Code 154 : พลังงานกับแบงค์ดันตลาด +12 จุด

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน 2553
ATT Code : พลังงานกับแบงค์ดันตลาด +12 จุด
เช้านี้ SET เปิดที่ 931.72 จุด + 7.15 จุด โดยสามารถเปิดเหนือเส้น 5 วัน ที่ 928 จุด ได้ โดยลงมา Low ที่ 929.83 แต่ตลอดทั้งวันสามารถยืนเหนือเส้น 5 วันได้ตลอด โดยขึ้นไป High ที่ 938.93 จุด ก่อนที่จะมาปิดย่อลงนิดหน่อยที่ 937.04 จุด +12.47 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.7 หมื่นล้านบาท โดยวันนนี้กลุ่มพลังงานและกลุ่มแบงค์ ยังคงเป็นตัวนำตลาดอยู่ สามารถดันตลาดขึ้นมาบวกได้ถึง 12 จุด สำหรับการคาดการณ์ในวันพรุ่งนี้ มีแนวต้านอยู่ที่ BB Top ที่ 946 จุด และมีแนวรับอยู่ที่เส้น 5 วัน ที่ 928 จุด โดยจะต้องติดตามข่าว 3G และข่าวในกลุ่มพลังงานเป็นหลัก

----------------------------------------------------------------------------------
FSS: SET ขยับขึ้นยังน่าที่จะแบ่งส่วนทำกำไรบ้าง … เพื่อรอจังหวะซื้อใหม่ตอนลง!!
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ค่อนข้างสดใส หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในระยะหลังออกมาค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนเริ่มคลายความวิตกต่อปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจลงได้บ้าง ดังนั้นวันนี้เราคาดว่า SET จะยังสามารถเคลื่อนไหวอยู่ในด้านบวกต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้วได้ อย่างไรก็ตามในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว SET เริ่มมีอาการแกว่งตัวผันผวนภายใต้แรงขายจากระดับดัชนี 930 จุด แม้ว่านักลงทุนต่างประเทศจะยังคงมียอดซื้อสุทธิต่อเนื่อง
ในระดับกว่า 2 พันล้านบาทต่อวันก็ตาม ทำให้ถือว่ามีความเสี่ยงพอควรต่อการที่ตลาดหุ้นไทยอาจจะปรับพักตัวลงต่อไปที่ระดับดัชนี 900 จุดต้นๆ ได้อีกครั้ง ดังนั้น FSS แนะนำว่าถ้าจะตามเข้าเทรดดิ้งต่อเนื่องจึงควรรอจังหวะที่ SET สามารถผ่านแรงกดดันจากบริเวณ 930 จุดขึ้นไปได้ก่อนเพื่อถือขึ้นไปรอขายทำกำไรที่ระดับดัชนี 950 จุดหรือใกล้เคียงต่อไป แต่ถ้ายังไม่ผ่าน 930 จุดขึ้นก็น่ารอให้ตลาดปรับพักตัวลงไปแถว 900 จุดต้นๆ ก่อนที่จะกลับเข้าเลือกหุ้นเข้ารับเพื่อลุ้นรอบรีบาวด์ถัดไป ส่วนหุ้นในกลุ่มสื่อสารวันนี้อาจต้องระมัดระวังการแกว่งตัวผันผวนอีกครั้ง หลังบอร์ดกสท. มีมติที่จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอระงับการเปิดประมูล 3G ซึ่งใกล้ที่จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้าแล้ว ซึ่งคงต้องติดตามว่าศาลฯ จะมีคำสั่งให้รับคำฟ้องหรือไม่ และจะมีคำสั่งให้ระงับการประมูลชั่วคราวเพื่อรอการพิจารณาของศาลฯ หรือไม่ด้วยกลยุทธ์: ยังต้องระวังแรงขายจากแนวต้าน 930 จุด ผ่านได้ถึงจะตามต่อขึ้นหา 945 จุด(+/-) แต่
ยังควรแบ่งส่วนขายทำกำไรบ้าง เพื่อลดความเสี่ยงจากโอกาสผันผวนของ SET สำหรับรายชื่อหุ้นที่ราคาตลาดยังต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากๆ ได้แก่ KCE, TASCO, AMATA, HANA,GFPT, DELTA, SCB, PTTEP, CPALL, VNG, PS, SPALI, GLOBAL, SEAFCO, LPN, IRPC,GLOW, TTW, QH, PTTAR และ BANPU เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (0) บาทมีแนวโน้มแข็งค่าอีกต่อเนื่อง ฝ่ายกลยุทธ์ของเราได้ปรับคาดการณ์ค่าเงินบาทต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเป็น 30.25 บาทในปี 2010 และเป็น 29.13 บาทในปี 2011จากเดิมที่คาดการณ์ที่ 32.74 บาท และ 32 บาทตามลำดับ แม้ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าแล้ว 7.4% YTD แต่มีแนวโน้มว่าเงินบาทยังจะแข็งค่าได้อีกต่อเนื่อง
