Code 96 : มอง 800 อยู่ แต่ต้องระวังปรับฐาน

วันพฤหัสที่ 17 มิถุนายน 2553

ATT Code : มอง 800 อยู่ แต่ต้องระวังปรับฐาน
วานนี้ มีการพลิกล๊อกเหมือนบอลโลกเลย ฝรั่งกลับมาซื้อมากพอสมควร 2,600 ล้าน และเช้านี้ SET เปิด +4.85จุด ที่ 791.49 จุด โดยสามารถเปิดที่แนวต้านแรกได้ที่ 791 แต่ก็มีแรงขายทำกำไรมาเรื่อยๆ ทำให้ปิดภาคเช้าลงมาที่ 788.01 แต่ต่างชาติยัง Net Buy 350 mb. ส่วน TFEX เปิดที่ 547 จุด +2.50 จุด และก็ย่อลงมาปิดภาคเช้าที่ 544.60 จุด

----------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
17 มิย.53 ( +6.27 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338
ต้องเริ่มระวังการปรับฐาน ...
แนวโน้มระยะสั้นในวันพฤหัสนี้ ตราบใดไม่ต่ำกว่า 781 จุด บริเวณแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ดัชนี สามารถปรับตัวขึ้นต่อได้แถว 797 – 799 จุด ใกล้จุดสูงสุดเดิมของเดือน พค.

อย่างไรก็ตามเนื่องจากภาวะ Bearish Divergence ในภาพระยะวัน ที่ดัชนีปรับตัว ขึ้น แต่เครื่องมือทางเทคนิคอย่าง Stochastic อยู่ใน “เขตซื้อมาก” และไม่ได้ปรับตัวขึ้นตาม ดังนั้นตลาดพร้อมปรับฐานได้ทุกเวลา และถ้ามี การปรับฐานจริง ดัชนีสามารถปรับตัวกลับลง มาบริเวณ 730 - 750 ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์อีกครั้ง ภายใต้อิทธิพลของรูปแบบสามเหลี่ยม

SET วันนี้ ปัญหาคือแท่งเทียนที่ ไม่เขียวต่อเนื่อง(แสดงความอ่อนแรง)
ภาพโดจิแบบนี้ เกิดที่ปลายยอดไฮ แล้วอีกวัน เปิดลบ และถ้าเห็น 783.35 แสดงว่า แก๊บถูกปิด เริ่มไม่ดีแล้วครับ แสดงว่าจะมีการปรับฐานลงมา (แต่ถ้าไม่ถูกปิดจะยอดมากเลยจอร์จ แต่ดูดาวโจรวันนี้ไม่เป็นใจเลย)

สังเกตุจาก STOCHASTIC ที่อยู่เขตซื้อมากเกินไป และหากตัดลงก็อาจต้องออกจากตลาดชั่วคราวสำหรับท่านที่เล่นสั้น (แต่นักลงทุนระยะยาวก็ถือไป ตราบใด MACD ยังไม่ตัดต่ำกว่า 0)

นักลงทุนระยะสั้นต้องติดตามต่อคือ
1. เห็น 782 เตรียมตัวออกชั่วคราวเมื่อเห็น 781(เนื่องจากแก๊บถูกปิด + สัญญาณโดจิแท่งเทียน)
2. ยืนยันการอ่อนแรงพักฐานเมื่อเห็น 776 จุดคัทลอสครั้งที่ 2 หาก 781 ขายไม่ทัน
3. 771.53 ควรจะรับอยุ่เพราะ หากจะขึ้นต่อคลื่น5 คลื่น 4 ต้องไม่ควรต่ำกว่า ยอดคลื่น 1 (ยกเว้นเป็นคลื่น 3 ยืดตัว) และหากหลุด 771.53 ก็มีเส้นแนวรับสีน้ำเงินเฉียงลงจากซ้ายมาขวาเป็นแนวรับเดิมอยู่เมื่อครั้ง ราคาทะลุผ่าน
แนวต้าน 791 (ไฮเดิม) / 796 /802

สูงสุดเช้านี้ 10.11 น. ที่ 793.45 ... ไม่ว่าจะถึง 797-799 หรือไม่ ??
จากสัญญาณ Bearish Divergence ภาพระยะชั่วโมง ต่ำกว่า 784.28 และเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดี และตลาดมีโอกาสปรับตัวลง 730 - 760 จุด เดือน กค.

