Code 143 : ทยอยซื้อตามแนวรับ

วันพฤหัสที่ 26 สิงหาคม 2553

ATT Code : ทยอยซื้อตามแนวรับ
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นมีความผันผวมบวกกับมีแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดเล็กเข้ามา โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ 3G มีผลให้ Sentiment ของตลาดเกิดแรงขายในหุ้นตัวอื่นๆ ตามมาด้วย ทำให้เกิดสัญญาณในการพักตัวเกิดขึ้น โดยมีแนวรับอยู่ที่เส้น 5 วัน ที่ 880-881 จุด และแนวต้านอยู่ที่ BB TOP ที่ 899-900 จุด โดยควรต้องดูหุ้นตัวใหญ่ในกลุ่มพลังงานและกลุ่มแบงค์ประกอบด้วย เพราะจะเป็นดัชนีที่สำคัญในการชี้นำตลาด

เช้านี้ SET เปิดที่ 887.08 จุด +3.50 จุด โดยช่วงเช้าขึ้นไป High ที่ 886.10 จุด + 5.20 จุด โดยช่วงบ่ายนั้นเรื่องของมาบตาพุดยังไม่มีอะไรคืบหน้า ศาลเพิ่งเริ่มพิจารณาตั้งแต่ 13.30 น ทำให้มีแรงขายเข้ามาในช่วงก่อนปิดตลาดครึ่งชั่วโมง กดดัน SET ลงไปลบนิดหน่อย -1.82 จุด ที่ 882.69 จุด แต่ก่อนจะปิดตลาด ศาลปกครองกลาง นัดฟังคำพิพากษาคดีมาบตาพุด 2 ก.ย.นี้ ... ก็ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาดันให้ SET ขึ้นมาบวกได้ 1.59 จุด ที่ 886.10 จุด สามารถยืนอยู่ใกล้เคียงกับเส้น 10 วันได้ ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 32,684 ล้านบาท ที่น่าสังเกตุคือมี Big Lot เข้ามาในหุ้น PTT เป็นระลอกๆ
แนวโน้มในวันพรุ่งนี้ก็ถ้า SET ยังสามารถยืนอยู่เนือเส้น 10 วัน ที่ 886 ได้ ก้มีโอกาสที่จะไปต่อได้ ที่ 890 และ 899 จุด แต่ถ้ามีแรงขายลงมา ก็ให้ซื้อตามแนวรับที่ 880-882 จุด

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
26 สค. 53 ( -5.94 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ต้องไม่ต่ำกว่า 874 จุด
แนวโน้มในวันพฤหัสนี้ ดัชนี “อาจจะ” ปรับตัวลงต่อเล็กน้อยแถว 877 – 880 ใกล้จุดสูงสุดของวันพุธ
แต่ตราบใดไม่ต่ำกว่า 874 จุด ถือว่าดัชนียังมีโอกาสปรับตัวกลับขึ้นไปแถว 895 – 900 ใกล้จุดสูงสุดของสัปดาห์นี้ได้ สำหรับภาพสอง สามวันข้างหน้านี้ และตลาดน่าจะอยู่ในช่วงของการ ย่ำฐานประมาณ 880 – 900 จุด อีกนานหลายวัน เพื่อรอการปรับตัวขึ้นต่อไป ...
อย่างไรก็ตามการปรับตัวลง ต่ำกว่า 874จุด จะถือเป็นสัญญาณการปรับฐานใหญ่ของตลาดแถว 820 – 860 จุด .... รอดูโครงสร้างภาพอีกครั้ง ??

ปรับตัวขึ้น 898 - 900
แล้ว "อาจจะ" แกว่งตัวในกรอบ 885 - 900 ตลอดทั้งสัปดาห์
เพื่อรอขึ้น 930 - 935 หนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า

แต่ถ้าเกิน 900.78 จุดสูงสุดเดิมของสัปดาห์นี้ได้
อาจขึ้นต่อ 930 - 935 จุด ได้เลย ?


