Code 101 : Bearish Divergence

วันพฤหัสที่ 24 มิถุนายน 2553

ATT Code : Bearish Divergence
จากการที่ SET ได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีพักและขายทำกำไรกันบ้าง โดยรอจังหวะที่จะรับข่าวดีและข่าวร้ายอยู่ ซึ่งมีแนวต้านอยู่ที่ 815 และแนวรับอยู่ที่ 800 แต่จุดสังเกตุ ณ ตอนนี้ เริ่มมี Bearish Divergence โดยมี Oscillator 2 ตัว คือ SRI และ Stochastic ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ ทำให้ถ้าแนวรับที่ 800 รับไม่อยู่ SET ก็พร้อมที่จะปรับตัวลงมาได้ก่อน

--------------------------------------------------------------------------





--------------------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้ 24/06/53
ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 806.52 จุด +2.39 จุด High 807.73 จุด low 802.46 จุด......แนวรับ 800-798 // 793-790 จุด แนวต้าน 808 // 812-820 จุด......PE SET 12.59 เท่า.........สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งซื้อ 345.77 ล้าน กองทุนขาย 1406.48 ล้าน�......โบรกเกอร์ ที่ net buy CS 489, JPM 356, KEST 263, DBSV 166 และ SCBS 148��...โบรกเกอร์ที่ net sell CNS -350, TSC -227, BLS -207, PHATRA -200 และ CLSA -140........TFEX SET50 ปิดที่ 558.11 จุด +0.90 จุด.......S50M10 ปิดที่ 559.30 จุด +1.30 จุด .... high 560.30 จุด low 555.00 จุด OI 15,764..............status futureวานนี้ Foreign net SHORT 1233 - Fund net SHORT 373 - Retail net LONG 1606.............ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ ปิด +4.92 จุด�..�.ยุโรปปิด -1 ถึง -1.5%........ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.20 น. NIX +16.67 จุด , HSKI -61.19 จุด , TWSE -8.51 จุด, KOSPI +4.28 จุด และ SHCOMP -12.49 จุด ......ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า +1 จุด.......ค่าเงิน - เงินบาท 32.37�เงินเยน 89.89��..COMODITY.... น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ส.ค. ปิดที่ 76.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล -1.50 ดอลล์.....ค่าการกลั่น 4.81 ดอลล์.......ทองคำ COMEX วานนี้ปิดที่ 1234.80 เหรียญ -6.00 ดอลลาร์......BDI ปิดล่าสุดอยู่ที่ 2515 จุด -32 จุด �.. ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดล่าสุดที่ 1829.50 ดอลลาร์ต่อตัน +35.50 ดอลล์
สินค้าเกษตร...ราคาตลาดจริง (หน่วย : บาท/ กก.) �.ข้อมูลจาก WEB Site ของ AFET (www.afet.or.th)
ราคาประมูลยางแผ่นรมควันชั้น 3 (23/06/10) Hatyai A.M. 114.63 บ. +0.24 บ. // FOB.BKK 117.10 บ. ไม่ ปป.
ราคาข้าวขาว 5% (22/06/10) 13.15 บ. +0.03 บาท
ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 (22/06/10) 27.95 บ. +0.27 บาท

-------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
24 มิย.53 ( +2.39 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ถ้าต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงจะเริ่มไม่ดี

ดัชนีในวันพุธ ปรับตัวลงมาแถวแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงพอดี ตราบใด ยังไม่ต่ำกว่าแนวรับเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว ถือว่าตลาดยังไม่มีสัญญาณการปรับตัวลง

อย่างไรก็ตาม จากสภาวะ Stochastic Overbought & Bearish Divergence ที่ดัชนีปรับตัวสูงขึ้น แต่เครื่องมือทางเทคนิคไม่ได้ปรับตัวขึ้นตาม ดังนั้นตลาดพร้อมปรับตัวลงได้ทุกเวลา โดยเฉพาะการปรับตัวลงต่ำกว่า 799.07 จุดต่ำสุดวันจันทร์ และเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง จะถือเป็นสัญญาณการปรับตัวลงของดัชนี มีเป้าหมายประมาณเดือน กค. บริเวณ 730 � 740จุด

ช่วงบ่าย: แกว่งตัวในกรอบประมาณ 803 - 809 แม้ยังไม่มีสัญญาณปรับตัวลงที่ชัดเจน
แต่ RSI & Stochastic Bearish Divergence ภาพระยะชั่วโมง
โอกาสปรับตัวขึ้นแรง เป็นไปได้น้อย


ต่ำกว่า 799 ถือเป็นสัญญาณปรับตัว 730 - 740 เดือน กค.

