Code 179 : เสี่ยงปรับฐานใหญ่ถ้า SET ยังไม่เกิน 991

วันพุธที่ 20 ตุลาคม 2553
ATT Code : เสี่ยงปรับฐานใหญ่ ถ้า SET ยังไม่เกิน 991

AYS - Market Recap and Trend: ดอลลาร์ฯกลับมาแข็งค่าขึ้นจะเป็นปัจจัยกดดัน
ตลาดหุ้นทั่วโลก และ SET....คาด กนง.คงดอกเบี้ยที่ 1.75% วันนี้
SET ปรับสูงขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 990 จุด เมื่อวานและปิดตลาดที่ 989.27 จุดสูงขึ้น0.54% ด้วยมูลค่าการซื้อขายลดลงเหลือ 27,830 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิ778 ล้านบาท สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้ คาดว่าจะถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ฯซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 30.03 บาท/ดอลลาร์ฯ เช้านี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีน0.25% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ขึ้นมาที่ 2.5% และ 5.56% ตามลำดับ โดยการปรับดอกเบี้ยขึ้นของจีนครั้งนี้ทำให้นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน และโลก รวมไปถึงความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ฯ (Dollar Index) Rebound ขึ้นมาที่ระดับ 78.18 จุดและราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับลดลง 4.32% เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดัน SETโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน วันนี้ โดยมีแนวรับหลักที่บริเวณ 980 จุด
Investment Strategy: พร้อมลดสัดส่วนหุ้นในพอร์ตลงเหลือ 60% ในกรณีที่SET ปิดตลาดต่ำกว่า Trailing Stop ที่ 980 จุดเราได้ให้ความสำคัญกับค่าเงินดอลลาร์ฯ (Dollar Index) ตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ก่อน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ฯ ได้อ่อนค่าสะท้อนความคาดหวังของมาตรการซื้อพันธบัตรของ Fed ไปแล้วตั้งแต่กลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และอ่อนค่าเข้าใกล้แนวรับทางเทคนิคบริเวณ 74-76 จุด...ทั้งนี้หลังจาก ธ.กลางจีนปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เมื่อวานนี้ยิ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้มีการขาย
สินทรัพย์เสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นสามัญ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ออกมามากขึ้น และเริ่มเห็นกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าไปสู่เงินดอลลาร์ฯ บ้างแล้ว ทำให้นักลงทุนต้อง “ระมัดระวัง” ต่อแนวโน้มการพักฐานมากขึ้น โดยเราคงกลยุทธ์ Trailing Stop ต่อไป โดยเลื่อนจุด Trailing Stop ขึ้นมาที่ 980 จุด และแนะนำลดสัดส่วนหุ้นในพอร์ตลงเหลือ 60% จาก 80% ในกรณีที่ SET ปิดตลาดต่ำกว่า 980 จุด สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่
DELTA – แนะนำ ซื้อ มูลค่าพื้นฐาน 31 บาท คาดผลการดำเนินงาน 3Q53 ออกมาดี ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงถือว่าเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้น
BLA – แนะนำ เก็งกำไร ครม.อนุมัติเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันเป็น 3 แสนบาท Futures Strategy: แนะนำ Trading ในกรอบ 682-690 จุด ต่อเนื่องจากเมื่อวานรอยืนยันทิศทางตลาดไปก่อน (ดูรายละเอียดใน Derivative Strategy)
AUTO: THAI ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทแข็ง และราคาน้ำมันปรับลดลง
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
