Code 142 : พักฐานต่อ

วันพุธที่ 25 สิงหาคม 2553

ATT Code : พักฐานต่อ
เช้านี้ SET เปิที่ 890.63 จุด ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวานเท่าไหร่ โดยมีการเก็งกำไรจากหุ้นที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง และตัวที่ได้รับผลประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเช่น SSI, TCJ เป็นต้น ส่วน PTTEP ที่ลงมาเยอะก็ได้รับผลกระทบจากข่าวที่รัฐบาลอินโดนีเซียเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่ามีแผนจะเรียกร้องค่าชดเชย US$2.23 พันล้าน (7หมื่นล้านบาท) กรณีทำน้ำมันรั่วลงสู่ทะเลติมอร์ ก็เลบกดดันทั้งกลุ่ม ปตท ให้ลงมาด้วย โดยช่างบ่าย SET ลงมายืนอยู่ในแดนลบ ลงไป Low ที่ 881 ก่อนที่จะ Rebound ขึ้นมานิดหน่อย มาปิดที่ 884.51 จุด -5.94 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มากเลยทีเดียวเกือบ 5 หมื่นล้านบาท (49,390 ล้านบาท) แต่ดูแล้ว SET ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่หลุดเส้น 5 วัน ที่ 887 ลงมา แต่ยังดีที่ยังไม่หลุดเส้น 10 วัน ที่ 881 จุด ก็เป็นไปได้ที่ยังอยู่ในช่วงพักฐานประกอบกับข่าวร้ายของ PTTEP ทำให้แนวโน้มในววันพรุ่งนี้ต้องดูแนวรับที่ 880 จุด แนวต้านที่ 888 จุด ครับ
--------------------------------------------------------------------------------------
ข่าวหุ้น : Breaking News
25/08 09:03 - 4 หุ้นเด็ด สัญญาณเทคนิคขาขึ้น
25/08 09:01 - หุ้นเด่น จานร้อน บล.ฟิลลิป
25/08 08:57 - ติดตาม!กำหนดการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้
25/08 07:51 - เงินเยนพุ่งสูงสุดรอบ 15 ปี
25/08 07:49 - Nikkei hits 16-month low on yen, economy jitters
25/08 07:44 - ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐเดือนก.ค.ดิ่ง 27.2% ต่ำสุดในรอบ 15 ปี
25/08 07:42 - ทองปิดบวกเฉียด5$จากตัวเลขยอดขายบ้านมือสองตกต่ำของU.S.
25/08 07:36 - Oil slumps a 5th day as economy fears persist
25/08 07:33 - ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนต.ค.ร่วง2%
25/08 07:29 - U.S. stock fall as housing data teeters

โบรกแนะเก็บ 12 หุ้นเด็ด
บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ผันผวนกรอบแคบความกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐยังคงกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ แม้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ/ตลาดหุ้นทางฝั่งเอเชียจะรุนแรงน้อยกว่า แต่น่าจะทำให้เกิดการเก็งกำไร

ระยะสั้นกันมากขึ้น โดยวานนี้ SETI ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 900 จุดได้ ขณะที่การซื้อขายสุทธิของนักลงทุนแต่ละประเภทดูแผ่วลง สะท้อนภาพความไม่มั่นใจในการพุ่งขึ้นของตลาด ในวันนี้ปัจจัยภายนอกดูเป็นแรงกดดันเชิงลบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันดิบ ขณะที่ปัจจัยภายในทรงตัวด้านบวก หลังบอร์ดสิ่งแวดล้อมมีมติ 11 กิจการรุนแรงฯ เป็นความหวังคลี่คลายปัญหามาบตาพุด ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคยังคงแนวโน้มระยะสั้นเป็นขาขึ้น โดยรวมจึงมอง SETI จะเริ่ม ผันผวนในกรอบแคบ

กลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นเน้น Selective trading เป็นหลัก อาทิ KBANK, MINT, AS,STEC
แนวต้าน : 900-906 แนวรับ: 886-882
การจัดพอร์ตระยะสั้น - หุ้น 50% : เงินสด 50%
หุ้นแนะนำ:
1. KBANK เก็งกำไร FV 118 บาท Top pick ในกลุ่มแบงก์
2. MINT เก็งกำไร FV 13.80 บาท ท่องเที่ยวฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด
3. AS เก็งกำไร FV’54=14 บาท แนวโน้มผลประกอบการดี
4. AH เก็งกำไร FV’54=16.30 บาท อุตสาหกรรมฯ ยานยนต์ขยายตัว
5. STEC เก็งกำไร เปิดข้อเสนอราคาสายสีน้ำเงิน

