Code 219 : ดัน SET ปิดบวกท้ายตลาด

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม 2553

ATT Code : ดัน SET ปิดบวกท้ายตลาด
SET บวกมาเกือบ 10 จุด ตอนครึ่งชั่วโมงสุดท้าย
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
21 ธค. 53 ( -15.95 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

รอปรับตัวลง 940 – 980 จุด
ดัชนีในวันจันทร์มีการปรับตัวลง ต่ำกว่า1015 จุด ซึ่งนอกจากจะถือเป็นการปรับตัวลงต่ำกว่าแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25วันแล้ว ยังถือเป็นการเกิด “สัญญาณขาย” ในเครื่องมือ Point & Figure อีกด้วย

ดังนั้น ภาพดัชนีระยะหนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า มีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อบริเวณ 940 – 980 จุด ซึ่งเป็นบริเวณเป้าหมายตามเครื่องมือ Point & Figure และใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ ในรูปแบบของ wave c flator c triangle ??

หุ้นเด่น
TPC
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงอีกครั้ง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 29.25จุดสูงสุดวันจันทร์ และเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าวเป้าหมายสองสามวัน 31.00 – 31.50( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 28.00 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTTAR ต่ำกว่า 36 ลง 34 – 35
TRUE ต่ำกว่า 6.20 ลง 5.90 - 6
IVL ปรับตัวลง 47 - 50
TOP แกว่งตัว 71.50 - 74
PTTCH ต่ำกว่า 143 ลง 130 – 135
SCB ปรับตัวลง 98 - 100
IRPC ปรับตัวลง 4.80 - 5
PTT ต่ำกว่า 317 ลง 301 - 305
BBL ปรับตัวลง 142.50 – 143.50
KTB แกว่งตัว 16.90 – 17.50
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : ตลาดลงลึกกว่าคาด แต่ยังถือเป็นจังหวะเลือกหุ้นทยอยเข้ารับเพื่อลุ้นดีด!
แนวโน้ม: SET เริ่มไหลหลุดออกจากกรอบการแกว่งระหว่าง 1020-1044 จุดลงมาแล้ว ด้วยแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังคงมีต่อเนื่องในช่วงท้ายปีก่อนที่ส่วนใหญ่จะเริ่มหยุดยาวในเทศกาลคริสมาสต์+ปีใหม่ ทำให้ FSS คาดว่าSET มีโอกาสที่จะยังแกว่งลงไปต่ำกว่า 1000 จุดอีกครั้งได้ อย่างไรก็ตามเรายังคาดหมายว่าเม็ดเงินใหม่จากกองทุน LTF และ RMF น่าจะมีเข้ามาเสริมในช่วงถัดจากนี้ ทำให้โอกาสที่ SET จะมีจังหวะแกว่งบวกกลับขึ้นไปสูงกว่า 1020 จุดอีกครั้งยังเป็นไปได้ ดังนั้นการปรับตัวลดลงของตลาดจึงยังถือเป็นจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อเพื่อลุ้นโอกาสดีดกลับขึ้นภายในสัปดาห์นี้ต่อเนื่องสัปดาห์หน้าให้ทำกำไรช่วงสั้นๆ ได้
กลยุทธ์: ยังน่าสนใจเลือกหุ้นเข้าซื้อได้ โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ BANPU, BIGC,KTB, PTL, SEAFCO, AP, CSL, DELTA, DRT, LPN, PTT, PTTEP, KTB,KBANK, SCB, TASCO, AMATA, PS, SPALI, CK, STEC เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) ติดตาม ครม.ยกเลิก พรก.ฉุกเฉินวันนี้ แต่จะนำพรบ.มั่นคงมาใช้แทน
