Code 140 : SET ถึงดวงดาวแล้ว แตะที่ 900 จุด

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม 2553

ATT Code : SET ถึงดวงดาวแล้ว แตะที่ 900 จุด
SET เช้านี้เปิดที่ 899.33 จุด บวกไป 5.41จุด และก็ไปแตะ 900 จุดจนได้ตอน 11.30 น. ชนแนวต้านที่ BB Top พอดี เป็นอะไรที่ลุ้นกันอยู่นานพอควร แต่ก็ต้องดูกันต่อว่าจะสามารถปิดเหนือ 900 ได้อยู่หรือไม่ โดยปิดภาคเช้าที่ 899.99 จุด +6.07 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 16,581 ล้านบาท

เปิดช่วงบ่ายก็ยังมีแรงขายตัวใหญ่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง กดดันให้ SET ลงไปลบ 2 จุด ที่ 891.85 จุด ก่อนที่จะ Rebound มาบวกนิดหน่อย 0.86 จุด ปิดที่ 894.78 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35,161 ล้านบาท ทำให้ SET ทำได้แค่เห็นดวงดาวที่ 900 จุด แต่ยังไม่สามารถไหว่คว้าให้ยืนเหนือ 900 จุดได้ ดังนั้นพรุ่งนี้ยังคงต้องติดตามกันต่อว่า จะสามารถไหว่คว้า 900 จุด มาครองได้หรือไม่

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS:เน้นเลือกเทรดดิ้งเป็นรายตัวไปก่อน จังหวะซื้อจริงยังน่ารอตอนอ่อนตัว..
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ยังคงผันผวนและเน้นหนักทางด้านลบ หลังนักลงทุนวิตกต่อการชะลอตัวลงของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการคาดหวังอุปสงค์ของพลังงานด้วย ขณะที่ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นมามากพอควรในสัปดาห์ที่แล้ว และเริ่มมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมากดดัน SET ในวันสุดท้ายของสัปดาห์ ทำให้ FSS คาดว่าสัปดาห์นี้มีโอกาสที่ SET จะเริ่มแกว่งตัวผันผวนมากขึ้น และมีโอกาสที่จะเห็นดัชนีเคลื่อนไหวในด้านลบได้ด้วย อย่างไรก็ตามคาดว่าจะยังคงมีแรงซื้อเข้ามาเลือกซื้อเป็นรายหลักทรัพย์อยู่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มแบงก์ที่จะได้รับประโยชน์จากการขยับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในวันพุธที่ 25 ส.ค. นี้จะมีการประชุม กนง. ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าอาจจะมีการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ได้ นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มสื่อสารคาดจะมีแรงซื้อเก็งกำไร หลัง กทช. ยืนยันจะประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านคุณสมบัติได้ในวันที่ 15 ก.ย.นี้ และจะเปิดประมูลระหว่างวันที่ 20-28 ก.ย.ต่อไป ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานมีสิทธิที่จะมีแรงซื้อเก็งกำไร เพื่อลุ้นผลการกำหนดโครงการที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนายกฯ เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะพยายามให้แล้วเสร็จภายในต้นสัปดาห์นี้
กลยุทธ์: เข้าเทรดดิ้งในหุ้นที่มีข่าวดีรองรับได้ แต่ต้องระมัดระวังการแกว่งตัวผันผวนด้วย และไม่ควรไล่ซื้อหุ้นที่ราคาขยับขึ้นมาสูงมากแล้ว แต่แนะนำว่าน่าจะรอทยอยเข้ารับตอนอ่อนตัวดีกว่าโดยหุ้นที่น่าสนใจเป็นลำดับแรกๆ คือหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากๆ เช่น KCE, HANA, DELTA, SCB, TCAP, KBANK, BBL, SEAFCO, DCC, QH, LPN, SPALI, BANPU,ROJNA, MAJOR, TVO และ CPALL เป็นต้น
􀀔 ประเด็นสำคัญวันนี้
􀂃 (+) GDP 2Q10 ประกาศวันนี้ Consensus คาดว่า GDP ไทย +8% Y-Y, -1.4% Q-Q และคาดว่า กนง. จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันพุธนี้ ขณะที่ ก.คลังเล็งปรับเป้า GDP ปีนี้ขึ้นอีกเป็น 6% จากเดิมคาด 5.5% ส่วน ธปท. คาดการณ์ที่ 6.5% - 7.5% ตัวเลข GDP วันนี้อาจมี Positive surprise และหนุนตลาดได้ต่อ
􀂃 (0) จับตานายกฯประกาศ 18 ประเภทกิจการรุนแรงวันนี้ หากชัดเจน ผู้ที่ได้ประโยชน์(มากไปน้อย) คือ PTTCH, PTT, SCC, GLOW
􀂃 (+) Banks สินเชื่อเดือน ก.ค. ลดลง M-M รวม 7M10 สินเชื่อของกลุ่มเพิ่ม 2.85%YTD(ชะลอตัวลงจาก 6M10 ซึ่ง +3.4%YTD) นำโดย KTB ที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นแรง 7M10 ที่ 8%YTD แนวโน้มกำไร 3Q10 ลดลงราว 3%Q-Q (หากไม่รวมกำไรจากเงินลงทุน PPOPคาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 5-10% Q-Q) แนะนำ KBANK, SCB
􀂃 XD วันนี้ BAFS (0.18), BKI (2.75), CPF (0.50), IFEC (0.05), IT (0.14), JCT (1.75),JMART (0.06), MAJOR (0.20), OFM (0.08), SE-ED (0.10), SPALI (0.30), TOG
(0.10), WORK (0.32)
􀂃 XD พรุ่งนี้ AJ (0.15), BEC (0.65), BJC (0.25), CTARAF (0.1284), GOLDPF (0.306),GRAMMY (0.40), KCAR (0.36), KEST (0.25), LH (0.16), MJLF (0.225)
􀂃 Foreign Fund Flow วันศุกร์ที่ผ่านมายังไหลเข้า แต่ปริมาณไม่มาก โดยนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิในตลาดเกาหลีใต้และไทย แต่ยังขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน สำหรับ FundFlow ของสัปดาห์ที่ผ่านมากลับเป็นไหลเข้าเพียงเล็กน้อย แต่ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับไทลออกเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมากจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของเฟดที่มีการโยกเงินลงทุนจากตลาดอนุพันธ์ของอสังหาริมทรัพย์เข้าลงทุนในตลาดพันธบัตรระยะยาวสหรัฐส่งผลให้ราคาพันธบัตรปรับขึ้นมากทำให้เป็นโอกาสในการขายทำกำไรของประเทศผู้ถือพันธบัตรสหรัฐอย่างเช่น จีน ที่ขายพันธบัตรสหรัฐเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าเอเชียทั้งตลาดพันธบัตรและตลาดทุนและยังส่งผลให้ค่าเงินเอเชียแข็งค่าเป็นอย่างมาก สำหรับสัปดาห์นี้เราคาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติน่าจะยังไหลเข้าต่อเนื่อง แต่ปริมาณไม่มาก เนื่องจากคาดว่าการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญในสัปดาห์นี้และค่าเงินยูโรปที่อ่อนค่าจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นในระยะสั้นนี้ ขณะที่ค่าเงินบาทยังแข็งแกร่งอยู่ที่ 31.5-31.52 บาท/ดอลลาร์

