Code 84 : ฝรั่งกลับมาซื้อแล้ว

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน 2553

ATT Code : ฝรั่งกลับมาซื้อแล้ว
เปิดมาเดือนใหม่ ฝรั่งจะซื้อจริงหรือสับขาหลอกรายย่อยก็ต้องดูว่า SET จะยืนเหนือ 750 และจะไปโดนทุบ 760 หรือป่าว ซึ่งก็ใกล้ๆ กับ High เดิมแถวๆ 765 ก็อาจจะเป็นไปได้

เช้านี้ SET เปิดที่ 752.59 จุด + 2.16 เปิดเหนือ 750 ได้ แต่จะไปต่อไหวมั้ย น่าคิด ส่วน TFEX เปิดที่ 520.10 จุด + 0.50 จุด
ภาคเช้า SET ปิดที่ 747.62 จุด -2.81 จุด V. 8,031 M.B. SET หลุดแนวต้านที่ 750 ลงมา โดยมีแนวรับเส้น 10 วัน อยู่ที่ 748 และเส้น 5 วันอยู่ที่ 744 ส่วนTFEX ปิดที่ 517.40 จุด -0 .22 จุด
ต่างชาติขาย 1,100 ล.บ.

ภาคบ่าย SET ปิดที่ 740.92 จุด - 9.51 V.15,800 M.B. เรียกว่า เปิด High แล้วปิด Low เลย ดูจากสัญญาณแล้วไม่ดีเลย เพราะเจอแรงขายที่แนวต้านที่สำคัญคือ 750 และปิดต่ำกว่าเส้น 5 วัน ที่ 742 จุด โดยแนวรับต่อไปก็อยู่ที่ 726 และ 720 ตามลำดับ

Oscillator ของ Fast STO : %K จะพลิกกลับมาตัด %D ลงแล้ว
TFEX ปิดที่ 513.30 จุด -6.30 จุด กราฟก็เป็นไปในแนวทางเดียวกับ SET โดยมีแนวรับต่อไปที่ 503

---------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-แนะหุ้นแบงก์!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 31 พ.ค.53 ปิดที่ 750.43 จุด เพิ่มขึ้น 13.15 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 17,580.84 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อสุทธิ เป็นครั้งแรกในรอบร่วม 2 เดือน 652.96 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย PTTCH ปิดที่ 94.25 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท, PTT ปิดที่ 246 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท, KBANK ปิดที่ 88.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท, BANPU ปิดที่ 590.00 บาท เพิ่มขึ้น 16 บาท และ SCB ปิดที่ 81.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์สออกบทวิเคราะห์ ให้น้ำหนักการลงทุน Overweight หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ระบุว่า ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในปี 53 แม้ว่าการขยายตัวของสินเชื่อในไตรมาส 2 และ 3 จะอ่อนลงเพราะมีปัญหาการเมืองในประเทศ

แต่เราเชื่อว่าการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้จะยังคงมากกว่าปี 52 โดยประมาณการไว้ที่ 6.0% จากที่ขยายตัว 1.0% ในปี 52 นำโดยสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนของกลุ่มส่งออก เช่น เกษตร, ยานยนต์ และสินเชื่อเพื่อการบริโภค เป็นต้น

ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เพราะคาดว่าแบงก์จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในครึ่งหลังของปี 53 ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมจะเติบโตสูง 18% ในปี 53 เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีบริการ Electronic Banking มากขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกขยายตัวดี

ทั้งนี้ ประมาณการว่ากำไรสุทธิของกลุ่มแบงก์ที่เราทำการวิเคราะห์จะขยายตัว 16.4% ในปี 53 สูงขึ้นจากปี 52 ที่เติบโต 7.2% อย่างมาก

โดยมองว่า ราคาหรือมูลค่า Valuation ของหุ้นกลุ่มแบงก์จูงใจทำให้ น่าสนใจลงทุน โดยขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ของไทยซื้อขายที่ P/BV ต่ำเพียง 1.2 เท่า ขณะที่เฉลี่ยของภูมิภาคเท่ากับ 1.7 เท่า ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Overweight

โดยหุ้น Top Picks ที่แนะนำให้ลงทุนคือ BBL แนะนำซื้อ ให้ ราคาพื้นฐาน 157 บาท และ KBANK แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 116 บาท

สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค แนวโน้มหลักของดัชนีกลุ่มแบงก์ยังอยู่ในขาลง แต่ในระยะสั้นมากอาจมีรีบาวน์ หุ้นเด่น คือ BBL ให้แนวต้าน 115-120 บาท, KBANK แนวต้าน 88-90 บาท, SCB แนวต้าน 82-84 บาท และ BAY ให้แนวต้าน 18.5-19,20.5 บาท.

