Code 447 : 07/07/54 Sell Signal ไม้แรก หลังจาก SETI หลุด BBT ... จะเกิด Sell Signal ไม่ที่ 2 หรือไม่...

วันพฤหัสที่ 7 กรกฎาคม 2554
ATT Code : Sell Signal ไม้แรก หลังจาก SETI หลุด BBT ... จะเกิด Sell Signal ไม้ที่ 2 หรือไม่...

-คาดว่าวันนี้จะมีการแกว่งตัวอยู่ในกรอบนี้
กรอบเล็ก : 1064 - 1077...
กรอบใหญ่ : 1050 - 1088...

* ระยะ Day >>> เป็น Sell Signal หลังจากที่ดัชนีลงมาต่ำกว่า ฺBBT....
* ระยะ Week >>> ยังอยู่ใน Bull Market.... ขึ้นมาอยู่เหนือ BBA.... SETI มีกรอบอยู่ที่ 1050 - 1117... รอ Main Indicators เป็น Buy Signal...
* ระยะ Month >>> Bull Market.. SETI อยู่ในกรอบ BBT - EMA10... หรือที่ 1053 - 1180...

*** แนวโน้มหลัก : ฺBull market but OS and Sell Signal ***
* SETI มีสัญญาณ Sell Signal เกิดขึ้น หลังจากดัชนีหลุด BBT ลงมา...
* SETI อยู่ในเขต Oversold แล้วเริ่มเข้ามาอยู่ใน Trading Range แล้ว...
* Chart Pattern เป็นลักษณะ Reversal Pattern... กลับตัวลงมา...

---------------------------------------------------------------------------
1. เข้าที่...
วันพุธ SETI ปิดที่ 1072.68 จุด -11.91 จุด...
- SETI มีสัญญาณ Sell Signal เกิดขึ้น หลังจากดัชนีหลุด BBT ลงมา...
- EMA5 อยู่เหนือกว่า EMA10 อยู่...
- CandleStick = Black Candle เป็น Reversal Pattern...

- Main Indicators... เริ่มออ่นแรงลงมาเบาๆ แล้ว....
1. MacD... MacD Still higher than Signal Line... แต่ MacD Osc เริ่มมีค่าลดลง...
2. SSTO... ฺี%K Still higher than %D... & Strong (Above 50)... แต่ %K เริ่มมีค่าลดลง...
3. RSI... RSI above MAV9... Strong (Above 50)...
- Minor Indicators... มีสัญญาขาย เป็น Sell Signal แล้ว...
1. %R... เป็น Sell Signal... ตัด -10 ลงมาแล้วแล้ว... ลงมาจากเขต Over Bought เข้ามาอยู่ใน Trading Range....
2. CCI... เป็น Sell Signal... ตำ่กว่า 100 ลงมาแล้ว... ลงมาจากเขต Over Bought เข้ามาอยู่ใน Trading Range....
3. ADX... ยังคง Up Trend (DI+ Above DI-)... แต่ DI+ เริ่มย่อลงมาแล้ว...
----------------------------------------------------------------------------
2. ระวัง...
- ระวังดัชนีเป็น Sell Signal ไม้ที่ 2... ถ้า SETI หลุดเส้น EMA5 ลงมา...

-----------------------------------------------------------------------------

3. ไป...
แนวโน้มวันนี้ >>> Sell Signal ไม้แรก หลังจาก SETI หลุด BBT ... จะเกิด Sell Signal ไม้ที่ 2 หรือไม่...

- สัญญาณลบ >>> ถ้าดัชนีไม่สามารถยืนเหนือ 1072.68 ได้.... แล้วลงมาต่ำกว่า 1069.88 ก็มีโอกาสที่จะลงไปส่งเส้นแนวรับที่ EMA5 ได้... แต่ถ้าหลุดเส้นนี้ ก็จะเกิดเป็น Sell Signal ไม้ที่ 2 ได้... Supported by all main indecators มีการชะลอตัวลง....

- สัญญาณบวก >>> ถ้าดัชนีสามารถยืนเหนือ 1072.68 ได้... ก็มีโอกาสที่จะเกิดเป็น Buy Signal ได้ใหม่ ถ้าดัชนีผ่าน BBT ขึ้นมาอีกครั้ง... โดยมีเป็นหมายที่ 1087.91 จุด...

