Code 499 : 21/09/54 Bullish Engulfing + Closing High = Bullish Reversal.... ถ้าผ่าน 1029 ไปได้... Next Station 1037/1045...

---------------------------------------------------------------

วันพุธที่ 21 กันยายน 2554

ATT Code : Bullish Engulfing + Closing High = Bullish Reversal.... ถ้าผ่าน 1029 ไปได้... Next Station 1037/1045...

Five Factors
1. Market Structure...
- Minor Trading Range อยู่ที่ 1026 - 1034...
- Major Trading Range อยู่ที่ 1009 - 1045...
2. Trend Analysis.... Moving up to target 1034/1045...
3. Price Analysis... ฺBullish Engulfing = Moving up...
4. Main Indicators... Negative แต่ก็มีสัญญาณที่ดึขึ้น...
MACD Osc(+) / MACD(-) / SSTO(-) /RSI(-) 
5. Minor Indicators...  Neutual และยังอยู่ใน Bear Zone อยู่...
%R(+) / CCI(+) / ADX(>25) / DI Osc (-)

สรุป : Sideway
ปัจจัยในการขับเคลื่นอตลาดมีทั้งบวกและลบคละเคล้ากันไป..
โดยที่ดัชนีมีลักษณะเป็น Moving Up แต่ Indy ยังไม่ Support เท่าที่ควร....
ดังนั้นตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัว ขึ้น-ลง ไปอยู่...

--------------------------------------------------------------------
*** แนวโน้มหลัก : Below BBA = Bearish market...  และเกิด Buy Signal ที่ Price Action ของ Candlestick... Moving  Up...
Trading Range อยู่ที่ 1016 - 1034...

1. เข้าที่...
วันทำการก่อนหน้า SETI ปิดที่ 1026.28 จุด +9.09จุด... Volume เบาบาง MB...
SETI : ผ่าน Low ของวันก่อนเป็น Buy Signal แล้วขึ้นมาปิดเป็น High แต่ยังไม่ถึง EMA 200... เกือบ D
- EMA5 ตัด EMA10 ลง... ยังคงเป็น Dress Cross = Down Trend... ไม่ D มากๆ
- EMA5 ตัด BBA ลงมา.... ส่งสัญญาณเป็นลบ... ไม่ D มากๆ
- EMA10 ตัด EMA25 ลงมา.... ส่งสัญญาณลบอยู่... ยังไม่ D
- Chart Pattern ... Bullish Engulfing... D

- Main Indicators... ยังอยู่ใน Bear Zone ทุกตัวอยู่... แต่ส่งสัญญาณบวกเล็กน้อย... เกือบD
MACD Osc.. Below Zero Line... แต่สัญญาณดีขึ้น... D
MACD ยังคงเป็น Sell Signal อยู่...
MACD SSTO กับ RSI มีสัญญาณดีขึ้น... D

- Minor Indicators... ยังอยู่ใน Bear Zone อยู่... และมีสัญญาทรงๆ ตัว... เกือบ D 
%R และCCI กระเตื้องขึ้นมานิดหน่อย... เกือบ D 
ADX สูงกว่า 25 เริ่มมีลักษณะเป็น Trending แล้ว.... ซึ่งมีแนวโน้มไปทางลบ... ไม่ D



----------------------------------------------------------------------------
2. ระวัง...
- ถ้าดัชนีลงมาต่ำกว่าที่ 1026.. ก็มีโอกาสที่จะลงไปที่ 1016 ได้... ไม่ D

-----------------------------------------------------------------------------
3. ไป...
แนวโน้มวันนี้ >>>   Bullish Engulfing + Closing High = Bullish Reversal.... ถ้าผ่าน 1029 ไปได้... Next Station 1037/1045...

- สัญญาณบวก : Continue Pattern >>> ถ้าดัชนีสามารถผ่าน 1029 EMA200 ขึ้นมาได้... ก็จะเป็น Buy Signal อีกครั้ง... ทำให้ดัชนีมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1034 ได้... D
*** ถ้าผ่าน 1034 ขึ้นไปได้ ก็จะเป็น Buy Signal... มีเป้าหมายที่ 1037/1045.... D


- สัญญาณลบ : Reversal Pattern  >>> แต่ถ้าดัชนีหลุด 1026 ลงมา... ก็ทำให้ดัชนีโอกาสที่จะลงมาทดสอบแนวรับที่ 1016ได้อีกครั้ง... ไม่ D
*** ถ้าหลุด 1016 ลงมา... ก็จะเป็น Sell Signal โดยมีเป้าหมายที่ 1009 ได้... ไม่ D

----------------------------------------------------------------------------
แนวรับ... 1026 / 1016 / 1009...
แนวต้าน... 1029 / 1034 / 1037 / 1045...




-----------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis

21 กย. 54 (+9.09 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ปรับตัวลง 1010 - 12 จุด
แนวโน้มในวันพุธนี้ กรณีปรับตัวขึ้น
ดัชนีไม่น่าขึ้นไปได้เกิน 1039 – 44 จุดสูงสุดเดิมวันศุกร์และ ไม่ว่าจะขึ้นถึง 1039 – 44 หรือไม่?

ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงมาบริเวณ 1010 – 12ใกล้จุดต่ำสุดของวันอังคารอีกครั้ง

ขณะที่ภาพโดยรวมของตลาด ระยะสัปดาห์ ดัชนียังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงบริเวณ 963 – 983 จุด ต่อไป

หุ้นเด่น
DTAC
กำลังปรับตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะชั่วโมง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 75.50กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 76.75 – 77.50( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 75.00 )

AGE
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันได้อีกครั้ง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 27.50
จุดสูงสุดวันอังคาร เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน28.50 – 29.50( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 26.75 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTTCH แกว่งตัว 117.50 – 120.50
SCC ต่ำกว่า 301 ลง 290 - 293
PTT แกว่งตัว 304 – 312
TOP แกว่งตัว 59.25 – 61.25
BANPU เกิน 626 ขึ้น 630 – 632
DTAC รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
KBANK ไม่น่าเกิน 123 - 124
ADVANC เกิน 124 ขึ้น 125 – 125.50
BBL ไม่น่าเกิน 153.50 – 154.50
KTB ไม่น่าเกิน 18.40 – 18.50