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้
ดัชนี SET50 ที่ปรับตัวลงตามแรงขายหุ้นหมวดพลังงานแม้ว่าจะส่งผลให้รูปแบบแท่งเทียนในกราฟรายวันจะเปลี่ยนเป็นสัญญาณขายได้ในช่วงสั้นๆ ขณะที่ยังไม่เกิดผลกระทบต่อแนวโน้มระยะกลางมากนัก โดยคาดว่าการเคลื่อนไหวของดัชนียังมีลักษณะแกว่งขึ้นสลับลงได้ในบริเวณกรอบแนวรับแนวต้านระหว่าง 600-620 จุด จนกว่าดัชนี SET50 หลุดต่ำกว่า 600 จุดและดัชนี SET ต่ำกว่า 880 จุดจะยืนยันการเปลี่ยนเป็นแนวโน้มลงทันที

ยังคงให้ระดับแนวต้านสำคัญเป็นจุดที่ขายทำกำไร เพราะถึงแม้ว่าดัชนีจะขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ แต่เนื่องจากแรงเหวี่ยงที่จุดสูงสุดมีลักษณะที่ลดความแข็งแกร่งลง จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดแรงขายหุ้นที่บริเวณแนวต้านโดย SET มีแนวต้านสำคัญที่ 910 จุด และ SET50 มีแนวต้านสำคัญที่ 620 จุด
-หมวดธนาคารยังคงมีความน่าสนใจในระยะสั้นดัชนีหมวดขึ้นทะลุ 350 จุด เป็นจังหวะเก็งกำไรได้ต่อเนื่องโดยที่ BBL ซึ่งคาดว่าจะขึ้นไปที่ระดับ 145 บาท TMB ซื้อเก็งกำไรได้ในกรอบ 2.20-2.30 บาท และ BAY ที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง มีโอกาสขึ้นไปที่ระดับ 21.50 บาท
-หมวดวัสดุก่อสร้าง SCC ยังคงมีแนวโน้มขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไป 278 บาท TTA ในหมวดขนส่งยังมีแรงซื้อโดดเด่นมีเป้าหมาย 28 บาท คาดว่าจะขึ้นตามแรงเหวี่ยงบวกของดัชนีค่าระวางเรือที่ขึ้นใกล้ถึงระดับ 3000 จุด เป้าหมาย 3200 จุด และซื้อ KSL ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นไปที่แนวต้านย่อย 12.40 และแนวต้านหลัก 13.40 บาทตามลำดับ BEC มีแนวโน้มขึ้นต่อเนื่องระยะสั้นระหว่าง 30.50-31.50 บาท

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-พักฐาน!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 24 ส.ค.53 ปิดที่ 890.45 จุด ลดลง 4.33 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 38,409.81 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 253.42 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นมีโอกาสพักฐาน เพราะนักลงทุนกลับมาไม่มั่นใจกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยปลายสัปดาห์นี้จะประกาศตัวเลขทบทวนจีดีพีไตรมาส 2 ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจย่ำแย่กว่าการคาดการณ์ในครั้งแรก

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้รอซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว โดยเน้นหุ้นพื้นฐานดี

และราคาต่ำกว่าการปรับขึ้นของตลาด ด้านเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 880 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 895 จุด

โฟกัสหุ้น PTTEP ปรับตัวลงแรง หลังมีข่าวรัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 780 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก PTTEP กรณีเหตุระเบิดที่แหล่งขุดเจาะมอนทารา

ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง เตือนให้เพิ่มความระมัดระวังการลงทุนใน PTTEP จากกรณีนี้ โดยความเสียหายทางตรงจากกรณีมอนทาราอยู่ที่ 500 ล้านรูเปีย และความเสียหายที่เรียกร้องเป็นตัวเลขสุดท้ายของรัฐบาลอินโดฯ จากการประเมินความเสียหายทางตรงและสิ่งแวดล้อม

