Code 170 : 3 รุม 1 ฝรั่งรับอย่างเดียว แนวรับที่ 940-947

วันอังคารที่ 5 ตุลาคม 2553

ATT Code : 3 รุม 1 ฝรั่งรับอย่างเดียว แนวรับที่ 940-947
SET กลับมา +5.06 จุด ที่ระดับ 969.28 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.6 หมื่นล้านบาท โดยมีแรงซื้อกลับมาหลังจากที่ลงไป -11 จุด มายืนเหนือเส้น 5 วัน ที่ 968 จุดได้ ถือว่าดูดีในระดับหนึ่ง แต่ที่ไม่น่ากลัวเพราะต่างชาติเมื่อวานรับอยู่ฝ่ายเดีย 3.5 พันล้านบาท โดยเป็นการขายทำกำไรของกองทุนและพอร์ทโบรค โดยในวันพรุ่งนี้ถ้า SET กลับมายืนเหนือ 972 จุด ได้ ก็ถือว่าเป็นนสัญาณที่ดีในการกลับมาลุ้นที่แนวต้านที่ระดับ 980 ได้ใหม่

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
5 ตค. 53 ( -14.36 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

เกิน 972.06 ปรับตัวขึ้น 982 - 986 จุด
ดัชนีในวันจันทร์ปรับตัวลง ต่ำกว่าแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงและต่ำกว่า 972 จุด ทำให้เกิด “สัญญาณขาย”ใน
เครื่องมือ Point & Figure

แนวโน้มในวันอังคารนี้ ถ้าสามารถปรับตัวขึ้น เกิน 972.06 ดัชนีมีโอกาสปรับตัวกลับขึ้นแถว 982 – 986 ใกล้จุดสูงสุดของวัน
จันทร์ อีกครั้ง

จากนั้นมีความเป็นไปได้ที่ ตลาดจะย่ำฐานแกว่งตัวในกรอบ 963 – 986 จุด อีกเป็นสัปดาห์ หรือประมาณจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของ
วันจันทร์และตราบใดที่ ไม่ต่ำกว่า 940 – 947 จุดบริเวณแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน ยังถือว่าแนวโน้มหลักของตลาดยังคงเป็น“ขาขึ้น” มีเป้าหมาย 1035 – 1040 จุด ประมาณปลายเดือน ตค. นี้ ในรูปแบบของ Double Zigzag Wave

หุ้นเด่น
10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTT มีโอกาสปรับฐาน 287 - 292
PTTEP มีโอกาสปรับฐาน 157 – 159
SCC ต่ำกว่า 320 ลง 297 - 307
PTTCH มีโอกาสปรับฐาน 124 - 125
TOP มีโอกาสปรับฐาน 51 – 52
KTB มีโอกาสปรับฐาน 15.50 – 16
PTTAR เกิน 28.50 ขึ้น 29.25 – 30.25
IRPC เกิน 4.32 ขึ้น 4.38 – 4.42
CPF มีโอกาสปรับฐาน 23.20 – 23.50
BBL ต่ำกว่า 152.50 ลง 150 - 152

BCP
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะ
เดือน รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 15.50 กรอบ
บนของสามเหลี่ยม เป้าหมายระยะสัปดาห์
16.20 – 17.70
( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 14.90 )

Intraday - มีความเสี่ยงของการปรับฐานใหญ่
ไม่ต่ำกว่า 955.68 จุดต่ำสุดเช้านี้ ดัชนีดีดตัวกลับขึ้นไปแถว 967 - 971 ได้ แต่ตราบใดไม่เกิน 975 เส้น 25 ชม.มีความเสี่ยงของการปรับฐานใหญ่ 895 - 900 ระยะหนึ่งถึงสองเดือนข้างหน้า



