

ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ดาวโจนส์ปิดพุ่งเกือบ 4% หลังการซื้อขายผันผวน
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทะยานขึ้นในวันอังคารหลังการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนพยายามที่จะตีความการส่งสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ หลังจากการร่วงลงของตลาดเป็นเวลาสองสัปดาห์
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 429.92 จุดหรือ 3.98% สู่ 11,239.77, ดัชนี S&P 500 ปิดทะยานขึ้น 53.07 จุดหรือ 4.74% สู่ 1,172.53 และดัชนี Nasdaq ปิดดีดตัวขึ้น 124.83 จุดหรือ 5.29% สู่ 2,482.52
ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ราว 1.64 หมื่นล้านหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ค, ตลาดหุ้นอเมริกัน (American Stock Exchange) และตลาดหุ้น Nasdaq มากกว่าปริมาณเฉลี่ยต่อวันของปีนี้ที่ 7.75 พันล้านหุ้น
จำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเกือบ 12 ต่อ 1 ในตลาดนิวยอร์ค และเกือบ 5 ต่อ 1 ในตลาด Nasdaq
ตลาดฟื้นตัวขึ้นหลังแถลงการณ์ของเฟดยืนยันการตรึงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับ 0% เป็นเวลาอีก 2 ปี
โพลล์รอยเตอร์บ่งชี้ว่า สหรัฐมีโอกาส 1 ใน 4 ที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย แม้แนวโน้มเศรษฐกิจเพิ่มความเป็นไปได้ที่เฟดจะดำเนินมาตรการใหม่ๆ นักลงทุนบางรายยอมรับว่าทางเลือกของเฟดมีอยู่อย่างจำกัด เพราะวิกฤตการณ์ในปัจจุบันไม่ได้เกิดจากสภาพคล่องเหมือนในปี 2008 (รอยเตอร์)
ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:น้ำมันดิบปิดดิ่งลง 2 ดอลล์หลังประชุมเฟด
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดตลาดในแดนลบเป็นวันที่สองติดต่อกันในวันอังคาร โดยปิดตลาดที่ระดับปิดต่ำสุดรอบ 10 เดือน ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ออกแถลงการณ์ที่ไม่ได้กระตุ้นการคาดการณ์ในทางบวกต่ออุปสงค์พลังงาน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 2.01 ดอลลาร์ หรือ 2.5 % มาปิดตลาดที่ 79.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. 2010 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 75.71-83.05 ดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนรูดลง 1.17 ดอลลาร์ สู่ 102.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ส.ค.ในวันพุธนี้
การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานหลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคารว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว, สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 558,000 บาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.5 %
EIA ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกประจำปี 2011 ลง 60,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 1.37 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์สำหรับปี 2012 ขึ้น 60,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 1.64 ล้านบาร์เรลต่อวัน
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระบุว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจเพิ่มขึ้น 1.21 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2011 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนที่แล้วราว 150,000 บาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ โอเปกยังคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจเพิ่มขึ้น 1.30 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2012 (รอยเตอร์)
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ในช่วงเช้าวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลก และราคาทองได้รับแรงหนุนอีกครั้งในช่วงต่อมาหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับใกล้ 0 % จนถึงปี 2013 เป็นอย่างน้อย และเฟดกำลังพิจารณาเรื่องการดำเนินมาตรการต่อไป โดยแถลงการณ์ดังกล่าวของเฟดช่วยหนุนตลาดหุ้นวอลล์สตรีทให้ทะยานขึ้น
ราคาทองสปอตขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือ 1,778 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และทำสถิติสูงสุดใหม่ในรูปของยูโร, ปอนด์ และเยนด้วยเช่นกัน
ราคาสัญญาทองส่งมอบเดือนธ.ค.ในตลาดสหรัฐขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือ 1,782 ดอลลาร์
บรรยากาศการซื้อขายมีความผันผวน ในขณะที่นักลงทุนเทขายทำกำไรออกมาเป็นระยะๆ หลังจากราคาทองพุ่งขึ้นเกือบ 5 % ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา
ราคาทองพุ่งขึ้นมาแล้วราว 13 % นับตั้งแต่สิ้นเดือนมิ.ย.
