Code 137 : บวกต่อตามตลาดต่างประเทศ ต้าน High เดิม 877

วันพุธที่ 18 สิงหาคม 2553
ATT Code : บวกต่อตามตลาดต่างประเทศ ต้าน High เดิม 877
เช้านี้ SET เปิดตลาดที่ 868.90จุด +3.12 จุด โดยสามารถยืนพอดีเส้น 5 วันได้ ซึ่งก็บวกตามตลาดยุโรปและอเมริกา หลังจากที่เปิดตลาดมาแล้วก็มีแรงซื้อกลุ่มแบงค์ พลังงาน และสื่อสาร ดันตลาดขึ้นมาปิดภาคเช้าที่ 877.15 จุด + 11.40 จุด มาชนแนวต้าน ที่ High เดิม ที่ 877 โดยมีมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างหนาแน่นที่ 23,211 MB

ภาคบ่าย SET ปิดที่ 880.02 จุด + 14.24 จุด หรือ 1.64 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.1 หมื่นล้าน โดยต่างชาติ Net Buy 1,231 MB
ก็ต้องถือว่าเกินคาด ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีแนวต้านอยู่ที่ BB Top 888 จุด และแนวรับอยู่ที่ 870-875
----------------------------------------------------------------------------------
ข่าวหุ้น : Breaking News
18/08 09:21 - หุ้นเด็ด บล.เอเชียพลัส
18/08 08:52 - 30 หุ้นฝรั่งไล่ซื้อ 30 หุ้นฝรั่งทิ้งวานนี้
18/08 08:50 - หุ้นเด่น จานร้อน บล.ฟิลลิป
18/08 08:48 - โบรกแนะหุ้นเทคนิคเด่น แนวโน้มขึ้นต่อ
18/08 07:20 - ผลประมูลพันธบัตรแข็งแกร่งดันยูโรปรับพุ่งขึ้น
18/08 07:13 - ยูโรเทียบดอลล์แข็งค่าขึ้นหนุนทองปิดบวก
18/08 07:10 - น้ำมันดิบปิดบวก 53 เซนต์ตามตลาดหุ้นแข็งแกร่งขึ้น
18/08 07:05 - ผลประกอบการสดใสหนุนดาวโจนส์ปิดปรับเพิ่ม 1%
18/08 07:03 - ดัชนีค่าระวางเรือ Baltic Dry Index ปิดบวก 27 จุด

----------------------------------------------------------------------------------
ข่าวหุ้น : หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบโบรกเกอร์แนะเก็บ 6 หุ้นเด็ด
บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ หลังจากการรายงานผลประกอบการและเงินปันผลสิ้นสุดลง นักลงทุนเริ่มคอยปัจจัยใหม่ๆ คาดว่าระยะสั้น SET ยังมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบแคบ 860 - 865 จุด กลุ่มธนาคารและกลุ่มอสังหาที่ Underperformed เมื่อเทียบกับ SET น่าเป็นจังหวะเข้าสะสมหุ้น หุ้นเด่นวันนี้ แนะนำ LH ที่นักวิเคราะห์ TNS ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็น "ซื้อ" จากการขยายธุรกิจทำคอนโดฯ แนวโน้มอัตรากำไรสูงขึ้นจากการขึ้นราคาขาย KBANK แนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อสูงขึ้นหลังจากบริษัทใหญ่ในประเทศหันมาใช้เงินกู้ในประเทศแทน

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ผันผวนกรอบแคบรอความชัดเจนของปัจจัยระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัย ตลาดมีแนวโน้มปรับฐานแต่ยังไม่น่าลงแรง จนกว่าจะเห็นภาพเชิงลบที่ชัดเจนมากขึ้นทั้งในแง่ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐ และเศรษฐกิจโลกมองตราบเท่าที่ Fund flow ต่างชาติยังประคองตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงตลาดหุ้นไทยอยู่ คาด SETI ไม่น่าปรับลงแรงมากนัก ขณะที่ค่าเงินบาทเช้านี้ (7.25 น.) ยังเดินหน้าแข็งค่ามาสู่ระดับ 31.78 บาท/ดอลลาร์ โดยรวมวันนี้มองขาดปัจจัยที่โดดเด่น คาด SETI จะเคลื่อนไหวทรงตัวผันผวนในกรอบแคบต่อไป

กลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นยังคงให้เน้นการเลือกหุ้นรายตัวเป็นหลัก อาทิ MAJOR,AH, IVL, THCOM
แนวต้าน : 865-869 แนวรับ : 856-851

บมจ.หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้คาดดัชนีหุ้นไทยยังคงปรับฐานต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะแกว่งตัวลงต่ำกว่า 850 จุด วงจรดอกเบี้ยขาขึ้น ยังเป็นปัจจัยกดดันหลักในระยะสั้น จึงแนะนำให้ปรับพอร์ตที่หุ้นขึ้นเร็วเช่นเดิม โดยให้ถือหุ้นที่เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว(MINT, MAKRO) หุ้น PER/PBV ต่ำ หรือเงินปันผลสูงสำหรับงวด 1H53 (ADVANC ขึ้น XD วันนี้ 3 บาทต่อหุ้น, PHATRA, BCP, MK) หรือมีศักยภาพการเติบโต ทั้งผู้ก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (SYNTEC, SEAFCO, CK) และให้บริการระบบขนส่งมวลชน ทั้งรถไฟฟ้าบนดิน (BTS) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (BMCL)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-CPF แรงไม่แคร์สื่อ!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 17 ส.ค.53 ปิดที่ 865.78 จุด เพิ่มขึ้น 5.23 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 28,318 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 46 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่า ยังต้องระวังแรงขายทำกำไร หลังดัชนีฟื้นตัวมากพอสมควรแล้ว มีประเด็นที่ต้องติดตามคือตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯที่มีผลต่อจิตวิทยาการลงทุน รวมทั้งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 54 ของไทย หากร่าง พ.ร.บ.ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ จะส่งผลเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยและเศรษฐกิจของประเทศแน่นอน แต่ยังเชื่อว่าน่าจะผ่านได้

แนะกลยุทธ์ ให้เลือกเทรดดิ้งหุ้นรายตัว เน้นหุ้นที่ราคายังต่ำกว่าตลาด ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 850-855 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 870 จุด

ขณะที่หุ้นรายตัวอย่าง CPF ยังดี๊ด๊าไม่เลิก ล่าสุด เจพีมอร์แกนออกบทวิเคราะห์แนะ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายซะสูงละลิ่วที่ 35 บาท โดยระบุว่า แม้ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นจะทะยานขึ้นอย่างมาก แต่เจพีมอร์แกนมองว่ายังไปได้ต่อ เพราะคาดว่ากำไรไตรมาส 3 และ 4 จะออกมาสูงเกินกว่าที่ตลาดคาดหมายไว้

อีกทั้งผลตอบแทนของส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ยังเปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญ (จาก 4% ใน 2004-2008 สู่ 20% ใน 2009)

และยังคาดว่า CPF จะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้มากขึ้น

โดยผลกำไรที่สูงขึ้นมาจากปัจจัยเหล่านี้ เช่น ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำที่จะดีขึ้นไตรมาส 3 ขณะที่ราคาเนื้อสัตว์ยังคงอยู่ในระดับสูงและการบริหารวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งความต้องการเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ที่สำคัญยังจะส่งออกเนื้อกุ้งได้เพิ่มขึ้นอีกมาก

นอกจากนี้ยังประเมินว่า ธุรกิจอาหารสำเร็จจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และ margins จะเพิ่มจาก 16% เป็น 24% ในปี 2013 เหล่านี้เป็นต้น ล่าสุด CPF ปิด 25 บาท เพิ่มขึ้น 0.10

ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.ธนชาต แนะ ซื้อสะสมหุ้นปันผลแจ่ม ช่วงที่ตลาดอ่อนตัวจะเป็นจังหวะดีที่จะเข้าสะสม โดยบริษัทที่จ่ายปันผลระหว่างกาลสูง ได้แก่ SHIN, UT ,SNC และ AS