20 ตค. 53 ( +5.24 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ปรับตัวลง 982 - 984 จุด
แนวโน้มในวันพุธนี้ ตราบใดไม่เกิน991.50 จุดสูงสุดวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ย 25ชั่วโมง ดัชนีมีโอกาสปรับตัวกลับลงไปแถว
982 – 984 ใกล้จุดต่ำสุดของวันอังคารอีกครั้ง

และภาพของตลาด หนึ่งถึงสองวันข้างหน้านี้น่าจะเป็นการแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบ 982 – 992หรือ ระหว่างจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของวันอังคารและถ้ามีการปรับตัวลง ต่ำกว่า 980.58จุดต่ำสุดของวันจันทร์ ดัชนีระยะสัปดาห์สามารถปรับตัวลงต่อแถว 963 – 968 จุด ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน และระยะเดือนบริเวณ 900 –910 จุด ตามอัตราส่วน Fibonacci Ratio38.2% นับจากที่ปรับตัวขึ้นมาเมื่อเดือน มิย. ปีนี้

แต่ถ้าระยะสั้นสามารถปรับตัวขึ้น เกิน991.50 จุดสูงสุดวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ย 25ชั่วโมง ดัชนีสามารถปรับตัวกลับขึ้นไปแถว997 – 999 ใกล้จุดสูงสุดเดิมของปีนี้

หุ้นเด่น
HEMRAJ
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงพอดีรอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 1.92 จุดสูงสุดวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมาย
หนึ่งถีงสองวัน 1.97 – 1.99( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 1.87 )

ADVANC
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงพอดีทยอยซื้อแถว 93.50 – 94.00 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 94.25 จุดสูงสุดวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมายสองสามวัน95.25 – 95.50( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 93.25 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
BANPU ไม่น่าเกิน 746 – 748
GUNKUL ไม่ต่ำกว่า 8.50 ขึ้น 9 – 9.30
STA ไม่น่าเกิน 30.75 - 31
PTTAR ต่ำกว่า 28.75 ลง 27 – 27.50
PTT ไม่เกิน 311 ลง 306 - 307
TASCO เกิน 76 ขึ้นต่อ 78 – 80
IVL แกว่งตัว 35.25 – 37.25
CPF ไม่เกิน 23.40 22.80 – 22.90
PTTEP ไม่เกิน 171 168 – 169
TMB ไม่ต่ำกว่า 2.38 ขึ้น 2.48 – 2.50

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS:ยังต้องระวังแกว่งในกรอบ 980-1000 จุด และอาจหลุดลงหา 960 จุดได้!
แนวโน้ม: ตลาดเริ่มรีบาวด์กลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในด้านบวกได้บ้าง แต่ยังอยู่ในลักษณะแกว่งตัวขึ้น-ลงอยู่ในกรอบ 980-990 จุด ซึ่ง FSS คาดว่ายังต้องระวังการผันผวนของตลาด เพราะยังมีโอกาสที่จะหลุดต่ำกว่า 980 จุดเพื่อไหลลงหา 960จุดอีกครั้งได้ เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนยังรอดูผลการประชุมของ กนง. ในวันนี้(20 ต.ค.) ก่อนว่าจะมีการกล่าวถึงมาตรการในการดูแลค่าเงินบาทหรือไม่ ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ก็ไม่ค่อยสดใสนักด้วย อย่างไรก็ตามจังหวะตลาดปรับพักตัวลงเรายังมองว่าเป็นโอกาสที่จะเลือกหุ้นเข้าทยอยรับได้ เนื่องจากเม็ดเงินของนักลงทุนต่างประเทศยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องกลยุทธ์: แนะนำให้ถือหุ้นได้ แต่ยังจำกัดพอร์ตไว้ไม่เกิน 50% ของเงินลงทุนจากนั้นส่วนที่เหลือรอให้ตลาดปรับตัวลงอีกครั้ง หรือรอดัชนียืนเหนือ 995 จุดได้ก่อนจึงพิจารณาซื้อเพิ่ม โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ กลุ่มแบงก์(SCB, KBANK, BBL,TCAP) ที่เริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงาน รวมทั้งหุ้นพื้นฐานที่ราคาพักฐานลงมาบ้างแล้วเช่น