Code 139 : SET ร้อนแรงจริงๆ

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม 2553

ATT Code : SET ร้อนแรงจริงๆ
เช้านี้ SET เปิดมาลบนิดหน่อยไม่ถึง 1 จุด โดยเปิดที่ 890.74 จุด ซึ่งต่างกับตลาดต่างประเทศที่ลบไป 1 % กว่า ก็ถือว่าเข็งแรงกว่าตลาดเพื่อนบ้าน เพราะมีกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนหนาแน่นขึ้น โดยมีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 896 - 904 จุด แต่การปรับขึ้นของดัชนีอาจไม่ขึ้นรุนแรงนัก ขณะเดียวกัน ตลาดก็ยังมีโอกาสในการปรับฐานด้วย แต่คงไม่ร่วงลงลึกเช่นกัน ด้านเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 885-880 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 896-904 จุด โดยปิดตลาดภาคเช้าที่ 894.88 จุด + 3.65 จุด มีมูลค่าการซื้อขายเกือบ 2 หมื่นล้านบาท

----------------------------------------------------------------------------------
ข่าวหุ้น : Breaking News
20/08 11:19 - CLSA 's Top Picks:SCC GLOW THAI PTT PTTEP
20/08 10:58 - คาร์ฟูร์เนื้อหอม PTT สนใจซื้อต่อยอดธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน
20/08 10:46 - สถิติส่งออกหนุนGDPไต้หวันไตรมาสสองปีนี้พุ่งกว่า12%
20/08 10:37 - หุ้นสัญญาณเทคนิคขาขึ้น บล.ซีไอเอ็มบี
20/08 10:36 - PS “รัตนา” ทยอยซื้อหุ้น
20/08 10:32 - PS “ทองมา” ขายหุ้นหนัก
20/08 10:30 - N-PARK “วีระวรรธน์” ขายหนัก
20/08 10:30 - HMPRO คึกคัก จ่ายปันผลทั้งหุ้นและเงินสด
20/08 10:26 - หุ้นแนะนำพิเศษ และหุ้นเด่น บล.โกลเบล็ก
20/08 10:25 - DRT นักลงทุนซื้อหนัก

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ปรับฐาน แต่แรงซื้อต่างชาติช่วยประคองการอ่อนตัวโมเมนตัมดี รอปัจจัยบวกระยะสั้นต้นสัปดาห์หน้า คาดมีแรงเก็งกำไรต่อ แต่ Upside จากนี้จะจำกัดมากขึ้น เนื่องจากดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นมากกว่า 20% แล้วตั้งแต่ต้นปี ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทเมื่อถึงจุดหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก ซึ่งอาจต้องมีการแทรกแซงอย่างมากขึ้นจากธปท.
ระยะสั้นในวันนี้บรรยากาศลงทุนในภูมิภาคอิงทางลง หลังการประกาศตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่น่าผิดหวังกดดันตลาดหุ้นสหรัฐ-ยุโรป และราคาน้ำมันดิบดิ่งลงหนักวานนี้ SETI จึงมีโอกาสพักตัวหลังพุ่งแรงในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี คาดแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติและสถาบันฯ จะช่วยประคองการอ่อนตัวได้ระดับหนึ่ง
กลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นยังคงเน้นการเก็งกำไรต่อไปก่อนข่าวดีจากปัจจัยบวกในสัปดาห์หน้า แนวต้าน : 900-906 แนวรับ : 885-879
การจัดพอร์ตระยะสั้น - หุ้น 50% : เงินสด 50%
หุ้นแนะนำ:
1. KBANK เก็งกำไร FV 118 บาท Top pick ในกลุ่มแบงก์
2. PTTCH เก็งกำไร FV 122 บาท รอผลมาบตาพุด
3. MINT เก็งกำไร FV 13.80 บาท ท่องเที่ยวฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด
4. QH เก็งกำไร FV 2.80 บาท โมเมนตัมการขายยังดีต่อเนื่อง
5. AS เก็งกำไร FV’54=14 บาท แนวโน้มผลประกอบการดี
บล.เอเซียพลัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ขณะที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ คาดว่าดัชนีน่าจะแกว่งในกรอบ 875-895 นักลงทุนที่ยังไม่ได้ซื้อหุ้นกลับ แนะนำให้รอซื้อหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตในปี 2554 มี PER ต่ำกว่า 10 เท่า พร้อมมีเงินปันผล ในกลุ่มดังต่อไปนี้ พลังงาน (BANPU, LANNA) โรงกลั่น (PTTEP, BCP, TOP) และหุ้นที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง รถไฟฟ้าบนดิน (BTS) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (BMCL) และหุ้นเดินเรือ TTA และ RCL