----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : ตลาดเริ่มแกว่งย้อนลงมาให้หาจังหวะเข้ารับแล้ว โดยน่าดูแถว 960 หรือต่ำกว่า
แนวโน้ม: ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อคืนนี้ยังคงไร้ทิศทาง เพราะแม้ว่ายอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายจะเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือน ส.ค. แสดงถึงตลาดบ้านที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ยอดสั่งซื้อใหม่ของโรงงานในสหรัฐยังคงลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดไว้รวมทั้งความวิตกเกี่ยวกับหนี้สินในยูโรโซนยังคงกดดันให้นักลงทุนเทขายทำกำไรในตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป ส่วนในบ้านเราเองหลังค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่องมาเคลื่อนไหวในระดับ 30 บาทต้นๆ เมื่อเทียบกับดอลลาร์ และการเปลี่ยนตัวผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ตามวาระ ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมากังวลต่อโอกาสที่แบงก์ชาติอาจจะมีมาตรการในการควบคุมเงินไหลเข้าอีก
ครั้ง เราจึงเริ่มเห็นแรงขายในตลาดหุ้นบ้านเราตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้มากพอสมควร ซึ่ง FSS คาดว่าทั้งจากแรงกดดันจากตลาดต่างประเทศและความวิตกเกี่ยวกับค่าเงินบาท น่าจะยังส่งผลให้ SET วันนี้ค่อนข้างที่จะแกว่งตัวผันผวนและเน้นหนักทางด้านปรับตัวลงต่อได้ อย่างไรก็ตามการปรับตัวลงของ SET ในช่วงนี้เรายังมองว่าเป็นโอกาสของการที่จะเข้าไปเลือกหุ้นเข้ารับ เพื่อรอลุ้นการรีบาวด์กลับที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้ เนื่องจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังมีเข้ามาในบ้านเราในระดับสูงเป็นแรงผลักดัน โดยเฉพาะเริ่มเข้าสู่ช่วงเก็งกำไรผลประกอบไตรมาส 3/53 แล้วด้วย ซึ่งกลุ่มสถาบันการเงินจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ทยอยประกาศผลการดำเนินงานในช่วง 20-21 ต.ค.นี้
กลยุทธ์: หลังจากแบ่งส่วนขายทำกำไรไปบ้างแล้วเมื่อตลาดขยับขึ้น ช่วงถัดจากนี้แนะนำให้รอหาจังหวะเลือกหุ้นเข้ารับเมื่อตลาดปรับตัวลง โดยเฉพาะหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการรายไตรมาสจะยังออกมาดีต่อเนื่อง ซึ่งหุ้นในกลุ่มแบงก์จะเป็นกลุ่มแรกที่น่าสนใจ เนื่องจากเรายังคาดว่าไตรมาสนี้จะเป็นไตรมาสที่ผลประกอบการแบงก์ยังออกมาดีอยู่ ซึ่งเราแนะนำ SCB เป็นหุ้นเด่นเพราะจะมีกำไร Q3/53 โดดเด่นสุด นอกจากนี้ยังมี KBANK, BBL รวมทั้งหุ้น Domestic Plays ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ได้แก่ กลุ่มอสังหาฯ(รับเหมา, วัสดุก่อสร้าง และนิคมฯ) เช่น TASCO,TTCL, CK, STEC, AMATA เป็นต้น รวมทั้งหุ้นที่โดดเด่นอื่นๆ เช่น IRPC, ESSO, PTTEP,PTTAR, BANPU, BCP, GLOW, SEAFCO, SITHAI, VNG เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (0) วานนี้หุ้นไทยลบ 14 จุดหลังจากดัชนีแตะแนวต้าน 986 จุด จากความกังวลกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าใกล้แตะ 30 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ต่างชาติกลับยังมั่นใจและซื้อสุทธิสูงถึง US$118 ล้าน (3.56 พันล้านบาท) เป็นเม็ดเงินที่สูงที่สุดในรอบ 7 วัน โดยเน้นกลุ่มพลังงานที่ laggard กว่ากลุ่มอื่น แม้ว่าตามสถิติแล้ว ต่างชาติจะเริ่มขายหุ้นในเดือน ต.