-----------------------------------------------------------------------------


DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ดาวโจนส์ปิดลบ 0.12% จากวิตกปัญหาเพดานหนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงในวันพุธ หลังทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ในวันอังคาร ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่กำหนดเส้นตายการเพิ่มเพดานหนี้ มากกว่าการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากบริษัทแอปเปิล อิงค์
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 15.51 จุดหรือ 0.12%สู่ 12,571.91, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 0.89 จุดหรือ 0.07% สู่ 1,325.84และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวลง 12.29 จุดหรือ 0.43% สู่ 2,814.23
ปริมาณการซื้อขายยังคงเบาบางราว 6.38 พันล้านหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ค,ตลาดหุ้นอเมริกัน (American Stock Exchange) และตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งต่ำกว่าระดับเฉลี่ยต่อวันที่ 7.48 พันล้านหุ้น โดยมีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบ1,658 ต่อ 1,314 ในตลาดนิวยอร์ค ขณะที่จำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวก 1,532 ต่อ1,023 ในตลาด Nasdaq
หุ้นแอปเปิลแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง หลังเปิดเผยรายได้รายไตรมาสสูงเกินคาด
ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสกำลังเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงที่จะเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐก่อนวันที่ 2 ส.ค.
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง โดยหุ้นยาฮูร่วง 7.6% หลังเปิดเผยผลประกอบการซบเซา และบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ปร่วงลง 1.7% ก่อนรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดี
หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยได้แรงหนุนจากหุ้นยูเอส บานคอร์ปซึ่งเปิดเผยรายได้สุทธิไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 57%
ดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 1.5%
หุ้นอินเทล คอร์ปปรับตัวลง 0.7% หลังเปิดเผยคาดการณ์รายได้ไตรมาสปัจจุบันต่ำกว่าคาด ขณะที่หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรสเพิ่มขึ้น 0.3% หลังเปิดเผยผลกำไรสูงเกินคาด
ปัญหาหนี้ในยุโรป และความขัดแย้งทางการเมืองในการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐถ่วงตลาดลง หลังจากที่เมื่อวันอังคาร ความคืบหน้าในการทำข้อตกลงงบประมาณ 3.75พันล้านดอลลาร์ของสหรัฐ หนุนตลาดทะยานขึ้นในช่วงท้ายการซื้อขาย
ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า ผู้นำสหภาพยุโรปต้องหาทางออกต่อวิกฤติหนี้กรีซในการประชุมสุดยอดวันพฤหัสบดีนี้ มิฉะนั้นเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบ
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐร่วงลงเกินคาดสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนมิ.ย. ขณะที่การยกเลิกสัญญาเพิ่มขึ้น
ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:น้ำมันดิบปิดบวก 64 เซนต์หลังสต็อกน้ำมันลดลง
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดบวกขึ้นเป็นวันที่สองในวันพุธหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงอย่างรุนแรงในสัปดาห์ที่แล้ว และราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่า สหรัฐและยูโรโซนอาจคลี่คลายปัญหาหนี้ได้ในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนส.ค.ปรับขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.66 % มาปิดตลาดที่ 98.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 96.64-99.02 ดอลลาร์ โดยสัญญาเดือนส.ค.ครบกำหนดส่งมอบในช่วงปิดตลาดวันพุธ
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนบวกขึ้น 1.09ดอลลาร์ หรือ 0.93 % สู่ 118.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง117.06-118.86 ดอลลาร์
ราคาสัญญาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ย.ปิดตลาดปรับขึ้น 54 เซนต์ หรือ0.55 % สู่ 98.40 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 96.93-99.37 ดอลลาร์
นายจิม ริทเทอร์บุช ประธานบริษัทริทเทอร์บุช แอนด์ แอสโซซิเอทส์กล่าวว่า"ถ้อยแถลงในทางบวกจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐในช่วงบ่ายวันนี้ช่วยหนุนราคาน้ำมันและตลาดหุ้นให้ฟื้นตัว แต่เราคาดว่าการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้จะยังคงต้องใช้เวลาอีก 2-3 วัน"
ทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่า ปธน.โอบามาอาจสนับสนุนมาตรการในการขยายเพดานหนี้ในระยะสั้น ถ้าหากมาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงในวงกว้างในการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณระยะยาว
EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล สู่ 351.7 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ก.ค., สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรลสู่ 148.5 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล สู่ 212.5ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมัน heating oil เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สู่ 35.9ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.3 % สู่ 90.3 %--จบ--
ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ทองสปอตปรับขึ้นขณะภาวะศก.ไม่แน่นอน
ราคาสัญญาทองล่วงหน้าของสหรัฐปิดตลาดร่วงลงในวันพุธ แต่ราคาทองสปอตปรับสูงขึ้น ในขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่ภาวะไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ถึงแม้การเจรจาเรื่องการปรับขึ้นเพดานหนี้สหรัฐประสบความก้าวหน้า และยูโรโซนกำลังจะจัดประชุมสุดยอดในวันพฤหัสบดีเพื่อคลี่คลายวิกฤติหนี้
ราคาสัญญาทองส่งมอบเดือนส.ค.เคลื่อนตัวในช่วง 1,581.10-1,600.80 ดอลลาร์โดยมีปริมาณการซื้อขายอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 30 วันราว 1 ใน 3
ราคาทองสปอตปรับขึ้น 0.5 % สู่ 1,596.09 ดอลลาร์ โดยราคาทองร่วงลงมาแล้วราว 1 % จากสถิติสูงสุดที่ 1,609.51 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ราคาทองมีกำหนดจะต้องปรับฐานลงมาเป็นเวลานานแล้ว เนื่องจากราคาทองไม่สามารถปรับขึ้นต่อไป ถึงแม้จำนวนสัญญาคงค้างในสัญญาทองล่วงหน้าของสหรัฐขึ้นไปแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.
