Code 141 : ขอพักหน่อย แล้วค่อยไป 900

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม 2553

ATT Code : ขอพักหน่อย แล้วค่อยไป 900
เมื่อวานนี้หุ้นไทยดึงไม่ผ่านแนวต้าน 900 จุด ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 894.78 จุด เพิ่มขึ้น 0.86 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 35,161.02 ล้านบาท ... โดยมีแรงกันดันจากการยื้อต่อมาบตาพุดกดหุ้นพลังงานรูดกราวโรงแยกก๊าซฯ 6 ผ่านฉลุย ปตท.ยื่นขอเปิดดำเนินงานทันที โดยมีการเลื่อนประกาศปลดล็อก 14 ประเภทกิจการรุนแรงอีก 1-2 วัน กดหุ้นกลุ่ม PTT ร่วงยกแผง

เช้านี้ SET เปิดที่ 896.17 จุด +2.25 จุด แล้วก้ขึ้นไป High ที่ 898.20 จุด ก่อนที่จะมีแรงขายกลุ่มพลังงานออกมาอย่างต่อเนี่อง ทำให้ SET ลงไปลบ 8 จุด ที่ 885.97 จุด ซึ่งหลุดแนวรับ 5 วัน ที่ 888 จุด เมื่อ SET ลงไปมากและเร็วเกินไป ก็ทำให้มีแรงซื้อกลับขึ้นมาพ้นเส้น 5 วัน แล้วมาปิดภาคเช้าที่ 892.61 จุด -2.17 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 20,046 ล้านบาท

MARKET WAVE Analysis โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338
ปรับตัวขึ้น 898 -900
แล้วแกว่งตัวในกรอบ 885 - 900 อีกประมาณสัปดาห์ ตราบใดไม่ต่ำกว่า 874 .... ถือว่ารอขึ้น 930 - 935 หนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า

ช่วงบ่าย SET เปิดมา ก็ยังไหลลงต่อที่ 888 แล้วก็เด้งขึ้นมาปิดที่ 890.45 จุด -4.33 จุด หรือ -0.48% มูลค่าการซื้อขาย 38,000 ล้านบาท

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ลาคนเก่า...รอคนใหม่!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 23 ส.ค.53 ปิดที่ 894.78 จุด บวก 0.86 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 35,161 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 198.95 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด นำโดย PTT ปิดที่ 264 บาท ลบ 2 บาท, JAS ปิด 1.55 บาท บวก 0.09 บาท, SCC ปิด 272 บาท บวก 4 บาท, SAMART ปิด 9.65 บาท บวก 0.30 บาท และ TMB ปิด 2.22 บาท บวก 0.06 บาท

หุ้น TTA ทำนิวไฮในรอบกว่า 5 เดือน หลังดัชนีค่าระวางเรือเมื่อวันศุกร์ ปรับขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยดัชนีค่าระวางเรือพุ่งขึ้น 112 จุด หรือ 4.24% สู่ระดับ 2,756 จุด

ขณะที่ บล.เคจีไอ แนะ "ซื้อ" เก็งกำไร หุ้น TTA ส่วน บล.บัวหลวง แนะทางเทคนิค "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 25.5-27 บาท โดยมองว่า ราคาหุ้นสร้างฐานลักษณะ sideway up ขณะที่สัญญาณซื้อจะปรากฏหากราคาหุ้นทะลุกรอบสามเหลี่ยมด้านบนที่ 25.5 ขึ้นไป และคาดว่าวอลุ่มจะสูงขึ้นตาม

ส่วน TUF ทำนิวไฮเช่นกัน โดยบทวิเคราะห์ บล.ธนชาติ ระบุว่า TUF เป็นหุ้นส่งออกที่น่าสนใจจากการเข้าซื้อกิจการ MW Brand ทำให้ TUF ได้รับความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นจากความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้น กลายเป็นผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่สุดของโลก ซึ่งการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวช่วยเพิ่มมูลค่าให้ TUF และมีสินทรัพย์ขนาดใหญ่ มีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น แม้ราคาหุ้นทำนิวไฮแต่ยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 62 บาท โดยแนะ "ซื้อ"

ในที่สุด บอร์ดตลาดหลักทรัพย์ก็มีมติรับ "ภากร ปีตธวัชชัย" อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ และนายบดินทร์ อูนากูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ เข้าเป็นรองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ แทนนางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย อดีตรองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ที่ไปเป็นใหญ่เป็น เลขาธิการ กบข.

และแทนนายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ที่ยื่นใบลาออก และจะมีผลในวันที่ 31 ส.ค.นี้ โดยนายวิเชฐบอกจะไปช่วย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ไปทำงานด้านการศึกษา

ว่ากันว่า จะไปทำหลักสูตรการอบรมพัฒนาให้ผู้ประกอบการ ร่วมกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ

ก็ขอโบกมือลาคนเก่าขอให้โชคดี และยินดีต้อนรับผู้บริหารคนใหม่!!

FSS: ยังเลือกเทรดดิ้งเป็นรายตัว ส่วนจังหวะเข้าซื้อจริงจังยังน่ารอรับตอนอ่อนตัว..
แนวโน้ม: แรงกดดันจากความกังวลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงกดดันความมั่นใจต่อ สินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนอยู่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐย้อนกลับมาปิดเป็นลบไปเมื่อคืนนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ ก็ยังคงปรับตัวลดลงต่อ แม้ว่าจะไม่มากนัก แต่ก็เป็น Sentiment ที่ไม่ดีนักต่อตลาดหุ้นไทย ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวผันผวน ต่อเนื่อง และยังมีสิทธิที่จะปรับพักตัวลงไปแถว 880 จุด(+/-) ได้อยู่ โดยคาดว่าแรงซื้อที่จะมีเข้ามาบ้างในช่วงนี้คงจะเป็นการเลือกซื้อเป็นรายหลักทรัพย์มากกว่า โดยเฉพาะในหุ้นที่มีข่าวบวกสนับสนุน เช่น หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จะได้รับข่าวบวกจากการเปิดซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สัญญาที่ 5 ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท ขณะที่มีผู้ยื่นเสนอ 4 ราย ได้แก่ ITD, STEC, CK และบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์อีก 1 ราย อย่างไรก็ตาม สำหรับหุ้นกลุ่มนี้ต้องระวังแรงขายทำกำไรหลังการประกาศข่าวด้วย นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มของ ปตท. ยังได้รับข่าวหนุนจากความคืบหน้าเรื่องการประกาศประเภทกิจการที่มีผลกระทบรุนแรง ซึ่งนายกฯ แจ้งว่าจะสามารถประกาศใช้อย่างเป็นทางการได้ใน 1-2 วันนี้ ซึ่งหลังจากนั้นโครงการที่เคยถูกระงับถ้าไม่อยู่ในประเภทกิจการรุนแรงตามประกาศ ก็จะสามารถยื่นขอปลดล็อกต่อศาลปกครองได้ (รายละเอียดติดตามในรายงานวันนี้) ส่วนหุ้นที่ราคาขยับขึ้นมามากแล้วก็ต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรตามภาวะตลาดโดยรวมกดดันให้มีการปรับพัก ตัวลงได้
กลยุทธ์: เลือกเทรดดิ้งเป็นรายตัวในหุ้นที่มีข่าวดีรองรับ แต่ต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนด้วย และไม่ควรไล่ซื้อหุ้นที่ราคาขยับขึ้นมาสูงมากแล้ว โดยแนะนำให้รอทยอยเข้ารับตอนอ่อนตัวดีกว่าสำหรับหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐาน และยังน่าสนใจ ได้แก่ KCE, HANA, DELTA, SCB, TCAP, KBANK, BBL, SEAFCO, DCC, QH, LPN, SPALI, BANPU, ROJNA, MAJOR และ TVO เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) GDP 2Q10 ของไทยดีกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 9.1%Y-Y (Consensus คาด +8%Y-Y) และ +0.2%Q-Q (ครึ่งปีแรกโต 10.5%Y-Y) การบริโภคภาคครัวเรือนมีสัดส่วนต่อการเติบโต มากที่สุดคือ 3.6% ส่วนการลงทุนขยายตัวสูงสุดและเป็นมูลค่าสูงสุดนับจากปี 1996 สศช. ปรับเป้า GDP ปีนี้ขึ้นเป็น 7-7.5% จากเดิม 3.5-4.5% ปีหน้าคาด 4-5% เหมือนเดิม จับตาวันพุธนี้ ตลาดคาด กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25%
