Code 85 : Sideway หาทางลง หรือ ไปต่อ

วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2553

ATT Code : Sideway หาทางลง หรือ ไปต่อ
เมื่อวานฝรั่งก้ยังคงสับขาหลอกอยู่ กลับมาขายใหม่ พันกว่าล้าน
เช้านี้ SET เปิดที่744.94 จุด +4.02 จุด เปิดเหนือแนวรับ เส้น 5 วัน ที่ 744 ได้ แนวต้านต่อไปอยู่ที่ 748-754 แต่ที่บวกมาเช้านี้ยังไม่มีนัยยะอะไรมาก
ส่วน TFEX เปิดที่ 516.10 จุด +2.40 จุด เส้น 5 วันอยู่ที่ 516 เส้น 10 วันอยู่ที่ 520
ภาคเช้า SET ปิดที่ 744.72 จุด +3.80 จุด V.5,643 M.B. ต่างชาติขาย 700 ล.บ. ส่วน TFEX ปิดที่ 516.90 จุด +3.20 จุด

ภาคบ่าย SET ปิดที่ 749.68 จุด +8.76 จุด V.13,946 MB. ต่างชาติยังขายอยู่ 687 ล.บ. แต่ SET ก็ยังสามารถมารถปิดยืนเหนือเส้น 10 วัน ที่ 748 ได้ ก็ถือว่าดี เส้น 5 วัน กับ 10 วัน เริ่มเข้ามาใกล้กันแล้ว พรุ่งนี้ต้องลุ้นว่าจะผ่าน 754 ได้หรือไม่
ส่วน TFEX ปิดที่ 521.90 จุด +8.20 จุด ผ่านแนวต้านที่ 520 มาได้ ก็ต้องลุ้นต่อไปที่ 527 จุด

FSS :เทคนิค SET ระหว่างวัน (2/06/10)
แม้ว่า SET จะยังแกว่งบวกอยู่ได้ แต่จากรูปแบบกราฟแท่งเทียนของเมื่อวาน และการแกว่งตัวรายนาทีวันนี้ ยังเสี่ยงที่จะไหลลงต่อเนื่องอยู่...โดยมีแนวต้าน 747 จุดขวางทางอยู่ ขณะที่มีแนวรับค่อนข้างลึกที่ 735 , 720-718 และ 715-710 จุดตามลำดับ ดังนั้นยังน่ารอดูจังหวะอีกหน่อยก่อนกลับเข้าเทรดดิ้ง

-----------------------------------------------------------------
สรุปข่าวเด่น
FSS Report : TRUE (SELL) - แนวโน้ม 2Q10 ไม่สดใส [2-06-2010]
KS Daily: ตลาดกำลังเข้าสู่ sideway mode กรอบ 720-767 ขึ้นขายลงซื้อ stop loss ถ้าหลุด 712-714
FSS : หุ้นมีลุ้นเข้า SET50 1ก.ค. BLA, IVL, TISCO, TPIPL // หุ้นที่เอาออก BECL, MCOT, TSTH, TPC
FSS : วันนี้ รฟม. จะเปิดซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวันนี้
- วันนี้ รฟม. จะเปิดซองประมูลเพื่อพิจารณาคุณสมบัติด้านราคาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ) มูลค่า 5.25 หมื่นล้านบาท เฉพาะ 2 สัญญาคือสัญญาที่ 3 เป็นการจ้างก่อสร้างเส้นทางยกระดับ ช่วงเตาปูนท่าพระ มูลค่า 11,395 ล้านบาท ระยะทาง 11 กม. และสัญญาที่ 4 เป็นงานก่อสร้างเส้นทางยกระดับ ช่วงท่าพระ-หลักสอง มูลค่า 13,429 ล้านบาท ระยะทาง 10.5 กม.
-ผู้รับเหมาที่ผ่านคุณสมบัติรอบแรกแล้วมี 5 รายคือ CK, ITD, STEC, NWR, UNIQ (จับมือกับSinohydro Corporation Limited ในนาม SH-UN Joint Venture)
-ข่าวนี้น่าจะทำให้เกิดการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มรับเหมาในวันนี้และในระยะต่อไปเพราะก็ยังมีอีก 3 สัญญา คือสัญญา 1, 2, 5 ที่รอประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติ
-เรายังคงเลือก STEC เป็นหุ้นเด่น ราคาเป้าหมาย 8 บาท
-ระหว่าง CK กับ ITD => CK ดีกว่ามากทั้งฐานะการเงิน และปริมาณงานในมือ ราคาเป้าหมาย 7 บาท
AYS - MarketCast: แนวโน้มตลาดและกลยุทธ์การลงทุน
-Market Recap and Trend: ค่าเงิน US$ แข็งค่าขึ้นจะเป็นปัจจัยกดดัน SET ต่อในระยะกลาง...คาด กนง.คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% ต่อเนื่อง
-Investment Strategy: ยังเน้นหุ้น DEFENSIVE ต่อเนื่อง และถือหุ้นในสัดส่วน 50% ของพอร์ตต่อไป
-Futures Strategy: แนะนำ ถือ/เปิด สถานะ SHORT โดยมี Trailing Stop ที่ 516 จุด
------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-สัญญาณไม่ค่อยดี!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 1 มิ.ย.53 ปิดที่ 740.92 จุด ลดลง 9.51 จุด มีมูลค่า การซื้อขาย 15,866.69 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,056.46 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ชี้ว่าหุ้นไทยลดลงจากแรงกดดัน 2 ปัจจัย นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ตกต่ำสุดรอบ 11 เดือน และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกโรงเตือนว่า ธนาคารในยูโรโซนอาจต้องสำรองหนี้เพิ่มในอีก 18 เดือนข้างหน้า สร้างความเสียหายมูลค่า 1.95 แสนล้านยูโร

ประเมินแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่ายังมีโอกาสร่วงลงได้ต่อ หลังดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวลดลง และราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าปรับตัวลง 1-2% และยังต้องติดตามทิศทางค่าเงินยูโร หากอ่อนค่าลงจะส่งผลลบ

แนะกลยุทธ์การลงทุนให้รอซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว โดยแนะหุ้นกลุ่มธนาคาร, เกษตรและอาหาร, อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ด้านเทคนิค ประเมินแนวรับไว้ที่ 735-730 จุด แนวรับถัดไปอยู่ที่ 720-710 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 745-750 จุด

ปิดท้าย บล.กิมเอ็ง ปรับลดมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นเดือน มิ.ย. เป็น Negative ระบุว่า แม้การเมืองสิ้นสุด แต่ความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ กลับเข้าสู่ภาวะระมัดระวังต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

และภาวะเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลกที่มากขึ้น ส่งผลให้ต่างชาติที่มีพอร์ตการลงทุน นับตั้งแต่ปี 52 ถึง 27 พ.ค.53 ที่มียอดซื้อสุทธิเหลือเพียง 16,289 ล้านบาทนั้น ทำให้ต่างชาติจะยังคงต้องลดการลงทุนลงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ มองว่าดัชนีจะผันผวนขึ้นลงตามข่าวที่เข้ามากระทบ แต่ภาพโดยรวมจะเป็นลักษณะของการปรับฐานลงต่อเนื่อง แม้จะมีการรีบาวน์ฟื้นตัวอาจเป็นเพียงทางเทคนิคเท่านั้น ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ (680) 700 จุด-780 (800) จุด

สำหรับ 7 หุ้นเด่นที่แนะนำเดือน มิ.ย. คือ BANPU ให้ราคาเหมาะสม 724 บาท, CPF ราคาเหมาะสม 20.50 บาท, DCC ราคาเหมาะสม 38 บาท, DTAC ราคาเหมาะสม 41 บาท, HANA ที่ 27.40 บาท, HMPRO 6.50 บาท และ PRANDA ให้ราคาเหมาะสมที่ 750 บาท.

กระแสหุ้น : ค่าบาทเช้าเปิดที่ 32.58-32.60 บาท/ดอลล์
นักค้าเงินจาก ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) กล่าวว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 32.58-32.60 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างวันคาดว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าได้เล็กน้อย ตามทิศทางค่าเงินสกุลหลักอื่นๆโดยเฉพาะในภูมิภาคที่แข็งค่า ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 32.55-32.60 บาทต่อดอลลลาร์

