Code 178 : ลุ้นดีดตัวกลับขึ้นไปแถว 990 – 994

วันอังคารที่ 19 ตุลาคม 2553
ATT Code : ลุ้นดีดตัวกลับขึ้นไปแถว 990 – 994

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
19 ตค. 53 ( -13.12 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ไม่น่าเกิน 990 – 994 จุด
แนวโน้มในวันอังคารนี้ตราบใด ไม่ต่ำกว่า 980.53 จุดต่ำสุดของวันจันทร์ ดัชนีพอมีโอกาสที่จะดีดตัวกลับขึ้นไปแถว 990 – 994 จุด ใกล้แนวต้านตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25ชั่วโมง

อย่างไรก็ตามจากสภาวะ RSI BearishDivergence ในภาพระยะสัปดาห์ (ที่เกิดขึ้นมานานแล้ว) จึงมีความเสี่ยงที่ตลาดพร้อมปรับฐานใหญ่ได้ทุกเวลา

จากนี้ไปตราบใด ไม่เกิน 999.51จุดสูงสุดของสัปดาห์ที่แล้ว ถือว่าตลาดมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลง 900 – 910 จุด ตาม
อัตราส่วน Fibonacci Ratio 38.2% นับจากที่ปรับตัวขึ้นมาเมื่อเดือน มิย. ปีนี้

หุ้นเด่น
UAC
ปรับตัวกลับขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง อีกครั้ง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 9.50 เส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมายหนึ่งถีงสองวัน
10.50 – 10.80( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 8.85 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTT ไม่น่าเกิน 310 - 312
CPF ไม่น่าเกิน 23.40 – 23.60
PTTAR ไม่น่าเกิน 29.50 – 30
PTTEP ไม่น่าเกิน 171 – 172
TMB ไม่ต่ำกว่า 2.40 ขึ้น 2.48 – 2.50
BANPU ไม่น่าเกิน 730 – 740
KTB ไม่น่าเกิน 17.30 – 17.50
PTTCH ไม่น่าเกิน 138 – 139
BBL ไม่น่าเกิน 157 – 158
TOP ไม่น่าเกิน 55 – 55.50

Intraday - ปีนี้อาจไม่เห็น 1000 จุดแล้ว
แกว่งตัวในกรอบ 981 - 991 อีกหนึ่งถึงสองวัน
ต่ำกว่า 980.58 จุดต่ำสุดเช้านี้ลงต่อ 962 - 967 เส้น 25 วัน ระยะเดือนยังมีความเสี่ยงของการปรับฐานใหญ่แถว 900 - 910
----------------------------------------------------------------------------------
ธนาคารโลกคาดประชุมกนง.พรุ่งนี้ไม่ขึ้นดอกเบี้ย ปรับเพิ่มศก.ไทยปีนี้โต 7.5 %
วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553เวลา12:03:59น.มติชนออนไลน์

นายเฟรดเดอริโก จิล ซานเดอร์ นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกประจำประเทศไทย ระบุว่า ความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยมีลดลง แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้ว และเงินทุนไหลต่างประเทศที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องสำหรับการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติที่เข้ามาในไทย เกิดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว โดยในช่วงครึ่งปีแรก เงินทุนที่ไหลเข้าในไทยเกิดจากผู้ที่อาศัยในประเทศส่งเงินที่ได้จากการลงทุนในกองทุนเกาหลีกลับไทย แต่ยอมรับว่าตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรโดยเฉพาะในไตรมาส 3 ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่อัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงยังเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับเงินสกุลอื่นในภูมิภาค

นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกประจำประเทศไทย บอกด้วยว่า มาตรการดูแลเงินทุนไหลเข้ามีหลายวิธี แต่เชื่อว่ามาตรการควบคุมเงินทุนจะเป็นมาตรการสุดท้ายที่จะใช้ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลเสียหายเหมือนการประกาศใช้มาตรการกันสำรองร้อยละ 30 เมื่อปี 2549 ส่วนการใช้นโยบายการเงิน ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตามข้อเสนอของภาคเอกชน มองว่าสามารถช่วยลดแรงจูงใจการนำเงินเข้ามาลงทุนในไทยได้ในระยะสั้น แต่เป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ เพราะอัตราดอกเบี้ยต่ำ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนต่างประเทศ ยังคงนำเงินมาลงทุนในไทยมากกว่า โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้น ที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนดี ดังนั้น การลดดอกเบี้ยจึงไม่ใช่มาตรการแก้ปัญหาค่าเงินบาทในระยะยาว และอาจทำให้ไทยประสบปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต ดังนั้น มาตรการแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือ ต้องสนับสนุนให้ใช้ประโยชน์จากค่าบาทที่แข็งค่า ลงทุนนำเข้าเครื่องจักร เพื่อเพิ่มประสิทธิการผลิตและการแข่งขันในระยะยาว และสนับสนุนการเติบโตการลงทุนภาคเอกชน