--------------------------------------------------------

FSS Report : STA (BUY-TP 87 บ.) - คาดแนวโน้มราคายางและกำไรทำจุดสูงสุดปีนี้ใน 2Q10 [17-06-2010]

คาดกำไร 2Q10 เติบโตทะลุ 1,000 ลบ. 3 ไตรมาสติดต่อกัน อยู่ที่ 1,145 ลบ. เป็นการเติบโต 4.1% Q-Q และ 230% Y-Y เป็นจุดสูงสุดของปี

1. คาดยอดขายเท่ากับ 19,856 ลบ. เติบโต 22% Q-Q และ 113% Y-Y มาจากราคายางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน เม.ย. – พ.ค. ราคายาง FOB กทม.เฉลี่ยอยู่ที่ 124 และ 118 บาท/กก. ตามลำดับ เติบโตจากราคายางเฉลี่ย 1Q10 ซึ่งอยู่ที่ 104 บาท/กก. ซึ่งเป็นผลจาก Demand ที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ทำให้ความต้องการยางล้อรถยนต์เพิ่มขึ้น กอปรกับ Supply ใน 2Q10 ที่เริ่มตึงตัวแต่ไม่ขาดแคลนจากปัจจัยฤดูกาล เนื่องจากเป็นช่วงปิดหน้ายางของเกษตรกร ทำให้ผลผลิตออกมาสู่ตลาดค่อนข้างน้อย

2. คาดอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 8.5% เติบโตจาก 7.3% และ 8.0% ใน 2Q09 และ 1Q10 ตามลำดับ

--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น- มองหุ้นไกล 850 จุด!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 16 มิ.ย.53 ปิดที่ 786.64 จุด บวก 6.27 จุด ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย 29,416.95 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,620.25 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย PTT ปิด 251 บาท บวก 6 บาท, BANPU ปิดที่ 634 บาท บวก 16 บาท, CPF ปิด 19.40 บาท ลบ 0.20 บาท, KTB ปิด 12.80 บาท ลบ 0.20 บาท และ PTTEP ปิด 146 บาท บวก 3 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันซ่า ระบุว่า หุ้นไทยปรับขึ้นตามตลาดหุ้นภูมิภาค ที่ได้ผลบวกจากดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นแรง ขณะที่มีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นในหุ้นพลังงานจากประเด็นมาบตาพุดที่เริ่มมีความชัดเจนขึ้น หลังคณะกรรมการ 4 ฝ่าย เพื่อแก้ปัญหามาบตาพุดได้ข้อสรุปหลักการ 18 ประเภท กิจการที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนร้ายแรงก่อนเตรียมสรุปความชัดเจนในวันที่ 21 มิ.ย. และจะเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยหากโครงการใดที่ไม่เข้าข่ายก็สามารถที่จะหลุดจากการถูกระงับการดำเนินกิจกรรมตามคำสั่งศาลปกครองกลาง

ทั้งนี้ มองแนวโน้มตลาด คาดว่าระยะสั้นดัชนีมีโอกาสขยับขึ้นต่อได้ จากมูลค่าการซื้อขายที่มีเข้ามาอย่างหนาแน่นเป็นตัวหนุน ด้านเทคนิคมองแนวต้านไว้ที่ 800 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 770 จุด

"สานุพงศ สุทัศน์ธรรมกุล" นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป กล่าวในการบรรยายหัวข้อ "จัดพอร์ต FIF ครึ่งหลังอย่างไร เมื่อเศรษฐกิจโลกผันผวน" โดยมองแนวโน้มการลงทุนปีนี้เป็นโอกาสของการลงทุนในสินทรัพย์ เสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนทองคำและน้ำมัน ซึ่งมีโอกาสที่ราคาสูงขึ้น โดยระบุว่า หากปัญหายุโรปยังไม่จบ ทองคำยังได้รับความสนใจในการลงทุน ซึ่งน่าจะทำให้ ราคาทองคำมีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,250 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ ได้ ดังนั้นระดับที่เหมาะสมที่จะเข้าลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 1,200 เหรียญฯ และหากยิ่งหลุดแนวรับที่ 1,160 เหรียญฯ/ออนซ์ ก็จะยิ่งเป็นระดับที่น่าสนใจ

