Code 466 : 04/08/54 Downward Gap + MACD cross Signal ลงมา... แต่ EMA10 รับอย่างเหนียวแน่น... ลุ้น Rebound ปิด Gap ที่ 1140...

วันพฤหัสที่ 3 สิงหาคม 2554
ATT Code : Downward Gap + MACD cross Signal ลงมา... แต่ EMA10 รับอย่างเหนียวแน่น... ลุ้น Rebound ปิด Gap ที่ 1140...

กรอบเล็ก... Range อยู่ที่ 1126 - 1135...
กรอบใหญ่...
Range อยู่ที่ 1113 - 1149...

* ระยะ Day >>> Downward Gap + MACD cross Signal ลงมา... แต่ EMA10รับอย่างเหนียวแน่น...

* ระยะ Week 1 - 5 ส.ค.54 >>> Uptrend เกาะ BBT ขึ้นไปเรื่อยๆ ที่ 1144+/-...
- สัปดาห์ที่แล้ว SETI ทำ New High ที่ 1136.26 จุด... มี Low ที่ 1115.11 จุด...
- SETI อยู่ระหว่าง BBA กับ BBT... >>> เกาะ BBT ขึ้นมาเรื่อยๆ...
- UpTrend = MacD crossover Signal Line...
- MacD Osc ขึ้นมาเป็นบวกมากขึ้น....
- Main Indicators ทุกตัวเป็น Buy Signal...
- SSTO เข้ามาอยู่ในเขต Over Bought... แต่ยังไม่มีสัญญาณขาย...

- กรอบเล็ก Range อยู่ที่ 1112 - 1142...
- กรอบใหญ่ Range อยู่ที่ 1091 - 1148...

* ระยะ Month 1-31 ส.ค. 54 >>> SETI เป็นลักษณะ UpTrend...
- เดือนที่แล้ว กรกฎาคม ทำ New High 1136.26 จุด... มี Low ที่ 1059.78 จุด...
- กรอบเล็ก Range อยู่ที่ 1095 - 1192...
- กรอบใหญ่ Range อยู่ทีี่ EMA10 - BBT... หรือที่ 1046 - 1215...

---------------------------------------------------------------------------
*** แนวโน้มหลัก : ฺBull market... พักฐานในกรอบ 1133 - 1153...***
* SETI เปิด Gap ลงมา... แต่มีแรงซื้อที่แนวรับ... ถ้าผ่าน 1135 ก็จะมี Targe ที่ 1145...
* SETI อยู่ใน Trading Range ของ EMA10 กับ BBT... หลุด EMA5 ลงมา แต่ยังอยู่ใน EMA10...

1. เข้าที่...
วันทำการก่อนหน้า SETI ปิดที่ 1133.46 จุด -6.15 จุด... Volume 38,555 MB...
- SETI มีแรงขายเปิด Gap หลุด EMA5 ลงมา แต่พอมาเจอแนวรับ EMA10 ก็รับอย่างหนาแน่น... ทำให้ SETI Rebound ขึ้นมาปิดใกล้กับ EMA5...
- SETI หลุด EMA5 แต่ EMA10 เป็นแนวรับที่แข็งแรง ทำให้ยังไม่เสียเทรน...
(ถ้า EMA5 ตัด EMA10 ลงมา... ก็จะเป็น Dead Cross = Down Trend)
- Chart Pattern เป็นลักษณะ Downward Gap + White Candle...

- Main Indicators... Sell Signal พร้อมกันหมดทุกตัว...
แต่ MACD Osc.. under Zero Line ทำให้มีค่าเป็นลบ เป็นวันแรก...
***MACD cross Signal ลงมา ทำให้เกิด Sell Signal ขึ้นมา...
*** SSTO ยังอยู่ในเขต Overbought และก็เกิดสัญญาณขาย Sell Signal ขึ้นมา...
*** RSI หลุดเขต Overbought ลงมา พร้อมทั้งต่ำกว่าเส้น MAV9...ทำให้เกิดสัญญาณขาย Sell Signal ขึ้นมา...

- Minor Indicators... Sell Signal พร้อมกันเกือบทุกตัว... ตาม Main Indicators...
*** %R / CCI / Vol... เกิดเป็น Sell Signal ขึ้นมา....
ADX เริ่มมีค่าลดลง... พร้อมกับ DI+ กับ DI- เริ่มกลับมาแคบลง...

