

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ดาวโจนส์ปิดบวก 0.04% ขณะหุ้นเทคโนฯถ่วงตลาด
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงในวันอังคาร หลังบริษัทเดลล์เปิดเผยแนวโน้มยอดขายที่น่าผิดหวัง ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 3
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 4.28 จุดหรือ 0.04%สู่ 11,410.21, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 1.13 จุดหรือ 0.09% สู่ 1,193.89และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวลง 11.97 จุดหรือ 0.47% สู่ 2,511.48
ปริมาณการซื้อขายชะลอลงสู่ 7.17 พันล้านหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ค,ตลาดหุ้นอเมริกัน (American Stock Exchange) และตลาดหุ้น Nasdaqลดลงจากปริมาณเฉลี่ยต่อวันที่ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
จำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกประมาณ 7 ต่อ 6 ในตลาด Nasdadและ 3 ต่อ 2 ในตลาดนิวยอร์ค
ดัชนีดาวโจนส์และ S&P ปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในการซื้อขายที่ผันผวน โดยนักลงทุนขายหุ้นที่เกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพื่อเข้าซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มเทเลคอมและสาธารณูปโภค
หุ้นเดลล์ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในดัชนี S&P โดยร่วงลง 10% หลังจากบริษัทแสดงความเห็นที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีของภาครัฐ
หุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ดร่วงลง 3.7% และถ่วงดัชนีดาวโจนส์ลงด้วยขณะที่นักลงทุนวิตกว่าการใช้จ่ายของภาคธุรกิจอาจลดลงในไตรมาสต่อๆไป
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลงหลังบริษัทเอเบอร์ครอมไบ แอนด์ ฟิทช์รายงานผลประกอบการที่อ่อนแอ
ความวิตกที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง และยุโรปอาจไม่สามารถยับยั้งปัญหาด้านการเงินนั้น ส่งผลกระทบต่อตลาด--จบ--
ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:ตัวเลขเบนซินหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 93 เซนต์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดตลาดปรับขึ้นในวันพุธหลังจากร่วงลงในวันอังคาร โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินที่ดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาด ซึ่งช่วยบดบังแรงลบที่ราคาน้ำมันได้รับจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบ
ที่เพิ่มขึ้น และจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.07 % มาปิดตลาดที่ 87.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 86.65-89.00 ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนทะยานขึ้น 1.47ดอลลาร์ สู่ 110.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวันที่ 111.74ดอลลาร์
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล สู่ 354.0 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ส.ค., สต็อกน้ำมันกลั่นทะยานขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สู่ 154.0 ล้านบาร์เรล,สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล สู่ 210.1 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันheating oil เพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล สู่ 39.4 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.9 % สู่ 89.1 %
แหล่งข่าวกล่าวว่า ตุรกีส่งเครื่องบินรบไปโจมตีเป้าหมายของเคิร์ดในภาคเหนือของอิรัก โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกลุ่มกบฏชาวเคิร์ดทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกีสังหารทหารตายไป 12 คน
นายเปาโล โรเบร์โต คอสตา ผู้อำนวยการฝ่ายอุปทานของเปโตรบาส ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลบราซิลกล่าวว่า เปโตรบาสจะนำเข้าน้ำมันเบนซิน 630,000บาร์เรลก่อนสิ้นเดือนส.ค.--จบ--
ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ตัวเลขเงินเฟ้อหนุนราคาทองปรับขึ้น
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดตลาดขยับขึ้นในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น และจากการคาดการณ์ที่ว่า ข้อเสนอของฝรั่งเศส-เยอรมนีในสัปดาห์นี้จะไม่สามารถคลี่คลายวิกฤติหนี้ยูโรโซน
ราคาสัญญาทองส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดตลาดปรับขึ้น 0.5 % หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,781.60-1,797.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) พื้นฐานของสหรัฐทะยานขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 6 เดือนในเดือนก.ค. โดยดัชนีปรับขึ้น 0.4 % ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.
