Code 453 : 18/07/54 ขึ้นมายืนเหนือ EMA5 ได้... มีโอกาสไปเทสที่ 1085 ได้อีกครั้ง...

วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม 2554

ATT Code : ขึ้นมายืนเหนือ EMA5 ได้... มีโอกาสไปเทสที่ 1085 ได้อีกครั้ง...
กรอบเล็ก... 1075 - 1080...
กรอบใหญ่... 1069 - 1089...

* ระยะ Day >>> SETI ขึ้นมายืนเหนือ EMA5 ได้... มีโอกาสไปเทสที่ 1085 ได้อีกครั้ง...

* ระยะ Week 18 - 22 ก.ค. 54 >>> เป็น Buy Signal in Bull Market
- SETI อยู่ระหว่าง BBA กับ BBT...
- UpTrend = MacD crossover Signal Line...
- MacD Osc ขึ้นมาเป็นบวกมากขึ้น....
- Main Indicators ทุกตัวเป็น Buy Signal...
- กรอบเล็ก Range อยู่ที่ 1070 - 1097...
- กรอบใหญ่ Range อยู่ที่ 1060 - 1120...

* ระยะ Month 1-31 ก.ค. 54 >>> SETI เป็นลักษณะ Sideway in UpTrend..
- กรอบเล็ก Range อยู่ที่ 1016 - 1114
- กรอบใหญ่ Range อยู่ทีี่ EMA10 - BBT... หรือที่ 998 - 1082...

*** แนวโน้มหลัก : ฺBull market... Sideway ในกรอบ 1070 - 1097...***
* SETI ขึ้นผ่าน EMA5 ขึ้นมา... เป็น Buy Signal...
* SETI อยู่ใน Trading Range ของ BBA กับ BBT...

---------------------------------------------------------------------------
1. เข้าที่...
วันพฤหัส SETI ปิดที่ 1079.45 จุด +2.51จุด... Volume 21,383 MB...
- SETI ผันผวนตามตลาด HSKI โดยหลุด EMA5 ไปแล้ว แต่ก้ขึ้นมาปิดเหนือ EMA5 ได้อีกครั้ง...
- EMA5 อยู่เหนือกว่า EMA10 อยู่... (ถ้า EMA5 ตัด EMA10 ลงมา... ก็จะเป็น Dead Cross = Down Trend)
- Chart Pattern เป็นลักษณะ White Candle / Hammer...

- Main Indicators... ที่สำคัญอย่าง MACD ไม่ลงมาตัด Signal Line...
ทำให้ MACD Osc ไม่ได้ลงต่ำกว่าศูนย์ จึงถือว่าไม่หลุดแนวรับที่เส้นศูนย์นี้ จึงมีโอกาสที่จะเด้งขึ้นมาได้... แต่ก็ไม่ไม่ได้มีค่ามากกว่าเดิม ซึ่งทำให้ยังมีความไม่แน่นอนอยู่...

- Minor Indicators... ทุกตัวปรับตัวขึ้น...

----------------------------------------------------------------------------
2. ระวัง...
- ระวังถ้าดัชนีหลุดแนวรับที่ EMA5 ก็จะลงมาที่เป้าหมายที่ EMA10ได้...

-----------------------------------------------------------------------------

3. ไป...
แนวโน้มวันนี้ >>> ขึ้นมายืนเหนือ EMA5 ได้... มีโอกาสไปเทสที่ 1085 ได้อีกครั้ง...

- สัญญาณบวก >>> ถ้าดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นสูงกว่า 1080.50ได้... ก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปสู่เป้าหมายของ High วันที่ 11/07/54 ที่ 1085 จุด ได้...
*** ถ้าผ่าน 1085 ไปได้ ก็จะเป็น Buy Signal ขึ้นมา... โดยมีเป้าหมายที่ 1090 - 1097...

- สัญญาณลบ >>> แต่ถ้าดัชนีลงมาต่ำกว่า 1076 EMA5 ลงมา... ก็มีโอกาสที่จะลงมาที่เป้าหมายที่ 1069 EMA10 ได้...
*** ถ้าหลุด 1069 ลงมา ก็จะเกิด Sell Signal... โดยมีเป้าหมายที่ 1060...

----------------------------------------------------------------------------
แนวรับ... 1075 / 1069...
แนวต้าน... 1080 / 1085 / 1089...