-----------------------------------------------------------------------------
 ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ร่วงลงเช้านี้ หลัง IMF ลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ย. 54)--ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ปรับตัวลดลงเป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มในธนาคารและผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์
          ดัชนี MSCI Asia Pacific อ่อนตัว 0.3% แตะ 117.56 จุด เมื่อเวลา 10.51 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว
          โดยในการซื้อขายเช้าวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 8,717.00 จุด ลดลง 4.24 จุด ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,777.22 จุด ลดลง 3.62 จุด ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,891.50 จุด ลดลง 123.30 จุด ขณะที่ ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,842.17 จุด เพิ่มขึ้น 4.20 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,413.45 จุด เพิ่มขึ้น 2.81 จุด4,043.40 จุด เพิ่มขึ้น 3.20 จุด และดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,515.66 จุด เพิ่มขึ้น 22.81 จุด
          ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกลงเหลือ 4% ในปีนี้และปีหน้า จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 4.3% ในปีนี้ และคาดว่าจะขยายตัว 4.5% ในปีหน้า
          รายงาน "World Economic Outlook" ของไอเอ็มเอฟฉบับล่าสุดระบุว่า เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ระยะที่เป็นอันตรายแล้ว หลังจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกอ่อนแอลงมากและมีอัตราการขยายตัวที่ไม่สอดคล้องกันในทั่วทุกภูมิภาค นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจก็ปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญกับภาวะขาลงก็สูงขึ้นเรื่อยๆ


-----------------------------------------------------------------------------
DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ดาวโจนส์ปิดทรงตัว ขณะรอผลประชุมเฟด,ความคืบหน้ากรีซ

        ตลาดหุ้นสหรัฐปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันอังคาร ขณะที่นักลงทุนรอดูว่า
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นหรือไม่และ
กรีซมีความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้หรือไม่
        ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 7.65 จุด หรือ 0.07%
สู่ 11,408.66, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 2.00 จุด หรือ 0.17% สู่ 1,202.09
และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 22.59 จุด หรือ 0.86% สู่ 2,590.24
        ปริมาณการซื้อขายเบาบางราว 7.07 พันล้านหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ค, ตลาดหุ้น
อเมริกัน (American Stock Exchange) และตลาดหุ้น Nasdaq  ซึ่งต่ำกว่าปริมาณ
เฉลี่ยต่อวันที่ 7.9 พันล้านหุ้น
        จำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในสัดส่วน 1,891 ต่อ 1,099 ในตลาดนิวยอร์ค
และ 1,823 ต่อ 702 ในตลาด Nasdaq
        วอลุ่มซื้อขายต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนส.ค. โดยตลาดลดช่วงบวกลงหลัง
ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าราว 1% เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลกับการถือหุ้น หลังการปรับลด
อันดับความน่าเชื่อถืออิตาลี
        หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ปรับตัวย่ำแย่ที่สุด โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์
ที่ตลาด PHLX ร่วงลง 1.3% และถ่วงดัชนี Nasdaq ลง หลังบริษัท Xilinx ซึ่ง
เป็นผู้ผลิตชิพปรับลดแนวโน้มไตรมาส 2  และราคาหุ้นร่วงลง 4.5%
        กรีซสัญญาที่จะปรับลดหนี้สาธารณะลงอีกก่อนการประชุมทางโทรศัพท์ครั้งที่ 2
กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศและสหภาพยุโรป ซึ่งกรีซต้องโน้มน้าวให้มีการปล่อย
กู้เพิ่มขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการล้มละลายในเดือนหน้า
        เฟดจะสิ้นสุดการประชุม 2 วันในวันพุธนี้ ซึ่งคาดว่าเฟดจะประกาศแผนการ
ที่จะแทรกแซงตลาดพันธบัตรเพื่อกดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวลงอีก
        หุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ สาธารณูปโภค, สื่อสารโทรคมนาคมและการดูแลสุขภาพ
ปรับตัวขึ้นมากที่สุด ซึ่งบ่งชี้ถึงความวิตกของนักลงทุน
        ตลาดแทบไม่ได้สนใจข้อมูลที่บ่งชี้ว่า การเริ่มสร้างบ้านในสหรัฐลดลงมากเกิน
คาดในเดือนส.ค.--จบ--


ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:น้ำมันดิบพุ่งขึ้น 1.19 ดอลล์,ตลาดจับตาเฟด

        ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันอังคารท่ามกลางบรรยากาศ
การซื้อขายที่ผันผวน ในขณะที่สัญญาเดือนต.ค.กำลังจะครบกำหนดส่งมอบ โดย
ราคาสัญญาเดือนต.ค.ดีดกลับขึ้นมาในวันอังคารโดยได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่า
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
        ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนต.ค.ทะยานขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 1.39 %
มาปิดตลาดที่ 86.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 85.11-87.46
ดอลลาร์
        ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 1.40 ดอลลาร์
หรือ 1.3 % สู่ 110.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 108.70-111.59
ดอลลาร์
        ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันอังคารท่ามกลางวอลุ่มการซื้อขาย
ที่ระดับต่ำ ถึงแม้ตลาดหุ้นปรับขึ้นในช่วงแรกโดยได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่า เฟด
อาจจะส่งสัญญาณเรื่องการดำเนินมาตรการใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อเฟดสิ้นสุด
การประชุมกำหนดนโยบายในวันพุธ
        สต็อกน้ำมันดิบเพื่อการพาณิชย์ของจีนปรับขึ้น 2 % ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบกับ
เดือนก.ค. และถือเป็นการปรับขึ้น 3 เดือนติดต่อกัน
        ราคาน้ำมันดิบสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ ซึ่งได้รับ
แรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะผ่อนคลายนโยบายการเงินลงไปอีก
        สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลข
สต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ก.ย.ในวันพุธ โดยโพลล์รอยเตอร์คาดว่า
สต็อกน้ำมันดิบอาจลดลง 700,000บาร์เรล, สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 1
ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลัง
การกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.7 %
        หลังจากตลาดสหรัฐปิดทำการในวันอังคาร การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานว่า
สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ก.ย.,
สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 81,000 บาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 62,000
บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.5 % สู่ 84.4 %--จบ--


ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ราคาทองพุ่งขึ้น,คาดเฟดจะกระตุ้นศก.
 