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-เงินทะลัก!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 19 ส.ค.53 ปิดที่ 891.23 จุด เพิ่มขึ้น 11.21 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 43,311.68 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,633.80 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด PTT ปิดที่ 266 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท, PTTCH ปิดที่ 107 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท, PTTEP ปิดที่ 151.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท, SCB ปิดที่ 93.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท และ CPF ปิดที่ 26.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคจีไอ มองแนวโน้มตลาดว่ายังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนหนาแน่นขึ้น โดยมีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 896 - 904 จุด แต่การปรับขึ้นของดัชนีอาจไม่ขึ้นรุนแรงนัก ขณะเดียวกัน ตลาดก็ยังมีโอกาสในการปรับฐานด้วย แต่คงไม่ร่วงลงลึกเช่นกัน

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ "ถือต่อ" สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้น ส่วนนักลงทุนที่ไม่มีหุ้นอยู่ในมือ แนะให้เข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง ด้านเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 885-880 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 896-904 จุด
ขณะที่ "ทองมกุฎ ทองใหญ่" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินดัชนีหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า มีโอกาสปรับตัวขึ้นทะลุ 900 จุด รับอานิสงส์จากผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาเติบโตดีกว่าคาด ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ส่งผลให้ความน่าสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีมากขึ้น ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติให้ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

หุ้นกลุ่ม ปตท.กลับมาผงาดปรับตัวขึ้นแรงหลังมีความหวังในเชิงบวกต่อโครงการที่ "ติดบ่วง" อยู่ในปัญหามาบตาพุด โดย บล.ยูไนเต็ด ยังคงแนะนำ "ซื้อลงทุน" หุ้น PTT โดยมีราคาเป้าหมายปี 54 ที่ 316 บาท จากการแก้ไขปัญหามาบตาพุดคลี่คลาย และมีกำหนดเวลาที่ชัดเจน บวกกับแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ช่วยผลักดันราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อ

ส่วน บล.ทรีนีตี้ แนะซื้อ ประเมินมูลค่าเหมาะสม 365 บาท, บล.พัฒนสิน แนะซื้อลงทุน ให้ราคาเป้าหมายปี 54 ที่ 365 บาท และ บล.บัวหลวง ให้ราคาพื้นฐาน 316 บาท ขณะที่ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะแค่ "ถือ" ให้ราคาตามพื้นฐาน 262 บาท.

