Code 100 : พักบ้าง แต่อย่าหลุด 800

วันพุธที่ 23 มิถุนายน 2553

ATT Code : พักบ้าง แต่อย่าหลุด 800
FSS: หยวนแข็งค่า >> หุ้นที่ได้ประโยชน์คือ Commodity+ เรือ+ท่องเที่ยว
- กลุ่มที่ได้ประโยชน์
o Soft commodity:
-STA เป้าหมายก่อนเพิ่มทุน 111 บาท หลังเพิ่มทุน 87 บาท (รายงานวันที่ 17 มิ.ย.)
-KSL เป้าหมาย 10 บาท ราคาน้ำตาลสูงขึ้นเป็นผลบวกกับ KSL แต่มีปัญหาภายใน (โรงงานบ่อพลอยล่าช้า โรงน้ำตาลในลาวเพิ่งเริ่มจึงยังขาดทุน) แต่ข้อดีคือกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสที่ผ่านมา ราคาหุ้นตัวนี้เทรดตามราคาน้ำตาลในตลาดโลกมากกว่าจะตามกำไรของบริษัทเอง
-TVO เป้าหมาย 23 บาท - ขยายกำลังการผลิตใน 3Q10 และมีข่าวว่าจีนอาจกลับมานำเข้าน้ำมันถั่วเหลืองจากอาร์เจนตินา จะทำให้ราคาถั่วสูงขึ้น
- อื่นๆ TRUBB, FRESH, ASIAN, LST, UPOIC, UVAN, SAT, STANLY
o Hard commodity
: BANPU, IVL, PTTCH, IRPC, PTTAR, PTT, PTTEP, PDI, TASCO, SSI
o เรือ: เฉพาะ RCL เพราะเป็นเรือตู้คอนเทนเนอร์ ขณะที่ TTA เป็นเรือเทกอง แม้จะมี demand เพิ่มแต่ supply เรือใหม่ที่เข้าตลาดในปีนี้มีอีกกว่า 20% น่าจะยังเป็นแรงกกดัน BDI
o ท่องเที่ยว: หยวนแข็งค่าดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ตลาดจีนเป็นตลาดสำคัญของการท่องเที่ยวไทย => MINT, CENTEL, AOT
- กลุ่มที่เสียประโยชน์: ชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ต้องซื้อทองแดงแพงขึ้นระยะแรก แต่ในระยะยาวผลักภาระให้ลูกค้าอยู่ดี
- ไม่ได้ไม่เสีย: ไก่ แม้ต้องบริโภคข้าวโพดและถั่วเหลืองแพงขึ้น (ระยะยาวก็ผลักภาระให้ลูกค้าเช่นกัน) แต่ก็ส่งออกได้มากขึ้น
- ความเสี่ยง: ราคาหุ้นหลายตัวถูกเก็งกำไรกันมากเกินพื้นฐานในระยะสั้น เพราะธ.กลางประกาศค่ากลางของหยวนเช้านี้ 6.8102 หยวน/ดอลลาร์ แข็งค่ากว่าปกติเพียง 0.2% (อ่อนค่ากว่าเมื่อวานด้วยซ้ำ 0.18%) ที่สำคัญคือในปีนี้ 2010YTD หยวนแข็งค่าแล้ว 3.8% คำนวณตามน้ำหนักการค้ากับจีน (Trade-weighted basis) นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักคาดว่าหยวนน่าจะแข็งค่าได้อีก ~2% ในช่วงที่เหลือของปี
- หากตั้งสมมติฐานให้เงินหยวนแข็งค่าปีละประมาณ 6% คงใช้เวลาอีกประมาณ 3 ปี ค่าเงินหยวนจึงจะเข้าสู่จุดสมดุลกับค่าเงินในภูมิภาคและเงินดอลลาร์ เพราะหลายฝ่ายประเมินว่าหยวนอ่อนค่ากว่าความเป็นจริง 20% - 30%