        ราคาทองที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ในวันอังคาร หลังจากดิ่งลงอย่างรุนแรง
ในวันจันทร์ โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
อาจจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ และจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของ
เศรษฐกิจโลก
        ราคาสัญญาทองส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดตลาดพุ่งขึ้น 1.7 % หลังจากเคลื่อนตัว
ในช่วง 1,772.00-1,814.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
        ราคาทองได้รับแรงหนุนจากผลสำรวจความคิดเห็นในการประชุมทองโลก โดย
ผลสำรวจคาดว่าราคาทองอาจทะยานขึ้นสู่ 2,019 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย. 2012
        ราคาทองได้รับแรงหนุนจากรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ด้วย โดยไอเอ็มเอฟระบุว่าผู้นำยุโรปไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเฉียบขาดในการแก้ไข
วิกฤติหนี้ และปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกลงสู่ 4 % สำหรับ
ปีนี้และปีหน้า หลังจากที่เคยคาดการณ์เมื่อ 3 เดือนก่อนว่าเศรษฐกิจโลกอาจเติบโต 
4.3 % ในปีนี้ และ 4.5 % ในปี 2012
        ดีลเลอร์จะรอดูผลการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดในวันพุธ โดยตลาดคาดว่า
เฟดจะพยายามกดดันอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ร่วงลง โดยผ่านทางการเพิ่มน้ำหนักการลงทุน
ในพันธบัตรระยะยาว
        นายโอเล แฮนเซน ผู้จัดการของธนาคารแซกโซกล่าวว่า "ราคาทองอยู่ในช่วงขาลง
ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ในระยะ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาทองจำเป็นต้องออกจากช่วงขาลง
นี้ ซึ่งนั่นหมายความว่าราคาทองจำเป็นต้องทะยานกลับขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 1,825 
ดอลลาร์"
         
        สำหรับราคาโลหะมีค่าที่ตลาด COMEX ในวันอังคารมีดังต่อไปนี้  
                  ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์) 
 ทองเดือนธ.ค.     1,809.10                  + 30.20   
 เงินเดือนธ.ค.        40.137                 + 97.40 (เซนต์) 
                ส่วนราคาโลหะมีค่าที่ตลาด NYMEX ในวันอังคารมีดังต่อไปนี้ 
                  ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)  
 พลาตินั่มเดือนต.ค.  1,781.90                  +  9.90
 พัลลาเดียมเดือนธ.ค.  717.75                  +  5.65 --จบ-- 
 

ตลาดเงินยุโรป:ยูโรได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อชดเชย
 
        ยูโรลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้ในช่วงการซื้อขายที่ตลาดยุโรปวันอังคาร โดย
ยูโรได้รับแรงกดดันในช่วงแรกจากการที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดอันดับ
ความน่าเชื่อถือของอิตาลีลง 1 ขั้น อย่างไรก็ดี นักลงทุนได้เข้าซื้อคืนยูโรในเวลา
ต่อมา ถึงแม้ยูโรอาจจะเผชิญกับแรงเทขายได้อีกครั้ง ถ้าหากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าวิกฤติ
หนี้ยุโรปทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
        ในการซื้อขายช่วงท้ายตลาดยุโรป ดอลลาร์อยู่ที่ 76.56 เยน ใกล้เคียงกับ
76.57 เยนในการซื้อขายช่วงท้ายวันจันทร์ที่ตลาดสหรัฐ ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.3688 
ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับ 1.3683 ดอลลาร์ ทางด้านยูโร/เยนอยู่ที่ 104.82 เยน แข็งค่า
ขึ้นจาก 104.71 เยน
        ยูโรได้รับแรงหนุนจากการที่กรีซจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตร 2 รายการอย่างเต็ม
จำนวน โดยจ่ายเป็นเงินรวมกัน 769 ล้านยูโร
        ยูโรร่วงลงแตะ 1.3593 ดอลลาร์ในช่วงแรก ก่อนจะปรับขึ้นในเวลาต่อมา โดย
คำสั่งซื้อจากตะวันออกกลางและจากกองทุนแมคโครช่วยหนุนยูโรไว้ที่ระดับ 1.3650-1.3660
ดอลลาร์
     

ตลาดเงิน Emerging Asia:สกุลเงินเอเชียอ่อนค่า แม้ธ.กลางแทรกแซงตลาด

        วอนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนในวันนี้ ขณะที่กองทุน
ยังคงลดสัดส่วนการถือครองสกุลเงินเอเชีย และทำให้สกุลเงินในภูมิภาค
ร่วงทะลุระดับแนวรับทางเทคนิค ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจอ่อนค่าลงอีก 
        เจ้าหน้าที่ด้านปริวรรตเงินตราในเกาหลี, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ยังคงเข้าซื้อสกุลเงินของประเทศเพื่อสกัดการร่วงลง แต่นักลงทุนก็ใช้การแทรก
แซงดังกล่าวเป็นโอกาสในการขายเงินเอเชียในช่วงขาขึ้น ท่ามกลางความวิตก
มากขึ้นเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ของยูโรโซน หลังจากที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) 
ลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี
        "ในระยะเวลา 1 เดือน ผมจะเลี่ยงเงินเอเชีย เพราะยังมีความ
ไม่แน่นอนอยู่มากมาย โดยมีกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดพันธบัตรบางส่วน 
ซึ่งแสดงว่า สินทรัพย์เอเชียจะได้รับผลกระทบจากการหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง
ด้วย" นายฟรานเซส เฉิง นักวางแผนกลยุทธ์จากเครดิต อะกริโคล ซีไอบี
กล่าว
        เขาคาดว่า วอนและรูปีจะร่วงลงมากกว่าเงินสกุลอื่นในเอเชีย 
เนื่องจากความผันผวนสูงของวอน และยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของอินเดีย 
        สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ประกาศปรับลดอันดับความ
น่าเชื่อถือของอิตาลีลง 1 ขั้น ซึ่งเป็นการเตือนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ 
และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่จะสร้างความเสียหาย ซึ่งสร้างความ
ประหลาดใจให้แก่ตลาด และเพิ่มแรงกดดันต่อยูโรโซน 
        แบงก์ ออฟ ไชน่า ซึ่งมีบทบาทสำคัญในตลาดปริวรรตเงินตราของจีน 
ได้ยุติการซื้อขายสัญญาฟอร์เวิร์ด และสว็อปอัตราแลกเปลี่ยนกับธนาคารยุโรป
หลายแห่งอันเนื่องจากวิกฤติหนี้ในยุโรป
        วอนอ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ยรอบ 200 วันที่ 1,155.4 ต่อดอลลาร์
มาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนที่ 1,156.50 ขณะที่ผู้นำเข้าและบริษัททรัสต์
เพื่อการลงทุนของเกาหลีใต้ขายวอนออกมาเช่นเดียวกับกลุ่มกองทุน
        ขณะเดียวกัน กองทุนและนักเก็งกำไรอินเตอร์แบงก์กดดันเปโซร่วงลง
แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน แต่ก็พบว่าธนาคารกลางฟิลิปปินส์ได้เข้าซื้อเปโซ
เพื่อป้องกันไม่ให้เปโซอ่อนค่าทะลุระดับ 43.700 ต่อดอลลาร์
        ดอลลาร์สิงคโปร์ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อเทียบกับ
ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กลุ่มกองทุนต่างๆส่งคำสั่งขายออกมา
        รูเปียห์ร่วงลงกว่า 2% ท่ามกลางภาวะซื้อขายเบาบาง แม้ธนาคาร
กลางอินโดนีเซียขายดอลลาร์ออกมาก็ตาม 


