Code145:ลุ้นวิ่งต่อ เพราะบาทแข็ง

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม 2553

ATT Code :ลุ้นวิ่งต่อ เพราะบาทแข็ง

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย เชื่อสัปดาห์หน้ามีลุ้นหุ้นไทยวิ่งต่อ เหตุปัจจัยชี้นำในประเทศยังดี แนะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อธปท.และกระทรวงพาณิชย์ ความคืบหน้าประมูล3จี ให้แนวรับที่ 882-875 จุด และแนวต้านที่ 923-934 จุด

ปิดตลาดหุ้นไทย ซื้อขายกว่า40,000ล้าน

ปิดการซื้อ-ขาย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาด 909.65 จุด เพิ่มขึ้น 9.28 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 40,127.45 ล้านบาท...ต่างชาติซื้อ 1113.39 ลบ. สถาบันซื้อ 962.45 ลบ.พอร์ตบล.ซื้อ 465.03 ลบ.รายย่อยขาย 2540.89 ลบ.

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำวันจันทร์ที่ 30 ส.ค. 2553 ปิดตลาดที่ระดับ 909.65 จุด เพิ่มขึ้น 9.28 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 40,127.45 ล้านบาท หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 211 หลักทรัพย์ ลดลง 168 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 122 หลักทรัพย์

สำหรับ 5 อันดับซื้อขายสูงสุดประจำวันนี้ ได้แก่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) , บริษัท ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) , บริษัทโทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) , บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) และบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

----------------------------------------------------------------------------------
ลุ้นหุ้นไทยวิ่งต่อสัปดาห์หน้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เชื่อสัปดาห์หน้ามีลุ้นหุ้นไทยวิ่งต่อ เหตุปัจจัยชี้นำในประเทศยังดี แนะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อธปท.และกระทรวงพาณิชย์ ความคืบหน้าประมูล3จี ให้แนวรับที่ 882-875 จุด และแนวต้านที่ 923-934 จุด

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานภาวการณ์เคลื่อนไหวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สัปดาห์ที่ผ่านมา (23-27 ส.ค.) ว่า ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 900.37 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.31% จาก 893.92 จุด ในสัปดาห์ก่อนหน้า และพุ่งขึ้น 22.58% จากสิ้นปี 2552 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้น 10.05% จาก 181,058.02 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 199,255.16 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นจาก 36,211.60 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 39,851.03 ล้านบาท โดยนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิที่ 3,365.12 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบัน บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 3,158.81 ล้านบาท 187.78 ล้านบาท และ 18.52 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ปิดที่ 254.27 จุด ขยับขึ้น 0.74% จาก 252.11 จุด ในสัปดาห์ก่อนหน้า และปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.10% จากสิ้นปีก่อน

ดัชนีหุ้นไทยปิดเหนือ 900 จุดได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังแกว่งตัวผันผวนในระหว่างสัปดาห์ โดยดัชนีปิดบวกได้เล็กน้อยในวันจันทร์ หลังจากในช่วงบ่ายมีแรงขายหุ้นกลุ่มหลักอย่างพลังงานออกมา เนื่องจากการแก้ปัญหาโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดยังไม่มีความชัดเจน ทว่าในวันอังคาร ดัชนีปรับตัวลดลง หลังดัชนียังไม่สามารถผ่านระดับ 900 จุดไปได้ จึงทำให้มีแรงเทขายทำกำไร นำโดยกลุ่มพลังงาน แต่แรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ และเทคโนโลยี ช่วยพยุงตลาดไม่ให้ปรับตัวลดลงมากนัก ส่วนในวันพุธ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนก่อนจะปิดลดลง โดยยังไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ในตลาด อย่างไรก็ตาม ดัชนีปิดปรับตัวขึ้นอีกในวันพฤหัสบดี โดยมีแรงซื้อสลับกับแรงขายหุ้นเป็นระยะๆ ขณะที่มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาในช่วงท้ายตลาด หลังศาลปกครองกลางนัดตัดสินคดีมาบตาพุดในวันที่ 2 ก.ย. จากนั้น ดัชนีสามารถปิดขึ้นเหนือระดับ 900 จุดได้ในวันศุกร์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี จากแรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มหลักเกือบทุกกลุ่ม