ด้าน บล.ธนชาตชี้ หาก PTTEP ถูกปรับ 780 ล้านเหรียญฯ จะกระทบต่อมูลค่าหุ้น 5% ซึ่งไม่มากนัก และในเชิงพื้นฐานจึงยังคงแนะซื้อ ให้ราคาเหมาะสม 168 บาท

ส่วน บล.เกียรตินาคิน วิเคราะห์ประเด็นมาบตาพุด โดยเชื่อว่าจะไม่มีโครงการโรงแยกก๊าซฯแห่งที่ 6 และโครงการปิโตรเคมีขั้นปลาย กลับมาอยู่ในกิจการรุนแรง และหากปัญหาจบได้ในกรอบนี้ จะทำให้โรงแยกก๊าซฯแห่งที่ 6 ของ PTT เริ่มดำเนินการผลิต ทำให้กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจึงยังคงแนะซื้อลงทุน PTT และ PTTCH ด้วยมูลค่าที่เหมาะสม 318 บาท และ 128 บาท ตามลำดับ

ปิดท้าย "จรัมพร โชติกเสถียร" ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เผยวันที่ 26 ส.ค.นี้ จะไปบินโรดโชว์สิงคโปร์ร่วมกับกระทรวงการคลังและบริษัทจดทะเบียนอีก 9 แห่ง หวังดึงความเชื่อมั่นต่างชาติคืนกลับมา และมีแผนเตรียมไปโรดโชว์ที่สหรัฐฯ ก.ย.นี้ และช่วงปลายปีจะไปญี่ปุ่น

ซึ่ง 9 บจ.หัวหอก นำโดย BBL, TISCO, PTT, PTTEP, TOP, ADVANC, CPALL, TUF และ MINT.