(+) มาบตาพุด นายกฯ คาดภายใน 1-2 วันนี้ จะสามารถประกาศประเภทกิจการที่ก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนได้ เราเชื่อว่าโครงการที่ถูกระงับชั่วคราวประมาณ 50 โครงการที่ไม่ได้อยู่ในประเภทโครงการที่รุนแรงก็จะทยอยยื่นขอปลดล๊อกต่อศาลปกครองกลาง คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 เดือนจึงจะเริ่มดำเนินการได้ แนะนำ PTT (เป้า 325 บาท) PTTCH (เป้า 135 บาท) SCC (เป้า 330 บาท) GLOW (เป้า 52 บาท)
(+) รับเหมา รฟม. เปิดข้อเสนอราคาสายสีน้ำเงินงานระบบสัญญา 5 วันนี้ เหลือเข้ารอบ สุดท้าย 3 ราย ITD, CK, STEC สัญญาที่ 5 เป็นระบบราง วงเงิน 5.1 พันล้านบาท ส่วนสัญญา 2-4 เดินหน้าเจรจาแล้ว แต่สัญญา 1 รอคุยบอร์ดก่อน
(+) กลุ่มนิคมน่าสนใจ เราคาดกำไรปกติทั้งกลุ่มนิคมฯ ปี 2010 จะเพิ่มขึ้น 49.8% AMATA มีกำไรโตสูงสุด รองมาเป็น HEMRAJ และ ROJNA แต่ราคาหุ้น AMATA เต็มมูลค่าของเราที่ 12 บาทแล้ว แนะนำขายและเปลี่ยนเป็น ROJNA (เป้า 12.60 บาท) ที่พื้นฐานดี PE ถูกเพียง 10.8 เท่า PBV 1.2 เท่า ถูกสุดในกลุ่ม ส่วน HEMRAJ หากราคาปรับฐานลงมาบริเวณ 1.73 – 1.75 บาท จึงจะน่าสนใจเข้าไปลงทุนอีกครั้ง
XD วันนี้ AJ (0.15), BEC (0.65), BJC (0.25), CTARAF (0.1284), GOLDPF (0.306), GRAMMY (0.40), KCAR (0.36), KEST (0.25), LH (0.16), MJLF (0.225) XD พรุ่งนี้ CCET (0.07), MK (0.10), SAMTEL (0.10), TTCL (0.15)
Regional Fund Flow ไหลเข้าเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน แต่ปริมาณยังเบาบาง ทั้งนี้เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่รอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐของเดือนก.ค ที่ทยอยประกาศภายในอาทิตย์นี้ ซึ่งส่วนใหญ่นักวิเคราะห์มองว่าจะชะลอตัว ในขณะเดียวกันเศรษฐกิจยุโรปก็ยังไม่ฟื้นตัว โดยเราสังเกตจากค่าเงินยูโรเทียบกับดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าต่อเนื่องทำให้ส่งผลลบต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย แต่หากมองฝั่งเอเชียถือว่าการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีมากหรือมากกว่าคาด ดังนั้นในช่วงนี้ค่าเงินที่ยังแข็งแกร่งต่อเนื่องทำให้มองว่ากระแสเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าเอเชียต่อเนื่อง นอกจากนี้แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นจะยิ่งเป็นปัจจัยดึงดูดเม็ดเงินให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตลาดพันธบัตรสู่ตลาดทุนด้วย ดังนั้นช่วงการปรับฐานของตลาดหุ้นจะเป็นจังหวะการเข้าซื้อหุ้นเก็งกำไรได้ดีและมีกำไรก็ขายไม่ต้องโลภ