สำหรับแนวโน้มใน สัปดาห์นี้ (30 ส.ค.-3 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นต่อได้ตามปัจจัยชี้นำจากในประเทศเป็นหลัก ซึ่งน่าจะทำให้มีแรงเก็งกำไรในหุ้นหลายกลุ่ม โดยปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจและเงินเฟ้อโดยธปท.และกระทรวงพาณิชย์ ความคืบหน้าการยื่นซองประมูลใบอนุญาต 3G และคำตัดสินคดีโครงการในพื้นที่มาบตาพุดในวันที่ 2 ก.ย. รวมถึงการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ส่วนปัจจัยในต่างประเทศ ได้แก่ ทิศทางราคาน้ำมัน และความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นภูมิภาค รวมทั้งการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ (เครื่องชี้ตลาดแรงงาน) และจีน (ดัชนี PMI)

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 882 และ 875 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 923 และ 934 จุด ตามลำดับ.


----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ทะยานสูงสุด!!
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 27 ส.ค.53 ปิดที่ 900.37 จุด เพิ่มขึ้น 14.27 จุด ทำนิวไฮรอบ 2 ปี 10 เดือน นับเป็นระดับปิดตลาดสูงสุดในรอบ 2 ปี 10 เดือน นับจาก 1 พ.ย.50 ซึ่งดัชนีอยู่ที่ 902.73 จุด ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย 43,609 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 670.54 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด PTTEP ปิดที่ 141 บาท ลดลง 1 บาท, TMB ปิด 2.56 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท, JAS ปิด 1.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท, CPF ปิด 26 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท และ PTT ปิด 258.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ชี้ว่าการฟื้นตัวขึ้นของหุ้นไทยแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังได้รับอานิสงส์จากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากอัตราเเลกเปลี่ยนเงินบาทที่ยังคงส่งสัญญาณแข็งค่าต่อไป

มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าว่า แม้จะมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนบรรยากาศการลงทุนในหุ้นแต่ละกลุ่ม แต่การขยับตัวขึ้นของดัชนี จะมีแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นออกมาของนักลงทุนบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยง หลังดัชนีปรับขึ้นมายืนในระดับสูง

สำหรับปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตาม คือวันที่ 27-28 ส.ค.นี้ คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯเตรียมจะมีการหารือเพื่อหาทางออกให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงมีความเปราะบางสูง ซึ่งต้องจับตาดูว่าจะมีมาตรการใดออกมาดูแลเพิ่มเติมบ้าง ส่วนการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นมากนัก เพราะตลาดได้มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าตัวเลขจะออกมาต่ำ ขณะที่ 30 ส.ค. กระทรวงการคลังจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทย เดือน ก.ค.53

ด้านเทคนิคให้แนวต้านไว้ที่ 910 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 890 จุด กลยุทธ์การลงทุน แนะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และหากดัชนียังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ให้หาจังหวะขายทำกำไรหุ้นรายตัวออกมา

ปิดท้าย โฟกัสหุ้นรายตัว หุ้น DTAC ที่ยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องนั้น บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า DTAC เป็นหุ้นที่น่าสนใจ เนื่องจากคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานที่เป็นเงินสดไตรมาส 3 จะแข็งแกร่งมาก ส่วนกำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตก้าวกระโดด เพราะเป็นช่วง High Season ของการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่

ด้าน บล.กรุงศรีอยุธยา ชี้ว่า DTAC เป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลดีมากสุดจากต้นทุนการบริหารที่ลดลง เมื่อเปลี่ยนไปใช้โครงข่าย 3 จี ทั้งนี้ แนะ "เก็งกำไร" DTAC และแนะ "ซื้อ" ADVANC โดยให้มูลค่าพื้นฐานปี 54 ที่ 46.5 และ 114 บาท ตามลำดับและกรณีรวมผลบวกจาก 3 จี จะมีมูลค่าพื้นฐานที่ 59.5 บาท และ 136 บาท ตามลำดับ!!


----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น