

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ดาวโจนส์ปิดทรุด 3.68% จากวิตกเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดทรุดลง 419.63 จุดหรือ 3.68%สู่ 10,990.58, ดัชนี S&P 500 ปิดดิ่งลง 53.24 จุดหรือ 4.46% สู่ 1,140.65และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 131.05 จุดหรือ 5.22% สู่ 2,380.43
ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นสู่ 1.14 หมื่นล้านหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ค,ตลาดหุ้นอเมริกัน (American Stock Exchange) และตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในสัปดาห์นี้
นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับภาวะของภาคธนาคารยุโรปตั้งแต่ก่อนเปิดตลาดและรายงานภาคการผลิตที่น่าผิดหวังของสหรัฐฉุดดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงมากถึง 528 จุดและกระตุ้นให้มีแรงซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อาทิ ทอง
ดัชนีความผันผวน (VIX) ซึ่งวัดความวิตกของนักลงทุนพุ่งขึ้น 38% สู่ 43.56
หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นไอบีเอ็มและยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ถ่วงดัชนีดาวโจนส์ลงมากที่สุด ขณะที่หุ้นออราเคิลฉุดดัชนีNasdaq ลง
นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกครั้ง หลังผลสำรวจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียบ่งชี้ว่า กิจกรรมการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกร่วงลงในเดือนส.ค.สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2009
หุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ดดิ่งลง 6.1% หลังเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส
หุ้นกลุ่มธนาคารฉุดตลาดลงด้วย โดยดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง 5.6%
รายงานข่าวของวอลล์สตรีท เจอร์นัลระบุว่า ผู้ควบคุมด้านกฏระเบียบกำลังตรวจสอบฐานะการเงินของสาขาในสหรัฐของธนาคารรายใหญ่ที่สุดของยุโรป
หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วง 6.3% และหุ้นมอร์แกน สแตนเลย์ดิ่งลง 4.8%
นักเศรษฐศาสตร์ของมอร์แกน สแตนเลย์ได้ปรับลดแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และระบุว่าสหรัฐและยูโรโซนใกล้ที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย--จบ--
ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:กังวลศก.ถดถอยกดน้ำมันดิบรูดลง 5.2 ดอลล์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลงเกือบ 6 % ในวันพฤหัสบดีในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอชุดใหม่จากสหรัฐทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนหลังจากนักลงทุนวิตกกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและปัญหาหนี้ยุโรปอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย.รูดลง 5.20 ดอลลาร์ หรือ 5.94 % มาปิดตลาดที่ 82.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และเคลื่อนตัวในช่วง 81.15-87.53 ดอลลาร์ในระหว่างวัน
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนดิ่งลง 3.61 ดอลลาร์สู่ 106.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยร่วงผ่านค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันลงมาด้วย
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานในภูมิภาคมิดแอตแลนติกของสหรัฐดิ่งลงในเดือนส.ค. โดยรูดลงจาก 3.2ในเดือนก.ค. สู่ -30.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2009โดยดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 0 บ่งชี้ถึงการหดตัวในภาคการผลิต
สหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 9,000 รายสู่ 408,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับขึ้น 0.5 % ในเดือนก.ค. หลังจากร่วงลง 0.2 % ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีเดือนก.ค.ได้รับแรงหนุน
จากราคาน้ำมันเบนซินที่ระดับสูง
บริษัทออยล์ มูฟเมนท์ของอังกฤษคาดการณ์ว่า ปริมาณการส่งออกน้ำมันทางทะเลของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ไม่รวมแองโกลาและเอกวาดอร์อาจลดลง 120,000 บาร์เรลต่อวันในช่วง 4 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.ย.
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐระบุว่า คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกที่อยู่ห่างจากแหลมกราเซียส อา ดิออสในนิคารากัวไปทางทิศตะวันออก-ตะวันออกเฉียงเหนือราว 200 ไมล์ มีโอกาส 80 % ที่จะกลายเป็นพายุไซโคลนในอีก 48 ชั่วโมงข้างหน้า--จบ--
ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ทองสปอตพุ่งขึ้นทำนิวไฮที่ 1,828.5 ดอลล์
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 2.1 % ในวันพฤหัสบดี และทำสถิติสูงสุดที่ 1,828.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะงักงัน และความกังวลเรื่องภาคธนาคารยุโรปกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่นทอง
ราคาสัญญาทองส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดตลาดทะยานขึ้น 1.6 % หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,786.80-1,832.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองปรับขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานในภูมิภาคมิดแอตแลนติกของสหรัฐดิ่งลงในเดือนส.ค. โดยรูดลงจาก 3.2 ในเดือนก.ค. สู่ -30.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2009 โดยดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 0 บ่งชี้ถึงการหดตัวในภาคการผลิต
ยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐดิ่งลง 3.5 % สู่ 4.67 ล้านยูนิตต่อปีในเดือนก.ค.ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
นักลงทุนเทขายหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆเพื่อเข้าซื้อทองและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยมีแนวโน้มว่าราคาทองอาจปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่7 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่ราคาทองจะทะยานขึ้นเหนือ2,000 ดอลลาร์ เพราะว่าความสนใจลงทุนในกองทุน ETF ทองอ่อนแอลง และราคาทองพุ่งขึ้นมาแล้ว 350 ดอลลาร์ในช่วงหนึ่งเดือนครึ่งที่ผ่านมา
บริษัท GFMS ระบุว่า ราคาทองอาจพุ่งขึ้นแตะ 1,900 ดอลลาร์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับปัญหาเศรษฐกิจโลกและต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ดี ไม่มีแนวโน้มว่าราคาทองจะทะยานขึ้นแตะ 2,000 ดอลลาร์
สำหรับราคาโลหะมีค่าที่ตลาด COMEX ในวันพฤหัสบดีมีดังต่อไปนี้
ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)
ทองเดือนธ.ค. 1,822.00 + 28.20
เงินเดือนก.ย. 40.688 + 33.70 (เซนต์)
ส่วนราคาโลหะมีค่าที่ตลาด NYMEX ในวันพฤหัสบดีมีดังต่อไปนี้
ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)
พลาตินั่มเดือนต.ค. 1,847.70 + 6.90
พัลลาเดียมเดือนก.ย. 757.00 - 18.90 --จบ--
ตลาดเงิน Emerging Asia:ขายทำกำไรกดดันดอลล์สิงคโปร์นำสกุลเงินเอเชียร่วง
ดอลลาร์สิงคโปร์ร่วงทะลุแนวรับระยะสั้นจากแรงขายทำกำไรของวาณิชธนกิจ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแทรกแซงตลาด และอัตราดอกเบี้ยติดลบในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนลดสัดส่วนการถือสกุลเงินเอเชีย เนื่องจากตลาดหุ้นปรับตัวลง ซึ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่อ่อนแอต่อสกุลเงินเอเชีย
นักวิเคราะห์และดีลเลอร์คาดว่า เงินเอเชียอาจมีการปรับฐานมากขึ้น ถ้าข้อมูลสหรัฐในวันนี้เพิ่มความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญกับภาวะถดถอยอีกครั้ง
นักลงทุนกำลังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสอง และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจในเขตมิด-แอตแลนติก
เนื่องจากความวิตกดังกล่าว ผู้กำหนดนโยบายในเอเชียบางส่วนเริ่มจึงทบทวนนโยบายการต่อสู้กับเงินเฟ้อแล้ว
หลายคนคาดว่าธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) จะปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อชะลอการแข็งค่าอย่างมากของดอลลาร์สิงคโปร์
ในปีนี้ ดอลลาร์สิงคโปร์เป็นสกุลเงินที่แข็งค่าขึ้นมากที่สุดในภูมิภาค โดยพุ่งขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยจากมุมมองที่ว่า MAS จะปล่อยให้ดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ
แต่การปรับฐานของสกุลเงินเอเชียในช่วงที่ผ่านมายังไม่มีท่าทีว่าจะยุติแนวโน้มแข็งค่าในระยะยาว
"เศรษฐกิจโลกอาจจะชะลอตัวลง แต่เราคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วจะแตกต่างกันมากขึ้น อันเนื่องจากเหตุการณ์ในปัจจุบัน ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกนาน ซึ่งหยวน, ดอลลาร์ไต้หวัน และดอลลาร์สิงคโปร์ก็น่าจะแข็งค่าขึ้นต่อไป" บาร์เคลย์ แคปิตอลระบุ
ดอลลาร์สิงคโปร์อ่อนค่าลงต่ำกว่าแนวรับระยะใกล้ที่ 1.2090 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ทำไว้เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ขณะที่วาณิชธนกิจและธนาคารในสหรัฐซื้อคืนดอลลาร์
วอนปรับตัวลง 0.3% ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศขายวอน ขณะที่หุ้นร่วงลง
ดีลเลอร์บางรายระมัดระวังต่อการที่เจ้าหน้าที่เข้าแทรกแซงขายดอลลาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวอนแข็งค่าทะลุระดับ 1,070 ต่อดอลลาร์
ENGLAND:ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index)ปิดบวก 43 จุด สู่ 1414
ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ (18 ส.ค.) บวก 43 จุดหรือ 3.14% สู่ระดับ 1414
ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 554
ความเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมามีดังนี้:-
วันที่ ระดับปิด เปลี่ยนแปลง (จุด)
17 ส.ค. 1371 +27
16 ส.ค. 1344 +38
15 ส.ค. 1306 +19
12 ส.ค. 1287 +10
11 ส.ค. 1277 +12
19-08-54POEMS>> แนวโน้ม Sideways...
SETI ปิดปรับตัวลดลง แต่ RSI และ Modified Stochastic ให้ค่าสัญญาณบวก จึงทำให้มีแนวโน้ม
ในระยะสั้นเป็น Sidewaysดังนั้นในระยะสั้นแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร”
TPIPL ปิด 13.80 บาท
ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นพร้อมปริมาณการซื้อขายหนุน รวมทั้ง Indicatorsทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวต้านที่ 14.50-15.00 บาท แนวรับที่ 13.50-13.30 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 13.00 บาท
CYBER ปิด 1.46 บาท
แท่งเทียนมีสีขาวพร้อมปริมาณการซื้อขายหนุน รวมทั้ง Indicatorsทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวต้านที่ 1.56-1.60 บาท แนวรับที่ 1.43-1.41 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 1.38 บาท
KAMART ปิด 1.53 บาท
ราคาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น รวมทั้ง Indicatorsทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวต้านที่ 1.60-1.65 บาท แนวรับที่ 1.50-1.48 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 1.46 บาท
RASA ปิด 1.54 บาท
แท่งเทียนมีสีขาวพร้อมปริมาณการซื้อขายหนุน รวมทั้ง MACDสามารถปิดเหนือเส้น Zero Line แนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวต้านที่ 1.60-1.75 บาท แนวรับที่ 1.51-1.49 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 1.46 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น