STEC
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะ
ชั่วโมง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 12.10 กรอบ
บนของสามเหลี่ยม เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน
13.30 – 13.80
( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 11.30 )

BLAND
ทยอยซื้อแถว 0.88 – 0.90 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 0.91 จุดสูงสุดวันพุธ
เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 0.97 – 1.02
( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 0.87 )
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ซื้อขายนิวไฮรอบ 10 เดือน!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 25 ส.ค.53 ปิดที่ 884.51 จุด ลดลง 5.94 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 49,390.63 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 เดือน นับตั้งแต่ 15 ต.ค.52 ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 53,773.90 ล้านบาท ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิ 510.57 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด JAS ปิดที่ 1.64 บาท ลดลง 0.10 บาท, TMB ปิด 2.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท, BTS ปิด 0.87 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท, SSI ปิด 1.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.07 บาท และ TRUE ปิด 7.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

นักลงทุนกระจายตัวเล่นไปในหุ้นรายตัวรายกลุ่มตามที่มีข่าวเข้ามากระทบทั้งหุ้นสื่อสารที่ยังคงมีแรงเก็งกำไรกับเรื่องประมูลคลื่นความถี่ 3 จี หรือ

หุ้น TMB ที่ยังเล่นกันไม่เลิกกับความคืบหน้าการขายหุ้นของกระทรวงการคลัง ขณะที่ยังมีความกังวลกับกรณีรัฐบาลอินโดนีเซียจะฟ้องเรียกค่าเสียหายกับ PTTEP จากกรณีแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรั่วที่แหล่งมอนทารา รวมทั้งกรณีการประกาศกิจการที่ส่งผลกระทบรุนแรงกรณีมาบตาพุด

ส่วนการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง.ก็เป็นไปตามที่คาดไม่น่ามีผลกระทบต่อตลาดมากนัก

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส มองแนวโน้มตลาดระยะสั้น เชื่อว่า มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยนักลงทุนรอดูความชัดเจน ทั้งกรณีมาบตาพุดและติดตามการรายงานสต๊อกน้ำมันของสหรัฐฯและทิศทางของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เพราะอาจมีผลชี้นำต่อทิศทางตลาด

แนะกลยุทธ์การลงทุน หากถือหุ้นที่มีต้นทุนต่ำ แนะให้ "ถือต่อ" ส่วนนักลงทุนที่จะเข้าซื้อใหม่ต้องปรับกลยุทธ์ ต้อง "เล่นรอบให้เร็วขึ้น" ด้านเทคนิคประเมินกรอบแนวต้านไว้ที่ 895-900 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 880 จุด ซึ่งไม่ควรหลุดระดับ 880 จุด หากหลุดภาพตลาดจะไม่ดีนัก

ปิดท้าย "มนตรี ศรไพศาล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง เผยว่า ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีปีนี้ขึ้นเป็น 925 จุด จากเดิม 900 จุด เชื่อว่าหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นหลังแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวดี อุตสาหกรรมต่างๆฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด โดยเฉพาะส่งออกที่ฟื้นตัวก่อน ตามด้วยทองเที่ยว

ทำให้คาดการณ์ว่ายังมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง และปีหน้าก็มีโอกาสได้เห็นดัชนีที่ 1000 จุด ได้ไม่ยาก.