จำนวนสัญญาคงค้าง ซึ่งเป็นมาตรวัดสภาพคล่องในตลาด เพิ่มขึ้น 2 % ในสัปดาห์นี้สู่ระดับสูงกว่า 540,000 สัญญาในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.
สำหรับราคาโลหะมีค่าที่ตลาด COMEX ในวันพุธมีดังต่อไปนี้
ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)
ทองเดือนส.ค. 1,596.90 - 4.20
เงินเดือนก.ย. 39.558 - 66.30 (เซนต์)
ส่วนราคาโลหะมีค่าที่ตลาด NYMEX ในวันพุธมีดังต่อไปนี้
ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)
พลาตินั่มเดือนต.ค. 1,776.10 - 0.20
พัลลาเดียมเดือนก.ย. 793.65 - 4.65 --จบ--
ตลาดเงิน Emerging Asia:คลายวิตกหนี้สหรัฐหนุนเงินเอเชียแกร่งแม้ธ.กลางแทรกแซง
ดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และวอนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีในวันนี้จากสัญญาณที่บ่งชี้ว่า สหรัฐอาจจะสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ ขณะที่ธนาคารกลางจีนหนุนเงินเอเชียด้วยการกำหนดค่ากลางของอัตราแลกเปลี่ยนหยวนประจำวันนี้ที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์
แต่การดีดตัวขึ้นของสกุลเงินเอเชียได้ถูกสกัดจากการที่ธนาคารกลางในมาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และไทยเข้าซื้อดอลลาร์
ขณะที่สกุลเงินเอเชียยังคงได้รับความนิยมจากความคาดหวังว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในกรีซและสหรัฐ แต่นักลงทุนก็ยังไม่ต้องการส่งคำสั่งซื้อมากนักจนกว่าจะมองเห็นสัญญาณชัดเจนที่แสดงว่า ทั้ง 2 ประเทศจะสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ได้
ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของสหรัฐ เมื่อประธานาธิบดีบารัค โอบามาและผู้นำสภาคองเกรสพยายามหาทางบรรลุข้อตกลงสุดท้ายที่จะหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
ริงกิต/บาทอยู่ที่ 9.95 ในขณะนี้ และมีโอกาสที่จะร่วงลงสู่ระดับ 9.90 หลังจากที่ได้ยืนเหนือระดับดังกล่าวมาตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. และถ้าร่วงทะลุแนวรับดังกล่าว ริงกิต/บาทก็อาจจะอ่อนค่าลงสู่ระดับ 9.86
ENGLAND:ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index)ปิดลบ 2 จุด สู่ 1328
ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ (20 ก.ค.) ลบ 2 จุด หรือ 0.15% สู่ระดับ 1328
ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 554
ความเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมามีดังนี้:-
วันที่ ระดับปิด เปลี่ยนแปลง (จุด)
19 ก.ค. 1330 -10
18 ก.ค. 1340 -13
15 ก.ค. 1353 -14
14 ก.ค. 1367 -16
13 ก.ค. 1383 -28
21-07-54>> แนวโน้มขาขึ้น... SETI
สามารถปิดเหนือ 1100 จุด ได้ และปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น ประกอบกับ MACD สามารถปิดเหนือเส้น Zero Line ได้ และ Indicators ทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวกจึงทำให้SETI มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ดังนั้นในระยะสั้นแนะนำ "ซื้อ”
MINT 12.70 บาท
ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสร้างรูปแบบราคาแบบ Head and Shoulder และ Indicators ทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวก
แนวโน้มจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้น หากสามารถผ่าน 12.90 บาทได้แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวต้านที่ 15.00-15.50 บาท แนวรับที่ 12.40-12.20 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 12.00 บาท
PT ปิด 4.00 บาท
ทำจุดสูงสุดใหม่ และแท่งเทียนมีสีขาวพร้อมปริมาณการซื้อขายหนุนแนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อ" แนวต้านที่ 5.50-6.00 แนวรับที่ 3.96-3.92 บาท CutLoss หากราคาปิดต่ำกว่า 3.90 บาท
TTCL ปิด 9.55 บาท
ถึงแม้ว่าปรับตัวลดลงมาแต่ไม่หลุดเส้น Neck Line บริเวณ 9.50 บาทของรูปแบบราคา Triple Bottom และราคาวิ่งอยู่ในกรอบ
คู่ขนานขาขึ้น รวมทั้ง Indicators ทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวกแนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อ" แนวต้านที่ 10.90-12.60 บาท แนวรับที่ 9.45-9.35บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 9.25 บาท
SAMTEL ปิด 12.80 บาท
แท่งเทียนมีสีขาวเต็มแท่งพร้อมวอลุ่มหนุน ประกอบกับ Indicatorsทุกตัวให้ค่าสัญญาณเป็นบวก แนวโน้มแกว่งตัวขึ้นต่อ
แนะนำ "ซื้อ" แนวต้านที่ 13.00-13.50 บาท แนวรับที่ 12.60-12.40บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 12.20 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น