Code 97 : กรอบแคบ 787-790 หลุดก็ลง ทะลุก็ขึ้น

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน 2553

ATT Code : กรอบแคบ 787-790 หลุดก็ลง ทะลุก็ขึ้น
วานนี้ต่างชาติซื้อน้อยลงเหลือซื้อแค่ 750 ล้าน และตลาดอื่นทัวโลก ก็ไม่ได้มีนัยยะที่มีผลต่ตลาดหุ้นไทย ทำให้เช้านี้ SET เปิดที่ 790.51 จุด +1.17 จุด และขึ้นไปบวก 2.58 ก่อนที่จะปรับย่อลงมาที่ -3.05 ก็ทำให้ยังมีความผันผวนอยู่ในกรอบแคบๆ ที่ 787-790 ส่วน TFEX เปิดที่ 549 จุด +1.10 จุด เปิดเป็น high และก็มีแรงขายลงมา low ที่ 545 โดยมีกรอบอยู่แนวรับที่ 543 และแนวต้านที่ 554 ดดยช่วงเช้าต่างชาติซื้อ 280 ล้าน

ช่วงบ่าย SET ขึ้นมาจากแนวรับที่ 787 แล้วไปปิดเกือบ High ที่ 791.85 จุด +2.51 จุด V.22,359 mb. ก็ถือว่ายืนเหนือ 790 ได้มานิดหน่อย ก็ยังดี มีสิทธิที่จะค่อยๆ ขยับขึ้นไปได้อยู่ ส่วน TFEX ปิดที่ 547.30 ยังยืนเหนือแนวรับได้อยู่ ก็ยังผันผวนตาม SET


--------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
18 มิย.53 ( +2.70 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338


แกว่งตัวในกรอบสามเหลี่ยม 787 – 790 จุด


ดัชนีในวันพฤหัส ปรับตัวขึ้นสูงสุด ประจำวันที่ 793.45 ต่ำกว่าเป้าหมาย 797 – 799 ที่คาดไว้ประมาณ 4 จุด

ภาพระยะสั้นวันศุกร์นี้ ดัชนีกำลังแกว่งตัวในกรอบสามเหลี่ยมภาพระยะชั่วโมง 787 – 790 จุด

และเนื่องจากภาวะ Bearish Divergence ในภาพระยะวัน ที่เครื่องมือทางเทคนิคอย่าง Stochastic นอกจากจะอยู่ใน "เขตซื้อมาก" และไม่ได้ปรับตัวขึ้นตามดัชนีที่ปรับตัวขึ้น ดังนั้นตลาดพร้อมปรับฐานได้ทุกเวลา โดยเฉพาะการปรับตัวลง ต่ำกว่า 784.28 จุดต่ำสุดของวันพุธ และแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ดัชนีสามารถปรับตัวลงต่อระยะเดือนแถว 730 – 760 จุด ภายใต้อิทธิพลของรูปแบบสามเหลี่ยม




--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ยังไปได้!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 17 มิ.ย.53 ปิดที่ 789.34 จุด เพิ่มขึ้น 2.70 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 20,015 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 749.61 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย CPF ปิดที่ 19.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท, PTT ปิดที่ 251 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, BANPU ปิดที่ 636 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท, PTTEP ปิดที่ 148 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท และ IVL ปิดที่ 20.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นคาดว่าน่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ แนะนักลงทุนติดตามทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศ ประกอบการลงทุน รวมถึงติดตามคำตัดสินคดีน้ำมันรั่วจากโครงการมอนทาราของ PTTEP ที่ออสเตรเลีย

แนะกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนที่มีหุ้นต้นทุนต่ำยังคงให้ "ถือ" ต่อ (Let Profit Run) เพราะตลาดอยู่ในทิศทางที่ดี หลังดัชนี สามารถยืนเหนือระดับ 780 จุดได้ และเลือกซื้อหุ้นเพิ่มในจังหวะอ่อนตัว เพราะยังมีลุ้นว่าดัชนีจะขึ้นไปที่ 790-800 แต่การลงทุนเก็งกำไรมีเงื่อนไขว่าดัชนีไม่ควรอ่อนตัวต่ำกว่าแนวรับที่ 770 แนะนำให้ขาย

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ซื้อเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ หากดัชนียังสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้

ปิดท้ายหุ้น THCOM ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน มองสัญญาณ ทางเทคนิคของราคาหุ้น THCOM มีลักษณะแกว่งตัวในกรอบ จึงแนะกลยุทธ์ให้ซื้อขายในกรอบ แนวรับที่ 6.30 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 7 บาท

ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา คาดว่า THCOM อาจเข้าข่ายเป็นหุ้นที่ต้องวางเงินสดล่วงหน้าก่อนซื้อ (Cash Balance) ที่จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. หลังเข้าเงื่อนไข 3 ข้อ คือ วอลุ่มเทรด เพิ่มขึ้นสูงมาก ขณะที่ธุรกิจยังขาดทุน และมีเทิร์นโอเวอร์เกิน 50%

ทั้งนี้ มองว่าการลงทุนในระยะสั้นจะเสี่ยงด้านความผันผวนสูงกว่าปกติ ส่วนในเชิงปัจจัยพื้นฐานจากการเข้าซื้อดาวเทียมไทยคมคืนของรัฐบาล นั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับผลประกอบการทางตรง.

FSS:ตลาดยังมีจังหวะแกว่งผันผวนให้เห็น จึงยังต้องระวังแกว่งย้อนเป็นลบอยู่...
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวผันผวนในระหว่างชั่วโมงการซื้อขายต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะยังเน้นหนักทางด้านแกว่งตัวบวกก็ตาม ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐก็เริ่มกลับมาแกว่งตัวผันผวนอีกครั้ง และเน้นหนักทางด้านลบจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาไม่ดีนัก ส่งผลให้ความมั่นใจของนักลงทุนลดลงไปบ้าง ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ยังเปิดตัวด้วยการบวกในกรอบจำกัด และเริ่มมีบางแห่งที่ปรับตัวลดลงมาเคลื่อนไหวในด้านลบบ้างแล้ว คาดว่ามาจากแรงขายทำกำไรระยะสั้นเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด ซึ่ง FSS คาดว่า SET จะเคลื่อนไหวคล้ายกับตลาดทางฝั่งเอเชียคือแกว่งตัวผันผวนและมีสิทธิที่จะเริ่มเน้นหนักทางด้านลบ หลังจากที่ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ขยับบวกขึ้นมาถึงกว่า 10% แล้ว
กลยุทธ์: ยังเน้นเทรดดิ้งตามรอบอยู่ก่อน โดยหุ้นที่น่าสนใจในช่วงนี้ได้แก่ STA, KCE, STANLY และ SAT จากประเด็นยอดขายรถที่เพิ่มสูงขึ้น , หุ้นกลุ่มแบงก์จากยอดสินเชื่อที่เติบโตได้ดี ได้แก่ BBL, KBANK นอกจากนี้วันนี้ยังน่าจับตาดูหุ้น PTTEP จากข่าวผลการตรวจสอบโครงการมอนทาราที่คณะกรรมการของรัฐบาลออสเตรเลียจัดตั้งขึ้น เพราะหากผลตรวจสอบออกมาเป็นบวก ราคาหุ้นน่าจะวิ่งได้หลังจากที่ laggard มานาน ซึ่งราคาเป้าหมายทางพื้นฐานคือ 175 บาท




