Code 134 : ยังเกาะติดเส้น 10 วัน ที่ 862

วันพุธที่ 11สิงหาคม 2553

ATT Code : ยังเกาะติดเส้น 10 วัน ที่ 862
เช้านี้ SET เปิดที่ 862.69 จุด และก็ปิดที่ 862.19 จุด โดยระหว่างวันก็มีทั้งบวกและลบสลับกันไป แต่สุดท้ายก็สามารถมายืนในแดนบวกได้ก็ต้องถือว่ายังมีลุ้นที่จะไปต่อได้ แต่ต้องดูว่ายุโรปเปิดมาลบประมาณ 1 % บวกับ DJ Future ก็ลบอยู่ 100 จุด ทำให้ต้องดูแนวรับหลักที่ 850 จุด เพราะ SET เปิดอีกทีก็วันจันทร์เลย ก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของการปิดทำการในวันพฤหัสและศุกร์ โดยมีแนวต้าน 5 วันอยู่ที่ 867 จุด

----------------------------------------------------------------------------------
ข่าวหุ้น:Breakingnews
11/08 09:02 - หุ้นเด่น บล.เอเชียพลัส
11/08 08:48 - 30 หุ้นฝรั่งไล่ซื้อ 30 หุ้นฝรั่งทิ้งวานนี้
11/08 08:34 - JUBILE จ่ายเงินปันผลครึ่งปี 0.15 บาท
11/08 08:26 - หุ้นเด่น จานร้อนเช้านี้
11/08 08:23 - หุ้นทคนิคเด่น แนวโนมขาขึ้น บล.ฟิลลิป
11/08 08:17 - PS ยอดขายโต ต้นทุนหด ดันกำไรไตรมาส 2 เพิ่ม 34%
11/08 08:10 - เฟดคงดอกเบี้ย เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด
11/08 08:04 - BANPU ไตรมาส 2 กำไรลดลงเล็กน้อย 4.7%
11/08 07:18 - ดอลล์ร่วงหลังเฟดเตรียมซื้อพันธบัตรระยะยาว
11/08 07:07 - สหรัฐฯเผยประสิทธิภาพการผลิตต่อปีในไตรมาสสองลดลง

----------------------------------------------------------------------------------
ข่าวหุ้น:วันนี้ดัชนียังผันผวนในกรอบแคบค่าบาทแข็ง โบรกแนะเลี่ยงหุ้นส่งออก
วันอังคารที่ 10 สิงหาคม 2010 เวลา 09:39:12 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.36 น. ค่าเงินบาทเมื่อเปรียบเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 31.96บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเล็กน้อย 0.02 บาท ขณะที่ตลาดเอเชียเช้านี้มีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนบวกและลบ ขณะที่ตลาดหุ้นไทย นักวิเคราะห์คาดดัชนียังผันผวนในกรอบจำกัด แนะเลี่ยงหุ้นส่งออก

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ตลาดรวมยังผันผวนในกรอบจำกัด เพื่อรอผลการประชุม FOMC ของเฟดในคืนวันนี้คาดยังน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำใกล้ศูนย์ต่อไป เนื่องจากภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังเปราะบางอยู่มาก สำหรับตลาดหุ้นไทยยังได้รับอานิสงส์จากกระแสเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง หากแต่การที่ SETI อยู่ในเขตภาวะซื้อมากเกินไปจะส่งผลให้ตลาดมีความผันผวน แม้เครื่องมือทางเทคนิคส่วนใหญ่ยังให้ค่าสัญญาณบวก ทำให้โอกาสการปรับขึ้นทดสอบเป้าหมายที่ 885 ยังเป็นไปได้ แต่ในช่วงก่อนวันหยุดยาวแบบนี้อาจมีนักลงทุนบางส่วนเตรียมลดความเสี่ยงโดยการทำกำไรระยะสั้นออกมาในช่วงตลาดปรับตัวขึ้นได้ โดยรวมจึงมอง SETI จะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดกลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นเลือกเล่นหุ้นรายตัวแบบ Selective trading เลือกหุ้นที่มีผลประกอบการดี / มีปันผลระหว่างการ หรือ ยังคง Laggard กลุ่ม/ตลาดเป็นหลักขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกได้ในที่สุดจึงต้องระมัดระวังการเข้าเก็งกำไรหุ้นกลุ่มส่งออกด้วย