----------------------------------------------------------------------------
2. ระวัง...
- ระวังถ้าดัชนีไม่สามารถขึ้นมายืนเหนือ EMA5 หรือที่ 1135 ได้... ก็มีโอกาสที่จะลงไปสู่ 1126 หรือ EMA10 ได้...

-----------------------------------------------------------------------------
3. ไป...
- แนวโน้มวันนี้ >>> Downward Gap + MACD cross Signal ลงมา... แต่ EMA10 รับอย่างเหนียวแน่น... ลุ้น Rebound ปิด Gap ที่ 1140...

- สัญญาณบวก >>> ถ้าดัชนีสามารถปรับตัวสูงขึ้น ผ่าน 1135... ก็มีโอกาสที่จะ Rebound ขึ้นไปปิด Gap ที่ 1140 ได้...
*** ถ้าผ่าน 1140 ไปได้ ก็จะเป็นสัญญาณที่ดี ที่มีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน ที่ Target 1146 ได้...

- สัญญาณลบ >>> แต่ถ้าดัชนีไม่สามารถผ่าน 1135 ขึ้นไปได้... ก็มีโอกาสที่จะลงมาทดสอบแนวรับ ที่ Target 1126 หรือ EMA10 ได้อีกครั้ง...
*** ถ้าหลุด EMA10 ลงมา ก็จะเกิด Sell Signal... โดยมีเป้าหมายลงมาที่ 1113 ได้...

----------------------------------------------------------------------------
แนวรับ... 1126 / 1119 / 1113...
แนวต้าน... 1135 / 1140 / 1146 / 1149...


-----------------------------------------------------------------------------

FSS : ตลาดกลัวอะไรตอนนี้... หุ้นตก อย่ากลัว พักฐานรอบนี้ต้องซื้อ มองซื้อที่.....

1. เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวกว่าคาด

· GDP 2Q11 +1.3% ต่ำกว่าคาดมาก

· ยอดขายบ้านต่ำกว่าคาด

· ISM Manufacturing Jul = 50.9 ต่ำสุดในรอบ 23 เดือน

· ยอดใช้จ่ายส่วนบุคคล เดือน มิ.ย. -0.2%M-M หดตัว M-M ครั้งแรกในรอบ 20 เดือน

· ติดตาม...ศุกร์นี้มีตัวเลขการจ้างงาน

2. ความกลัวหนี้ยุโรปกลับมาใหม่ คราวนี้กลัวกันที่อิตาลีและสเปน (ขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 และ 4 ของยุโรป ตามลำดับ) เห็นได้จากอัตราผลตอบแทน (Yield) พันธบัตรของอิตาลีและสเปนพุ่งสูงขึ้นชันมาก Yield ของพันธบัตรอายุ 5 ปีสูงสุดในรอบ 14 ปี และของอิตาลีสูงขึ้นมาอยู่ระดับใกล้เคียงกับสเปน

สิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐและยุโรปทำให้ตลาดหุ้นในเอเชียและทองคำดูโดดเด่น เพราะเหลือ Risk assets ไม่กี่ประเภทที่เม็ดเงินจะเข้ามาลงทุนได้ เพียงแต่ SET index ที่ผ่านมาร้อนแรงเกินไป ต้องการการพักฐาน (1 เดือนที่ผ่านมา +9% ดีที่สุดในเอเชีย และ +10.3%YTD ดีสุดเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย) การพักฐานรอบนี้จะเป็นโอกาสในการซื้อ มองจุดที่เริ่มซื้อ 1,120 +/-

ซื้ออะไร...ซื้อหุ้น big cap ก่อน (ตาม flow ฝรั่ง) พลังงาน (PTT, PTTEP, TOP ส่วนคู่ของ PTTCH-PTTAR ไม่มีประเด็นให้พูดถึงนอกจากถือไปควบรวม) แบงก์ (KBANK,BBL) บ้านและคอนโด (QH, AP, PS) สื่อสาร (ADVANC, DTAC)

หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่พื้นฐานดีอย่างน้อยอีก 12 เดือนข้างหน้า TUF, CPALL, MAKRO, BIGC, IVL, IRPC, UIC, BWG, SAT, IHL, TTCL, SIS, AMATA, HEMRAJ, BEC, MAJOR, BGH

มุมมองทางเทคนิค

ตลาดปรับตัวลงมายังแนะนำเป็นจังหวะทยอยเข้ารับ แล้วเน้นถืออยู่ เพราะในจังหวะดีดขึ้นจะแนะนำขายทำกำไรตามรอบสำหรับคนเล่นสั้น ... เนื่องจากยังคาดว่าตลาดจะแกว่งตัวขึ้น-ลงอยู่ในกรอบ 1120-1155 จุดไปจนถึงสัปดาห์หน้า ดังนั้นถ้ารอจนตลาดดีดกลับขึ้น จึงไม่เหมาะที่จะซื้อไล่ราคา เพราะกรอบการขึ้นยังจำกัด!!

ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว ถ้าจะขายเพื่อลดพอร์ตลงให้เหลือประมาณ 50% ของเงินลงทุนตามที่แนะนำ ยังน่าจะรอช่วงตลาดรีบาวด์ขึ้นแล้วเท่านั้น ซึ่งยังมีเป้าหมายการขายทำกำไรอยู่ที่ 1150 จุด+/- เหมือนเดิม

-----------------------------------------------------------------------------

MARKET WAVE Analysis

4 สค. 54 (-6.15 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

แกว่งตัวในกรอบ 1125 – 33 จุด
แนวโน้มหนึ่งถึงสองวันข้างหน้านี้ ดัชนีมีโอกาสที่จะแกว่งตัวในกรอบ 1125 – 33 หรือระหว่างจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของวันพุธ และไม่น่าเกินเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง

จากนั้นการปรับตัวลง ต่ำกว่า 1124 จุดจะถือเป็นการเกิด “สัญญาณขาย” อีกครั้ง ในเครื่องมือ Point & figure และ ดัชนีมีเป้าหมายในการปรับตัวลงต่อแถว 1107 – 14 จุด

ตราบใดไม่ต่ำกว่า 1095 จุด บริเวณแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน ถือว่าแนวโน้มหลักของตลาดยังคงเป็น “ขาขึ้น”

หุ้นเด่น
ADVANC
ยังสามารถปรับตัวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25
ชั่วโมงได้ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 120.00
จุดสูงสุดวันพุธ เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน
124.00 – 125.50
( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 118.50 )

IVL
ยังสามารถปรับตัวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25
ชั่วโมงได้ ทยอยซื้อแถว 46.00 – 46.25 หรือ
รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 46.75 จุดสูงสุดวัน
พุธ เป้าหมายสองสามวัน 48.75 – 50.00
( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 45.75 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTT แกว่งตัว 341 – 344
BBL แกว่งตัว 166.50 - 169
KTB แกว่งตัว 19.90 – 20.30
KBANK แกว่งตัว 135.50 – 137.50
ADVANC รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
SCB แกว่งตัว 122.50 - 125
IVL รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
PTTCH แกว่งตัว 162 – 163.50
CPF เกิน 33 ขึ้น 33.50 – 35
JAS แกว่งตัว 3.14 – 3.24

-----------------------------------------------------------------------------

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ดาวโจนส์ดีดตัวทางเทคนิคปิดบวก 0.25%

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นในวันพุธ โดยดัชนี S&P 500 ยุติการร่วงลง7 วันติดต่อกัน แต่นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 29.82 จุดหรือ 0.25%สู่ 11,896.44, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 6.29 จุดหรือ 0.50% สู่ 1,260.34และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 23.83 จุดหรือ 0.89% สู่ 2,693.07

ปริมาณการซื้อขายหนาแน่นที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. โดยมีปริมาณการซื้อขายราว 1.05 หมื่นล้านหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ค, ตลาดหุ้นอเมริกัน (American Stock Exchange) และตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งสูงกว่าระดับเฉลี่ยต่อวันที่ราว 7.48 พันล้านหุ้น จำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบ 1,725 ต่อ 1,274 ในตลาดนิวยอร์คและ 1,511 ต่อ 1,054 ในตลาด Nasdaq

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น หลังจากเผชิญแรงขายมาหลายวันซึ่งฉุดดัชนี Nasdaq ลงสู่แดนลบในปีนี้แต่นักลงทุนจำนวนมากมองว่า การปรับตัวขึ้นของตลาดเป็นการดีดตัวระยะสั้น หลังดัชนี S&P 500 ร่วงลง 6.8% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะยังคงระมัดระวังในการซื้อขายหุ้น หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลการใช้จ่ายผู้บริโภคและภาคการผลิตที่ซบเซาในช่วงที่ผ่านมาและยังมีความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยุโรป

ดัชนี S&P หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.2% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงโดยดัชนี S&P หุ้นกลุ่มพลังงานร่วง 0.6%เทรดเดอร์ระบุว่า มีแรงซื้อบางส่วนกลับเข้าตลาดหลังนายโดนัลด์ คอห์นอดีตรองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยกับวอลล์สตรีท เจอร์นัลว่าเฟดอาจพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ตลาดถูกถ่วงลงในช่วงเช้าจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ภาคบริการของสหรัฐร่วงลงในเดือนก.ค.สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2010 ขณะที่ยอดสั่งซื้อของโรงงาน ร่วงลงในเดือนมิ.ย. เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอสำหรับอุปกรณ์ด้านการขนส่ง--จบ--

ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:ตัวเลขสต็อกน้ำมันกดน้ำมันดิบดิ่งลง 1.86 ดอลล์

ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX รูดลงในวันพุธ โดยได้รับแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันและความกังวลเรื่องอุปสงค์ ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างเชื่องช้า

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 1.86 ดอลลาร์ หรือ 1.98 % มาปิดตลาดที่ 91.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดของสัญญาเดือนใกล้นับตั้งแต่ปิดที่ 90.61 ดอลลาร์ในวันที่ 27 มิ.ย. หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง91.22-93.75 ดอลลาร์ โดยจุดต่ำสุดของวันพุธถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่แตะ 90.44ดอลลาร์ในวันที่ 28 มิ.ย.

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนรูดลง 3.23ดอลลาร์ สู่ 113.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ปิดที่111.39 ดอลลาร์ในวันที่ 4 ก.ค. หลังจากแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 112.84 ดอลลาร์

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 950,000 บาร์เรล สู่ 355.0 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ก.ค., สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล สู่ 152.3 ล้านบาร์เรล,

สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ 215.2 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันheating oil เพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล สู่ 37.3 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.0 % สู่ 89.3 %

ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบในสหรัฐลดลง 706,000 บาร์เรล สู่ 9.1ล้านบาร์เรลต่อวันค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของอุปสงค์ในน้ำมันเบนซินสหรัฐลดลงสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 พ.ค. และดิ่งลง 3.6 % จากช่วงเดียวกันในปีก่อน

บริษัทเอดีพีรายงานว่า การจ้างงานในภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 114,000ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับที่สูงเกินคาด--จบ--

ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:กังวลศก.หนุนทองพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่

ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,672.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่นักลงทุนต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนในตลาดหุ้น, ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการที่สหรัฐดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเป็นเวลายาวนาน

วอลุ่มการซื้อขายสัญญาทองเดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับสูงกว่า 200,000 สัญญาในขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่สินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นและตลาดสกุลเงิน

ราคาทองปรับขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ภาคบริการของสหรัฐเติบโตในเดือนก.ค.ในอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2010 และการจ้างงานในภาคเอกชนของสหรัฐชะลอตัวลงเช่นกันในเดือนก.ค.

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำมากเป็นเวลานานยิ่งขึ้น และตรึงขนาดงบดุลไว้ที่ระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน

ธนาคารกลางหลายประเทศเพิ่มทองเข้าไว้ในทุนสำรองของตนเอง และนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไป

ราคาทองพุ่งขึ้นมาแล้ว 13 % นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค. โดยนักวิเคราะห์บางคนกังวลว่าราคาทองอาจจะปรับฐานลงอย่างรุนแรงในอนาคต แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการปรับฐานจะกินเวลาเพียงสั้นๆ เพราะราคาทองจะยังคงได้รับแรงหนุนจากความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

ธนาคารยูบีเอสของสวิตเซอร์แลนด์ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ราคาทองระยะ 3 เดือนสู่ 1,850 ดอลลาร์ จาก 1,600 ดอลลาร์

สำหรับราคาโลหะมีค่าที่ตลาด COMEX ในวันพุธมีดังต่อไปนี้

ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)

ทองเดือนธ.ค. 1,666.30 + 21.80

เงินเดือนก.ย. 41.758 +166.60 (เซนต์)

ส่วนราคาโลหะมีค่าที่ตลาด NYMEX ในวันพุธมีดังต่อไปนี้

ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)