ENGLAND:ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index)ปิดวานนี้บวก 31 จุด สู่ 1795

        ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ (20 ก.ย.) บวก 31 จุด  
หรือ 1.76 % สู่ระดับ 1795
        ระดับสูงสุดของปี้นี้อยู่ที่ 1927 และระดับต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 1043  
        ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 554       
        ความเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมามีดังนี้:-       
          วันที่                  ระดับปิด          เปลี่ยนแปลง (จุด) 
        19 ก.ย.                 1764                -50
        16 ก.ย.                 1814                -93
        15 ก.ย.                 1907                -20
        14 ก.ย.                 1927                +26
        13 ก.ย.                 1901                +25 


21-09-11>> แนวโน้ม Sideways Down...
SETI ดีดตัวขึ้นมาจากแนวรับบริเวณ 1010 จุด แต่ยังปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้น ประกอบกับ MACD
ปิดต่ำกว่าเส้น Zero Line จึงทำให้มีแนวโน้มในระยะสั้นเป็น Sideways Down แต่มีลุ้นดีด
ตัวได้ในระยะสั้น
ดังนั้นในระยะสั้นแนะนำ "ขาย"

AGE ปิด 27.50 บาท
แท่งเทียนมีสีขาวพร้อม Volume ที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับราคา
ปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้น และ Indicator ทุกตัวให้ค่า
สัญญาณบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อ" แนวต้านที่ 29.00-30.00 บาท แนวรับที่ 26.75-26.25
บาท Cut loss หากปิดต่ำกว่า 26.00 บาท

GLOW ปิด 48.25 บาท
แท่งเทียนเป็นสีดำแท่งยาวพร้อม Volume หนุน ประกอบกับราคา
ปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แนวโน้มขาลง
แนะนำ "ขาย" แนวต้าน 48.75-49.25 บาท แนวรับ 46.00-44.00
บาท

GLOBAL ปิด 8.25 บาท
สร้างรูปแบบ Rounding Top และปรับตัวลดลงพร้อม Volume หนุน
และ Indicator ทุกตัวให้ค่าสัญญาณลบ แนวโน้มขาลง
แนะนำ "ขาย" แนวต้าน 8.45-8.55บาท แนวรับ 7.50-7.00 บาท

STA ปิด 21.40 บาท
ราคาปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้น และIndicator ทุกตัวให้ค่า
สัญญาณลบ แนวโน้มขาลง
แนะนำ "ขาย" แนวต้านที่ 21.70-22.00 บาท แนวรับที่ 18.00-17.00
บาท

-----------------------------------------------------------------------------

 คอมเมนต์โบรกเกอร์ 
บล.บัวหลวง..................ส่องอนาคต SCC ดูดีสุด เป้าหมายเดิมที่ 480 บาท  จาก 1)SCG เคมิคอล ซึ่งเป็นบ.ลูกของSCC ได้เข้าทำสัญญาเพื่อซื้อหุ้น 23% ในบ. PT Chandre Asri Petrochemical Tbk (CAP) จากเทมาเส็กและ 7% จาก Barito โดยมูลค่าลงทุนรวม 3.76ล้านล้าน  SCC ยืนยืนว่าผลตอบแทนจากการลงทุนครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 15 2)คิดว่าการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของSCC สำหรับการขยายธุรกิจปิโตรเคมีในภูมิภาค และเนื่องจากศก.อินโดนีเซียเติบโตอย่างรวดเร็ว  3)การลงทุนครั้งนี้ช่วยลดความกังวลของนักลงทุนว่าบ.จะสามารถใช้เงินสดส่วนเกินในมือ 5 หมื่นลบ. เพื่อการลงทุนให้หมดภายใน 2 ปีได้ตามแผนหรือไม่  และ 4)คิดว่าการเข้าซื้อกิจการใหม่เป็นข่าวดี และคาดการณ์ปันผลที่ 4.1% และ 5.3% สำหรับปี 54-55 EV/EBIDA เท่ากับ 8.8เท่า และ 7.3 เท่าในปี 54-55 "ซื้อ"
  
คู่หูคู่หุ้น....................AP - SPALI - LH เด่นสุดกลุ่มอสังหา มองว่ามาตรการลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัย ผู้ประกอบการในตลาดระดับโลว์แลนด์ น่าจะได้ประโยชน์หลัก  และยอด Pre-Sales ที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งในไตรมาส 4/54 จาการเปิดโครงการใหม่จำนวนมากและผลกำไรที่คาดจะอยู่ในระดับสูงจะเป็นปัจจัยผลักดัน  แนะนำ " Overweight "กลุ่มอสังหา เลือก AP  SPALI LH เป็น Top Pick   ทางเทคนิค AP (รับ5.60ต้าน 6.40) SPALI (รับ 11.30 ต้าน 14.60)  LH (รับ 6.80 ต้าน 7.25)

 เด็กแนว.................. DEMCO ล่าสุดรับงานสร้างโรงไฟฟ้าพลังลมมูลค่า 3 พันลบ. โดยบ.ถือหุ้น 25% ได้รับเงินสนับสนุนจากแบงค์เรียบร้อยดี และที่ต้องจับตาคือรับงานสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ของโรจนะที่คาดจะเซ็นสัญญาเดือนนี้มูลค่ากว่า 2.3 พันลบ. จะทำให้Backlog ทุบสถิติ 8 พันลบ. เร็วๆนี้น่าจะได้งาน Sola Farm ของบ.IFEC มูลค่า 1 พันลบ.ด้วย ด้านกำไรปี 54 แม้จะไม่ได้ตามเป้าแต่คาดว่า 250 ลบ. ทุบสถิติกำไรรอบ 5 ปี และปี 55กำไรบานเลย ราคาแถวนี้เป็น Bottom ด้านเทคนิคกราฟต้านหน้า 4.20 บาท...................................LH ครม.อนุมัติบ้านหลังแรกได้ชนิดสะใจคนอยากได้บ้าน LH เจ๋งสุดเพราะมีบ้านสร้างเสร็จพร้อมโอนเฉพาะที่ต่ำกว่า 5 ลบ.อยู่ที่ 300 หลังและผลิตออกมาได้เดือนละอีกไม่ต่ำกว่า 150 หลังทุกเดือน สำหรับอสังหาขนาดใหญ่ต้องบอกว่า LH มาแรงสุด ปีนี้กำไรสูงสุดในรอบ 6 ปีขณะที่บ.อสังหาขนาดใหญ่อื่นๆ กลับสร้างบ้านไม่ทันให้กับลูกค้ารายใหม่ที่จะ Walk In  และถือว่าบ.น่าสนใจ 2เด้ง คือกำไรทุบสถิติหลายปีคาดว่าสูงถึง 5.5 พันลบ. จะได้ราคาเหมาะสม 8.32 บาท กราฟ W-Shape ต้านเดิม 7.60 บาท
  
