Code 94 : หุ้นขึ้น ฝรั่งขายได้ราคา

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2553

ATT Code : หุ้นขึ้น ฝรั่งขายได้ราคา

วานนี้หุ้นขึ้น 11 จุด แต่ฝรั่งขายทำกำไร 1,200 ล้าน ได้ราคาดีด้วย ส่วนเช้านี้ SET เปิดที่ 780.75 จุด -0.38 จุด มีแรงขายทำกำไรออกมา และก็มีข่าวร้ายของ PTTEP เรื่องผลกระทบในเหตุการณ์น้ำมันรั่วของโครงการมอนทาราที่รั่ว ทำให้ SET ลงไปที่แนวรับที่ 777 แล้วเด้งกลับขึ้นมา โดยมีหุ้นบางตัวก็มีแรงเก็งกำไรในหุ้นที่มีข่าวต่างๆ เช่น THCOM Hompro เป็นต้น วันนี้น่าจะออก Sideway ทำให้ SET กลับขึ้นมาที่ 782 อีกครั้ง โดยที่มีแนวต้านอยู่ที่ 788 จุด และ TFEX เปิดที่ 540.20 จุด +0.60 จุด มีแนวรับของเส้น 5 วัน อยู่ที่ 538 และแนวต้าน BB TOPอยู่ที่ 548 ภาคเช้า SET ปิดที่782.01 จุด +0.88 จุด V.13,202 M.B. ต่างชาติขาย 200 ล้าน ส่วน TFEX ปิดที่ 539.80 จุด -1.80 จุด

ภาคบ่าย SET เปิดที่ 780.85 จุด เปิดลบมา 1.16 จุด และ TFEX เปิดที่ 538.90 จุด ลบมา 1.10 จุด โดยยังมีความผันผวนอยู่ แต่ก็อยู่ในกรอบแคบๆ มีขึ้นไปทำ New High ที่ 783.35


SET ปิดตลาดที่ 780.37 จุด -0.76 จุด V.24,266 M.B. มีแรงขายทำกำไรออกมา ต่ำกว่า 782 แต่ยังสามารถยืนเหนือ 780 ได้ ก็ยังไม่เสียรูปกราฟมากนัก โดยพรุ่งนี้ถ้าหลุด 780 และยังลงต่ำกว่า 773 ก็เริ่มจะดูไม่ดี ส่วน TFEX ปิดที่ 541.50จุด -0.10 จุด สวิงอยู่ในกรอบแคบๆ


>>หุ้นใหม่ที่จะนำเข้ามาคำนวณ SET50 ประจำงวด 1 ก.ค.-31 ธ.ค.53 แล้วมี 5 หลักทรัพย์ได้แก่ BLA, HMPRO, IVL, TISCO และ TPIPL