ขณะที่ในส่วนของน้ำมัน คาดว่าแนวต้านต่อไปน่าจะอยู่ที่ระดับ 82 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล หากตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 2 นี้ไม่แย่จนเกินไป น่าจะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นไปได้อีก

ดังนั้น ตอนนี้จึงน่าเป็นจังหวะในการที่นักลงทุนจะเข้าไปเล่นรอบสินทรัพย์ ที่มีความเสี่ยง เช่น ทองคำและน้ำมัน โดยอาจอยู่ในรูปแบบของการเข้าไปลงทุนในกองทุน FIF

สำหรับกองทุนหุ้นไทยประเมินว่า นักลงทุนยังสามารถถือหุ้น ต่อไปได้ เพื่อรอประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับขึ้นไปได้ถึง 850 จุด หากเศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่มองแนวรับอยู่ที่บริเวณ 700 จุด

ทั้งนี้ ในปีนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นไปแล้ว 7.5% หลังฟื้นตัวขึ้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ ที่ผ่านมา.

FSS :ตลาดขึ้นต่อยังไม่จำเป็นต้องซื้อไล่ราคา เพราะยังรอตลาดปรับตัวลงค่อยซื้อได้
แนวโน้ม:
แม้ว่าเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างประเทศจะกลับมามียอดซื้อสุทธิสูงถึง 2.6 พันล้านบาทในตลาดหุ้นไทย แต่จะเห็นว่า SET มีจังหวะแกว่งตัวผันผวนในกรอบจำกัดอยู่ตลอดทั้งวัน ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่แม้ว่าจะปิดเป็นบวก หรือเปิดมาเคลื่อนไหวในด้านบวกได้ แต่ก็ยังขยับตัวค่อนข้างแคบ ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET ก็ไม่น่าจะสามารถบวกต่อขึ้นได้แรงมากนัก และมีแนวโน้มที่จะยังอยู่ในลักษณะแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่อง ซึ่งยังมีโอกาสที่จะย้อนลงไปเป็นลบได้ด้วย โดยยังมองกรอบแกว่งตัวระหว่าง 770-790 จุดอยู่เช่นเดิม และยังมีแนวโน้มที่จะหลุดต่ำกว่าลงไปได้ด้วย
กลยุทธ์: เราจึงยังแนะนำให้เทรดดิ้งตามรอบไปพลางๆ ก่อน โดยดูจังหวะเข้าซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลง และควรขายทำกำไรบ้างเมื่อ SET เป็นบวก โดยเฉพาะหุ้นที่ขยับขึ้นแรง ส่วนหุ้นที่น่าสนใจทยอยเข้ารับ เนื่องจากราคาตลาดลงมาต่ำกว่าราคาเป้าหมายของปีนี้ค่อนข้างมากได้แก่ ROJNA, QH, BAY, TOP, TTW, GLOW, KH, BGH และ KCE เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
1 เลือกหุ้นที่มี Story
การที่ต่างชาติซื้อสุทธิ 2.6 พันล้านบาทวานนี้ไม่ได้ถือเป็นสัญญาณกลับตัวว่าจะกลับมาซื้อสุทธิ แต่เป็นเพราะตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปิด อย่างไรก็ตาม แรงขายของต่างชาติที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. ประกอบกับมีการซื้อกลับในหุ้นกลุ่มพลังงาน และในสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานเศรษฐกิจสำคัญของฝั่งยุโรปที่จะกดดันตลาด ส่งผลให้ตลาดแรลลี่ได้ชั่วคราว และเนื่องจากต่างชาติยังไม่กลับมาซื้ออย่างจริงจัง (สภาพคล่องในระบบการเงินตึงตัวมาก TED Spread ปรับขึ้นมาถึง 0.073 bps MTD และ 0.268 bps YTD) ทำให้หุ้น Big cap ขึ้นยากยกเว้น laggard มากจึงจะขยับขึ้นได้ชั่วคราว ระยะนี้จึงต้องเลือกหุ้นที่มี Story เฉพาะตัว ดังนี้
2 ซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับมาบตาพุด – PTTCH, PTT, SCC เพราะมีความคืบหน้ามากขึ้นเป็นลำดับ เราคาดว่าโครงการต่างๆ มีโอกาสถูกปลดล็อคปลาย 3Q10 ต้น 4Q10 นอกจากนี้ กลุ่มพลังงานรอบนี้ laggard มาก +3.2% เทียบกับตลาด +6.2% จากแนวรับ 740 จุด สำหรับหุ้นทั้ง 3 ตัว PTT น่าสนใจสุดเพราะ laggard ที่สุด น่าสนใจรองลงมาคือ SCC ส่วน PTTCH วิ่งมาแรง 16% upside เริ่มน้อย
3 หลีกเลี่ยงกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี – TOP, IRPC, PTTAR แม้จะ laggard มากแต่จะ laggard ต่อไปเพราะผลประกอบการ 2Q10 จะแย่ลง Q-Q จากค่าการกลั่นที่ลดลง และ Spread ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ลดลง Q-Q
4 PTTEP ช่วงนี้จะแกว่งแคบออกด้านข้างรอผลสรุปของรัฐบาลออสเตรเลียวันศุกร์นี้ แต่ถึงแม้ไม่ถูกยึดสัมปทาน ไม่ต้อง write off แต่ก็ยังถูกดดันจากมุมมองราคาน้ำมันของสำนักวิจัยต่างชาติที่มองแย่ลง ถือยาวได้ แต่ระยะสั้นต้องอดทน
5 กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์กลับมาใหม่หลังวิกฤตยุโรปผ่อนคลายระยะสั้น แนะนำ DELTA ส่วน SVI ขึ้นมามากจนเหลือ upside น้อย ไม่ซื้อเพิ่มแต่รอขาย
6 ทยอยขายกลุ่มมือถือและดาวเทียม ยกเว้นถ้าลงทุนยาว ADVANC ถือรับปันผลได้ ส่วน THCOM นอกจากคาดว่าจะติด Cash balance แล้ว มีประเด็นสอบการใช้ Insider trading ปั่นหุ้น
กลุ่มรับเหมา – สิ้นเดือนนี้เปิดซองราคาสัญญาที่เหลือของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน น่าลุ้น CK เพราะเชี่ยวชาญงานใต้ดิน ส่วนเดือน ก.ค. มีสายสีแดง หุ้นตัวเล็กที่ราคากว่า Book value เก็งกำได้มี SYNTEC, NWR, PLE
7 หุ้นขนาดเล็กอื่นๆ – STA GFPT (เมื่อวานมีประชุมนักวิเคราะห์ มีโอกาสถูหปรับประมาณการขึ้น เราประเมินราคาเบื้องต้น 9 – 10 บาท) KK ธุรกิจเช่าซื้อยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำ ที่ราคาปัจจุบัน KK มี Valuation ถูกกว่า TISCO มาก

