Code 87 : แนวต้านมีไว้ให้พุ่งชน 777

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2553

ATT Code : แนวต้านมีไว้ให้พุ่งชน 777
เมื่อวานรายย่อยขายคนเดียว 4 พันกว่าล้าน ที่เหลือ ซื้อกันท่วนหน้า ก็ต้องรวบรวมความกล้า ท้าให้ชน 777 จะไหวไม่ไหว???

เช้านี้ SET เปิดที่ 767.56 จุด +1.65 จุด ถ้าผ่าน 772 ไปได้ ก็มีโอกาสที่จะไปแนวต้านที่ 777 แต่อาจจะไม่ใช่วันนี้ เพราะเมื่อวาน ขึ้นมามากพอสมควร ส่วน TFEX เปิดที่ 531 จุด -1.60 จุด ถ้ายืนไม่ต่ำกว่า 531 ก็มีลุ้นไปต่อที่ 538 ได้อยู่

ภาคเช้า SET ปิดที่ 767.33 จุด +1.37 จุด V.9,150 MB. ต่างชาติซื้อ 400 ล.บ. ส่วน TFEX ปิดที่ 533.20 จุด +0.60 จุด

ภาคบ่าย SET ปิดที่ 771.78 จุด +5.52 จุด V.18,305 MB. แรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน-แบงก์ หนุน รอลุ้น MACD ตัดเส้น Zero Line ขึ้นไป ก็อาจจะไปทะลุแนวต้านที่ 777 ได้ ต่างชาติซื้อ 1 พันล้าน ส่วน TFEX ปิดที่ 536.3 จุด +3.70 จุด shot ต่อไปก็ลุ้น 538 จุด

Hilight
>>>ฝ่ายกลยุทธ์ บล.เคจีไอ มองดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยประเมินแนวต้านไว้ที่ 770-775 จุด
>>>ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง แนะกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น หากดัชนีแตะระดับ 765 จุด ให้ทยอยขายหุ้นบางส่วนของพอร์ตออกไปบ้าง ส่วนแนวโน้มตลาดคาดว่าการฟื้นตัวของดัชนีให้ผ่าน 770 จุด เป็นไปได้ยาก
>>>KTZimico :โดยมองแนวโน้มตลาดยังมีโอกาสขยับขึ้นได้ต่อ โดยเฉพาะทางด้านเทคนิคการที่ดัชนีทะยานขึ้นผ่านระดับ 750 จุดได้ ทำให้ยังเป็นขาขึ้นได้ต่อ ทั้งนี้ มองแนวต้านไว้ที่บริเวณ 772-780 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 755 จุด
>>>วานนี้ Foreign Fund flow กลับมาเป็นซื้อสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค และไหลเข้าทุกตลาด แม้ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ในยุโรปยังไม่คลี่คลาย แต่เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีเป็นส่วนใหญ่ จึงส่งผลให้นักลงทุนมั่นใจในการลงทุนในช่วงนี้มากขึ้น
>>>ลุ้นหุ้นไทยวันนี้รีบาวน์ต่อ แรงซื้อต่างชาติหนุน-ระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้น นักวิเคราะห์แนะหุ้นพลังงาน-แบงก์ คาดแนวรับ 755 แนวต้าน 780 จุด
>>>บาทเปิดตลาดที่ระดับ 32.56/59 บาท/ดอลลาร์ แกว่งตัวช่วงแคบ จับตาตัวเลขการจ้างงานสหรัฐ-ปัญหานี้ยุโรป คาดวันนี้อยู่ที่ 32.50-32.70 บาท/ดอลลาร์

--------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ฝรั่งซื้อ!?!