FSS : ตลาดกำลังจะเริ่มแกว่งตัวลงต่อ...โดยมีสิทธิไหลลงไป 700 จุดหรือต่ำกว่าได้!!
แนวโน้ม: หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐหยุดทำการไป 1 วัน กลับมาซื้อขายใหม่เมื่อคืนนี้ดัชนีดาวโจนส์ก็ยังแกว่งตัวลงต่ออีกกว่า 1% นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานหลังความพยายามในการยุติการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกประสบความล้มเหลว ขณะที่ตลาดหุ้นในเอเชียก็ยังมีแรงขายต่อเนื่องเมื่อวานนี้ จากความวิตกต่อมาตรการคุมเข้มสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของทางการจีน ซึ่ง SET ก็เริ่มปรับตัวลงจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศอีกครั้ง หลังจากสามารถปิดวันเป็นบวกต่อเนื่องมา 3 วันทำการด้วยระยะทางพอควร ทำให้ FSS คาดว่าตลาดน่าจะจบรอบการรีบาวด์และกลับเข้าสู่ช่วงแกว่งตัวลงอีกครั้งแล้ว ซึ่งมีแนวโน้มที่ดัชนีจะย้อนกลับลงไปหาจุดต่ำสุดในรอบที่ผ่านมาแถว 720 จุดได้ และมีโอกาสที่จะหลุดต่ำกว่าลงไปได้ด้วย เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศยังคงมียอดขายสุทธิเพื่อการปรับพอร์ตในตลาดหุ้นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียอยู่ โดยเรายังคงคาดว่าระดับดัชนีที่จะสามารถดึงดูดความสนใจของนักลงทุนต่างประเทศให้กลับมาทยอยซื้อหุ้นไทยได้อย่างจริงจังอีกครั้งน่าจะอยู่ที่บริเวณ 700-680 จุดโดยประมาณ ดังนั้นคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังอยู่ในช่วงเวลาของการแกว่งตัวลงอีกพักใหญ่
กลยุทธ์: หลังจากแนะนำขายทำกำไรไปแล้ว ถัดจากนี้ให้เน้นถือเงินสดไว้ก่อน เพื่อรอหาจังหวะเข้าซื้อเพื่อถือลงทุนเมื่อดัชนีปรับตัวลงไปแถว 700 จุดหรือต่ำกว่า โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (BANPU, PTTEP, PTTCH) โรงไฟฟ้า (GLOW) กลุ่มวัสดุฯ (SCC, SSI, DCC) กลุ่มอาหารและเกษตร (CPF, GFPT, TUF, TVO, STA) กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ (KCE, DELTA) และกลุ่มยานยนต์ (SAT, STANLY) ส่วนถ้าจะเข้าเทรดดิ้งเล่นรอบในช่วงปรับตัวลงของตลาดนั้น ยังน่ารอติดตามดูแรงซื้อจากจุดต่ำสุดเดิมแถว 720 จุด หรือเมื่อหลุดต่ำกว่าก่อน ซึ่งเราจะติดตามกันต่อไป

ประเด็นสำคัญวันนี้
-คาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ยจนถึง 3Q10
อัตราเงินเฟ้อของไทยเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 3.5% Y-Y จากเดือน เม.ย. ที่อยู่ที่ 3.0% Y-Y ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.2% Y-Y เพิ่มขึ้นในอัตราเร่งจากเดือนก่อนที่อยู่ที่ 0.5% Y-Y แต่เงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในกรอบเป้าหมายของ ธปท. ที่ 0.5% - 3% ดังนั้น คาดหมายว่าการประชุม กนง. วันนี้ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% และอาจจะตรึงดอกเบี้ยไปจนถึง 3Q10 เพื่อประคองเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการจลาจลในช่วงที่ผ่านมา (กนง. ยังเหลือการประชุมอีก 4 ครั้งในปีนี้คือวันที่ 14 ก.ค., 25 ส.ค., 20 ต.ค., และ 1 ธ.ค.)
-CPF ราคาไก่เดือน พ.ค. พุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 47 บาท/กก. ส่วนราคาหมูทรงตัวอยู่ในระดับสูง 61 บาท/กก. ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 (ราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์คือ 62 บาท/กก.) ในขณะที่วัตถุดิบที่ราคาเพิ่มขึ้นมีเพียงข้าวโพดเพิ่มขึ้นเพียง 0.10 บาท/กก. จากเดือน เม.ย. แต่วัตถุดิบอื่นเช่นกากถั่วเหลืองและปลาป่นลดลงอย่างต่อเนื่อง เราคาดว่ากำไรใน 3Q10 จะเป็นกำไรที่ดีที่สุดในปีนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี upside 14% จากเป้าหมาย 20 บาท นอกจากนี้ ข่าวบวกที่หนุนราคาหุ้นในระยะนี้คือน้ำมันรั่วที่อ่าวเม็กซิโกครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้การจับกุ้ง ปลา และสัตว์น้ำอื่นๆ ทำไม่ได้เลย จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ส่งออกกุ้ง (CPF, CFRESH) และปลา (ASIAN, TUF) ของไทย ราคาหุ้น CPF ยังมี upside 14% จากเป้าหมาย 20 บาท GFPT ราคาเป้าหมาย 9 บาท มี upside 24% ยังซื้อหรือถือต่อได้ ส่วน CFRESH และ ASIAN แพงแล้ว แนะนำขาย
-ความกังวลเรื่อหนี้ยุโรปยังอยู่ในตลาด Dow Jones เมื่อคืนนี้ปิดลบ 112.61 จุด แม้ว่ารายงานเศรษฐกิจจะออกมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาคการผลิตขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ในเดือน พ.ค. การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ เกือบ 10 ปีในเดือน เม.ย. แต่ตลาดยังกังวลกับปัญหาหนี้ในยุโรปที่อาจฉุดเศรษฐกิจโลก ประกอบกับมีรายงานอัตราการว่างงานของกลุ่มยุโรปทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 10.1% สอดคล้องกับการผลิตที่ชะลอตัว และภาคการผลิตของจีนเดือน พ.ค. เริ่มชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับลงเกือบ 2% มาปิดที่ US$72.58 EIA จะรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ค. ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยโพลล์รอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจลดลง 200,000 บาร์เรล ส่วนราคาทองพุ่งสู่ระดับสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์มาปิดที่ US$1,230.60

