Code 138 : Oh My God ของเค้าแรงจริง!!

วันพฤหัสที่ 19 สิงหาคม 2553
ATT Code : Oh My God ของเค้าแรงจริง!!
เช้านี้ SET เปิดโดดขึ้นไป 5.53 จุด อยู่ที่ 885.55 จุด เหนือความคาดหมายที่ขึ้นมาเร็วเหลือเกิน ต้องบอกว่า Oh My God ของเค้าแรงจริง!! แต่ก็ Support ด้วยหุ้นตัวใหญ่ๆ ที่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บวกกันตลาดในเอเซี่ย เช่น HangSeng NIX และ SSEC ก็ยืนในแดนบวกกัน ส่งผลใน SET ปิดตลาดในภาคเช้านั้น ทะลุ 890 มาได้ มาปิดที่ 891.67 จุด +11.65 จุด หรือคิดเป็น 1.32% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น 23,252 ล้านบาท

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ของเค้าแรงจริง!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 18 ส.ค.53 ปิดที่ 880.02 จุด เพิ่มขึ้น 14.24 จุด ทำนิวไฮในรอบ 2 ปี 3 เดือน มีมูลค่าการซื้อขาย 41,145.12 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,231.86 ล้านบาท

ฝ่ายวิจัย บล.พัฒนสิน ชี้ตลาดได้ปัจจัยบวกจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง เห็นได้จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง ทำให้นักลงทุนโยกเงินเข้าตลาดเอเชียมากขึ้น อีกทั้งนักลงทุนคาดว่า

การแก้ปัญหามาบตาพุดจะออกมาในเชิงบวก

มองแนวโน้มตลาดระยะสั้น มีโอกาสอ่อนตัวลง แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้เก็งกำไรหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หรือหุ้นที่จ่ายเงินปันผล

มีข่าวการซื้อขายรายการใหญ่ หรือบิ๊กลอตในหุ้นบริษัทพฤกษาเรียลเอสเตท (PS) จำนวน 130 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.89% ในราคาหุ้นละ 23 บาท รวมเป็นเงินสูงถึง 2,990 ล้านบาท

โดยเป็นการขายของ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" และผู้ถือหุ้นรายใหญ่

อีกรายให้แก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นรายย่อย (ฟรีโฟลต) ในตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้หุ้น PS และเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนทั่วไป ซึ่งการซื้อขายครั้งนี้เป็นผลจากการเดินสายโรดโชว์ของผู้บริหารทั้งในและต่างประเทศ จนทำให้บริษัทเป็นที่สนใจของนักลงทุน เพราะธุรกิจที่เติบโตและความสามารถในการทำกำไรดี ซึ่งก่อนทำบิ๊กลอตครั้งนี้ ได้มีขั้นตอนเปิดให้นักลงทุนประมูลราคาเข้ามา ซึ่งพบว่ามีความต้องการสูงถึง 1.8 เท่าของจำนวนหุ้นที่นำออกมาขาย และภายหลังการขายครั้งนี้ "ทองมา" ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 58.6%

หุ้นดีๆอย่างนี้ใครก็อยากได้ แถมผู้บริหารยังมีความเป็นมืออาชีพ มี CG ที่ดี นึกถึงประโยชน์ของผู้ถือหุ้น รับทรัพย์เข้ากระเป๋าแล้วก็ขอให้เฮงๆต่อไป!!

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ หลายโบรกเกอร์ได้ให้คำแนะนำลงทุนใน PS หลังมีเคสเพิ่มสภาพคล่องนี้แล้วไม่รู้จะปรับคำแนะนำขึ้นไปอีกหรือไม่ โดย บล.กิมเอ็ง ให้ราคาเป้าหมายที่ 22.50 บาท, กรุงศรีอยุธยา แนะ "เก็งกำไร" ให้ราคาพื้นฐาน 19.90 บาท

ส่วน เคที ซีมิโก้ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ให้มูลค่าพื้นฐานนำโด่ง 28 บาท และยูไนเต็ด แนะ "ซื้อเก็งกำไร" ให้ราคาพื้นฐานอิงกำไรปี 54 ที่ 26.75 บาท.

