Code 209 : เปิดโผหุ้นปันผลแจ่ม

วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2553

ATT Code : เปิดโผหุ้นปันผลแจ่ม
EFinance Thai - วงการแนะหุ้นปันผลแจ่ม-หุ้นที่คาดนำคำนวณในSET50-SET100(1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2554)เป็นกลุ่มปลอดภัยท่ามกลางการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงจากปัจจัยภายในและภายนอก สำหรับหุ้น ปันผลดี แนะนำซื้อ DTAC- LPN- SPALI- BECL- ADVANC- UVAN -BEC และ GLOW ส่วนหุ้นปันผลสูง แนะ QH- HANA- AP-TISCO- LST- DELTA- MCOT ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำคำนวณใน SET50-SET100ใหม่แนะBTS, KK, STA และ SMT เป็น Top Picks
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
3 ธค. 53 ( +14.33 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ต่ำกว่า 1015 ลง 990 – 1000 จุด
แนวโน้มในวันศุกร์นี้ถ้าปรับตัวขึ้น เกิน1034.47 จุดสูงสุดของวันพฤหัสได้ ดัชนีมีโอกาสขึ้นต่อแถว 1044 – 54 ใกล้จุดสูงสุดเดิมของปีนี้

อย่างไรก็ตามไม่ควรปรับตัวลง ต่ำกว่า1015 จุด เส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน เพราะภาพระยะสัปดาห์ ดัชนีจะมีโอกาสปรับตัวกลับลงมาแถว990 – 1000 เหนือจุดต่ำสุดของสัปดาห์นี้อีกครั้ง

Intraday - ต่ำกว่า 1025 ไม่ดี
โดยรวมยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน แกว่งตัวในกรอบ 980 - 1055ดัชนีไม่น่าเกิน 1055.25 จุดสูงสุดเดิมของปีนี้ ต่ำกว่า 1025.73 จุดต่ำสุดวันพฤหัส ปรับตัวลง 985 - 995 ระยะสัปดาห์

หุ้นเด่น
TCAP
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันอีกครั้ง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 39.75จุดสูงสุดวันพฤหัส เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน40.50 – 41.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 39.00 )

ESSO
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะเดือน รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 7.15 กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายระยะสัปดาห์ขึ้นไป 9.00 – 9.80( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 6.85 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTL แกว่งตัว 39.50 – 41.50
PTT ไม่เกิน 322 ทยอยลง 301 - 305
IVL เกิน 60 ขึ้น 60.25 - 61
IRPC แกว่งตัว 5.15 – 5.35
KTB แกว่งตัว 16.70 – 17.30
PTTAR แกว่งตัว 38.50 – 39.75
TCAP รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
SCC ต่ำกว่า 339 ทยอยลง 316 - 322
PTTCH ต่ำกว่า 157 ทยอยลง 150 – 152
BBL ไม่เกิน 153.50 ลง 148 - 150
----------------------------------------------------------------------------------
เปิดโผหุ้นปันผลแจ่ม
วงการแนะหุ้นปันผลแจ่ม-หุ้นที่คาดนำคำนวณในSET50-SET100(1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2554)เป็นกลุ่มปลอดภัยท่ามกลางการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงจากปัจจัยภายในและภายนอก สำหรับหุ้น ปันผลดี แนะนำซื้อ DTAC- LPN- SPALI- BECL- ADVANC- UVAN -BEC และ GLOW ส่วนหุ้นปันผลสูง แนะ QH- HANA- AP-TISCO- LST- DELTA- MCOT ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำคำนวณใน SET50-SET100ใหม่แนะBTS, KK, STA และ SMT เป็น Top Picks

เข้าสู่ช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งถือเป็นเดือนสุดท้ายของปี ขณะที่บรรยากาศการลงทุนจะอยู่บนความไม่แน่นอน เนื่องจากเป็นเดือนที่มีวันทำการน้อย เพราะเป็นเดือนที่มีวันหยุดและวันเฉลิมฉลองตามเทศกาลจำนวนมาก แถมปัจจุบันยังมีปัจจัยนอกทั้งปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป - มาตรการคุมเข้มของจีน และปัจจัยภายใน จากการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มต่างๆที่ยังสร้างความกังวล ให้กับนักลงทุนไม่น้อย

ด้านวงการแนะเล่นหุ้นปันผลดีเพื่อความปลอดภัย เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะนำมาคำนวณSET 50-SET 100 เนื่องจากตามสถิติหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า/ออก SET50 และ SET100 พบว่า จะให้ผลตอบแทนดี เมื่อซื้อก่อนที่จะมีการนำเข้าไปคำนวณประมาณ 1 เดือน ทั้งนี้คาดว่า ตลาดจะประกาศกลางเดือน ธ.ค.