โฟกัสคำแนะนำหุ้นรายตัวแถมท้าย AOT, บล.ยูไนเต็ด แนะ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 52 บาท ส่วนกรุงศรีอยุธยาให้มูลค่าพื้นฐาน 47 บาท, กิมเอ็ง ให้ 45 บาท, ฟิลลิป 46.75 บาท, เกียรตินาคิน 42 บาท ส่วนทิสโก้แนะ "ถือ" ให้เป้าหมายแค่ 35 บาท.

FSS: ตลาดเริ่มรีบาวด์ แต่คาดว่ากรอบการขึ้นยังจำกัด และระวังแรงขายด้วย
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปสามารถปิดเป็นบวกได้ค่อนข้างดีเมื่อคืนนี้ จากข่าวผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ที่ยังออกมาดีเกินคาด ขณะที่มีข่าวเรื่องการซื้อกิจการเข้ามาเสริมความมั่นใจของนักลงทุนด้วย ส่งผลให้ตลาดเอเชียเช้านี้เปิดบวกกันหมด แต่ก็ยังมีกรอบการขึ้นที่ค่อนข้างแคบอยู่ ส่วนตลาดหุ้นไทย FSS คาดว่ายังอยู่ในช่วงรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ได้ แต่ก็คงไม่มากนัก และยังเป็นลักษณะของการเลือกหุ้นเข้าซื้อเป็นรายตัวมากกว่าอยู่เช่นเดิม ซึ่งยังตัองระมัดระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นที่อาจจะกดดันให้ SET กลับมาปรับตัวลดลงอีกครั้งได้ โดยเฉพาะในช่วงท้ายของสัปดาห์ที่จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ของสหรัฐ เช่น การขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งช่วงหลังมีทิศทางที่ไม่ดีนัก ดังนั้นถ้า SET ขยับขึ้นจึงไม่ควรไล่ซื้อ โดยเฉพาะหุ้นที่ขึ้นมาแรง และยังควรมองหาจังหวะขายทำกำไรบ้าง ส่วนจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อยังสามารถรอช่วงตลาดปรับตัวลงอีกครั้งได้อยู่
กลยุทธ์: ตลาดดีดขึ้นน่าแบ่งส่วนทยอยขายทำกำไรบ้าง โดยจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อยังไม่ต้องรีบร้อนไล่ราคามากนัก สามารถรอช่วงตลาดปรับพักตัวลงก่อนได้ โดยหุ้นที่น่าสนใจทยอยเข้ารับเมื่อตลาดปรับตัวลงต่อเป็นลำดับแรกๆ คือหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากๆ เช่น KCE, HANA, DELTA, SCB, TCAP, KBANK, BBL, SEAFCO,DCC, QH, LPN, SPALI, BANPU, ROJNA, MAJOR, TVO และ CPALL เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กำไร 2Q10 ของ บจ. ใน FSS Coverage -7% Q-Q, +6% Y-Y หลังจากบจ. ประกาศผลประกอบการเรียบร้อยแล้ว เราพบว่ากำไรของหุ้นที่อยู่ใน FSSCoverage กำไรปกติลดลง 7.0% Q-Q แต่เพิ่มขึ้น 6.2% Y-Y หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มได้แก่ GLOBAL, HMPRO, BIGC, MAKRO, HANA, LOXLEY, BBL, KK, IVL,AMATA, PS
(-) หุ้นที่ถูกปรับประมาณลงได้แก่ TTA, PSL, TSTH, TOP, PTTAR, PTT