FSS:ตลาดใกล้ 880 แล้วเลือกหุ้นทยอยเข้ารับได้ แต่จำกัดพอร์ตเพื่อลุ้นต่ำลงอีก..
แนวโน้ม: เช้านี้ตลาดหุ้นต่างประเทศรีบาวด์กลับขึ้นกันเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาเสริม โดยล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐยังออกมาอ่อนแอเกินคาดต่อเนื่อง จึงคาดว่าเป็นเพียงแรงซื้อเก็งกำไรหลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงมาพอควรในช่วงสัปดาห์นี้ ดังนั้นการขยับขึ้นจึงยังมีกรอบค่อนข้างจำกัด และต้องติดตามดูการประชุมของกลุ่มผู้นำจากธนาคารกลางทั่วโลกที่เฟดจัดขึ้นที่สหรัฐในช่วงวันที่ 27-29 ส.ค.นี้ ว่าจะมีถ้อยแถลง หรือมาตรการใดออกมาช่วยเสริมความมั่นใจของนักลงทุนได้หรือไม่ ส่วน SET เราคาดว่าจะยังแกว่งตัวผันผวนแต่ก็มีโอกาสลุ้นรีบาวด์กลับขึ้นไปเคลื่อนไหวในด้านบวกได้ตามตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตามในจังหวะบวกขึ้นก็ยังต้องตามระวังแรงขายกดกลับไว้ด้วย โดยในบ้านเราวันนี้จะมีประเด็นติดตามเรื่องการนัดพิจารณาคดีโครงการในมาบตาพุด ของศาลปกครองกลาง ซึ่งนายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนแจ้งว่าคงจะยังไม่มีการตัดสินใดๆ ในวันนี้ และต้องรอดูว่าจะมีฝ่ายใดยื่นข้อมูลใหม่ให้ศาลฯ พิจารณาหรือไม่ โดยฝ่ายของผู้ร้องคาดว่าจะไม่มีการยื่นข้อมูลใหม่ แต่ฝ่ายของรัฐและผู้
ถูกร้อง แจ้งเตรียมนำเรื่องการจัดประเภทกิจการที่รุนแรงซึ่งผ่านการประชุมไปเมื่อวันจันทร์เข้ายื่นต่อศาลฯ ก่อน เนื่องจากการประกาศอย่างเป็นทางการอาจล่าช้าเพราะต้องรอส่งให้ ครม.รับทราบเสียก่อน ดังนั้นประเด็นมาบตาพุดที่ยังยืดเยื้อจึงอาจจะยังเป็นประเด็นที่กดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานให้ดีดกลับขึ้นได้ยาก นอกจากนี้ในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ทางองค์กรอิสระ(NGOs) ยังเตรียมที่จะไปประท้วงปิดล้อมนิคมอุตสาหกรรมบางแห่งในระยอง เพื่อคัดค้านผลการแบ่งประเภทกิจการรุนแรงของคณะ กก.สิ่งแวดล้อมที่ออกมาใหม่นี้ด้วย
กลยุทธ์: สามารถเลือกหุ้นเข้าทยอยรับตอนราคาปรับตัวลงได้ แต่ยังแนะนำให้จำกัดพอร์ตไว้ก่อนโดยเน้นหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ได้แก่ KBANK, SCB, BAY,TCAP, KCE, HANA, DELTA, QH, SIRI, SPALI , LPN, DCC, ROJNA และ GFPT เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) วันนี้ 13.30 น. ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนคดีมาบตาพุดครั้งสุดท้ายก่อนนัดฟังคำพิพากษาต่อไป ที่สุดแล้ว ประเด็นมาบตาพุดต้องรอ นายก/ครม.ประกาศประเภทโครงการที่รุนแรง หลังจากนั้นเอกชนจึงไปยื่นปลดล็อกหากไม่มีชื่ออยู่ในโครงการที่รุนแรง หากมาบตาพุดมีความชัดเจน ไม่เพียง PTTCH, PTT, SCC, GLOWที่ได้ประโยชน์โดยตรง จะเป็นผลดีกับ TTCL, TRC, QLT, TNDT, VNG และแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อให้โครงการต่างๆ ด้วย
(+) กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด หลังมองว่าเงินเฟ้อปี 2554 มีแนวโน้มแตะระดับ 3% ซึ่งต้องดูแล คาดสิ้นปีนี้ดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 2% ติดตามวันที่ 28 ต.ค. ว่าธปท. จะปรับเป้า GDP หรือไม่ ดอกเบี้ยที่ขึ้นเป็นบวกกับกลุ่มแบงก์ (แนะนำ SCB เพราะ
ราคาหุ้น laggard ที่สุดสวนทางผลประกอบการ 2H10 ที่จะดีขึ้นมาก) กลุ่มบันเทิง(BEC, MCOT) ค้าปลีก (CPALL, HMPRO, BIGC, MAKRO, GLOBAL)
(+) TRUE แต่งตั้ง SCB เป็นที่ปรึกษาการเงินโครงการ 3G แม้ว่าจะมี SCB สนับสนุนเงินกู้แต่เราเชื่อว่า TRUE ยังมีความจำเป็นต้องหาพันธมิตรหากจะเดินหน้า 3G ส่วน กทช. เผยล่าสุดมี 18 รายซื้อซองประมูล (1 บริษัทซื้อหลายซอง) ยืนยันประมูลวัน
แรก 20 ก.ย. เราเชื่อว่าสุดท้ายผู้ที่มีศักยภาพในการยื่นประมูลอาจเหลือเพียง ADVANC, DTAC, TRUE, SIM, LOXLEY, JAS แต่ผู้ที่ประมูลได้จะมีเพียง 3 ใน 6 รายนี้
XD วันนี้ มีหลายหุ้น ที่สำคัญมี AH (0.26), AS (0.43), BH (0.40), CPNRF(0.2435), FORTH (0.12), FUTUREPF (0.272), GLOW (0.735), SPPT (0.15) XD พรุ่งนี้ MONTRI (0.35), SPORT (0.10), VNG (0.15)
Fund Flow ไหลออกมากผิดปกติ เนื่องจากต่างชาติชายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวันเป็นอย่างมาก ขณะที่ซื้อสุทธิในเกาหลีใต้และอินโดนีเชียเล็กน้อยเนื่องจากตลาดยังเต็มไปด้วยปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว ประกอบกับการปรับลดอันดับความ
น่าเชื่อถือในฝั่งยุโรปและการพิจารณาเพิ่มเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยิ่งเป็นการตอกย่ำถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังจะเป็นไปอย่างยากลำบาก ทำให้ค่าเงินยูโรยังอ่อนค่า แต่ค่าเงินภูมิภาคเอเชียและค่าเงินบาทยังแข็งแกร่ง ก็ยังทำให้มั่นใจว่ากระแสเงินทุนต่างชาติยังไม่ได้ไหลออกอย่างแท้จริงเพียงพักตัวรอความชัดเจนของเศรษฐกิจมากกว่า