FSS:
จังหวะซื้อจริงจังยังน่ารอตอนตลาดแกว่งตัวลงต่อ เป้าหมาย 880 หรือต่ำกว่า..
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นทั่วโลกยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาอ่อนแอกว่าคาดของ
สหรัฐต่อเนื่อง ขณะที่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่เฟด 7 ใน 17 รายซึ่งไม่ได้มีส่วนในการลงมติครั้งที่
แล้ว แสดงความไม่มั่นใจต่อมาตรการที่ธนาคารกลางสหรัฐเตรียมที่จะย้ายเงินในพอร์ตลงทุนที่
ครบกำหนดไถ่ถอนไปซื้อพันธบัตรเพิ่ม ซึ่งเป็นมติของเฟดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้ง
แสดงความกังวลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่คณะกรรมการกำหนดนโยบาย
การเงินของธนาคารกลางอังกฤษ ออกมาเตือนว่าอังกฤษอาจเผชิญความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยอีก
ครั้ง ทำให้นักลงทุนเริ่มเลี่ยงที่จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงใน
เช้าวันนี้ โดยส่วนใหญ่ยังรอติดตามดูตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงท้ายสัปดาห์นี้ด้วย สำหรับ
ตลาดหุ้นไทย แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค แต่ช่วงนี้ก็ต้อง
เริ่มระมัดระวังแรงขายด้วยเช่นกัน หลังข่าวการจัดประเภทโครงการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ผ่านพ้นไปแล้ว แต่เอกชนก็ต้องใช้เวลาในการยื่นขอปลดล็อกจากศาลฯ รวมทั้งต้องมีการจัดทำ
HIA และ EIA ให้กับโครงการต่างๆ ด้วยซึ่งคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ขณะที่ PTTEP มีข่าวลบจาก
การเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมจากอินโดนีเซีย ซึ่งแม้ว่ายังไม่มีข้อสรุปแต่ก็ทำให้
Sentiment ในหุ้นกลุ่ม PTT เสียไป ดังนั้น FSS จึงคาดว่า SET จะยังอยู่ในช่วงแกว่งพักฐาน
ต่อเนื่อง โดยยังคาดหมายโอกาสไหลลงไปแกว่งตัวแถว 880 จุดหรือต่ำกว่าได้ จึงยังแนะนำให้รอ
หาจังหวะเลือกหุ้นเข้าทยอยซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลงต่อ
กลยุทธ์: แนะนำให้รอทยอยเข้ารับตอนราคาปรับตัวลง โดยยังเน้นหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคา
ตามปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ได้แก่ KBANK, SCB, BAY, TCAP, KCE, HANA, DELTA, QH, SIRI,
SPALI , LPN, DCC, ROJNA และ GFPT เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) รมว.คลังและตลาดฯ นำ 9 บจ.และ กทช.ไปโรดโชว์สิงคโปร์ มี BBL,
TISCO, PTT, PTTEP, TOP, ADVANC, CPALL, TUF, MINT วันที่ 27 ส.ค. นี้
(+) คาด กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เพื่อดูแลเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น เป็นบวกกับกลุ่ม
แบงก์ (แนะนำ SCB เพราะราคาหุ้น laggard ที่สุดสวนทางผลประกอบการ 2H10 ที่จะดี
ขึ้นมาก) กลุ่มที่มีสภาพคล่องสูงเช่นกลุ่มบันเทิง (BEC, MCOT) ค้าปลีก (CPALL,
HMPRO, BIGC, MAKRO, GLOBAL)
(+) CK เสนอราคาต่ำสุด 5,029 ล้านบาทสำหรับสัญญาที่ 5 ของรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน
การที่ CK ได้สัญญาดังกล่าวช่วยลดผลกระทบจากสัญญาที่ 1 ของสายสีน้ำเงินที่
ปรากฏว่า ITD ได้ไป ไม่ใช่ CK ทำให้ปัจจุบันมี Backlog ~2.6 หมื่นล้านบาท (ยังไม่
รวมโครงการที่เป็น Potential) นอกจากนี้ กลุ่มรับเหมายังมีโอกาสเก็งกำไรได้อีกจาก
ข่าวที่ ครม.อนุมัติ 6.2 หมื่นล้านบาทพัฒนาสุวรรณภูมิ เก็งกำไรได้ทั้ง STEC, ITD, CK
(-) PTTEP ถูกรัฐบาลอินโดนีเซียฟ้องเพิ่มเป็น US$780 ล้าน หากต้องจ่ายจริง
US$780 ล้าน และสามารถเครดิตภาษีได้ 58% จะคิดเป็นค่าปรับสุทธิ 10,483 ล้าน
บาท หรือ 7.50 บาท/หุ้น ราคาเป้าหมายปีหน้าจากเดิม 195 บาทจะลดลงเหลือ 135
บาท (ช่วงที่มีข่าวไฟไหม้มอนทาราครั้งแรก ราคาลงไปต่ำสุด 130 บาท) แม้เชื่อว่า
โอกาสเกิดมีน้อยแต่ระยะสั้นราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวลง กรณีแย่สุด (ถ้าไม่ฟ้องเพิ่ม)
คืออีก 5% เพราะความเสี่ยงมอนทารายังไม่จบและยังไม่ได้มีการบันทึกความเสียหาย
แนะนำเป็นทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว
XD วันนี้ CCET (0.07), MK (0.10), SAMTEL (0.10), TTCL (0.15)
XD พรุ่งนี้ AH (0.26), AS (0.43), BH (0.40), BKKCP (0.185), CPNRF (0.2435),
DSGT (0.17), ECL (0.02), FORTH (0.12), FUTUREPF (0.272)
Foreign Fund Flow ชะลอตามคาด แม้จะมีซื้อสุทธิโดยส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาดหุ้น
ไต้หวันที่ต่างชาติขายสุทธิมากสุด เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่รอดูตัวเลขเศรษฐกิจ
สหรัฐที่จะบ่งบอกถึงทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกในอนาคต แนวโน้ม
กระแสเงินทุนจากต่างชาติวันนี้น่าจะยังชะลอตัวต่อเนื่อง เพราะการประกาศตัวเลขล่าสุด
เกี่ยวกับบ้านในสหรัฐชะลอตัวและบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และหากตัวเลข
เศรษฐกิจอื่นที่กำลังทยอยประกาศรวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐยังแย่อยู่ก็
จะเป็นปัจจัยกดดันตลาดในช่วงนี้ต่อไป ดังนั้นระยะสั้นนี้เม็ดเงินจะเข้าลงทุนในสินทรัพย์
ที่ไม่เสี่ยงมากขึ้น แต่ในด้าน Fund Flow เรากลับมองว่าจะมี Fund Flow ของจีนที่ขาย
พันธบัตรสหรัฐเพราะราคาพันธบัตรสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่เดือน ม.ค 2009
ไหลเข้าลงทุนในเอเชีย


