Code 93 : Higher Low และลุ้น Higher High 777

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2553

ATT Code : Higher Low และลุ้น Higher High 777

เช้านี้ SET เปิดที่ 774 จุด +4.45 จุด สามารถเปิดใกล้เคียงกับ High ของเมื่อวันศุกร์ที่ 774.86 โดยบวกตามตลากโลกที่บวกกันทั้งกระดาน โดยจากกราฟแล้วเป็นการ Sideway Up และเป็นการยกขึ้นแบบ Higher Low ทำให้ภาพออกมาดูดี ส่วนวันนี้จะมาเป็น Higher High ได้หรือไม่นั้นก็ต้องดูว่าจะสามารถยืนเหนือ 775 ไหวมั้ย ซึ่งช่วงเช้าก็มา High ที่ 776.51 แล้ว ส่วน TFEX เปิดที่ 536.20 จุด +3.10 จุด แนวรับอยู่เส้น 5 วัน ที่ 532 และแนวต้าน High วันศุกร์ อยู่ที่ 539 ภาคเช้า SET ปิดที่ 774.48 จุด +5.34 จุด ต่างชาติ Net Buy 600 ล.บ. ส่วน TFEX ปิดที่ 536.80 จุด +3.70 จุด

ภาคบ่าย SET เปิดที่ 775.60 จุด เปิดโดดมา 1.12 จุด เป็น +6.05จุด และ TFEX เปิดที่ 537 จุด โดดนิดหน่อย 0.20 จุด เป็น +3.90 จุด


SET ปิดที่ 781.13 จุด +11.58 จุด V.26,817 M.B. ถือว่าปิดได้สวยมาก และ Volume ก็สนับสนุนด้วย โดยในภาคบ่ายนี้มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผ่าน 777 มาที่ 781 แล้ว และเป็น Higher high โดยยืนเหนือ 777 ได้ด้วย และก็ดูแนวต้านต่อไป ที่ BB Top ที่ 786 ส่วน TFEX ปิดที่ 54 จุด + จุด ผ่าน high วันศุกร์ที่ 539 มาได้ ต่อไปก็ต้องมาดูแนวต้านที่ BB Top ที่ 547

วันนี้ SET ได้ปรับขึ้นไปในทิศทางเดียวกับหุ้นในภูมิภาค ส่วนแนวโน้มในวันพรุ่งน่าจะมีแนวโน้มที่สดใส เนื่องจาก
1. ตลาดยุโรป ตอน 17.00 น. บวกอยู่ 1% กว่า
2. Future DowJone +85 จุด
3. Nymex Crude +1.60 ยืนเหนือ 75$
ถ้าพรุ่งนี้เช้าไม่มีอะไรผิดทาง SET ก็น่าจะมาบวกได้



----------------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้
-ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 769.55 จุด +1.39 จุด High 774.86 จุด low 766.78 จุด......
-แนวรับ 764-760 // 754-750 จุด แนวต้าน 773-775 // 780-790 จุด......PE SET 12.01 เท่า.........
-สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งซื้อ 346.95 ล้าน กองทุนซื้อ 493.59 ล้าน.....โบรกเกอร์ ที่ net buy CS 1240, ASP 273, TNS 131, UOBKH 118 และ AYS 101…....
-โบรกเกอร์ที่ net sell UBS -585, FSS -365, KTZ -168, DBSV -151 และ TSC -150........
-TFEX SET50 ปิดที่ 533.76 จุด +0.31 จุด.......S50M10 ปิดที่ 533.10 จุด -1.20 จุด .... high 539.10 จุด low 530.30 จุด OI 16,934..............
-status futureวานนี้ Foreign net SHORT 602 - Fund net SHORT 627 - Retail net LONG 1229............
-ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ ปิด +38.54 จุด……..….ยุโรปปิด -0.5 ถึง +0.5%.............ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.20 น. NIX +151.51 จุด HSKI +176.32 จุด TWSE +53.42 จุด KOSPI +17.56 จุด SHCOMP ปิดทำการถึงวันที่ 16 มิ.ย. ......
-ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า +35 จุด.......ค่าเงิน---เงินบาท 32.43…..เงินเยน 91.87 ……..
-COMODITY.... น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ก.ค. ปิดที่ 73.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล -1.70 ดอลล์ .......ค่าการกลั่น 2.47 ดอลล์.......ทองคำ COMEX วานนี้ปิดที่ 1230.20 เหรียญ +8.00 ดอลลาร์......
-BDI ปิดล่าสุดอยู่ที่ 3288 จุด -135 จุด …..
-ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดล่าสุดที่ 1740 ดอลลาร์ต่อตัน +20.0 ดอลล์
สินค้าเกษตร...ราคาตลาดจริง (หน่วย : บาท/ กก.) ….ข้อมูลจาก WEB Site ของ AFET (www.afet.or.th)
-ราคาประมูลยางแผ่นรมควันชั้น 3 (11/06/10) Hatyai A.M. 111.76 บ. +1.58 บ. // FOB.BKK 114.10 บ. -0.50 บ.
-ราคาข้าวขาว 5% (11/06/10) 12.75 บ. ไม่เปลี่ยนแปลง
-ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 (11/06/10) 27.05 บ. ไม่เปลี่ยนแปลง