ค. –ธ.ค. เพื่อล็อคกำไร แต่สำหรับปีนี้ที่สภาพคล่องในระบบมีอยู่สูง รวมทั้งตลาดหุ้นในเอเชียที่โดดเด่น อาจไม่เกิดแรงขายมากเหมือนทุกปี ขณะเดียวกันเม็ดเงินจาก LTF และ RMF จะเข้ามาเสริมปลายปี Fund flows ดังกล่าวจึงน่าจะยังผลักดันหุ้นให้ขึ้นต่อไปได้ การปรับฐานระยะ
สั้น เราแนะนำเป็นจังหวะในการสะสมหุ้น Big cap. ในกลุ่มแบงก์ (SCB, BBL, KBANK)พลังงาน (PTTEP, PTT, BANPU) รับเหมา (STEC, CK) นิคม (AMATA) ค้าปลีก (CPALL)
• (+) 3Q10 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของแบงก์ หลังจากเราประมาณการครบทั้ง 9 แบงก์ (ส่วนที่เพิ่มเติมจากเมื่อวานมี TISCO, KK, TCAP) พบว่ากำไรเพิ่มขึ้น 16% Y-Y และ 3% Q-Q อาจมี upside จากกำไรจากเงินลงทุนในพันธบัตร โดยสินเชื่อ 9M10 คาดขยับขึ้นเล็กน้อย QQ แต่น่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยใน 4Q10 คือ 4-5% ในไตรมาสเดียว เราแนะนำ SCB สำหรับการเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q10 เพราะมีกำไรโดดเด่นสุด ส่วน Theme การลงทุนใน 4Q10 และปีหน้าจะยังคงมาจาก Investment cycle ซึ่งเป็นประโยชน์กับแบงก์ขนาดใหญ่(BBL, KBANK, SCB)
• (+) บลจ.อเบอร์ดีนชี้เงินไหลเข้าเอเชียอีกยาว 12 – 18 เดือน รวมทั้งนำลงทุนในพันธบัตรของประเทศเกิดใหม่
• Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคมากเป็นปกติหลังแผ่วไปเมื่อวันศุกร์ และเป็นFund Flow ที่ไหลเข้า 17 วันติดต่อกันและเข้าซื้อสุทธิมากที่สุดในตลาดหุ้นไต้หวัน เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่ยังคงคาดว่าเฟดอาจจะออกมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบรอบที่ 2 อยู่ แม้ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศค่อนข้างมิกซ์ ซึ่งการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนเป็นสัญญาณที่ไม่ดีด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นกระแสเงินทุนจึงยังเคลื่อนย้ายเข้าสู่ตลาดที่มีความตอบแทนที่สูงกว่าและเศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามวันนี้ค่าเงินเยนและค่าเงินเอเชีย รวมถึงค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยหลังจากที่แข็งค่ามากเมื่อวานนี้
เนื่องจากเกรงว่าธนาคารกลางในแต่ละประเทศอาจจะออกมาตรการสกัดค่าเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินไม่ให้แข็งเร็วเกินไป ดังนั้นแนวโน้ม Fund Flow อาจจะชะลอการไหลเข้าบ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติที่อาจต้องมีพักบ้าง ซึ่งแนวโน้มระยะกลางถึงยาวเรายังมองว่า Fund Flow ก็จะยังไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ต่อเนื่องเช่นเดิม กลยุทธ์การลงทุนในยามที่ดัชนีทำสถิติใหม่ต่อเนื่องน่าจะเป็น Sell into Strength และ Buy on Weakness