-----------------------------------------------------------------
ข่าวจาก Bloomberg: จีนอาจยกเลิกการห้ามนำเข้า ‘น้ำมันถั่วเหลือง’ จากอาร์เจนตินา
-เป็นข่าวไม่เป็นทางการ แต่มีแนวโน้มเป็นจริงเพราะปัจจุบันจีนเป็น net importer รายใหญ่สุดของโลก ทั้งเมล็ดถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลือง ขณะที่อาร์เจนตินาและบราซิลเป็นผู้ส่งออกเมล็ดถั่วเหลืองรายใหญ่สุดในโลก
-ถ้าจีนเลิก ban และหันกลับมานำเข้าน้ำมันถั่วเหลืองจากอาร์เจนตินาจริง จะทำให้ราคาน้ำมันถั่วเหลืองในตลาดโลกสูงขึ้น ส่งผลต่อเนื่องมายัง ‘เมล็ดถั่วเหลือง’ ให้มีราคาสูงขึ้นตาม => ราคาถั่วเหลืองที่เป็นขาขึ้น เป็นผลดีกับ TVO ซึ่งกำลังจะขยายกำลังการผลิตใน 3Q10 นี้ พอดี
-เมล็ดถั่วเหลืองเป็น Commodity ที่อยู่ใน Theme trading the Yuan ride
-TP ของ TVO = 23 บาท

--------------------------------------------------------------



--------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
23 มิย.53 ( -1.94 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338
ต่ำกว่า 799.10 ถือเป็นสัญญาณปรับตัว ลงของตลาด




ดัชนีกำลังปรับตัว ในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะชั่วโมง ตราบใดไม่ต่ำกว่า 803.91 จุด ต่ำสุดวันอังคาร ดัชนีพอมีโอากสปรับตัวขึ้นต่อ เล็กน้อยบริเวณ 811 – 814 จุด ใกล้จุดสูงสุดเดิม ของปีนี้ ( แต่ไม่น่าจะผ่านไปได้ )
อย่างไรก็ตามจากสภาวะ Stochastic Overbought & Bearish Divergence ที่ดัชนีปรับตัวสูงขึ้น แต่เครื่องมือทางเทคนิคไม่ได้ปรับตัวขึ้นตาม ดังนั้นตลาดพร้อมปรับตัวลงได้ทุกเวลา โดยเฉพาะการปรับตัวลงต่ำกว่า 799.07 จุดต่ำสุดวันจันทร์ และเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง จะถือเป็นสัญญาณการปรับตัวลงของดัชนี มีเป้าหมายประมาณเดือน กค. บริเวณ 730 – 740 จุด

--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-พักยก!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 22 มิ.ย.53 ปิดที่ 804.13 จุด ลดลง 1.94 จุด มี มูลค่าการซื้อขาย 22,494.11 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 334 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย IVL ปิดที่ 21.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท, TCAP ปิดที่ 29.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท, CPF ปิดที่ 19.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท, PTT ปิดที่ 255 บาท ลดลง 2 บาท และ SCB ปิดที่ 84.50 บาท ลดลง 0.75 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคจีไอ มองแนวโน้มตลาดระยะนี้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 812-820 จุด เนื่องจากยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากกระแสเงินลงทุนต่างชาติที่ยังมีแนวโน้มไหลเข้ามาลงทุนในเอเชียและตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง จากอานิสงส์ทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นตามทิศทางค่าเงินหยวน รวมทั้งหากไม่มีการประกาศปรับลดเครดิตเรตติ้งของประเทศในยุโรปเพิ่มเติมจากกรณีปัญหาวิกฤติหนี้

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ถือต่อจนกว่าจะเห็นสัญญาณไหลออกของ Fund Flow ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 804-800 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 812-820 จุด

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้เก็งกำไร โดยมองหุ้นในกลุ่มโภคภัณฑ์และเหล็ก ยังมีความน่าสนใจ ด้านเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 800 จุด ส่วนแนวต้าน 815 จุด

ปิดท้ายมีบทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุกรณีธนาคารกลางจีน ได้ประกาศว่าจะปรับค่าเงินหยวนให้ยืดหยุ่นขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งคาดว่าจะทำให้เงินหยวนค่อยๆแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินในเอเชีย รวมถึงเงินบาทไทย มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะดึงดูดให้กระแสเงินทุนไหลเข้ามาในเอเชียมากขึ้น