ข่าวภายในประเทศ
-THCOM ยืนรอรับสิทธิ์ หุ้นโดน‘แคชบาลานซ์’บังคับซื้อเงินสด21มิ.ย.นี้ - กลต.เร่งสอบอินไซด์ ตลท. ประกาศ THCOM หุ้นที่ต้องวางเงินสดล่วงหน้าก่อนซื้อ (Cash Balance) วันที่ 18 มิ.ย.นี้ เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. หลังเข้าเงื่อนไข 3 ข้อ วอลุ่มเทรดโป่ง ขาดทุน และเทิร์นโอเวอร์เกิน 50% “ธีระชัย”เร่งประสาน ตลท. ตรวจสอบข้อมูลใครซื้อหุ้นก่อนข่าวออก ส่วน “จรัมพร” ยันมีรายชื่อผู้ที่เข้าไปซื้อหุ้นแล้ว รอส่ง ก.ล.ต. ตรวจสอบ ด้าน รมต.คลัง ท้าพิสูจน์อินไซด์หุ้น ระบุพร้อมให้ตลท. กับ ก.ล.ต. ตรวจสอบ ส่วน “เพื่อไทย” ยันมี 10 นอมินีนักการเมือง ด้านอภิสิทธิ์ ยันไม่เคยคิดใช้เงินทักษิณซื้อดาวเทียม (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-06-2010)
-SVI โชว์กำไรแจ่ม Q2 ไม่ต่ำ170 ล้านออเดอร์เข้าแน่น SVI กำไรไตรมาส 2 โตบานไม่เลิก ขั้นต่ำ 170 ล้านบาท ลูกค้าเดินหน้าออเดอร์งาน แน่นเอี้ยด การันตีอุตสาหกรรมฟื้นตัวชัด ด้านวงการชี้ ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนหมดสิ้นกังวลแล้ว ยอดขายทั้งปีพุ่ง 8,000 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นแสนถูกต่ำสุดในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-06-2010)
-IVLข่าวดีราคา PET พุ่งยุโรปเอดีอิหร่าน-ยูเออี วงการชี้ IVL รับอานิสงส์ มาตรการแอนตี้ดัมปิ้ง PET อิหร่าน-UAE รับผลดีไม่เจอคู่แข่งกดดัน ราคา แต่ไม่หวั่นหุ้นร่วงหลังพุ่งแรง มองนักลงทุนขายทำกำไร หลังหมดข่าวดีนำคำนวณ SET50 เล็งบุกตลาดบริคภายในครึ่งปีหลัง หวังสร้างฐาน รายได้-เพิ่มความสามารถทำกำไร เดินหน้าทุ่มงบ 2,000 ล้านบาท รองรับการขยายโรงงานในอิตาลี-โรงไฟฟ้าที่เนเธอร์แลนด์ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-06-2010)
-กองทุนแห่รุมจีบซื้อหุ้น SMT ปลื้มนักลงทุนสถาบัน-กองทุนรุมตอม หลังโชว์ผลงานเข้าตา ลูกค้าเก่าใหม่ติดหนึบ ออเดอร์ทะลักข้ามปี “พลศักดิ์” ฟุ้งปีนี้ฟันกำไรอื้อไม่ต่ำกว่า 60% จากปีก่อน ดันรายได้โต 30% ขณะที่เน้นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เตรียมขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 1,600 ล้านชิ้น/ ปี รองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ส่งซิกไตรมาส 3/53 แจ่ม เนื่องจากรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ 2-3 ราย (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-06-2010)