บาดตาเซียน...................ขอตามกระแส ไม่ใช่แค่ "เทคนิคสวย".....NCH ลุ้นยืน 1.50 ได้อีกที อาจจะมีไปแรงๆ ได้ มองเกิน 1.60 ได้ อาจมองไปไกลพอสมควรระยะเดือน อาจมองถึง 2+/-  สรุปให้น้ำหนัก แนวโน้มระยะสั้น - กลาง เป็นเชิงบวก  กลยุทธ์  ราคาเหนือ  1.35 ยังสะสม ต่อไปได้ ยืน 1.50 ได้ถือต่อ
  
กระซิบหน้าจอ…………HEMRAJ ธุรกิจรง.ให้เช่ามีการเซ็นสัญญา Pre-Leased เพิ่มขึ้น 2.04 หมื่นตรม. ทำให้แต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีผู้เช่าใหม่ 4.1 หมื่นตรม. จากเป้าทั้งปี 5.5-6 หมื่นตรม. "ซื้ออ่อนตัว" (รับ 2.10 ต้าน 2.30).......................TKS จากการมุ่งงานพิมพ์ที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น บ.ได้มีการขายที่ดินพร้อมรง.ที่เพชรบุรี นอกจากนี้อยู่ระหว่างการขายหุ้นซื้อคืน 16.94 ลห. โดยเมื่อ 7ก.ย คงเหลือ 4.42 ลห.คาดขายได้หมดทันเวลากำหนดไม่เกิน 23 ก.ย ซึ่งส่วนที่ขายไปจะได้เงินราว 75.5 ลบ. ซึ่งคาดว่าจะนำเงินไปซื้อเครื่องจักร "ซื้อ"(รับ 6.05 ต้าน 6.80)

บล.ธนชาต....................PTTEP เป้าหมาย 192 บาท การเพิ่มทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการน่าจะมีผลเชิงบวกกับผถห. ทั้งนี้แม้กังวลศก.ชะลอตัวลง ราคาน้ำมันยังคงยืนได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะราคา Brent และ Dubai ซึ่งอยู่เหนือกว่า 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจากปัจจัยอุปทานหดตัว  หากรวมการเข้าซื้อกิจการใหม่จะซื้อขายPER เพียง 9.0เท่าของปี 56  ปัจจัยเสี่ยงหลักคือราคาน้ำมันที่อาจปรับตัวลง และการเข้าซื้อกิจการน้อยลง "ซื้อ"

บล.ทิสโก้.................TUF เป้าหมาย 62 บาท คาดการไตรมาส 3/54 จะดีกว่าไตรมาส 2/54 เล็กน้อย ส่วนหนึ่งจากปัจจัยฤดูกาล โดยยอดขายจะดีในช่วงฤดูร้อนและอาหารกระป๋องจะขายดีไตรมาส 2และ3 ขณะที่แนวโน้มเติบโต้ในอนาคตและอัตรากำไรขั้นต้นที่ 8-10% ต่อปี ซึ่งมาจากยอดขายที่สูงขึ้นโดยมีปัจจัยหลักมาจากอาหารสัตว์ กุ้งและอาหารสำเร็จรูป  สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นของบ.อาจเพิ่มขึ้นเป็น 18% จาก EBITDA ของ MWB ที่สูงขึ้น และรายได้จากอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น และ TUF ยังอาจจะเข้าทำ M&A กิจการขนาดเล็กในปี 55-57 "ซื้อ"

บล.ฟิลลิป.................MK เป้าหมาย 3.50 บาท โครงการคอนโดหนุนการเติบโตในปีหน้ายอดจองสะสม 8 เดือนไม่มาก แต่คาดหมายโครงการใหม่เป็นแรงส่งให้บรรลุเป้าจองปีนี้ กำไรปีนี้ไม่เด่นแต่ปีนหน้าเติบโต 10% จากโอนโครงการคอนโด The Den โดยมองราคาหุ้นถูก ขณะที่มี Growth ในปีหน้า ล่าสุดยอดจองสะสม 8 เดือนที่ 1.7 พันลบ. บ.คาดว่าโครงการใหม่ 3 โครงการมูลค่าขาย 1.7 พันลบ.ที่เปิดไตรมาส 4 น่าจะสร้างยอดจอง 300-400 ลบ. ประกอบกับขายโครงการเดิมที่ได้เดือนละ 200 ลบ.หรือประมาณ 800 ลบ. ทำให้ไม่น่าหลุดเป้าจองปีนี้ ขณะที่ปีหน้าคงจะขยายการทำโครงการแนวราบต่อไป ทางฝ่ายคาดยอดจองปีหน้าเติบโต 5% "ซื้อ"
  
บล.ฟาร์อีสท์....................SIRI เป้าหมาย 6.20 บาท เนื่องจากหุ้นอสังหา ราคาถูกเมื่อเทียบกับรายอื่น คิดเป็น PER สิ้นปี 54 เพียง 5.05 เท่า ขณะที่ Presales และ Backlog ที่แข็งแกร่ง จะเป็นตัวผลักดันผลประกอบการ ส่วนความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น  ทั้งนี้บ.จะแตกพาร์จาก 4.28 เป็น 1.07 บาทในช่วงต.ค 54 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของการซื้อขายที่ราคาเป้าหมายแตกพาร์จะเท่ากับ 1.55 บาท "ซื้อ"

 บล.เกียรตินาคิน.................. หุ้น"กลุ่มแบงก์"ส้มหล่ม2เด้ง อุ้มSME หนีน้ำ- อสังหาพารวย ด้าน KBANK มองสินเชื่อเอสเอ็มอีปี 54 วิ่งเข้าเป้า 8-10% ส่วนเอ็นพีแอลคุมอยู่หมัด 3.7% ฟาก SCB และ LHBANK โดดรับผลดีมาตราการ "บ้านหลังแรก" หนุนสินเชื่อครึ่งหลังพุ่งพรวดเป็นกอบเป็นกำ จับตาผลงานโค้งหลังสุดพีค "ซื้อ" SCB เป้าหมาย 143 บาท LHBANK เป้าหมาย 1.47 บาท
  