-----------------------------------------------------------------------------
แนวรับ : 1064 EMA5 / 1050 EMA10...
แนวต้าน :1077BBT / 1088...





-----------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
-----------------------------------------------------------------------------
ตลาดมีความกังวลจากที่ Moody's ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกตุลง 4 อันดับ
Temasek ขายหุ้นธนาคารจีน Bank of China และ China Construction Bank 3.7พันล้านเหรียญสหรัฐในวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อลดความเสี่ยงทางการเงิน เนื่องจากMoodyคาดว่าจะมีการปรับลดระดับความน่าเชื่อถือของธนาคารจีน ทำให้หุ้น Bank of China เปิดร่วงลง 4.4% และ China Construction Bank เปิดต่ำลง 2.6%
----------------------------------------------------------------------
เก็บ PTTAR - PTTCH รอ PTTGC

PTTAR - PTTCH พุ่งทะยานสวนตลาด หลังโบรกฯ เชียร์ "ซื้อ"รอแลกเป็นหุ้นบริษัทใหม่ PTTGC ที่คาดเข้าเทรดเดือนส.ค.นี้ พร้อมมองอนาคตบริษัทใหม่แจ่ม - ฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 4 ของตลท. ขณะที่แนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง และกำลังเข้าสู่ Super Cycle ในปี 2013 มองราคาเหมาะสมของ PTTAR อยู่ที่ 42, 46.85และ48 บาท ส่วน PTTCH อยู่ที่ 180 และ194-195 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวานนี้(6 ก.ค. 54)ราคาหุ้น บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) (PTTAR) และ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTCH) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น สวนทิศทางตลาดที่เคลื่อนไหวในทิศทางขาลง หลังโบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"เพื่อนำไปแลกหุ้นในบริษัทใหม่ที่จะเข้าซื้อขายในเดือนส.ค. พร้อมมองผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น
ทั้งนี้ ราคาหุ้น PTTAR และ PTTCH ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เปิดการซื้อขาย โดย PTTAR เปิดการซื้อขายที่ระดับ 39.25 บาท ก่อนที่จะทะยานแตะระดับสูงสุดที่ 40.75 บาท ก่อนจะอ่อนตัวลงมา ปิดตลาดที่ระดับ 39.75 บาท เพิ่มขึ้น0.50 บาทหรือ 1.27% มูลค่าการซื้อขาย 1,462.82ล้านบาท ส่วน PTTCH เปิดการซื้อขายที่ ระดับ 155.50 บาท ก่อนจะทะยานแตะระดับสูงสุดของวันที่ ระดับ 160.00 บาท และอ่อนตัวลงมาปิดตลาดที่ 155.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50บาทหรือ 0.32%มูลค่าการซื้อขาย 1,819.18ล้านบาท
ส่วน SET Index ปิดที่ 1072.68 จุด ลดลง 11.91 จุดหรือ 1.10 % มูลค่าการซื้อขาย 36,426.53ล้านบาท