ราคาทองได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากถ้อยแถลงของประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซของเวเนซุเอลา โดยเขากล่าวว่าเขาวางแผนจะโอนอุตสาหกรรมทองเข้ามาเป็นของรัฐ เพื่อเป็นการเสริมทุนสำรองระหว่างประเทศของเวเนซุเอลา
นายลีโอ ลาร์คิน นักวิเคราะห์หุ้นโลหะของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P)กล่าวว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคำสั่งซื้อเข้ามามากเกินไปในทอง โดยวัดจากสัญญาณทางเทคนิคหลายตัว" และกล่าวเสริมว่าราคาทองอาจร่วงลงสู่ระดับ 1,450-1,550 ดอลลาร์ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
ราคาโลหะเงินในตลาดสปอตพุ่งขึ้น 1.2 % สู่ 40.34 ดอลลาร์
ราคาพลาตินั่มทะยานขึ้น 1.2 % โดยได้รับแรงหนุนจากการขู่ว่าจะมีการผละงานประท้วงในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตพลาตินั่มมากที่สุดในโลก และได้รับแรงหนุนจากเงินลงทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่กองทุน ETF ด้วย
สำหรับราคาโลหะมีค่าที่ตลาด COMEX ในวันพุธมีดังต่อไปนี้
ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)
ทองเดือนธ.ค. 1,793.80 + 8.80
เงินเดือนก.ย. 40.351 + 53.20 (เซนต์)
ส่วนราคาโลหะมีค่าที่ตลาด NYMEX ในวันพุธมีดังต่อไปนี้
ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)
พลาตินั่มเดือนต.ค. 1,840.80 + 22.70
พัลลาเดียมเดือนก.ย. 775.90 + 19.40 --จบ--
ตลาดเงิน Emerging Asia:วอน,ดอลล์สิงคโปร์อ่อนค่า ขณะวิตกยูโรโซนกดดันตลาด
วอนและดอลลาร์สิงคโปร์อ่อนค่าลงในวันนี้ ขณะที่กลุ่มนักเก็งกำไรอินเตอร์แบงก์เข้าถือดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น หลังไม่มีความคืบหน้าในการออกพันธบัตรยูโรโซน และหลังจากธนาคารกลางสวิส (SNB) ได้ชะลอการออกมาตรการต่างๆ อาทิ การผูกติดค่าเงิน ในการสกัดการแข็งค่าของฟรังก์สวิส ซึ่งส่งผลฉุดยูโรร่วงลง
ในช่วงเช้านี้ SNB เปิดเผยว่า จะขยายมาตรการที่มีอยู่เพื่อจัดการกับการพุ่งขึ้นของฟรังก์สวิสด้วยการขยายเงินฝากธนาคาร และจะดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อจัดการกับการแข็งค่าของฟรังก์ ถ้าจำเป็น
การประกาศดังกล่าวได้สกัดการฟื้นตัวของยูโร ซึ่งได้อ่อนค่าลงจากความผิดหวังต่อผลการประชุมสุดยอดฝรั่งเศส-เยอรมนี และส่งผลกระทบต่อสกุลเงินเอเชีย
นักวิเคราะห์และดีลเลอร์คาดว่า ความวิตกเกี่ยวกับยูโรโซน ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจะกดดันเงินเอเชีย
เมื่อวานนี้ ฝรั่งเศสและเยอรมนีได้เปิดเผยแผนที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับยูโรโซน ซึ่งรวมถึงการจำกัดยอดขาดดุล และจัดการประชุมสุดยอดปีละ 2 ครั้ง ขณะที่ระบุว่า การออกพันธบัตรยูโรโซนอาจเป็นทางเลือกในระยะยาว
แต่ดีลเลอร์และนักวิเคราะห์หลายคนยังมีมุมมองเชิงบวกต่อสกุลเงินเอเชียจากกระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
วอนร่วงลง แต่ก็ฟื้นตัวขึ้นได้เกือบทั้งหมด ขณะที่กลุ่มผู้ส่งออกเข้าซื้อวอนเพื่อชำระบัญชี และกลุ่มนักเก็งกำไรขายดอลลาร์เพื่อตัดขาดทุน
ดอลลาร์สิงคโปร์ปรับตัวลง แต่ก็คาดว่าจะทดสอบระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.1993 ต่อดอลลาร์
แต่นักลงทุนยังคงระมัดระวังต่อแนวโน้มการแทรกแซงของธนาคารกลางสิงคโปร์เพื่อปกป้องระดับ 1.2000
ในปีนี้ ดอลลาร์สิงคโปร์เป็นสกุลเงินที่แข็งค่าขึ้นมากที่สุดในภูมิภาค โดยพุ่งขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
ENGLAND:ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index)ปิดบวก 27 จุด สู่ 1371
ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ (17 ส.ค.) บวก 27 จุดหรือ 2.01% สู่ระดับ 1371
ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 554
ความเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมามีดังนี้:-
วันที่ ระดับปิด เปลี่ยนแปลง (จุด)
16 ส.ค. 1344 +38
15 ส.ค. 1306 +19
12 ส.ค. 1287 +10
11 ส.ค. 1277 +12
10 ส.ค. 1265 +8
18-08-11POEMS>> แนวโน้ม Sideways...
SETI ปิดปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้นพร้อมมูลค่าการซื้อขายหนุน และ RSI และModified Stochastic ให้ค่าสัญญาณบวก จึงทำให้มีแนวโน้มในระยะสั้นดูดีขึ้นเปลี่ยนจากขาลงเป็นSideways
ดังนั้นในระยะสั้นแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร”
QH ปิด 1.94 บาท
ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นพร้อมปริมาณการซื้อขายหนุน โดยสร้างรูปแบบTriple Bottom และอยู่บริเวณแนวรับของเส้น Neck Line บริเวณ
1.94-1.93 บาท รวมทั้ง Indicators ทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวกแนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อ" แนวต้านที่ 2.15-2.20 บาท แนวรับที่ 1.93-1.90 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 1.87 บาท
CENTEL ปิด 11.70 บาท
ราคาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น รวมทั้ง Modified Stochasticและ RSI ให้ค่าสัญญาณบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อ" แนวต้านที่ 12.10-13.00 บาท แนวรับที่ 11.40-11.20บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 11.00 บาท
SAMART ปิด 10.20 บาท
ราคาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น รวมทั้ง RSI ให้ค่าสัญญาณบวกแนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวต้านที่ 10.60-11.00 บาท แนวรับที่ 9.95-9.85 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 9.70 บาท
PE ปิด 0.64 บาท
ราคาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น รวมทั้งแท่งเทียนมีสีขาวพร้อมวอลุ่มหนุน แนวโน้มเป็นขาขึ้น
แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวต้านที่ 0.70-0.75 บาท แนวรับที่ 0.62-0.60 บาท Cut Loss หากราคาปิดต่ำกว่า 0.87 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น