ที่สำคัญยังเป็นผลบวกที่ช่วยลดความไม่สมดุลของระบบเศรษฐกิจโลก, เป็นผลดีต่อการส่งออกของสหรัฐฯ ช่วยลดการขาดดุลการค้า และเป็นโอกาสดีของประเทศที่ผลิตสินค้าแข่งขันกับจีนโดยตรง รวมถึงทำให้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น

โดยหุ้นกลุ่มที่ได้ผลดี เช่น BANPU, IVL, PTT, PTTCH, PTTAR, IRPC, PDI, STA, TVO และ RCL แนะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวหรือเก็งกำไร

ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางลบ ได้แก่ กลุ่มส่งออก เพราะเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น หุ้นที่หลีกเลี่ยงระยะสั้น ได้แก่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, GFPT และ CPF!!

FSS:คาด SET จะแกว่งลบในระยะสั้น ก่อนลุ้นดีดขึ้นรอบใหม่ ดังนั้นทยอยรับได้...
แนวโน้ม: ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐยังออกมาอ่อนแอต่อเนื่อง โดยข้อมูลยอดขายบ้านมือสองร่วงลงเกินคาดในเดือน พ.ค. ส่งผลให้หุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านปรับตัวลดลง กดดันให้ดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนนี้ย้อนลงปิดเป็นลบไปกว่า 148 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปก็เริ่มกลับมาปิดเป็นลบอีกครั้งหลังขยับขึ้นมาต่อเนื่องกันถึง 9 วัน รวมทั้งความไม่มั่นใจในมาตรการยืดหยุ่นค่าเงินหยวนของจีนก็เป็นประเด็นที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากขึ้นด้วย โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็ยังปรับตัวลงต่อเนื่องจากวานนี้ที่เริ่มมีแรงขายออกมากดดันพอควรไปแล้ว ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังอยู่ในช่วงปรับพักตัวลงมาเคลื่อนไหวเป็นลบได้อีก หลังจากก่อนหน้านี้ขยับขึ้นมาพอควรแล้วด้วย อย่างไรก็ตามเรายังคาดว่าหลังจากปรับพักตัวลงของตลาดหุ้นไทยในรอบนี้ไปแล้ว SET ก็ยังมีโอกาสที่จะดีดกลับขึ้นได้อีกครั้ง ทั้งจากปัจจัยบวกของการยืดหยุ่นค่าเงินหยวนที่แม้ว่าอาจจะดูล่าช้าไปบ้างแต่ก็ยังถือว่าเป็นข่าวดี รวมถึงแนวโน้มความคืบหน้าของโครงการในมาบตาพุดที่จะส่งผลให้หุ้นในกลุ่ม PTT ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีน้ำหนักกับ SET ค่อนข้างมากกลับมามีแรงซื้ออีกครั้งได้
กลยุทธ์: ดังนั้นจังหวะตลาดปรับตัวลงจึงสามารถดูแรงซื้อตามแนวรับทางเทคนิค เพื่อหาจังหวะทยอยเข้ารับสำหรับการเทรดดิ้งเมื่อตลาดดีดกลับขึ้นรอบใหม่ได้ โดยหุ้นที่ยังแนะนำให้หาจังหวะเข้ารับเพื่อตามเข้าเทรดดิ้ง ได้แก่ PTT, PTTCH และ SCC จากข่าวความคืบหน้าในมาบตาพุด นอกจากนี้ยังมี KK, CPN, BANPU, IVL, PTTAR, IRPC, PDI, STA, TVO, RCL