>>ส่วนตัวที่ถูกเอาออกได้แก่ BECL, MCOT, SCIB, TPC และ TSTH

------------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้ 15/06/53

>>SET ปิดที่ 781.13 จุด +11.58 จุด High 782.59 จุด low 772.21 จุด......แนวรับ 775-770 // 764-760 จุด แนวต้าน 787-790 // 796-800 จุด......PE SET 12.19 เท่า.........
>>สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งขาย 1257.46 ล้าน กองทุนซื้อ 573.22 ล้าน.....โบรกเกอร์ ที่ net buy CS 898, SCBS 650, KSEC 569, KEST 391 และ TSC 330…....
>>โบรกเกอร์ที่ net sell UBS -1050, BLS -626, FSS -595, DBSV -409 และ TNS -339........
>>TFEX SET50 ปิดที่ 541.11 จุด +7.35 จุด.......S50M10 ปิดที่ 541.50 จุด +8.40 จุด .... high 542.40 จุด low 534.50 จุด OI 17,404..............status futureวานนี้ Foreign net SHORT 109 - Fund net LONG 403 - Retail net SHORT 294............
>>ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ ปิด -20.18 จุด……..….ยุโรปปิด +0.5 ถึง +1.5%.............ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.20 น. NIX -17.98 จุด HSKI +13.92 จุด TWSE +6.48 จุด KOSPI -2.10 จุด SHCOMP ปิดทำการถึงวันที่ 16 มิ.ย. ......ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า +17 จุด.......
>>ค่าเงิน เงินบาท 32.41…..เงินเยน 91.53 ……..COMODITY.... น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ก.ค. ปิดที่ 75.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล +1.34 ดอลล์ .......
>>ค่าการกลั่น 2.89 ดอลล์.......ทองคำ COMEX วานนี้ปิดที่ 1224.50 เหรียญ -5.70 ดอลลาร์......
>>BDI ปิดล่าสุดอยู่ที่ 3115 จุด -173 จุด …..
>>ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดล่าสุดที่ 1797 ดอลลาร์ต่อตัน +57.0 ดอลล์
สินค้าเกษตร...ราคาตลาดจริง (หน่วย : บาท/ กก.) ….ข้อมูลจาก WEB Site ของ AFET (www.afet.or.th)
>>ราคาประมูลยางแผ่นรมควันชั้น 3 (14/06/10) Hatyai A.M. 113.49 บ. +1.73 บ. // FOB.BKK 114.60 บ. +0.50 บ.
>>ราคาข้าวขาว 5% (14/06/10) 12.82 บ. +0.07 บาท
>>ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 (14/06/10) 27.05 บ. ไม่เปลี่ยนแปลง

--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย

ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-หุ้นขึ้น-ฝรั่งขาย!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 15 มิ.ย.53 ปิด 781.13 จุด บวก 11.58 จุด ทำนิวไฮสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย 26,979.41 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,257.46 ล้านบาท

หุ้น CPF ทำนิวไฮสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยโบรกเกอร์แนะ "ซื้อ" คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2 สูงสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดย บล.ธนชาติ แนะ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 22 บาท มองว่ามีโอกาสที่จะปรับประมาณการกำไรของ CPF ขึ้นไปอีก โดยคาดว่าไตรมาส 2 จะมีกำไรสุทธิราว 4.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นกำไรสูงที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยผลักดันราคาหุ้นในระยะอันใกล้นี้

ธนชาติยังระบุว่า ไตรมาส 2 ทุกธุรกิจมีการดำเนินงานที่ดี ขณะที่ธุรกิจเนื้อสัตว์ในประเทศและการส่งออกกุ้งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในไตรมาสนี้ โดยน่าจะผลักดันให้กำไรงวดครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 87% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 7.4 พันล้านบาท คิดเป็น 55% ของประมาณการทั้งปี

เช่นเดียวกับหุ้น CK ที่ทำนิวไฮสูงสุดกว่า 2 เดือน หลังโบรกแนะ "ซื้อ" โดย บล.โกลเบล็ก แนะ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายที่ 7.24 บาท หลังผู้บริหาร CK คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาโครงการไซยะบุรีภายในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะรับรู้สัดส่วนการรับงานราว 7-8 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน คาดว่าช่วงครึ่งหลังปี 53 ภาครัฐจะเร่งเปิดงานโครงการ หลังจากที่ชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรก เช่น งานประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสัญญาที่ 1 และ 2

ปิดท้าย หุ้น THCOM ร้อนแรงสุดๆ ทะยานทำนิวไฮในรอบเกือบ 4 เดือน หลังมีข่าวรัฐบาลจะซื้อหุ้นคืนจากเทมาเสกเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความแตกแยกที่เกิดจากการออกอากาศของทีวีฝ่ายต่อต้านรัฐบาล