ข่าวภายในประเทศ
SF กำไรปี'55 โตก้าวกระโดด เล็งเปิดศูนย์การค้าใหญ่ “เมกะบางนา” มูลค่าหมื่นล. “SF” พุ่งปรี๊ดเกือบ 8% เก็งกำไรอนาคตสดใส เตรียม
เปิดศูนย์การค้าขนาดใหญ่ “เมกะ บางนา” มูลค่าหมื่นล้านบาท เจาะตลาดย่านบางนา-ตราด กม.8 พื้นที่เช่า 180,000 ตารางเมตร ดันรายได้-กำไรปี
55 โตก้าวกระโดด (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-08-2010)
DRT ครึ่งปีหลังหดรับดีมานด์ซบเซาเพิ่มตลาดส่งออก DRT เผยรายได้ครึ่งหลังชะลอตัวจากครึ่งแรก หลังดีมานด์ในประเทศซบเซา แม้หันไป
ส่งออกต่างประเทศชดเชยแต่ไม่เพียงพอ ลั่นปี 55 โครงการลงทุน NT 10 เพิ่มกำลังผลิตเป็น 6 แสนตันต่อปี จากปัจจุบัน 5.5 แสนตันต่อปีมีแผน
เพิ่มกำลังการผลิตใหม่สรุปปีหน้า (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-08-2010)
CPN มั่นใจรายได้ครึ่งหลังแจ่ม!เซ็นทรัลเวิลด์เปิดบริการบางส่วน “เซ็นทรัลพัฒนา” โปรยข่าวดีรายได้ครึ่งหลังดีกว่าครึ่งแรก เหตุเซ็นทรัล
เวิลด์กลับมาเปิดให้บริการได้บางส่วนเดือนก.ย.นี้ พร้อมทุ่มงบลงทุน 5 ปี มูลค่า 4.24 หมื่นล้านบาท พัฒนาโครงการใหม่ ล่าสุดเซ็น MOU ร่วมทุน
พันธมิตรในจีน ผุดศูนย์การค้าแห่งใหม่ แนวโน้มเริ่มรับรู้รายได้ไม่เกิน 10% ของรายได้รวมภายในปี'56 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-08-2010)
แสนสิริลุยซื้อคืนทรัพย์สิน SIRIPF ยันเงินพร้อมไม่กระทบงบการเงิน “แสนสิริ” ลั่นซื้อทรัพย์สินคืนจาก SIRIPF มูลค่า 850 ล้านบาท ไม่
กระทบงบการเงิน ยันเตรียมเงินไว้พร้อมแล้ว ส่วนโบรกฯคาดส่งผลดีเชิงบวก นำทรัพย์สินกลับมาหมุนเวียนปล่อยเช่า-ขายต่อสร้างรายได้ ขณะที่
ครึ่งปีหลังแจ่มกำไรพุ่ง 1,080 ล้านบาท สูงกว่าครึ่งปีแรกที่ทำได้ 577 ล้านบาท แนะซื้อเป้า 9 บาท ราคาถูก พีอีต่ำ จ่ายดิวิเดนด์ยีลด์สูง 9% (ที่มา:
นสพ.ข่าวหุ้น 25-08-2010)
HMPRO กระหึ่มแคมเปญฉลอง 14 ปี ขยายครบ 40 สาขา ดันยอดขายกระฉูด 15% HMPRO ปีนี้มั่นใจยอดขายโต 15% จากการเติบโต
ของสาขาเดิม และสาขาใหม่ วันที่ 18 ก.ย.เปิดสาขาลำลูกกา เชื่อเป็นไปตามเป้า 40 สาขา ล่าสุดทุ่มงบ 50 ล้านบาท จัดงานฉลองครบ 14 ปี ตั้ง
เป้ากวาดยอดขาย 1,900 ล้านบาท ขณะที่ช่วงปลายปีเตรียมออก แคมเปญ “14 ปี 40 สาขา” ตั้งเป้ายอดขายไว้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท (ที่มา:
นสพ.ข่าวหุ้น 25-08-2010)
“ช.การช่าง”คว้าสายสีน้ำเงินสัญญา 5 ชดเชยสัญญา 1 โดน ITD ซิว รฟท.เซ็นพร้อมกันต.ค.นี้ CK ต่างตอบแทนสีน้ำเงินสัญญา 1 วานนี้
เสนอราคาสัญญา 5 ต่ำสุดที่ 5.02 พันล้านบาท ประธานกรรมการประกวดราคาเผย ขอเวลาตรวจสอบผลเสนอราคาอีกครั้งก่อนเริ่มเจรจา คาดใช้
เวลา 2 สัปดาห์มีความชัดเจน ส่วนการต่อรองสัญญา 2-4 ยุติแล้ว เตรียมเสนอบอร์ดพิจารณา 31 ส.ค.นี้ เชื่อเดือนต.ค.53 ได้ลงนามพร้อมกัน 5 ทั้ง
สัญญา (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-08-2010