นักลงทุนบางรายกล่าวว่า ปัจจัยทางเทคนิคบ่งชี้ว่าราคาทองมีแนวโน้มปรับฐานลงก่อนที่จะทะยานขึ้นต่อไป
สำหรับราคาโลหะมีค่าที่ตลาด COMEX ในวันอังคารมีดังต่อไปนี้
ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)
ทองเดือนธ.ค. 1,743.00 + 29.80
เงินเดือนก.ย. 37.883 -149.70 (เซนต์)
พลาตินั่มเดือนต.ค. 1,756.40 + 32.80
พัลลาเดียมเดือนก.ย. 734.55 + 6.05 (รอยเตอร์)
ตลาดเงินนิวยอร์ค:ดอลล์ร่วง 5% หลังเฟดยืนยันคงดบ.ใกล้ 0% อีก 2 ปี
ดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างๆในวันอังคาร และร่วงลงมากกว่า 5% เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันที่จะคงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับ 0% ต่อไปอีก 2 ปี ซึ่งลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์สำหรับนักลงทุนทั่วโลก
ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 77.030 เยน เทียบกับระดับปิดวันจันทร์ที่ 77.730 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.4368 ดอลลาร์ และ 110.69 เยน เทียบกับระดับปิดวันจันทร์ที่ 1.4174 ดอลลาร์ และ 110.22 เยน
ในการซื้อขายที่ผันผวนนั้น ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นในช่วงแรกเมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศที่ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์นิวซีแลนด์หลังเฟดออกแถลงการณ์ และยูโรลดช่วงบวกลง แต่ในช่วงท้ายตลาด ดอลลาร์ร่วงลงขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นอย่างมาก
นักลงทุนทั่วโลกผิดหวังที่เฟดไม่ได้เสนอแนวคิดใหม่ๆที่จะยับยั้งการร่วงลงของเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยหวังว่าเฟดจะมีการซื้อพันธบัตรมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ดอลลาร์และยูโรร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสหลังเฟดเปิดเผยแถลงการณ์ และดอลลาร์ปรับตัวลงเมื่อเทียบกับยูโรและเยนด้วย
นักลงทุนมีความระมัดระวังในขณะนี้เกี่ยวกับการแทรกแซงตลาดของธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์เพื่อชะลอการปรับตัวขึ้นของฟรังก์สวิส (รอยเตอร์)
ตลาดเงิน Emerging Asia:เงินเอเชียฟื้นตัวหลังธ.กลางเข้าแทรกแซง
สกุลเงินเอเชียร่วงลงจากแรงเทขายหุ้นอย่างหนัก ก่อนการเข้าแทรกแซงของเจ้าหน้าที่ ขณะที่การฟื้นตัวของตลาดหุ้นช่วยทำให้สกุลเงินในภูมิภาคฟื้นตัว แต่แนวโน้มระยะใกล้ยังคงซบเซาจากความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ของยุโรป และเศรษฐกิจสหรัฐ
วอนฟื้นตัวขึ้น ขณะที่พบว่าทางการขายดอลลาร์/วอนออกมา โดยเฉพาะที่บริเวณจุดสูงสุดที่ 1,096.1 เพื่อสกัดการอ่อนค่าของวอน กลุ่มผู้ส่งออกเข้าซื้อวอนเพื่อชำระบัญชีด้วย
รูเปียห์ฟื้นตัวขึ้นเช่นกันตามหุ้นอินโดนีเซีย หลังจากพบว่าธนาคารกลางอินโดนีเซียเข้าแทรกแซงตลาด นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นอินโดนีเซีย 408.7 ล้านดอลลาร์ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา
เปโซฟื้นตัวขึ้นได้เกือบทั้งหมดจากที่ร่วงลงในช่วงแรกจากความระมัดระวังต่อการแทรกแซงของธนาคารกลางฟิลิปปินส์ ขณะที่หุ้นภูมิภาคฟื้นตัวขึ้น
บาท/ดอลลาร์ภาคบ่ายแข็งค่าจากช่วงเช้า อยู่ที่ 29.88/93 จาก 29.98/30.03 ช่วงเช้า ขณะที่ในตลาด offshore อยู่ที่ 29.87/96 จาก 29.99/30.01 ช่วงเช้า แรงซื้อคืนที่มีกลับเข้ามาบ้างในช่วงสั้น แต่ภาพรวมยังคงอ่อนค่า และถูกกดดันจากการลดความเสี่ยงของนักลงทุนทั่วโลก ผู้ว่าการ ธปท. มองเงินบาทขณะนี้ ยังค่อนข้างมีเสถียรภาพ แม้สกุลเงินอื่นๆในเอเชียอ่อนค่าลง ทำให้ธปท.ไม่ต้องเข้าไปดูแลมากนัก ขณะที่ยังไม่เห็นเงินทุนไหลออก จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก (รอยเตอร์)
ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ (9 ส.ค.) ลบ 7 จุด หรือ 0.55% สู่ระดับ 1257
ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 554
ความเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมามีดังนี้:-
วันที่ ระดับปิด เปลี่ยนแปลง (จุด)
8 ส.ค. 1264 -4
5 ส.ค. 1268 ไม่เปลี่ยนแปลง
4 ส.ค. 1268 +8
3 ส.ค. 1260 +7
2 ส.ค. 1253 -3 (รอยเตอร์)
10-08-11>> POEMSแนวโน้มขาลง...