ดัชนีหุ้นวันที่ 3 มิ.ย.53 ปิดที่ 765.96 จุด บวก 16.28 จุด ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 24,209.82 ล้านบาท

ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,514.23 ล้านบาท นักลงทุนในสถาบันซื้อสุทธิ 1,923.42 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 954.32 ล้านบาท ขณะที่รายย่อยฉวยโอกาสขายสุทธิตุนกำไร 4,391.96 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย TCAP ปิดที่ 25 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท, PTT ปิดที่ 248 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท, SCB ปิดที่ 83.25 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท, BANPU ปิดที่ 594 บาท เพิ่มขึ้น 12 บาท และ IVL ปิดที่ 18 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท

ฝ่ายกลยุทธ์ บล.เคจีไอ มองดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยประเมินแนวต้านไว้ที่ 770-775 จุด ซึ่งที่แนวต้านดังกล่าว ตลาดอาจเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาจากนักลงทุน เพราะยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอน โดยยังคงติดตามวิกฤติทางการเงินของยุโรป

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ถือ ทั้งนี้ หากดัชนีอ่อนตัว ลงรอซื้อที่บริเวณแนวรับ 760 จุด

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง แนะกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น หากดัชนีแตะระดับ 765 จุด ให้ทยอยขายหุ้นบางส่วนของพอร์ตออกไปบ้าง เพราะการฟื้นตัวของหุ้นไทยยังไม่มีความแน่นอน มีปัจจัยเสี่ยงจากความเปราะบางทางเศรษฐกิจเป็นหลัก มองดัชนีมีแนวรับที่ 760 จุด และประเมินแนวต้าน 770 จุด

ปิดท้าย "ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ประเมินตลาดหุ้นไทยเดือนมิถุนายน ดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้นได้ โดยมีโอกาสขึ้นไปแตะที่ระดับ 780-800 จุด หลังรัฐบาลเยอรมนีประกาศจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ยุโรป และการชะลอขึ้นดอกเบี้ยของจีน ทำให้มีปัจจัยบวกมาหนุนตลาดให้ปรับตัวขึ้นในระยะสั้น

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนจึงเหมาะกับการเข้ามา "เล่นรอบ" มากกว่าซื้อเพื่อถือลงทุน

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยบัวหลวง ได้ปรับลดเป้าหมายดัชนีปีนี้ลงเหลือ 800 จุด จากเดิมให้ไว้ที่ 830 จุด และปรับลดการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนลงเหลือ 14–15% จากเดิมคาดว่าจะโต 17%.

ไทยรัฐ : หุ้นไทยเด้งนิวไฮรอบ 3 สัปดาห์ ดี๊ด๊ารับต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ
ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง มีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นธนาคารพาณิชย์และหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มอื่นๆ ส่งผลให้การซื้อขายคึกคัก ดันดัชนีมาปิดทำการที่ 765.96 จุด บวก 16.28 จุด ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์...

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง โดยมีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นธนาคารพาณิชย์และหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มอื่นๆ รวมทั้งหุ้นขนาดกลางและเล็กด้วย ส่งผลให้การซื้อขายเต็มไปด้วยความคึกคัก ดันดัชนีมาปิดทำการที่ 765.96 จุด บวก 16.28 จุด ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ นับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 24,209.82 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 1,514.23 ล้านบาท

นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ยอมรับว่าดัชนีปรับตัวขึ้นมาแรงเกินคาด โดยนักลงทุนบางส่วนกลับเข้ามาเก็งกำไรในตลาด หลังตลาดหุ้นต่างประเทศ รวมทั้งตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นและดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าก็ปรับตัวขึ้นด้วย โดยมองแนวโน้มตลาดยังมีโอกาสขยับขึ้นได้ต่อ โดยเฉพาะทางด้านเทคนิคการที่ดัชนีทะยานขึ้นผ่านระดับ 750 จุดได้ ทำให้ยังเป็นขาขึ้นได้ต่อ ทั้งนี้ มองแนวต้านไว้ที่บริเวณ 772-780 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 755 จุด

ด้านนางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล. กิมเอ็ง กล่าวว่า ตลาดได้รับปัจจัยสนับสนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ฟื้นตัวขึ้น โดยปรับเพิ่มขึ้นแรงถึง 2.25% รวมทั้งดัชนีตลาดหุ้นในเอเชียยังฟื้นตัวดีขึ้นเฉลี่ยประมาณกว่า 2% ส่วนปัญหาการเมืองภายในประเทศ ยังไม่มีเหตุการณ์ที่สร้างความกดดันจนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน ส่วนแนวโน้มตลาดคาดว่าการฟื้นตัวของดัชนีให้ผ่าน 770 จุด เป็นไปได้ยาก เพราะอาจโดนแรงขายทำกำไรออกมาจากความไม่มั่นใจกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความเปราะบางอยู่