-CPALL เร่งปลดภาระขาดทุนโลตัสจีน เสนอผู้ถือหุ้น 29มิ.ย.นี้ ไฟเขียวโอนสิทธิหุ้นกู้แปลงสภาพ CPALL ผลักภาระก้อนใหญ่ส่งซีพี กรุ๊ปปลดขาดทุนโลตัสจีน เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 29 มิ.ย.นี้ หวังอนุมัติโอนสิทธิหุ้นกู้แปลงสภาพ CTEI ได้ 100% ภายในไตรมาส 3/53 หากกระบวนการเสร็จกระแสเงินสดเพิ่มมากขึ้น เชื่อได้รับเงิน 4.1 พันล้านบาท รายได้ทั้งปี 2553 เติบโต 10-15% ถึงแม้จะมีสาขาราว 50 แห่งที่ได้รับ ผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง แต่ก็คิดเป็นไม่ถึง 1% ของยอดขายของบริษัท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-06-2010)
-NOBLE ผุดคอนโดใหม่ติด BTS-แอร์พอร์ตลิงค์มูลค่า1.39 พันล้านบาท “โนเบิลฯ” เตรียมเปิดตัว “โนเบิล รีเวนต์” คอนโดฯทำเลเยี่ยมติดบีทีเอส พญาไท และสถานีรถไฟฟ้า Airport Link มูลค่ากว่า 1,396 ล้านบาท เริ่มเปิดลงทะเบียนรับสิทธิ์จองวันที่ 1 ก.ค.นี้ ณ Fashion gallery I : ชั้น 1 สยามพารากอน และเปิดจองวันที่ 11 ก.ค.นี้ ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่น ราคาเริ่มต้น 3.4 ล้านบาท โบรกฯแนะซื้อเป้า 6.80 บาท ลุ้นยีลด์ปันผล 8- 9% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-06-2010)
-โรจนะไตรมาส 2 กำไรดีกว่าQ1 “AMATA-HEMRAJ” กำไรลด รับพิษการเมืองไม่สงบ งบหุ้นนิคมฯไตรมาส 2 “ROJNA” เด่นสุด กำไรเติบโตดีกว่าไตรมาสแรกที่ทำได้ 206 ล้านบาท หลังบันทึกรายได้ขายที่ดินใกล้เคียงไตรมาส 1/53 แถมอัตรากำไรขั้นต้นคอนโดฯเพิ่มขึ้นสู่ระดับปกติ 35% โบรกฯแนะซื้อเก็งกำไรเป้า 10.10 บาท ส่วน “AMATA-HEMRAJ” กำไรอ่อนตัวจากไตรมาสแรก รับผลกระทบปัญหาการเมืองไม่สงบ ทำยอดขายที่ดินลดลง โบรกฯแนะซื้อ HEMRAJ เป้าใหม่ 1.53 บาท ขณะที่ AMATA แนะนำขายเป้า 6.50 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-06-2010)
-BANPU ราคาเป้าหมายเกิน 700 บาท รับข่าวซื้อเหมืองถ่านหินเพิ่ม สบช่องราคาถ่านหินพุ่ง ราคาหุ้น BANPU ยังขยับสูง รับข่าวดีทุ่มเงินอีก 2,737 ล้านบาท เพิ่มสัดส่วนถือหุ้น Centennial ซึ่งดำเนินธุรกิจเหมืองถ่านหินในออสเตรเลียเป็น 19.9% มั่นใจทำให้รายได้จากเงินปันผล เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาถ่านหินยังขาขึ้น หนุนรายได้ปีหน้าเติบโต 16% อยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-06-2010)