--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ทิศทางหุ้น 14/06/53
ภาวะการซื้อขายหุ้น
แนวโน้มในสัปดาห์นี้ (14-18 มิ.ย. 2553) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนคงจะต้องจับตาปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งการแก้ปัญหาการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ปัญหาหนี้ในยุโรป การดำเนินมาตรการของทางการจีนและเกาหลีใต้ ทิศทางของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยในประเทศอาจมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไม่มากนัก ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 764 และ 754 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 800 และ 807 จุด.

ภาวะตลาดเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นทรงตัว สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ท่ามกลางภาวะสภาพคล่องในตลาดเงินที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาก ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ ประเภทกู้ยืมข้ามคืน (Overnight) มีระดับหนาแน่นตลอดทั้งสัปดาห์ที่ระดับ 1.15%

เงินบาทในประเทศ (Onshore) แข็งค่าขึ้นเช่นเดียวกับสกุลเงินภูมิภาค เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียในช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงหลีกเลี่ยงความเสี่ยงท่ามกลางความกังวลต่อปัญหาการคลังของฮังการี อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยกลับมาแข็งค่า และสามารถหักล้างช่วงติดลบทั้งหมดกลับมาในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ สำหรับในวันศุกร์ เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องมาปิดตลาดปลายสัปดาห์ที่ระดับ 32.44 เทียบกับระดับ 32.56 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า.

FSS : เน้นเล่นสั้นตามรอบไปก่อน ส่วนจังหวะซื้อถือยังน่ารอแถว 715 หรือต่ำกว่า..
แนวโน้ม:
เช้านี้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังเคลื่อนไหวเป็นบวกได้ดี แม้ว่าจะไม่มากนัก ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศในบ้านเราเริ่มกลับมามียอดซื้อสุทธิอีกเล็กน้อยเมื่อท้ายสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้คาดว่าต้นสัปดาห์นี้ SET ยังมีโอกาสแกว่งบวกให้เห็นได้อยู่ แต่ FSS คาดว่าจะยังเป็นการบวกขึ้นในกรอบค่อนข้างจำกัด และยังต้องระวังแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่อาจจะมีออกมาอีกครั้งได้ เนื่องจากสถานการณ์ทางด้านยุโรปถือว่ายังไม่คลี่คลายมากนัก ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงหลังก็ถือว่ายังขาดทิศทางที่ชัดเจนต่อการสนับสนุนแนวโน้มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามเรายังมองกว่าถ้า SET แกว่งตัวลงไปในระดับ 715 จุดหรือต่ำกว่าจะเป็นระดับที่น่าสนใจในการทยอยเข้าซื้อเพื่อถือลงทุนในระยะกลางได้
กลยุทธ์: ช่วงนี้จึงยังเน้นแค่เทรดดิ้งสั้นๆ และขายทำกำไรบ้างเมื่อตลาดเป็นบวก โดยแนะนำหุ้นที่ยัง Laggard กว่าตลาดเช่น PTTCH, SCB, SPALI, SYNTEC ขณะที่ PS ที่ได้แนะนำไปในสัปดาห์ก่อน ราคาขยับขึ้นมาพอควรแล้วควรเริ่มหาจังหวะขายทำกำไรมากกว่าซื้อไล่ตาม นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่คาดว่าจะได้เข้าคำนวณใน SET50 รอบใหม่เช่น BLA, TPIPL และ IVL แต่สำหรับ IVL เริ่มขยับขึ้นมาสูงพอควรแล้วจึงต้องเริ่มจำกัดพอร์ตในการเข้าเทรดดิ้งด้วย และเริ่มหาจังหวะขายทำกำไรตามรอบบ้าง ส่วนการเข้าซื้อเพื่อถือลงทุนนั้นยังน่ารอการแกว่งตัวลงไปแถว 715-710 จุดโดยประมาณก่อนค่อยพิจารณาเข้ารับต่อไป