ข่าวภายในประเทศ
บุลสุขรุกฆาตเป๊ปซี่-โค ตั้งทีมต่อรองรื้อสัญญา 'เสริมสุข' ลั่นทำตลาดเอง สงครามราคา SSC ปะทุอีกรอบ "กลุ่มบุลสุข" เทกทีมผู้ถือหุ้นSSC ฝั่งคนไทย ตั้งทีมเจรจาแก้ไขสัญญา-แผนธุรกิจกับ "เป๊ปซี่-โคล่า" ลั่น "เสริมสุข" ต้องทำการตลาดเอง กำหนดสรุปภายใน 60 วัน พร้อมประชุมผู้ถือหุ้นรอบใหม่ 15 ธ.ค. 53 "สมชาย" ย้ำไม่มีแผนซื้อหุ้นเพิ่ม หลังกลุ่ม "บุลสุข" ถือรวมกัน 21.92% ย้ำต้องพึ่งตัวเองให้มากที่สุดวงในระบุสงครามราคาเริ่มประทุอีกรอบ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-10-2010)
"กลุ่มฉาย" สูญ 90 ล้าน! AOT ฉีกสัญญาปาร์คกิ้ง กลุ่ม "ฉาย บุนนาค" สูญเงินทันที 90 ล้านบาท งานเข้า PLUS-GEN สูญเงินลงทุนด้วย เหตุ"ฉาย" ใช้เป็นทางผ่าน หลัง AOT ฉีกสัญญาบริหารอาคารจอดรถสุวรรณภูมิกับบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นจ์ จำกัด พร้อมขับออกจากพื้นที่ 11ต.ค. 53 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-10-2010)
TRT ปันผลเกิน 80 สต. ราคาเป้าหมาย 6.50 บ. TRT แย้มจ่ายปันผลปี'53 ไม่ต่ำกว่า 0.80 บาท เชื่อกำไรครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งแรก เนื่องจากมีงาน ส่งมอบเพิ่มขึ้น หวังรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ 26-27% โบรกฯ แนะซื้อลงทุนระยะยาวเป้าหมาย 6.50 บาท อัตราปันลตอบแทน 8-9% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-10-2010
WORK กำไร Q3 พุ่ง 70 ล้านบาท โบรกแนะซื้อเป้า 18 บาท คาดปีนี้กำไร 200 ล้านบาท WORK ถึงเวลาเทิร์นอะราวด์ เวลาออกอากาศรายการแน่นเอี๊ยด ธุรกิจภาพยนตร์ทำรายได้ หนุนกำไรไตรมาส 3 พุ่ง 70 ล้านบาท โต 200% โบรกฯปรับคำแนะนำ "ซื้อ" พื้นฐาน 18 บาท อัพไซด์เหลือเพียบ เชื่อกำไรทั้งปี 200 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-10-2010)
UAC ขายเกลี้ยงไอพีโอ 30 ล้านหุ้นเข้าเทรด 11 ต.ค.นี้ นักลงทุนแห่จองหุ้น "ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์" ขายเกลี้ยง 30 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 4 บาท แกนนำอันเดอร์ไรท์เชื่อนักลงทุนมั่นใจธุรกิจพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลงานเติบโตโดดเด่น จ่อคิวเข้าเทรดในตลาด mai วันที่ 11 ต.ค.นี้ "กิตติ" เผยแนวโน้มตลาดหุ้นดี อุตสาหกรรมปิโตรเคมีเติบโตต่อเนื่อง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-10-2010)
กลต.เตือนผู้ถือหุ้น STEEL ศึกษาวาระการซื้อหุ้น SPC ก.ล.ต.แจ้งผู้ถือหุ้น STEEL ให้ศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนใช้สิทธิออกเสียงในวาระการซื้อหุ้น SPC กรณีที่ STEEL ขออนุมัติผู้ถือหุ้นออกหุ้นเพิ่มทุน 450 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท เพื่อนำไปซื้อหุ้นทั้งหมดของ SPC โดยกำหนดสัดส่วนการแลกหุ้นที่ 10 หุ้น STEEL ต่อ 1 หุ้น SPC จะส่งผลให้ STEEL และผู้ถือหุ้นเสียประโยชน์วันที่ 6 ต.ค.นี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-10-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐเผยดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นเกินคาด 4.3% สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 4.3% แตะระดับ 82.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 3.0% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 05-10-2010)
สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าใหม่ของกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมหดตัวลง 0.5% ในเดือนส.ค. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าใหม่ของกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมในสหรัฐประจำเดือนส.ค.หดตัวลง 0.5% มาอยู่ที่ระดับ 4.089 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.5%ในเดือนก.ค. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 05-10-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยอัตราค่าแรงของบริษัทเอกชนเดือนส.ค.ยังทรงตัวในระเดียวกับปีก่อน กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และ สวัสดิการสังคมของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า อัตราค่าแรงโดยเฉลี่ยของบริษัทญี่ปุ่นที่มีพนักงานตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับเมื่อปีที่แล้วที่ 274,232เยน ในขณะที่ตลาดแรงงานวิตกกังวลว่าการแข็งค่าของเงินเยน ภาวะตลาดหุ้นซบเซา และอัตราเงินฝืดอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ฐานเงินเดือนลดน้อยลง รายงานของกระทรวงฯ ระบุว่า ค่าแรงล่วงเวลาในเดือนสิงหาคมมีอัตราสูงขึ้น 10.8% เป็น 18,068 เยน ในขณะที่ฐานเงินเดือนมีอัตราลดลง0.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เหลือเพียง 244,483 เยน ทำสถิติลดลงเป็นเดือนที่ 25 ติดต่อกัน ส่วนค่าแรงพิเศษมีอัตราลดลง 10.7% เหลือเพียง11,681 เยน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 04-10-2010)
เอเชีย: แบงค์ชาติญี่ปุ่นเริ่มประชุมวันแรก มุ่งหารือใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อสกัดเยนแข็งค่า การประชุมนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ระยะเวลา 2 วันได้เริ่มขึ้นแล้วในวันนี้ โดยที่ประชุมกำลังหารือเรื่องความเป็นไปได้ที่จะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม เนื่องจากการแข็งค่าของเงินเยนกำลังสร้างความวิตกกังวลว่าอาจทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับช่วงขาลง ส่วนทางเลือกอื่นๆที่คาดว่าบีโอเจจะประกาศใช้ในการประชุมครั้งนี้นั้น ครอบคลุมถึงการขยายโครงการปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 04-10-2010)
เอเชีย: อินโดนีเซียเผยทุนสำรองต่างประเทศพุ่งแตะ $8.62 หมื่นล้าน หลังยอดส่งออก-เงินทุนไหลเข้าทะยาน อินโดนีเซียเผยทุนสำรองเงินตราประเทศเพิ่มขึ้นแตะ 8.62 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนกันยายน จากระดับ 8.13 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนสิงหาคมเนื่องจากยอดส่งออกและเงินทุนไหลเข้าปรับตัวสูงขึ้น Bisnis Indonesia รายงานว่า ฮาร์ตาดี เอ ซาร์โนโว รองผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียกล่าวว่า ทุนสำรองเงินตราประเทศของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเพราะเงินรูเปียห์แข็งค่าและเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ นอกจากนั้นรัฐบาลยังมีรายได้จากการปล่อยสินเชื่อรวมถึงการขายน้ำมันและก๊าซด้วย (ที่มา: อินโฟเควสท์ 04-10-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้จับตางบประมาณด้านกิจการตปท.ปีหน้าทะยานขึ้น 14.5% จากปีนี้ กระทรวงกิจการต่างประเทศและการค้าของเกาหลีใต้จับตางบประมาณด้านกิจการต่างประเทศที่พุ่งสูงขึ้น 14.5% ในขณะที่รัฐบาลกำลังมองหาแนวทางการทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือที่ดีขึ้นรวมถึงการเสริมสร้างบทบาทที่ชัดเจนของเกาหลีใต้บนเวทีโลก สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงกิจการต่างประเทศและการค้าของเกาหลีใต้กำหนดงบประมาณในปีหน้าไว้ที่ประมาณ 1.74 ล้านล้านวอน (1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 14.5% จากงบประมาณในปีนี้ ทั้งนี้ แผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณดังกล่าว ประกอบด้วยเงินทุนสำหรับข้อกลงด้านนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ 8.7 พันล้านวอน และเงินทุนสำหรับการเจรจา 6 ฝ่ายที่มีเป้าหมายให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งงบประมาณในส่วนนี้เพิ่มขึ้น 15% จากปีนี้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 04-10-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น