--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป:
เงินเฟ้อยูโรโซนขยายตัวแตะ 1.6% ในเดือนพ.ค. หลังต้นทุนค่าขนส่งพุ่ง สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท เปิดเผยว่า ราคาผู้บริโภคในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 16 ประเทศ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 1.6% ต่อปีในเดือนพ.ค. จากระดับ 1.5% ในเดือนเม.ย. ซึ่งทำให้ตัวเลขดังกล่าวขยับเข้าใกล้ระดับ 2% ที่ธนาคารกลางยุโรปได้กำหนดไว้เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคา (ที่มา: อินโฟเควสท์ 16-06-2010)
สหรัฐอเมริกา: อดีตผู้ว่าเฟดคาด คณะกรรมการเฟดจะลดคาดการณ์เศรษฐกิจในการประชุมสัปดาห์หน้า นายไลล์ แกรมลีย์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐในการประชุมนโยบายซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า เนื่องจากวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะในยุโรปได้ฉุดดีมานด์สินค้าสหรัฐและสร้างความผันผวนในตลาดการเงิน แกรมลีย์คาดว่า ที่ประชุมเฟดจะลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2553 ลงสู่ระดับ 3.2 - 3.7% แต่จะคงคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2554 และ 2555 ไว้เท่าเดิม (ที่มา: อินโฟเควสท์ 16-06-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.ขยายตัวเกินคาด 1.2% ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลผลิตในโรงงาน เหมืองแร่ และผลผลิตด้านสาธารณูปโภค พุ่งขึ้น 1.2% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้น 0.9% และยังมากกว่าเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.8% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง (ที่มา:
อินโฟเควสท์ 17-06-2010)
จีน: จีนยังถือครองพันธบัตรสหรัฐฯรายใหญ่ จีนยังคงเพิ่มการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มากที่สุดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 หรือมากที่สุดจากยอดรวมจำนวนเจ้าหนี้ต่างชาติที่ถือครองพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแนวทางการพัฒนานี้น่าจะช่วยผ่อนคลายความกังวลว่า ความต้องการของต่างชาติที่ลดน้อยลงจะบีบให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นเพื่อดูแลหนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จีนถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรืออยู่ที่ 900.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ยอดรวมต่างชาติที่ถือครองเพิ่มขึ้น 72.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรืออยู่ที่ 3.96 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ที่มา: สยามรัฐ 17-06-2010)

--------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น