FSS:ตลาดขยับขึ้นแรงเกินไป ต้องระวังการแกว่งตัวย้อนลง ดังนั้นรอซื้อต่ำได้!!
แนวโน้ม: เช้านี้ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มปรับพักตัวลงอีกครั้ง หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาเมื่อวานนี้ยังคงอ่อนแอกว่าคาด ส่งผลให้นักลงทุนกลับมากังวลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ก็ขยับขึ้นมาพอควรในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีแรงขายทำกำไรระยะสั้นเพื่อลดความเสี่ยงออกมากดดัน ซึ่ง FSS คาดว่า SET ก็น่าจะอยู่ในลักษณะเดียวกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยถือว่าขยับขึ้นมาค่อนข้างร้อนแรงกว่าภูมิภาคด้วยอย่างไรก็ตามแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศที่ยังคงมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจของเอเชียรวมทั้งของไทยเราด้วย ยังเป็นตัวผลักดันที่น่าจะทำให้ SET ปรับตัวลดลงไม่มากนัก โดยแม้จะมีโอกาสที่จะแกว่งตัวผันผวนบ้าง แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะรีบาวด์กลับหลังจากปรับพักตัวลงแล้วได้ โดยกรอบดัชนีในช่วงถัดจากนี้คาดว่ามีสิทธิที่จะแกว่งตัวขึ้น-ลงในกรอบ 870-900 จุดได้ ดังนั้นจังหวะปรับตัวลงของ SET จึงยังสามารถเลือกหุ้นเข้าซื้อได้ โดยยังแนะนำที่หุ้นพื้นฐานดี และราคามีการปรับพักตัวลง หรือช่วงที่ผ่านมายังขยับขึ้นไม่มากเป็นลำดับแรก
กลยุทธ์: ตลาดขึ้นแรงเกินไป จึงควรเริ่มแบ่งส่วนทยอยขายทำกำไรบ้าง โดยจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อแนะนำให้รอช่วงตลาดปรับพักตัวลงก่อน หรือเลือกหุ้นที่ยังขยับขึ้นไม่มาก โดยหุ้นที่น่าสนใจเป็นลำดับแรกๆ คือหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากๆ เช่น
KCE, HANA, DELTA, SCB, TCAP, KBANK, BBL, SEAFCO, DCC, QH, LPN, SPALI,BANPU, ROJNA, MAJOR, TVO และ CPALL เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ส่งออกของไทยเดือน ก.ค. เพิ่ม 20.6%Y-Y แต่ลดลง 13.7%M-M เริ่มเห็นอัตราการเติบโตที่ชะลอ ตามทิศทางเดียวกับประเทศในเอเชีย สินค้าที่ชะลอ M-Mและต่ำกว่าเดือนก่อนๆ ได้แก่ทองคำ และข้าว แต่งวด 7 เดือน ส่งออกยัง +34%Y-Y
(+) ยอดส่งออกรถเดือน ก.ค. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี ยอดผลิตรถก.ค. +94%Y-Y, -2%M-M โดยยอดผลิตเพื่อขายในประเทศ +63%Y-Y และยอดผลิตเพื่อส่งออก +125%Y-Y ดีขึ้นทุกตลาด หุ้นที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์และเรายังแนะนำ
ได้แก่ KCE, SITHAI, STANLY, AH, SAT, LHK, TSC, SSI, HEMRAJ, TISCO, TCAP
(+) QH เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท เป็นหุ้นที่ laggard ที่สุดในกลุ่มแต่ล่าสุดคิวหลังสวนมีการขายดีขึ้น ตลาด Hi-end กำลังจะเปิดตัว เช่นโครงการมหานคร (2.5 แสนบาท/ตรม.) และ 185 ราชดำริ (2.65 แสนบาท/ตรม.) นอกจากนี้ LH Bank คาดเข้า IPO ใน 4Q10-1Q11 QH ถือหุ้น 26% จะช่วยสร้าง value ให้บริษัท
(-) STA IFR Asia รายงานราคา IPO เบื้องต้นที่จะขายที่สิงคโปร์คือ 0.79-0.90 ดอลลาร์สิงคโปร์/หุ้น คิดเป็น ~18 – 21 บาท/หุ้น บริษัทจะกำหนดราคา 1 ก .ย. และเริ่มเทรด 9 ก.ย. นี้ ราคาดังกล่าวต่ำกว่าราคาตลาด เป็นข่าวลบกับบริษัท สอดคล้องกับราคาเป้าหมายของเราที่ 20 บาท (หลังเพิ่มทุน) ถือว่า STA เต็มมูลค่าแล้ว แนะนำขาย
XD วันนี้ CSL (0.25), HEMRAJ (0.025), KKC (0.20), MCS (0.30), OISHI (1.50),ROJNA (0.30), SYNEX (0.10), UTP (0.25)
XD วันจันทร์ BAFS (0.18), BKI (2.75), CPF (0.50), IFEC (0.05), IT (0.14), JCT(1.75), JMART (0.06), MAJOR (0.20), OFM (0.08), SE-ED (0.10), SPALI(0.30), TOG (0.10), WORK (0.32)
Foreign Fund Flow วานนี้ไหลเข้าเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ด้วยปริมาณที่มากขึ้น แต่ยังไม่ถือว่ามากกว่าปกติ ยกเว้นตลาดหุ้นอินโดนีเชียต่างชาติซื้อสุทธิ 196 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหุ้นไทยซื้อสุทธิ 83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน
90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เราเชื่อว่าการกระแสเงินทุนต่างชาติที่เข้าลงทุนในตลาดหุ้นในเอเชียเป็นผลจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนของจีนและญี่ปุ่นที่ขายพันธบัตรสหรัฐที่มีราคาปรับตัวสูงขึ้น แล้วหันกับมาลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเราเชื่อว่าสถานการณ์เช่นนี้จะยังเกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งจนกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นแต่อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากค่าเงินยูโรที่ยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและค่าเงินเอเชียทรงตัวหรืออ่อนตัวเล็กน้อยหลังจากที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติอาจจะชะลอตัวลงแต่ไม่มากนัก