***KEST แนะซื้อ PTTAR -PTTCH รอแลกหุ้นPTTGC คาดเข้าเทรดครึ่งแรกเดือนส.ค. เชื่อผลงานบริษัทใหม่แจ่ม ***

ฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) (KEST)แนะนำซื้อหุ้นบริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) (PTTAR) และ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTCH) เพื่อนำไปแลกเป็นหุ้นบริษัทใหม่ (PTT Global Chemical, PTTGC) ที่คาดว่าการควบรวมจะเสร็จสมบูรณ์และบริษัทใหม่จะเข้าซื้อขายในตลาดฯ ได้ตามแผนในช่วงครึ่งแรกของเดือน ส.ค. บริษัทใหม่มีแนวโน้มผลประกอบการที่โดดเด่น จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ จากโรงงานโอเลฟินส์แครกเกอร์ใหม่ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในปี 2555 คาดว่าจะโตต่อเนื่องจากส่วนต่างราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในสายโอเลฟินส์ อะโรเมติกส์ รวมถึงโรงกลั่น จากการประเมินคาดว่าบริษัทใหม่จะมีกำไรเติบโต (ยังไม่หักรายการระหว่างกันและผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น) ในช่วงปี 2553-2555 ด้วย CAGR ที่ 51.0% ณ. ราคาปัจจุบันของหุ้นบริษัทใหม่ที่คำนวณจากราคาปัจจุบันของ PTTAR และ PTTCH ยังมี upside จากราคาเป้าหมายที่คำนวณเบื้องต้นจากราคาเป้าหมายของ PTTAR และ PTTCH ที่ 95 บาทต่อหุ้น อยู่อีก 21% (ราคาเป้าหมายดังกล่าวยังไม่รวมผลประโยชน์จากการควบรวม)
ทั้งนี้ยังคงมุมมองที่ว่าธุรกิจปิโตรเคมีจะกลับมาดูโดดเด่นอีกครั้งในช่วง H2/54 แม้ว่าในปัจจุบันส่วนต่างราคาสำหรับผลิตภัณฑ์หลักจะอ่อนตัวลงจากในไตรมาส 1/54 เนื่องจากความต้องการใช้โดยเฉพาะจากประเทศจีนที่ชะลอตัว จากมาตรการควบคุมสินเชื่อของจีน และ ปริมาณสินค้าคงคลังที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบัน ประเมินว่าส่วนต่างราคา HDPE ปัจจุบันที่อยู่ในช่วง 300-400 เหรียญต่อตันถือว่าอยู่ในช่วงต่ำสุด เมื่อเทียบจากต้นทุนการผลิต (Cash cost) ปัจจุบันของผู้ผลิตแนฟทาอยู่ที่ 300 เหรียญต่อตัน โดยคาดว่าส่วนต่างจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์จะเริ่มกลับมาอีกครั้งในช่วง 2H54 จากแนวโน้มสต๊อกที่ลดลง รวมถึงภาวะอุปทานที่มีความสมดุลมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ที่จะมีความโดดเด่นในปีหน้าได้แก่ LDPE MEG และ PX ซึ่งจะช่วยหนุนให้ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องในปี 2555
อย่างไรก็ดีคาดว่าการควบรวมจะแล้วเสร็จและ บริษัทใหม่ (PTT Global Chemical, PTTGC) จะเริ่มซื้อขายได้ตามกำหนดเวลาในช่วงครึ่งแรกเดือน ส.ค. ในมุมมอง ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสอดรับกับช่วงเวลาที่คาดว่าแนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีจะเริ่มกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ทำให้บริษัทใหม่จะมีความน่าสนใจที่มากขึ้นทั้งจาก 1) กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และจะเป็น flagship ของ PTT ในธุรกิจปิโตรเคมีในอนาคต 2) โอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีส่วนต่างกำไรมากขึ้นแต่มีความผันผวนที่เป็นวัฏจักรลดลง 3) มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น 4) แนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นที่เป็นขาขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
และ ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นภายหลังการควบรวม โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะอยู่ที่ 0.5 เท่า ซึ่งจะทำให้การจัดอันดับเครดิตโดยภาพรวมดูดีขึ้น มีต้นทุนทางการเงินลดต่ำลง และสามารถต่อยอดไปสู่การลงทุนเพิ่มเติมได้ในอนาคตจากโครงการ Synergy ที่อยู่ในแผนของบริษัท
ทั้งนี้ผลบวกจากการควบรวมในระยะยาวตามที่บริษัทประเมินอยู่ที่ 80.2-154.1 ล้านเหรียญต่อปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้ในปี 2556 เนื่องจากการลงทุนส่วนใหญ่จะเริ่มรับรู้ผลกำไรในปี 2556 และจะรับรู้เต็มที่ในปี 2558 เป็นต้นไป โดยใช้เงินลงทุนรวมอยู่ที่ 92 ล้านเหรียญ อย่างไรก็ตามในระยะสั้นภายหลังจากการควบรวมผลประโยชน์ดังกล่าวจะมีอย่างจำกัด
KEST แนะนำให้ ซื้อ หุ้น PTTAR และ PTTCH ราคาเหมาะสมของ PTTAR อยู่ที่ 48 บาท และ PTTCH อยู่ที่ 195 บาท เพื่อนำไปแลกเป็น PTTGC เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการที่โดดเด่น เราคาดว่าบริษัทใหม่จะมีกำไรเติบโต (ยังไม่หักรายการระหว่างกันและผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการควบรวม) ในช่วงปี 2553-2555 ด้วย CAGR ที่ 51.0% หากประเมินเบื้องต้นจากอัตราส่วนการแลกหุ้นที่ราคาเหมาะสมของ PTTGC หลังจากการควบรวมอยู่ที่ 95 บาท ต่อหุ้น คิดเป็น PER ในปีนี้ที่ 13.6 เท่า ถือว่าถูกกว่าเมื่อเทียบกับผู้ผลิตปิโตรเคมีอื่นในภูมิภาค โดยประเมินจากกำไรปีนี้ที่ 31,639 ล้านบาท หรือคิดเป็น กำไรประมาณ 7.0 บาทต่อหุ้น

