Code 147 : Higher high

วันพุธที่ 1 กันยายน 2553
ATT Code : Higher High

Set ปิดที่ 919.34 จุด +6.15 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.9 หมื่นล้านบาท โดยแนวโน้มในวันพรุ่งนี้มีอาจจะขึ้นต่อได้เนื่องจาก
1. SET ปิดเป็น Higher High
2. มูลค่าการซื้อขายที่มากเกือบ 5 หมื่นล้านบาท
3. SET สามารถยืนเหนือ BB Top ที่ 918 ได้

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
1 กย. 53 ( +3.54 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338
แกว่งตัว 903 - 913 จุด
แนวโน้มวันพุธช่วงเช้า ดัชนี “อาจจะ”
แกว่งตัวในกรอบ 903 – 913 หรือประมาณจุด
ต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของวันอังคาร
จากนั้นการปรับตัวขึ้น เกิน 913.81
จุดสูงสุดของวันอังคาร จะทำให้ดัชนีมีแนวโน้ม
ในการปรับตัวขึ้นต่อไป มีเป้าหมายประมาณ
เดือน ตค. แถว 1020 – 1030 จุด ในรูปแบบของ
Zigzag wave
ขณะที่การปรับตัวลง ต่ำกว่า 900.75 จุด
ต่ำสุดของวันอังคาร และเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง
จะทำให้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงแถว 890 – 895
จุด ( แต่ตราบใดไม่ต่ำกว่า 874 จุด เส้นค่าเฉลี่ย
25 วัน ... ถือว่าตลาดยังคงอยู่ในแนวโน้มหลัก
“ขาขึ้น” )


----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ADVANC ยังแจ่มสุด!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 31 ส.ค. 53 ปิดที่ 913.19 จุด เพิ่มขึ้น 3.54 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 46,160.48 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,419.05 ล้านบาท

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส คาดว่าทั้ง 3 บริษัทจะผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมประมูลวันที่ 14 ก.ย.นี้ เนื่องจากมีความพร้อมทั้งด้านฐานลูกค้าและแหล่งเงินทุน โดยครั้งแรกนี้ กทช.จะออกใบอนุญาตเพียง 2 ใบ เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านราคาในการประมูล

ส่วนอีก 1 ใบ จะเปิดประมูลภายใน 90 วัน หลังจากการประมูลครั้งแรกสิ้นสุด โดยจะกำหนดราคาประมูลขั้นต่ำเท่ากับราคาชนะการประมูลของครั้งก่อนหน้าที่ต่ำที่สุด และจะไม่ใช้วิธีการประมูลแบบ N-1

ฝ่ายวิจัยจึงประเมินว่า ท้ายที่สุด ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย จะได้ใบ อนุญาต 3 จี แต่มี 1 ราย ที่จะได้ใบอนุญาตช้ากว่าคู่แข่งขันราว 3 เดือน ทำให้ต้องเปิดให้บริการช้ากว่าคู่แข่ง ทั้งนี้เชื่อว่าผู้ที่จะได้รับใบอนุญาต

รอบแรกอย่างแน่นอน คือ ADVANC เนื่องจากมีความพร้อมด้านเงินทุนมากกว่ารายอื่น

ทั้งนี้ เลือก ADVANC และ DTAC เป็น Top Pick กลุ่มสื่อสาร เนื่องจากฐานะการเงินแข็งแกร่งสุด บวกกับราคาหุ้นยังมี Upside ค่อนข้างมาก โดยให้ราคาพื้นฐาน ADVANC ที่ 118 บาท และ DTAC ที่ 58 บาท

ส่วน TRUE มีฐานะการเงินอ่อนแอสุด คือมี Net Debt/Equity สูงถึง 6.46 เท่า คาดว่าจะมีการเพิ่มทุนราว 1 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุน 3 จี ที่มีมูลค่าสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท ในระยะ 3 ปี ประเมินมูลค่าพื้นฐานหุ้น TRUE (รวมมูลค่าเพิ่มจาก 3 จี ภายใต้สมมติฐาน TRUE สามารถเพิ่มทุนโดยยึดหลักอนุรักษ์นิยมที่ 4 บาท) จะได้ที่ 6.02 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน จึงแนะ "ถือ"

ด้าน บล.ธนชาต แนะ "ซื้อ" ADVANC และ DTAC ส่วน TRUE มีความเสี่ยง เพราะฐานะทางการเงินที่อ่อนแอที่สุด แม้ว่าจะมีโอกาสในรอบที่ 2 แต่การทำตลาดที่ช้ากว่า 3 เดือน ทำให้เสียเปรียบคู่แข่ง.