ประเด็นสำคัญวันนี้
-แนะขายที่ 770 - 775 จุด คาดดัชนีสัปดาห์นี้แกว่งในกรอบ 750 – 775 จุด และแนะนำให้ขายเมื่อดัชนีปรับขึ้นเหนือแนวต้าน 777 จุดเพราะความเสี่ยงในตลาดโลกยังสูง เม็ดเงินยังไม่ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเพราะสภาพคล่องในตลาดโลกตึงตัวเห็นได้จาก TED Spread (ส่วนต่างระหว่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 3 เดือนกับดอกเบี้ย Libor 3 เดือน) ที่ยังอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีซึ่งสะท้อนว่าสถาบันการเงินยังไม่มีความเชื่อมั่นในการปล่อยกู้ระหว่างกัน ในอนาคตอันใกล้สถาบันการเงินในยุโรปอาจต้องตั้งสำรองหนี้เสียหลังการทำ Stress test เสร็จเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ดัชนีจะยังปรับลงไม่ลึกเพราะสภาพคล่องในประเทศในปัจจุบันมีค่อนข้างสูง อัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ติดลบ (เงินเฟ้อสูงกว่าดอกเบี้ยรับ) เป็นปัจจัยหนุนและรองรับตลาดหุ้นไม่ให้ปรับลงแรง
-ยังคงเน้นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ดัชนีที่ปรับขึ้นมาจากแนวรับ 740 จุดเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา ขึ้นมาแล้ว 3.9% กลุ่มที่นำตลาดในรอบนี้เป็นกลุ่ม Domestic plays เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ในระยะสัปดาห์นี้เรายังเน้นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและมี story เฉพาะตัวเช่นกลุ่มรับเหมา แนะนำ STEC, CK, SYNTEC (การประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอีก 3 สัญญาเดือน ก.ค. สายสีแดงเดือน มิ.ย. – ก.ค. และสายสีอื่นในช่วงที่เหลือของปี) กลุ่มโทรศัพท์มือถือ (ประมูล 3G เดือน ส.ค. – ก.ย.) แนะนำ ADVANC, TRUE ส่วน DTAC ขึ้นมาแรง ระยะสั้นแนะขายก่อน กลุ่มอสังหาฯ แนะนำ SPALI, PS, SIRI กลุ่มแบงก์ที่ทำธุรกิจเช่าซื้อแนะนำ TISCO กลุ่มค้าปลีกแนะนำ HMPRO, CPALL ส่วนหุ้นที่มีข่าว-เก็งกำไร RS, IVL, SVI
-SSC กลุ่มเป๊ปซี่โดยบริษัท สตราทีจิค เบฟเวอร์เรจเจส (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งตลาดฯ ขอยกเลิกการ Tender offer หุ้น SSC เพราะไม่สามารถรวบรวมหุ้นได้ 51% อย่างที่ต้องการ ส่วนหนึ่งที่ทำให้การเทคโอเวอร์ไม่สำเร็จเพราะกลุ่มโอสถานุเคราะห์ได้ขายยกล็อตให้กลุ่มบุลสุข 12.11% ในราคา 29 บาทเพราะไม่ต้องการให้กลุ่มเป๊ปซี่เข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจ ก่อนหน้านี้ บล. ซีไอเอ็มบีในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ได้ประเมินมูลค่าของ SSC ไว้ที่ 39 - 42 บาท สูงกว่าราคา Tender offer มาก หากกลุ่มเป๊ปซี่ยังต้องการหุ้นก็อาจต้องซื้อบนกระดาน
-HMPRO เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นจากเดิม 7 บาทเป็น 7.20 บาท จากการปรับประมาณการปีนี้ขึ้น 5.4% คาดกำไร 2Q10 โตต่อเนื่อง ไม่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม
-RS นอกจากธุรกิจหลักที่เริ่ม Turnaround แล้ว น่าจะได้กำไรประมาณ 100 ล้านบาทจากฟุตบอลโลก (รับรู้ 80 ล้านบาทใน 2Q10 และ 20 ล้านบาทใน 3Q10) ราคาที่เหมาะสมประเมินในเบื้องต้นอยู่ที่ 3.50 – 3.80 บาท มูลค่าของ RS-W2 ซึ่งเข้าตลาดวันนี้อยู่ที่ 1.5 – 1.6 บาท

