-----------------------------------------------------------------------------


xBT> ตลาดเงินนิวยอร์ค:ยูโรร่วงจากวิตกวิกฤติหนี้ลามอิตาลี นิวยอร์ค--11 ก.ค.--รอยเตอร์
ยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างๆในวันจันทร์ และอาจปรับตัวลงต่อจากความวิตกที่เพิ่มขึ้นว่า วิกฤติหนี้ยุโรปอาจลุกลามไปยังอิตาลีซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของยุโรป
ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 80.240 เยน เทียบกับระดับปิดวันศุกร์ที่ 80.620 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.4012 ดอลลาร์และ 112.48 เยน เทียบกับระดับปิดวันศุกร์ที่ 1.4267 ดอลลาร์และ 115.00 เยน
เจ้าหน้าที่ด้านการคลังของสหภาพยุโรป (อียู) เผชิญความยากลำบากในการแก้ไขวิกฤติหนี้กรีซ ขณะที่มีความวิตกมากขึ้นว่าปัญหาจะลุกลามไปยังอิตาลี
ยูโรแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบกับเยน และต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า ผู้นำยุโรปบางรายจะพิจารณาปล่อยให้กรีซผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรบางส่วน ซึ่งเพิ่มความวิตกให้กับตลาด
ด้านนายโลเรนโซ บินี สมากิ กรรมการบริหารธนาคารกลางยุโรปกล่าวในการแถลงข่าวว่า อิตาลีมีความสามารถที่จะชำระหนี้ และจะไม่ผิดนัดชำระหนี้
อิตาลีมีอัตราส่วนหนี้ต่อการผลิตสูงที่สุดอันดับสองในยูโรโซนรองจากกรีซ
อียูจะเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤติธนาคารในวันศุกร์นี้
ยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับเยนและฟรังก์สวิส ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 1.2% สู่ 76.042
ความเสี่ยงที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้หากไม่สามารถเพิ่มเพดานการก่อหนี้นั้น จะสกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของดอลลาร์
xBT> ตลาดน้ำมันลอนดอน:วิตกอุปสงค์ลดฉุดราคาปิดร่วงเกือบ 1%
ลอนดอน--11 ก.ค.--รอยเตอร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดลอนดอนปิดร่วงลงเกือบ 1% ในวันจันทร์ โดยปรับตัวลงเป็นวันที่สองติดต่อกันจากความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์ ขณะที่วิกฤติหนี้ยูโรโซนขยายตัวและการนำเข้าน้ำมันของจีนลดลงในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดร่วง 1.09 ดอลลาร์หรือ 0.92% สู่ 117.24 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังปรับตัวในช่วง 115.22-118.40 ดอลลาร์ หลังร่วงลงรวม 1.35 ดอลลาร์หรือ 1.14% ในช่วง 2 วันซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์นับตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.ซึ่งราคาดิ่งลงเกือบ 8%
----------------------------------------------------------------------------
DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:วิตกปัญหาหนี้ยุโรปลามกดดาวโจนส์ปิดร่วง 1.2%
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบ 1 เดือนในวันจันทร์ ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันในการเจรจาเรื่องงบประมาณของสหรัฐ และปัญหาหนี้ที่เพิ่มขึ้นในยูโรโซนกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าประกันความเสี่ยงต่อการขาดทุน
