Code 104 : ทดสอบ 808 ครั้งที่ 3....จะผ่านมั้ย???

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน 2553

ATT Code : ทดสอบ 808 ครั้งที่ 3....จะผ่านมั้ย???
วานนี้ต่างชาติซื้อตอนเช้า 600 ล้าน แต่ช่วงบ่ายกลับเป็น Net Sell 500 ล้าน ซะงั้น โดยเช้านี้ 3 ตลาดหลักในเอเซีย คือ SSEC และ HSKI ยังอยู่ในแดนลบ 0.60% 0.90% แต่ NIX อยู่ในแดนบวก 0.60% ทำให้เช้านี้ Sentiment ในแดนลบของ HSKI กดดันให้ SET เปิดมาลบประมาณ 3 จุด เปิดที่ 801.10 จุด โดยวันนี้ในดูแนวต้านที่ SET จะไปทดสอบ 808 จุด ในครั้งที่ 3 นี้ จะผ่านได้หรือไม่???
Oh...My God??? เปิดบ่าย ลบไป 7 จุด ลงมาที่ 796 ตาม HSKI ที่ลบ ไป 450 จุด ทำให้ SET หลุดแนวรับที่เส้น 5 วัน ที่ 797 ลงมา และก้ต้องดูว่าจะหลุดแนวรับ 10 วัน ที่ 794 หรือไม่???
ภาคบ่าย SET ปิดที่ 799.09 จุด -5.31 จุด สามารถยืนหหนือเส้น 5 วัน ที่ 798 ได้ ถือว่าฉิวเฉียดมั้กมั้ก เรียกว่าหายใจรดต้นคอกันเลย แต่แนวโน้มพรุ่งนี้ไท่ทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จากที่ Djia Future -120 และยุโรปก็ลบ 2% กว่า ก็ให้ดูแนวรับ10 วัน ที่ 794 เหมือนเดิม
ASP daily : กลยุทธ์การลงทุน
ดัชนีอาจติดแนวต้าน 805-810 จุด มีปัจจัยกดดันรอบด้าน
1. หุ้นถ่านหินถูกกดันหลังจีนให้ตรึงราคาขาย (BANPU)
2. Moodys’ ลด rating PTT, PTTEP และ
3. ในไทยเจอโรคเลื่อน คือ การเปิดซองราคาก่อสร้าง รถไฟฟ้าสีน้ำเงินสัญญา 1 และ 2 อาจเลื่อนเป็นปลายสัปดาห์ รวมถึง
4. กทช. อาจเลื่อนการออกใบอนุญาต 3.9G ไปในครึ่งหลังของเดือน ก.ค. นี้
กลยุทธ์การลงทุนยังแนะนำซื้อ/ถือหุ้นที่เติบโตจากเศรษฐกิจในประเทศ ธ.พ. (KBANK, SCB, TCAP) อสังหา/ก่อสร้าง (PS, LH, STEC, SYNTEC) สื่อสาร (ADVANC, DTAC)
***นี่อาจเป็นสาเหตุทำให้หุ้นร่วง***
CHINA
:หุ้น IPO AgBank ถล่มตลาดหุ้นจีนปิดทรุด 4.3% ทำนิวโลว์ 14 เดือน -รอยเตอร์
CHINA:นักลงทุนจับตาหุ้น IPO แบงก์ยักษ์ AgBank ขณะแห่เทขายหุ้นอื่น -รอยเตอร์
--------------------------------------------------------------------------------
STRATEGIC MOVE
ปรับหมากกลยุทธ์ ภาคบ่าย
จีนร่วงกราวรูด คาด SET บ่ายอาจลงถึง 790 จุดก่อนฟื้นมาปิดแถว 797 จุดอีกครั้ง เวลาแบบนี้ ต้องเก็บของถูกโดยเฉพาะ KBANK, SCB และถือต่อไปกับ ADVANC, DTAC, PS, LH, STEC, SYNTEC, SCC, CPF ส่วน S50M10 ให้ Rollover หน้า Long ไปยัง S50U10 ภาพ SET ราย 5 นาที ณ เวลา 12.30 น. ที่มา : Bloomberg, ฝ่ายวิจัย ASP
สำรวจตลาด :
■ แรงกดดันจากเซี่ยงไฮ้และฮั่งเสง ทำให้บรรยากาศของ SET ที่ตอนแรกยังดูดีและสดใส ต้องพลิกมาเป็นแย่ทันตาเห็น โดยดัชนีในช่วงเช้าปิดตัวติดลบไปกว่า 2.91 จุดด้วยปริมาณการซื้อขายเขย่าขวัญกว่า 1.07 หมื่นล้านบาท
■ อิทธิพลการปรับร่วงแรงของเซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้ บอกได้คำเดียวว่าไม่ธรรมดา เพราะช่วงเช้าดัชนีหุ้นในเอเชียหลายๆ ตัวยังปรับบวกกันสดใส (นิเคอิปิดช่วงเช้า บวกไป 0.5% KOSPI ของเกาหลีช่วงเช้าสามารถปรับเพิ่มขึ้นไปได้กว่า 0.4%) แต่พอจีนเปิดตลาดปุ๊บ กระแสข่าวมาตรการการควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์ที่จะกลับมาอีกครั้ง ได้ทำให้ตลาดเกิด Panic Sell และดึงให้ เซี่ยงไฮ้ร่วงกราวรูดกว่า 4% และที่สำคัญลงคนเดียวไม่ว่า แต่นี่เล่นลากเอาหุ้นทั่วเอเชียร่วงตามกันไปด้วย ฮั่งเสงล่าสุดเละไป 2% นิเคอิปิดร่วง 1.27% และอื่นๆ ที่ร่วงตามอีกมากมาย