ประเด็นสำคัญวันนี้
-การประชุม Fed วันอังคาร-พุธนี้ไม่มีผลต่อตลาด
เชื่อว่าเป็นที่คาดหมายกันทั่วไปว่า Fed จะไม่เปลี่ยนแปลงดอกเบี้ย ซึ่งเราก็เชื่อว่าก่อนที่ Fed จะขึ้น Fed fund rate (ดอกเบี้ยอ้างอิงที่แบงก์กับแบงก์กู้กันเอง) ควรจะขึ้น Discount rate (ดอกเบี้ยที่แบงก์ไปกู้กับ Fed ซึ่งจะสูงกว่า Fed rate) ก่อนซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่ให้ขึ้น Discount rate อีก 0.5% เพื่อรักษาส่วนต่างระหว่าง Fed rate กับ Discount rate ให้อยู่ที่ 1% ตามปกติ แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 0.5% - 0.75% ดังนั้น ผลของการประชุม Fed น่าจะเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมาคือไม่มีผลต่อตลาดหุ้น
-ข่าวยุโรปเป็นบวกแต่สหรัฐเป็นลบ รัฐบาลเยอรมนีมีแนวโน้มกู้เงินน้อยกว่าที่ตั้งเป้ามากจากการเก็บรายได้ (ภาษี) เกินเป้าและลดค่าใช้จ่าย โดยปีนี้รัฐบาลอาจกู้เพียง 6 – 6.5 หมื่นล้านยูโร (US$7.4 – 8 หมื่นล้านเหรียญ) น้อยกว่าแผนคือ 8 หมื่นล้านยูโร ส่วนปีหน้าอาจกู้เพียง 5.5 หมื่นล้านยูโร ขณะที่อังกฤษประกาศลดการใช้จ่ายของภาครัฐลง 25% ภายใน 4 ปีและเพิ่มภาษี VAT จากปัจจุบัน 17.5% เป็น 20% ปีหน้า ซึ่งจะทำให้หนี้สาธารณะต่อ GDP ลดลงจาก 10.1% ในปีนี้เหลือพียง 1.1% ในปี 2015/16 นอกจากนี้ Moody’s ให้ความเห็นว่าแบงก์ในสเปนแข็งแรงกว่าที่คาดเพราะมีการตั้งสำรองแล้วถึง 75% ของหนี้เสียที่คาดว่าจะมีจำนวน 1.08 แสนล้านยูโร (US$1.33 แสนล้านเหรียญ) ในทางตรงกันข้าม รายงานเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลายสัปดาห์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ผิดหวัง (ดีไม่เท่าคาด) ตลาดกำลังจับตาผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ที่จะประกาศพฤหัสนี้ เพราะการจ้างงานภาคเอกชนในระยะหลังลดลง (การจ้างงานที่เพิ่ม เป็นพนักงานชั่วคราว) ทำให้อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับสูง ส่วนยอดขายบ้านเก่าเดือน พ.ค. ที่ประกาศเมื่อคืนก็ลดลง 2.2% M-M ต่ำกว่าคาด (หมดมาตรการด้านภาษี) ศุกร์นี้มี GDP 1Q10 ของสหรัฐฯ เป็นการคาดครั้งสุดท้าย
-กระทรวงการคลังไม่ต่ออายุมาตรการอสังหาฯ โดยแจ้งที่ประชุมครม.ว่าจะไม่ต่ออายุมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่จะหมดอายุสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ เนื่องจากมองว่าธุรกิจและการบริโภคเริ่มฟื้นตัวแล้ว ซึ่งการไม่ต่ออายุมาตรการเป็นไปตามที่ FSS และในตลาดฯ คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อคาดการณ์กำไรของบริษัทในกลุ่มที่อยู่อาศัย โดย Top Pick ในกล่มที่อยู่อาศัย คือ PS ซึ่งยังมี Upside อยู่ 17%
-GFPT ปัจจัยบวกรอบด้าน คาดกำไรเติบโตโดดเด่นในกลุ่มไก่โดยปี 2010 – 2012 โตเฉลี่ย 12.8% จากการขยายกำลังการผลิต สูงกว่า CPF ที่โตเฉลี่ย 11.5% ขณะที่ PE ถูกกว่าคือ 8.6 เท่า ส่วน CPF มี PE 11.5 เท่า เราแนะนำซื้อด้วยราคาเป้าหมาย 10.70 บาท