• (+) กลุ่มที่ได้รับผลบวก เป็นกลุ่มที่มีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ หรือมีหนี้เป็นดอลลาร์ ได้แก่กลุ่มที่อยู่อาศัย กลุ่มเหล็ก กลุ่มรับเหมา กลุ่มพวกนี้จะนำเข้าเหล็กก่อสร้างและเครื่องจักรในต้นทุนที่ถูกลง กลุ่มสื่อสารที่มีการนำเข้าอุปกรณ์โครงข่ายจากต่างประเทศ โดยเฉพาะ TRUE ซึ่งมีหนี้ต่างประเทศด้วย จึงได้รับผลบวกมากที่สุดในกลุ่ม ส่วนกลุ่มอื่นที่ได้รับผลบวกเช่น TVO, TASCO
• (-) กลุ่มที่ได้รับผลลบ ได้แก่กลุ่มส่งออก เช่นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แต่ผลกระทบค่อนข้างจำกัด ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่า กำไรของกลุ่มนี้จะลดลง 5% - 8% เพราะวัตถุดิบที่นำเข้าก็อยู่ในรูปดอลลาร์เช่นกัน และบางบริษัทยังทำประกันความเสี่ยงค่าเงินด้วยกลุ่มส่งออกอื่นๆ STA ได้รับผลกระทบทางลบมากสุด เมื่อเทียบกับ GFPT, TUF ที่ได้รับผลกระทบจำกัด ส่วนกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่า กำไรของกลุ่มนี้จะลดลง 2% - 4% สำหรับกลุ่มสื่อสารที่ได้รับผลลบมากสุดคือ THCOM ส่วนบริษัทอื่นๆ ที่ได้รับผลลบ เช่น AOT, VNG
• Fund Flow ของตลาดหุ้นภูมิภาคยังไหลเข้าในวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยปริมาณที่มากกว่าปกติ จากแรงซื้อสุทธิกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐในตลาดหุ้นเกาหลี และยังซื้อสุทธิหนักในตลาดหุ้นไต้หวันและไทย สำหรับภาพรวมของสัปดาห์ทีผ่านมาพบว่ากระแสเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้าเป็นจำนวนมากถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์เทียบกับ 8 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อน แม้ว่าความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงมีอยู่ และความเสี่ยงของระบบธนาคารยุโรปมีเพิ่มขึ้นจากกฎเกณฑ์ใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ซึ่งจะทำให้ธนาคารต่างๆอาจต้องเพิ่มทุน แต่อย่างไรก็ตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจภาคการผลิตปรับตัวดีขึ้นทั้งในจีน สหรัฐและออสเตรเลียทำให้นักลงทุนกล้าที่จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้น เม็ดเงินทุนจากต่างชาติยังไหลเข้าลงทุนในตลาดภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินเอเชียและค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและทำสถิติต่อเนื่องเช่นกัน ดังนั้นแนวโน้มยังเชื่อว่า Fund Flow ยังไหลเข้าต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ตราบใดที่ระบบการเงินโลกยังมีเสถียรภาพและเศรษฐกิจเอเชียยังเติบโตแข็งแกร่างและต่อเนื่อง

ข่าวภายในประเทศ
PS ยอดขาย 2.6 หมื่นล้านผุดโครงการใหญ่มัลดีฟส์ เป้าหมายปีนี้ 3.5 หมื่นล้าน เจาะฐานลูกค้าระดับล่าง PS ยอดขายไหลลื่น 8 เดือน
ตัวเลขพุ่ง 26,000 ล้านบาท มั่นใจทั้งปีตามเป้า 35,000 ล้านบาท ต้นปีถึงปัจจุบันเปิดใหม่แล้ว 49 โครงการ มูลค่ารวม 33,000 ล้านบาท จ่อเปิด
คอนโดเฟส 2 ที่มัลดีฟส์ ขยับเจาะตลาดลูกค้าต่ำกว่า 3 บาท คาดเปิดจองเดือนม.ค.ปีหน้า พร้อมซุ่มผุดทาวน์เฮาส์โครงการสองที่มัลดีฟส์อีกด้วย
(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 13-09-2010)
CYBER ครึ่งหลังแจ่มดันปีนี้โต100% สินค้าใหม่ออกสู่ตลาดเพิ่ม เน้นเจาะตลาดต่างประเทศ CYBER แย้มครึ่งปีหลังแจ่ม หลังพัฒนาสินค้า
ใหม่ออกสู่ตลาดมากขึ้น ขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่ม ดันรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดกว่า 100% จากปีก่อนที่มีรายได้ 68 ล้าน
บาท อัตรากำไรสุทธิเพิ่มเป็น 30% เล็งเพิ่มสัดส่วนลูกค้าภาครัฐเป็น 20% รุกเจาะตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 13-09-2010)