FSS: ตลาดยังรีบาวด์ขึ้นได้ดีต่อเนื่อง .. ตามเทรดดิ้งต่อได้ แต่ระวังแกว่งตัวด้วย!!
แนวโน้ม: เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นในเอเชียหลายแห่งปรับตัวลดลงจากแรงกดดันเรื่องความวิตกต่อข่าวที่ว่าจีนอาจจะออกมาตรการป้องกันการเก็งกำไรราคาอสังหาฯ เพิ่มเติม โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน และฮ่องกง ที่ปรับลดลงพอควร แต่ตลาดหุ้นไทยถือว่าแข็งแกร่งกว่าตลาดภูมิภาค่อนข้างมาก เพราะนอกจากจะไม่ปรับตัวลงแล้ว ยังสามารถขยับบวกได้ร้อนแรงกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ด้วย ซึ่งเป็นแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศที่มียอดซื้อสุทธิกันฝ่ายละมากกว่าพันล้านบาท โดยเป็นแรงซื้อในหุ้นหลักหุ้นใหญ่ ไม่ยกเว้นแม้กระทั่ง
หุ้นในกลุ่มพลังงานที่ก่อนหน้านี้แรงซื้อจะยังไม่หนักแน่นเท่าไหร่ด้วย ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่สามารถปิดและเคลื่อนไหวอยู่ในด้านบวก แม้ว่าจะขยับขึ้นในกรอบที่ไม่กว้างมากนัก แต่ก็ถือว่ายังเป็น Sentiment ที่ดีให้กับ SET ทำให้เรายังคาดหมายการแกว่งขึ้นต่อเนื่องของตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตามก็ยังต้องระมัดระวังจังหวะแกว่งตัวในระหว่างการขยับขึ้นไว้ด้วย ดังนั้นจึงยังแนะนำให้เลือกเข้าซื้อเป็นรายหลักทรัพย์อยู่เช่นเดิมโดยหุ้นที่ขึ้นมาแรงจนราคาเกินกว่าพื้นฐาน หรือเข้าใกล้ปัจจัยพื้นฐานมากๆ ก็ควรชะลอการซื้อ และรอรับเมื่อราคาปรับตัวลงจะดีกว่า
กลยุทธ์: ตลาดดีดขึ้นน่าแบ่งส่วนทยอยขายทำกำไรบ้าง โดยจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไล่ราคามากนัก สามารถรอช่วงตลาดปรับพักตัวลงก่อนได้ หรือถ้าจะซื้อบวกก็ควรเลือกตัวที่ยังขยับขึ้นไม่มาก โดยหุ้นที่น่าสนใจเป็นลำดับแรกๆ คือหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากๆ เช่น KCE, HANA, DELTA, SCB, TCAP, KBANK, BBL,SEAFCO, DCC, QH, LPN, SPALI, BANPU, ROJNA, MAJOR, TVO และ CPALL เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) BTS มีแต่ปัจจัยบวก แม้ 1Q11 (เม.ย.-มิ.ย.10) จะขาดทุน 254 ล้านบาท แต่แนวโน้มจะขาดทุนลดลงจากธุรกิจรถไฟฟ้า BTSC ที่ BTS ถือหุ้น 94.6% เพราะจำนวนผู้โดยสารปัจจุบัน 4.5 แสนคน/วัน เกินจุดคุ้มทุนที่ 4 แสนคน/วันแล้ว และจะเพิ่มขึ้นจากเส้นทางต่อขยายเช่นตากสิน-วงเวียนใหญ่ โครงการ Airport linkที่จะเปิด 23 ส.ค.นี้ รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะเปิดให้บริการปี 2554 ปัจจุบันรถไฟฟ้าสร้างรายได้หลัก 85% ขณะที่รายได้จากธุรกิจคอนโด Abstract และโรงแรมหรือพื้นที่เช่าจะเสริมรายได้อย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 2555 ความเสี่ยงมีเพียงจำนวนหุ้นที่มีมากถึง 5.59 หมื่นล้านหุ้น และจะเพิ่มแบบ PP อีก 3.8 พันล้านหุ้นเดือน ต.ค. นี้ เราประเมินเป้า 1.02 บาท
XD วันนี้ AIT (1.50), BSBM (0.06), IHL (0.25), QHPF (0.1811), TLUXE (0.15)
XD พรุ่งนี้ CSL (0.25), HEMRAJ (0.025), KKC (0.20), MCS (0.30), OISHI
(1.50), ROJNA (0.30), SYNEX (0.10), UTP (0.25)
(+) กลุ่มบ้านและคอนโด กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัว แม้ดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้นก็ไม่มีผลกระทบกับการตัดสินใจซื้อบ้านของผู้บริโภค Top Pick ของเราคือ LPN ซึ่งเป็นผู้นำตลาดล่าง SPALI บริหารต้นทุนได้ดีมากจนมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดในกลุ่ม (ทั้ง LPN
และ SPALI ราคาหุ้นผ่านการปรับฐานไปแล้ว) และ QH ที่ราคาหุ้น laggard ที่สุดจนมี PBV เพียง 1.3 – 1.4 เท่า ต่ำกว่ารายอื่น
(0) บาทแข็งค่าที่สุดในรอบ 28 เดือน มาปิดที่ 31.59 วานนี้ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวัน กระทบกับกลุ่มส่งออก (เกษตรและอาหารบางตัว ส่วนอิเล็คทรอนิคส์กระทบจำกัด)แต่เป็นบวกกับกลุ่มที่มีหนี้ดอลลาร์มาก เช่นกลุ่มสื่อสาร (TRUE, TT&T) กลุ่มวัสดุ
ก่อสร้าง รับเหมา และ TVO
Foreign Fund Flow กลับมาไหลเข้าครั้งแรกหลังไหลออกต่อเนื่องมา 5 วันติดต่อกัน แต่มีไหลเช้าออกสลับกันในแต่ละประเทศโดยเข้าซื้อที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้และไทย แต่ขายในตลาดหุ้นไต้หวัน สำหรับแนวโน้มวันนี้ Fund Flow จะเบาบาง เนื่องจากไม่มีปัจจัยสำคัญที่จะกระทบตลาดหุ้นในวันนี้ ค่าเงินยูโรยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่อย่างไรก็ตามเรายังเขื่อว่า Risk Appetite กำลังกลับมาในเอเชียเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ค่าเงินเอเชียยังแข็งแกร่ง รวมถึงค่าเงินบาทด้วย