FSS:ถ้าเข้ารับตอนปรับตัวลงไปแล้วช่วงนี้เน้นถือต่อเนื่อง..เข้าใหม่รอผ่าน 915 ขึ้น!!
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นไทยยังคงแสดงความแข็งแกร่ง โดยวานนี้ดัชนีไหลลงไปทดสอบแนวรับทางเทคนิคแถว 900 จุดแล้วเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยเฉพาะในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศที่มียอดซื้อสุทธิสูงถึงเกือบ 2.5 พันล้านบาท ทำให้ SET ดีดกลับมาปิดเป็นบวกได้ ขณะที่เช้านี้แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดบวกไปเพียงเล็กน้อย จากความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง แต่ก็ถือว่าไม่กดดันต่อตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเท่าใด โดยตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่เช้านี้สามารถดีดกลับขึ้นจากการปรับตัวลงเมื่อวานนี้ได้ด้วย ทำให้FSS คาดว่า SET เช้านี้จะยังคงบวกขึ้นต่อจากวานนี้ได้ โดยหุ้นกลุ่มแบงก์และพลังงานที่มีแรงซื้อ
เข้ามาในช่วงท้ายวานนี้ น่าจะยังเป็นกลุ่มที่ผลักดันตลาดให้บวกต่อ และตามด้วยหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง รวมทั้งหุ้นในกลุ่มสื่อสารบางตัวก็เริ่มมีแรงซื้อกลับแล้วด้วยเช่นกัน ดังนั้นเรายังแนะนำให้ตามเข้าเทรดดิ้งต่อได้ โดยยังเน้นเลือกหุ้นเข้าซื้อเป็นรายตัวไปอยู่
กลยุทธ์: กลับมาตามเข้าเทรดดิ้งอีกครั้ง โดยเน้นหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากๆ เป็นหลัก ได้แก่ SCB, KBANK, BAY, TCAP, KCE, HANA, DELTA, LPN, QH, SIRI,SPALI , DCC, ROJNA, GFPT, TTW และ BTS เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) การท่องเที่ยวและการลงทุนเดือน ก.ค. ยังขยายตัวต่อเนื่อง เศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค. ขยายตัวในอัตราที่ชะลองจากเดือนก่อนจากการส่งออกที่เริ่มชะลอ อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวและการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนในหมวดก่อสร้างฟื้นตัวต่อเนื่อง
(เก็งกำไรหุ้นที่ได้รับผลบวกจากการท่องเที่ยว MINT, CENTEL, BGH, MAKRO หุ้นที่ได้รับผลบวกจากการลงทุน CK, NWR, HEMRAJ, BTS, TASCO, SCC, SCB, BAY,BBL) ส่วนการบริโภคภาคเอกชนชะลอจากเดือนก่อนเพียงเล็กน้อย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังปรับตัวดีขึ้น เก็งกำไร CPALL, BIGC, KCE, BEC
(+) มาบตาพุดมีลุ้นอีกทีวันที่ 2 ก.ย. ศาลฯ อาจยกฟ้องโครงการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นบวกกับ PTT, PTTCH, SCC, GLOW, TTCL, TNDT, QLT, TRC หลังจากวานนี้ ครม.ไฟเขียวประกาศ 11 ประเภทกิจการรุนแรงไปแล้ว
(+) TASCO กรมทางหลวงได้ปรับแผนการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ใหม่ เป็นแผนระยะเร่งด่วน 10 ปี 5 สายทาง 707 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 179,420 ล้านบาท จากกรอบการลงทุนเดิมปี 2550-2560 เป็นปี 2554-2564 โดยเลื่อนไปจากแผนเดิมออกไปอีก 5 ปี เนื่องจากแผนงานล่าช้าไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะแต่ละโครงการใช้เงินลงทุนสูงต้องให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน นำร่อง"บางปะอิน-สระบุรี-โคราช" ก่อน เรากำลังอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ TASCO อีกครั้ง มีโอกาสปรับขึ้นเป็น 70-80 บาท
(+) ค้าปลีก วันนี้ปรับประมาณการกำไรกลุ่มปี 2011 – 2012 อีก 6.4% และ 9% เป็นการเติบโต 18.6% และ 12% ตามลำดับ และ re-rate ราคาเป้าหมายขึ้นโดย CPALLเป็น 48 บาท โดดเด่นสุด ตามด้วย BIGC 68 บาท
• Fund Flow วานนี้กลับมาไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาค แต่ปริมาณไม่มาก ยกเว้นตลาดหุ้นไทยและเวียดนามที่ซื้อสุทธิมากกว่าปกติ เราเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมองตลาดหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงและยังเน้นการลงทุนในตลาดพันธบัตรมากกว่า การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจะยังเป็นปัจจัยกดดันตลาด แม้เฟดจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าจะไม่เกิดภาวะถอดถอยรอบที่ 2 และยังไม่มีความจำเป็นต้องใส่เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในตอนนี้ อย่างไรก็ตามค่าเงินเอเชียและค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐก็ยังแสดงให้เห็นว่ามีเม็ดเงินไหลเข้าจากต่างชาติเป็นจำนวนมากและต่อเนื่องเช่นกัน ส่วนใหญ่อาจเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรมากกว่าตลาดหุ้น แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็ยังเชื่อว่าเม็ดเงินก็จะโยกเข้าตลาดหุ้นเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่เติบโตสูงทำให้บริษัทจดทะเบียนมีกำไรและดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นจะยิ่งทำให้ตลาดพันธบัตรมีความน่าสนใจน้อยลง