■ การปรับรูดแรงกว่า 4% ของเซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้ ได้ทำให้ดัชนีลงไปยังจุดต่ำที่สุดในรอบปี ซึ่งถือได้ว่าเป็น Sentiment เชิงลบที่ย่ำแย่มาก เนื่องจากดัชนีได้ลงไปต่ำถึง 2,442 จุด ซึ่งต่ำกว่าแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 2,476 จุด แรงกดดันมหาศาลระดับนี้ ไทยแลนด์แดนออฟม็อบ คงไม่สามารถที่จะหลีกหนีผลกระทบไปได้ และคาดว่าช่วงต้นของครึ่งบ่าย SET น่าจะตกใจตามจนร่วงไปถึง 790 จุด อย่างไรก็ตามเชื่อว่า SET จะตั้งสติได้และถูกไล่ขึ้นอีกครั้งจนอาจมาปิดที่ 797 จุด
■ ช่วงเวลา SET ย่อถือได้ว่าเป็นจังหวะดีที่จะเข้าเก็บของถูกโดยเฉพาะ กลุ่มแบงก์ที่ยัง Under Perform เมื่อเทียบกับใน SET ในขณะที่กลุ่มเล็กๆ อื่น Out Perform SET ไปกันหมด จุดที่น่าสนใจก็คือ ตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. SET ปรับเพิ่มขึ้นไปแล้วกว่า 7.3% แต่กลุ่มพลังงาน และแบงก์ ซึ่งมี Market Cap รวมกันแล้วมีมากถึง 60% ของ SET กลับปรับเพิ่มขึ้นไปเพียง 2.1% และ 5.9% เท่านั้น นั่นก็หมายความว่า กลุ่ม
อื่นๆอีก 40% ต้องปรับเพิ่มขึ้นมหาศาลถึงจะดึงให้ SET ขึ้นไปได้ถึง 7% (เกษตร ขึ้น กว่า 20% อาหาร 11.7 อสังหา 13% ยานยนต์12.8% อิเล็ก 17% สื่อสาร 11%) ดังนั้นจะเห็นได้ว่า กลุ่มแบงก์ ยังถือว่าถูกมาก และโดยเฉพาะเดือนหน้าจะเป็นฤดูกาล Preview Earning ของกลุ่มแบงก์ ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการจะออกมาดีเกินคาด ก็น่าจะเป็นเหตุให้กลุ่มแบงก์กลับมาให้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน :
■ เรื่องของจีน แม้จะมีผลกระทบบ้างแต่นี่ประเทศไทย เพราะฉะนั้นลงมาก็เก็บ โดยเฉพาะของดีราคาถูกมากอย่าง KBANK, SCB, ส่วน
STEC, SYNTEC, ADVANC, DTAC, PS, LH, CPF, SCC ยังถือต่อไปได้
■ ทำการ Rollover จาก Long ใน S50M10 ไปเป็น Long ใน S50U10 ซึ่งคาดว่าแนวรับที่ 540 จุดน่าจะเอาอยู่
--------------------------------------------------------------------------------
CHINA:หุ้น IPO AgBank ถล่มตลาดหุ้นจีนปิดทรุด 4.3% ทำนิวโลว์ 14 เดือน -รอยเตอร์
ตลาดหุ้นจีนปิดดิ่งลง 4.3% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนในวันนี้ขณะที่ภาวะสภาพคล่องตึงตัวในตลาดทำให้นักลงทุนต้องขายหุ้นเพื่อไปจองซื้อหุ้นที่เสนอขายต่อสาธารณชนครั้งแรก (IPO) ของอะกริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟไชน่า (AgBank) ซึ่งอาจจะเป็นหุ้น IPO มูลค่าสูงสุดของโลกจนถึงขณะนี้ ทั้งนี้ ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ปิดที่ 2,427.1 ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2009 ตลาดหุ้นจีนยังคงเป็นหนึ่งในตลาดที่ปรับตัวได้ย่ำแย่ที่สุดในโลกในปีนี้โดยทรุดลงแล้ว 22% ในไตรมาสนี้ และ 26% นับตั้งแต่ต้นปีนี้
CHINA:นักลงทุนจับตาหุ้น IPO แบงก์ยักษ์ AgBank ขณะแห่เทขายหุ้นอื่น -รอยเตอร์
ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงทรุดตัวลงในช่วงวันนี้ โดยมีแรงถ่วงจากการที่ นักลงทุนถอนเม็ดเงินออกจากตลาดเพื่อรองรับการจองซื้อหุ้นในการเสนอขายต่อ สาธารณชนครั้งแรก (IPO) ของอะกริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟ ไชน่า (AgBank)