ข่าวภายในประเทศ
BTS ลดพาร์ล้างขาดทุนลุ้นจ่ายปันผลครึ่งปีหลังมั่นใจจบไม่เกินต.ค.นี้ ราคาเป้าหมาย 1.26 บาท ผู้บริหาร BTS รับศึกษาแผนลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสม ตามที่“คีรี” รับปากประชุมผู้ถือหุ้นไว้ วงในเชื่อเสร็จเดือนต.ค.นี้ เร่งให้สามารถจ่ายปันผลเร็วขึ้น โบรกฯวิเคราะห์พื้นฐานใหม่ 1.26บาท อัพไซด์ 44.8% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-08-2010)
แคชบาลานซ์กด‘ทรู’ห้ามวิ่งเกิน 6.50 บาท หุ้น TRUE ถูกแคชบาลานซ์กดดันราคาไม่ให้ไปไหน หากราคาหุ้นวิ่งเกิน 6.50 บาท ต้องซื้อบัญชีเงินสดทันที เหตุค่าพีอีพุ่งเกิน 50 เท่า งานนี้ราคายังไม่ลง เพราะรอข่าวดีที่กำลังออก ส่วนคนที่ซื้อมาร์จิ้นก็ไม่ขาย เพราะจะซื้อไม่ได้อีก หากหุ้นต้องติดแคชบาลานซ์ ส่วน JAS ถ้าราคาหุ้นวันนี้ (19 ส.ค.) วิ่งไม่เกิน 1.45บาท ถึงจะรอดแคชบาลานซ์ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-08-2010)
NPARK วิ่ง5ตังค์แฟนคลับเฮกำไรหุ้นขึ้นแรง 400% แฟนคลับ N-PARK เฮ หุ้นขึ้นมาอยู่ที่ 5 สตางค์ หลังก่อนหน้านี้ราคาหุ้นอยู่ที่ 1 สตางค์ราคาปรับเพิ่มขึ้น 400 % งานนี้ใครที่มีต้นทุน 1 สตางค์ ฟันกำไรเหนาะๆ ลุ้นหุ้นวิ่งแตะ 6 สตางค์ ราคาหุ้นวิ่งได้ 2 ช่องจึงชนเพดาน ด้านอธิบดีกรมธนารักษ์สั่งฝ่ายกฎหมายตรวจสอบสัญญาร้อยชักสาม หาข้อสรุปใครรับผิดชอบ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-08-2010)
“ทองมา”รวยพันล้าน! ขายหุ้นให้กองทุนนอก “ทองมา-ไทยแลนด์อีคิวตี้ฟันด์”ยอมปล่อยหุ้น PS 130 ล้านหุ้นให้กองทุนฮ่องกง-สิงคโปร์ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นในตลาด ดันฟรีโฟลตเพิ่มเป็น 22-23% จากเดิม 17-18% ด้าน “ทองมา” รวยเละ! รับทรัพย์เข้ากระเป๋า 1,380 ล้านบาทจากขายหุ้นที่ถือส่วนตัว 60 ล้านหุ้น แถมยังครองแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีสัดส่วนถือหุ้น 58.6% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-08-2010)
JUTHA หั่นเป้ารายได้ 300 ล้านโดนพิษธุรกิจเดินเรือผันผวน JUTHA หั่นเป้ารายได้ปีนี้เหลือ 300 ล้านบาท จากเดิมวางไว้ 400 ล้านบาท แต่กำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 10 ล้านบาท เหตุมีรายได้จากการบริหารเรือหนุน ลั่นรายได้-กำไร Q3 ดีกว่า Q2 หลังเริ่มรับรู้รายได้จากการบริหารเรือเต็มที่ ขณะนี้ยังไม่มีแผนซื้อเรือใหม่ หลังแนวโน้มธุรกิจเดินเรือไม่ดี ดัชนี BDI ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-08-2010)
หุ้นเกษตร – อาหารไตรมาส 3 กำไรสดใส เชียร์ซื้อ GFPT แจ่มสุด ให้เป้าหมายสูง 11.18 บาท หุ้นกลุ่มเกษตร-อาหาร CPF-TUFCFRESH-GFPT แนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 3/53 จะยังสดใสต่อเนื่อง มองเป็นช่วงพีค ของฤดูกาลการส่งออก คาดปริมาณขายปรับตัวสูงขึ้น โบรกฯ ชู GFPT เป็นหุ้น Top pick แนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.18 บาท ได้ปัจจัยบวกจากการขยายกำลังการผลิต (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ

ยุโรป: ยูโรสแตทเผยอุตสาหกรรมก่อสร้างในยุโรปขยายตัวแข็งแกร่งในเดือนมิ.ย. ยูโรสแตท (Eurostat) ซึ่งเป็นสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการก่อสร้างในเขตยูโรโซนและสหภาพยุโรปได้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนมิถุนายน หลังจากที่หดตัว0.7% ในเดือนพฤษภาคม โดยอุตสาหกรรมการก่อสร้างในเขตยูโรโซนขยายตัว 2.7% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน แต่หากเทียบเป็นรายปีจะขยายตัวที่3.1% โดยรายงานของยูโรสแตท ระบุว่า การก่อสร้างอาคารในเขตยูโรโซน 16 ประเทศ ขยายตัว 3.3% ในขณะที่การก่อสร้างถนนเพิ่มขึ้น 1.2%ส่วนอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศ ขยายตัว 3.5% ในเดือนมิถุนายน และเพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี(ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-08-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วลดลงน้อยเกินคาด 8 แสนบาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 13 ส.ค.ลดลง 800,000 บาร์เรล แตะระดับ354.2 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 1.0 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 174.2 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 39,000 บาร์เรล แตะระดับ 223.3 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 100,000 บาร์เรล (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-08-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้และอียูเตรียมลงนามข้อตกลงเอฟทีเอเดือนต.ค.นี้ กระทรวงการค้าเกาหลีใต้คาดว่า เกาหลีใต้ และ สหภาพยุโรป (อียู) จะสามารถลงนามในข้อตกลงการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอได้ในเดือนต.ค.นี้ หลังจากที่ข้อตกลงดังกล่าวได้รับมติรับรองจากที่ประชุมระดับรัฐมนตรีของอียูในเดือนก.ย. สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะรัฐมนตรีเกาหลีใต้ได้อนุมัติให้มีการลงนามข้อตกลงดังกล่าวไปเมื่อต้นสัปดาห์ และขณะนี้เหลือเพียงการรับรองจากประธานาธิบดีและรัฐสภา ส่วนอียูนั้น จะต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศสมาชิกทั้ง 27 ประเทศ ก่อนที่ข้อตกลงจะมีผลบังคับใช้ได้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 18-08-2010)
เอเชีย: มาเลเซียเผยจีดีพีขยายตัว 8.9% ในไตรมาส 2 หลังดีมานด์แข็งแกร่งทั้งในและตปท. ธนาคารกลางมาเลเซียเปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 8.9% ในไตรมาสสอง เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการภายในประเทศที่ขยายตัวอย่างยั่งยืน และความต้องการภายนอกที่ยังคงขยายตัวแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เศรษฐกิจมาเลเซียขยายตัว 10.1%ในไตรมาสแรก ซึ่งเมื่อรวมกับอัตราการขยายตัวในไตรมาสสอง ทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียขยายตัว 9.5% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 18-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น