ขณะที่ "ศิริโชค โสภา" ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเผยว่า นายกรัฐมนตรีให้ศึกษาแผนซื้อหุ้น THCOM คืนจากกลุ่มเทมาเสก สิงคโปร์ หลังเห็นว่าดาวเทียมไทยคมเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศที่ควรเป็นของคนไทย บริษัทไทย โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลังและไอซีทีพิจารณาความเป็นไปได้ในการขอซื้อหุ้นดาวเทียมไทยคมกลับมา

บล.ไอร่า วิเคราะห์ราคาหุ้นทางเทคนิคว่า ราคาหุ้น THCOM ที่ยืนเหนือ 5.50 บาท ได้ถือเป็นสัญญาณซื้อที่จะมีแนวต้านเป้าหมายแรกที่บริเวณ 6.10 บาท

แนะกลยุทธ์การลงทุนให้ทยอยซื้อในลักษณะตั้งรับ โดยให้แนวรับที่ 5.40 บาท และ 5.30 บาท ขณะที่ให้แนวต้าน 5.85 บาท และ 6.10 บาท.

FSS : ตลาดขึ้นยังเน้นขาย ส่วนจังหวะซื้อให้รอตอนตลาดปรับตัวลงก่อน...
แนวโน้ม:
เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐย้อนกลับมาปิดเป็นลบไปเล็กน้อย ทั้งที่ระหว่างวันสามารถขยับบวกขึ้นไปกว่า 100 จุดจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่ได้รับแรงกดดันจากการปรับลดอันดับเครดิตของกรีซลงจากทางมูดี้ส์ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อเนื่องถึงความมั่นใจในตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ด้วย ทำให้ตลาดในภูมิภาคเปิดมายังอยู่ในลักษณะแกว่งตัวผันผวนมีทั้งบวกและลบให้เห็นในกรอบจำกัด ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ขยับขึ้นมาค่อนข้างแรงด้วยแรงซื้อของสถาบันภายในประเทศและพอร์ตโบรกเกอร์เป็นหลัก ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศยังคงยอดขายสุทธิอีกกว่า 1.2 พันล้านบาท ดังนั้น FSS คาดว่า SET วันนี้น่าจะอยู่ในลักษณะแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ ในกรอบ 770-790 จุดได้ และจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังคงมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความเสี่ยงต่อการที่ SET จะเน้นหนักทางด้านแกว่งตัวลงไปอีกระยะหนึ่งมีความเป็นไปได้สูง เราจึงยังแนะนำให้เน้นขายทำกำไรเมื่อตลาดเป็นบวกอยู่ และเน้นถือเงินสดเพื่อรอจังหวะทยอยซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลงอีกครั้ง โดยเป้าหมายการไหลลงน่าจะหลุดต่ำกว่า 760 จุดลงไปได้ในที่สุด
กลยุทธ์: ยังเน้นเทรดดิ้งสั้นๆ โดยควรขายทำกำไรเมื่อตลาดเป็นบวก โดยเฉพาะหุ้นที่ได้แนะนำไปในสัปดาห์ก่อน ถ้าราคาขยับขึ้นมาพอควรแล้วควรเริ่มหาจังหวะขายทำกำไรมากกว่าซื้อไล่ตาม และต้องเริ่มจำกัดพอร์ตในการเข้าเทรดดิ้งด้วย ส่วนการเข้าซื้อเพื่อถือลงทุนนั้นยังน่ารอการแกว่งตัวลงไปต่ำกว่า 760 จุดก่อนค่อยพิจารณาหาจังหวะเข้ารับต่อไป