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นจีนปิดดิ่งลง 4.3% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงทรุดลงกว่า 2% ในช่วงบ่าย โดย ณ เวลา 14.53 น. ตามเวลาไทย ดัชนีฮั่งเส็งรูดลง 511.60 จุด หรือ 2.5 % อยู่ที่ 20,215
แหล่งข่าวกล่าวว่า AgBank อาจกำหนดราคา IPO ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ในระดับที่ต่ำกว่าราคา IPO ในตลาดหุ้นฮ่องกง หลังจากทางธนาคารกำหนดกรอบ ราคาสำหรับการทำ IPO ในจีนต่ำกว่าในฮ่องกง เนื่องจากความต้องการซื้อหุ้นของนักลงทุนจีนอยู่ในระดับต่ำกว่าในฮ่องกง

ทั้งนี้ AgBank ถือเป็นธนาคารขนาดใหญ่แห่งสุดท้ายจากจำนวน 4 แห่ง ของจีนที่เปิดขายหุ้นต่อสาธารณชน โดย AgBank เป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 3 ของจีน มีสินทรัพย์ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ และมีลูกค้ากว่า 350 ล้านราย ซึ่งสูงกว่าจำนวนประชากรทั้งหมดในสหรัฐ

การทำ IPO สองตลาดในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อระดมทุนราว 2.02 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าการทำ IPO ของธนาคารอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ของจีนที่ระดับ 2.19 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2006 ซึ่งถือ เป็นสถิติสูงสุดสำหรับการทำ IPO นอกจากว่าจะมีการใช้สิทธิตามออปชั่นในการ ซื้อหุ้นส่วนเกิน ซึ่งจะส่งผลให้ขนาดการทำ IPO ของ AgBank เพิ่มขึ้น 15 %
--------------------------------------------------------------------------------
เซียนหุ้น ชี้ BANPU อาจถูกกดดันระยะสั้น หลังจีนมีนโยบายกำหนดเพดานราคาถ่านหิน คาดราคาอาจหลุดต่ำกว่า 600 บ.อีกครั้ง

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล. เอเซียพลัส ประเมินว่า เนื่องจากรัฐบาลจีนต้องการควบคุมเงินเฟ้อในประเทศมิให้สูงเกินไป (ล่าสุดเงินเฟ้อในจีนเท่ากับ 3.1%) ล่าสุดจึงได้ออกมาตรการควบคุมราคาถ่านหินในประเทศ โดยจะกำหนดราคาเพดานสูงสุด (Ceiling price) ด้วยการอ้างอิงราคาขายในตลาด ในขณะนั้น โดยการกำหนดช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเช่น 3 หรือ 6 เดือน แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังมิได้มีการกำหนดรายละเอียด แต่นั่นหมายความว่าเป็นการจำกัดโอกาสการปรับขึ้นของราคาถ่านหินในประเทศจีน จะกระทบต่อผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายถ่านหินในจีน โดยเฉพาะ BANPU ปัจจุบันได้ลงทุนธุรกิจถ่านหินในจีน 2 แห่ง (ผ่านบริษัทย่อย 2 แห่ง คือ Danning ถือหุ้น56% และใน HEBI 40%) มีกำลังการผลิตรวม 3.2 ล้านต้น หรือ
คิดเป็นราว 12.3%ของกำลังการผลิตถ่านหินของ BANPU ทั้งหมด 26 ล้านตัน (23 ล้านตันที่เหลืออยู่ในประเทศอินโดนีเซีย)

BANPU: Phatra cut TP 6% to 734 on lower coal price assumption in China
FSS-BANPU: รัฐบาลจีนร้องขอเจ้าของหมืองถ่านหินในประเทศตึงราคาถ่านหิน เพื่อป้องกันเงินเฟ้อ - กระทบกำไรไม่มาก Maintain BUY TP Bt750
*News: www. China.org.cn รายงานข่าวรัฐบาลจีน หรือ The National Development and reform Commission (NDRC) ได้ร้องขอให้ผู้ผลิตเหมืองถ่านหินในประเทศตึงราคาถ่านหินในประเทศไม่ให้สูงไปมากกว่า เพื่อปัองการเงินเฟ้อ เนื่องจากราคาถ่านหินเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดค่าไฟ ซึ่งโรงไฟฟ้ากว่า 75% ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง
*Comments: ข่าวนี้มีมาตั้งแต่ พฤหัสบดีที่ผ่านมาแล้ว
*หากผลการควบคุมราคาถ่านหินในประเทศทำให้ต้องมีการปรับลดราคาถ่านหินก็จะส่งผลกระทบกต่อกำไรของ BANPU ที่ทำธุรกิจเหมืองในจีนที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 28% ของกำไรสุทธิของ BANPU
*ดังนั้นหากราคาถ่านหินในจีนปรับลงประมาณ 5% ก็จะกระทบต่อกำไรสุทธิของ BANPU ประมาณ 2.5% เท่านั้น และเรายังคงประมาณการไว้เช่นเดิม
*นอกจากนี้หากพิจารณาความเป็นไปได้ที่ราคาจะปรับลงนั้นมีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าในจีนขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้จีนยังต้องนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ประกอบกับราคาถ่านหินในตลาดจรของจีนอยู่ที่ 760-800 หยวนต่อตัน(112 -118 ดอลลาร์/ตัน) ยังสูงกว่าราคาตลาดภูมิภาค( BJI) ที่ 99.55 ดอลลาร์/ตัน
*ยังคงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 750 บาท/หุ้น