-------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-หุ้น STANLY!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 23 มิ.ย.53 ปิดที่ 806.52 จุด เพิ่มขึ้น 2.39 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 23,347.96 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 345.76 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด นำโดย CPF ปิดที่ 20.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท, TTA ปิดที่ 24.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท, STA ปิดที่ 85 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท, PTT ปิดที่ 254 บาท ลดลง 1 บาท และ SCB ปิดที่ 84 บาท ลดลง 0.50 บาท

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่า น่าจะปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยจากแรงหนุนของหุ้นขนาดกลางและเล็ก เช่นหุ้นสื่อสาร เช่น DTAC, ADVANC และ TRUE ที่ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ รวมทั้งยังมีแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มที่ได้ ประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจ

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้เก็งกำไรในหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ จากเศรษฐกิจในประเทศ โดยสามารถถือลงทุน 1-3 เดือนได้ ด้านเทคนิคประเมินกรอบแนวต้านไว้ที่ 810-812 จุด

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.บัวหลวง มองทิศทางตลาดว่า ดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยนักลงทุนยังคงจับตารอผลการประชุมของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ขณะที่แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ซื้อหุ้นในกลุ่มรับเหมา เช่น CK เนื่องจากจะมีการเปิดซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินปลายเดือน มิ.ย.นี้ และหุ้นกลุ่มขนส่งและอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ BTS และ BLAND

ปิดท้าย มีบทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ที่คงน้ำหนักการลงทุน "มากกว่าปกติ" ในหุ้นยานยนต์ คือ STANLY ให้ราคาเป้าหมาย 165 บาท

โดยระบุว่า ได้ปรับขึ้นประมาณการยอดผลิตรถยนต์มาเป็น 1.5 ล้านคัน (+50% YoY) สำหรับปี 53 เนื่องจากยอดส่งออกและยอดขายในประเทศที่แข็งแกร่งกว่าคาด แผนการของ Ford ในการปรับย้ายโรงงานผลิตจากฟิลิปปินส์มายังไทย

และโครงการ Eco car ในอีก 2 ปีข้างหน้า น่าจะเป็นผลดีต่อการเติบโตในระยะยาวสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ของไทย จึงให้น้ำหนักการลงทุน "มากกว่าปกติ".