ประเด็นสำคัญวันนี้
-ยอดขายรถยนต์ดีขึ้นต่อเนื่องในเดือน พ.ค. โดยยอดขายรถในประเทศเพิ่มขึ้น 53.4% Y-Y และ 8.9% M-M เป็นการเพิ่มติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 โดยเฉพาะเดือน เม.ย. – พ.ค. ที่มีเหตุการณ์ความรุนแรงในบ้านเมือง ส่งผลให้ยอดขาย 5 เดือนแรกของปีนี้เติบโต 52.2% Y-Y ส่วนยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 135.2% Y-Y และ 31.4% M-M แนวโน้มยอดขายในช่วงที่เหลือจะโตต่อเนื่อง หุ้นที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ยังคงน่าสนใจเช่น STA (เป้าหมาย 87 บาท), KCE (เป้าหมาย 10 บาท), STANLY (เป้าหมาย 150 บาท), SAT (การเพิ่มทุนทำให้เป้าหมายลดลงเหลือ 20 บาท ส่วน SAT-T1 ที่แจกให้ผู้ถือหุ้นเดิม 12 หุ้นเดิมได้ 1 SAT-T1 มีมูลค่า 4 บาท/หน่วย หรือ 0.33 บาท/หุ้น ราคาใกล้เต็มมูลค่าแล้ว รอซื้อที่บริเวณ 18 – 19 บาท)
-สินเชื่อแบงก์เดือน พ.ค. โตน่าพอใจทั้งที่มีปัจจัยการเมือง ในจำนวน 4 แบงก์ที่เราศึกษาและประกาศแล้ว (BBL, KBANK, TMB, TISCO) มีสินเชื่อรวมโต 0.9% M-M ถือว่าดีมากเพราะเป็นเดือนที่การเมืองรุนแรง และขยายตัว 2.4% YTD แบงก์ที่โตดีอย่างน่าประหลาดใจคือ BBL ซึ่ง ณ ราคาปัจจุบันมี PBV ต่ำที่สุดในกลุ่มคือ 1.08 เท่า และราคาหุ้นยัง laggard ในขณะที่ % การถือครองของต่างชาติเริ่มขยับขึ้น ราคาหุ้นยังมี upside จากเป้าหมาย 154 บาทอยู่ 28% และคาด 2Q10 +12% Y-Y แต่ลดลง 10% Q-Q ที่ราคาปัจจุบันจึงถือว่าน่าสนใจ แบงก์ที่มีสินเชื่อโตดีรองลงมาคือ KBANK และโต YTD มากที่สุด คาดกำไร 2Q10 +20% Y-Y และ +2-5% Q-Q เราแนะนำเป็น Top pick อยู่แล้ว เป้าหมาย 118 บาท
-PTTEP: วันนี้ติดตามผลการตรวจสอบโครงการมอนทาราที่คณะกรรมการที่รัฐบาลออสเตรเลียจัดตั้งขึ้นจะส่งรายงานให้ ครม.ออสเตรเลีย ความเป็นไปได้มีตั้งแต่จ่ายค่าปรับไปจนถึงถูกยึดสัมปทานคืน แต่เมื่อคืนนี้ รมต. Martin Ferguson กระทรวง Resources ของออสเตรเลียให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่าไม่มีแผนจะยุติการขุดเจาะและสำรวจน้ำมัน เราไม่คิดว่าบริษัทจะถูกยึดสัมปทานเช่นกัน ดังนั้น หากผลการตรวจสอบออกมาเป็นบวก ราคาหุ้นน่าจะวิ่งได้หลังจากที่ laggard มานานแต่จะติดแนวต้านที่ 155 - 157 บาท สำหรับราคาเป้าหมายทางพื้นฐานคือ 175 บาท
-THCOM: รมว.คลัง ระบุต้องรอความชัดเจนประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ THCOM ภายใต้สัญญาสัมปทานกับรัฐ กรณีที่มีการตรวจสอบประเด็นทำผิดสัญญา 4 ข้อทั้งการยิงดาวเทียมไอพีสตาร์, ดาวเทียมไทยคม 5, การแก้ไขสัดส่วนถือหุ้น รวมทั้งการใช้เงินสินไหมชดเชยโดยพลการ จากนั้นจึงจะตัดสินใจว่าจะเดินหน้าซื้อ THCOM หรือไม่อย่างไร

--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ทองพุ่งเป็นประวัติการณ์ปิด1,247.50ดอลลาร์

หุ้นสหรัฐปิดแดนบวกทุกตลาด ส่วนราคาน้ำมันดิบปิดที่ 76.79 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ขณะราคาทองคำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปิดที่ 1,247.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีปรับลดลงจากแรงเทขายของนักลงทุน ที่ผิดหวังกับจำนวนผู้ว่างงานที่ยื่นขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้น 12,000 คน เป็น 472,000 คน อย่างไรก็ดี แรงซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และ ราคาทองคำที่พุ่งขึ้น 18.20 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ 1,247.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ช่วยให้ดัชนีกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ ทำให้ดัชนีดาวน์โจนส์ ปิดที่ 10,434.17 จุด ปรับขึ้น 24.71 จุด หรือ 0.24% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,307.16 จุด ปรับขึ้น 1.23 จุด หรือ 0.05% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,116.04 จุด ปรับขึ้น 1.43 จุด หรือ 0.13%

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ปรับลดลง 88 เซนต์ ไปปิดที่ 76.79 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 5,253.89 จุด ปรับขึ้น 15.97 จุด หรือ 0.30% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 6,223.54 จุด ปรับขึ้น 32.63 จุด หรือ 0.53% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,683.08 จุด ปรับขึ้น 7.15 จุด หรือ 0.19%

ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 78.68 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปรับขึ้น 54 เซนต์ ขณะที่ราคาทองคำตลาดลอนดอน ปิดที่ 1,248.05 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปรับขึ้น 18.80 ดอลลาร์สหรัฐ.

--------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น