ข่าวภายในประเทศ
-เปิดศึกชิง SSC รอบใหม่ เป๊ปซี่ไล่ซื้อบนกระดาน
: แก้ลำดีลเทนเดอร์ล้มเหลว - “โอสถานุเคราะห์” บิ๊กล็อตให้ “บุลสุข” จับตาศึกชิงหุ้น SSC รอบใหม่ หลังดีลเทนเดอร์ล่มไม่เป็นท่า เหตุ “โอสถานุเคราะห์” ดัดหลังเทหุ้นทั้งหมดกว่า 12.15% ให้ “บุลสุข” ดันผู้ถือหุ้นคนไทยสู้ศึกเกมเทกโอเวอร์ วงในระบุ “เป๊ปซี่-โค” พลิกเกมตั้งนอมินีไล่เก็บหุ้นในกระดานแทน เพื่อครองอำนาจเบ็ดเสร็จ ก่อนเทเงินลงทุนสร้างโรงงานใหม่ ที่
ปรึกษาการเงินแนะลงทุนระยะยาว เหตุผลตอบแทนดีและอนาคตสดใส หลังประเมินมูลค่าพื้นฐานสูงสุด 42 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 14-06-2010)
-DTAC พร้อมลงทุน 3.9จี 2 หมื่นล้าน ลั่นพร้อมลงศึกชิงไลเซนส์ พร้อมเปิดทันที10 สถานีทั่วกทม. DTAC คุยโว กทช.เปิดประมูล 3.9 จี เมื่อไร พร้อมเข้าร่วมทันที วางงบลงทุนปีแรกกว่า 20,000 ล้านบาท ทั้งค่าไลเซนส์ติดตั้งโครงข่ายบางพื้นที่ คาดหากเปิดให้บริการเตรียมรูปแบบตั้งงบใช้เงินไม่ต่ำกว่า 10,000-15,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนแผนอัพฯเอชเอสพีเอบนคลื่นเดิม รอท่าที กสทฯว่าจะให้ทำต่อหรือไม่ พร้อมเปิดตัวแม่ทัพการตลาดคนใหม่ คว้าเด็กเทเลนอร์ยึดเก้าอี้ “ธนา” เผยการปรับตำแหน่งเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ฝาก รมว.ไอซีทีคนใหม่ควรวางโรดแมปโทรคมฯด้วย (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 14-06-2010)
-STEC หวังคว้างานกฟผ.5 พันล้าน Q2 รายได้ใกล้ฉลุย 2,106 ล้านบาท STEC หวังได้งาน กฟผ. มูลค่า 5,000 ล้านบาท ปลายปีนี้ ขณะที่ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาเซ็นงานใหม่เพิ่มแล้ว 1.84 พันล้านบาท และมีงานรอเซ็นสัญญาอีกกว่า 1.78 หมื่นล้านบาท คาดแนวโน้มรายได้ไตรมาส 2/53 ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/53 ที่มีรายได้ 2,106 ล้านบาท และมีกำไร 83 ล้านบาท โบรกฯยังแนะซื้อ อัพไซด์สูง 23% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 14- 06-2010)
-TTW ทบทวนเป้ารายได้โตเกิน 10% ปริมาณความต้องการพุ่ง ลุยศึกษาธุรกิจน้ำต่างประเทศ TTW เตรียมทบทวนเป้ารายได้ปี 2553 ใหม่ จากเดิมคาดโต 10% หลังพบความต้องการใช้น้ำประปา Q2/53 พุ่ง แถมไตรมาส 3/53 กำลังการผลิตใหม่เข้ามาเสริม ลั่นไม่หวั่นภัยแล้งมั่นใจมี กำลังผลิตเพียงพอ เผยแผนศึกษาธุรกิจน้ำต่างประเทศยังเดินหน้าต่อ เพื่อรองรับกำลังการผลิตเต็ม (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 14-06-2010)