ข่าวภายในประเทศ
มาร์คยื้อต่อมาบตาพุดกดหุ้นพลังงานรูดกราวโรงแยกก๊าซฯ 6 ผ่านฉลุย ปตท.ยื่นขอเปิดดำเนินงานทันที “มาร์ค” เลื่อนประกาศปลดล็อก 14 ประเภทกิจการรุนแรงอีก 1-2 วัน กดหุ้นกลุ่ม PTT ร่วงยกแผง “วรรณรัตน์” ชี้โรงแยกก๊าซฯ 6 ลอยลำ ลดภาระนำเข้าแอลพีจีเหลือ 4-5 หมื่นตัน ต่อเดือน จากเดิมเดือนละ 1.5 แสนตัน วงเงินชดเชยเหลือแค่ 400-500 ล้านบาท จากเดิม 1,400 ล้านบาทต่อเดือน “ประเสริฐ”เตรียมยื่นหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเพื่อขอเดินหน้าโครงการ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-08-2010)
JAS หมูไม่กลัวน้ำร้อน! พฤหัสนี้ห้ามเกิน 1.45 บ. JAS พุ่งแรง ไม่กลัวแคช บาลานซ์ หุ้นวิ่งเกิน P/E 50 เท่า แถมวอลุ่มยังกระฉูดวานนี้ (23
ส.ค.) เกือบพันล้านบาท งานนี้ราคาหุ้นวิ่งได้อิสระ แต่สุดท้ายวันที่ 26 ส.ค.ราคาหุ้นต้องไม่เกิน 1.45 บาท หากไม่ต้องการให้ติดแคช บาลานซ์ งานนี้หุ้นTRUE ไม่สนแคช บาลานซ์ หุ้นพุ่งตอนเช้า ก่อนปิดลบไป 0.05 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-08-2010)
AH มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้าหมื่นล้าน ออเดอร์ยานยนต์กระฉูด เชื่อปีหน้าโตอีก20% AH มั่นใจรายได้ปี 53 เข้าเป้า 1 หมื่นล้านบาท หลังอุตสาหกรรมยานยนต์โต-ออเดอร์เข้าต่อเนื่อง ส่วนกำไรปีนี้โตมากกว่า 30% ทุ่มงบลงทุน 200-300 ล้านบาท สร้างโรงงานจีนคาดแล้วเสร็จสิ้นปีหน้ารายได้เติบโต 15-20% ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัว ได้รับคำสั่งซื้อใหม่สำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ที่ต่อเนื่องจากต้นปีนี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-08-2010)
STAR รับก้อนโตออเดอร์ไหลเข้าลูกค้าใหม่ยูเออี STAR จ่อรับทรัพย์ก้อนโตไตรมาส 4 ออเดอร์ตะวันออกลางไหลเข้าดันผลประกอบการครึ่งหลังแจ่ม พร้อมเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ 7-8 รุ่น เจาะลูกค้าระดับกลาง–บน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ย้ำเป้าทั้งปีรายได้โต 10-15% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-08-2010)
MODERN แจ่ม! ลุ้นปันผล 1.50 บ. แบ็กล็อกพันล้าน MODERN ครึ่งปีแรกกำไรสุทธิพุ่ง50% โบรกฯแนะซื้อ เพื่อรับปันผลปกติที่คาดว่าจะ
มากกว่า 1.50 บาทต่อหุ้น และปันผลพิเศษ ให้ราคาเป้าหมาย 51 บาท ส่วนยอดขายปี 53 น่าจะเติบโต 21% เป็น 2,700 ล้านบาท เชื่อครึ่งปีหลังกำไรเพิ่มจากแบ็กล็อกที่รอส่งมอบ 1,000 ล้านบาท มองทั้งปีจ่ายปันผล 4.51 บาทต่อหุ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-08-2010)
TUF เล่นข่าว MWB ดันราคานิวไฮ! เป้าหมาย 62.50 บาท รับผู้ผลิตทูน่าเบอร์หนึ่งโลก TUF นิวไฮราคาพุ่ง 8.77% แตะ 62 บาท หลังได้
MW Brands ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารทะเลกระป๋องครบวงจรในยุโรป ดัน TUF เป็นรายใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ความสามารถในการผลิตและการแข่งขันในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าในยุโรป โบรกฯแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 62.50 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 24-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ : หุ้นสหรัฐฯปิดลบ ฉุดน้ำมันร่วงต่อเนื่อง
ปิดการซื้อขายหุ้นสหรัฐฯดาวโจนส์ ปิดที่ 10,174.41 จุด ลดลง 39.21 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลงอีก 72 เซนต์ ไปปิดที่ 73.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล......