SETI ปิดปรับตัวลดลงแรงหลุด 1050 จุด ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญของเส้น Uptrend Line ประกอบกับ
Indicators ทุกตัวได้ให้สัญญาณลบ จึงทำให้ SETI มีแนวโน้มเป็นขาลง
ดังนั้นในระยะสั้นแนะนำ "ขาย”
BANPU ปิด 670.00 บาท
หลุดแนวรับของกรอบสามเหลี่ยม ประกอบกับ Indicators
ทุกตัวให้ค่าสัญญาณลบ แนวโน้มเป็นขาลง
แนะนำ "ขาย" แนวรับที่ 650.00-620.00 บาท แนวต้านที่ 676-680
บาท
PTTCH ปิด 143.00 บาท
หลุดเส้น Uptrend Line และปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้นแนวโน้มเป็นขาลง
แนะนำ "ขาย" แนวรับที่ 137.50-130.00 บาท แนวต้านที่ 144.00-145.00 บาท
TOP ปิด 68.50 บาท
สร้าง Head and Shoulders และ หลุดแนวรับบริเวณ 71.00 บาทรวมทั้ง Indicators ทุกตัวให้ค่าสัญญาณลบ แนวโน้มเป็นขาลง
แนะนำ "ขาย" แนวรับที่ 60.00-50.00 บาท แนวต้านที่ 69.25-69.75บาท
SGP ปิด 16.10 บาท
แท่งเทียนมีสีดำ ประกอบกับ Indicators ทุกตัวให้สัญญาณเป็นลบแนวโน้มเป็นขาลง
แนะนำ "ขาย" แนวรับที่ 15.00-14.00 บาท แนวต้านที่ 16.40-16.60บาท
จากการคำนวณข้อมูลระหว่าง วันศุกร์ที่ 5 ส.ค. - อังคารที่ 9 ส.ค. 54 (รวม 3 วัน) * สัปดาห์นี้คำนวณแค่ 4 วัน
*** ทั้งนี้การคำนวณหุ้นเข้าเกณฑ์ประจำสัปดาห์ต้องรวมการซื้อขายของวันที่ 10 ส.ค. 54 (พรุ่งนี้) อีก 1 วันด้วยค่ะ
คาดการณ์ว่า
หุ้นสามัญใน SET ที่มีโอกาสเข้าข่ายเกณฑ์ Cash Balance :
LL คาดเข้าเกณฑ์ Cash Balance แล้ว
THCOM ต้องมีมูลค่าซื้อขายอีกประมาณ 11.50 ล้านบาท (คาดเข้าเกณฑ์)
NEP ต้องมีราคาปิด (10 ส.ค.) ตั้งแต่ 0.98 บาทขึ้นไป
MLINK ต้องมีมูลค่าซื้อขายอีกประมาณ 143 ล้านบาท และมีราคาปิด (10 ส.ค.) ตั้งแต่ 2.61 บาทขึ้นไป
GUNKUL ต้องมีมูลค่าซื้อขายอีกประมาณ 382 ล้านบาท และมีราคาปิด (10 ส.ค.) ตั้งแต่ 18.80 บาทขึ้นไป
LIVE ต้องมีมูลค่าซื้อขายอีกประมาณ 284 ล้านบาท
LOXLEY ต้องมีมูลค่าซื้อขายอีกประมาณ 990 ล้านบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น