-CENTEL-MIN ฟื้นตัวเปิดบ้านรับทัวร์จีน-ฮ่องกง CENTEL-MINT ยิ้มรับกระทรวงท่องเที่ยวจีนแห่เข้าไทย 3 หมื่นคนหรือ 87 เที่ยวบินเดือน หน้า เชื่อรับอานิสงส์เต็มสูบสัญญาณทัวร์จีน-ฮ่องกง แห่พักเซ็นทรัลเวิลด์-พัทยาล้น 17% จากก่อนหน้าไม่ถึง 10%ด้าน MINT กระโดดรับอานิสงส์เชื่อปีนี้สัดส่วนลูกค้าจีนเพิ่มขึ้นจากล่าสุดขยับ 8% เทียบปี 2552 ที่ 2% เร่งอัดโปรโมชั่นเด็ดพิชิตใจลูกค้า (ที่มา: นสพ.ทันหุ้น 14-06-2010)
-FORTH ยิ้มงาน CCTV จ่อคิวสัปดาห์นี้เซ็นสัญญา 380 ล. FORTH ตีปีกงาน CCTV ยาวเหยียดถึงปีหน้า กทม.ควักทุนสร้างอีก 1.2 หมื่นตัวเร่งของบไทยเข้มแข็งอีก 5 พันตัวผู้บริหาร "พงษ์ชัย อมตานนท์" ยิ้มแก้มปริ รอรับทรัพย์ก้อนยักษ์ฟุ้งสัปดาห์นี้เซ็นสัญญารับงาน 380 ล้านบาท เรียกน้ำย่อยก่อน ส่งซิกผลงานไตรมาส 2/2553 โตมากกว่าไตรมาสแรก นักวิเคราะห์ประเมินกรอบลงทุน 2.80-3.20 บาท (ที่มา: นสพ.ทันหุ้น 14-06-2010)
-PTT-PTTEP สวยเกินห้ามใจราคาน้ำมันดิบ ก.ค.พุ่ง 75 ดอลล์ นาทีนี้เก็บหุนบลูชิพนำทัพด้วย PTT-PTTEP เนื่องจากทำธุรกิจต้นน้ำหลังราคา น้ำมันดิบส่งมอบเดือนกรกฎาคมขึ้นกว่า 75.48 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้จีนซึ่งเป็นผู้บริโภคอันดับ 2 ของโลกหนุน บวกกับแท่นขุดเจาะบีพี ระเบิดอาจทำให้มีการเข้มงวด การขุดน้ำมันใต้ทะเลมากขึ้น ด้านผู้บริหาร "ประเสริฐ บุญสัมพันธ์" ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพัฒนา (ที่มา: นสพ. ทันหุ้น 14-06-2010)
-CYBER ตะลึง Q2 พุ่งปรี๊ด ทุบสถิติ-มองต้าน 2.10 บาท "ชนินทร์ วานิชวงศ์" ปลื้มผลงานไตรมาส 2/2553 ของ CYBER พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังได้แรงหนุนจากการเปิดโรงเรียนเสริมทักษะ ดันเป้ารายได้ปีนี้โตก้าวกระโดด พร้อมทุ่มงบลงทุน 30-40 ล้านบาทออกโปรเจ็กต์ใหม่ 15-20 โครงการ สบช่องเจาะภาครัฐ เผยปัจจุบันลูกค้าทั้งไทย-เทศ แห่สั่งสินค้าล้นหลาม ส่วนแฟรนไชส์โรงเรียนได้กระแสตอบรับที่ดี คาด รับรู้รายได้ไตรมาส 3 นี้ (ที่มา: นสพ.ทันหุ้น 14-06-2010)