**CNS แนะหุ้นปันผลดี-ปันผลสูง QH- HANA- AP-TISCO **
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.พัฒนสิน(CNS) ระบุว่า คาดหุ้นปันผลดี จะ Outperform ตลาดฯ ในช่วงที่ภาวะการลงทุนมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจาก 1) การเมืองในประเทศ (การแก้ รธน.และ การเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมือง) 2) ปัจจัยนอกประเทศพัฒนสินมองว่าตลาดประเมินความเสี่ยงจาก ทางการจีนออกมาตรการคุมเศรษฐกิจต่ำเกินไป

สำหรับหุ้นปันผลดี แนะนำซื้อ DTAC- LPN- SPALI- BECL- ADVANC- UVAN -BEC และ GLOW (เรียงตามอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่เหลือจากระหว่างกาล 2010F) โดยพิจารณาจาก 1) อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปัจจุบัน ปี 2011F สูงกว่า 4.2%(คาดเงินเฟ้อปี 2011F 4.2%) 2) มีปันผลระหว่างกาลที่เหลือจากผลการดำเนินงานปี 2010F สูงกว่า 2% (annualize สูงกว่า 4%) 3) มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ และนโยบายการจ่ายเงินปันผลขั้นต่ำที่ชัดเจนว่ามากกว่า 40% ขึ้นไป 4) ราคาพื้นฐานปี 2011F มี Upside ที่จูงใจเกิน 15% ส่วนหุ้นปันผลที่ราคาปัจจุบัน Upside น้อยกว่า 15% หรือมีปันผลระหว่างกาลปี 2010F น้อยกว่า 2% แต่มีโอกาสกลับเข้ามาติดกลุ่มปันผลดี ได้แก่ TVO-CPF-DCC และ TUF

ส่วนหุ้นปันผลสูงแนะนำ QH- HANA- AP- TISCO- LST- DELTA- MCOT (อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่เหลือจากระหว่างกาลปี 2553 ยังสูงกว่า 4%)

ด้านบล. ดีบีเอสวิคเคอร์ส ประเมินหุ้นปันผลเด่น มีเงินเย็นสามารถทยอยซื้อ/ถือลงทุนยาวเพื่อรับปันผลสูง ได้แก่ ADVANC, MCS, SNC, TMT, DCC, MODERN, LPN, SPALI, TICON**แนะนำ หุ้นที่เปลี่ยนแปลงในดัชนีฯ SET 50 รอบใหม่**

อย่างไรก็ตามจากกรณีที่ตลาดฯได้เปลี่ยนเกณฑ์การคัดเลือก SET 50 ใหม่ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน ธ.ค.10 เป็นต้นไป โดยสาระสำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลง คือ การเรียงมูลค่าหลักทรัพย์สูงสุด 200 อันดับ แรก (Market cap) จากเดิมที่ใช้ มูลค่าค่าเฉลี่ย/วัน 12เดือนย้อนหลัง เปลี่ยนเหลือเพียง 3 เดือน ย้อนหลัง

CNS ประเมินว่าหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะ เข้าคำนวณ ในดัชนีฯ SET 50 สำหรับเกณฑ์ใหม่ ได้แก่ BTS DCC KK ROBINS SSI STA(เดิมคาดมีเพียง BTS และ SSI) สำหรับ PTL คาดว่าจะยังไม่ได้เข้าคำนวณในรอบนี้ เนื่องจาก มีมูลค่าการซื้อขายบนกระดานเกิน 50% ไม่ต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 9 ใน 12 เดือน ของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อหุ้นสามัญทั้งตลาดในเดือนเดียวกัน

ส่วนหลักทรัพย์ที่ คาดถูกถอดออกจาก SET50 ได้แก่ BCP HANA KSL PSL QH TTAหลักทรัพย์สำรอง 51-55 คาดได้แก่ HANA TVO ITD QH SPALI**ASP แนะBTS, KK, STA และ SMT เป็น Top Picks ที่จะถูกคำนวณใน SET50-SET100**

