2 มิ.ย. 1489 +4
1 มิ.ย. 1485 +5
31 พ.ค. 1480 +6
30 พ.ค. ตลาดปิดทำการวันหยุด
27 พ.ค. 1474 +7 (รอยเตอร์)
�� ถึงแม้ว่า SETI จะยังคงโดนกดดันจาก Indicators ทุกตัวที่ให้ค่าสัญญาณลบ แต่การอ่อนตัวลงมามีมูลค่าการซื้อขายที่ลดลง ประกอบกับ SETI ยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยม จึงทำให้มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways ต่อไป
�� ดังนั้นในระยะสั้นเราแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”
CPALL ปิด 45.25 บาท
ราคาทำจุดต่ำสุดในระยะสั้นที่ยกสูงขึ้น และ Indicators ทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร” แนวต้านที่ 46.50-48.00 บาท แนวรับที่ 44.50-44.00 บาท Cut loss หากราคาต่ำกว่า 43.25 บาท
MAJOR ปิด 15.50 บาท
ราคาปิดพลิกกลับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น ประกอบกับมีวอลุ่มหนุน แนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ
แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร” แนวต้านที่ 16.10-16.50 บาท แนวรับที่ 15.30-15.10 บาท Cut loss หากราคาต่ำกว่า 14.90 บาท
SYMC ปิด 12.00 บาท
ราคาแกว่งตัวอยู่ในกรอบคู่ขนานขาขึ้น และกำลังอยู่บริเวณกรอบแนวรับด้านล่าง แนวโน้มดีดตึ้วขึ้นทดสอบกรอบคู่ขนานด้านบน
แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร” แนวต้านที่ 12.60-13.20 บาท แนวรับที่ 11.90-11.80 บาท Cut loss หากราคาต่ำกว่า 11.60 บาท
UAC ปิด 15.00 บาท
ราคาปิดยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น ประกอบกับ Indicatorsทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้นชัดเจนแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร” แนวต้านที่ 16.00-17.00 บาท แนวรับที่ 14.70-
14.50 บาท Cut loss หากราคาต่ำกว่า 14.20 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น