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 151.44 จุดหรือ 1.20%สู่ 12,505.76, ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 24.31 จุดหรือ 1.81% สู่ 1,319.49และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 57.19 จุดหรือ 2.00% สู่ 2,802.62
ดัชนี S&P 500 อยู่ใกล้เส้นค่าเฉลี่ยรอบ 100 และ 50 วัน ซึ่งอยู่ที่ราว1,316
ปริมาณการซื้อขายยังคงเบาบางราว 6.55 พันล้านหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ค,ตลาดหุ้นอเมริกัน (American Stock Exchange) และตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งต่ำกว่าระดับเฉลี่ยต่อวันของปีที่แล้วที่ 8.47 พันล้านหุ้น โดยมีจำนวนหุ้นลบนำหน้าหุ้นบวกราว 6 ต่อ 1 ในตลาดนิวยอร์คและ 5 ต่อ 1 ในตลาด Nasdaq
ดัชนี S&P 500 ร่วงลงเกือบ 2% จากความวิตกที่ว่า วิกฤติหนี้ยุโรปจะลุกลามไปยังอิตาลี ขณะที่เจ้าหน้าที่ยุโรปยังคงเผชิญความยากลำบากในการแก้ไขปัญหาด้านการคลังของกรีซ
ตลาดต่างๆของอิตาลีได้ถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาคธนาคารของอิตาลี
ปัญหาของยูโรโซนเพิ่มความไม่แน่นอนต่อตลาดหลังจากที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากรายงานการจ้างงานที่อ่อนแอเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ดัชนีความผันผวน (VIX) พุ่งขึ้น 15.3%
ตลาดยังได้รับผลกระทบจากการที่ไม่มีความคืบหน้าในการทำข้อตกลงเรื่องภาษีระหว่างประธานาธิบดีบารัค โอบามากับสมาชิกสภาคองเกรสพรรครีพับลิกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นกลุ่มอื่นๆที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจนำตลาดปรับตัวลง
ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลง และต้นทุนการประกันหนี้ของอิตาลีพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาในตลาดหนี้ยุโรปและมีข่าวว่า ผู้นำสหภาพยุโรปบางรายกำลังพิจารณาอนุญาตให้กรีซผิดนัดชำระหนี้
บางส่วน--จบ--
ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:กังวลยูโรโซนกดน้ำมันดิบรูดลง 1.05 ดอลล์
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนส.ค.รูดลง 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.09 % มาปิดตลาดที่ 95.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 94.14-96.75ดอลลาร์ โดยระดับปิดวันจันทร์ถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ปิดที่ 94.94 ดอลลาร์ในวันที่ 1 ก.ค.
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนดิ่งลง 1.09ดอลลาร์ หรือ 0.92 % สู่ 117.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ศุลกากรจีนเปิดเผยในวันอาทิตย์ว่า จีนนำเข้าน้ำมันดิบ 19.7 ล้านตันในเดือนมิ.ย. โดยลดลง 8.6 % จากเดือนพ.ค. ในขณะที่ปริมาณการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันอยู่ที่ 3.4 ล้านตันในเดือนมิ.ย. โดยเพิ่มขึ้น 0.3 % จากเดือนพ.ค. ทั้งนี้ ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบลดลง 11.5 % จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
ความกังวลเรื่องหนี้ยูโรโซนหนุนดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร และกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา
เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐกล่าวกับรอยเตอร์ว่า กระทรวงพลังงานสหรัฐจะพยายามระบายน้ำมัน 7 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ (SPR)ในเดือนก.ค. และจะระบายน้ำมันอีก 23 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองในเดือนส.ค.
