Code 159 : SET ต่ำกว่า 927 น่าจะพักตัวก่อน

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2553
ATT Code : SET ต่ำกว่า 927 น่าจะพักตัวก่อน

เย็นนี้ SET ปิดที่ 923.06 จุด -0.51 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.1 หมื่นล้านบาท โดยในตอนเช้าก้มีบากขึ้นไป 5 จุด ขึ้นไป High ที่ 928.65 จุด เหมือนจะยืนเหนือ 927 ได้แล้ว แต่หลังจากนั้นก้มีแรงขายทยอยแกมาแต่งไม่มากลงไปลบ 4.87 จุด ก่อนที่จะ Rebound ขึ้นมาปิดลบนิดหน่อย แต่ก้ยังไม่ถือว่าเลวร้ายมาก ถึงแม้ว่าไม่สามารถยืนเหนือ 927 ได้ แต่ก็ไม่หลุด 920 จุด ทำให้ในวันพรุ่งนี้ก็ต้องลุ้นกันอยู่ระหว่าง 920 -927 จุด ว่าแนวโน้มของตลาดจะไปในทิศทางใส โดยถ้าหลุด 920 ก็ถือว่าตลาดไม่ค่อยดีแล้ว มีสิทธิ์ลงไปที่ 916 และ 908 แต่ถ้าขึ้นไปยืนเหนือ 927 ได้ ก็มีสิทธิขึ้นไปที่ 932-935 จุด

-------------------------------------------------------------------------------
เช้านี้ ศาลปกครองฯ ให้กทช.ยื่นข้อมูลเพิ่มเติมคำอุทธรณ์ 22 ก.ย. นัดฟังคำสั่ง 23 ก.ย.นี้

* การรอคำสั่งศาลอีกครั้ง ในวันที่ 23 ก.ย. คาดเป็นปัจจัยจำกัดราคาหุ้นในกลุ่มสื่อสาร หลังปรับตัวลงมากในวันศุกร์ที่ผ่านมา

* หากศาลปกครองสูงสุดเห็นด้วยกับคำร้องอุทธรณ์ของกทช. เป็นข่าวดี การประมูลก็จะเกิดขึ้นได้ แต่กทช.ยังต้องต่อสู้คดีในศาล และต้องมีวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องพ.ร.บ.คลื่นความถี่ฯ ปี 2543 ว่าขัดกับรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือไม่

* หากศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นด้วยกับคำร้องอุทธรณ์ของกทช. การประมูล 3G ต้องยุติไป ต้องรอการจัดตั้งกสทช. อย่างเร็วปลายปี 11 หลังพ.ร.บ.คลื่นความถี่ใหม่เกิดอย่างเร็วปลายปี 10

* ตลาดฯ มองว่าความเป็นไปได้ของแนวทางทางที่ 1 น้อยกว่าแนวทางที่ 2

* แต่จากราคาหุ้นมือถือที่ปรับลงมามากในวันศุกร์ หากราคาหุ้นอ่อนลงมากอีก มีแนวโน้มปรับน้ำหนักการลงทุนกลุ่มมือถือ จาก Underweight เป็น Neutral และแนวโน้มปรับ ADVANC และ DTAC ขึ้นจากเดิม “Hold” และ “Sell” Target price ปี 11 กรณี 2G ของ ADVANC ที่ 102 บาท และคาดจ่ายปันผลพิเศษหากไม่ลงทุน 3G Target price ปี 11 ของ DTAC ที่ 47 บาท ส่วน TRUE คงแนะนำ “Sell”

--------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
20 กย. 53 ( -1.24 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338


เกิน 927.54 ขึ้น 935 – 940 จุด
แนวโน้มวันจันทร์นี้ ถ้าสามารถปรับตัวขึ้น เกิน 927.54 จุดสูงสุดของวันพฤหัสได้ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นต่อแถว 935 - 940 ใกล้
จุดสูงสุดของสัปดาห์ที่แล้ว อีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ถ้าไม่สามารถปรับตัวผ่าน927.54 จุดได้ ดัชนีมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวกลับลงไปแถว 907 – 910 บริเวณแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน อีกครั้ง

ภาพโดยรวมแล้ว คาดว่า ตลาดน่าจะยังคงแกว่งตัวในกรอบ 902 – 927 ( หรือ 944 )อีกนานหลายวันถึงหลายสัปดาห์ หรือประมาณจุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้ว กับจุดสูงสุดของเดือนนี้

