Code 220 : กองทุนดันตลาด +6จุด

วันพุธที่ 22 ธันวาคม 2553

ATT Code : กองทุนดันตลาด +6จุด
----------------------------------------------------------------------------------
Short News
CHINA:ตลาดหุ้นจีนปิดร่วงเกือบ 1% จากสภาพคล่องตึงตัวกดดันตลาด เซี่ยงไฮ้--22 ธ.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นจีนปิดร่วงลงเกือบ 1% ในวันนี้ ขณะที่คำสั่งซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เบาบางลงจากวานนี้ และกระแสเงินสดในการซื้อขายหุ้นชะลอตัวลงเนื่องจากสภาพคล่องที่ตึงตัวในตลาดเงิน
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ปิดลบ 0.9% สู่ 2,877.9 หลังพุ่งขึ้น1.8% เมื่อวานนี้โดยได้แรงหนุนจากการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เทรดเดอร์กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่ อาทิ โบรกเกอร์และบริษัทประกันได้บรรลุเป้าหมายทางการเงินในปี 2010 แล้ว และไม่ต้องการที่จะทำธุรกรรมขนาดใหญ่ในช่วงไม่กี่วันสุดท้ายของปีนี้
ดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลง 0.3% สู่ 3,532.3 หลังพุ่งขึ้น5.4% เมื่อวานนี้ ขณะที่นักเก็งกำไรและกองทุนรวมได้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มดังกล่าวอย่างหนาแน่นจากรายงานที่คาดการณ์ว่าราคาบ้านในเขตเมืองจะพุ่งขึ้น 20%ในปีหน้า
ตลาดเงินอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมากหลังจากทางการจีนออกมาตรการคุมเข้มทางการเงินตั้งแต่กลางเดือนต.ค. โดยอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นดีดตัวขึ้นอีก0.08% ในวันนี้ สู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบกว่า 2 ปี--จบ--

TVO : ราคาถั่วเหลืองล่าสุดเพิ่มขึ้น 10% M-M อยู่ที่ 13.26 ดอลลาร์/บุชเชล สูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ จากสภาพอากาศที่ไม่ดีของบราซิลและอาร์เจนติน่า ซึ่งปลูกถั่วเหลืองได้มากเป็นอันดับ 2 และ 3 ของโลก
- ราคาถั่วเหลืองล่วงหน้าล่าสุดอยู่ที่ 13.263 ดอลลาร์ต่อบุชเชล (+10% M-M) สูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์
- จากฝนตกหนักในบราซิล ทำให้อากาศชื้น และสภาพอากาศที่แห้งแล้งของอาร์เจนติน่า ซึ่งทั้ง 2 ประเทศปลูกถั่วเหลืองได้มากเป็นอันดับ 2 และ 3 ของโลก รองจากสหรัฐฯ
- จึงคาดการณ์ว่าปริมาณผลผลิตถั่วเหลืองของอาร์เจนติน่าในปีหน้าอาจลดลงถึง 21% อยู่ที่ราว 43 ล้านตัน รวมถึงยังมีการประท้วงของโรงงานแปรรูปถั่วเหลืองบริเวณท่าเรือโรซาริโอในอาร์เจนติน่าช่วยหนุนราคาถั่วเหลืองอีกต่อหนึ่ง
- เป็นบวกต่อ TVO ราคาเป้าหมายเท่ากับ 36 บาท

KSL : ราคาน้ำตาลขยับเข้าใกล้จุดสูงสุดเดิมในรอบ 30 ปี และมีข่าวดีจากการเพิ่มราคาขายล่วงหน้าไปยังยุโรป /เป็นจังหวะในการซื้อหุ้น หากราคาหุ้นปรับตัวลงจากกำไร 4Q10 ที่จะขาดทุนราว 70 - 80 ลบ. (ประกาศ 27 ธ.ค.) รอซื้อหลังประกาศงบ
- ราคาน้ำตาลล่วงหน้าล่าสุดอยู่ที่ 33.02 เซนต์/ปอนด์ (+25% M-M) ขยับเข้าใกล้จุดสูงสุดเดิมในรอบ 30 ปีที่ราคา 33.11 เซนต์/ปอนด์ ในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา
- เราทราบข้อมูลล่าสุดจากทางบริษัทซึ่งเป็นข่าวดีหนุนกำไรปี 2011 ของ KSL โดยบริษัทได้เจรจาปรับเพิ่มราคาขายน้ำตาลล่วงหน้าปี 2011 จากโรงงานที่ลาวและกัมพูชากับคู่ค้ายุโรปได้ใกล้เคียงกับราคาตลาดโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 18 – 19 เซนต์/ปอนด์ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ปี 2011 โรงงานลาวและกัมพูชาจะขาดทุนน้อยกว่าที่เราคาดไว้เดิมที่ 150 ล้านบาท
- คาดกำไร 4Q10 ของ KSL จะขาดทุนราว 70 - 80 ล้านบาท เป็นการขาดทุนต่อเนื่องจาก 3Q10 ซึ่งขาดทุน 53 ล้านบาท มาจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานที่ขอนแก่นและรับรู้ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายเครื่องจักรไปที่โรงงานบ่อพลอยราว 30 ล้านบาท (One Off)
- แนะนำให้ซื้อหลังประกาศงบ 4Q10 (ส.ค. - ต.ค.) ในวันที่ 27 ธ.ค. นี้ เพราะคาดว่าจะขาดทุน แต่พร้อมจะ Turnaround ตั้งแต่ 1Q11 (พ.ย. 2010 - ม.ค. 2011) เป็นต้นไป คาดกำไรปี 2011 เติบโต 423% อยู่ที่ 884 ล้านบาท
- ราคาเป้าหมาย 18 บาท

Banks - สินเชื่อเดือนพ.ย. รวม +1.9%M-M และ +8.3%YTD
· SCB ซึ่งเพิ่งประกาศรายงานธพ.1.1 เมื่อวานนี้ปรากฏว่าสินเชื่อเดือนพ.ย.ดีมากๆ +2.87%M-M (+2.7 หมื่นลบ.ในเดือนเดียว) และ 11M10 +12.87%YTD การเพิ่มขึ้นมาจากทั้งสินเชื่อ SME และ Corporate อย่างละประมาณ 1 หมื่นลบ. โดยสินเชื่อที่เพิ่มในกลุ่ม SMEs เป็นสินเชื่อที่เกิดตามฤดูกาล ส่วนสินเชื่อที่เพิ่มในกลุ่ม Corporate เป็นสินเชื่อระยะยาว ส่วนใหญ่มาจากภาคการเกษตร
· หากนับรวม SCB แล้วจะทำให้สินเชื่อรวมกลุ่มธนาคารเดือนพ.ย. +1.9%M-M (เป็นอัตราบวกที่มากสุดในรอบปี) และ 8.3%YTD เข้าใกล้คาดการณ์ของเราทั้งปีที่ 8.5-9%
· ธนาคารส่วนใหญ่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้น สูงสุดเป็น SCB (+2.9%YTD), KBANK (+2.4%M-M), BAY (+2.3%M-M) และ KK (+2.3%M-M) ส่วน TMB ยังคงรายงานสินเชื่อเป็นที่น่าผิดหวัง
· คงคำแนะนำ ซื้อ KBANK, SCB ส่วน BAY ที่ราคาปรับขึ้นมาเมื่อวานนี้เนื่องจากสินเชื่อที่โตแข็งแกร่งและโดดเด่นขึ้นมาในเดือนพ.ย. อีกทั้งราคาหุ้น laggard สุดในกลุ่มธนาคาร สามารถ follow buy ได้และมี upside จากราคาเหมาะสมที่ 27 บาท อีก~10%
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
22 ธค. 53 ( +6.68 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ไม่น่าเกิน 1014 - 19 จุด
แนวโน้มในวันพุธนี้ กรณีปรับตัวขึ้นดัชนีไม่น่าขึ้นไปได้เกิน 1014 – 19 จุดสูงสุดของวันอังคาร และแนวต้านตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง
จากนั้นถ้ามีการปรับตัวลง ต่ำกว่า1002.07 จุดต่ำสุดของวันอังคาร ภาพดัชนีระยะสองสามวันข้างหน้า มีโอกาสปรับตัวลงต่อบริเวณ 980 - 990 ใกล้จุดต่ำสุดของเดือนที่แล้ว

และถ้าตลาดยังปรับตัวลงต่อ เป้าหมายต่อไปอยู่ที่บริเวณ 940 – 950 จุด ? ซึ่งเป็นบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ และ อัตราส่วนFibonacci ratio 38.2% ของการปรับตัวนับจากเดือน มิย. ถึงจุดสูงสุดเดือน พย.