FSS : หลังแรงขายแผ่ว..แรงซื้อยังเริ่มกลับมา แต่แนะนำให้รอลงก่อนค่อยซื้อ!!
แนวโน้ม: เมื่อคืนนี้แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะยังสามารถปิดเป็นบวกได้ แต่ก็เพียงเล็กน้อย และเริ่มมีการแกว่งตัวในระหว่างวันมากขึ้นด้วย โดยแรงซื้อหลักๆ ยังเป็นการเข้าซื้อเพื่อรอเก็งกำไรตัวเลขการจ้างงานที่จะประกาศในคืนนี้ว่าจะออกมาแข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เริ่มมีแรงขายกดดันทำให้มีการปรับตัวลงมาเป็นลบให้เห็นบ้างแล้ว รวมทั้งการขยับบวกขึ้นแรงของหุ้นไทยเมื่อวานนี้ก็น่าจะทำให้มีแรงขายระยะสั้นออกมากดดันด้วย อย่างไรก็ตามถือว่าเราเริ่มเห็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาบ่อยครั้งขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดี ดังนั้นจากที่คาดว่าโอกาสที่ SET จะลงต่ำกว่า 700 จุดมีน้อยลงแล้วยังมีความเป็นไปได้ด้วยว่าถ้าแรงซื้อนักลงทุนต่างประเทศยังมีเข้ามาสม่ำเสมอ อาจทำให้ SET เริ่มแกว่งตัวขึ้นต่อเนื่องได้ทันทีด้วย ดังนั้น FSS คาดว่าจังหวะที่จะทยอยเข้าซื้อหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาต่ำมากๆ สำหรับการถือลงทุนยาวนั้นอาจจะมาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมาตลาดขยับขึ้นมาพอควรแล้ว เราจึงยังแนะนำให้รอช่วงตลาดปรับพักตัวลงเป็นลบก่อนค่อยพิจารณาเรื่องจังหวะซื้อกันอีกครั้ง ซึ่งยังมีโอกาสที่ SET จะย้อนกลับลงไปแถว 740-720 จุดได้อยู่
กลยุทธ์: ยังไม่แนะนำให้ตามซื้อในลักษณะไล่ราคา แต่ควรหาจังหวะเข้าซื้อเพื่อถือลงทุนเมื่อดัชนีปรับตัวลงอีกครั้งดีกว่า โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (BANPU, PTTEP, PTTCH) โรงไฟฟ้า (GLOW) กลุ่มวัสดุฯ (SCC, SSI, DCC) กลุ่มอาหารและเกษตร (CPF, GFPT, TUF, TVO, STA) กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ (KCE, DELTA) และกลุ่มยานยนต์ (SAT, STANLY)