FSS : ยังน่ารอจังหวะปรับตัวลงของตลาดอีกครั้ง...ก่อนจะหาจังหวะซื้อกันใหม่!!
แนวโน้ม: เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและอังกฤษหยุดทำการ ในขณะที่ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปยังไม่มีทิศทางชัดเจน โดยตลาดหุ้นเยอรมนีปิดบวกได้จากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มส่งออก แต่ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินในกลุ่มยูโรโซน สำหรับในด้านของตลาดหุ้นในเอเชียพบว่าตลาดหุ้นจีนเช้านี้ยังเปิดตัวด้วยการปรับลงต่อเนื่องจากวานนี้ เพราะความวิตกเกี่ยวกับนโยบายคุมเข้มภาคอสังหาริมทรัพย์ จากการที่รัฐบาลกลางเปิดเผยว่าจะเริ่มดำเนินการปฎิรูปนโยบายภาษีอสังหาริมทรัพย์อย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดด้วยการปรับตัวลงเช่นกัน ทั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากการที่ตลาดหุ้นในภูมิภาครวมทั้ง SET ได้ขยับขึ้นมาพอควรแล้วในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้เริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างจากความไม่แน่นอนในด้านของสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งจากทางจีนและยุโรป ซึ่ง FSS คาดว่า SET ก็มีแนวโน้มที่จะปรับพักตัวลงอีกครั้งด้วย แม้ว่าเราจะเริ่มเห็นยอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนต่างประเทศบ้างเมื่อวานนี้แต่ยังไม่มากนัก โดยเรายังคงคาดว่าระดับดัชนีที่จะสามารถดึงดูดความสนใจของนักลงทุนต่างประเทศให้กลับมาทยอยซื้อหุ้นไทยได้อย่างจริงจังอีกครั้งน่าจะอยู่ที่บริเวณ 700-680 จุดโดยประมาณมากกว่า
กลยุทธ์: แนะนำเน้นขายทำกำไรเมื่อตลาดขยับขึ้น จากนั้นให้ถือเงินสดเพื่อรอตลาดปรับตัวลงไปแถว 700 จุดหรือต่ำกว่า ก่อนที่จะเริ่มมองหาจังหวะซื้อกันใหม่ โดยหุ้นที่น่าสนใจเมื่อตลาดปรับตัวลงอีกครั้ง ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (BANPU, PTTEP, PTTCH) โรงไฟฟ้า (GLOW) กลุ่มวัสดุฯ (SCC, SCCC, TSTH, DCC) กลุ่มอาหารและเกษตร (CPF, GFPT, TUF, TVO, STA) กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ (KCE, DELTA) และกลุ่มยานยนต์ (SAT, STANLY)
ประเด็นสำคัญวันนี้
-ระบบธนาคารในยุโรปกำลังเผชิญปัญหา ECB เตือนว่าธนาคารในยุโรปอาจต้องเผชิญการตั้งสำรองหนี้สูญสูงถึง 1.95 แสนล้านยูโรภายใน 18 เดือนข้างหน้านี้ (9 หมื่นล้านยูโรปีนี้ และ 1.05 แสนล้านยูโรปี 2011) หลังจากปี 2009 เพิ่งตัดหนี้สูญไป 2.38 แสนล้านยูโรจากปัญหาวิกฤต Subprime สิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือการที่กรีซ หรือประเทศกลุ่ม PIIGS ต้องพักชำระหนี้หรือมีปัญหาในการชำระ จะส่งผลต่อความมั่นคงของธนาคารของประเทศผู้ถือครองตราสารหรือพันธบัตรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ทันที สิ่งหนึ่งที่สะท้อนถึงปัญหาดังกล่าวคือสภาพคล่องทางการเงินในยุโรปที่ตึงตัวมาก ดอกเบี้ย Libor พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ 0.5384% เพราะธนาคารไม่มีความมั่นใจในการปล่อยกู้ระหว่างกัน แต่หันมากู้กับ ECB แทน ในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา มีธนาคารมากู้เงินจาก ECB 3.15 แสนล้านยูโร สูงสุดในรอบ 10 ปี
- เศรษฐกิจไทยเดือน เม.ย. ชะลอลงตามคาด ภาวะเศรษฐกิจไทยเดือน เม.ย. ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยภาคการผลิต (MPI) ลดลง 2% M-M โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจเครื่องหนัง เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม สอดคล้องกับการใช้กำลังการผลิตที่ลดลงเป็น 65.9% จากเดือนก่อนที่ 70.4% และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ลดลงมาก จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างชัดเจน โดยลดลงถึง 3.5 แสนคนหรือ 24% M-M อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนลดลงจากเดือนก่อนเพียง 0.9% ซึ่งถือว่าดีกว่าคาด และถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูง นอกจากนี้ การลงทุนภาคเอกชนดีขึ้นทั้ง +20.3% Y-Y (เพิ่ม Y-Y ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4) และ +1.3% M-M (เพิ่ม M-M ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10) ส่วนการส่งออกยังคงแข็งแกร่งตามที่ ก.พาณิชย์ประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้ คือ 4 เดือนแรกโต 32.3% Y-Y จากรายงานของ ธปท. ทำให้เรายังมั่นใจกับกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO) และกลุ่มส่งออก (KCE, DELTA, STA, CPF, GFPT, SAT, STANLY)
-คาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ยจนถึง 3Q10 วันนี้จะมีรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งเป็น 3.5% Y-Y จากเดือน เม.ย. ที่อยู่ที่ 3% Y-Y แต่เงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะยังอยู่ในกรอบล่างของเป้าหมายของ ธปท. ที่ 0.5% - 3% ดังนั้น ในการประชุม กนง. พรุ่งนี้ คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% และอาจจะตรึงดอกเบี้ยไปจนถึง 3Q10 เพื่อประคองเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการจลาจลในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ กนง. ยังเหลือการประชุมอีก 4 ครั้งในปีนี้คือวันที่ 14 ก.ค., 25 ส.ค., 20 ต.ค., และ 1 ธ.ค.