หุ้นเด่น
CNT
ปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะวันขึ้นมาได้ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 5.10จุดสูงสุดวันอังคาร เป้าหมายสองสามวัน5.30 – 5.40( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 4.96 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
IVL ไม่น่าเกิน 53 – 54
BANPU ปรับตัวลง 750 – 760
PTT แกว่งตัว 318 - 324
PTTAR ไม่น่าเกิน 37 – 37.50
BAY ไม่เกิน 24.70 ลง 23.50 – 24
PTTCH ไม่น่าเกิน 145 – 147
TRUE ต่ำกว่า 6.15 ลง 5.90 - 6
TOP เกิน 74.25 ขึ้น 75 – 75.75
IRPC ไม่น่าเกิน 5.40 – 5.50
STA ต่ำกว่า 31.75 ลง 29 - 31
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : เริ่มมีลุ้นดีดกลับในด้านบวก แต่ยังมีสิทธิแกว่ง ดังนั้นซื้อน่ารอช่วงลงอยู่!
แนวโน้ม: หลังจาก SET ปรับตัวลงไปแถว 1000 จุดแล้วเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาให้เห็นบ้างเมื่อวานนี้ ขณะที่ Sentiment ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านก็เริ่มดูดีขึ้น ทำให้FSS คาดว่าตลาดมีโอกาสรีบาวด์กลับขึ้นในด้านบวกช่วงสั้นๆ ได้ อย่างไรก็ตามจากความไม่มั่นใจต่อปัญหาหนี้สินในยูโรโซน และแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังคงมีต่อเนื่องในช่วงท้ายปี ทำให้คาดว่า SET ยังมีโอกาสที่จะแกว่งลงไปต่ำกว่า 1000 จุดอีกครั้งได้ ดังนั้นตลาดดีดตัวขึ้นช่วงนี้จึงยังเน้นเป็นเทรดดิ้งสั้นๆ ตามรอบไปก่อน โดยน่าหาจังหวะขายทำกำไรบ้างเมื่อ SET เป็นบวก ส่วนจังหวะซื้อรอบใหม่ยังแนะนำให้รอช่วงตลาดปรับพักตัวลงอีกครั้ง ซึ่งยังมีสิทธิที่ดัชนีจะลงไปแกว่งต่ำกว่า 1000 จุดให้ได้หาจังหวะซื้อใหม่ได้กลยุทธ์: หาจังหวะทำกำไรบ้างเมื่อตลาดเป็นบวก ส่วนจังหวะซื้อเพิ่มยังน่ารอรับ
ต่ำ โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ BANPU, BIGC, KTB, PTL, SEAFCO, AP, CSL,DELTA, DRT, LPN, PTT, PTTEP, KTB, KBANK, SCB, TASCO, AMATA, PS,SPALI, CK, STEC เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) BOJ คงอัตราดอกเบี้ย 0.1% ตามตลาดคาด ส่วนยอดส่งออกเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 9.1% Y-Y ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 และสูงกว่าเดือน ต.ค. ที่เพิ่ม 7.8% Y-Y แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 10.3% Y-Y จากความต้องการสินค้าญี่ปุ่นในตลาดโลกยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีจีนและสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกใหญ่ของญี่ปุ่น การส่งออกที่แข็งแกร่งของญี่ปุ่นช่วยพยุงเศรษฐกิจและลดผลกระทบจากค่าเงินเยนที่แข็งค่าได้