TASCO, TTCL, ITD, STEC, CK, SEFCO, LPN เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (-) จีนปรับขึ้นดอกเบี้ยเหนือความคาดหมาย 0.25bps ทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้ 1ปีขึ้นมาอยู่ที่ 5.56% จาก 5.31% เพื่อชะลอการขยายตัวของสินเชื่อที่โตเร็วเกินไปอาจก่อให้เกิด NPL การขึ้นดอกเบี้ยที่เหนือความคาดหมายและเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีเป็นลบกับตลาดหุ้นในเอเชียและราคา Commodity อาจทำให้เกิดการขายในระยะสั้น
• (+) World Bank GDP ไทยปีนี้ขึ้นเป็น 7.5% จากเดิม 6.1% (คาดเอเชียโตเฉลี่ย 8.9%) ส่วนปีหน้าคาดโต 3.2% (คาดเอเชียโตเฉลี่ย 7.8%) World Bankไม่เห็นด้วยกับการลดดอกเบี้ยและไม่เห็นด้วยกับมาตรการคุมเงินทุนไหลเข้าขณะที่ S&P จะเข้ามาเก็บข้อมูลในไทย 20-23 ต.ค. นี้ มีแนวโน้มปรับอันดับเครดิตของไทยขึ้น 1 ขึ้นจากปัจจุบัน BBB+ เป็น A1
• (+) คาด กนง.คงดอกเบี้ยที่ 1.75% เพื่อชะลอเงินไหลเข้า และเงินเฟ้อยังไม่ใช่ปัจจัยกดดันระยะนี้ ค่าเงินที่แข็งค่าก็ช่วยชะลอเงินเฟ้อไม่ให้พุ่งแรงด้วย หุ้นที่ sensitive กับดอกเบี้ยได้แก่กลุ่มบ้านและรับเหมา STEC, CK, ITD, TTCL,TPOLY, SPLAI
• (-) ผลกระทบน้ำท่วม ในระยะสั้นเป็นลบกับกิจการที่เสียหายเช่นร้านค้าปลีกCPALL, MAKRO รายได้เกษตรกรที่ถูกกระทบอาจกระทบยอดขายของ DCC, DRTรถยนต์ที่เสียหายอาจเป็น NPL กระทบต่อธุรกิจเช่าซื้อ TISCO, KK และบางส่วนของ TCAP ในระยะยาวจะเป็นบวกกับ TASCO, DCC, DRT, GLOBAL, HMPRO,TVO
• (+) KBANK กำไรดีกว่าคาด TMB ใกล้เคียงคาด KBANK กำไรดีกว่าคาด+6.8% Q-Q, +36.7% Y-Y สินเชื่อแตะระดับ 1 ล้านล้านบาทเป็นไตรมาสแรกเราปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 140 บาท ส่วน TMB กำไรใกล้เคียงคาด ประเด็นการลงทุนของ TMB ขึ้นอยู่กับราคาขายหุ้นของคลังให้ ING หรือพันธมิตรรายอื่น
• Fund Flow วานนี้ไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แต่ปริมาณไม่มาก นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นอินโดนีเชียและไต้หวันหนักสุด แต่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้และไทย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินในภูมิภาคเอเชียที่รวดเร็วเกินไป ประกอบตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอ่อนแอและนักลงทุนยังหวังว่าเฟดจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น ที่สำคัญขณะนี้มีแรงปะทะกันระหว่างการที่จีนประกาศขึ้นดอกเบี้ยหรือเป็นการถอนสภาพคล่องออกจากตลาด กับการที่เฟดกำลังจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะคาดได้ว่าตลาดจะเริ่มเปลี่ยนทิศทางหรือไม่ อย่างไรก็ตามผลที่ตามมาทันที่คือ ค่าเงินดอลลาร์หลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลอื่นทั้งหมด แต่เราเชื่อว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ เพราะเฟดเตรียมจะออกอัดฉีดสภาพคล่อง ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ยของจีนแม้จะทำให้ทุกคนคิดว่าจะทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงจริงๆ แต่เราไม่คิดว่าจะเป็นปัจจัยลบต่อความเสี่ยง หรือมองเศรษฐกิจเอเชียในแง่ลบ

ข่าวภายในประเทศ