ข่าวภายในประเทศ
CPF ต่างชาติรุมซื้อหุ้นเป้าหมายใหม่ 23 บาท ขานรับกำไร Q2 นิวไฮอีกรอบ โรดโชว์สหรัฐราบรื่น CPF โรดโชว์สหรัฐ สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเพิ่มขึ้น ส่งผลต่างชาติซื้อต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 11-21 มิ.ย.เก็บกว่า 16 ล้านหุ้น เชื่อไฮซีซั่นดันตัวเลข Q2/53 โตต่อเนื่อง จากราคาสินค้าสูง ขณะที่ผลผลิตลดลง ประกอบกับน้ำมันรั่วไหล ที่อ่าวเม็กซิโกเพิ่มการส่งออกกุ้ง 20% โบรกเชียร์ซื้อลุ้นแนวต้าน 22 บาท โดยให้เป้าหมาย 23 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-06-2010)
SYNTEC หุ้นดาวรุ่งงานล้นมือเป้า1.45 บ. SYNTEC ดาวรุ่งกลุ่มก่อสร้าง โชว์งานก่อสร้างคอนโดฯ ในมือ 9 พันล้านบาท ให้กับบิ๊กอสังหาฯรายใหญ่ในตลาดหุ้น อาทิ LH, AP, SPALI, SENA และ MJD กินยาวถึงปี 2555 บวกภาครัฐเร่งก่อสร้างรถไฟฟ้าในสายสีต่างๆ จะทำให้เกิดงานก่อสร้างคอนโดฯ ใกล้แนวรถไฟฟ้าอีกเพียบ ลุ้นบุ๊คขอคืนเงินจากโครงการเอื้ออาทร ที่ตั้งสำรองไป 260 ล้านบาทก่อนหน้านี้ให้กลับเข้ามาเป็นกำไร ส่วนงบไตรมาส 2 พลิกเป็นกำไร ด้านราคาหุ้นต่ำกว่าบุ๊คเพียบ เป้าหมายเหมาะสมที่ 1.45 บาท มีอัพไซด์ 34% พีอีแค่ 5 เท่า (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-06-2010)
AMATA ขายที่ดิน 500 ไร่ แคนาดอลซื้อทำโรงเหล็ก “AMATA” ซุ่มเจรจาขายที่ดินให้กับแคนาดอล 500 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง วงการเงินชี้ดีลนี้จบดันเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เข้าเป้า 890 ไร่ “วิบูลย์” แย้มมีความเป็นไปได้สูงที่แคนาดอลจะซื้อที่ดิน เหตุเป็นลูกค้าเดิมอยู่แล้ว คุยมีแลนด์แบงก์ 13,000 ไร่ พร้อมคงเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ตามเดิม 890 ไร่ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-06-2010)
AP เล็งปรับยอดขายเกิน2หมื่นลบ.ครึ่งปีหลังโหมเปิด17 โครงการ มูลค่า1.3 หมื่นล้าน “AP” เล็งปรับยอดขายปีนี้สูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท หลังครึ่งปีหลังเตรียมโหมเปิด 17 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านบาท เชื่อเศรษฐกิจแข็งแกร่งดันตลาดอสังหาฯสดใส ขณะที่กำลังซื้อของลูกค้ายังสูง ส่วนยอดขายไตรมาส 2 ลั่นต่ำกว่าไตรมาสแรก เหตุรับผลกระทบการเมืองวุ่นวาย และเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ส่วน 5 เดือนโกยยอดขาย 7-8
พันล้านบาท โชว์แบ็กล็อก 1.2 หมื่นล้านบาท จ่อบุ๊คปีนี้ 70-80% ล่าสุดเปิดทาวน์เฮาส์ “บ้านกลางกรุง สาทร” มูลค่า 900 ล้านบาท ยอดขายทะลักกว่า 90% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-06-2010)
CEN ควัก 600 ล้านลงทุนโรงไฟฟ้า ปีนี้รายได้2พันล้าน 3 บริษัทย่อยขยายลงทุนเพิ่ม CEN ควักเงิน 600 ล้านบาท สร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 9.9 เมกะวัตต์ ร่วมกับพันธมิตรจีน ขายไฟให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) คาด 3-5 ปีคืนทุน ส่งผลให้ผลประกอบการโตต่อเนื่อง “วุฒิชัย” ย้ำเป้ารายได้ทั้งปีโต 15% ประมาณ 2,000 ล้านบาท หลังได้แรงหนุนจาก 3 บริษัทย่อยและการขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-06- 2010)
KSL รายได้-กำไรไตรมาส 3 ฟื้นตัวราคา 400 เหรียญคำสั่งซื้อเพิ่ม 50% KSL ฟุ้งรายได้-กำไร ไตรมาส 3/53 ฟื้น หลังราคาในตลาดโลก ปรับตัวเพิ่มขึ้น แตะระดับ 400 เหรียญ/ตัน ไม่ต้องบันทึกผลขาดทุนทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ขณะที่อากาศร้อนจัด ดันความต้องการน้ำตาลพุ่งหนุนให้ราคาขยับตาม ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นกว่า 50% โบรกฯคาดครึ่งหลังปี 2553 แจ่ม แนะถือเพื่อรอเงินปันผล ราคาเป้าหมาย 12.58 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-06-2010)
--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ - ดาวโจนส์ร่วง ฉุดน้ำมัน ลดลง61เซนต์
ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 148.89 จุด ไปปิดที่ 10,293.52 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 61 เซนต์ ไปปิดที่ 77.21 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล.....