FSS:SET ยังมีโอกาสแกว่งลบต่อ เพื่อรอลุ้นดีดขึ้นในรอบถัดไป..ดังนั้นทยอยรับได้!
แนวโน้ม:
ตลาดหุ้นทั่วโลกยังแกว่งตัวค่อนข้างผันผวน และเริ่มที่จะบวกขึ้นได้ในกรอบที่จำกัดมากขึ้น หลังเฟดเริ่มปรับลดมุมมองที่มีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ทางการจีนประกาศว่าจะยกเลิกการคืนเงินภาษีส่งออก ซึ่งกดดันให้ดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนนี้ปิดบวกไปเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้เปิดทำการด้วยการเป็นบวกเป็นลบเพียงเล็กน้อยเช่นกัน ซึ่งตลาดหุ้นไทยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาก็เริ่มที่จะชะลอการขยับตัวขึ้นบ้างแล้ว โดยเริ่มมีแรงขายออกมากดดันต่อเนื่อง ทำให้ SET แกว่งตัวผันผวนขึ้น-ลงในกรอบที่ไม่กว้างมากนัก ซึ่ง FSS คาดว่ายังมีโอกาสที่ SET จะแกว่งพักตัวลงอีกระยะ และดัชนียังมีแนวโน้มที่จะไหลลงไปหา 800 จุดหรือต่ำกว่าได้ โดยแรงซื้อแรงขายของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศเริ่มที่จะอยู่ในช่วงสลับกันซื้อสลับกันขายแล้วด้วย ทำให้โอกาสที่ตลาดจะขยับขึ้นต่ออีกครั้งในช่วงนี้น่าจะเป็นไปได้น้อยลง
กลยุทธ์: จึงยังแนะนำให้รอดูแรงซื้อตามแนวรับทางเทคนิคก่อนที่จะพิจารณาเข้ารับ เพื่อที่จะเทรดดิ้งขึ้นไปขายทำกำไรเมื่อตลาดดีดกลับขึ้นได้ในรอบถัดไป โดยหุ้นที่น่าดูจังหวะเข้ารับเพื่อเทรดดิ้ง ได้แก่ KK, PDI, LST, HANA, QH, BECL, TSTH, TMB, ESSO เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
-หุ้นเหล็ก สังกะสี และเกษตรไปต่อ
15 ก.ค. นี้ รัฐบาลจีนจะยกเลิกคืนภาษีผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์หลายรายการเช่น เหล็กแผ่นรีดร้อน-รีดเย็น เหล็กชุบสังกะสี จะยกเลิกคืนภาษี 9% ส่วนสินค้าประเภทแป้งข้าวโพด เอทานอล ผลิตภัณฑ์ทองแดงกึ่งสำเร็จรูป ตะกั่ว ผลิตภัณฑ์สังกะสี และผลิตภัณฑ์ดีบุกจะยกเลิกการคืนภาษี 5% การยกเลิกการคืนภาษีครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการปล่อยให้หยวนแข็งค่า ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกของจีนลำบากอยู่แล้ว และยังยกเลิกการคืนภาษี ยิ่งกดดันผู้ส่งออกอย่างหนัก แต่การทำเช่นนี้ของจีนจะช่วยลดความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ และมาตรการของจีนกล่าวเป็นผลดีกับผู้ผลิตและส่งออกสินค้าดังกล่าวในไทยเช่น SSI, GSTEEL, GJS และ PDI (วันนี้เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 23 บาทเป็น 26 บาท) นอกจากนี้ มีแนวโน้มว่าจีนอาจยกเลิกการห้ามนำเข้า �น้ำมันถั่วเหลือง� จากอาร์เจนตินา ทำให้ราคาน้ำมันถั่วเหลืองในตลาดโลกสูงขึ้น ส่งผลต่อเนื่องมายัง �เมล็ดถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง� ให้มีราคาสูงขึ้นตาม เป็นผลดีกับ TVO ที่กำลังการผลิตใหม่จะเข้ามาใน 3Q10 พอดี
-กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ยังต้องระวัง จากการยกเลิกการคืนภาษีสินค้าประเภททองแดงของจีนน่าจะส่งผลให้ราคาทองแดงในตลาดโลกค่อยขยับขึ้นจึงเป็นผลเสียกับผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย ที่ในช่วงแรกต้องแบกรับภารต้นทุนที่สูงขึ้น ก่อนที่จะผลักภาระให้ลูกค้าในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น KCE ได้รับผลกระทบน้อยสุดเพราะซื้อ Forward ทองแดงไว้แล้วครึ่งหนึ่งของที่จะใช้ในการผลิต
-CPF มีแนวโน้มว่า 2Q10 จะดีกว่าที่เราคาด จากการสอบถามผู้บริหาร เราพบว่ากำไรใน 2Q10 มีแนวโน้มว่าจะสูงกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่า 1Q10 ไม่ต่ำกว่า 24% ดีกว่าก่อนหน้านี้ที่เราคาดว่าน่าจะสูงกว่าประมาณ 12% - 14% Q-Q คาดว่าน่าจะมาจาก Gross margin ที่ดีขึ้นมาก หากเป็นเช่นนั้น กำไรที่เราคาดการณ์ทั้งปีนี้อาจต่ำเกินไปประมาณ 5% - 7% และราคาเป้าหมายของเราก็อาจถูกปรับขึ้นเป็น 22 � 24 บาท จากปัจจุบันที่ทำไว้ 20 บาท เรายังแนะนำถือต่อ let profit run แต่ถ้าจะซื้อเพิ่ม รออ่อนตัวที่บริเวณ 19 บาท