BLAND แจกวอร์ฟรีแห่เชียร์ซื้อยกใหญ่แนวต้าน 1.04 บาท BLAND ออกวอร์แรนต์ (BLAND-W3) จำนวน 1.99 พันล้านหน่วย ให้ผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 8.90 หุ้น : 1 หน่วย มีอายุ 5 ปี โบรกฯคาดปี 2553 จะบันทึกกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ประมาณ 781 ล้านบาท อีกทั้งราคาต่ำกว่าบุ๊ค
1.44 บาท แนะเก็งกำไร ให้แนวต้าน 1.04 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 13-09-2010)
“วิชัย”ฟันธง AIS-DTAC ซิวไลเซนส์ 3จี เชื่อ TRUE สู้หมดหน้าตัก ประมูลรอบสองไร้แววทุนนอก “วิชัย” คาดบริษัทลูก AIS-DTAC มาวิน
ซิวไลเซนส์ 3 จี รอบแรกได้แน่ แนะอย่ามองข้าม TRUE งานนี้ได้เห็นเทหมดหน้าตัก ไม่ขอเสียเปรียบทางธุรกิจอีก แย้งกทช.คาดไลเซนส์รอบ 2
ยังไร้วี่แววจากทุนนอก หลังประกาศครอบงำฯทำพิษฝรั่งไม่กล้ามาลงทุน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 13-09-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐเผยกลุ่มธุรกิจค้าส่งปรับเพิ่มสต็อกสินค้า 1.3% ในเดือนก.ค. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจภาคค้าส่งได้ปรับสต็อก
สินค้าในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.3% จากเดือนมิ.ย. หรือเพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนยอดขายในภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนมิ.ย.
หรือพุ่งขึ้น 12.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยยอดขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนก.ค. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 11-09-2010)
ยอดการปล่อยเงินกู้ใหม่ของธนาคารพาณิชย์จีนเดือนส.ค.พุ่งแตะ $8 หมื่นล้าน ธนาคารกลางจีนเปิดเผยในวันนี้ (11 ก.ย.) ว่า ยอดการ
ปล่อยเงินกู้ใหม่ของธนาคารพาณิชย์ในประเทศประจำเดือนส.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 5.452 แสนล้านหยวน (8.053 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากเดือน
ก.ค.ที่ระดับ 5.328 แสนล้านหยวน การเพิ่มขึ้นของยอดการปล่อยกู้ใหม่เดือนส.ค.ส่งผลให้ยอดการปล่อยกู้โดยรวมในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่
ระดับ 5.70 ล้านล้านหยวน แต่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วง 8 เดือนแรกของปีที่แล้วที่ระดับ 8.15 ล้านล้านหยวน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 11-09-2010)
จีนเผยดัชนี CPI พุ่งสูงสุดในรอบ 22 เดือนที่ 3.5% ขณะดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 4.3% สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานในวันนี้
(11 ก.ย.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.พุ่งขึ้น 3.5% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 เดือน หลังจากราคาอาหารทะยานขึ้น 7.5% ต่อ
ปี ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นดัชนีเงินเฟ้อในระดับค้าส่ง เพิ่ม 4.3% ต่อปี แต่ยังชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่พุ่งขึ้นถึง 4.9% (ที่มา: อินโฟ
เควสท์ 11-09-2010)
รัฐบาลญี่ปุ่นชี้ความเสี่ยงจากเงินเยนแข็งค่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศ รัฐบาลญี่ปุ่นระบุในรายงานว่า การที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่าง
มากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินหลักอื่นๆอาจจะเป็นปัจจัยที่กดดันเศรษฐกิจของประเทศมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับปัจจัยจากแนวโน้ม
เศรษฐกิจนานาประเทศที่อาจจะชะลอตัวลง ราคาหุ้นที่มีความผันผวน ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ได้คงระดับการประเมินปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจใน
ปัจจุบันไว้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 10-09-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น