• (+) ‘ประสาร’ เตือน ‘ประชาวิวัฒน์’ กระทบฐานะการคลัง ธปท. เผยการอุ้มค่าครองชีพอีก 2 เดือนช่วยกดเงินเฟ้อได้ชั่วคราว 0.5% แต่ถ้าจะปรับเป็นระยะยาวต้องคำนึงถึงภาระการคลังด้วย โดย ธปท.มองว่าเงินเฟ้อปีหน้าน่าจะอยู่ที่ 3-5%เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2-3% โดยรวมการปรับค่าแรงขั้นต่ำและการปรับเพิ่มราคาสินค้าบางส่วนแล้ว และมองว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้ายังมีแนวโน้มที่ดี ความเสี่ยงส่วนใหญ่จะมาจากต่างประเทศ สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือเรื่องการปั่นราคาสินค้า
โภคภัณฑ์ ทั้งน้ำทัน ทองคำ รวมถึงสินค้าพืชไร่บางประเภท
• (+) SCB สินเชื่อเดือน พ.ย. โตดีสุดในกลุ่ม +2.9% M-M สูงสุดกว่าทุกแบงก์และ 11M10 +12.9% YTD อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรใน 4Q10 จะลดลง ~8%Q-Q เพราะใน 3Q10 มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนเข้ามา 1 พันล้านบาท แต่เพิ่มถึง ~25% Y-Y SCB เป็นหุ้นแบงก์ราคาที่ laggard ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากBAY (+10%YTD) โดยบวกเพียง 18% ในปีนี้ เราแนะนำซื้อทั้ง SCB (เป้าหมาย136 บาท) และ BAY (เป้าหมาย 27 บาท) ปัจจุบันแบงก์รายงานสินเชื่อครบทุกแห่งแล้ว สินเชื่อเดือน พ.ย. +1.9% M-M (เพิ่มมากที่สุดในรอบปี), +8.3% YTD
• (-) PTTEP มีข่าวใน Bloomberg บ่ายวานนี้ว่า เจ้าหน้าที่ของ PTTEP ยอมรับว่าน้ำมันรั่วที่รั่วออกจากชายฝั่ง Montara ได้เข้ามาถึงทะเลติมอร์ของอินโดนีเซียหลังจากที่ปฏิเสธข่าวมาโดยตลอด แต่ไม่ถึงพื้นที่แถบชายฝั่งของจังหวัด EastNusa Tenggara รายงานข่าวระบุว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะไปสำรวจพื้นที่ในจังหวัดดังกล่าวแล้วจึงประเมินความเสียหายอีกครั้ง (ถ้ามี) ข่าวลักษณะนี้ที่มีออกมาเป็นระยะจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นให้ Underperform ต่อไปจนกว่าจะมีความชัดเจนแม้ว่าราคาหุ้นจะถูกและ laggard ก็ตาม ผู้ที่มีหุ้นอยู่แล้วยังคงแนะนำถือต่อ แต่ถ้ายังไม่มีหุ้น เราเห็นว่า ESSO และ PTTCH น่าสนใจกว่า
• Fund Flow วานนี้สุทธิแล้วยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาค ซึ่งเป็นการซื้อขายสลับกัน แต่ปริมาณซื้อขายเบาบาง เนื่องจากเป็นช่วงปลายนี้ที่นักลงทุนและ
ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่จะหยุดพักผ่อน แต่อย่างไรก็ตามตลาดมีพอมีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาเช่น การคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 3 ของสหรัฐที่จะประกาศ
อย่างเป็นทางการในครั้งสุดท้ายนี้อาจจะออกมาสูงกว่าครั้งก่อนที่ 2.5% แต่อย่างไรก็ตามกระแสข่าวการปรับลดอันดับเครดิตเรดติ้งของหลายประเทศในยุโรป
ยังเป็นตัวกดดันตลาดอยู่ในช่วงนี้ ค่าเงินบาทยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ ดังนั้นแนวโน้มกระแสเงินทุนยังชะลอตัว


ข่าวภายในประเทศ
TOP นำทีมโรงกลั่นคึก!ค่ากลั่นพุ่ง-ข่าวดีขึ้น LPG น้ำมันดิบเกิน 80 เหรียญ ราคาเหลืออัพไซด์เพียบ หุ้นกลุ่มโรงกลั่นคึกคัก หลังมาร์จิ้นฟื้นตัว
จากราคาน้ำมันดิบขยับสูงเฉลี่ยเกิน 80 เหรียญต่อบาร์เรล TOP นำทีมเหตุรับประโยชน์ 3 เด้งทั้งน้ำมัน-ปิโตรเคมี แถมเตรียมรับกำไรจากการขายแอลพี