------------------------------------------------------
FSS : News Comment
• เข็น IVL เข้าเซ็ต 50 สถาบันสบช่องเก็บ
เข้าเกณฑ์หุ้นกองทุนซื้อ เป้าหมายใหม่ 23 บ. ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมดันน้องใหม่ หุ้น IVL เข้าบรรจุอยู่ใน SET50 หลังคุณสมบัติพร้อมทุกด้าน เริ่มคำนวณ 1 ก.ค.นี้ แถมมีเซอร์ไพรส์อาจติดอยู่ในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ 20 อันดับแรกของตลาดหุ้นไทย เหตุมาร์เก็ตแคปทะลุ 7 หมื่นล้านบาท กลายเป็นหุ้นที่เข้าเกณฑ์การลงทุนของกองทุนทั้งในและต่างประเทศ โบรกฯมองหุ้นIVL เชิงบวก หลังการขยายกิจการส่งผลดีต่อการคุมมาร์จิ้นที่ดีขึ้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-06-2010)
• 3 บิ๊กก่อสร้างลุ้นระทึกเข้าวินสายสีน้ำเงิน 3-4 วันนี้เปิดซองสายสีน้ำเงิน สัญญา 3-4 มูลค่ารวม 2.48 หมื่นล้านบาท 3 ผู้รับเหมาใหญ่ ITD-CK-STEC ลุ้นเข้าวิน ขณะที่ “อิตาเลียนไทย” คว้างานระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) และระบบอาณัติสัญญาณของ กทม. โดยเสนอราคาต่ำสุด 1.57 พันล้านบาท จากราคากลาง 2.64 พันล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-06-2010)
• LANNA ทำบิ๊กดีล ซื้อเหมืองถ่านหินเป้าหมาย 18 บาท LANNA เดินเกมรุก ทุ่มเงินก้อนใหญ่ซื้อเหมืองถ่านหินใหม่ที่กาลิมันตัน ตะวันออก ตั้งเป้าสัดส่วนถือหุ้นมากกว่า 55% มั่นใจปริมาณสำรองสูงถึง 50 ล้านตัน “สีหศักดิ์” ย้ำราคาถ่านหินตลาดโลกยืนตัวสูง 85-90 เหรียญสหรัฐต่อตัน ด้านโบรกฯ แนะระยะสั้นยังน่าลงทุน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-06-2010)
• RS กำไรพุ่ง 50% รับบอลโลกฟีเวอร์ล้างขาดทุนเกลี้ยง RS ลั่นไตรมาส 2/53 เติบโตมากกว่า 50% เนื่องจากรับรู้สัดส่วนรายได้จากเทศกาลฟุตบอลโลกถึง 80% ส่วนที่เหลือเข้ามาในไตรมาส 3/53 โปรยข่าวดีล้างขาดทุนสะสมรวม 88 ล้านบาทหมด Q2/53 ย้ำเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2.9 พันล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-06-2010)
• TMI-CYBER ขึ้นชั้นพิมพ์นิยม กำไรส่วนต่างหุ้นราคาเฉลี่ย 20% CYBER-TMI หุ้นน้องใหม่ mai ฟอร์มกำลังสด จับมือวิ่งสวนภาวะ ตลาดขาลง กลายเป็นหุ้นพิมพ์นิยม เล่นปลอดภัยช่วงตลาดหุ้นขาลง เชื่อพื้นฐานดีนักลงทุนสนใจ TMI ตั้งเป้ารายได้-กำไรปีนี้โต 17- 20% เร่งขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเก็งชงบอร์ดปันผลปี 52 เดือนมิ.ย.นี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-06-2010)
• HEMRAJ ย้ำรายได้ปีนี้โต 60-80% คงเป้าขายที่ดิน 1,000 ไร่ เชื่อการเมืองกระทบช่วงสั้น “HEMRAJ” คงเป้ารายได้ปีนี้โต 60- 80% เหตุมั่นใจรายได้ขายที่ดินและสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นเท่าตัว พร้อมคงเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ 1,000 ไร่ ส่วนไตรมาส 2 ยอมรับยอดขายที่ดินหดจากไตรมาสแรก แต่เชื่อรายได้ใกล้เคียง 1,240 ล้านบาท ทุ่มงบ 2,700 ล้านบาท ลุยลงทุนโรงไฟฟ้า และนิคมอุตสาหกรรม เล็งผุดโครงการคอนโดช่วงครึ่งหลังปีน(ี้ ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-06-2010)