TMB คว้ากำไรสนั่นทุ่งมาตามนัด 777 ล้านบ. ‘กสิกรไทย’ ฟอร์มยังสด ฟาด 5 พันล้าน แบงก์ TMB ปั้นกำไรสุทธิ 8 ไตรมาสต่อเนื่อง ล่าสุดไตรมาส 3/53 ฟัน 777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% เอ็นพีแอลวูบเหลือ 9.5% ส่วนสินเชื่อพลิกเป็นบวก ด้าน “กสิกรไทย” กำไรสุทธิ 5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น36% ขณะที่ “ซีไอเอ็มบีไทย”(CIMBT) มีกำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรก 894 ล้านบาท เป็นการพลิกจากขาดทุน 41 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนเอ็นพีแอลปรับลดลงเช่นกันเหลือ 8.7% จาก 140.9% ในปลายปี'52 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
PTTEP กำไรปีนี้ 3 หมื่นล้านปริมาณขายปิโตรเลียมพุ่ง PTTEP ลั่นกำไรปีนี้ทะลุ 3 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีแรกเก็บเข้ากระเป๋าแล้ว 2.1 หมื่นล้านบาทเนื่องจากปริมาณการขายปิโตรเลียมพุ่ง แถมบันทึกค่าประกันความเสียหายแหล่งมอนทาราบางส่วน เผยควบรวมกิจการแบบ M&A ได้เห็นในปีนี้ 1 ดีลด้านเงินลงทุนมีพร้อมแล้ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
MCS คว้างาน CK ฮุบออเดอร์สีม่วงยอดขาย 5 พันตัน MCS จ่อบุ๊ครายได้ขายเหล็กโครงสร้างให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญา 1 ให้ ช.การช่าง 5,000 ตัน ไตรมาส 4/53 ปริมาณงานส่งมอบสูงถึง 1.5-1.6 หมื่นตัน เหลืองานที่รอรับรู้อีก 7 หมื่นตันปีนี้ อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 3/53 ทรงตัวระดับ 42% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
GUNKUL ติดลมวันแรกพุ่ง 59% GUNKUL วันแรกพุ่ง 59% ผู้บริหาร-ที่ปรึกษาชูปัจจัยพื้นฐานมั่นคง เดินหน้าประมูลงานไตรมาส 4 เพิ่มอีก 50ล้านบาท ส่วนปีนี้รายได้แตะ 1,000 ล้านบาท เติบโต 10% เผยโครงการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ใช้เทคโนโลยีแบบ CIS รับผลดีลดความผันผวนวัตถุดิบได้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
SC ผุดคอนโดใหม่ 3 โครงการ เจาะ 3 ทำเลใหม่มูลค่า 2.3 พันล้าน เปิดจองพ.ย.นี้ SC รุกหนักไตรมาส 4 ลุยเปิดคอนโดฯ 3 โครงการ 3 ทำเลใหม่ มูลค่ารวม 2,300 ล้านบาท ได้แก่ ทำเลใกล้รถไฟฟ้ารัชดา-สุทธิสาร มูลค่า 900 ล้านบาท ทำเลพหลโยธิน 11 มูลค่า 900 ล้านบาท และทำเลร่วมฤดี มูลค่า 300 ล้านบาท เล็งเปิดจองต้นเดือนพ.ย.นี้ คาดเริ่มบันทึกรายได้ปี 2554 และ 2555 พร้อมเดินหน้าเปิดตัวบ้านเดี่ยวอีก 4 โครงการ (ที่มา:นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
STA ลุ้นกำไร Q3 กระโดด140% Q4 ได้ดีราคายาง-ดีมานด์หนุน STA วิ่งรับอานิสงส์ดีมานด์อุตสาหกรรมยางสูง มองไตรมาส 3/53 กำไรก้าวกระโดด 140% เป็น 680 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4/53 หลังราคายางปรับตัวขึ้น ประกอบกับยางรถยนต์ใหม่และยางรถยนต์อะไหล่ในจีนผลักดันการเติบโต เชื่อทั้งปีจ่ายปันผล 1.21 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
FORTH รวบตู้เน็ตทีโอที 2 พันล้าน ดันรายได้กระฉูด 30% AIT ราคาหุ้นถูกจ่ายปันผลสูง FORTH ตีปีกรายได้ครึ่งหลังดีกว่าช่วงแรก ล่าสุดชนะการประมูลคว้าโปรเจ็กต์ตู้อินเตอร์เน็ตทีโอทีอีกว่า 1,900 ล้านบาท มั่นใจรายได้ปี 2553 เข้าเป้า 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 30% ยิ้มรับงานในมือทะลัก 2,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เล็งจับมือพาร์ทเนอร์ต่างชาติ ขยายไลน์ธุรกิจตู้เติมเงิน AIT ไม่น้อยหน้าโบรกฯคาดกำไร Q3 กว่า 80 ล้านบาท แนะ “ซื้อ” ราคาถูกแถมปันผลสูงลิ่ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ดัชนีความเชื่อมั่นนลท.เยอรมนีร่วงลงต่อเนื่อง เหตุนลท.วิตกศก.ชะลอตัว ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีประจำเดือนต.ค. ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะชะลอตัวลง สถาบัน ZEW เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนี ซึ่งทำขึ้นเพื่อชี้วัดแนวโน้มของนักลงทุนสำหรับช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้านั้นร่วงลงมาอยู่ที่ระดับติดลบ 7.2 จุดในเดือนต.ค. จากระดับติดลบ 4.3 จุดในเดือนก.ย. ทั้งนี้ ภาคการส่งออกที่แข็งแกร่งช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไตรมาส 2 ของเยอรมนีขยายตัวได้ 2.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ได้มีกระแสความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นในระยะนี้ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจนอกกลุ่มประเทศยุโรปที่ชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของเยอรมนี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-10-2010)
ยุโรป: เยอรมนีเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนต.ค.ร่วงต่ำสุดในรอบ 21 เดือน ผลการสำรวจล่าสุดของสถาบัน ZEW ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจยุโรป พบว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือนในเดือนตุลาคม ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยรายงานของสถาบัน ZEW ระบุว่าดัชนีเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงสู่ระดับ -7.2 จุด ในเดือนตุลาคม เทียบกับระดับ -4.3 จุด ในเดือนกันยายน นับเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันและแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-10-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเกินคาด 0.3% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้น 0.3% แตะระดับ 610,000 หลัง/ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 580,000 หลัง/ปี ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายมาจากตัวเลขการสร้างบ้านเดี่ยวที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 4.4% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-10-2010)
จีน: ธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มีผลวันที่ 20 ต.ค. ธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก 0.25% มีผลบังคับใช้ในวันพุธที่ 20 ตุลาคมนี้ ซึ่งถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของจีนนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2550 แบงก์ชาติจีนระบุในแถลงการณ์ซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 1 ปี จะเพิ่มขึ้นจาก 2.25% เป็น 2.50% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 1 ปีจะเพิ่มขึ้นจาก 5.31% เป็น 5.56% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-10-2010)
จีน: ธนาคารโลกแนะจีนปรับสมดุลเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อการขยายตัวอย่างยั่งยืน ธนาคารโลกแนะจีนเดินหน้าปรับสมดุลเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นในขณะที่จีนกำลังอยู่ในระหว่างเตรียมความพร้อมสำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้า รายงานความคืบหน้าทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกฉบับล่าสุดของธนาคารโลกระบุว่า จีนควรดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่เข้มงวดกว่าเมื่อปี 2552 เพื่อควบคุมกระแสคาดการณ์ด้านเงินเฟ้อและเพื่อสกัดกั้นความเสี่ยงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงความเสี่ยงด้านการคลังของรัฐบาลท้องถิ่น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-10-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น