จีต้นปีหน้า หลัง “พลังงาน” เล็งขยับราคารับซื้อแอลพีจีหน้าโรงกลั่นเท่าตลาดโลก (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 22-12-2010)
IVL รูดหนักก่อน XT แปลงสิทธิแพงเกิน นักลงทุนแห่ทิ้งหุ้น IVL ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XT ไม่ใช้สิทธิแปลงสภาพซื้อ IVL-T ที่ราคาหน่วยละ 36
บาท ด้านโบรกฯประเมิน 3 ปัจจัยที่ฉุดให้ราคาหุ้นร่วงแรง 14% ส่วนข่าวดีเข้าซื้อกิจการ Ottana Polimeri S.R.L. ในอิตาลีไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น หุ้นยัง
ร่วงต่อ แนะเป็นจังหวะเก็บหุ้นลงทุน เป้าหมาย 60 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 22-12-2010)
JAS อัพไซ ด์40 สต.ราคาวิ่งถึง 2.50 บ. เสี่ยงติดแคชน้อย JAS วิ่งได้ถึง 2.50 บาท โดยไม่ติดแคช บาลานซ์หลังกำไรต่อหุ้น (EPS) 0.048 บาท
ทำให้ค่า P/E แค่ 30 เท่า แถมบริษัทเจียดงบอีก 300 ล้านบาท ไล่ซื้อหุ้นคืน 10% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 22-12-2010)
SEAFCO ฮุบ 9 โครงการมูลค่า328 ล้าน “อิตัลไทย”มีงานติดปลายนวมเล็กน้อย SEAFCO คว้างานใหม่ 9 โครงการ มูลค่า 328.36 ล้านบาท
หนุนงานในมือเพิ่มเป็น 1,500-1,600 ล้านบาท รับรู้ไตรมาส 4/53 ประมาณ 500 ล้านบาท ที่เหลือรับรู้ปีหน้า ด้าน ITD คว้างานคอนโดฯ บมจ.พร็อพ
เพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) มูลค่า 116.79 ล้านบาท ขณะที่หุ้นรับเหมาขึ้นยกแผง รับเซ็นสายสีน้ำเงินภายในเดือนนี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหนุ้ 22-12-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
จีน: รัฐบาลจีนประกาศขึ้นราคาน้ำมันดีเซล-เบนซิน หลังราคาน้ำมัน NYMEX พุ่ง รัฐบาลจีนประกาศขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล 310 หยวน
(46 เซนต์สหรัฐ) ต่อตัน และ 300 หยวนต่อตัน ตามลำดับ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (22 ธ.ค) เป็นต้นไป ซึ่งการปรับขึ้นราคาครั้งนี้จะทำให้ราคา
ค้าปลีกมาตรฐานของน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.23 หยวนต่อลิตร และราคาค้าปลีกมาตรฐานของน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.26 หยวนต่อลิตร (ที่มา: อินโฟเควสท์ 22-12-2010)
จีน: จีนเผยธุรกิจโทรคมนาคมกวาดรายได้เพิ่มขึ้น 6.6% ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและ เทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (MIIT) เปิดเผยว่า ธุรกิจโทรคมนาคมของจีนสามารถทำรายได้สุทธิจากธุรกิจหลักๆได้ 8.1903 แสนล้านหยวน (1.2298 แสนล้านดอลลาร์) ในช่วง
11 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบปีต่อปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-12-2010)