ประเด็นสำคัญวันนี้
-มาบตาพุดคืบหน้าไปอีกขั้น
คณะกรรมการ 4 ฝ่ายได้ข้อสรุปหลักการ 18 ประเภทที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนร้ายแรงแล้ว โดยเป็นการจัดหมวดหมู่ใหม่จากบัญชีเดิมที่เสนอเข้ามาและมีเพิ่มเติมในบางรายการ และเตรียมเสนอประเภทกิจการดังกล่าวต่อนายกฯ หากนายกฯ เห็นชอบ ขั้นตอนต่อไปคือนายกฯ จะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และรัฐบาลจะประกาศประเภทกิจการดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย จากความคืบหน้าดังกล่าวทำให้เรายังคงคาดว่าโครงการต่างๆ น่าจะถูกปลดล็อกและเริ่มดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ใน 4Q10 นี้ ซึ่งเป็นผลดีอย่างมากกับ PTTCH และ SCC รวมถึง PTT ด้วย
-THCOM นายกฯ ยอมรับว่ารัฐบาลมีแนวคิดซื้อดาวเทียมไทยคมจริง โดยมีวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงของชาติ ขณะที่ทาง Temasek ก็แสดงความตั้งใจแต่แรกแล้วว่าไม่ได้ต้องการธุรกิจดาวเทียม เรามองว่าแม้รัฐบาลจะตั้งใจแต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนสูงเพราะขึ้นกับเงื่อนไขต่างๆ เช่น (1) จะแยกส่วนการซื้อดาวเทียมอย่างไรเพราะบริษัทมีทั้งธุรกิจดาวเทียม ธุรกิจมือถือในลาวและกัมพูชา ธุรกิจ Internet และดาวเทียม TV (DTV) (2) จะให้ใครมาบริหาร ตามข่าวคือให้ MCOT หรือ CAT ซื้อ (3) การประเมินราคาที่เหมาะสมและโปร่งใสในการเอาเงินภาษีประชาชนไปซื้อที่ระดับ 3.6 – 4 พันล้านบาท (4) ประเด็นการแก้ไขสัมปทานหลังคำตัดสินของศาลฯ และจะสร้างดาวเทียมใหม่แทนไทยคม 2 ที่หมดอายุไปหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวสร้างโอกาสในการเก็งกำไรระยะสั้นเรื่องราคาซื้อขาย THCOM ที่ปัจจุบันต่ำกว่า Book value ที่ 14 บาท แต่พื้นฐานของบริษัทก็ยังมีความเสี่ยงจากความล่าช้าของการเลื่อนรับรู้รายได้จากอินเดีย ที่ราคาปัจจุบันนักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังสูงเพราะเข้าใกล้ราคาเป้าหมายของเราที่ปรับลงเหลือประมาณ 8.40 บาท และของ Consensus ที่ 7.63 บาท นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวยังเป็น Sentiment บวกให้กับ SHIN และเป็นข่าวลบกับ MCOT
-PTTEP วันที่ 18 มิ.ย. นี้ คณะกรรมการไต่สวนที่ตั้งขึ้นโดยรัฐบาลออสเตรเลียจะสรุปผลกระทบในเหคุการณ์น้ำมันรั่วของโครงการมอนทาราที่รั่วตั้งแต่ 21 ส.ค. 2552 เพื่อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป ผลการไต่สวนเป็นไปได้ตั้งแต่ตักเตือนไปจนถึงยกเลิกโครงการ แต่เราไม่เชื่อว่า PTTEP จะถูกยกเลิกโครงการเนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วไหลมีเพียง 9 ล้านแกลลอน ซึ่งไม่มาก ประกอบกับคราบน้ำมันที่รั่วไหลสามารถควบคุมได้และไม่ได้ถึงฝั่งเหมือนกรณีของ BP และไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อม เช่น ชายหาด หรือมีสัตว์น้ำตาย เราประเมินกรณีเลวร้ายที่สุดหากต้อง Write off ทั้งโครงการ จะกระทบกับมูลค่าหุ้นประมาณ 39 บาท/หุ้น (การลงทุนทั้งหมด 33 บาท/หุ้น + ค่าความเสียหายในส่วนที่เรียกคืนจากประกันไม่ได้ 6 บาท/หุ้น)