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ก.ค.ในวันพุธ โดยโพลล์รอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจลดลง 2 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล,สต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.2 %--จบ--
ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:กังวลยูโรโซนหนุนราคาทองปรับขึ้น
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดปรับขึ้นในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยเนื่องจากกังวลว่าวิกฤติหนี้ยูโรโซนอาจลุกลามเข้าสู่อิตาลี
ราคาสัญญาทองส่งมอบเดือนส.ค.เคลื่อนตัวในช่วง 1,542.10-1,557.60 ดอลลาร์
ราคาโลหะเงินในตลาดสปอตดิ่งลง 2.5 % สู่ 35.74 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า นักลงทุนปรับลดการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอิตาลี เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่อิตาลีอาจได้รับความเสียหายจากวิกฤติหนี้
ราคาทองขึ้นไปทำสถิติสูงสุดในวันจันทร์ในรูปของยูโรและปอนด์ โดยราคาทองขึ้นไปแตะระดับสูงกว่า 1,110.48 ยูโร/ออนซ์ และขึ้นไปแตะ 979.89 ปอนด์/ออนซ์
สำหรับราคาโลหะมีค่าที่ตลาด COMEX ในวันจันทร์มีดังต่อไปนี้
ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)
ทองเดือนส.ค. 1,549.20 + 7.60
เงินเดือนก.ย. 35.698 - 84.50 (เซนต์)
ส่วนราคาโลหะมีค่าที่ตลาด NYMEX ในวันจันทร์มีดังต่อไปนี้
ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)
พลาตินั่มเดือนต.ค. 1,728.30 - 5.10
พัลลาเดียมเดือนก.ย. 767.45 - 11.50 --จบ--
ตลาดเงินนิวยอร์ค:ยูโรร่วงจากวิตกวิกฤติหนี้ลามอิตาลี
ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 80.240 เยน เทียบกับระดับปิดวันศุกร์ที่ 80.620 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.4012 ดอลลาร์และ 112.48 เยน เทียบกับระดับปิดวันศุกร์ที่ 1.4267 ดอลลาร์และ 115.00 เยน
เจ้าหน้าที่ด้านการคลังของสหภาพยุโรป (อียู) เผชิญความยากลำบากในการแก้ไขวิกฤติหนี้กรีซ ขณะที่มีความวิตกมากขึ้นว่าปัญหาจะลุกลามไปยังอิตาลี
ยูโรแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบกับเยน และต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า ผู้นำยุโรปบางรายจะพิจารณาปล่อยให้กรีซผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรบางส่วน ซึ่งเพิ่มความวิตกให้กับตลาด
ด้านนายโลเรนโซ บินี สมากิ กรรมการบริหารธนาคารกลางยุโรปกล่าวในการแถลงข่าวว่า อิตาลีมีความสามารถที่จะชำระหนี้ และจะไม่ผิดนัดชำระหนี้
อิตาลีมีอัตราส่วนหนี้ต่อการผลิตสูงที่สุดอันดับสองในยูโรโซนรองจากกรีซ
อียูจะเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤติธนาคารในวันศุกร์นี้
ยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับเยนและฟรังก์สวิส ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 1.2% สู่ 76.042
ความเสี่ยงที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้หากไม่สามารถเพิ่มเพดานการก่อหนี้นั้น จะสกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของดอลลาร์
ตลาดเงิน Emerging Asia:บาทนำสกุลเงินเอเชียอ่อนค่าจากแรงซื้อคืนดอลล์
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าธปท.อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธนี้ ขณะที่ธนาคารกลางอินโดนีเซีย และธนาคารกลางเกาหลีจะคงอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้
"เนื่องจากไทยยังคงดำเนินวงจรการคุมเข้มนโยบายต่อไป นี่จะเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินบาทมากขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศอื่น ซึ่งได้ชะลอหรือยุติวงจรคุมเข้มนโยบายแล้ว แต่ก็มีปัจจัยอื่นอีกหลายตัวด้วย ทั้งกระแสเงินทุน, อุปสงค์, สถานการณ์ในประเทศ" นายโจว เพน นี นักเศรษฐศาสตร์จากยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ แบงก์กล่าว