• MJD เล็งผุดคอนโดหรู ทำเลทองย่านทองหล่อมั่นใจดีมานด์ลูกค้ายังดี MJD เดินหน้าจัดตั้งบริษัทลูก ลุยพัฒนาคอนโดมิเนียมหรูเพิ่ม 1 โครงการย่านทองหล่อ คาดเปิดตัวครึ่งหลังปีนี้ หลังปัจจัยลบด้านการเมืองคลี่คลาย เชื่อลูกค้าไทยและต่างประเทศยังสนใจซื้อโครงการที่อยู่อาศัยย่านกลางเมือง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-06-2010)
• BTS ปี 52 โชว์กำไร 200 ล้าน รายได้ค่าโดยสารรถไฟพุ่ง BTS แจงผลประกอบการปี 2552 กำไรสุทธิกระฉูดกว่า 200 ล้านบาท เหตุจากรายได้โครงการอสังหาริมทรัพย์เกิดใหม่ ส่วนกิจการรถไฟฟ้ารุ่ง ล่าสุดหลังปรับโครงสร้างหนี้ กำไรเพิ่ม 1.5 พันล้าน รายได้ค่าโดยสารพุ่ง 6% เพราะส่วนต่อขยายสายสีลมช่วยหนุนทำยอดผู้โดยสารเพิ่มอีก 7.2% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-06-2010)
• CPF จับมือมูลนิธิฯสร้างสหกรณ์ 7 แห่งทำกำไรปีละ 4 ล้าน CPF จับมือมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบทสร้างสหกรณ์เข้มแข็ง 7 แห่ง ทำกำไรได้เองปีละ 4 ล้าน พร้อมจัดค่ายรักษ์สหกรณ์ ระหว่างวันที่ 18-20 มิ.ย. เน้นความยั่งยืนสู่ลูกหลาน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-06-2010)
• TMT ลุ้นกำไรไตรมาส 2 โต 76% กำไรปีนี้พุ่ง 284 ล้านซื้อ 6.60 บ. TMT ลุ้นกำไรไตรมาส 2 โต 76% ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ปริมาณขายแตะ 7 หมื่นตัน ทำรายได้กว่า 1,600 ล้านบาท เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น หลังจากที่ราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่มีวัตถุดิบต้นทุนต่ำ แถมยังมีออเดอร์ล่วงหน้ายาวถึงสิ้นปี หนุนกำไรทั้งปีอยู่ที่ 284 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-06-2010)

------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
กระแสหุ้น :ราคาน้ำมันดิบไลท์ปิดลดลง 1.39 ดอลลาร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์ล่วงหน้าสัญญาส่งมอบเดือนกรกฎาคม วันที่ 1 มิ.ย. 53 ที่ตลาดนิวยอร์ค ปิดตลาดที่ราคา 72.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.39 ดอลลาร์ หรือ 1.88%

------------------------------------------------------
Technical View : FSS
“ตลาดเริ่มปรับพักตัวลงอีกครั้ง ซึ่งมีสิทธิที่จะไหลหลุดต่ำกว่า 720 จุดได้ ดังนั้นช่วงถัดจากนี้ถ้าจะเข้าเทรดดิ้ง ต้องรอตามดูแรงซื้อจากแนวรับต่างๆ ก่อนกลับเข้าเทรดดิ้งใหม่...”
แนวรับ : 735* , 720-718** , 715-710***
แนวต้าน : 747** , 750-755***

------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น