(+) หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรดีขึ้นใน 2H10 ได้แก่ TCAP, SCB, IVL, STEC, CK,SEAFCO, HMPRO, BIGC, MAKRO, MAJOR, DTAC, GFPT, TUF, TVO
(+) TMB มีข่าวว่า TMB อาจจ่ายปันผลใน 3Q10 เราเห็นว่าหาก TMB ต้องการจ่ายเงินปันผลจากกำไร 9 เดือนแรกของปี เราคาดว่า TMB จะจ่ายได้ 0.02 – 0.03บาท/หุ้น คิดเป็น Yield เพียง 0.9% - 1.4% น้อยกว่าหุ้นในกลุ่มตัวอื่นเช่น TCAP ส่วนประเด็นการซื้อขายหุ้นระหว่างก.การคลังกับ ING นั้นน่าจะตกลงซื้อขายกันอีก 5% ซึ่งไม่เข้าข่ายให้เกิดการ Tender offer ด้วยพื้นฐานของ TMB เราแนะนำขายทำกำไร
(+) หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ 3G ยังอยู่ในกระแส ตลาดมีการเก็งกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ3G ไม่ลำพังเฉพาะผู้ให้บริการ (ADVANC, DTAC, TRUE) แต่รวมไปถึงผู้ที่ทำงานติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคม (AIT, FORTH, JAS, JTS, LOXLEY, MFEC) และผู้ที่ขายมือถือ (BLISS, JMART, LOXLEY, MLINK, SIM, TWZ) แต่หุ้นหลายตัวปรับขึ้นโดยไม่มีพื้นฐานรองรับโดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการขาย handset เรามองว่าแพงแล้ว รวมทั้ง JAS, JTS, MFEC, FORTH แพงแล้วเช่นกัน
Foreign Fund Flow ยังไหลออกต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐที่สูญเสียแรงเวี่ยง ที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐที่จะนำเงินจากตลาดตราสารอนุพันธ์ของอสังหาริมทรัพย์ที่หมดอายุเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรระยะยาว ทำให้มีนักลงทุนบางส่วนเข้าซื้อเก็งกำไรในตลาดพันธบัตรมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเรามองว่าตลาดพันธบัตรที่มี Yield ลดลงเนื่องจากราคาปรับขึ้นจะเร่งให้ประเทศจีนหรือนักลงทุนที่ถือพันธบัตรสหรัฐขายทำกำไรมากขึ้น ทำให้คาดว่าจะมีเม็ดเงินจากส่วนนี้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย นอกจากนี้ปัจจัยบวกที่จะกระทบกับ Fund Flow คือ ตัวเลขผลผลิตสหรัฐปรับตัวดีขึ้น ผลประกอบการของ Wall Mart และ Home Depot ออกมาดีมาก อีกทั้งฝั่งยุโรป การประมูลพันธบัตรในสเปนและไอแลนด์มีนักลงทุนสนใจกันอย่างล้นหลามค่าเงินยูโรกลับมาแข็งค่า รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าในรอบ 2 ปีกว่ามาอยู่ที่ 31.7-31.8
บาท/ดอลลาร์ ดังนั้นแนวโน้มกระแสเงินทุนจากต่างชาติน่าจะกลับมาเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียในไม่ช้านี้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย

ข่าวภายในประเทศ
คลังเร่ง TMB ปั๊มกำไร คาดปันผลไตรมาส 3 คลังหงุดหงิดเร่งแบงก์ทหารไทยจ่ายปันผลระหว่างกาล หลังล้างขาดทุนสะสมหมดแล้วยังไม่คืบรอดูกำไรไตรมาส 3 หากดีมีสิทธิจ่ายได้ แถมยังช่วยดันราคาหุ้นที่จะขายให้ไอเอ็นจีกรุ๊ปได้ตามเป้า 2.50-3.00 บาท ด้านนักวิเคราะห์คาดปันผลปี2553 ประมาณ 4 สตางค์ ขณะที่ไอเอ็นจีกรุ๊ปเป๋าตุง กำไรไตรมาสสองทะลัก 1,202 ล้านยูโร เทียบกับปีก่อนกำไรแค่ 212 ล้านยูโร (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 18-08-2010) ความเห็น: หาก TMB ต้องการจ่ายเงินปันผลจากกำไร 9 เดือนแรกของปี ซึ่งเราคาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ที่ราว 2.4 พันลบ.(1H10 ที่ 1,593 ลบ.และอีก 800 ลบ. ใน 3Q10) โดยอิงกับอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ราว 40-60% เราคาดว่าน่าจะจ่ายเงินปันผลได้ที่ราว 0.02-0.03 บาทต่อหุ้น (หากอิงกับกำไรสะสมที่ล่าสุดอยู่ที่ 2.2 พันลบ. น่าจะเพียงพอและสามารถจ่ายได้) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลราว 0.9%-1.4% จากราคาปิดล่าสุด ซึ่งถือว่าน่าสนใจน้อยกว่าหุ้นในกลุ่มตัวอื่น อาทิ TCAP (คาดการณ์จ่าย 0.5-0.8 บาทต่อหุ้น) ขณะที่ในประเด็นเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นระหว่างก.การคลังกับ ING นั้นน่าจะตกลงซื้อขายกันอีก 5% ซึ่งไม่เข้าข่ายให้เกิดการ Tender offer จึงคงคำแนะนำ ขายทำกำไรเอกชนร่วมชิงเค้ก 3G ไทยคมลูกค้ากระฉูด “จัสมิน” ขอร่วมแจมด้วย ปิดโรงแรมประมูล 20 ก.ย. นี้ กทช. เผยมีผู้ร่วมชิงเค้ก 3 จีแล้ว 8ราย ยักษ์ใหญ่มือถือควงบริษัทลูกร่วมด้วย ล่าสุด SIM-JAS มาตามนัดขอร่วมวงด้วย “นที” มั่นใจเกาหลี-ญี่ปุ่นมาแน่ แต่ขอเวลาดูเชิงสักพัก เคาะประมูล 20 ก.ย.นี้ เตรียมปิดโรงแรมหัวหิน 7 วัน 7 คืน ถ่ายทอดผ่าน MCOT ขณะที่ THCOM ตีปีกขานรับลูกค้าเพิ่ม มั่นใจปีนี้พลิกกำไร เล็งเซ็นสัญญาไอพีสตาร์อินเดียไตรมาสนี้ พร้อมรับรู้รายได้ทันที (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 18-08-2010)
เปิดขุมทรัพย์ CPF ซ่อนกำไร 3.4 หมื่นล้าน เปิดขุมทรัพย์ CPF ซ่อนกำไรพอร์ตลงทุน 3.4 หมื่นล้านบาท หลังหุ้น CPALL กับ TRUE วิ่งกระฉูด จับตา “เจพี มอร์แกน” โบรกฯใหญ่ระดับโลกออกรีเสิร์ชเชียร์ซื้อหุ้น CPF เพื่อดึงต่างชาติที่สนใจหุ้นไทยขนาดใหญ่ และมีพื้นฐานดีเข้ามาลงทุน สอดรับกับจังหวะช่วงเดือนก.ย.จะเดินทางไปโรดโชว์ที่สหรัฐฯพร้อม บล.ทิสโก้ ส่วนราคาหุ้นเตรียมวิ่งรอบใหญ่หลังใกล้ XD 23 ส.ค.นี้ ปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น ด้านบริษัทยอมรับต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดอย่างมีนัยสำคัญ เหตุซื้อล่วงหน้านาน 11 เดือน ฝรั่งเชียร์ซื้อราคาเป้าหมาย 35 บาท อัพไซด์สูง 40% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 18-08-2010)
GEN ฟุ้งกำไร Q3 ดีกว่าQ2 จ่อบุ๊ครายได้ค่าเช่าที่พัทยารายได้ปีนี้โตตามเป้า10% GEN จ่อบุ๊ครายได้ค่าเช่าพื้นที่ในพัทยา 20-25 ล้านบาทดันงบไตรมาส 3 ปรับตัวดีขึ้น มั่นใจรายได้ทั้งปีเป็นไปตามเป้า 1,200 ล้านบาท เติบโต 10% จากงานในมือที่มีอยู่ 800 ล้านบาท ขณะที่อยู่ระหว่างรอประมูลงานใหม่เพิ่ม “ธีรวัฒน์” ฟุ้งขายหุ้นเพิ่มทุน 3.47 ล้านหุ้นหมดเกลี้ยง เหตุให้ส่วนลดสูงถึง 85% หวังล้างขาดทุนสะสม 170 ล้านบาทหมดภายใน 2 ปี (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 18-08-2010)