ประเด็นสำคัญวันนี้
-รีบาวนด์ต่อ 1 – 2 วันนี้แต่ช่วงสุดสัปดาห์ต้องตามการประชุม G-20 ตัวเลขเกี่ยวกับตลาดแรงงานที่จะประกาศวันพฤหัส-ศุกร์ (ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก การจ้างงานนอภาคเกษตร และอัตราการว่างงาน) จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดใน 1 – 2 วันนี้ อย่างไรก็ตาม การประชุมรมว.คลังและธนาคารกลางของประเทศใน G-20 วันที่ 4 – 5 มิ.ย. ที่เกาหลีใต้อาจกลายเป็นประเด็นลบกดดันตลาดเพราะจะมีการพิจารณาเรื่องการเก็บภาษีธนาคารเพิ่มเพื่อตั้งกองทุนช่วยเหลือธนาคารในอนาคตเมื่อเกิดวิกฤต รวมถึงอาจมีมาตรการควบคุมเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ สกัดกั้นการเก็งกำไร ซึ่งเป็นผลดีในระยะยาวแต่ระยะสั้นจะทำให้เกิดการขายหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ เพื่อปรับพอร์ต ในทางตรงกันข้ามการประชุมอาจกลายเป็นผลดีที่ทำให้ความเชื่อมั่นของค่าเงินยูโรกลับมาชั่วคราวหากที่ประชุมสนับสนุนการแก้ปัญหาของ EU
-กลุ่มแบงก์มีประเด็นบวกมากกว่าพลังงาน: การเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายออกไป (ฝ่ายกลยุทธ์ของเราคาดว่าจะขึ้นใน 4Q10) เป็นผลดีกับธนาคารที่ทำธุรกิจเช่าซื้อเช่น TISCO (น่าจะเข้า SET50 งวดต่อไป) , KK, TCAP (มีประเด็นซื้อหุ้นคืน) ขณะที่แบงก์ใหญ่ก็ไม่กระทบเพราะมีสามารถในการบริหารจัดการส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยได้ดีมากอยู่แล้วโดยเฉพาะ KBANK และ SCB ส่วนการจลาจลที่เกิดขึ้น เราประเมินว่ากระทบกับกำไรของกลุ่มแบงก์ไม่ถึง 1% แนะนำ KBANK และ SCB ซึ่งมีโอกาสถูกซื้อ cover short มากสุด ขณะที่กลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี จะมีผลประกอบการที่แย่ลง Q-Q ใน 2Q10 เพราะราคาน้ำมัน ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และค่าการกลั่นลดลง และถ้าราคาน้ำมันสิ้นเดือนนี้ต่ำกว่า US$76 ก็จะมี Stock loss รวมถึงราคาถ่านหินก็ลดลงจาก 1Q10 เช่นกัน ดังนั้น สำหรับการลงทุนระยะสั้นเราแนะนำขายลดพอร์ตในกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมีต้นน้ำ เช่น PTTAR, IRPC (ผิดหวังเรื่องการควบรวมล่าช้า), PTTCH, TOP และรอซื้ออ่อนตัวเพราะราคาน้ำมันจะปรับตัวดีขึ้นใน 3Q10 เพราะเป็น driving season
-หุ้นที่มีโอกาสปรับเข้า-ออก SET50 เก็งกำไรหุ้นที่มีโอกาสได้เข้าไปคำนวณใน SET50 (ก.ค. – ธ.ค. 53) ซึ่งตลาดจะประกาศกลางเดือนนี้ หุ้นที่คาดว่าจะได้เข้ามี BLA, TISCO, TPIPL, IVL ส่วนหุ้นที่น่าจะถูกปรับออกมี TSTH, MCOT, BECL (ระยะยาวก็ไม่น่าสนใจเพราะปีหน้าจะเริ่มจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้การทางฯ เพิ่มอีก 10%), TPC
-ติดตามการปรับ ครม. บ่ายนี้ ไม่ว่าจะปรับเล็กหรือปรับใหญ่ ก็มีผลต่อการปูทางสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นปลายปีหน้าถ้าอยู่ครบเทอม