จีน: นักวิเคราะห์คาดรัฐบาลจีนกำหนดเป้าหมายการปล่อยเงินกู้ใหม่ปีหน้าที่ 7 ล้านล้านหยวน นักวิเคราะห์ของจีนคาดการณ์ในวงกว้างว่ารัฐบาลจีนจะกำหนดเป้าหมายให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่ปี 2554 ไม่ต่ำกว่า 7 ล้านล้านหยวน แต่ก็ไม่เกินวงเงินในปีนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง นายปา ชูซง นักวิจัยจากศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนา ซึ่งเป็นหน่วยงานของสำนักคณะรัฐมนตรีจีน คาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนจะกำหนดเป้าหมายให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่ในปี 2554 ไม่สูงไปกว่าเป้าหมายของปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลใช้นโยบายการเงินแบบรอบคอบและให้ความสำคัญกับการควบคุมเงิน เฟ้อเป็นลำดับต้นๆ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-12-2010)
เอเชีย: แบงค์ชาติญี่ปุ่นมีมติคงดอกเบี้ย 0-0.1% ยืนยันเดินหน้าซื้อบอนด์ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ย 0- 0.1% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการผ่อนคลายทางการเงินแบบครอบคลุมที่บีโอเจได้ ประกาศใช้ตั้งแต่เดือนต.ค. คณะกรรมการกำหนดนโยบายของบีโอเจประเมินว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังส่งสัญญาณการฟื้นตัวในระดับปานกลาง แต่ก็มีแนวโน้มว่าจังหวะการฟื้นตัวอาจหยุดชะงัก และการที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นที่ต้องขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรมส่งออก (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-12-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดส่งออกเดือนพ.ย.พุ่ง 9.1% หลังความต้องการสินค้าญี่ปุ่นในตลาดโลกเพิ่มขึ้น กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดการส่งออกเดือนพ.ย.ของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.1% แตะระดับ 5.4411 ล้านล้านเยน มากกว่าเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 7.8% และทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 เนื่องจากความต้องการสินค้าญี่ปุ่นในตลาดต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวสามารถลดผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินเยนได้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 22-12-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้เตรียมลดภาษีศุลกากรสินค้า 67 รายการในปีหน้า หวังรับมือเงินเฟ้อ เกาหลีใต้เตรียมลดภาษีศุลกากรสินค้า 67 รายการในปี2554 เพื่อรับมือกับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและช่วยประคองความเป็นอยู่ของครัว เรือนที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง โดยกระทรวงการคลังเปิด เผยว่าปัจจุบันรายชื่อสินค้าที่เก็บภาษีนำเข้าต่ำมีอยู่ 57 รายการ โดยสินค้า 43 รายการจากทั้งหมดนี้จะอยู่ในรายชื่อต่อไปในปีหน้า และมีการเพิ่มสินค้าใหม่เข้าไปในรายชื่ออีก 24 รายการ อาทิ รถเข็นเด็กและเสื้อผ้าเด็ก ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าที่เก็บภาษีนำเข้าต่ำมีทั้งหมด 67 รายการในปีหน้า (ที่มา: อินโฟเควสท์ 21-12-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น