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส(ASP)ประเมินว่าจากกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์มีการเปลี่ยนเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นที่จะเข้า SET50 และ SET100 ใหม่ โดยใช้มูลค่าตลาดเฉลี่ย 3 เดือน ล่าสุดจากเดิม 12 เดือน ฝ่ายวิจัยจึงพิจารณารายชื่อหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 งวด 1H54 ใหม่ หุ้นที่จะถูกคัดเลือกเข้า SET50 ตามเกณฑ์ใหม่ มี 6 บริษัทเรียงตามลำดับ คือ BTS, SSI, ROBINS, STA, DCC, KK แทนที่ TTA, BCP, HANA,

ส่วน SET100 หุ้นที่คาดว่าจะเข้า มี 4 บริษัท คือ GLOBAL, KGI, SMT, KKC แทน SC, BMCL, KYE, MILL ที่น่าจะถูกคัดออก ซึ่งจากการศึกษาสถิติในอดีตของราคาหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า/ออก SET50 และ SET100 พบว่า หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 7.3% เมื่อซื้อก่อนที่จะมีการนำเข้าไปคำนวณประมาณ 1 เดือน ด้วยความน่าจะเป็นสูงถึง 96% ซึ่งสวนทางกับหุ้นที่ถูกคัดออกที่มักจะปรับตัวลงล่วงหน้าเฉลี่ยราว 4% ในช่วงเดียวกัน สำหรับหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET100 นั้น ควรซื้อในช่วงที่สั้นกว่าหุ้นที่เข้า SET50 คือซื้อล่วงหน้าเพียง 2 สัปดาห์ที่จะถูกนำไปคำนวณ (หรือช่วงที่ตลาดประกาศกลางเดือน ธ.ค. นั่นเอง เนื่องจากนักลงทุนให้ความสนใจน้อยกว่า) แต่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 2.6% ด้วยความน่าจะเป็นราว 70% เท่านั้น ขณะเดียวกันหุ้นถูกคัดออกจาก SET100 ราคาก็มักจะปรับตัวลงเช่นเดียวกับหุ้นที่คัดออกจาก SET50 เช่นกัน ดังนั้นนักลงทุนสามารถนำข้อสรุปดังกล่าว มากำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้ เป็นกลยุทธ์ SET50-SET100 Plays ได้

โดยฝ่ายวิจัยแนะนำ SET50 Palys: เลือก BTS(FV@B1.26), KK(FV@B54.89), และSTA(FV@B40.66) เป็น Top Picks โดยเฉพาะ KK ที่ราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่ม อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น รวมถึงปัจจัยบวกจาก Motor Expo ที่คาดว่าจะหนุนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในช่วงปลายปีได้ ขณะที่ ROBINS(FV@B24) และ SSI(FV@B1.76) แนะนำเพียงเก็งกำไร ส่วน SET100 Palys: เลือก SMT(FV@B22) เป็น Top Pick และเก็งกำไร KGI(FV@B3.0),Global ที่ราคายัง Laggard**FSS คาด BTS, PTL, ROBINS, SSI, STA, DCCนำคำนวณ SET 50 **

ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 (1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2011) โดยหุ้นที่คาดว่าจะนำเข้าคำนวณอาทิ BTS, PTL, ROBINS, SSI, STA, DCC สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำออกประกอบด้วย BCP, KSL, HANA, PSL, QH, TTA ส่วนหุ้นที่คาดว่าเข้าคำนวณ SET100 ประกอบด้วยอาทิ AJ, GLOBAL, KKC, PTL, SMT, TTCL ส่วนที่คาดว่าจะถูกนำออกประกอบด้วย BMCL, CENTEL, GJS, MILL, SAT, SC

** บิ๊กQH มั่นใจสิ้นปีนี้รายได้เติบโต 30% จากปีก่อน หลังโค้งสุดท้ายยอดขายกระเตื้อง เมินกนง.ขึ้นดบ.**
นางสุวรรณา พุทธประสาท รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า ภายในสิ้นปีนี้บริษัทฯ คาดว่ารายได้มีโอกาสเติบโต 30% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 12,000.15 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่คาดไว้ เพราะแนวโน้มยอดขายในไตรมาส 4/2553 เริ่มฟื้นตัว หลังจากเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 10 โครงการมูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท จึงเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้ยอดขายดีขึ้น

ส่วนในปี 2554 บริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 16 โครงการ โดยประกอบด้วยโครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียม แต่ยังไม่ได้กำหนดมูลค่าโครงการ เพราะเร็วๆ นี้เตรียมหารือกับคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานในปีหน้า ซึ่งประมาณปลายเดือนนี้คงมีความชัดเจน พร้อมมองกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 2% คงไม่มีผลกระทบต่อยอดขายของอสังหาริมทรัพย์ให้ชะลอการเติบโต เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นไม่ได้สูงมากนัก ซึ่งเป็นระดับที่ผู้บริโภคสามารถรับได้ นอกจากนี้ในระยะสั้นๆ ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบคงยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันที

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : ตลาดบวกต่อได้ต้องเริ่มระวังแรงขาย...มีสิทธิผันผวนให้รอรับต่ำได้!!
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นต่างประเทศยังคงเป็นบวกสดใสในเช้าวันนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังดีต่อเนื่อง ขณะที่ ECB รายงานการเข้าซื้อพันธบัตรของโปรตุเกสและไอร์แลนด์จำนวนมาก แม้จะยังไม่มีมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่ม แต่ก็ทำให้ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดบวกได้ 1-2% รวมทั้งแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศก็เริ่มกลับเข้ามาต่อเนื่อง ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีสิทธิที่จะขยับบวกขึ้นต่อเนื่องได้ แต่คาดว่าจะเริ่มมีกรอบการขึ้นที่จำกัด และพร้อมที่จะแกว่งตัว
ผันผวนได้ หลังการขยับขึ้นมากว่า 5% ในรอบสัปดาห์ ซึ่งตลาดหุ้นในเอเชียเช้านี้ก็ตอบรับเชิงบวกไม่มากนัก ดังนั้น SET บวกต่อต้องเริ่มระวังแรงขาย
กลยุทธ์: ยังเน้นเป็นเทรดดิ้งสั้นๆ ไปก่อน ตลาดขยับขึ้นยังน่าแบ่งส่วนขายทำกำไรบ้าง ส่วนจังหวะซื้อเพื่อถือยังแนะนำให้รอช่วงแกว่งตัวย้อนลงของตลาดอีกครั้ง โดยหุ้นที่น่าสนใจเน้นที่หุ้นพื้นฐานดีเป็นหลักเช่น BANPU, BIGC, KTB,PTL, SEAFCO (หุ้นเด่น Monthly) และหุ้นปันผล เช่น ADVANC, AP, CSL,DELTA, DRT, LPN รวมถึงหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ได้รับประโยชน์จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ KTB, KBANK, SCB เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) รายงานเศรษฐกิจโลกดีขึ้น + ECB ขยายเวลาซื้อพันธบัตร สหรัฐฯรายงานยอดทำสัญญาขายบ้านเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นเกินคาดแต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มเกินคาดเช่นกัน ส่วน GDP 3Q10 ของยูโรโซนคาดการณ์ครั้งที่ 2 เท่ากับครั้งแรกคือ +1.9%Y-Y, +0.4%Q-Q ถือว่าฟื้นตัว
ต่อเนื่อง (แต่สถานการณ์หนี้ก็ยังต้องจับตา) นอกจากนี้ อีกข่าวดีคือ ECB คงดอกเบี้ยที่ 1% และขยายการซื้อพันธบัตรไปจนถึง 12 เม.ย. 2011
• (+) คืนนี้มีตัวเลขการว่างงานของสหรัฐ และการจ้างงานนอกภาคเกษตร มีแนวโน้มออกมาดีตามตัวเลขที่ระยะหลังออกมาดีขึ้นตามลำดับ
• (+) ดัชนีมีโอกาสทดสอบ high เดิม ต่างชาติซื้อหุ้นไทย 3 พันล้านบาทซื้อมากที่สุดในรอบ 8 วันทำการ (สภาพคล่องสูงจาก QE1+QE2) ขณะที่กองทุนซื้อ 1.1 พันล้านบาท มากสุดในรอบ 6 วัน หุ้นขนาดใหญ่ยังเดินหน้าได้ต่อ
• (+) หุ้นโรงกลั่น+ปิโตรเคมีจะหนุนดัชนีไปต่อ โรงกลั่นและปิโตรเคมีที่วัฎจักรขาลงใกล้จบ หุ้นที่ laggard (น่าสะสม) ได้แก่ IRPC, PTTEP, PTT, PTTAR, TOPแต่ที่ outperform (short) ได้แก่ AJ, IVL, VNT
• (+) TOP เราปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 85 บาท จากเดิม 75 บาทโดยปรับเพิ่มสมมติฐานค่าการกลั่นเพิ่มเป็น US$5.5/บาร์เรล จาก US$4.5/บาร์เรล (ค่าการกลั่นเฉลี่ยปี 2010 จะอยู่ที่ US$3.5 /บาร์เรล) และปรับเพิ่มส่วนต่าง Spread PXULG95เพิ่มขึ้นเป็น 300 USD/ตัน จาก 250 USD/ตัน ทำให้กำไรปี 2011 เพิ่มจากประมาณการเดิม 18% หรือเพิ่มก้าวกระโดด 105% จากปีนี้• (+) แบงก์ใหญ่ยังน่าสนใจ โดยเฉพาะแบงก์ที่ราคา laggard ได้แก่ SCB
(+28%YTD), BBL (+31%YTD) ขณะที่แบงก์ที่ outperform น่าจะ switch เป็นแบงก์ใหญ่ได้แก่ TISCO (+78%YTD) KK (+52%YTD)
• (0) หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 (1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2011) – เข้าBTS, PTL, ROBINS, SSI, STA, DCC ออก – BCP, KSL, HANA, PSL, QH, TTA// ส่วนหุ้นที่คาดว่าเข้าคำนวณ SET100 – เข้า AJ, GLOBAL, KKC, PTL, SMT,TTCL ออก – BMCL, CENTEL, GJS, MILL, SAT, SC
• Fund Flow วานนี้ไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคมากกว่าที่คาด เนื่องจากตลาดคาดว่าECB จะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบรอบใหม่ ซึ่งผลที่การประชุมเมื่อคืนที่ผ่านมาก็เป็นไปตามคาด นอกจากนี้กลับกลายเป็นว่าช่วงนี้ตลาดเต็มไปด้วยปัจจัยบวกโดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการจ้างงานที่คาดว่าจะออกมาดี ตัวเลขยอดขายรถยนต์และยอดค้าปลีก รวมถึงตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก ที่สำคัญแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของประเทศในภูมิภาค
เอเชียยังเป็นขาขึ้น ดังนั้นแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติจะยังไหลเข้าต่อเนื่องยกเว้นเศรษฐกิจสหรัฐดีอย่างมีนัยสำคัญจนทำให้ต่างชาติขนเงินกลับ ค่าเงินยูโร
กลับมาแข็งค่า แต่ค่าเงินบาทยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ซึ่งอาจจะเกิดจากการที่แบงก์ชาติแทรกแซงค่าเงินหลังปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