----------------------------------------------------------------------------------
ASP - ประเด็นวิเคราะห์:
• ไม่อยากเชื่อ ก็ต้องเชื่อ เมื่อ SET พลิกกลับขึ้นมาได้อย่างหน้าตาเฉย จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2553 จะลงมาทำ...อะไรเนี่ย ATT-Code : ถูก ถูก....อ่านแล้ว...เห็นด้วยอย่างมาก
• ก่อนหน้าวันที่ 24 มิ.ย.2553 ฝ่ายวิจัยได้ออกบทวิเคราะห์เทคนิค ทั้งรายวัน สัปดาห์ และรายไตรมาส และวางเป้าว่า SET จะขึ้นไปนู่น 810, 820 และ 838 จุด แต่แล้วอยู่ๆ วันที่ 24 มิ.ย.2553 ดัชนีก็ปรับหักหัวทิ่มลงต่ำกว่า 800 จุด จนลึกถึง 793 จุด สิ่งที่เกิดขึ้นฝ่ายวิจัยยอมรับว่า เหนือความคาดหมายและทำให้หวั่นใจอยู่พอสมควร แต่ด้วยหลายๆ เหตุผล จึงทำให้ฝ่ายวิจัยยังคงเสียงแข็ง และเชื่อว่า ดัชนีในวันที่ 25 มิ.ย.2553 จะกลับมาที่ 794 จุด (ดัชนีในวันที่ 25 มิ.ย.2553 ปิดที่ 793.67) และดัชนีในวันที่ 28 มิ.ย.2553 จะขึ้นมาที่ 800 จุดอีกครั้ง (ดัชนีในวันที่ 28 มิ.ย.2553 ปิดที่ 803 จุด)
• ตอนนี้ดัชนี Recover กลับมาแล้ว และทำให้อิทธิพลที่เกิดจาก Black Candlestick เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2553 เริ่มจางหายลงในทางเทคนิค ดัชนีส่งสัญญาณสำหรับรอบนี้ครบ 3 ประการแล้ว อันได้แก่ ย่อ (24 มิ.ย.) รับ (25 มิ.ย.) ฟื้น (28 มิ.ย.) รูปแบบที่เกิดขึ้น อาจทำให้ดัชนีฟื้นต่อ และไปทดสอบ 809 จุด อย่างไรก็ตามด้วยปริมาณการซื้อขายที่มีไม่มาก อาจทำให้ช่วงต้นดัชนีน่าจะค้างอยู่ในกรอบ 802-809 จุด
สรุป : ช่วงต้น Volume ยังบาง ทำให้ผ่าน 809 จุดลำบาก แต่เชื่อว่าไม่นาน SET น่าจะตี 809 จุดขึ้นมาได้

--------------------------------------------------------------------------------
ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวอยู่ในด้านบวกเกือบจะตลอดทั้งวัน ด้วยแรงซื้อในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับผู้บริโภค รวมถึงหุ้นยาสูบ ก่อนที่จะมีแรงขายกดดันในช่วงท้ายตลาดจากแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลงเนื่องจากตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของพายุโซนร้อนอเล็กซ์ ทำให้ DJIA ปิดตลาดเป็นลบ 5.29 จุดหรือคิดเป็น 0.05%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเกินคาด ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลก็เพิ่มขึ้นด้วย

วานนี้กระแสเงินทุนจากต่างชาติยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมภาคเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แต่ปริมาณไม่มากนัก ส่วนใหญ่ขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้และไต้หวัน ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นผลมาจากผลการประชุมจี 20 ออกมาไม่ได้สร้างความมั่นใจในการลงทุน เนื่องจากนโยบายการคลัง เพื่อรัดเข็มขัดของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน และต้องใช้เวลาพิสูทธ์

แนวโน้มกระแสเงินทุนจากต่างชาติน่าจะชะลอตัว เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ค่าเงินยุโรอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐมาอยู่ที่ 1.22 ดอลลาร์/ยูโร

สำหรับค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 32.38 บาท/ดอลลาร์ ดังนั้นวันนี้การซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศยังชะลอตัวเช่นวานนี้

ราคาน้ำมัน NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับตัวลดลง 0.61ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 78.25 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีการคาดการณ์ว่าพายุโซนร้อนอเล็กซ์จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก

ราคาทองคำส่งมอบเดือน ส.ค. ที่ตลาด COMEX ปิดร่วงลง17.60 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,238.60 ดอลลาร์/ออนซ์

BDI ปิดที่ 2482 จุด ลบอีก 19 จุด

--------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
29 มิย.53 ( +10.73 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338
ไม่น่าเกิน 807 - 809 จุด
*ในกรณีปรับตัวขึ้นต่อ ดัชนีสามารถขึ้น ต่อได้แถว 807 – 809 ใกล้จุดสูงสุดเดิมของ สัปดาห์ที่แล้ว
*อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหลักของตลาดยังคงมีโอกาสปรับตัวลง โดยมีเป้าหมายแรกระยะสัปดาห์บริเวณ 769 – 772 จุด ซึ่งเป็นบริเวณแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน
*จากนั้น ภาพระยะเดือน กค. ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงแถว 730 – 740 จุด ตาม เป้าหมายในเครื่องมือ Point & Figure

--------------------------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้ 29/06/53
ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 804.40 จุด +10.73 จุด High 804.40 จุด low 798.12 จุด......แนวรับ 800-796 // 790-786 จุด แนวต้าน 808-812 // 820-840 จุด......PE SET 12.56 เท่า.........สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งขาย 504.96 ล้าน กองทุนซื้อ 766.12 ล้าน…........โบรกเกอร์ ที่ net buy CS 460, JPM 412, KEST 235, ASP 189 และ UBS 119……...โบรกเกอร์ที่ net sell BLS -451, TNS -325, SCBS -244, DBSV -174 และ KGI -108........TFEX SET50 ปิดที่ 555.14 จุด +7.51 จุด.......S50M10 ปิดที่ 557.20 จุด +9.50 จุด .... high 558.00 จุด low 544.00 จุด OI 9,075 …… S50U10 ปิดที่ 553.00 จุด +8.20 จุด high 553.60 จุด low 547.20 จุด OI 15,180..............status futureวานนี้ Foreign net LONG 421 - Fund net SHORT 230 - Retail net SHORT 191.............ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ ปิด -5.29 จุด…..….ยุโรปปิด +1 ถึง +1.5%........ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.30 น. NIX +55.82 จุด , HSKI -139.19 จุด , TWSE +53.31 จุด, KOSPI +4.21 จุด และ SHCOMP -5.02 จุด ......ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า +12 จุด.......ค่าเงิน - เงินบาท 32.38…เงินเยน 89.24……..COMODITY.... น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ส.ค. ปิดที่ 78.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล -0.61 ดอลล์.....ค่าการกลั่น 4.31 ดอลล์.......ทองคำ COMEX วานนี้ปิดที่ 1238.60 เหรียญ -17.60 ดอลลาร์......BDI ปิดล่าสุดอยู่ที่ 2482 จุด -19 จุด ….. ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดล่าสุดที่ 1880.00 ดอลลาร์ต่อตัน +7.0 ดอลล์
สินค้าเกษตร...ราคาตลาดจริง (หน่วย : บาท/ กก.) ….ข้อมูลจาก WEB Site ของ AFET (www.afet.or.th)
ราคาประมูลยางแผ่นรมควันชั้น 3 (28/06/10) Hatyai A.M. 115.93 บ. +0.64 บ. // FOB.BKK 119.10 บ. ไม่ ปป.
ราคาข้าวขาว 5% (28/06/10) 13.35 บ. +0.07 บ.
ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 (28/06/10) 28.85 บ. +0.17 บาท