ข่าวภายในประเทศ
SCB หนุนทรูสู้ศึก 3G! หุ้นวิ่งท้าแคชบาลานซ์ JAS เทรดสนั่น 5.7 พันล้าน “พิชญ์” ไล่ซื้อราคา 1.69 บาท ค่ายทรูฯผนึกพันธมิตร SCBร่วมสู่ศึก 3G เชื่อฐานเงินทุนแข็งแกร่ง คลายแรงกดดันฐานทุนต่ำสุดกลุ่มสื่อสาร ดันหุ้น TRUE วิ่งรับข่าวดีราคาพุ่ง 7.30 บาท ท้าทายตลาดขึ้นป้ายแคสบาลานซ์ ส่วนหุ้น JAS เทรดสนั่น .57 พันล้านบาท รับผู้บริหาร“พิชญ์”ไล่ซื้อเพิ่มอีก 20 ล้านหุ้น ราคา 1.69 บาท เสี่ยงเจอแคสบาลานซ์ปลายสัปดาห์นี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-08-2010)
กนง.ตามนัดขึ้น 0.25% เงินเฟ้อปี 54 สูงกว่าเป้า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นดบ.อาร์/พี 1 วัน 0.25% เป็น 1.75%หลังเศรษฐกิจขยายตัว -แรงกดดันเงินเฟ้อยังต่ำ มองเงินเฟ้อพื้นฐานปีหน้าสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ 0.5-3% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-08-2010)
BWG ครึ่งหลังธุรกิจโตตามอุตสาหกรรมQ2โชว์ฟอร์มเจ๋งพลิกเป็นกำไร13.95ล้าน "สุวัฒน์"มั่นใจครึ่งหลัง BWG โชว์ฟอร์มเยี่ยม หลังอุตสาหกรรมประเทศ ขยายตัวต่อเนื่องแถมคุมต้นทุนอยู่หมัด หวังปีนี้พลิกจากขาดทุนกว่า 43 ล้านบาท มาเป็นกำไรสำเร็จ หลังไตรมาส 2 โชว์ผลงานสุดยอดกำไรพุ่งกว่า 159.16% พลิกจากขาดทุน 23.58 ล้านบาท มาเป็นกำไร 13.95 ล้านบาท หนุนผลงานครึ่งแรกพลิกขาดทุน 19.50ล้านบาท มามีกำไร 8.78 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-08-2010)
PB ปันผลระหว่างกาลจ่ายงาม 2.92 บาท/หุ้นครึ่งปีแรกกำไร 262 ล. “เพรซิเดนท์ เบเกอรี่” ใจดีอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 2.92บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้น หลังครึ่งปีแรกโกยกำไรสุทธิ 262.44 ล้านบาท พร้อมรุกตลาดเปิดสินค้าใหม่ ขยายศูนย์กระจายสินค้าอีก 40 แห่งทั่วประเทศและเพิ่มร้านค้าย่อยอีก 3,000-4,000 ร้าน จากเดิมมีอยู่ 32,000 ร้าน ดันรายได้ตามเป้า 4,500 ล้านบาท หรือโต 15% จากปีก่อน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-08-2010)
DCC รับไตรมาส 3 เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต15% แนะซื้อให้ราคา 45 บาท DCC รับไตรมาส 3/53 ชะลอตัว เนื่องจากเป็นช่วงโลซีซั่น บวกกับฤดูฝน ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ แต่มั่นใจดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน เชื่อกำลังการผลิตใหม่รองรับกำลังซื้อได้มากขึ้น “ชนะ”แย้มทิศทางครึ่งปีหลังยังเติบโตดี คงเป้ารายได้โต 15% ขณะที่โบรกแนะซื้อลงทุน เป้าหมาย 45 บาท คาดกำไรทั้งปีอยู่ที่ 1,310 ล้านบาท (ที่มา:นสพ.ข่าวหุ้น 26-08-2010)
TTCL คั่วงานใหม่มาบตาพุดหมื่นล้าน ลุ้นปัญหาสะเด็ดน้ำซะที ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท TTCL งานเข้าเพียบ ลุ้นมาบตาพุดจบลงด้วยดีจ่อยื่นประมูลงานกว่า 1 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 4/53 หนุนงานในมือสิ้นปีทะลุหมื่นล้าน จากที่มีอยู่ 7,000 กว่าล้านบาท รับรู้รายได้ปีนี้อย่างน้อย3,500-4,000 ล้านบาท ส่วนงานต่างประเทศคาดรู้ผลปลายปีนี้ ขณะที่เตรียมยื่นประมูลงานใหม่อีกหลายโครงการ ด้านโบรกฯ มองกำไรครึ่งปีหลังฟื้นตัว โอกาสได้งานใหม่สดใส ปรับราคาเหมาะสมเป็น 7.50 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 26-08-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ไทยรัฐ - ปิดหุ้นมะกันบวก น้ำมันเพิ่ม89เซนต์
หุ้นสหรัฐฯปิดตลาดดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 10,060.06 จุด เพิ่มขึ้น 19.61 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 72.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 89 เซนต์..... สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังยอดขายอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐยังไม่กระเตื้องขึ้น โดยดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 10,060.06 จุด เพิ่มขึ้น 19.61 จุด หรือ 0.20% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,141.54 จุด เพิ่มขึ้น 17.78 จุด หรือ 0.84% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,055.33 จุด เพิ่มขึ้น 3.46 จุด หรือ 0.33% ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 72.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 73.48 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์สหรัฐ.