• (+) TUF การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ทำให้เรามีความมั่นใจกับ MW Brands(MWB) มากขึ้นว่าเป็น asset ที่ดีและเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของ TUFแม้ว่ายอดขายของ MWB จะไม่ได้ขยายตัวสูง (เป็นธรรมชาติของธุรกิจอาหาร) แต่มี Gross margin 35% และ EBITDA margin 18.5% สูงกว่าTUF ที่มีมาร์จิ้น 15% และ 8% ตามลำดับ แม้ว่า TUF จะมีภาระดอกเบี้ยจ่ายมากขึ้นแต่ก็คาดว่ากำไรจะโตได้ถึง 28% ในปี 2011 ชดเชย Dilution ได้ ทำให้ EPS ยังขยายตัว 22.7% เราประเมินราคาเป้าหมาย 70 บาท แนะนำซื้อสำหรับเงินปันผลใน 4Q10 จะไม่มี และในปี 2011 จะจ่าย 1.20 บาท/หุ้น
• (+) 8 แบงก์รายงานสินเชื่อเพิ่ม 1.4% M-M สินเชื่อเดือน พ.ย. เร่งตัวขึ้นสอดรับกับฤดูการขอสินเชื่อ โดย 8 แบงก์ (ไม่รวม SCB) มีสินเชื่อเพิ่มขึ้น
1.4% M-M และ 7.8% YTD โดย KBANK, BAY, KK มีสินเชื่อเพิ่มขึ้น M-Mสูงที่สุด TMB เพิ่มน้อยสุด 0.5% M-M แต่ก็ดีขึ้นกว่าหลายเดือนที่ผ่านมาแนวโน้มกำไรของทั้งกลุ่มใน 4Q10 คาดเพิ่ม 21% Y-Y แต่ลดลง 9% Q-Qและคาดกำไรทั้งปีนี้ +20% เรายังแนะนำแบงก์ใหญ่เพราะได้ประโยชน์เต็มที่จากสินเชื่อ Investment cycle ทั้ง KTB (ราคาเป้าหมาย 19 บาท), KBANK(ราคาเป้าหมาย 150 บาท), SCB (ราคาเป้าหมาย 136 บาท) และ BBL(ราคาเป้าหมาย 185 บาท) โดยแบงก์ที่ราคา laggard ที่สุดในกลุ่มคือ BBLและ SCB ส่วนระยะยาว KBANK ยังคงเป็น Top pick ของเรา
• Fund Flow วานนี้ไหลเข้าเฉพาะตลาดหุ้นเกาหลีใต้หลังเกาหลีเหนือขอเปิดจราจา ขณะที่ตลาดอื่นที่เหลือไหลออกหมด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับ
ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีหลังมีการซ้อมรบ ค่าเงินดอลลาร์ยังแกร่งเมื่อเทียบกับทุกสกุลหลัก รวมถึงค่าเงินบาทก็ยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ นอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปยังไม่คลี่คลายอย่างชัดเจน ดังนั้นกระแสเงินทุนจากต่างชาติในช่วงนี้จะเบาบางมากเพราะอยู่ในช่วงเฉลิมฉลองปลายปี ซึ่งนักลงทุนและผู้บริหารกองทุนส่วนใหญ่จะหยุดพักผ่อนยาว

ข่าวภายในประเทศ
DTAC: ผลสอบการแก้ไขสัญญาสัมปทานไม่เอกฉันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท.เปิดเผยว่า คณะกรรมการมาตรา 22 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐพ.ศ.2535 ที่พิจารณาตรวจสอบการแก้ไขสัญญาสัมปทานของ DTAC ได้มีมติออกเป็น 2 ฝ่าย คือ เห็นว่าDTAC ต้องชดเชยค่าเสียหายจากการแก้สัญญา โดยมองว่าการต่ออายุสัมปทานทำให้ กสท ได้รับส่วนแบ่งรายได้ในอัตรา 30% ช้าออกไปจากที่ต้องจ่ายใน 5 ปีสุดท้าย ตามเกณฑ์การจ่ายส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดโดยมีการลดส่วนแบ่งรายได้ กับอีกฝ่ายเห็นว่า DTAC ไม่ผิด กับ เพราะการแก้สัญญาต่ออายุสัมปทานของ DTAC จากเดิมออกไปอีก 5 ปี เป็นปี 2018 นั้นไม่ใช่เรื่องที่สร้างความเสียหายให้กับ กสท ขณะเดียวกัน DTAC ได้แบ่งคลื่นความถี่ให้บริษัท ทรูมูฟ (บ.ย่อยของ TRUE) และ บริษัท ดิจิตอลโฟน (DPC) เป็นการสร้างรายได้ให้ กสท (Source: มติชน 21 ธ.ค.10)