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.ดิ่งหนักสุดในรอบ 15 ปี สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ
(NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.ร่วงลงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 27.2% จากเดือนมิ.ย. มาอยู่ที่ระดับ 3.83 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่ง
เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2548 หรือในรอบ 15 ปี และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 12% เพราะได้รับผลกระทบจาก
ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่วนราคากลางของบ้านมือสองอยู่ที่ระดับ1 82,600 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.7% จากปีที่แล้ว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 25-08-
2010)
จีน: จีนเผยมูลค่าผลผลิตรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์พุ่ง 49% ในครึ่งปีแรก กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโยสารสนเทศจีนเปิดเผย
ว่า มูลค่าผลผลิตรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนพุ่ง 49% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 2.086 ล้านล้านหยวน (3.08 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ขณะเดียวกันมูลค่าการส่งออกและนำเข้ารวมก็ทะยาน 84% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 5.066 หมื่นล้านดอลลาร์ (ที่มา: อิน
โฟเควสท์ 24-08-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้เผยการกู้ยืมต่างประเทศระยะยาวของธนาคารพาณิชย์พุ่งสูงขึ้นในเดือนก.ค. การกู้ยืมจากต่างประเทศในระยะยาวของ
ธนาคารพาณิชย์ในเกาหลีใต้ประจำเดือนก.ค.ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ท่ามกลางปัจจัยหนุนในตลาดสินเชื่อทั่วโลกที่ฟื้นตัวขึ้น
สำนักงานตรวจสอบด้านการเงินของเกาหลีใต้ (FSS) เปิดเผยว่า ยอดเงินกู้ต่างประเทศของธนาคารพาณิชย์ 12 แห่งในเกาหลีใต้มีจำนวนรวมอยู่ที่
4.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 47.7% จากเดือนก่อนหน้านี้ โดยเงินกู้ดังกล่าวมาจากการขายตราสารหนี้ในสัดส่วน 3.26 หมื่นล้าน
ดอลลาร์สหรัฐของวงเงินกู้ทั้งหมด และที่เหลือมาจากการออกเงินกู้ระหว่างธนาคาร โดยวูริ แบงก์ มียอดเงินกู้สูงสุดที่ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่โคเรีย เอ็กเชนจ์ แบงก์ (KEB) และเอ็นเอช แบงก์ มียอดขายตราสารหนี้แห่งละ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-08-2010)
เอเชีย: สนง.สถิติแห่งชาติเวียดนามคาดดัชนี CPI เดือนส.ค. พุ่งขึ้น 8.18% สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม คาดการณ์ว่า ดัชนีราคา
ผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ จะขยายตัว 8.61% ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ และคาดว่าดัชนีซีพีไอเฉพาะในเดือนส.ค. จะ
เพิ่มขึ้น 8.18% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเพิ่มขึ้น 0.23% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติคาดว่า เวียดนามอาจจะเผชิญ
กับราคาสินค้าและการบริการประเภทต่างๆปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าราคาด้านการขนส่งจะพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 15.94% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ราคาที่
อยู่อาศัยและวัสดุก่อสร้างจะพุ่งขึ้น 14.97% ส่วนราคาอาหารจะเพิ่มขึ้น 9.39% เมื่อเทียบเป็นรายปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-08-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น