--------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ทรีนีตี้ลุย!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 29 มิ.ย.53 ปิดที่ระดับสูงสุดของวันที่ 804.40 จุด บวก 10.73 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 17,150.91 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 504.96 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุว่า เห็นสัญญาณการกลับเข้ามาซื้อหุ้นในภูมิภาคจากต่างชาติ เพราะเศรษฐกิจเอเชียฟื้นตัวได้เร็วและแข็งแกร่งกว่าที่อื่น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวขึ้น กระตุ้นหุ้นพลังงานให้ปรับตัวขึ้นไปได้ด้วย

ฝ่ายกลยุทธ์ บล.เคจีไอ มองหุ้นไทยขยับขึ้นมายืนบวกเหนือระดับ 800 จุดได้ เพราะได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน ที่เป็นกลุ่มหลักที่ขับเคลื่อนดัชนีฯ หลังราคาน้ำมันสหรัฐฯบวกกว่า 3% สู่ระดับปิดสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ เนื่องจากมีการเตือนถึงพายุโซนร้อนที่อาจเคลื่อนตัวไปยังอ่าวเม็กซิโก

ส่วนทิศทางตลาดช่วง 1-2 วันต่อจากนี้น่าจะผันผวนเชิงบวก หากดัชนีดาวโจนส์ไม่ปรับตัวร่วงแรง โดยพบว่ามีการโยกกลุ่มมาเล่นในหุ้นพลังงานและวัสดุก่อสร้าง เช่น SCC ขยับบวกขึ้น แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ตามการคาดการณ์ผลประกอบการ เช่น BBL รวมทั้งหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีความคาดหวังว่างบไตรมาส 2 จะออกมาดีเช่นกัน แนะหุ้น LPN และ PS ด้านเทคนิคประเมินแนวต้านดัชนี ไว้ที่ 808-810 จุด

ปิดท้ายมีข่าว บล.ทรีนีตี้ เปิดกลยุทธ์ดูดนักลงทุน โดยเล็งเจาะกลุ่มนักลงทุนระยะกลางและยาวซึ่งมีเงินเย็นที่พร้อมจะลงทุน แต่ส่วนใหญ่มีปัญหาในการซื้อขายหุ้น หรือ "ติดหุ้น" ในราคาสูงและขาดทุนจำนวนมาก เพราะไม่มีเวลาติดตามตลาด ประกอบกับโบรกเกอร์หรือมาร์เก็ตติ้งที่ใช้ บริการอยู่ไม่ค่อยอัพเดทข้อมูลข่าวสารและราคาหุ้นให้ จึงทำให้ไม่ได้ขายหุ้นเมื่อมีกำไร หรือไม่ได้ "ขายตัดขาดทุน" เมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาลงหรือมีปัจจัยหรือมีข่าวที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ต้องกลายเป็นนักลงทุนระยะกลางและยาวไปโดยจำยอมหลังเห็นว่าหุ้นที่ถืออยู่มีราคาขาดทุนมาก

ดังนั้น ทรีนีตี้จึงมีกลยุทธ์ที่จะส่งข่าวสารหรือแนะนำนักลงทุนให้ซื้อและขายหุ้นในเวลาที่จะทำให้นักลงทุนมีกำไรมากกว่า เพราะที่ผ่านมาพบว่าส่วนใหญ่มาร์เก็ตติ้งจะแนะนำให้ "ซื้อ" แต่เวลาหุ้นลงกลับไม่ส่งข่าวสารหรือแนะให้นักลงทุนยอมตัดขายขาดทุน โดยเป้าหมายนอกจากนักลงทุนรายใหม่แล้วยังเป็นนักลงทุนที่มีพอร์ตลงทุนในตลาดอยู่แล้ว

ขณะที่ "วิศิษ์ องค์พิพัฒน์กุล" กรรมการบริหารทรีนีตี้ มองนักลงทุนมีโอกาสซื้อหุ้นได้ในไตรมาส 3 ที่คาดว่าตลาดจะอ่อนตัวลง เพื่อรอขายในปีหน้าที่คาดว่าจะเป็นปีทองของหุ้นไทย.