ข่าวภายในประเทศ
SAT กองทุนบิ๊กล็อต 20 ล้านหุ้น เจอแล้วคนปล่อยบิ๊กล็อต SAT “วีระยุทธ” ชี้หุ้นเพิ่มทุน PP เนื้อหอมไม่พอขาย TEF เลยจัดส่งบิ๊กล็อตให้สถาบันแทน 20 ล้านหุ้น ราคา 21.80 บาท ตะลึงฟาดกำไรเพียบ 178 ล้านบาท หลังมีต้นทุนราคา IPO แค่ 12.90 บาท เชื่องวดนี้ SAT ได้เงินจากขาย 300 ล้านบาท วงการเงินชี้ ออเดอร์ไตรมาส 3 กระฉูด 1,600 ล้านบาท กำไรปรี๊ด 190 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 1-09-2010)
SIAM กำไรก้าวกระโดดได้งานออสเตรเลียหนุนซื้อเป้าหมาย 3.95 บาท SIAM ยิ่มร่าได้งานออสเตรเลียหนุน ดันรายได้-กำไรโตก้าวกระโดดขณะที่มีงานรอส่งมอบงานใหม่ 52 ล้านเหรียญฯ และมีงานของปตท.อีก 100 ล้านบาท ทยอยรับรู้ในปีหน้า ส่วนปี 53 พลิกเป็นกำไร แถมจ่ายปันผลอีก 00.2 บาทต่อหุ้น โบรกฯแนะซื้อราคาเหมาะสม 3.95 บาท เหลืออัพไซด์ 36% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 1-09-2010)
หุ้นรับเหมาก่อสร้างเด้งยกแผง ขานรับข่าวครม.ไฟเขียวรถไฟฟ้าความเร็วสูง 4 เส้นทาง หุ้นรับเหมาเด้งยกแผง ขานรับข่าวรถไฟฟ้า
ความเร็วสูง 4 เส้นทาง ทั้ง STEC-CK-ITD-NWR-SEAFCO แต่ปัจจัยหลักยังมาจากการชนะประมูลโครงการต่างๆ ส่งผลให้งานในมือ 7 บริษัทแตะ2 แสนล้านบาท ขณะที่งบไตรมาส 2/53 ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว คาดครึ่งปีหลังฉลุย “NWR” การันตีรายได้ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 3.4 พันล้านบาท ทยอยบุ๊คจากแบ็กล็อก 1 หมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 1-09-2010)
ลุ้นเปิดโรงแยกก๊าซ 6 ลดภาระนำเข้า LPG ถึงเดือนละแสนตัน น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หากโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ไม่ติดใน 11 ประเภทกิจการรุนแรง หลังจากวานนี้ ครม.อนุมัติประกาศ11 ประเภทกิจการรุนแรง ที่ต้องทำรายงานผลกระทบต่อสุขภาพ (เอชไอเอ) โดยขั้นตอนต่อไปก็ต้องขออนุญาตดำเนินกิจการต่อไป คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือนในการประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นจึงจะเดินหน้าโครงการได้ไม่เกินไตรมาส 4 ปีนี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 1-09-2010)
MAKRO เพิ่มสาขาหนองคายส่งท้ายปีเชื่อท่องเที่ยวฟื้นดันยอดขายเพิ่มขึ้น MAKRO ครึ่งปีหลังแนวโน้มดีในระดับใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรกที่ยอดขายโต 15% มองการท่องเที่ยวฟื้นช่วงปลายปี ส่วนการขยายสาขาใหม่ 4 สาขาปีนี้ทุ่มงบ 1,500-1,600 ล้านบาท ล่าสุดเตรียมเปิดสาขาสุดท้ายที่ จ.หนองคาย วันที่ 29 ก.ย.นี้ พร้อมทุ่มงบอีก 23 ล้านบาท จัดงานตลาดนัดโชห่วยครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 16-19 ก.ย. 53 ตั้งเป้ามีผู้เข้าร่วมงาน 60,000 ราย (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 1-09-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: เงินเฟ้อยูโรโซนเดือนส.ค.อ่อนตัวแตะ 1.6% ขณะอัตราว่างงานเดือนก.ค.ทรงตัวที่ 10% ยูโรสแตท (Eurostat) ซึ่งเป็นสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของ 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรปรับตัวลดลงในเดือนส.ค. ราคาผู้บริโภคในเขตยูโรโซนขยายตัวที่ระดับ 1.6% ในเดือนส.ค. ชะลอตัวลงจากระดับ 1.7% ในเดือนก.ค. โดยราคาพลังงานและอาหารที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้นในเดือนส.ค. ซึ่งข้อมูลราคาผู้บริโภคบ่งชี้ว่า การขยายตัวของราคาสินค้ายังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ธนาคารกลางยุโรปต้องการควบคุมให้อัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 2% นอกจากนี้ ยูโรสแตทเปิดเผยรายงานอีกฉบับหนึ่งซึ่งระบุว่า อัตราว่างงานในเขตยูโรโซนทรงตัวที่ระดับ 10% ในเดือนก.ค. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 31-08-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีภาวะธุรกิจในนิวยอร์กซิตี้ชะลอตัวลงในเดือนส.ค. สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจภาคธุรกิจในนิวยอ์กซิตี้ พบว่า ดัชนีภาวะธุรกิจในนิวยอร์กซิตี้เดือนส.ค. ยืนอยู่ที่ระดับ 55.6 จุด ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก.ค.ที่ระดับ59.4 จุด เนื่องจากผู้ประกอบการในภาคธุรกิจที่มีมุมมองที่เป็นลบมากขึ้นต่อแนวโน้มการจ้างงานและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ส่วนดัชนีแนวโน้มธุรกิจในระยะ 6 เดือนร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 58.4 จุดในเดือนส.ค. จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 69.6 จุด และดัชนีการจ้างงานในเดือนส.ค.ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนที่ 50.0 จุด จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 51.5 จุด (ที่มา: อินโฟเควสท์ 01-09-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดนำเข้าน้ำมันเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.3% ทำสถิติขยายตัวครั้งแรกในรอบ 2 เดือน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า การนำเข้าน้ำมันดิบของญี่ปุ่นมีปริมาณเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 110.89 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ด้านกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และ อุตสาหกรรมของญี่ปุ่น รายงานว่า การนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางซึ่งคิดเป็น 85.6% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด ลดลง 3.2% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 31-08-2010)
เอเชีย: อินเดียเผย GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 8.8% หลังการอุปโภคบริโภค-ภาคการผลิตแข็งแกร่ง กระทรวงสถิติของอินเดียรายงานในวันนี้ (31 ส.ค.) ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปี 2553 ขยายตัวในอัตรา 8.8% ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบเกือบ 3 ปี เพราะได้แรงหนุนจากอัตราการอุปโภคบริโภค ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรที่ขยายตัวแข็งแกร่ง (ที่มา:อินโฟเควสท์ 31-08-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น