นายเฟรดเดอริโกประเมินว่า สำหรับอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.75 ในการประชุม กนง. วันพรุ่งนี้(20ต.ค.) เพื่อคงส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยกับประเทศพัฒนาแล้ว สำหรับในปี 2554 ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวลดลงเหลือเพียงร้อยละ 3.2 เนื่องจากฐานของของเศรษฐกิจในปี 2553 อยู่ในอัตราสูง รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศร่ำรวยต่างๆ ยังอยู่ในภาวะถดถอย ส่งผลต่อความต้องการสินค้าทั่วโลกลดลง--จบ--

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS :ตลาดเริ่มมีลุ้นดีดขึ้น แต่ยังต้องระวังแกว่งขึ้น-ลงในกรอบ 980-1000 จุด
แนวโน้ม: SET ลงไปแถวแนวรับทางเทคนิคที่ 980 จุดแล้วเริ่มมีแรงซื้อให้เห็นขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ส่วนใหญ่เป็นบวก ทำให้ FSS คาดว่า SET มีโอกาสที่จะรีบาวด์กลับขึ้นได้บ้าง แต่จากการที่นักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมามียอดขายสุทธิ ขณะที่ค่าเงินบาทก็เริ่มแกว่งทรงตัวไม่แข็งค่ามากขึ้นกว่าเดิมรวมทั้งคาดว่านักลงทุนบางส่วนจะยังรอดูผลการประชุมของ กนง. ในวันพรุ่งนี้(20
ต.ค.) ก่อน ทำให้เราคาดว่า SET จะยังบวกขึ้นได้ด้วยกรอบจำกัด และยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวผันผวนย้อนลงเป็นลบได้อีก โดยมองกรอบการแกว่งในช่วงนี้อยู่ระหว่าง 980-1000 จุด ซึ่งยังมีโอกาสหลุดลงไปถึงระดับดัชนี 960 จุดได้ด้วย
กลยุทธ์: จึงแนะนำให้เลือกหุ้นเข้าซื้อโดยยังจำกัดพอร์ตไว้ไม่เกิน 50% ของเงินลงทุนก่อน จากนั้นส่วนที่เหลือรอให้ตลาดปรับตัวลงอีกครั้ง หรือดัชนีสามารถยืนเหนือ 995 จุดได้ก่อนจึงพิจารณาซื้อเพิ่ม โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ DCC, TGCI,SCC, DRT, TASCO, NWR, SYNTEC, PLE, KASET, STA, TVO จากผลของน้ำท่วม รวมทั้งกลุ่มแบงก์(SCB, KBANK, BBL, TCAP) และ PTT, PTTEP, PTTCH
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) สศค. ระบุถ้าบาทแข็งขึ้น 1% จะทำให้ GDP ลดลง 0.3% คลังศึกษา Tobin tax (การเก็บภาษีจากธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยน)เพื่อคุมการไหลเข้า-ออก แต่เราเชื่อว่าจะไม่ใช้เพราะเป็นยาแรงเกินไป ส่วนการประชุม กนง.พรุ่งนี้ คาดคงดอกเบี้ยซึ่งทำได้แค่ชะลอเงินไหลเข้าเท่านั้นสำหรับแรงซื้อของต่างชาติที่จะเริ่มชะลอลง (เห็นได้ชัดในเกาหลีและไต้หวัน)เพื่อล็อคกำไรนั้น เป็นปกติในช่วงปลายปี ดังนั้นหุ้น Big cap ในกลุ่มพลังงานอาจถูกขายกดตลาดอีก แต่เรายังเห็นว่าเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานที่ราคาพักฐานแล้วเช่น SCB, BBL, TASCO, TTCL, ITD, STEC, CK,SEAFCO, LPN, MINT
• (-) ผลกระทบจากน้ำท่วม บริเวณภาคเหนือตอนล่างและอีสาน ส่งผลให้พื้นที่การเกษตร ฟาร์มเลี้ยงสัตว์เสียหาย ในระยะสั้นๆ จึงอาจส่งผลลบต่อCPF, GFPT, TVO นอกจากนี้ รายได้เกษตรกรที่ถูกกระทบก็อาจส่งผลต่อยอดขายของ DCC, DRT, CPALL ในระยะสั้น
• (+) GUNKUL เข้าเทรดวันแรก เราประเมินราคาเป้าหมาย 6.90 บาท มีupside 28% จากราคาจอง 5.40 บาท คาดกำไรปี 2011 - 12 เติบโตสูงถึง65% และ 60% ตามลำดับ จากงานที่ชนะประมูล ขยายตลาด และเริ่มมีรายได้จากโรงไฟฟ้าเดือน ธ.ค. 2010 นี้ (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO)
• (+) DCC เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 65 บาท สำหรับกำไร 3Q10 คาดชะลอลง 16.6% Q-Q ตามฤดูกาล แต่เพิ่ม 11.5% Y-Y จากการขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง และคาดว่ากำไรปีนี้โต 27.5% ปีหน้าโต 20% ROE อยู่ในระดับสูงอย่างโดดเด่นที่ 56.9% และจ่ายปันผลสม่ำเสมอในอัตราเกือบ100% ของกำไรทุกไตรมาส แนะนำซื้อ