FSS :ทยอยเลือกหุ้นเข้ารับต่อเนื่องได้ แต่หลังจากนั้นต้องเตรียมมองหาจังหวะขาย!
แนวโน้ม:
แม้ว่าเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะยังปิดเป็นลบ แต่ก็เพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเกือบจะตลอดทั้งวันดัชนีดาวโจนส์สามารถเคลื่อนไหวอยู่ในด้านบวกเป็นหลักได้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลต่อผลกระทบจากกฎหมายปฏิรูปสถาบันการเงินลงไปบ้าง ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่สามารถเปิดเป็นบวก แม้ว่าจะยังขยับขึ้นในกรอบค่อนข้างจำกัด แต่ก็ถือว่าเป็นปัจจัยหนุนให้ SET มีโอกาสบวกต่อเนื่องจากแรงซื้อที่มีเข้ามาตั้งแต่ช่วงสายของเมื่อวานนี้ได้ ซึ่ง FSS คาดว่า SET มีโอกาสสูงที่จะเริ่มขยับขึ้นไปหาจุดสูงสุดเดิมแถว 808 จุดได้ และยังมีแนวโน้มที่จะผ่านขึ้นไปใกล้จุดสูงสุดของเดือน เม.ย. ที่บริเวณ 820 จุดได้ในเร็วๆ นี้ด้วย อย่างไรก็ตามเรายังมองว่าตลาดแกว่งขึ้นในรอบนี้เป็นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น จากนั้นยังมีแนวโน้มที่จะมีแรงขายกดดันให้ปรับตัวลงอีกครั้งได้ เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศยังไม่ได้แสดงท่าทีที่จะเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยอย่างชัดเจนนัก ดังนั้นเมื่อตลาดขยับบวกขึ้นต่อต้องเริ่มชะลอการเข้าซื้อ และเริ่มมองหาจังหวะขายทำกำไรด้วย
กลยุทธ์: ช่วงนี้ยังเลือกหุ้นเข้ารับเพื่อลุ้นเทรดดิ้งขึ้นไปขายทำกำไรเมื่อตลาดแกว่งขึ้นได้ แต่หลังจากนั้นให้เริ่มชะลอการเข้าซื้อ เพื่อเตรียมมองหาจังหวะขายทำกำไร โดยเฉพาะเมื่อดัชนีวิ่งขึ้นไปใกล้ 820 จุดหรือสูงกว่าต่อไป โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ DTAC, KK, TMB, BBL, KBANK, KH, TTW, PDI, LST, HANA, QH, BECL, TSTH, ESSO เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
-PTT และ PTTEP ถูกปรับลดเครดิต Moody’s ปรับลดอันดับเครดิตเรทติ้งหนี้สกุลเงินบาทของ PTT และ PTTEP เป็น A3 จาก A2 และคง Outlook เป็น Negative ขณะที่หนี้สกุลเงินต่างประเทศทั้งสองบริษัททาง Moody’s ได้ลดอันดับมาอยู่ที่ A3 ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2010 พร้อมๆ กับการลด Outlook ของประเทศไทยเป็น Negative เมื่อต้นปี แม้ข่าวดังกล่าวจะเป็น Sentiment เป็นลบกับทั้ง PTT และ PTTEP แต่เราเชื่อว่าไม่มีผลกับราคาหุ้นมากนัก เพราะเมื่อต้นปีที่หนี้สกุลต่างประเทศของ PTT และ PTTEP ถูกลดเครดิต ก็ไม่มีผลกับราคาหุ้น ส่วนต้นทุนทางการเงินของทั้ง 2 บริษัทอยู่ในระดับที่ไม่สูงนักอยู่แล้วคือ 4.7% - 5.2% และ CDS ของทั้ง 2 บริษัทก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าคู่แข่งในต่างประเทศ จึงไม่น่าเป็นกังวล เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย PTT = 305 บาท PTTEP = 175 บาท การพยากรณ์โดยสำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (NOAA) คาดว่าในปีนี้จะมีพายุ 14 – 23 ลูกในฤดูเฮอริเคน มากกว่าปีก่อน จะส่งผลให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้น
-การประชุมครม.วันนี้ ก.คลังเตรียมเสนอต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพ – ไฟฟ้า น้ำประปา รถเมล์ รถไฟ LPG เพื่อช่วยเหลือประชาชน ออกไปอีก 6 เดือนจากที่กำลังจะสิ้นสุด 30 มิ.ย. นี้เป็นสิ้นสุด 31 ธ.ค. นี้แทน เรายังไม่เห็นวาระโครงการมาบตาพุด อาจไม่ได้นำเข้า ครม. วันนี้
-บอร์ด รฟม. กำหนดเปิดซองราคารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน 1 ก.ค. นี้ ราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาในช่วงสายวานนี้แผ่วลงหลังรองผู้ว่า รฟม. ให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่สามารถกำหนดวันเปิดซองราคารถไฟฟ้าสีน้ำเงินสัญญา 1-2 ได้ แต่ในช่วงเย็นหลังปิดตลาด ผู้ว่า รฟม. ให้สัมภาษณ์ว่าบอร์ด รฟม. เห็นชอบให้เปิดซองราคาในวันที่ 1 ก.ค. นี้ เวลา 14.30 น. ซึ่งน่าจะแน่นอนแล้ว ทั้ง 2 สัญญามีผู้ผ่านคุณสมบัติ 3 รายเหมือนกันคือ CK, ITD, SN Joint venture (STEC+NWR) การเปิดซองทำในช่วงวันหยุดของตลาดฯ ดังนั้น ระวังแรงขาย Sell on fact ในวันศุกร์ด้วย
-CPALL วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติขายเงินลงทุนใน Chia Tai Enterprises International Limited (CTEI) โดย CPALL จะเปลี่ยนจากถือหุ้นกู้แปลงสภาพของ CTEI เป็นหุ้นบุริมสิทธิ 3,897.1 ล้านหุ้น และขายหุ้นทั้งหมดให้ CPH (ถือหุ้น 100% โดย CP Group) และบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยกำหนดราคาขายที่ 0.248 ฮ่องกงดอลลาร์ต่อหุ้น ข้อเสียคือการขายดังกล่าวเป็นการขายขาดทุนประมาณ 1.7 พันล้านบาท บริษัทอาจไม่บันทึกในงบกำไรขาดทุน แต่ไปบันทึกในส่วนของผู้ถือหุ้นแทน ทำให้ Book value ลดลง 0.38 บาท/หุ้น (-8%) แต่ข้อดีคือกระแสเงินสดดีขึ้นไปอีก โดยบริษัทจะนำเงินไปขยายสาขา เราคาดว่ากำไรในปีนี้ของ CPALL จะเติบโตถึง 23.8% ยังคงแนะนำซื้อโดยมีเป้าหมาย 33 บาท