บาท ซึ่งเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่าลงมากที่สุดในภูมิภาคในปีนี้ ได้ฟื้นตัวขึ้น และแข็งค่าขึ้นมากที่สุดในสัปดาห์ที่แล้ว หลังผลการเลือกตั้งได้คลายความวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ
บาทปรับตัวย่ำแย่กว่าสกุลเงินอื่นในเดือนพ.ค.และมิ.ย.ที่ผ่านมา แต่มีโอกาสที่จะแข็งค่ามากกว่าในระยะใกล้เมื่อเทียบกับดอลลาร์สิงคโปร์ และรูเปียห์ ซึ่งแข็งค่ามากกว่าบาทในปีนี้
ดีลเลอร์และนักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า หลายประเทศ อาทิ เกาหลีใต้และอินโดนีเซียอาจจะสามารถดึงดูดเงินทุนมากกว่าไทย ขณะที่นักลงทุนในระยะยาวยังไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะลงทุนครั้งใหม่ในไทย แต่นักลงทุนระยะสั้นก็ต้องการเข้าซื้อ
บาทอ่อนค่าลง แต่ธนาคารต่างประเทศยังคงเข้าซื้อบาท ซึ่งช่วยจำกัดผลกระทบจากแรงซื้อคืนดอลลาร์
สัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่าบาท/ดอลลาร์จะปรับตัวแข็งแกร่งต่อไป
เทรดเดอร์อีกรายในกรุงเทพกล่าวว่า บาทอาจเผชิญกับแรงกดดันในระยะใกล้จากคำสั่งซื้อคืนดอลลาร์ แต่เขาก็มีความเห็นแง่บวกในระยะยาว และระบุว่า "เป้าหมายยังคงอยู่ที่ระดับ 30.00"
คาดว่าบาทจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินในเอเชีย อาทิ ดอลลาร์สิงคโปร์, รูเปียห์ และวอน
เปโซร่วงลง ขณะที่กลุ่มนักเก็งกำไรอินเตอร์แบงก์เข้าซื้อคืนดอลลาร์
วอนอ่อนค่าลง แต่ก็ฟื้นตัวขึ้นได้โดยส่วนใหญ่จากการร่วงลงในช่วงเช้านี้ จากอุปสงค์ที่เกี่ยวข้องกับเงินทุนที่ไหลเข้าสู่หุ้นและพันธบัตรของเกาหลีใต้
ส่วนดอลลาร์สิงคโปร์ฟื้นตัวขึ้นจากการร่วงลงในช่วงแรกจากข่าวที่ว่าบริษัทเนสท์เล่ ซึ่งเป็นบริษัทอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้เสนอซื้อหุ้น 60% ในซู ฟู ชิ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นบริษัทผลิตลูกอมและขนมหวานของจีน ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ ด้วยเม็ดเงิน 1.7 พันล้านดอลลาร์
ENGLAND:ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index)ปิดลบ 12 จุด สู่ 1437
ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ (11 ก.ค.) ลบ 12 จุด หรือ 0.83% สู่ระดับ 1437
ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 554
ความเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมามีดังนี้:-
วันที่ ระดับปิด เปลี่ยนแปลง (จุด)
8 ก.ค. 1449 -4
7 ก.ค. 1453 +10
6 ก.ค. 1443 +15
5 ก.ค. 1428 +9
4 ก.ค. 1419 -3
12-07-54>> แนวโน้มขาขึ้น... SETI ปรับตัวลดลง แต่ยังสามารถปิดเหนือแนวรับบริเวณ 1070 จุดและเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้นได้ประกอบกับ MACD และ Modified Stochastic ให้ค่าสัญญาณบวก จึงทำให้ SETI มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นต่อไปดังนั้นในระยะสั้นแนะนำ "ซื้อ"
MINT ปิด 12.20 บาท
แท่งเทียนมีสีขาวเต็มแท่ง และสามารถปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้นรวมทั้ง Indicators ทุกตัวให้สัญญาณเป็นบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้นแนะนำ "ซื้อ" แนวต้านที่ 12.50-12.90 บาท แนวรับที่ 11.90-11.70บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 11.50 บาท
SAT ปิด 25.25 บาท
ปิดปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและแท่งเทียนมีสีขาว รวมทั้ง Indicators ทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อ" แนวต้านที่ 26.50-27.00 บาท แนวรับที่ 24.80-24.60บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 24.50 บาท
TOP ปิด 72.50 บาท
แท่งเทียนมีสีดำ และปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นทุกเส้น ประกอบกับ Indicators ทุกตัวให้ค่าสัญญาณเป็นลบ แนวโน้มปรับตัวลงต่อแนะนำ "ขาย" แนวต้านที่ 73.00-74.00 บาท แนวรับที่ 70.00-68.00
บาท
UEC ปิด 3.08 บาท
แท่งเทียนมีสีดำยาวเต็มแท่ง และปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้นแนวโน้มปรับตัวลงต่อแนะนำ "ขาย" แนวต้านที่ 3.12-3.16 บาท แนวรับที่ 2.98-2.90 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น