News Comment
• TCAP รับหลายเด้งเป้าหมายใหม่ 32 บ.โบรกฯคาดลีสซิ่งวิ่งสวย - CIMBTรับเทรดสองตลาด “ทุนธนชาต” (TCAP) ยังโชว์ฟอร์มสด โบรกฯมองปัจจัยบวกเพียบ ทั้งซื้อหุ้นคืน 78 ล้านหุ้น การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลธุรกิจลีสซิ่งยังวิ่งต่อได้อีก ส่วนแผนควบรวมกับ SCIB ยันจะช่วยผลักดันกำไรสุทธิปีนี้เพิ่มสูงขึ้น ราคาเป้าหมาย 32 บาท ด้าน CIMBT วิ่งกระฉูดรับข่าว CIMB จากมาเลเซียเข้าเทรดสองตลาด (Duallisting) ภายในเดือน ก.ค.นี้ ดันราคาพุ่ง 20% แถมมีบิ๊กล็อตเข้ามา 1 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 3.60 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
• CIG-SNC ข่าวดีรับร้อนรายได้ไตรมาส 2 กระฉูด CIG-SNC ได้อานิสงส์อากาศร้อนดันออเดอร์ไตรมาส 2/53 พุ่ง ยอดขายกระฉูด พร้อมขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เจาะเพิ่มยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย อเมริกา “อารีย์” การันตีรายได้ปีนี้แตะ 1,500 ล้านบาท ส่วน SNC ปรับเป้ารายได้ปีนี้โตมากกว่า 30% รอลุ้นคำสั่งซื้อไตรมาส 3/53 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
• CCP คั่วงานใหม่ 500 ล้านลุ้นออเดอร์ “สายสีน้ำเงิน” CCP จ่อคว้างานใหม่ 3 โครงการ มูลค่ากว่า 400-500 ล้านบาท ลุ้นทราบผลไตรมาส2/53 อย่างน้อย 1 โครงการ เชื่อดันแบ็กล็อกเพิ่มจาก 1,500-1,600 ล้านบาท “ชาคริต” มั่นใจรายได้ปีนี้โต 15-20% มองงานธุรกิจก่อสร้างขยายตัว โบรกฯ เชียร์ “ซื้อเก็งกำไร” รับอานิสงส์ข่าวประมูลรถไฟฟ้า (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
• SLC ดันสปริงนิวส์ขึ้นท้าชนช่อง TNN โชว์คนดู 5 ล้านครัว SLC ดันสปริง นิวส์ขึ้นท้าชน TNN มั่นใจในอนาคตฟาดรายได้โฆษณาตกเดือน8-10 ล้านบาท ชี้มีถึง 5 ล้านครัวเรือนสามารถรับชมได้ ชูจุดเด่นนำเสนอเป็นกลาง รวดเร็ว ล้ำสมัย ด้านผู้บริหารลั่น เร่งเดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ พร้อมโชว์กำไรปี 54 จ่อคิวหาเงินระดมทุนพันล้านบาท ด้วยการส่ง SLC-T1 และ SLC-W1 เข้าเทรดวันที่ 7 มิ.ย.นี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
• 4 หุ้นใหม่เข้า SET50 เชียร์ซื้อ BLA-TISCO 4 หุ้นใหม่ลุ้นเข้า SET 50 นำทีมโดย BLA, IVL, TISCO และ TPIPL ส่วนดาวร่วงที่ต้องถูกถอดออกจากการคำนวณรอบนี้มี BECL, MCOT, TPC และ TSTH โบรกฯแนะซื้อ BLA กับ TISCO เหตุพื้นฐานแกร่ง ต่างชาติสนใจ พื้นฐานให้เท่ากันที่ 30 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
• TRC ติดหนึบปตท.ร่วมชิงเค้กงานใหญ่วางท่อก๊าซฯไนจีเรีย TRC จ่อฮุบงานใหญ่ที่ไนจีเลีย ของ ปตท. ส่งผลราคาหุ้นพุ่งกว่า 24% นักลงทุนแห่เก็งกำไรเพียบ หลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/53 มีโอกาสพลิกเป็นกำไร จากที่ขาดทุนในไตรมาส1/53 อีกทั้งยังเดินหน้าประมูลงานต่อเนื่อง หนุน Backlog เพิ่มขึ้นจาก 1,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
• PS โชว์พรีเซลพุ่ง1.34 หมื่นล้าน เปิดจองซื้อหุ้นกู้ 2,500 ล้านบาท 21-23 มิ.ย.นี้ “PS” โชว์ยอดขายไตรมาส 2แข็งแกร่ง 2 เดือนแรกเกือบ 5,000 ล้านบาท ดันยอดขายสะสมพุ่งสูง 13,400 ล้านบาท ขณะที่เดือนมิ.ย.เล็งเปิดคอนโดฯ “เดอะซี้ด อะตอม ซอยอารีย์มูลค่า 2,200 ล้านบาท และคอนโดที่มัลดีฟส์เฟสแรก 500 ล้านบาท คาดดันยอดขาย Q2 ทำนิวไฮสูงกว่าไตรมาสแรก เตรียมเปิดจองขายหุ้นกู้ 2,500 ล้าน
บาท วันที่ 21-23 มิ.ย.นี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
• หุ้น BH-BGH อ่วมการเมืองพ่นพิษ!คนไข้ตปท.ชะลอตัว BH-BGH กระทบหนักสุด จากความวุ่นวายทางการเมือง เนื่องจากอยู่ใกล้สถานที่ชุมนุม ทำคนไข้ต่างชาติหด กดรายได้ไตรมาส 2-3/53 ชะลอตัว ส่งผลให้กำไรปี 2553 อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่โรงพยาบาลกรุงเทพได้เปรียบตรงที่มีสาขาทั่วประเทศช่วยชดเชยได(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
• NOBLE น่าซื้อรับผลปันสูง 8-9% ผุดโครงการต่อเนื่องดันรายได้โต “โนเบิลฯ” ระยะยาวยังน่าซื้อ เหตุรายได้มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น หลังมีนโยบายเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่องทุกไตรมาส ล่าสุดเตรียมเซ็นสัญญาซื้อที่ดินย่านบีทีเอสเพลินจิต เล็งผุดคอนโดหมื่นล้านบาทต้นปีหน้า โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เป้า 6.93 บาท รับยีลด์ปันผล 8-9% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