ข่าวภายในประเทศ
STEC รับขาขึ้นก่อสร้าง
แบงก์สก็อตเชียร์ซื้อ 9 บ. กำไรโต 60% ราคาหุ้นเทรดต่ำกว่า PBV ย้อนหลัง 5 ปี 2 เท่า แบงก์ออฟสก็อต(RBS) เชียร์ซื้อ STEC เต็มเหนี่ยว หลังBacklog สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3.5 หมื่นล้านบาท ดันกำไรสุทธิกับ EPS ปีนี้โตก้าวกระโดดเกือบ 60%ยอดมาร์จิ้นเพิ่ม 7% ด้านราคาหุ้นยังเทรดต่ำกว่าค่า PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี เกือบ 2 เท่า พร้อมปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 9 บาท พรุ่งนี้ (25มิ.ย.) บอร์ด รฟม. ประชุมกำหนดวันเปิดซองรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สัญญา 1-2 งานนี้มีลุ้นเปิดสัปดาห์หน้า มูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
MCOT ทีเด็ดหุ้นสื่อ งบ Q2 กำไร 340 ล้านโฆษณาเต็ม100% MCOT ทีเด็ดหุ้นสื่อ กำไรไตรมาส 2 ขั้นต่ำ 340 ล้านบาท �เขมทัตต์� ลั่นโฆษณาเข้าทะลัก ไพร์มไทม์สูงเกิน 100% พร้อมเล็งพัฒนาช่วงนอนไพร์มไทม์ หวังเพิ่มประสิทธิภาพทำกำไร จ่อคิวคลอดผังรายการครึ่งหลังใหม่ช่วยดูดเม็ดเงินโฆษณางวดหลังโตต่อ วงการชี้เตรียมบันทึกรายได้พิเศษ 405 ล้านบาท เข้าไตรมาส 3 ฟากผู้ถือหุ้นหน้าบานมีสิทธิ์ได้เงินปันผลทั้งปีปรี๊ด 2.14 บาท สูงเฉียด 9% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
GLOW ปีนี้รายได้ 4 พันล้าน GLOW ไตรมาส 2 แนวโน้มผลประกอบการที่ดี จากอัตรากำไรที่ดีต่อเนื่อง และปริมาณยอดขายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น �ณัฐพรรษ� มั่นใจรายได้ปีนี้ตามเป้าหมาย 4,000 ล้านบาท แม้ไตรมาส 3/53 มีซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่ได้โรงไฟฟ้าใหม่ขนาด 115 เมกะวัตต์ เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ปลายเดือนก.ค.นี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
DELTA อัพไซด์สูงรับกำไร 800 ล้าน ออเดอร์งานไหลเข้าแน่น วิกฤติยุโรปไม่กระเทือน DELTA อัพไซด์หุ้นเหลือบาน 17% กำไรไตรมาส 2 โตเท่าตัว มีสิทธิพุ่ง 800 ล้านบาท ด้านวงการชี้ออเดอร์งานยังแน่น แถมเน้นตลาดอเมริกา ไร้กระเทือนวิกฤติยุโรป เชื่อเทคโนโลยีใหม่ทยอยเข้าตลาดครึ่งปีหลังไม่เลิก หนุนอุตสาหกรรมเดินหน้าต่อไม่ชะลอตัว กำไรทั้งปีมีลุ้นทะลุ 3,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