TNN : หุ้นไทยปิดบวก13.15จุดแนวโน้มเดินหน้าบวก

หุ้นไทยปิด 750.43 จุด บวก13.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 17,580.84 ลบ. นักวิเคราะห์ฯ เผยแนวโน้มพรุ่งนี้ยังมีโอกาสขึ้น

31 พ.ค. 53 : ตลาดหลักทรัพย์ไทยปิดตลาดวันนี้ที่ระดับสูงสุดของวันที่ 750.43 จุด เพิ่มขึ้น 13.15 จุด(+1.78%)มูลค่าการซื้อขาย 17,580.84 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกตลอดวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ระดับ 750.43 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 742.49 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 278 หลักทรัพย์ ลดลง 78 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 103 หลักทรัพย์

ด้านนายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นบ่ายวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยเริ่มลดการ downside ลงต่อเนื่อง โดยกลุ่มนักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มขายลดลงหลังขายมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันพรุ่งนี้มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อ แต่ยังต้องรอดูสถานการณ์คืนนี้ของตลาดสำคัญในต่างประเทศ และมาตรการการช่วยเหลือประเทศในทวีปยุโรปว่าจะมีการให้เงินช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหา เนื่องจากวิกฤตยุโรปถือเป็นผลกระทบด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวในแดนบวกได้ต่อ เพราะทิศทางเริ่มดีขึ้น แรงขายของนักลงทุนต่างชาติลดน้อยลงต่อเนื่อง กรอบการลงทุนพรุ่งนี้ให้แนวรับที่ 740-745 แนวต้านที่ 753-760 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 1,339.13 ล้านบาท ปิดที่ 94.25 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 978.84 ล้านบาท ปิดที่ 246.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 953.91 ล้านบาท ปิดที่ 88.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 851.07 ล้านบาท ปิดที่ 590.00 บาท เพิ่มขึ้น 16.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 801.79 ล้านบาท ปิดที่ 81.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท

---------------------------------------------------------------
ตลาดหุ้นต่างประเทศ
TNN : ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดเนื่องในวันเมมโมเรียลเดย์

ตลาดหุ้นสหรัฐ ตลาดเงิน ปิดทำการเมื่อคืนนี้ เนื่องในวันระลึกถึงทหารนิรนามของสหรัฐทั้งชายและหญิงที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องชาติ
1 มิ.ย.53 : ตลาดหุ้นสหรัฐ ตลาดเงิน ปิดทำการเมื่อคืนนี้(31พ.ค.53) เนื่องในวันเมมโมเรียลเดย์ หรือวันระลึกถึงทหารนิรนามของสหรัฐทั้งชายและหญิงที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องสหรัฐ และชาวอเมริกัน

---------------------------------------------------------------
Technical View : FSS
“คาดว่าตลาดใกล้ที่จะเริ่มปรับพักตัวลงอีกครั้ง ซึ่งมีสิทธิไหลหลุดต่ำกว่า 720 จุดได้ด้วย ดังนั้นหลังจากขายทำกำไรไปแล้ว จากนี้ไปควรเน้นถือเงินสด เพื่อรอตามดูแรงซื้อจากแนวรับต่างๆ ก่อนกลับเข้าเทรดดิ้งใหม่...”
แนวรับ : 740-735* , 720-718** , 715-710***
แนวต้าน : 752** , 755-760***
---------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น