ข่าวภายในประเทศ
KTB ขายบอนด์แก้ขัดเพิ่มเงินกองทุนขั้นที่1 ชะลอแผนเพิ่มทุน ยันฐานะการเงินแกร่ง กรุงไทยขายหุ้นกู้ไฮบริด 6 พันล้านบาทขัดตาทัพ ชะลอแผนเพิ่มทุน คลังระบุฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง เพียงพอปล่อยกู้ปีหน้า แต่หากจะเพิ่มก็เพื่อขยายกิจการ ด้านโบรกเกอร์มองหากเพิ่มทุนเป็นผลดีในระยะยาว เพราะปัจจุบัน T1 ถือว่าต่ำที่สุดในระบบ ไม่พอรองรับปล่อยสินเชื่ออนาคต รวมทั้งบาเซิล 3 (ที่มา : นสพ.ข่าวหุ้น 3-12-2010)
มาเลย์ซื้อหุ้น TMB ยกล็อตคลัง-ไอเอ็นจี CIMB แบงก์ใหญ่จากมาเลเซีย เล็งกินรวบหุ้นTMB แบบยกล็อตเกิน 51% จาก ING 25% และกระทรวงการคลังอีก 26.1% เพื่อขยายตลาดให้ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว งานนี้ ธปท. สนใจมากกว่าผู้ประมูลรายอื่นแน่ ด้าน RBS ปรับเป้าราคาแบงก์ทหารไทยใหม่เป็น 3 บาท (ที่มา : นสพ.ข่าวหุ้น 3-12-2010)
GUNKUL ปีหน้ากำไรกระโดด GUNKUL ปีนี้ไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นผิดหวัง ไตรมาส 3 โชว์ผลงานสุดยอดอัตราการเพิ่มขึ้น 56.02% เมื่อเทียบงวดเดียวกันปีก่อน รวมถึงมีกำไรสุทธิ 41.52 ล้านบาท “กัลกุล” ระบุบริษัทและบริษัทในเครือเติบโตดีลูกค้าต่างประเทศขยายตัวต่อเนื่อง (ที่มา : นสพ.ข่าวหุ้น 3-
12-2010)
CEN ปั้นเอื้อวิทยาเข้าmaiปีหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่ม CEN เข็นเอื้อวิทยาเข้าตลาด mai ต้นปีหน้า หวังเทรดมีนาคม 2554 ไม่หวั่นสัดส่วนการถือหุ้นลดเหลือ 65.12% มั่นใจส่งผลดีต่อรายได้ในอนาคต “วุฒิชัย”แย้มรายได้ปีนี้ 1,700-1,800 ล้านบาท ส่วนปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 10% เตรียมผุดโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 1 แห่ง (ที่มา : นสพ.ข่าวหุ้น 3-12-2010)
ARIP เทรดวันแรกเหนือจอง ราคาพุ่งปรี๊ด 106% ปิดตลาดสุดเริ่ด 1.86 บาท ARIP เทรดวันแรกราคาทะยาน 1.86 บาท เพิ่มขึ้น 106% แกร่ง
ยืนเหนือไอพีโอ 0.90 บาทต่อหุ้น เหตุธุรกิจแกร่ง ได้อานิสงส์ปีทองหุ้นไอพีโอ ฟากที่ปรึกษาฯ การันตีหุ้นยืนเหนือราคาจอง ชูพื้นฐานแกร่ง-ดิสเคาต์
กว่า 45% แถมบรรยากาศตลาดหุ้นไทยแจ่มหนุน (ที่มา : นสพ.ข่าวหุ้น 3-12-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: EU อนุมัตเงินช่วยเหลือภาคธนาคารยุโรปมูลค่า 4.5 ล้านล้านยูโร มุ่งสกัดวิกฤตการเงินลุกลาม สหภาพยุโรป (อียู) อนุมัติเงินช่วยเหลือภาคธนาคารของยุโรปเป็นเงินมูลค่า 4.5 ล้านล้านยูโร (5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตการณ์การเงินลุกลามไปทั่วภูมิภาค ซึ่งสูงกว่าวงเงินที่อนุมัตในปี 2552 ที่ระดับ 1.1 ล้านล้านยูโร (1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) มาตรการให้ความช่วยเหลือครั้งนี้อยู่ในรูปของเงินกู้ที่อนุมัติให้กับรัฐบาลในยุโรปเพื่อนำไปใช้กอบกู้วิกฤตการณ์ในภาคธนาคารภายในประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาเสถียรภาพทางการเงินในภาคธนาคารซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตหนี้สาธารณะ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 2-12-2010)