ข่าวภายในประเทศ
􀂃 CEN: คว้า3พันล้านก่อสร้างโรงไฟฟ้าเซ็นสัญญาก.ย.นี้ CEN จ่อเซ็นงานโรงไฟฟ้ามูลค่า 3,000 ล้านบาท กลางเดือนก.ย.นี้ หนุนรายได้ปีหน้าโตก้าวกระโดด แย้มอยู่ระหว่างการยื่นประมูลงานใหม่อีก 2-3 โครงการ “เอื้อวิทยา” คว้างานผลิตเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของ LOXLEY มูลค่า 310 ล้าานบาท ทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ 70% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-08-2010)
􀂃 PRIN: กำไรนิวไฮรอบ 10 ปี “ปริญสิริ” ฟุ้งกำไรสุทธิปีนี้สูงสุดรอบ 10 ปีนับแต่ตั้งบริษัทมา รับแรงหนุนโอนคอนโดกำไรสูงขึ้น ดันรายได้พุ่งตามเป้า 5,000 ล้านบาท ต้นทุนค่าใช้จ่ายลดลง โชว์แบ็กล็อกบุ๊คครึ่งปีหลัง 1,478 ล้านบาท ยอดขายปีนี้ตามนัด 5,500 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น23-08-2010)
􀂃 BCP: “บางจาก”ผนึกพันธมิตรลุยเอทานอล เล็งลงทุนกว่า1.5 พันล้าน ลดสัดส่วนโรงกลั่นเหลือ 40% “บางจาก”เตรียมสรุปดีลซื้อโรงงานเอทานอลไตรมาส 3/53 แย้มจับมือพันธมิตรอย่างน้อย 2 ราย กำลังการผลิตเอทานอลเพียบ รองรับความต้องการใช้ของบางจากและเตรียมแผนส่งออก “อนุสรณ์” เผยเตรียมเงินไว้ลงทุน 1,500 ล้านบาท พร้อมเร่งหั่นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงกลั่นเหลือ 40% จากเดิม 70% โอดค่าการกลั่นผันผวน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-08-2010)
􀂃 SGP: เปิดเกมรุกไล่ซื้อกิจการตปท. ดันสัดส่วนรายได้เป็น 50% มั่นใจสรุปภายในไตรมาส 3 สยามแก๊ส เผยปีหน้าเล็งซื้อกิจการใหม่ในต่างประเทศ 3-4 แห่ง หวังดันสัดส่วนรายได้ตปท. แตะ 50% ดีลเทกโอเวอร์จีน เสร็จสิ้นเดือนก.ย.นี้ โปรยยาหอมปี 54 ปรับเป้าผลประกอบการเติบโต 25% เนื่องจากรับรูร้ ายไดต้ ่างประเทศเขา้ มาเต็ม ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 15% เหตุครึ่งปีหลังผลประกอบการเด้งกว่าครึ่งแรก ตามสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 23-08-2010)


ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ระวังแรงขายทำกำไร!!
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 20 ส.ค.53 ปิดที่ 893.92 จุด เพิ่มขึ้น 2.69 จุด หรือ 0.30% มีมูลค่าการซื้อขาย 40,235.02 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,870.12 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด TRUE ปิดที่ 6.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท, PTT ปิดที่ 266.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, CPF ปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท, JAS ปิดที่ 1.46 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท และ QH ปิดที่ 2.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท นักลงทุนฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ดันดัชนีปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ตลาดยังมีความคาดหวังต่อกลุ่มพลังงาน เนื่องจากในวันที่ 23 ส.ค.นี้ น่าจะได้ข้อสรุปของปัญหามาบตาพุด

มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าว่า ดัชนีน่าจะทรงตัว หรือมีโอกาสปรับตัวลงได้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่ยังต้องติดตามกิจการรุนแรงกรณีปัญหามาบตาพุด ในวันที่ 23 ส.ค. เนื่องจากประเด็นนี้มีผลต่อจิตวิทยาการลงทุน

ขณะที่แนะให้นักลงทุนเทขายทำกำไรเมื่อดัชนีปรับตัวขึ้น และรอเข้ามาซื้อกลับเมื่อดัชนีปรับตัวลดลง ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 885-880 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 898 จุด

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน คาดตลาดหุ้นสัปดาห์หน้า คาดว่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 880-900 จุด โดยนักลงทุนยังคงต้องติดตามปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก เพราะจะส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนโดยตรง รวมทั้งการประชุมร่วมกรรมการ 4 ฝ่าย เพื่อแก้ไขปัญหามาบตาพุด

แนะกลยุทธ์การลงทุน หากดัชนียังสามารถยืนเหนือ 880 จุดได้ ให้นักลงทุนถือไว้เพื่อรอขาย เมื่อดัชนีขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 900 จุด

ขณะที่ "วิเชฐ ตันติวานิช" รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ต้องจับตาการซื้อขายหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการประมูลใบอนุญาต 3 จี เพราะข่าวสารที่ออกมาจะเป็นตัวกระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรจำนวนมาก จนทำให้ราคาปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ต้องระมัดระวัง หากพบหุ้นตัวใดมีการเคลื่อนไหวผิดปกติโดยไร้สาเหตุ อาจจำเป็นต้องเข้าไปสอบถาม หรือหากผิดปกติมากก็อาจเข้าไปตรวจสอบ หรือติดตามอย่างใกล้ชิด

โดยเตือนให้นักลงทุนที่จะเข้ามาเก็งกำไรหุ้นเหล่านี้ ต้องระมัดระวังและกลั่นกรองว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงข่าวลือ หรือการลงทุนจริง!!

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
􀂃 จีน: นักเศรษฐศาสตร์คาดดัชนี CPI จีนเดือนส.ค.พุ่งเหนือ 3.3% ระบุจีนยังถูกกดดันจากเงินเฟ้อ นายเหลียน ปิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากแบงค์ ออฟ คอมมูนิเคชัน ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของจีน คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อภายในประเทศ จะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุด ก่อนที่จะชะลอตัวลงในอีก 2-3 เดือนหลังจากนั้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 23-08-2010)
􀂃 เอเชีย: เงินเยนพุ่งเช้านี้หลังจีดีพีญี่ปุ่นชะลอตัว ขณะดอลล์ออสเตรเลียร่วงหนักจากความกังวลเรื่องการเมือง ค่าเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวช่วงเช้าวันนี้ (23 ส.ค.) เนื่องจากสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อเงินเยนเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ 15 สกุลเงินที่เป็นคูค่ ้าหลักของญี่ปุ่น หลังจากญี่ปุ่นเผยจีดีพีไตรมาส 2 ปีนี้ ขยายตัว 0.4% ต่อปี แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 2.3% ต่อปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-08-2010)
􀂃 เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยผลผลิตเหล็กดิบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 20% เทียบรายปี แต่ลดลง 1% เทียบรายเดือน สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าแห่งญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลผลิตเหล็กดิบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 20.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 9.22 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน และอยู่เหนือระดับ 9 ล้านตันเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกไปยังจีนและกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าปีที่แล้ว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-08-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น