-----------------------------------------------------------------------------

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ดาวโจนส์ปิดบวก 0.34%

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ โดยหุ้นกูเกิลนำดัชนี Nasdaqบวกขึ้น แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความสามารถของรัฐบาลในการบรรลุข้อตกลงลดหนี้สินนั้น อาจสกัดกั้นนักลงทุนในการเข้าซื้อหุ้นในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 42.61 จุดหรือ 0.34%สู่ 12,479.73, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 7.27 จุดหรือ 0.56% สู่ 1,316.14และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 27.13 จุดหรือ 0.98% สู่ 2,789.80

ปริมาณการซื้อขายเบาบางราว 7.12 พันล้านหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ค,ตลาดหุ้นอเมริกัน (American Stock Exchange) และตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งต่ำกว่าระดับเฉลี่ยต่อวันของปีที่แล้วที่ 8.47 พันล้านหุ้น โดยมีจำนวนหุ้นบวกนำหน้าหุ้นลบในอัตราส่วนราว 3 ต่อ 2 ทั้งในตลาดนิวยอร์คและ Nasdaq

ดัชนีความผันผวน (VIX) ซึ่งวัดความวิตกของตลาดวอลล์สตรีทปิดลดลง 6.1% สู่ 19.53

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 2.1%, ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 1.4% และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.5%

หุ้นกูเกิลพุ่งขึ้น 13% หลังเปิดเผยผลประกอบการดีเกินคาด ซึ่งหนุนดัชนีNasdaq บวกขึ้น และหนุนดัชนี S&P หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศพุ่งขึ้น 1.6%

สำนักงานการธนาคารยุโรป (EBA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านการธนาคารของสหภาพยุโรปได้เปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test)ของภาคธนาคารยุโรป ปรากฎว่า จากธนาคารทั้งหมด 90 แห่งที่เข้ารับการทดสอบมีอยู่เพียง 8 แห่งเท่านั้นที่ไม่ผ่านการทดสอบ ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์กันไว้ว่าธนาคารประมาณ 15 แห่งจะไม่ผ่านการทดสอบ

หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยถ่วงตลาดมากที่สุด หลังการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐร่วงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2009--จบ--

ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:ข่าวแคนาดาหนุนน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้น 1.55 ดอลล์

ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการลดลงของอุปทานน้ำมันจากแคนาดา และจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐโดยราคาน้ำมันดิบปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ถึงแม้มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาในวันศุกร์

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 1.62 % มาปิดตลาดที่ 97.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 95.21-97.74ดอลลาร์

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนทะยานขึ้น 1ดอลลาร์ หรือ 0.86 % สู่ 117.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง115.16-117.75 ดอลลาร์

เมื่อเทียบกับระดับปิดสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบเดือนใกล้ของสหรัฐปิดตลาดสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.08 % จากระดับปิดที่ 96.20 ดอลลาร์ในวันที่ 8 ก.ค. โดยราคาน้ำมันดิบเดือนใกล้ทะยานขึ้นมาแล้ว 6.08 ดอลลาร์ หรือ6.7 % ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ร่วงลง 1.07 ดอลลาร์ หรือ 0.9 %จากสัปดาห์ที่แล้ว

ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนในวันศุกร์จากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเนื่องจากมีการรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของซิติ้แบงก์ อิงค์ และกูเกิล อิงค์

ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากคำสั่งซื้อชดเชยก่อนช่วงสุดสัปดาห์และจากการครบกำหนดส่งมอบออปชั่นสัญญาน้ำมันดิบเดือนส.ค.

บริษัททรานส์แคนาดา คอร์ปแถลงว่า ทางบริษัทจะปรับลดปริมาณการจัดส่งน้ำมันดิบทางท่อส่งคีย์สโตนจากแคนาดามาสู่สหรัฐลง 20 % ในเดือนหน้า ในขณะที่ทางบริษัทซ่อมแซมท่อส่งหลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลสองครั้งในเดือนพ.ค.โดยทางบริษัทเคยปรับลดปริมาณการจัดส่งลงมาแล้ว 19.28 % ในเดือนก.ค.จากกำลังการจัดส่งที่ 591,000 บาร์เรลต่อวัน--จบ--

ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ราคาทองขยับขึ้นเล็กน้อย

ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดปรับขึ้นเป็นวันที่ 10 ติดต่อกันในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดในแดนบวกที่ยาวนานเท่ากับสถิติเก่าที่ทำไว้เมื่อ 40 ปีก่อน โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนทำประกันความเสี่ยง ขณะที่มีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้นที่รัฐบาลสหรัฐอาจผิดนัดชำระหนี้

ราคาสัญญาทองส่งมอบเดือนส.ค.เคลื่อนตัวในช่วง 1,576-1,592.80 ดอลลาร์

ปัจจัยทางเทคนิคบ่งชี้ว่า ราคาทองอาจทะยานขึ้นเหนือ 1,700 ดอลลาร์ในอีก2 เดือนข้างหน้า และนักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ในทางทฤษฎีนั้น ราคาทองอาจพุ่งขึ้นแตะ 5,000 ดอลลาร์/ออนซ์ถ้าหากตลาดหุ้นปรับฐานลงอย่างรุนแรง

ราคาทองพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 7 % นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ, การดิ่งลงของความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ และความกังวลเรื่องการลุกลามของปัญหาหนี้ยูโรโซน

สำหรับราคาโลหะมีค่าที่ตลาด COMEX ในวันศุกร์มีดังต่อไปนี้

ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)

ทองเดือนส.ค. 1,590.10 + 0.80

เงินเดือนก.ย. 39.071 + 37.70 (เซนต์)

ส่วนราคาโลหะมีค่าที่ตลาด NYMEX ในวันศุกร์มีดังต่อไปนี้

ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)

พลาตินั่มเดือนต.ค. 1,755.50 - 18.80

พัลลาเดียมเดือนก.ย. 780.65 - 2.70 --จบ--

ตลาดเงินนิวยอร์ค:ยูโร,ดอลล์ร่วงจากปัญหาหนี้สิน

วิกฤติหนี้ยูโรโซนและผลกระทบต่องบดุลบัญชีธนาคารถ่วงยูโรลงในวันศุกร์และมีแนวโน้มปรับตัวลงอีกในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 79.040 เยน เทียบกับระดับปิดวันพฤหัสบดีที่ 79.150 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.4144 ดอลลาร์และ 111.82 เยน เทียบกับระดับปิดวันพฤหัสบดีที่ 1.4142 ดอลลาร์และ 111.94 เยน

ความเป็นไปได้ที่สภาคองเกรสของสหรัฐจะไม่สามารถเพิ่มเพดานการกู้ยืมได้ภายในวันที่ 2 ส.ค.ซึ่งอาจทำให้มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตามมานั้น ถ่วงดอลลาร์ลงโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส

นายเฮอร์แมน แวน รอมพาย ประธานสภายุโรปเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ผู้นำยูโรโซนจะประชุมกันที่กรุงบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดีนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือฉบับที่สองสำหรับกรีซ และเสถียรภาพการเงินของยูโรโซน

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสและสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะทำการปรับลดอันดับความน่าเชื่อของสหรัฐ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาล

แนวโน้มยูโรยังคงเปราะบางจากความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติหนี้กรีซและการสกัดกั้นการลุกลามของวิกฤติหนี้ไปยังประเทศอื่นๆ อาทิ อิตาลี

ดัชนีดอลลาร์ปิดลดลง 0.2% สู่ 75.128 โดยดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสและเยน

ตลาดเงิน Emerging Asia:แรงซื้อกองทุนหนุนสกุลเงินเอเชียพุ่งทำนิวไฮ

กองทุนพากันเข้าซื้อสกุลเงินเอเชียในวันนี้ ส่งผลให้ดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ และวอนแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี ขณะที่คำเตือนของมูดี้ส์ที่ว่าอาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ และความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทำให้นักลงทุนพากันเข้าซื้อสกุลเงินเอเชีย ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า

นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดกล่าววานนี้ว่า เฟดพร้อมจะผ่อนคลายนโยบายการเงินลงอีก ถ้าเศรษฐกิจและเงินเฟ้อชะลอตัวลงมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางในเอเชียยังคงต่อสู้กับเงินเฟ้อ แม้มีสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง และยูโรโซนเผชิญวิกฤติหนี้ก็ตาม

นักวิเคราะห์และดีลเลอร์กล่าวว่า คาดว่าความแตกต่างด้านนโยบายจะดึงดูดกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย และจะหนุนค่าเงินของประเทศเหล่านี้เมื่อเทียบกับดอลลาร์

ธนาคารกลางในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในเอเชีย อาทิ อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และไทยคาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าภูมิภาคมากขึ้น

ถ้าเฟดออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หรือผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 ก็อาจจะเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อในเอเชีย

แต่เจ้าหน้าที่ด้านปริวรรตเงินตราในภูมิภาคอาจจะไม่ปล่อยให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นเพียงเพื่อสกัดราคานำเข้า โดยพวกเขายังคงระมัดระวังต่อการสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกจากการแข็งค่าของสกุลเงิน แม้ว่าไม่ได้มีการเข้าแทรกแซงตลาดมากนักก็ตาม ขณะที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วรู้สึกกังวลต่อการแข็งค่าของค่าเงิน

ดีลเลอร์และนักวิเคราะห์กล่าวว่า ความระมัดระวังเกี่ยวกับการแทรกแซง ประกอบกับความวิตกเกี่ยวกับปัญหาทางการคลังของยูโรโซน จะขัดขวางนักลงทุนจากการเข้าซื้อสกุลเงินเอเชียมากขึ้น

นักลงทุนจะจับตาดูการประมูลพันธบัตรมูลค่า 5 พันล้านยูโรของอิตาลีในวันนี้

ดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.2155 ต่อดอลลาร์

เศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัวลงมากเกินคาดในไตรมาส 2 ทำให้เกิดคำถามว่าทางการจะยังคงปล่อยให้ดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าในอัตราปัจจุบันหรือไม่ แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ไม่ได้สร้างแรงกดดันมากนักต่อดอลลาร์สิงคโปร์

วอนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์จากความต้องการชำระบัญชีของผู้ส่งออก และกระแสเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตร

ริงกิตปรับตัวขึ้น 0.5% แต่นักลงทุนเข้าซื้อคืนดอลลาร์ ขณะที่พวกเขาระมัดระวังต่อการแทรกแซงของธนาคารกลางมาเลเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าริงกิตแข็งค่าทะลุระดับ 3.00 ต่อดอลลาร์

ENGLAND:ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index)ปิดวันศุกร์ลบ 14 จุด สู่ 1353

ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปิดวันศุกร์ (15 ก.ค.) ลบ 14 จุด หรือ 1.02% สู่ระดับ 1353

ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 554

ความเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมามีดังนี้:-

วันที่ ระดับปิด เปลี่ยนแปลง (จุด)

14 ก.ค. 1367 -16

13 ก.ค. 1383 -28

12 ก.ค. 1411 -26

11 ก.ค. 1437 -12

8 ก.ค. 1449 -4

>> แนวโน้มขาขึ้นแต่ผันผวน...

�� SETI ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาใกล้บริเวณแนวต้านที่ 1080.50 จุด ซึ่งอาจเกิดความผันผวนในระยะสั้นแต่ยังสามารถปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น ประกอบกับ MACD สามารถปิดเหนือเส้น Zero Lineได้ จึงทำให้ SETI มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นแต่ผันผวน

�� ดังนั้นในระยะสั้นแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร

PTTEP ปิด 181.00 บาท

แท่งเทียนมีสีขาว และปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น และ Indicatorsทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้น

แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวต้านที่ 190.00-195.00 บาท แนวรับที่179.50-178.50 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 178.00 บาท

ERW ปิด 2.86 บาท

ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นพร้อมปริมาณการซื้อขายหนุน ประกอบกับ Indicatorsทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวก แนวโน้มแกว่งตัวขึ้นต่อ

แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวต้านที่ 3.50-4.00 บาท แนวรับที่ 2.80-2.76 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 2.72 บาท

TGPRO ปิด 0.44 บาท

ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นมีแท่งเทียนสีขาวพร้อมวอลุ่มหนุน รวมทั้ง ModifiedStochastic และ RSI ให้ค่าสัญญาณเป็นบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้น

แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวต้านที่ 0.50-0.55 บาท แนวรับที่ 0.42-0.40 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 0.37 บาท

PT ปิด 3.34 บาท

แท่งเทียนมีสีขาวพร้อมวอลุ่มหนุน ประกอบกับ Indicatorsทุกตัวให้ค่าสัญญาณเป็นบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้น

แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวต้านที่ 3.68-4.00 บาท แนวรับที่ 3.30-3.26 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 3.22 บาท

-----------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น