บล.เอเชียพลัส....................เคาะ "บ้านหลังแรก" ผ่านฉลุย  SPALI - SIRI - LH ใส่เกียร์ลุย ด้านหัวเรือใหญ่ SIRI สบช่องโชว์สินค้าพร้อมขาย 8,300 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 20,000ลบ. ส่วน AP เร่งเครื่องกระตุ้นบรรยากาศลงทุนส่งท้ายปีเชื่อกำลังซื้อล้นหลาม  คัด 4 ดาวเด่น  เพิ่มน้ำหนักการลงทุน "มากกว่าตลาด" โดยเลือก Top Pick ได้แก่  SPALI (tp 19 บาท) เนื่องจากมีโครงการใหม่ที่รอเปิดตัวและคอนโดเดิมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ  , LH (Tp 7.25 บาท) เนื่องจากงวด4/54 จะมีคอนโดพร้อมโอน 3 โครงการ มีการเปิด Terminal21 และอาจมีการจัดตั้ง Preperty Fund  ,AP (Tp 7.58 บาท) ช่วงไตรมาส 3/54 ยังมีคอนโดที่อยู่ระหว่างการโอน 3 โครงการแนวราบเป็นจำนวนมาก และ PS (Tp 23.98 บาท)เนื่องจากใน Backlog มีส่วนที่เป็นโครงการแนวราบพร้อมโอน 1.9 หมื่นลบ.  

-----------------------------------------------------------------------------

หุ้นมีข่าวbyแม่หมอ(เช้า) 21/9/54
กลุ่มสื่อสาร
DTAC -  ASPคาดจะประกาศจ่ายปันผลพิเศษ4บาทในวันประกาศผลประกอบการไตรมาส3/54 20 ตคนี้  มั่นใจรายได้นอน-วอยซ์โต 30% หรือคิดเป็น 17-18% ของรายได้รวม จากการให้บริการด้านดาต้า 3G และ GPRS
ADVANC  CS/UBS แนะซือ้เป้า145/150บาท -ได้รับรายชื่อ 11 กสทช จากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือนำขึ้นทูลเกล้าฯ กลุ่มมือถือของไทยน่าสนใจ คาดว่าจะเกิดการประมูล 3G บน 2.1 GHz ได้ในปีหน้า - ครึ่งปีแรกกำไรโตขึ้น 24%YoYต้นทุนค่าเสื่อมราคาลดลง
TRUE  ได้รับอนุมัติสินเชี่อ Bridging Loan 4.8 หมื่นล้านบาท - แนวโน้มผลประกอบการอาจเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหากสามารถโอนย้ายลูกค้าไปให้"TureMove H"-รีไฟแนนซ์หนี้สิน -ซื้อสินทรัพย์สัมปทานคืนจาก CAT
THCOM ครม.ไฟเขียว รักษาวงโคจรดาวเทียมในตำแหน่ง120องศาตะวันออก และ50.5ตะวันออก ประเมินรายได้เพิ่ม จากความยืดหยุ่นหนุนการให้บริการไทยคม5 พร้อมขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ส่องกำไรปีหน้าเพิ่ม 2 เท่าตัวเป็น 355 ล้านบาท จากปี 2554 คาดพลิกกำไร 110 ล้านบาท

 กลุ่มอสังหา
PS เด็กแนวแนะนำ นโยบายบ้านหลังแรกเพิ่มเป้นไม่เกิน5ล้าน นำไปลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน5แสนมีพอร์ตสินค้าพร้อมขาย-โอน  และ 90%
RASA งวดที่แล้วเริ่มพลิกจากขาดทุน9ล้านมากำไร16ล้าน พีอี6เท่า bv 1.40 -ครึ่งปีหลังคาดกำไรจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเพราะจะรับรู้รายได้จากคอนโด Intro และ The Light House ระหว่าง 600-800 ลบ. ที่สร้างเสร็จ
SIRI เผยมีสินค้า 8,300 ยูนิต มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท รองรับลูกค้า  
HEMRAJ ทริสเรทติ้ง" จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท พร้อมคงอันดับเครดิตองค์กร  ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม "คงที่" สะท้อนผลงานพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเป็นที่ยอมรับ และรายได้ประจำจากบริการสาธารณูปโภคที่เติบโตเพิ่มขึ้น
SPALI LH AP PS หุ้นเด่นรับQ4ยอดโอนเพิ่ม คลังชงบ้านหลังแรกเข้าครมวันนี้  ลดหย่อนภาษีเพิ่มจาก3แสนเป้น5แสน ราคาบ้านเพิ่มจาก3ล้านเป็น5ล้าน
SF แบ ล็คแคนยอน เร่งสปีด ปูพรมสาขาใหม่ ผนึก สยามฟิวเจอร์ดีเวลลอปเมนท์ลุยคอมมูนิตี้มอลล์ สาขาใหม่ นวมินทร์เฟสติวัล วอล์ค คาดผลประกอบการสิ้นปี 1,200 ล้านบาท

กลุ่มโรงพยาบาล
BGH KSECให้ เป้าเป้า80บาท   แนวโน้มการเติบโตของกำไรที่สูงมากในระยะยาว คาดไตรมาส 3/54 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ กลุ่มการแพทย์นับเป็นกลุ่มที่ดีในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน  ฐานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่ง

กลุ่มแบงค์
SCB TNS แนะซื้อ" เป็นธนาคารที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการบ้านหลังแรกมากที่สุดแล้ว SCB ยังจะได้ประโยชน์จากมาตรการรถยนต์คันแรกด้วย นอกจากนี้ SCB ยังมีการปล่อยสินเชื่อในปี 2554 ได้อย่างโดดเด่น
BBL โบรกคาดปีนี้สินเชื่อขยายตัวอีก10.5% ส่วนกำไรแตะ2.98หมื่นล้าน
KBANK มองสินเชื่อเอสเอ็มอีปี 2554 วิ่งเข้าเป้า 8-10% ส่วนเอ็นพีแอลคุมอยู่หมัด 3.7%  -จ่อปล่อยกู้3.6 แสนล. ดันสินเชื่อรายใหญ่ปีนี้โต 10% จากเป้าเดิม 6%ยังคงคาดการณ์การขยายตัวของสินเชื่อทั้งปี ในปีนี้ที่ระดับ 15.3%
TMB   ธีระชัยประกาศขาย ทีเอ็มบี รับมีต่างชาติทาบซือ้ ไอเอ็นจียังเงียบ  ไฟเขียวขายหุ้นทั้งหมด 26% ในราคาที่เหมาะสม ขณะที่กลุ่มไอเอ็นจียังเงียบ คลังมองไม่มีปัญหาบริหารเพราะคลังถือมากกว่าไอเอ็นจี ที่ถือแค่ 25%
BAY ชูศรีสวัสดิ์เงินติดล้อ ลุยลีสซิ่งรากหญ้า พร้อมพลิกกลับมีกำไรต่อเนื่อง ย้ำพอร์ตสินเชื่อปีนี้โต 4.5 พันล้านบาท ดันกำไรปีนี้โตแน่ 300% สานแผนกวาดลูกค้าจำนำทะเบียนรถต่างจังหวัด ตั้งเป้า 60-70%
CIMBT คาดสินเชื่อในปี 2554 จะเติบโตได้ 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ สินเชื่อเติบโตแล้ว 15%
LHBANK รับผลดีมาตรการ "บ้านหลังแรก" หนุนสินเชื่อครึ่งหลังพุ่งพรวดเป็นกอบเป็นกำ จับตาผลงานโค้งหลังสุดพีค