ข่าวภายในประเทศ
-HMPRO เซอร์ไพร์ส! ตลท.ชงเข้า SET50 ต่างชาติไล่ซื้อ ที่เหลือตามโผ BLA IVL TISCO TPIPL ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศหุ้นติด SET50 รอบนี้ มี 5 ตัว มาตามโผ BLA, IVL, TISCO, TPIPL ส่วนบิ๊กเซอร์ไพร์สเป็นหุ้น HMPRO ด้านโบรกฯ มองจะกลายเป็นหุ้นที่สถาบันในและต่างประเทศ เข้ามาเก็บหุ้นเข้าพอร์ต โดยเฉพาะต่างชาติเพราะถูกบังคับให้ซื้อแต่หุ้น SET50 และเป็นหุ้นค้าปลีกที่ดีที่สุด ขยายสาขาต่อเนื่อง ส่วนหุ้น TISCO โบรกฯต่างชาติให้เป้าหมาย 34 บาท เหตุพีอีต่ำสุดในกลุ่มแบงก์ แถมกำไรไตรมาส 2 เติบโตกระฉูด และมีYield สูงสุดในกลุ่ม (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-06-2010)
-ส่งรสก.ซื้อ THCOM คาดใช้เงิน 4 พันลบ. อภิสิทธิ์สั่งคลังซื้อหุ้นไทยคมจากเทมาเส็กคืน ยึดความโปร่งใสเรื่องของราคา และเงื่อนไข คลังยอมรับคุยเทมาเส็กจริง แต่อุบไต๋เรื่องซื้อหุ้นคืน ให้รัฐวิสาหกิจที่มีความพร้อมและมีความสนใจเข้าไปซื้อ เช่น บริษัท อสมท และ กสทโทรคมนาคม (กสท) ส่วนไอซีทีรับลูก “มาร์ค” โบรกฯให้ราคาซื้อหุ้น 5 บาทกว่า หากซื้อจากจำนวนที่ SHIN ถือ น่าใช้เงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-06-2010)
-SPACK บุ๊ค 253 ล้านขาย EPCO SPACK รับทรัพย์กว่า 253 ล้านบาท จากการขายหุ้น EPCO ให้กับ SSE จำนวน 126.68 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2 บาทจ่อบุ๊คทันทีไตรมาส 3/53 ดันรายได้ทั้งปีโต 10-15% ตามเป้า หลังจากที่ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง ออเดอร์เข้ามาตลอด ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/53 คาดใกล้เคียง 300.34 ล้านบาท ในไตรมาสก่อน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-06-2010)
-SIMAT เพิ่มทุน 5 บาท ขายเฉพาะรายใหญ่รายได้ปีนี้ขยับ 227% ไซแมท เทคโนโลยี ฝันขายหุ้นเพิ่มทุน PP จำนวน 10 ล้านหุ้น 5 บาทต่อหุ้น สูงกว่าราคาในกระดาน 4.20 บาท เผยนักลงทุนรายใหญ่ของบล.ฟิลลิปเอง สนใจซื้อ ระบุกระบวนการเสร็จไตรมาส 3/53 เรียกประชุมผู้ถือหุ้น 23 มิ.ย.นี้ รายได้ปีนี้ 1.8 พันล้านบาท โต 227% หลังตลาดกลับมาฟื้นและมีการบุกตลาดใหม่เพิ่มขึ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-06-2010)