SIRI ปลื้มครึ่งแรกกำไร 577 ล้าน ยอดโอนดีเกินคาด ลุยเปิดคอนโดใหม่ 600 ล้านบาท “แสนสิริ” ปลื้มผลงานครึ่งปีแรก สร้างยอดขายรวม9,946 ล้านบาท มีรายได้รวมกว่า 8,508 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 577 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/53 มียอดขายรวม 4,798 ล้านบาท รายได้รวม4,187 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 238 ล้านบาท ได้ดียอดโอนดีเกินคาด เชื่อคอนโดฯดีมานด์ยังดี ลุยเปิดตัวคอนโดฯใหม่ใจกลางซอยสุขุมวิท49“Via49” มูลค่า 600 ล้านบาท จอง 21-22 ส.ค.นี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 18-08-2010)
CPN ทุ่ม 3 พันล้านบุกตลาดภาคใต้มั่นใจรายได้ปีนี้โตตามเป้า14-15% CPN บุกยึดตลาดภาคใต้ ทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท ผุดเซ็นทรัลพลาซา สุราษฎร์ธานี คาดเป็นฮับในภาคใต้ ครอบคลุมนครศรีธรรมราช ระนอง กระบี่ ชุมพร และพังงา แล้วเสร็จเม.ย.55 ด้านผลประกอบการปีนี้“กอบชัย” มั่นใจรายได้โต 14-15% ตามเป้าหมาย หลังเลื่อนปิดปรับปรุงเซ็นทรัล ลาดพร้าว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 18-08-2010)
N-PARK เจ๋งพลิกกำไร 210 ล้าน ได้ดีบุ๊คกำไรขายโรงแรม 245 ล้าน รายจ่ายลด 59% “N-PARK” แจ่ม! ไตรมาส 2 โชว์กำไรสุทธิ10.38 ล้านบาท ดันครึ่งปีแรกพลิกขาดทุนเป็นกำไรสุทธิ 118.88 ล้านบาท รับแรงหนุนบุ๊คกำไรขายโครงการโรงแรมโนโวเทลบีช รีสอร์ท พันวาภูเก็ต 245.66 ล้านบาท ทำให้รายได้ครึ่งปีแรกพุ่งแตะ 405.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 185.36% ขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลง 412.21 ล้านบาท หรือลดลง58.99% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 18-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา:
FED เผยหนี้ภาคครัวเรือนของสหรัฐลดลง 5.5% ในไตรมาสสอง ทำสถิติลดลงติดต่อกัน 7 ไตรมาส ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่า หนี้สินภาคครัวเรือนของสหรัฐในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้อยู่ที่ระดับ 11.7 ล้านล้านดอลลาร์ ลดลง 5.5% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2551 และลดลง 1.5% จากไตรมาสแรกปีนี้ โดยหนี้สินภาคครัวเรือนปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 7 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคครัวเรือนของสหรัฐสามารถรับมือกับปัญหาหนี้สินและปรับดุลบัญชีในครัวเรือนให้เหมาะสมได้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นหลังจากทางการสหรัฐรายงานว่า ภาคครัวเรือนมีอัตราการออมเพิ่มขึ้น 6.4% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคทรงตัวในเดือนมิ.ย. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 18-08-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนี PPI เดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% บ่งชี้สหรัฐยังไม่เผชิญภาวะเงินฝืด กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในระดับค้าส่ง ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. ทำสถิติปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ส่วนดัชนีพีพีไอพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งช่วยให้ทางการสหรัฐคลายความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญกับภาวะเงินฝืดแบบเดียวกับญี่ปุ่น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 18-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น