กลุ่มพลังงาน
PTT PTTEP เตรียมเฮ หากOPEC เล็งทบทวนปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง เชื่อหนุนราคาทรงตัวในระดับสูงได้ต่อ
BANPU CITI ปรับ จาก 934 ลงสู่ 850 (Buy) ราคาหุน้ รับรู้ข่าวร้ายไปแล้ว ปรับลดคาดการณ์รายได้ปี 11-13 ลง 4-12% เนื่องจากต้นทุนการทำเหมืองที่สูงขึ้นสำหรับ CEY คงคาดการณ์ CAGR 11-13ที่ 30.1%
SGPลอยLPGดีมานด์หด ระยะยาวเชื่อยอดใช้พุ่ง ยันรายได้ปีนี้โตตามนัด50%
RPC ลั่นแผนเจรจาซื้อสยามกัลฟ์ SGPC ล่า สุดจับเข่าคุยกับนักลงทุนสิงคโปร์ และจีน ว่าที่พันธมิตรในอนาคต คาดรู้ผลก่อนพฤศจิกายนนี้ เล็งจับมือพันธมิตรในประเทศ เจาะธุรกิจพลังงานทดแทนทำโซลาร์เซลล์ ได้แบ็กอัพแข็งรัฐบาลหนุนพลังงานทดแทน
กลุ่มรับเหมา
TTCL  คาดปีนี้รายได้ 7.5 พันลบ.เป้าปี 57 แตะ 2 หมื่นลบ.หลังเน้นงานตปท. คาดปี 2557 รายได้แตะ 2 หมื่นล้านบาท มีงานที่รอเข้าประมูลอีก 6.28 หมื่นล้านบาท คาดได้งาน 50% ของมูลค่าโครงการ ลุยเจาะฐานงานต่างประเทศ
ITD ติดตามกรณี PTT สนใจร่วมลงทุนกับ ITD ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังผลิต
CK เซ็นรับงาน 756 ล้านบ.ลุยผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์

กลุ่มวัสดุ
TASCO TISCOให้เป้าหมาย 61.80-ASP แนะถือเป้า55 บาท  พีอี14.39 คาดผลประกอบการดีขึ้นจากการฟื้นตัวของแอสฟัลต์ อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากรง. AC ที่มาเลเซียแต่ต้นทุนในสต็อกมีราคาสูง -กลับมามีกำไรจากสัญญาป้องกันความเสี่ยง   รับอานิสงส์งบบูรณะถนนที่ คมนาคมเตรียมเสนอ ครม. 1 หมื่น ลบ.
SSI CS นำ SSI (NR) ไปโรดโชว์ที่ HK 26 ก.ย.
TGCI พีอี13เท่า จากอดีตที่ขาดทุนสะสม 1,800ล้านบาท ตอนนี้ล้างขาดทุนสะสมแล้ว จับตากำไรปี 2554 คาดเพิ่มขึ้น 54%  หุ้น turn around คาดปันผลครั้งแรกรอบ10ปี  กลุ่ม SCC ส่งลูกเข้ามาเป็น partner และถือหุ้น จะะเป็นบริษัทที่มีกำไรก้าวกระโดดอย่างมาก กระแสน้ำท่วมหนุนกลุ่มวัสดุ
TPIPL 19 ต.ค.ครบกำหนดการขยายการยื่นฏีกา 1 เดือน มีลุ้นบันทึกกลับสำรองเป็นรายได้
SCC JPM/ML /UBS ให้เป้า348/420/425 ทุ่มเงินสด 1.35 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้น "CAP" บริษัทปิโตรเคมีในอินโดฯจาก Barito ในสัดส่วน 30% ลั่นการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจปิโตรฯในภูมิภาคอาเซียน เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำ
MCS รับอานิสงส์ญี่ปุ่นพลิกฟื้นประเทศ หนุน ได้เปรียบโกยงานเต็มหน้าตัก มั่นใจผลประกอบการเข้าสู่ช่วงฟื้นตัว แถมยังให้ยิลด์สูง 7% ต่อปี
INOX เปิดตัว "โฮ ซอก ซง" ผู้บริหารใหญ่สายธุรกิจสแตนเลส จากพอสโก้ ประเทศเกาหลีมีผลทันที 20 กันยายนนี้ พร้อมประกาศเดินหน้าสร้างสรรค์องค์กรใหม่

กลุ่มเกษตรอาหาร
MALEE ยันปีนี้กำไรดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 106ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรสุทธิน่าจะไม่ต่ำกว่า 5% ด้านอัตรากำไรขั้นต้นคาดไม่น้อยกว่า 35%
CPF TISCO แนะซื้อเป้าหมาย 37 บาทคาด 3Q54 ผลประกอบการจะขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์คาดว่าจะสามารถมียอดขายและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นปีละ 10% ในระยะเวลา 5 ปี - มีประเด็น พาณิชย์ปรับราคาหมูลง10บาท - ข่าวบวกเรื่องยูเออีเปิดไฟเขียวนำเข้าไก่สดไทย
TUF  TISCOแนะซื้อเป้า 62คาดผลประกอบการ 3Q54ะดีกว่า 2Q54 เล็กน้อย - ขยายตลาดในอนาคตของ MWB ในรัสเซียและแอฟริกาเหนือ -- โรงงานที่จอเจียจะเริ่มดำเนินงานในเดือนกันยายนและดำเนินการผลิตใน 4Q54

กลุ่มขนส่ง
BTS ML Maintain BUY TP Bt0.98 อ่อนนุชแบริ่งผู้โดยสารพุ่ง20%

กลุ่มบันเทิง
WORK ปันผลระหว่างกาล 60 สตางค์ หนุนยีลด์สูงลิ่ว 4.2% อัพไซด์หุ้นกระฉูด 28% หลังวงการเงินวางราคาเป้าหมายไว้ 18.50 บาท ชี้กำไรไตรมาส 3 ยังสวย ลูกค้าซื้อโฆษณาแน่นไม่เลิก