ยุโรป: สนง.สถิติอียูเผยอัตราการขยายตัวของยอดส่งออกยูโรโซน Q3/53 ชะลอตัวแตะ 1.9% สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรปเปิดเผยว่ายอดการส่งออกของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 16 ประเทศนั้น ขยายตัวขึ้น 1.9% ในไตรมาส 3 จากระดับไตรมาส 2 ที่ขยายตัวถึง 4.3% สวนทางกับดีมานด์ผู้บริโภคที่สูงขึ้น ขณะที่ยอดการลงทุนในไตรมาส 3 ทรงตัว หลังจากที่ขยายตัว 1.7% ในไตรมาส 2 สำหรับอัตราการขยายตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคนั้น เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.3% จากระดับ 0.2% ส่วนอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 0.4% จากระดับ 1% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 2-12-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย. ขณะยอดขายโตโยต้าร่วง ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เปิดเผยว่า ยอดขายรถโตโยต้าในตลาดสหรัฐลดลง 3.3% ในเดือนพฤศจิกายน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ของบริษัทสหรัฐและเอเชียเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดโดยรวมของตลาดเพิ่มขึ้นด้วย รายงานของออโต้ดาต้า ระบุว่า โตโยต้ามียอดขายทั้งสิ้น 129,317 คัน ในเดือนพฤศจิกายนส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดลดลงจาก 17.9% ในปีที่แล้ว เหลือ 14.8% ในปีนี้ ส่วนขอดขายรถยนต์ทั้งหมดในตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้น 16.9% แตะ
873,323 คันในเดือนพฤศจิกายน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 2-12-2010)
เอเชีย: แบงค์ชาติเกาหลีใต้เผย GDP ไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 0.7% หลังการส่งออกชะลอตัว ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเกาหลีใต้ในไตรมาส 3 ปีนี้ ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 0.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วเนื่องจากการขยายตัวด้านการส่งออกชะลอตัวลง จีดีพีไตรมาส 3 ที่ขยายตัว 0.7% นั้น เป็นสถิติที่ขยายตัวต่ำกว่าไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ที่ 1.4% ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้น เริ่มที่จะชะลอตัวลง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 2-12-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น