--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ข่าวต่างประเทศ
-จีน-ญี่ปุ่น-สหรัฐ: ศก. 3 ชาติยักษ์ส่งสัญญาณสดใส เศรษฐกิจ 3 ประเทศยักษ์ใหญ่ จีน-ญี่ปุ่น-สหรัฐ ส่งข่าวดีพร้อมกันส่งออกแดนมังกร เดินหน้าทะยานกว่า 48% ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นไตรมาส 1 โต 5% สูงกว่าที่ประเมินไว้เดิม ด้าน'เฟด'ย้ำอีก ปีนี้สหรัฐโตแน่ 3.5% เผยวิกฤตยุโรป แทบไม่ระคายผิว (ที่มา: นสพ.มติชน 11-06-2010)
-สหรัฐ: สหรัฐเผยยอดขาดดุลการค้าเดือนเม.ย.พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้า ของสหรัฐในเดือนเม.ย.พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน หลังยอดส่งออกร่วงลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน ขณะที่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับ ปัญหาหนี้ยุโรปได้เริ่มส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐ สหรัฐมียอดขาดดุลการค้าในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นมา
อยู่ที่ 4.03 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงขึ้น 0.6% จากยอดส่งออกของสหรัฐในเดือนมี.ค.ที่ลดลง 0.6% ขณะที่ยอดนำเข้าตกลง 0.4% (ที่มา: อินโฟ เควสท์ 11-06-2010)
-ยุโรป: ธ.กลางยุโรปคงดอกเบี้ย 1% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็น ประวัติการณ์ 1% ไว้ต่อไปเป็นเดือนที่ 10 ตามที่นักวิเคราะห์คาด การณ์ไว้ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 แล้ว โดยประธานอีซีบีแถลงว่า เศรษฐกิจของ ประเทศกลุ่มยูโรโซนเริ่มขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อ แต่อาจมีการปรับขึ้นของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ จึง ยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1%ต่อไป (ที่มา: นสพ.ประชาชาติธุรกิจ 11-06-2010)
-จีน: อัตราเงินเฟ้อจีนเดือน พ.ค.เกินเป้า สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนแจ้งว่า เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นตัววัดภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างน่าแปลกใจร้อยละ 3.1 เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน สูงกว่าเดือน เม.ย.ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 และสูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ร้อยละ 3 อาจเพิ่มแรงกดดันให้ทางการต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี โฆษกสำนักงานสถิติแห่งชาติเชื่อว่า จีนสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้ เป็นไปตามเป้าหมาย และโทษว่าเป็นเพราะฐานอัตราเงินเฟ้อปีก่อนค่อนข้างต่ำ ขณะที่ปีนี้ราคาอาหารและบ้านสูงขึ้น พร้อมเสริมว่าทางการไม่เป็นห่วงเรื่องเกิดภาวะเงินเฟ้อ แต่เศรษฐกิจฝืดเคืองเพราะเศรษฐกิจยังขยายตัวค่อนข้างเร็ว (ที่มา: สำนักข่าวไทย 11-06-2010)
-ญี่ปุ่น: ส่งออกยุ่นดึงศก.โต.“หนี้ยุโรป”ไม่กระทบ สำนักนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีใน ไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นการคำนวณจีดีพีครั้งที่สอง พบว่าเติบโตสูงเกินคาดอยู่ที่ 5.0% จากที่เคยคำนวณครั้งก่อนที่ 4.9% และเป็นการเติบโตเกินกว่าที่นักวิเคราะห์เศรษฐกิจคาดเอาไว้ที่ 4.0% การขยายตัวของจีดีพีในไตรมาสแรกเมื่อเทียบกับไตรมาสสี่ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 1.2% เท่ากับที่เคยคำนวณเมื่อครั้งก่อน ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นเชื่อว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้นในสหภาพยุโรป นอกจากนี้จีดีพีขยายตัวดีกว่าประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐที่มีจีดีพีเติบโตระหว่างไตรมาสแค่ 0.8% ส่วนสหภาพยุโรปเติบโตเพียง 0.2% (ที่มา: นสพ.โลกวันนี้ 11-06-2010)

--------------------------------------------------------
Technical View : FSS
“ยังต้องระวังย้อนหลุด 760 จุดลง เพื่อไหลหาแนวรับอื่นๆ ต่อ แต่ถ้าไม่หลุดแนวรับดังกล่าว หรือ วิ่งขึ้นผ่านแนวต้าน 775 จุดขึ้นได้อีก ถึงจะน่าตามเข้าเทรดดิ้งต่อเพื่อรอขายที่แนวต้านระดับถัดๆ ไปได้...”
แนวรับ : 764-760*** , 754-750 , 740-720
แนวต้าน : 773-775*** , 780-790 , 800


--------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น