BSBM ถือรอรับปันผล 0.08 บาทไตรมาส 2 พลิกเป็นกำไร 54 ล้าน BSBM แย้มยอดขายไตรมาส 2/53 มากกว่า 24,000 ตัน หลังความต้องการใช้เริมกลับมา บวกกับราคาเหล็กขยับขึ้นเป็น 21 บาท/ตัน โบรกฯคาด Q2/53 มีกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 21% เชื่อผลงานครึ่งปีหลังแจ่ม แนะถือเพอื่ รอปันผล 0.06-0.08 บาท ให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 9% ต่อป (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
PRIN คงเป้ารายได้ปีนี้ 5 พันลบ.โชว์แบ็กล็อก 1,900 ล้านบาท Q3 เปิด 2 โครงการ �ปริญสิริ� คงเป้ารายได้ปีนี้ 5,000 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อกรอบุ๊ค1,800-1,900 ล้านบาท ขณะที่ Q3 เตรียมคลอดบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ 1 โครงการย่านพุทธมณฑล เล็งเปิดขายเดือนส.ค.นี้ พร้อมเปิดคอนโดบีโอไอ �สมาร์ท คอนโด วัชรพล� มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท คาดเปิดจองก.ค.นี้ ขณะที่ Q2 คาดยอดขายดีกว่าไตรมาสแรกทำได้ 1,125 ล้านบาท เหตุเปิดโครงการใหม่มากขึ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
PREB มั่นใจรายได้ปีนี้โต 30% ตุนแบ็กล็อกในมือ 2.6 พันล้าน �พรีบิลท์� ฟุ้งรายได้ปีนี้มั่นใจทำได้ตามเป้าใหม่ 2,000 ล้านบาท เติบโต 30% เหตุตุนแบ็กล็อกในมือ 2,600 ล้านบาท คาดรับรู้รายได้ปีนี้กว่า 60% ลุยประมูลงานใหม่เพิ่มเน้นงานสร้างโรงงานและออฟฟิศ คาดครึ่งปีหลัง คว้างานเพิ่มอีก 1-2 โครงการ มูลค่ากว่า 600-700 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 เตรียมเปิดคอนโดใหม่ �The Tempo พหลโยธิน 2� มูลค่า 300 ล้านบาท เล็งเปิดขายเดือนกันยายนนี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)
SCC สั่งลุยซื้อกิจการ �บรรจุภัณฑ์�เงินลงทุนไม่เกินพันล้าน ไตรมาส 2 โตสวนการเมือง SCC เผยอยู่ระหว่างเจรจาซื้อธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในอาเซียน หวังต่อยอดธุรกิจเดิม เงินลงทุนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/53 ดีมานด์ยังเติบโต เห็นสัญญาณจากช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.53 ยอดขายขยายตัว แม้มีเหตุการณ์ทางการเมืองวุ่น ด้านผลสรุปโครงการไม่ควรอยู่ในผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม เชื่อมีบางโครงการไม่เข้าข่ายต้องรอดูความชัดเจนก่อน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-06-2010)