กลุ่มพาณิชย์
BIGCอัดแคมเปญบิ๊กซีเฟสติวัลกระตุ้นกำลังซื้อ Q4 เพิ่ม ตั้งเป้ายอดขายโต 10%

กลุ่มยานยนต์
EASON ครึ่ง หลังมาแรงแซงโค้งหลังเข้าสู่ไฮซีซันธุรกิจยานยนต์ แถมได้ดีรัฐหนุนนโยบายภาษีรถคันแรกดีมานด์สีรถยนต์-มอเตอร์ไซค์ทะยานสุด เหวี่ยง ดันครึ่งหลังโตราว 10% จากครึ่งแรก ส่วนทั้งปีคงเป้า 15% ปลื้มเดินเครื่องจักรเกิน 80%

กลุ่มอิเลคโทรนิกส์
KCEยันไตรมาส3ผลงานสดใส ชงบอร์ดขยายโรงงาน2.2พันล.  แม้ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ-ยุโรป กดดันความเชื่อมั่น

กลุ่มMAI
TSF คาดล้างขาดทุนสะสม26ล้านหมดปีนี้ ได้สัมปทานเช่าโฆษณาแอร์พอร์ตลิงค์ 6,837 ตารางเมตร ผู้บริหารชี้ภายใน 10 ปี เสกรายได้ทะลัก 600 ล้านบาท ดึงพันธมิตรญี่ปุ่นตั้งบริษัทร่วมทุน  มั่นใจธุรกิจขาขึ้น หนุนรายได้ปี'54 โตทะลัก 100%
AGE รับข่าวดีผถห.ไฟเขียวแตกพาร์เป็น0.25บาท สภาพคล่องสูงขึ้นย้ำรายได้ปีนี้เข้าเป้าที่ 5 พันลบ. โตก้าวกระโดดจากปีก่อน 2.83 พันลบ.
GUNKUL  TISCO ให้ เป้า 20.70 บาท ผลงานทั้งปีโต 100% ไตรมาส 3/54 คาดรายได้โตสุดรอบปีหลังตุนงานในมือกว่า 2 พันลบ. อัตราการเติบโตของผลกำไรเฉลี่ย 3 ปี(54-56) โต 87%เตรียมไป Roadshow กับ DB-TISCO ต.ค.
CRANEลุ้นรายได้โตกว่าเป้า ยอดขายรถเครนจีนกระฉูด
TRC เผยผลประกอบการครึ่งปีหลังฟื้นตัวจากครึ่งปีแรก พร้อมจ่อเข้าประมูลงานต่างประเทศอีกเพียบ โชว์แบ็กล็อกปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5-6 พันล้านบาท พร้อมรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 2 พันล้านบาท

หุ้นมีข่าวเชิงลบ
PTTEP UBS ปรับ จาก 194 ลงสู่ 176(Neutral) จากความกังวล EU กดดันราคาน้ำมัน

หุ้นมีข่าวทั่วไป
PTTCH, PTTAR  นักลงทุนต่างชาติแห่ขายหุ้น ปตท.อะโรเมติกส์ และ ปตท.เคมิคอล หนีแผนควบรวมกิจการ- กบข.ร่วมวงโละเกลี้ยงพอร์ต 16 ล้านหุ้น โบรกเกอร์แนะซื้อและให้นำไปแลกหุ้น รับมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจปิโตรเคมี และโรงกลั่นที่ยังขยายตัวได้ดีในระยะยาว
PICNI ทรีซิกตี้ฯถอนซื้อปิคนิค-"วิชัย"รอเสียบ
THAI ทีจีเดินหน้าเปิด'ไทยสมายล์'คุยก.ค.ปี55เริ่มให้บริการเจาะอาเซียนจีน-อินเดีย
DM เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น AF มีผล26/9/54

21 ก.ย.         PATKL       ลูกหุ้นเข้า               142,377,680 หุ้น
                   BCP         จ่ายปันผล               หุ้นละ  0.65 บาท
                   SPORT       จ่ายปันผล               หุ้นละ  0.08 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.54)
                   TIP         จ่ายปันผล               หุ้นละ  0.75 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.54)
  
22 ก.ย.         BBL06CA     รับส่วนเพิ่ม DW           30,000,000 หน่วย
                   IVL13CC     ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ   
                   IVL13PA     ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ   
                   IVL18CB     ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ   
                   QHPF        ลดทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว จากหุ้นละ 10.00 บาท เป็นหุ้นละ 9.8659 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวนหน่วย
                   MBK         XD                    หุ้นละ  2.50 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.54)
                   BAY         จ่ายปันผล               หุ้นละ  0.35 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.54)
                   KBANK       จ่ายปันผล               หุ้นละ  0.50 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.54)
  
23 ก.ย.         KTB13CB     ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ   
                   TDEX        XD                    หุ้นละ  0.107 บาท   (รอบ 16 มิ.ย.-31 ส.ค.54)
                   WHAPF       XD                    หน่วยลงทุนละ 0.1765 บาท   (รอบ 13 ธ.ค.53-31 ก.ค.54)
                   ASP         จ่ายปันผล               หุ้นละ  0.08 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.54)
                   BBL         จ่ายปันผล               หุ้นละ  2.00 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.54)
                   CK          จ่ายปันผล               หุ้นละ  0.10 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.54)
                   KK          จ่ายปันผล               หุ้นละ  1.00 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.54)
                   PTT         จ่ายปันผล               หุ้นละ  6.00 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.54)
                   SMIT        จ่ายปันผล               หุ้นละ  0.10 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.54)
                   THRE        จ่ายปันผล               หุ้นละ  0.20 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.54)
  
24 ก.ย.         BEC42CA     ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ   
                   KTB42CA     ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ   
                   LH42CA      ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ   
                   TCAP42CA    ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ   
  
26 ก.ย.         AGE-W1      เปลี่ยนแปลงราคาใช้สิทธิ    จากหุ้นละ 3.556 บาท เป็นหุ้นละ 0.889 บาท
                   DM          เปลี่ยนชื่อจาก            "บริษัท ธนมิตร แฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน)"
                                                     "DHANAMITR FACTORING PUBLIC COMPANY LIMITED"
                               ชื่อใหม่                 "บริษัท ไอร่า แฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน)"
                                                     "AIRA FACTORING PUBLIC COMPANY LIMITED"
                                                     ชื่อย่อ "AF"
                   AGE         เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น       จากหุ้นละ 1.00 บาท เป็นหุ้นละ 0.25 บาท
                   BECL        XD                    หุ้นละ  0.60 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.54)
                   THANI       XR                    1 : 1 @ 1.52 บาท
                   CCP         XW                    2 : 1

-----------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น