FSS: ข่าวภายในประเทศ
CPF แรลลี่ยาว 25 บาทรับ Q2 กำไร 4 พันล้าน!
“อดิเรก”นำทีมผู้บริหาร แห่เก็บราคาเฉลี่ย19.51 บาท ผู้บริหาร CPF ไล่เก็บกระจายราคาเฉลี่ย 19.51 บาท “อดิเรก”นำทีมซื้อ 1.10 ล้านหุ้น เชื่อผู้บริหารมั่นใจธุรกิจโตต่อเนื่อง คาดกำไร Q2 แตะ 4,000 ล้านบาท โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เป้าหมาย 25.25 บาท ลุ้น Q2/53 กำไร 4,210 ล้านบาท เพิ่ม 224% เหตุยอดขายกุ้งดี-ราคาเนื้อสัตว์สูง ล่าสุด CPF ยังรุกเพิ่มทุนบริษัทย่อยที่
ฟิลิปปินส์ทำธุรกิจเพาะฟักลูกกุ้ง-ให้เช่าอสังหาริมทรัพย (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)
SPALI เป้าเกิน 10 บาทครึ่งแรกปันผล 30 สต. หุ้น SPALI พุ่งแรงกว่า 5% รับแรงซื้อเก็งกำไร คาด “กำไรปีนี้สวย-จ่ายปันผลสูง-เทคนิคหุ้นพุ่งไม่เลิก ลุ้นแนวต้าน 9.80 บาท” โบรกฯ เชียร์ซื้อเป้า 10.07 บาท คาดจ่ายปันผลครึ่งปีแรก 0.30 บาท/หุ้น รับดิวิเดนด์ ยีลด์สูง 7.8% ราคายังถูกพีอีต่ำกว่า 6 เท่า “อธิป” เผย 6 เดือนยอดขายพุ่ง 7,700 ล้านบาท คงเป้ายอดขายทั้งปี 15,000 ล้านบาท ทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 11,000 ล้านบาท ครึ่งปีหลังลุยเปิด 11 โครงการมูลค่าหมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)
คลังเร่ง TMB ปั้นกำไรจ่อวางเป้าขาย 3 บาท กระทรวงการคลังเร่งแบงก์ทหารไทย (TMB) ทำกำไร จ่ายปันผล ดันราคาหุ้นหลังล้างขาดทุนสะสมหมด แต่งตัวก่อนขายไอเอ็นจีหรือพันธมิตรรายใหม่ ไตรมาสสองกำไรดีเกินคาด ระบุราคาต้นทุนคลัง 3 บาทกว่า ถ้าขาย 1.6 บาท ขาดทุนมาก ดังนั้นต้องสร้างฐานราคาใหม่ก่อนขาย ด้าน “สถิตย์” ยันภายในสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุปจากไอเอ็นจี (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)
เครดิตฯอัพเกรด TCAP มองกำไรต่อหุ้นพุ่ง 54% บล.เครดิตสวิส (CS) อัพเกรด TCAP เปลี่ยนคำแนะนำจาก 'underperform' เป็น 'neutral' หลังไม่ต้องเพิ่มทุนแม้ซื้อหุ้น SCIB พร้อมชูกำไรต่อหุ้นปีนี้เติบโต 54% เปลี่ยนราคาเป้าหมายใหม่จาก 23 บาท เป็น 32 บาท ด้านธนชาตผนึกนครหลวงไทย ออกตั๋วแลกเงินพิเศษ 4 เดือน จ่ายดอกเบี้ย 1.40% ต่อปี จับลูกค้าเงินฝากรายย่อยที่มีศักยภาพการออมสูง เล็งระดมเงินจากโปรดักต์ดังกล่าว 2 หมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)
LPN ปลื้มคอนโดใหม่ขายเกลี้ยง Q2 ฟุ้งรายได้ 2.6 พันลบ. ปันผลครึ่งปีแรก 25 สตางค์ “LPN” ปลื้มคอนโดใหม่ขายดี เปิด “ลุมพินีคอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ ตึก D” ขายเกลี้ยงวันเดียวโกยยอดขายเข้ากระเป๋า 550 ล้านบาท ส่วนงบQ2 มั่นใจมาตามนัด 2,600 ล้านบาท Q3 เดินหน้าเปิดเพิ่ม 2 โครงการ มูลค่า 7,600 ล้านบาท ขณะที่ต้นส.ค.นี้เตรียมประชุมบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งปีแรก โบรกฯคาดจ่ายไม่ต่ำกว่า 0.25 บาท/หุ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)
AGE เดินหน้าซื้อเหมืองอินโดนีเซียเชื่อไม่เกิน 2 ปีได้ข้อสรุป โชว์ตัวเลขออเดอร์1แสนตัน AGE ไม่ล้มแผนซื้อเหมืองถ่านหินอินโดนีเซียเตรียมสรุปภายในปี 2555 เพื่อต่อยอดธุรกิจถ่านหิน ด้าน “สมยศ” เผยภายใน 1-2 ปีนี้ เน้นลงทุนโครงการเพื่อลดต้นทุนและขยายฐานลูกค้า โดยยอดออเดอร์ถ่านหินสูง 1 แสนตันต่อเดือน ขณะนี้แนวโน้มราคาถ่านหินมีโอกาสขยับขึ้นอีกในเดือนก.ค.นี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)
RCL พลิกขึ้นแท่นจ่าฝูงหุ้นกลุ่มเรือไตรมาส 2 ถึงจุดคุ้มทุน วิกฤติยุโรปไม่กระเทือน RCL พลิกขึ้นแท่นจ่าฝูงหุ้นกลุ่มเดินเรือ ขนส่งคอนเทนเนอร์ขาขึ้น วงการเงินลุยปรับเป็นหุ้นเด่นประจำกอง ชี้มีโอกาสเห็นจุดคุ้มทุนเร็วเกินคาด ตั้งแต่ไตรมาส 2 เริ่มพลิกกำไรทันที Q3 ธุรกิจแกร่งเน้นขนส่งในเอเชีย ไร้กระเทือนวิกฤตยุโรป ราคาหุ้นต่ำบุ๊ค ขณะที่ประธานบีเอสเอเอการันตีสิ้นปี 2553 ตลาดส่งออกสินค้าขั้นต่ำ 20% นำเข้าโตไม่ต่ำกว่า 30% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-06-2010)