ความเห็น: เป็น Sentiment เชิงบวกเล็กน้อยกับหุ้น DTAC หลังจากมีการปรับฐานเล็กน้อยใน 1-2 วันก่อน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตาม ผลสรุปที่แน่ชัด
และกระแสข่าวที่รมว.ICT จะนำข้อสรุปของคระกรรมการตามมาตรา 22 เกี่ยวกับการแก้ไขสัญญาสัมปทานของทั้ง ADVANC DTAC และ RUE เข้าที่ประชุมครม.ในวันที่ 28 ธ.ค.(เลื่อนจาก 21 ธ.ค.) ทั้งนี้ กรณี Worst case ที่เคยประเมิน หากต้องจ่ายค่าสัมปทานเพิ่มย้อนหลังระดับ 2.2 หมื่นล้านบาทหรือประมาณ 6 บาทต่อหุ้น (จาก TP เดิม 48 บาท) แม้ยังมองว่าต้องใช้เวลามากกว่า 3 ปี ในกระบวนการฟ้องร้องและต่อสู้ทางกฎหมาย
พ.ร.บ.คลื่นความถี่ฯ ใหม่มีผลบังคับใช้แล้ว พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ.2553 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ กทช. ระบุว่า พ.ร.บ.กสทช.จะมีผลใน 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.การได้มาซึ่งคลื่นความถี่เพื่อให้บริการเชิงพาณิชย์ต้องเข้าสู่กระบวนการประมูลเพียงอย่างเดียว คลื่นความถี่ในกิจการวิทยุ และโทรทัศน์ (ยกเว้นที่อยู่ภายใต้สัญญาร่วมการงาน) จะต้องถูกจัดสรรใหม่ 2. ตามมาตรา 46 กำหนดให้สิทธิการใช้คลื่นความถี่เป็นสิทธิเฉพาะตัว ไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นบริหารจัดการแทนได้ ดังนั้น จึงต้องมีการตีความว่าผู้ดำเนินธุรกิจเช่าใช้โครงข่ายและขายต่อบริการ (MVNO) สามารถดำเนินการได้หรือไม่ และ 3. การจัดตั้ง กสทช.ที่ต้องแล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับจากกฎหมายบังคับใช้ จะดำเนินการได้ทันหรือไม่ (Source - มติชน 21 ธ.ค.) ความเห็นและคำแนะนำ: คงมุมมองว่าจาก Timeframe ต่างๆ คาดว่าการประมูล 3G บนคลื่นความถี่ใหม่ 2.1 GHz กว่าจะเกิดอย่างเร็วในปลายปี 2012 ขณะที่ประเด็น MVNO จะเป็นปัจจัยเสี่ยงให้โครงการ 3G ของ TOT ล่าช้า (ทั้ง ADVANC DTAC และ TRUE ต่างเสนอตัวเป็น MVNO) จึงยังไม่มี Catalyst ต่อราคาหุ้นกลุ่มมือถืออย่างเด่นชัด ยังมองในด้านปันผล ซึ่ง ADVANC เด่นสุด ระดับ 11-112% ต่อปี แนะนำ “ถือ” ทั้ง ADVANC (TP104 บาท) และ DTAC (TP48 บาท) อย่างไรก็ตาม ประเด็นการแก้ไขสัญญาสัมปทานในอดีตที่รอการสรุปจากภาครัฐจะยังกดดันราคาหุ้นระยะสั้น
KIAT รายได้โต 800 ล้าน จ่อคิวฮุบงานปตท.เพิ่ม KIAT มั่นใจธุรกิจแกร่งจริง วางเป้ารายได้ปี'53 ทะยาน 800 ล้านบาท “เกียรติชัย” การันตีครึ่งหลังจ่ายปันผลมากกว่า 25 สตางค์แน่ ลั่นปีหน้าโตต่อ เชื่อรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นขั้นต่ำ 10% พร้อมรุกประมูลงาน PTT ไม่หยุด มูลค่าสูงถึง 120 ล้าน
ต่อป (ที่มา: นสพ.ข่าวหนุ้ 21-12-2010)
TUF ขึ้นแท่นผู้ผลิตเบอร์1ของโลก ปีหน้าบุ๊ครายได้ MWB ตั้งเป้ายอดขายดอลลาร์โต 30% TUF โตต่อเนื่อง ขึ้นแท่นผู้ผลิตอันดับ 1 ของโลกปีหน้ารับรู้รายได้จาก MWB ตั้งเป้ายอดขายรูปดอลลาร์โต 30% คาดในปี 2558 รายได้ทะลุ 4 พันล้านเหรียญ ย้ำในช่วง 2-3 ปีนี้ จะเน้นรักษาเงินสด ลดต้นทุน และชำระหนี้ พร้อมเพิ่มสัดส่วนตลาดในยุโรป (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 21-12-2010)