- เทรดโกลด์ฯต่อถึง 4 ทุ่ม วอลุ่มวิ่งแตะหมื่นสัญญา ตลาดหลักทรัพย์ฯพร้อมขยายเวลาซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สถึง 22.00 น. ดีเดย์ไตรมาส 1 ปี 54 หลังราคาทองคำจะแกว่งตัวแรง 20-60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงกลางคืน หวังช่วยนักลงทุนเก็งกำไรและป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาทองคำได้เต็มที่ขึ้น โบรกเกอร์เชื่อช่วงแรกเพิ่มวอลุ่มซื้อขาย 2,000-10,000 สัญญาต่อวัน หรือเพิ่มเป็นเท่าตัวในระยะยาว ด้านวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์สคาดโอกาสทำกำไรจากทองคำถึงไตรมาส 3 ยังมีกว่า 12.5% เป้าทั้งปี 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-06-2010)
-SENAรายได้ไตรมาส 2 ลด 20% คงเป้ารายได้ปีนี้ 1,500 ล้าน เล็งซื้อสนามกอล์ฟ SENA เผยไตรมาส 2 รายได้ลด 10-20% จากไตรมาสแรก รับผลกระทบปัญหาการเมืองไม่สงบ ส่วนทั้งปีคงเป้ารายได้ 1,500 ล้านบาท โต 20% จากปีก่อน มีแบ็กล็อกรอบันทึกปีนี้ 800 ล้านบาท ขณะที่ 5 เดือนโชว์ยอดขาย 1,000 ล้านบาท จากเป้าปีนี้ 1,700 ล้านบาท ปรับแผนเปิดโครงการเหลือ 6 โครงการ จากเดิม 7 โครงการ เล็งซื้อสนามกอล์ฟต่อยอดเพิ่มรายได้ค่าเช่า (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-06-2010)
-SYNTEC ลุ้นงบไตรมาส 2 แจ่ม! กำไรขั้นต้นพุ่ง12% น่าซื้อราคาต่ำ SYNTEC มีลุ้นงบไตรมาส 2/53 แจ่ม ไม่ต้องแบกรับผลขาดทุนบ้านเอื้ออาทรคาดอัตรากำไรขั้นต้นพุ่ง 10-12% จากงานในมือที่มีมาร์จิ้นสูง ขณะที่ตั้งเป้าคว้างานใหม่ปี 2553 ที่ 6,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้ถึงปี 2555 ด้านโบรกฯมองราคาหุ้นยังถูก และยังต่ำกว่าบุ๊ค 34% แนะซื้อราคาเหมาะสม 1.45 บาท แถมอัพไซด์กว่า 42% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-06-2010)
-BTS แจงขายหุ้นเพิ่มทุนไม่หมด นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า จากการที่BTS ประกาศจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 20,446,441,022 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering) และให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนส่วนที่เหลือให้กลุ่มผู้ลงทุนประเภทสถาบันการเงินหรือกลุ่มลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ของ BTS ในอัตราจัดสรร 7 หุ้นเดิมต่อ 4 หุ้นใหม่ ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม-7 มิถุนายน 2553 ปรากฏว่าผู้ถือหุ้นเดิมของ BTS ได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวจำนวน 14,572,185,252 หุ้น ในราคาหุ้นละ 0.63 บาท รวมเป็นเงิน 9,180,476,708.76 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-06-2010)