PR124 เปลี่ยนชื่อใหม่ทรีซิกตี้ไฟว์ลุยงานสื่อฯขายคืน“ธุรกิจพีอาร์” แหล่งข่าวจากวงการเงินเปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ล่าสุดผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท124 คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PR124 (กลุ่มนายคุณากร เศรษฐี) เตรียมจะขายหุ้น (ธุรกิจพีอาร์) คืนให้นายนิมิตร หมดราคี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PR124 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็นบริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด (มหาชน) หรือ 365 แทน เพื่อทำธุรกิจใหม่ด้าน
การผลิตสื่อและขายโฆษณา และการทำเช่นนี้ถือเป็นการนำบริษัท 365 เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ทางอ้อม และเป็นการนำหุ้นPR124 ออกจากตลาดโดยปริยาย (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
• CYBER ทุนนอกบิ๊กล็อต 22 ล้านหุ้นรับไตรมาส 2 สวยแบ็กล็อก 45 ล้าน ไซเบอร์แพลนเน็ตเนื้อหอม กองทุนต่างประเทศจ่อซื้อบิ๊กล็อก 22 ล้านหุ้น ส่งผลเสริมภาพลักษณ์แข็งแกร่ง สร้างความเชื่อมั่น เผยเป็นบริษัทส่วนน้อยในตลาด mai ที่สถาบันตปท.สนใจ มั่นใจปีนี้รายได้เติบโตแบบมีนัยสำคัญ ด้านไตรมาส 2/53 สวยกว่าไตรมาสก่อน หลังมีแบ็กล็อกตุนในกระเป๋า 45 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
• TOP ลุยเดินเครื่อง 3ส ายการผลิตโรงกลั่น-อะโรเมติกส์-ไฟฟ้า จับมือ IRPCลงทุนโซลาร์เซลล์ TOP รุกหนักเร่งแผนศึกษาขยายกำลังผลิตโรงกลั่น-อะโรเมติกส์-ไฟฟ้า ล่าสุดเตรียมร่วมประมูลขายไฟฟ้าเอสพีพีให้กฟผ. 180 เมกะวัตต์ ขณะที่ขยับกำลังการผลิตพาราไซลีนเพิ่มอีก1 แสนตันต่อปี จากปัจจุบัน 5 แสนตันต่อปี ภายใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมจับมือ IRPC ศึกษาลงทุนธุรกิจโซลาร์เซลล์ขนาด 10 เมกะวัตต์ หวังสร้างรายได้เพิ่มอีกปีละ 500 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
-NWR หวังงาน “สายสีน้ำเงิน” ดันแบ็กล็อก 1.4 หมื่นล้านบาท NWR จับมือ ซิโน-ไทย หวังคว้างานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สัญญา 1 หรือสัญญา 2 ดันแบ็กล็อกตามเป้า 1.4 หมื่นล้านบาท ส่วนรายได้ปีนี้แตะ 3.6 พันล้านบาท ทิศทางกำไรเป็นตามรายได้ เล็งจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งแรกปีนี้ หลังกระบวนการล้างขาดทุนสะสม 1000 ล้านบาท เสร็จ เดือนก.ค.นี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
• L&E ย้ำ Q2 โตต่อเนื่องหลังตลาดส่งออกหนุนแผนคุมต้นทุนได้ผล “ปกรณ์ บริมาสพร” ตอกย้ำความมั่นใจ นักลงทุนส่งสัญญาณ Q2/53 ผลงานมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จาก Backlog ที่มีอยู่กว่า 580-600 ล้านบาท และตลาดส่งออกยังเติบโตสูง เชื่อทั้งปีปั๊มรายได้โต 10-15% เข้าเป้าหายห่วง จากปีก่อนที่ทำได้ 1.47 พันล้านบาท หลังโค้งแรกพิสูจน์ฝีมือโชว์ผลงานเยี่ยม กำไรพุ่ง 96% อยู่ที่ 8.61 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 4.40 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
• TRUE กัดฟันสู้ตั้งเป้าปีนี้โต 5%ไตรมาส 2 ไม่ค่อยสดใส พิษการเมือง-โลว์ซีซั่น TRUE กัดฟันเชื่อไตรมาส 2 ไม่โดนผลกระทบจากปัจจัยลบมากนัก มั่นใจธุรกิจในเครือยังยึดตามโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจ ระบุช่วงที่เหลือปีนี้เตรียมอัดแคมเปญกระตุ้นกิจกรรมทางตลาด เข็นนวัตกรรมเอาใจลูกค้าต่อ คงเป้าปีนี้โต 3-5% เหมือนเดิม โบรกฯเห็นต่าง เชื่อ Q2 โดนพิษการเมือง-โลว์ซีซั่นเล่นงาน บวกรายได้โฆษณาทรูวิชั่นส์ไม่เยอะตามเป้าหมาย เชื่อผลประกอบการเติบโตแย่ที่สุดในกลุ่ม กำไรปกติปี 53 แค่ 400 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)
• กุ้งไทยได้ดีราคาพุ่ง 20%หลังวิกฤตน้ำมันรั่วสหรัฐ กุ้งไทยรับอานิสงส์ ราคาพุ่ง 20% หลังวิกฤตน้ำมันรั่วสหรัฐ ทำให้ปริมาณการจับกุ้งลดลงมากกว่า 30% “สมศักดิ์” มั่นใจปีนี้เป็นปีทองของการส่งออกกุ้งไทย หลังสหรัฐประกาศผลการพิจารณาการเก็บภาษีเอดีของบริษัทในไทยลดต่ำลง ขณะที่อินโดนีเซียและบราซิล ประสบปัญหาโรคไวรัสกล้ามเนื้อขุ่น ส่งผลให้ผลผลิตลดลง 40-70% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-06-2010)