FSS: ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สนง.งบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐเผยแผนกระตุ้นศก.หนุนยอดจ้างงาน Q2/53 เพิ่มขึ้น 3.3 ล้านตำแหน่ง สำนักงานงบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐ (CBO) เผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐช่วยหนุนให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นสูงสุด 3.3 ล้านตำแหน่งในไตรมาสสองของปีนี้ โดย CBO มีหน้าที่เปิดเผยรายงานรายไตรมาสเกี่ยวกับผลกระทบด้านการจ้างงานและผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากที่มีการใช้กฏหมายฟื้นฟูที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ลงนามบังคับใช้ไปเมื่อเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังมีส่วนทำให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาสสองขยายตัวขึ้นในระดับ 1.7 - 4.5% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-08-2010)
สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นเกินคาด 4.1 ล้านบาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 20 ส.ค. พุ่งขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล หรือ 1.2% สู่ระดับ 358.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 800,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.27 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 225.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 200,00 บาร์เรล เพิ่มขึ้น 4.1 บาร์เรล สู่ 358.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.76 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 176ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.0 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 2.3% เหลือเพียง 87.7% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-08-2010)
จีน: ธนาคารกลางจีนอนุมัติแบงค์ออฟเซี่ยงไฮ้ทำธุรกิจนำเข้าทองคำจากต่างประเทศ หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชี่ยล นิวส์ รายงานว่า ธนาคารกลางจีนได้อนุญาตให้ แบงค์ ออฟ เซี่ยงไฮ้ สามารถทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าทองคำจากต่างประเทศ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ธนาคารกลางจีนอนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์สามารถทำธุกรรมนำเข้าทองคำได้ หลังจากที่อนุญาตให้ธนาคารขนาดใหญ่ของรัฐ 4 แห่ง ทำธุรกรรมดังกล่าวในปี 2546 ครั้ง เคลื่อนไหวของธนาคารกลางครั้งนี้เป็นการช่วยให้ธนาคารพาณิชย์ของจีนมีช่องทางหารายได้และส่วนแบ่งในตลาดทองคำเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การผลิตทองคำของจีนครึ่งแรกของปี 2553 มีปริมาณ 159.24 ตัน เพิ่มขึ้น 8.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-08-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดส่งออกเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 23.5% แต่อัตราการขยายตัวชะลอลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดการส่งออกของญี่ปุ่นขยายตัวขึ้น 23.5% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 5.9528 ล้านล้านเยน แต่อัตราการขยายตัวของการส่งออกชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งสร้างความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักอาจจะชะลอตัวต่อเนื่องหากเงินเยนยังคงแข็งค่าต่อไป รายงานของกระทรวงการคลังระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ยอดการส่งออกเดือนกรกฎาคมดีดตัวขึ้นมาจากความต้องการรถยนต์ในตลาดต่างประเทศ ในขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 15.7% ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน สู่ระดับ 5.1786 ล้านล้านเยน ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้า 8.042 แสนล้านเยนในเดือนกรกฎาคม หรือเพิ่มขึ้น 2.2 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการมียอดเกินดุลการค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-08-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น