ข่าวภายในประเทศ
หุ้นสื่อสารตีปีกเริงร่า!มือถือ 3G พ้นมารผจญ LOXLEY – AIT - JAS แจ่ม ศาลไม่รับฟ้องระงับออกไลเซนส์ หุ้นสื่อสารพ้นบ่วงมารเหตุการณ์ประมูลไลเซ่นส์ 3G เดินหน้าฉลุย เชื่อสื่อสารขนาดเล็กน่าเล่นกว่าตัวใหญ่ AIT-JAS LOXLEY แจ่มหลังศาลปกครองไม่รับคำร้องขอให้ระงับใช้ประกาศกทช, 2 ฉบับ กรณีเกณฑ์ขอใบอนุญาตให้บริการโทรศัพท์ระบบ 3G (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-08-2010)
CPF วันนี้ทิ้งทวน XD รับปันผล 50 สตางค์ทิศทางอนาคตแจ่ม CPF-SPALI วันนี้วิ่งทิ้งทวนก่อนแขวน XD 23 ส.ค. เชื่อนักลงทุนสนใจ CPF ปันผล 0.50 บาท และ SPALI ปันผล 0.30 บาท ส่วน SPALI เป้าหมาย 14.30 บาท มองครึ่งปีหลังมีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-08-2010)
MINT มั่นใจกำไรปีนี้โต 20% ปลายปีโอนโครงการ St. Regis กว่า 1.5 พันล้าน MINT ลั่นกำไรปีนี้โต 20% คาดปลายปีโอนโครงการ St.Regis จำนวน 6 ยูนิต มูลค่า 1,500 ล้านบาท พร้อมเล็งซื้อกิจการเพิ่ม 1-2 แห่ง ทั้งธุรกิจอาหารและโรงแรม ส่วนแผน 5 ปี ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 40% จากปัจจุบัน 20% “ปรารถนา” มองธุรกิจอาหารเติบโต เชื่อเป็นรายได้หลักในไตรมาส 3/53 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-08-2010)
BIGC ปัดตอบซื้อคาร์ฟูร์ฟุ้งกำไรโตไม่ต่ำกว่า10% BIGC ปัดตอบซื้อคาร์ฟูร์ อ้างอยู่ที่บอร์ดบริษัทแม่ ด้านผลการดำเนินงานปีนี้ คาดยอดขายโต 3% ลดลงจากเป้าเดิมโต 4-5% หลังปิดสาขาราชดำริ แต่มั่นใจกำไรปีนี้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เล็งกลับมาเปิดบริการบิ๊กซี ราชดำริไตรมาส1/54 ส่วนงบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ 1.8 พันล้านบาท เพื่อใช้เปิดสาขาใหม่อีก 3-4 สาขา (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ - หุ้นมะกันร่วงหนัก ฉุดน้ำมันลด99เซนต์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯลดลง 144.33 จุด ปิดที่ 10,271.21 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 99 เซนต์ ไปปิดที่ระดับ 74.43 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์.....

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯวันที่ 19 ส.ค. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,271.21 จุด ลดลง 144.33 จุด หรือ 1.39% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,178.95 จุด ลดลง 36.75 จุด หรือ 1.66% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,075.63 จุด ลดลง 18.53 จุด หรือ 1.69% ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 99 เซนต์ ไปปิดที่ระดับ 74.43 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ด้านตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 5,211.29 จุด ลดลง 91.58 จุด หรือ 1.73% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 6,075.13 จุด ลดลง 111.18 จุด หรือ 1.80% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,572.40 จุด ลดลง 75.53 จุด หรือ 2.07% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 75.30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลง ลดลง 1.17 ดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ที่ 1,233.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปรับขึ้น 4.10 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนตลาดลอนดอน ปิดที่ 1,233.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปรับขึ้น 1.40 ดอลลาร์สหรัฐ.

FSS: ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.1% บ่งชี้เศรษฐกิจมีแนวโน้มอ่อนแอ สำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอร์ด เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐในเดือนก.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.1% น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มอ่อนแอในช่วง 3 - 6 เดือนข้างหน้า (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-08-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งแตะ 500,000 ราย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 500,000 ราย ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2552 ที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งแตะระดับ 500,000 คน สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทสหรัฐยังคงลดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-08-2010)
จีน: จีนเตรียมคลอดแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเทเลคอมและการประหยัดพลังงาน รัฐบาลจีนกำลังเร่งร่างแผนประหยัดพลังงานในส่วนของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาแห่งชาติฉบับที่ 12 สำหรับในอีก 5 ปีข้างหน้าจาก พ.ศ. 2554 - 2558 ซึ่งมีกำหนดประกาศใช้ภายในปีนี้ เนื่องจากความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมโมบายอินเทอร์เน็ตของจีน กำลังมีปัญหาการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-08-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้เผยอัตราหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 2 พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี สำนักงานตรวจสอบด้านการเงินของเกาหลีใต้ (FSS) เปิดเผยว่า อัตราหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ในเกาหลีใต้พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีในไตรมาส 2 อันเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างหนี้ขององค์กร รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา โดยอัตราหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ 18 แห่งในประเทศมีมูลค่ารวม 25.5 ล้านล้านวอน (2.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาส 2 ซึ่งสิ้นสุดที่เดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นจากระดับ 18.9 ล้านล้านวอน (1.61 หมื่นล้านดอลลาร์)ในไตรมาสแรก (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-08-2010)
เอเชีย: ไต้หวันเผยเศรษฐกิจขยายตัว 12.53% ในไตรมาสสอง หลังอุปสงค์ต่างประเทศแข็งแกร่ง สำนักงบประมาณ การบัญชี และสถิติของไต้หวันเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสสองปีนี้ ขยายตัว 12.53% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากความต้องการสินค้าส่งออกของไต้หวันในตลาดต่างประเทศยังคงแข็งแกร่ง โดยเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันที่เศรษฐกิจขยายตัว นับตั้งแต่ที่ไต้หวันหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น