TWZ บุกตปท.ดันรายได้ปี 54 โต10% ตั้งบริษัทย่อยในฮ่องกงขยายตลาดเอเชียเริ่มธ.ค.นี้ TWZ บุกตลาดต่างประเทศ ตั้งบริษัทย่อยในฮ่องกง ใช้เงินลงทุน 1 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ส่งสินค้าไปจำหน่ายยังแถบเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม อินเดีย คาดเริ่มเดือนธันวาคมนี้ ตั้งเป้ารับรู้รายได้ 180-200 ล้านบาท ดันรายได้ปี 2554 เพิ่มเป็น 4,500 ล้านบาท เติบโต 10% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 21-12-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ยูโรร่วง หลังมูดีส์ขู่หั่นเครดิตธนาคารสเปน ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในสเปน ซึ่งข่าวดังกล่าวตอกย้ำว่ามูดีส์มีความกังวลต่อสถานการณ์หนี้สาธารณะในยุโรป หลังจากที่ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของไอร์แลนด์ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-12-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนพ.ย.หดตัวหลังอัตราว่างงานพุ่ง ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศของสหรัฐเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับ -0.46 จุด จากเดือนต.ค.ที่ระดับ -0.25 จุด ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราว่างงานที่สูงขึ้นรวมทั้งภาวะซบเซาในตลาดที่อยู่อาศัย และอัตราการอุปโภคบริโภคที่ชะลอตัวลง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-12-2010)
จีน: HSBC คาดดัชนี CPI จีนพุ่งแตะ 3.9% ปีหน้า ส่งผลแบงค์ชาติจีนขึ้นดอกเบี้ย ธนาคารเอชเอสบีซีคาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ของจีนจะขยายตัว 3.9% ในปี 2554 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าจีนยังคงเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในปีหน้า และอาจทำให้รัฐบาลจีนต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไปอีกในปีหน้า ทั้งนี้ เอชเอสบีซีคาดว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2554 และคาดว่าจีนจะประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์อีก 2% ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราการขยายตัวของสินเชื่อจะอยู่ต่ำกว่า 16% ในปี 2554สำนักข่าวซินหัวรายงาน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-12-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดขายของห้างสรรพสินค้าลดลง 0.5% ในเดือนพฤศจิกายน สมาคมห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดขายของห้างสรรพสินค้าในเดือนพฤศจิกายน ลดลง 0.5% จากปีก่อน ซึ่งนับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยรายงานของสมาคมฯระบุว่า ยอดขายรวมในทุกห้างสรรพสินค้าของญี่ปุ่นมีมูลค่าทั้งสิ้น 5.556 แสนล้านเยน (6.62 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนพฤศจิกายน พร้อมกับชี้ว่าเดือนดังกล่าวมีวันอาทิตย์เพียง 4 วัน ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้วอยู่หนึ่งวัน และถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยอดขายลดลง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-12-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น