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ดัชนีปรับเพิ่มในช่วงแรก จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังยอดขายไอแพดของ แอปเปิล พุ่งทะลุ 3 ล้านเครื่อง ก่อนที่ดัชนีจะปรับลดลงในช่วงครึ่งหลังของการซื้อขาย จากข้อมูลที่ระบุว่า ยอดขายบ้านมือ 2 ในเดือน พ.ค.ลดลง ขณะที่ความวิตกกังวลเรื่องหนี้สินในยุโรปก็ยังคงมีอยู่ จากกรณีที่อังกฤษประกาศมาตรการรัดเข็มขัดครั้งใหญ่

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 61 เซนต์ ไปปิดที่ 77.21 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 148.89 จุด ไปปิดที่ 10,293.52 จุด แนสแดค ปิดที่ 2,261.80 จุด ลดลง 27.29 จุด และเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,095.31 จุด ลดลง 17.89 จุด.

FSS:ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมาย หลังยูโรอ่อนค่าช่วยหนุนส่งออก ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีประจำเดือนมิถุนายนดีดตัวขึ้นแตะระดับ สูงสุดในรอบ 2 ปี บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่สุดในยุโรปกำลังขยายตัวอย่างต่อ เนื่องจากแนวโน้มการส่งออกที่สดใส เพราะเงินยูโรอ่อนค่าและเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว สถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี ซึ่งได้จากการสำรวจความเห็นผู้บริหารราว 7,000 คน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 101.8 ในเดือนมิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะลดลงเล็กน้อยจากระดับ 101.5 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนีเดือนมิ.ย.นับว่าสูงที่สุดตั้งแต่เดือนพ.ค.2551 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 22-06-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.ร่วง 2.2% สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.ดิ่งลง 2.2% สู่ระดับ 5.66 ล้านยูนิต/ปี บ่งชี้ว่ากลุ่มผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงมีท่าทีระมัดระวังแม้ รัฐบาลประกาศใช้นโยบายสร้างแรงจูงใจ รวมถึงการลดหย่อนภาษีก็ตาม (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-06-2010)
จีน: แบงค์ชาติจีนขยายขอบเขตโครงการนำร่องการทำธุรกรรมการค้าตปท.ด้วยเงิน หยวนเป็น 20 มณฑล ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า โครงการนำร่องในการทำธุรกรรมการค้าต่างประเทศด้วยสกุลเงินหยวนที่ได้มีการ ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกค. 2552 นั้น ได้ขยายขอบเขตไปยังมณฑลต่างๆถึง 20 มณฑลแล้ว ซึ่งการขยายพื้นที่ดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 22-06-2010)
เอเชีย: "แดนปลาดิบ" คาดศก.ดีขึ้นโตแตะ2.6% แดนอาทิตย์อุทัยขยับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีเป็น 2.6% พร้อมตั้งเป้าระยะยาวปรับลดหนี้สินที่กำลังพอกพูน รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปีงบ ประมาณปัจจุบันที่จะสิ้นสุด ณ เดือน มี.ค.2554 เป็น 2.6% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 1.4% หากเป็นไปตามคาดตัวเลขการขยายตัวดังกล่าวจะถือว่าสูงที่สุดในรอบ 10 ปี (ที่มา: ไทยโพสต์ 23-06- 2010)
--------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น