ข่าวภายในประเทศ
GUNKUL วันนี้กระหึ่ม! ราคาพุ่งสู่เป้า 6.80 บาท โชว์จุดขายส่วนลด 20% กองทุนแห่จองไอพีโอเกิน 5 เท่า GUNGUL วันนี้กระหึ่มไม่แพ้หุ้นUAC เชื่อราคากระฉูดถึง 6.80 บาท จากราคาจอง 5.40 บาท เหตุนักลงทุนมั่นใจธุรกิจแกร่ง ซ้ำรุกธุรกิจพลังงานทดแทนช่วงกำลังอินเทรนด์แถมมีส่วนลดกว่า 20% พร้อมจ่ายปันผลไม่ต่ำ 40% เชื่อรายได้ปีนี้โตเกิน 10% เตรียมเริ่มรับรู้รายได้จากการขายไฟให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามสัญญาต้องจ่ายไฟให้ปลายปีนี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-10-2010)
GSTEEL กำไร 1.8 พันล้าน ปรับโครงสร้างหนี้จบปีนี้ GSTEEL เฮ! บันทึกกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 1,800 ล้านบาท ทันทีไตรมาส 4/53 ดันผลประกอบการทั้งปีพลิกเป็นกำไรได้ มั่นใจประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 8 พ.ย.53 ผ่านฉลุย ส่งผลให้หนี้สินต่อทุนลดลงเหลือ 1 เท่า มูลค่าทางบัญชีดีดขึ้นเป็น1.10 บาท ลุ้นราคาหุ้นพุ่งเกิน 1 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-10-2010)
LPN รายได้ Q4 นิวไฮรอบปี LPN เริงร่าปีหน้ารายได้โต 20% ขณะที่ Q4 บุ๊ครายได้กว่า 4,000 ล้านบาท สูงสุดรอบปี รับโอนคอนโด 4,000 ยูนิตส่วนปีหน้าลุยเปิด 10 โครงการ 18,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายโต 10% จากปีนี้ที่ฟุ้งยอดขายพุ่ง 16,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-10-2010)
KCE ยอดขายทะลัก Q3 รายได้ 1.8 พันล.ลูกค้าแห่เทออเดอร์ KCE การันตียอดขายไตรมาส 3 ทะลุ 60 ล้านเหรียญ ออเดอร์งานไหลเข้าทะลักช่วยดัน ฟากผู้บริหารชี้ แม้ Q4 จะดร็อปลงตามซีซั่น แต่ภาพรวมทั้งปียอดขายยังพุ่งปรี๊ดถึง 230 ล้านดอลลาร์ วงการเงินเชื่อกำไรไตรมาส 3 ทะลุ 170ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-10-2010)
CK ลั่นไตรมาส 3 พลิกเป็นกำไร เซ็นสัญญาก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรี ก.พ.-มี.ค.ปีหน้า CK แย้มไตรมาส 3 พลิกกลับเป็นกำไร หลังครึ่งปีแรกขาดทุนจากการปรับตัวเลขทางบัญชี โครงการเขื่อนน้ำงึม เล็งเซ็นสัญญาก่อสร้าง-เงินกู้โครงการเขื่อนไซยะบุรี มูลค่า 8 หมื่นล้านบาท ช่วงก.พ.-มี.ค.54 เผยเจรจาพันธมิตร 4-5 ราย ยืนยันถือหุ้น 30% ลั่นมีแบ็กล็อกในกระเป๋าแล้ว 3 หมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-10-2010)
ITD คว้างานใหม่ 1,728 ล้าน ปีนี้พลิกกำไรบุ๊คขายน้ำเทิน 2 ITD คว้างานใหม่ 1,728 ล้านบาท ก่อสร้างสถานีสูบน้ำและระบบท่อส่งน้ำจากจันทบุรี-ระยอง ส่งผลให้งานในมือเพิ่มขึ้น ด้านโบรกฯคาดปีนี้พลิกเป็นกำไร หลังมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้นน้ำเทิน 2 และ TTCL และมีโอกาสพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย มูลค่า 4 แสนล้านบาทในอนาคต แนะ "ซื้อ" เป้าหมาย 5.72 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-10-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: เฟดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.ของสหรัฐหดตัว 0.2% สวนทางกับการคาดการณ์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.ของสหรัฐ หดตัวลง 0.2% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวขึ้น 0.2% ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.ย.ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 74.7% ข้อมูลของเฟดระบุว่า ผลผลิตในโรงงานของสหรัฐร่วงลง 0.2% ขณะที่ผลผลิตด้านสาธารณูปโภคหดตัวลง 1.9% อย่างไรก็ตาม ผลผลิตในเหมืองแร่ขยับขึ้น 0.7% นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนก.ย.อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เฟดตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-10-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค.ดีดตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐ (NAHB)/เวลส์ ฟาร์โก เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นแตะระดับ 16 จุด จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 13 จุด ซึ่งปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 14 จุด ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเป็นดัชนีวัดความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้สร้างบ้าน ทั้งนี้ แม้ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยปรับตัวขึ้นในเดือนต.ค. แต่ดัชนีที่เคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าจำนวนผู้สร้างบ้านที่มีมุมมองเป็นลบต่อตลาดที่อยู่อาศัยมีมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นบวก และหากดัชนีเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 จุดย่อมบ่งชี้ว่าจำนวนผู้สร้างบ้านที่มีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดที่อยู่อาศัยมีมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นลบ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-10-2010)
เอเชีย: แบงค์ชาติเกาหลีใต้คาดตัวเลขเงินเฟ้อปีนี้อยู่ที่ 2.9% สูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้คาดว่า เงินเฟ้อในปีนี้ของเกาหลีใต้มีแนวโน้มว่าจะขยายตัวที่ 2.9% สูงกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.8% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่บ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้น สำนักข่าวยอนฮัพรายงานว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ตั้งเป้าเรื่องการดูแลเป้าหมายเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยให้อยู่ที่ระดับ 3% โดยสามารถบวกหรือลบได้ไม่เกิน 1%สำหรับสถิติเงินเฟ้อในปี 2553 - 2555 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 18-10-2010)
เอเชีย: ธนาคารกลางเกาหลีใต้ลั่นคุมเข้มกระแสเงินทุนไหลเข้าจากตปท.มากขึ้น หวังสกัดวอนแข็งค่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่าจะคุมเข้มการกำกับดูแลกระแสเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่เงินวอนแข็งค่าขึ้นกว่า 4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางสถานการณ์ค่าเงินทั่วโลกที่ตึงเครียดมากขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คิม ชุง ซู ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ กล่าวว่าตลาดทุนที่ผันผวนมากและค่าเงินวอนที่ดีดตัวขึ้นในช่วงนี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวม ดังนั้น ธนาคารจะใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับกระแสเงินทุนจากต่างประเทศที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการเก็งกำไรค่าเงิน โดยควรจะมีการกำกับดูแลในระดับมหภาคเพื่อแก้ปัญหานี้ นอกจากเงินวอนแข็งค่าแล้ว หุ้นและราคาพันธบัตรของเกาหลีใต้ก็ทะยานขึ้นเช่นกัน เนื่องจากมีกระแสเงินทุนจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาในตลาดการเงินในประเทศ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 18-10-2010)
เอเชีย: สิงคโปร์เผยยอดส่งออกเดือนก.ย.ชะลอตัว เหตุศก.โลกอ่อนแอฉุดดีมานด์หดตัว ยอดส่งออกของสิงคโปร์ชะลอตัวในเดือนก.ย.เนื่องจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเวชภัณฑ์ปรับตัวลดลง ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์ที่ซบเซา เนื่องจากเศรษฐกิจโลกอ่อนแอ สำนักงานส่งเสริมการส่งออกของสิงคโปร์เปิดเผยว่า ยอดส่งออกสินค้าไม่นับรวมน้ำมันเพิ่มขึ้น 22.7% จากปีก่อนหน้านี้ แต่อัตราการขยายตัวดังกล่าวชะลอตัวลงจากที่พุ่งขึ้น 30.8% ในเดือนส.ค. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 18-10-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น