-------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
SUMMARY:สรุปข่าวเศรษฐกิจรอบโลก - รอยเตอร์
-เฟดคงดบ.ตามคาดที่ 0-0.25%
-ราคาพันธบัตรปิดพุ่งหลังเฟดประเมินศกเชิงลบ
-ดอลล์ร่วงหลังเฟดคงดอกเบี้ย
-ตัวเลขสต็อกน้ำมันกดน้ำมันดิบปิดลบ 1.5 ดอลล์ดิ่งลงเกือบ 2 %
-ข้อมูลที่อยู่อาศัยสหรัฐซบเซาถ่วงทองปิดลบ

FSS: ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา:
FED มีมติคงดอกเบี้ย 0-0.25% ระบุเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัว ส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยต่ำต่ออีกระยะหนึ่งคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate)ที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้น นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณว่าอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกระยะหนึ่ง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-06-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่ง 2 ล้านบาร์เรลสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับการคาดการณ์ สำนักงานสารนิเทศด้านพลังงาน(EIA) ในสังกัดกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 มิ.ย. พุ่งขึ้น 2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-06-2010)
จีน: จีนเผยยอดส่งออกยานยนต์เดือนพ.ค.พุ่ง 95.99% เมื่อเทียบรายปี สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน (CAAM) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกยานยนต์เดือนพฤษภาคมอยู่ที่ระดับ 47,119 คัน หรือเพิ่มขึ้น 18.45% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่ง 95.99% เมื่อเทียบรายปี โดยยอดส่งออกรถยนต์โดยสารอยู่ที่ 25,451 คัน หรือเพิ่มขึ้น 54.91% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 179.68% เมื่อเทียบรายปี ส่วนยอดส่งออกรถเชิง
พาณิชย์อยู่ที่ 21,668 คัน หรือลดลง 7.2% เมื่อเทียบรายเดือน แต่เพิ่มขึ้น 45.01% เมื่อเทียบรายปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-06-2010)
เอเชีย: สิงคโปร์เผยดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 3.2% สำนักงานสถิติสิงคโปร์เปิดเผยว่า ราคาผู้บริโภคสิงคโปร์ในเดือนพ.ค.ขยายตัวขึ้น 3.2% ต่อปี หลังจากที่ต้นทุนขนส่ง ที่อยู่อาศัย และอาหารปรับตัวสูงขึ้น โดยต้นทุนด้านการขนส่งเพิ่มขึ้น 15% เนื่องจากราคารถและเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนที่อยู่อาศัยสูงขึ้น 1.6% เนื่องจากค่าไฟและแก็สสูงขึ้น ส่วนราคาอาหารปรับตัวขึ้น 1.3% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-
06-2010)
เอเชีย: ปลาดิบทุ่มงบช่วยเขมรผุดสะพานข้ามโขง ญี่ปุ่นลงนามข้อตกลงจัดสรรเงินทุนจำนวน 131 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่กัมพูชา เพื่อใช้ในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ยาวที่สุด หวังให้เป็นเส้นทางขนส่งสำคัญของภูมิภาค (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-06-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้เตรียมเปิดให้บริการซื้อขายทองคำในตลาดหุ้นในปี 2555 กระทรวงยุทธศาสตร์และการเงินของเกาหลีใต้เปิดเผยว่าเกาหลีใต้จะเปิดให้บริการซื้อขายทองคำในตลาดหุ้นหลักของประเทศในเดือน ม.ค.2555 โดยหวังว่าจะช่วยให้รัฐบาลสามารถควบคุมตลาดทองคำในประเทศได้ดีขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกจากนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังพิจารณาเรื่องการแยกการซื้อขายทองคำออกจากตลาดหลัก ทรัพย์และให้ไปซื้อขายในตลาดสปอต ซึ่งรวมการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เช่น น้ำมันดิบ ปิโตรเลียมกลั่น และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรด้วย หากว่าปริมาณการซื้อขายขยายตัวมากขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-06-2010)

FSS
ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวผันผวนเป็นบวกเป็นลบในกรอบจำกัดอยู่ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย ก่อนที่จะมาปิดทำการเป็นบวกเล็กน้อยที่ 4.92 จุดหรือคิดเป็น 0.05% หลังจากเฟดปรับลดมุมมองที่มีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ พร้อมส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำอีกนานพอควร

ผลการประชุมเฟด ยังคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในกรอบ 0-0.25% ตามคาด โดยย้ำว่าเฟดจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ตลาดหุ้นจีนยังปรับตัวลงต่อเช้านี้ หลังทางการจีนเปิดเผยว่าจะยกเลิกการคืนเงินภาษีส่งออกวานนี้ Fund flow ของนักลงทุนต่างชาติกลับมาไหลออกเป็นครั้งแรกในรอบ 8 วันทำการ แต่ปริมาณน้อยมากซึ่งแสดงให้เห็นว่าหลังจีนยึดหยุ่นค่าเงินหยวน ทำให้นักลงทุนกลับมาวิเคาระห์หาทิศทางตลาดกันใหม่ว่าจะเกิดผลดีหรือผลเสียในอนาคตต่อเศรษฐกิจโลก อัตราแลกเปลี่ยนโดยรวมค่อนข้างนิ่ง

แนวโน้มเชื่อว่า Fund Flow น่าจะนิ่งเพื่อรอดูทิศทางหรือรอผลการประชุมทั้ง Fed และ จี 20 ที่อาจจะมีผลต่อทิศทางการลงทุนในอนาคต ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโรยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1.23 ยูโรต่อดอลลาร์ เช่นเดียวกับอัตราแลกเปลี่ยนภูมิภาคเอเชีย ส่วนค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 32.3-32.4 บาท/ดอลลาร์ นอกจากนี้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากธนาคารจีนแห่งเข้าซื้อเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่ต้องการให้ค่าเงินหยวนมีความยึดหยุ่นมากขึ้น
-------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น