พลาตินั่มเดือนต.ค. 1,785.00 - 8.50

พัลลาเดียมเดือนก.ย. 795.10 - 31.80 --จบ--


ตลาดเงิน Emerging Asia:วอนร่วงต่ำสุด 2 สัปดาห์ ขณะนักลงทุนเลี่ยงความเสี่ยง

วอนและริงกิตร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในวันนี้ขณะที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ และกองทุนหลายแห่งได้ลดสัดส่วนการถือครองสกุลเงินเอเชีย เนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ของยูโรโซนและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

วาณิชธนกิจจากสหรัฐและยุโรปได้เข้าซื้อสกุลเงินเอเชียบางสกุลขณะอ่อนค่าลง ขณะที่นักลงทุนบางรายสนใจเปโซและดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งบ่งชี้ว่า นักลงทุนยังมีความต้องการสกุลเงินในภูมิภาค

นักวิเคราะห์และดีลเลอร์คาดว่าความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ และวิกฤติหนี้ของยูโรโซนจะทำให้มีแรงขายทำกำไรในสกุลเงินเอเชียออกมาอีก แต่จะไม่กระทบแนวโน้มที่สดใสของสกุลเงินดังกล่าว

นักลงทุนต่างประเทศ อาทิ กองทุนเฮดจ์ฟันด์ และนักเก็งกำไรอินเตอร์แบงก์เข้าซื้อคืนดอลลาร์ ส่งผลให้วอนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ ขณะที่การหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกเป็นปัจจัยฉุดหุ้นเกาหลีใต้ดิ่งลง

นักลงทุนต่างชาติทำสถิติเทขายหุ้นเกาหลีใต้มากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ซึ่งกดดันค่าเงินวอนมากขึ้น

ริงกิตอ่อนค่าลงแตะ 2.9820 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. ขณะที่กองทุนเข้าซื้อคืนดอลลาร์

ดอลลาร์สิงคโปร์ร่วงลงจากการซื้อคืนดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ฟื้นตัวขึ้นบ้างหลังจากนั้น

เปโซอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์จากคำสั่งขายของธนาคารต่างชาติ ท่ามกลางความวิตกต่อเศรษฐกิจโลก

ENGLAND:ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index)ปิดบวก 7 จุด สู่ 1260

ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ (3 ส.ค.) บวก 7 จุด

หรือ 0.56% สู่ระดับ 1260

ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 554

ความเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมามีดังนี้:-

วันที่ ระดับปิด เปลี่ยนแปลง (จุด)

2 ส.ค. 1253 -3

1 ส.ค. 1256 -8

29 ก.ค. 1264 -14

28 ก.ค. 1278 -18

27 ก.ค. 1296 -14

04-08-54POEMS>> แนวโน้มขาขึ้นแต่ผันผวน...
SETI ปิดปรับตัวลดลง แต่ยังปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA(13) วันได้โดยไม่หลุดแนวรับที่ 1125 จุด และ
MACD สามารถปิดเหนือเส้น Zero Line ได้ จึงทำให้ SETI มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นแต่ผันผวน
ดังนั้นในระยะสั้นแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร

TTA ปิด 20.90 บาท
แท่งเทียนมีสีขาวเต็มแท่ง และสามารถปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย
ได้ทุกเส้นเป็นวันแรก ประกอบกับ Indicators ทุกตัวให้สัญญาณเป็นบวกแนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวต้านที่ 21.50-22.00 บาท แนวรับที่ 20.60-20.40 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 20.20 บาท

ASIAN ปิด 4.08 บาท
แท่งเทียนมีสีขาวพร้อมวอลุ่มหนุ
น ประกอบกับ Indicatorsทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวต้านที่ 4.14-4.50 บาท แนวรับที่ 4.04-4.00 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 3.80 บาท

HMPRO ปิด 9.35 บาท
ราคาสามารถดีดตัวขึ้นมาหลังย่อล
งเส้น Neck Line และ Indicatorsทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวกพร้อมวอลุ่มหนุน แนวโน้มเป็นขาขึ้นต่อไป
แนะนำ "ซื้อ" แนวต้านที่ 9.50-10.00 บาท แนวรับที่ 9.25-9.15 บาทCut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 9.05 บาท

MINT ปิด 13.40 บาท
ปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้
น และราคาอยู่บริเวณแนวรับเส้นEMA(5) วัน รวมทั้ง MACD ให้ค่าสัญญาณบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้นต่อไป
แนะนำ "ซื้อ" แนวต้านที่ 13.80-14.00 บาท แนวรับที่ 13.10-12.90บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 12.70 บาท


-----------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น