--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ไทยรัฐ -ดาวโจนส์ร่วง20จุด-น้ำมันปิด75.12ดอลลาร์
นักลงทุนวิตกปัญหาเศรษฐกิจของยุโรป ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับลดลง ส่วนราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเหนือ 75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีเพิ่มขึ้นในช่วงแรก หลังข้อมูลล่าสุดระบุว่า ผลผลิตด้านอุตสาหกรรมของ 16 ประเทศในกลุ่มยูโรโซนขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้นไปอยู่เหนือ 1.22 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกลับเทขายหุ้นในช่วงท้าย เนื่องจากยังไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจยุโรปกลับมาฟื้นตัว ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,190.89 จุด ลดลง 20.18 จุด 0.20% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,243.96 จุด เพิ่มขึ้น 0.36 จุด หรือ 0.02% ดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,089.63 จุด ลดลง 1.97 จุด หรือ 0.18%

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.34 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ 75.12 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 5,202.13 จุด เพิ่มขึ้น 38.45 จุด หรือ 0.74% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 6,125 จุด เพิ่มขึ้น 77.17 จุด หรือ 1.28% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,626.04 จุด เพิ่มขึ้น 70.52 จุด หรือ 1.98% ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 75.20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 85 เซนต์

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ 1,223.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ลดลง 5.60 ดอลลาร์สหรัฐ

ข่าวต่างประเทศ
-ยุโรป: BIS ชี้วิกฤติหนี้ยุโรปกระทบเชื่อมั่นศก.โลกฟื้น
BIS ชี้วิกฤติหนี้สาธารณะยุโรปกระทบความเชื่อมั่นการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก นักลงทุน เมินตัวเลขในด้านบวก ธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements :BIS) เปิดเผยว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปได้สร้างปัจจัยลบต่อนักลงทุน แม้ว่าขณะนี้การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจะบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวบ้างแล้วก็ตาม บีไอเอส ระบุว่า นักลงทุนต่างพุ่งความสนใจไปยังปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ดังนั้น นักลงทุนจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญ กับการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาในแง่บวก อาทิ รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด 100,000 ตำแหน่ง ไปแตะที่ 290,000 ตำแหน่ง (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ 14-06-2010)
-สหรัฐ: "เฟด" เผยรายงาน Beige Book ชี้ ศก.สหรัฐฯ มีเสถียรภาพ ธนาคารกลางสหรัฐเผยรายงาน Beige Book ชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในระดับ มีเสถียรภาพ เตรียมนำเข้าพิจารณาในการประชุม 22 ก.ย.นี้ ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค ยังคงซบเซา หลังตัวเลขจ้างงานที่ยังไม่ฟื้นตัว สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขต ครั้งล่าสุดว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ และบางภูมิภาคฟื้นตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นหลักฐานชี้ชัดว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 ในสหรัฐได้ยุติลงแล้ว รายงานยังระบุว่า "เฟด" เกือบทั้ง 12 สาขารายงานตรงกันว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ "มีเสถียรภาพ" และบางสาขาระบุว่าเศรษฐกิจ '"ยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด" ยกเว้นเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ที่กล่าวว่า เศรษฐกิจยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว ถึงกระนั้นก็ตาม เฟดทั้ง 12 สาขาระบุว่าเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาคมีแนวโน้มขยายตัว (ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 14-06-2010)
-เอเชีย: เงินวอนพุ่งสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังแบงค์ชาติเกาหลีใต้ประกาศแผนสร้างเสถียรภาพ FX ค่าเงินวอนเกาหลีใต้พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้านี้ หลังจากธนาคารกลางเกาหลีใต้ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการเงินของเกาหลีใต้ ประกาศใช้มาตรการสร้างเสถียรภาพระบบการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนเงินวอน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 14-06-2010)
-เอเชีย: อินเดียเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค.ทะยานแตะ 10.2% รัฐบาลอินเดียเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้ออินเดียขยายตัวแตะ 10.2% ในเดือน พฤษภาคมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางอินเดียตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยอีก กระทรวงพาณิชย์อินเดียเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อจาก ราคาอาหารยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 16.5% ในเดือนพฤษภาคม ส่วนอัตราเงินเฟ้อจากราคาเชื้อเพลิงและพลังงานอยู่ที่ 13.1% และอัตราเงินเฟ้อจาก การผลิตอยู่ที่ 6.4% ในเดือนพฤษภาคม จากระดับ 6.7% ในเดือนเมษายน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 14-06-2010)

--------------------------------------------------------
Technical View : FSS
“ตลาดขยับผ่านแนวต้าน 775 จุดขึ้นได้แล้ว จึงยังสามารถตามเข้าเทรดดิ้งต่อเพื่อรอขายที่แนวต้านระดับถัดๆ ไปได้ นอกจากผิดคาดดัชนีย้อนกลับลงไปต่ำกว่า 760 จุดอีกถึงจะต้องยอมขายถอย และชะลอการเข้าเทรดดิ้ง...”
แนวรับ : 775-770** , 764-760***
แนวต้าน : 787-790* , 796-800**


--------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น