---------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
TNN : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดตลาดปรับขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางดัชนีผันผวนไปในทิศทางทั้งบวกและลบ เงินยูโรแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ...

4 มิ.ย. ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีผันผวนไปในทิศทางทั้งบวกและลบ จากตัวเลขการขยายตัวของธุรกิจภาคบริการในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าของโรงงานอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น แม้ไม่มากนักตามที่ตั้งเป้าไว้ เช่นเดียวกับยอดขายสินค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นไม่มากนัก ขณะที่เงินยูโรก็แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ

ด้านราคาน้ำมันดิบ ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 74.61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ล่าสุด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 10,255.28 จุด เพิ่มขึ้น 5.74 จุด แนสแดค ปิดที่ 2,303.03 จุด เพิ่มขึ้น 21.96 จุด และเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,102.83 จุด เพิ่มขึ้น 4.45 จุด

----------------------------------------------------------------
Technical View : FSS
“ตลาดยังวิ่งขึ้นได้แรงเกินคาด แต่ก็ต้องระมัดระวังแรงขายกดกลับอยู่ โดยเฉพาะแถว 770 จุด นอกจากยังผ่านขึ้นได้อีกถึงจะทำให้ภาพรวมดูดีขึ้นมากให้ตามเล่นต่อ ในทางกลับกันถ้าย้อนต่ำกว่า 740 จุดลงไปจะดูไม่ดี...ต้องถอย!!”
แนวรับ : 760-757** , 745-740***
แนวต้าน : 769-773*** , 790-800*
----------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น