แนวต้าน : 885-892 แนวรับ : 869-864

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ทางเทคนิคยังคงเป้าหมายกรอบ SET ในรอบนี้ที่ 890-910 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่า SET จะเริ่มลดแรงหนุนการปรับขึ้นในระยะสั้น และยังมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นขนาดใหญ่ (SCC SCCC PTTEP TTW) ในสัปดาห์นี้ แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงที่ดีสำหรับการสะสมหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ (LPN SPALI PS) สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ แนะนำ ซื้อสะสม SPALI ระดับ PE ต่ำสุดในกลุ่มฯ แต่มีผลตอบแทนเงินปันผลสูงสุด และ THAI ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 10 ส.ค.ปิดที่ 861.95 จุด ลดลง 13.23 จุด มูลค่าการซื้อขาย 33,404.90 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 149.31 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดระยะสั้น ขึ้นอยู่กับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะแสดงความเห็นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังอ่อนแออย่างไร รวมทั้งต้องติดตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศด้วย

แนะกลยุทธ์การลงทุนให้เทรดดิ้ง โดยเลือกหุ้นรายตัวที่มีแนวโน้มผลประกอบการขยายตัวดี ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 856-850 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 860-865-870 จุด

บล.เคที ซีมิโก้ แนะกลยุทธ์การลงทุน ลงซื้อ-ขึ้นขาย แต่นักลงทุนต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น ประเมินดัชนีมีแนวรับที่ 850 จุด ส่วนแนวต้าน 880 จุด

ปิดท้ายมีข่าวงานเปิดตัว บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ที่เปลี่ยนชื่อจาก บลจ.บีที หลังมีผู้ถือหุ้นใหม่ จากกลุ่มซีไอเอ็มบี ธนาคารใหญ่อันดับ 2 ของมาเลเซีย และพรินซิเพิล ไฟแนนเชียล กรุ๊ป บริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ ระดับโลก ติดอันดับ Fortune 500 ตั้งมานานกว่า 130 ปี โดยจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก และได้ประกาศรุกธนกิจกองทุนรวมในไทย

"อนุสรณ์ บูรณกานนท์" กรรมการผู้จัดการ บลจ. ระบุว่า บริษัทแม่ ตั้งเป้าให้นำซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เป็น บลจ.ชั้นนำที่มีมาตรฐานการบริหารระดับโลก โดยให้บริการผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ในอีก 3-5 ปี
ข้างหน้าตั้งเป้าก้าวสู่ตำแหน่ง 1 ใน 5 บลจ.ของไทย วัดจากสินทรัพย์ภายใต้ การบริหารงาน (AUM)

ดังนั้น ในอีก 2 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าขยาย AUM ให้ได้เป็น 5-6 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบัน 2.3 หมื่นล้านบาท

การเป็นองค์กรระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะทำให้บริษัทสามารถนำเสนอกองทุนรวมได้หลากหลาย ครบวงจร และเจาะตลาดประเทศต่างๆได้ดีขึ้น รวมทั้งการมีผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์สูงจะ
ช่วยสร้างความโดดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่ง!!

โดยบริษัทจะอาศัยจุดแข็งนี้ออกกองทุน "China-India- Indonesia Equity FIF" ในครึ่งหลังปีนี้ และเดือนนี้จะออกกองทุนตราสารหนี้เกาหลีทันใจ รวมทั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์.

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
"เฟด"คงอัตราดอกเบี้ยที่0.25%
ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือ "เฟด" ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 0.25 ต่อไป ระบุ "ดอกเบี้ยต่ำ"ยังมีความจำเป็นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve : Fed) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 0.25 ต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยระบุการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยแบบ "ต่ำเตี้ยติดดิน" เช่นนี้ยังคงมีความจำเป็นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

รายงานข่าวระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินกลางของสหรัฐฯ (Federal Open Market Committee : FOMC) ระบุในคำแถลงหลังเสร็จสิ้นการหารือที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า การคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 0.25 ซึ่งเป็นอัตราที่ "ต่ำที่สุด" ในประวัติศาสตร์การเงินของสหรัฐฯยังคงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อการ "ฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพ" ของเศรษฐกิจสหรัฐฯต่อไป พร้อมย้ำเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจะยังคงฟื้นตัวแบบ "ค่อยเป็นค่อยไป" แบบนี้อีกระยะหนึ่ง

ด้านเบน ชาลอม เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ วัย 56 ปีออกมาระบุว่า นอกเหนือจากการคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 0.25 ต่อไปแล้ว ทางคณะกรรมการเอฟโอเอ็มซียังเห็นชอบให้เฟดช่วยทำการอัดฉีดเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ตลาดการเงินอีกราว 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบด้วยเช่นกัน โดยยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนว่าเฟดจะใช้มาตรการดังกล่าวไปอีกนานเพียงใด.

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น