--------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ : หุ้นมะกันปิดลบ ฉุดน้ำมัน ลดลง90เซนต์
ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ 10,138.52 จุด ลดลง 5.29 จุด ส่วนราคาน้ำมันดิบ ลดลง 90 เซนต์ เคลื่อนไหวใกล้ 78 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล.....

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯวันที่ 28 มิ.ย.ดัชนีปรับลดลงเล็กน้อย แม้นักลงทุนจะพอใจข้อมูลการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ที่เพิ่มขึ้น 0.2% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่สัปดาห์นี้จะยังมีตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ออกมาอีก โดยเฉพาะข้อมูลการผลิตและตัวเลขตลาดแรงงาน ซึ่งคาดว่าจะยังไม่น่าพอใจนัก

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 90 เซนต์ ไปปิดที่ 77.96 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ 10,138.52 จุด ลดลง 5.29 จุด แนสแดคปิดที่ 2,220.65 จุด ลดลง 2.83 จุด และเอสแอนด์พีปิดที่ 1,074.57 จุด ลดลง 2.19 จุด.

FSS: ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ธนาคารกลางยุโรปเผยอัตราการปล่อยสินเชื่อขยายตัวเร็วขึ้นในเดือนพ.ค. ธนาคารกลางยุโรปเปิดเผยว่า อัตราการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคครัวเรือนและภาคเอกชนในยุโรปขยายตัวเร็วขึ้น ในเดือนพฤษภาคม สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ขยายตัวเร็วขึ้นเช่นกัน โดยสินเชื่อที่ปล่อยให้กับภาคเอกชนขยายตัว 0.2% ในเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลังจากที่ขยายตัว 0.1% ในเดือนเมษายน ขณะที่ปริมาณเงิน M3 ซึ่ง
ธนาคารกลางยุโรปใช้วัดอัตราเงินเฟ้อในอนาคต ปรับลดลง 0.2% ในเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่เท่ากับในเดือนเมษายน(ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-06-2010)
จีน: จีนเล็งเปิดตัวกองทุนสกุลเงินหยวน-กองทุน ETF ในตลาดหุ้นฮ่องกง จีนกำลังพิจารณาเรื่องการเปิดตัวกองทุนสกุลเงินหยวน รวมถึงกองทุน ETF ซึ่งอ้างอิงความเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์บนกระดานซื้อขาย A-Share ของจีนในตลาดหุ้นฮ่องกง ตั้งเป้ายกระดับบรรยากาศการซื้อขายในตลาดทุนให้มีเสรีภาพมากขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-06-2010)
จีน: โอบามาคาดหวังเงินหยวนแข็งค่าเร็วๆนี้ ขณะจีนไม่กล้าผลีผลาม เหตุหวั่นกระทบส่งออก ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ แสดงความหวังว่าจะได้เห็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้นในไม่ช้า นี้ ในขณะที่จีนเตือนว่ายอดส่งออกของจีนอาจได้รับผลกระทบหากมีการปรับค่าเงิน หยวน ซึ่งท่าทีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ อาจย่ำแย่ลงในปีนี้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-06-2010)
เอเชีย: แบงค์ชาติเกาหลีใต้ชี้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารในประเทศร่วงแตะ ระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือน ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารในเกาหลีใต้ในเดือนพ.ค.อ่อนตัวลงแตะระดับต่ำ สุดในรอบ 13 เดือน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่ปรับตัวลง โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยสำหรับเงินกู้ใหม่ในเดือนพ.ค.ลดลงมาอยู่ที่ 5.4% จากระดับ 5.49% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกันเดือนที่ 4 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-06-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 2.8% เหตุมาตรการกระตุ้นศก.เริ่มสิ้นสุด รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8% ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 แต่ตัวเลขดังกล่าวขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.และเม.ย.ที่ขยายตัวเกือบ 5% เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซบเซาลง อันเนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้สิ้นสุดลง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-06-2010)
--------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น