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯวันที่ 23 ส.ค. ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดการซื้อขาย แม้มีข่าวว่า ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (เอชพี) และ เดลล์ 2 ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ กำลังแย่งกันเสนอซื้อกิจการของบริษัทผู้ให้บริการเก็บข้อมูลอย่าง 3 พาร์ อิงก์

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลงอีก 72 เซนต์ ไปปิดที่ 73.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 10,174.41 จุด ลดลง 39.21 จุด ดัชนีหุ้นแนสแดค ปิดที่ 2,159.63 จุด ลดลง 20.13 จุด และ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,067.36 จุด ลดลง 4.33 จุด.

FSS :ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นในเดือนก.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจประจำเดือนก.ค.ฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 0 จุด จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ -0.70 จุด ข้อมูลของเฟดระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐรวมถึงผลผลิตในโรงงาน เหมืองแร่ และผลผลิตด้านสาธารณูปโภค ขยายตัวขึ้น 1.0% ในเดือนก.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตยังคงเป็นปัจจัยหลักในการหนุนเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวขึ้น โดยปัจจัยที่ทำให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวในเดือนก.ค.มาจากผลผลิตในโรงงานที่พุ่ง ขึ้นแข็งแกร่งถึง 1.1% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-08-2010)
จีน: จีนเผยมูลค่าสินทรัพย์ภาคธุรกิจประกันภัยเดือนก.ค.มีมูลค่ารวม $6.72 แสนล้าน คณะกรรมการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของจีน (CIRC) เผยสินทรัพย์ในภาคธุรกิจประกันภัยของจีนมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 4.57 ล้านล้านหยวน (6.72 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงสิ้นเดือนก.ค.2553 โดยรายได้จากการขายกรมธรรม์ประกันภัยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้มียอดรวมอยู่ที่ 9.039 แสนล้านหยวน ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวมาจากภาคธุรกิจ ประกันภัยส่วนบุคคลที่ 6.701 แสนล้านหยวน และจากธุรกิจประกันอสังหาริมทรัพย์ 2.337 แสนล้านหยวน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-08-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้ประกาศแผนปฏิรูปภาษีฉบับใหม่ มุ่งกระตุ้นรายได้-หนุนการจ้างงาน เกาหลีใต้เตรียมเดินหน้าแผนปฏิรูปภาษีประจำปี 2553 ซึ่งรวมถึงการริเริ่มโครงการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลเพื่อกระตุ้นการสร้างงานใหม่ๆ มากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะยกเลิกเครดิตภาษีการลงทุนชั่วคราวเพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐบาลกระทรวงยุทธศาสตร์และการคลังของเกาหลีใต้เปิดเผยแผนปฏิรูปภาษีประจำปี 2553 ซึ่งระบุถึงสาระสำคัญในการทบทวนระบบภาษีนิติบุคคลที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ภายใต้แผนปฏิรูปครั้งนี้ รัฐบาลจะระงับการใช้นโยบายให้เครดิตภาษีการลงทุนแบบชั่วคราวแก่บริษัทที่ไม่มีการจ้างพนักงานใหม่ แต่จะกำหนดมาตรการลดภาษีระยะ 2 ปีเพื่อสนับสนุนบริษัทที่จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแผนการของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-08-2010)
เอเชีย: สนง.สถิติแห่งชาติมาเลเซียเผยอัตราว่างงานในประเทศพุ่งแตะ 3.7% เดือนมิ.ย. สำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซียเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 3.7% เนื่องจากจำนวนคนว่างงานปรับตัวสูงขึ้น และหากเทียบกับปีที่แล้ว อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 3.2% ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซียระบุว่า จำนวนคนว่างงานภายในประเทศเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 426,600 คน จากปีที่แล้วที่ระดับ 370,000 คน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-08-2010

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น