***CGS มอง PTTAR -PTTCH น่าลงทุน เพื่อรอแลกหุ้นบริษัทใหม่***

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่กรุ๊ป (CGS) กล่าวว่า หากพิจารณาเฉพาะปัจจัยในตัวหุ้น PTTAR และ PTTCH ถือว่าน่าสนใจในการลงทุน สำหรับการนำไปแลกเป็นหุ้นบริษัทใหม่ (PTT Global Chemical, PTTGC) ที่มองว่าราคาหุ้นไม่สูงนัก ประกอบกับค่า P/E อยู่ที่เพียง 10-11 เท่า เท่านั้น ซึ่งถือว่ามีความเหมาะสมในการลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีปัจจัยที่ต้องพิจารณามากกว่านั้น ได้แก่ แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นโดยรวม ซึ่งมีโอกาสอ่อนตัวลง และอาจทำให้ราคาหุ้นของทั้ง PTTAR และ PTTCH ไม่สามารถยืนอยู่ได้ และอาจจำเป็นต้องขายเพื่อลงทุนตามตลาดรวม
"เรามองปัจจัยตลาดสำคัญกว่าตัวหุ้น เพราะ 1-2 วันที่ผ่านมาหุ้นทั้ง 2 ตัวนี้ขึ้นเยอะ และตอนนี้ก็มีแรงขายเข้ามาเยอะ อาจทำให้ราคาหุ้นยืนไม่อยู่ ซึ่งถ้าตลาดอ่อนลงก็อาจต้องขายตามเหมือนกัน" นักวิเคราะห์ กล่าว
นอกจากนี้ มองว่าปัจจัยด้านพื้นฐานของหุ้นใหม่ภายหลังการควบรวมอาจยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินธุรกิจมากนัก โดยประเมินว่าต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ทั้งนี้ ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ PTTAR และ PTTCH อยู่ที่ 42 บาท และ 180 บาท ตามลำดับ

***บล.โกลเบล็ก เชียร์ซื้อ PTTAR รอแลกหุ้นใหม่ ชี้ แนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง***

ด้านบทวิเคราะห์บล.โกลเบล็ก ประเมิน PTAR ว่า คาดการควบรวมกิจการระหว่าง PTTAR และ PTTCH จะแล้วเสร็จในช่วงเดือนส.ค.การควบรวมกิจการระหว่าง PTTAR และ PTTCH คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์และเข้าซื้อขายในนามของบริษัทใหม่ได้ในช่วงปลายเดือนส.ค.54 ส่วนหุ้นของ PTTAR และ PTTCH จะขึ้น SP ก่อนหุ้นใหม่เข้าซื้อขายประมาณ 1-2 สัปดาห์ ส่วนผลประกอบการ Q3/54 จะเป็นไตรมาสแรก สำหรับการรายงานผลประกอบการของบริษัทใหม่ซึ่งเป็นการรวมงบการเงินของ PTTAR และ PTTCH
อย่างไรก็ตามในส่วนของ PTTAR (โรงกลั่นและอะโรเมติกซ์) คาดว่ากำไรที่ออกมาชะลอตัวใน Q2/54 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีและจะปรับตัวสูงขึ้นใน Q3/54 โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของปิโตรฯเพราะคาดว่าจะได้ประโยชน์จากภาวะ Supply ตึงตัวหลังโรง PTA กำลังการผลิต 3 ล้านตันในจีนจะเริ่มผลิต ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทใหม่(PTTAR+PTTCH)ในเบื้องต้น คาดว่าจะมีกำไรสุทธิในปีนี้ประมาณ 28,000 ล้านบาท(EPS 6.23 บาท)
คงคำแนะนำ 'ซื้อ' โดยมีราคาเป้าหมายปี 54 ที่ 46.85 บาท ทั้งนี้ประเมินราคาเป้าหมายของ PTTAR บนราคาเป้าหมายของหุ้นใหม่และ Swap Ratio ที่กำหนด โดยหุ้นใหม่
คำนวณเป้าหมายด้วยวิธ๊ P/E Ratio อิง Prospective P/E ที่ 15 เท่าและ EPS ปี 54 ที่ 6.23 บาท จะได้ราคาเหมาะสมในปี 54 ที่ 93.45 บาท หรือคิดเป็นเป้าหมายของ PTTAR ตาม
Swap Ratio ที่ 1 หุ้น PTTAR แลกได้ 0.501296 หุ้นใหม่จะได้ราคาเหมาะสมที่ 46.85 บาท ดังนั้นในระยะสั้นราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากถูกกดดันจากแนวโน้มผลประกอบการ Q2/54 ที่ชะลอตัวจึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพื่อแลกเป็นหุ้นใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากความแข็งแกร่งที่เกิดขึ้นจากการควบรวม


*** บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะซื้อ PTTCH ให้ราคาเป้าหมาย 195 บาท/หุ้นมองบริษัทใหม่หลังควบรวมมีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 4 ของตลท. ***

ขณะที่ บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส คาดว่าผลประกอบการ Q2/11 ของ PTTCH จะมีกำไรสุทธิ 5,458 ลบ. เล็กน้อย Q-Q แต่เพิ่มขึ้น +135% Y-Y สาเหตุหลักมาจากปริมาณการที่เพิ่มขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y แต่ Margin Q-Q อ่อนตัวเล็กน้อยจากต้นทุนการวัตถุดิบและต้นทุนพลังงานที่ใช้ผลิตเพิ่มขึ้น คาดว่าประกาศงบวันที่ 29 สิงหาคม 2011 1) ราคาปิโตรเคมีที่ปรับขึ้นเล็กน้อย โดยราคาเอทิลีนเฉลี่ยใน 2Q11 ปรับขึ้น +3%Q-Q และ +17%Y-Y มาอยู่ที่ 1,272 ดอลลาร์/ตัน ราคาเม็ดพลาสติก HDPE ปรับขึ้น +1%Q-Q และ +17%Y-Y มาอยู่ที่ 1,331 ดอลลาร์/ตัน และราคา MEG -7%Q-Q แต่ +13%Y-Y มาอยู่ที่ 1,160 ดอลลาร์/ตัน 2) Margin แคบลง Q-Q เล็กน้อย แม้โรงงานปิโตรเคมีของ PTTCH ใช้ก๊าซอีเทน 85%เป็นวัตถุดิบในการผลิตและมีการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 530 เป็น 540 ดอลลาร์/ตัน แต่ส่วนที่เหลือ 15% ที่ใช้ Naphtha เป็นวัถตุดิบในการผลิตราคาNaphtha ปรับขึ้นจาก 900 เป็น 1,000 ดอลลาร์/ตัน 3) อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 85% จาก 78%ใน 1Q11
คงประมาณการกำไรปี 2011 เท่าเดิมที่ 2.24 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 117.7% ภายใต้สมมติฐานราคาเอทิลีนปี 2011 จาก 1,200 ดอลลาร์/ตัน และ HDPE 1,400 ดอลลาร์/ตัน และ Margin ที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานเอทิลีนใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตสูงและมี Value Chain กับโรงงานเม็ดพลาสติกใหม่ รวมทั้งยังได้สิทธิพิเศษทางภาษีจากโรงงานแห่งใหม่ด้วย
ยังแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 195 บาท/หุ้น (อิง P/E 13 เท่าในปี 2011) อย่างไรก็ดีเนื่องจาก PTTCH อยู่ระหว่างการควบรวมกับ PTTAR โดยการ SWAP หุ้น ในอัตราส่วน 1 หุ้น PTTCH ได้ประมาณ 1.98 หุ้น บริษัทใหม่ ซึ่งเทียบได้กับราคาหุ้นบริษัทใหม่อยู่ที่ 74.25 บาท/หุ้น (กรณีราคา PTTCH อยู่ที่ 147 บาท) สำหรับราคาหุ้นบริษัทใหม่ประเมินมูลค่าเบื้องต้นอยู่ที่ 98 บาท/หุ้น หรือ คิดเป็นราคาหุ้น PTTCH ที่ 194 บาท/หุ้น นอกจากนี้ธุรกิจปิโตรฯกำลังเข้าสู่ Super Cycle ในปี 2013 ทำให้กลายเป็นโอกาสของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่าง PTTCH และ PTTAR ที่มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 4 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น