หุ้นเด่น
10 อันดับซื้อขายสูงสุด
TRUE แกว่งตัว 5 – 5.50
ADVANC แกว่งตัว 89 - 91
DTAC แกว่งตัว 39 – 40.25
PTT เกิน 287 ขึ้น 294 – 296
SCB แกว่งตัว 91 – 93
BBL ไม่เกิน 147 ลง 140 - 141
KTB แกว่งตัว 14.40 – 15.40
SCC เกิน 319 ขึ้น 322 - 325
CPF ไม่เกิน 25.25 ลง 23.20 – 23.50
TMB รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”

LPN
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 10.20 กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายระยะสัปดาห์ขึ้นไป 12.50 – 14.50( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 9.85 )

TMB
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงอีกครั้ง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 2.52 จุดสูงสุดวันศุกร์ และเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าวเป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 2.56 – 2.60( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 2.48 )
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS :ยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นเข้าทยอยซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลดลงดีกว่า...
แนวโน้ม: ปลายสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากการที่ศาลฯ สั่งระงับการประมูล3G ไปก่อน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสื่อสารมีแรงขายออกมากดดันค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามยังพอมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มอื่นๆ เข้ามาช่วยพยุงตลาดไว้ได้บ้าง ทำให้ SET ไม่ได้ปรับตัวลงรุนแรงมากนักซึ่งเช้านี้คาดว่า SET ก็จะยังคงแกว่งตัวค่อนข้างผันผวน หลังศาลปกครองสูงสุดได้เลื่อนฟังคำสั่งกรณีประมูล 3G ออกไปเป็นวันที่ 23 ก.ย.เพื่อให้ กสท. และ กทช.ได้ยื่นข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการอุทธรณ์ของ กทช. อีกครั้งในวันที่ 22 ก.ย. ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศก็ถือว่ายังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน โดยตลาดในเอเชียเช้านี้ก็มีทั้งเคลื่อนไหวเป็นบวกและลบในกรอบแคบๆ ดังนั้นFSS จึงยังแนะนำให้รอหาจังหวะทยอยเลือกหุ้นเข้าซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลงจะปลอดภัยกว่า ซึ่งเรายังมองโอกาสที่ SET จะแกว่งลงหา 910 จุด(+/-) ยังเป็นไปได้
กลยุทธ์: รอเลือกหุ้นเข้ารับเมื่อตลาดปรับตัวลง โดยมีหุ้นที่น่าสนใจในช่วงนี้ได้แก่ กลุ่มรับเหมา(STEC, CK, TTCL, SEAFCO, SYNTEC) ที่ยังมีข่าวเรื่องการประมูลรถไฟฟ้าสายต่างๆ เป็นระยะๆ รวมทั้งหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากบาทแข็ง เช่น วัสดุก่อสร้าง (TSTH, TASCO,DCC) ที่อยู่อาศัย (SPALI, LPN) และอาหาร (TVO) เป็นต้น นอกจากนี้หุ้นที่มีราคาตลาดต่ำ
กว่าราคาตามพื้นฐานมากๆ ก็ยังถือว่าน่าสนใจเช่น KCE, SIRI, GFPT, HANA, AMATA, SCB,PTTEP, VNG, DELTA, LPN, BCP, IRPC, PTTAR, CPALL, KBANK, BANPU, PS, BAY, GLOW,TTW และ QH เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (-) ศาลปกครองสูงสุดเลื่อนนัดฟังคำตัดสินเป็น 23 ก.ย. ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอคำสั่งศาล เพียงแต่ถ้ากลุ่มสื่อสารถ้าไม่มี 3G ก็หมดเสน่ห์และเป็นเพียง Dividend playหุ้นที่ให้ Yield สูงได้แก่ ADVANC, AIT, CSL และถ้าต้องรอ กสทช. จัดประมูล 3G เชื่อว่าอย่างเร็วคือปี 2012 กว่าเราจะมี 3G ใช้
• (+) ธปท. ส่งสัญญาณอาจยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20 ต.ค. นี้ เพื่อไม่ให้ค่าเงินแข็งค่าเร็วขึ้นไปอีก แนวโน้มดังกล่าวเป็นจิตวิทยาเชิงบวกกับกลุ่มที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะ SPALI และ LPN ที่ราคาหุ้นผ่านการปรับพักฐานแล้ว ยัง laggard และ
มี upside จากราคาเป้าหมายมากกว่าหุ้นตัวอื่น นอกจากนี้ ยังเป็นบวกกับกลุ่มเช่าซื้อเช่น TCAP, TISCO, KK
• (+) กลุ่มรับเหมา วันที่ 20 ก.ย. – 1 ต.ค. เปิดขายซองประมูลรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กม. สัญญาที่ 3 มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท เก็งกำไรได้ทั้งกลุ่ม แต่Top picks ของเรายังคงเป็น STEC (ราคาเป้าหมาย 15 บาท) และ CK (ราคาเป้าหมาย9.05 บาท)
• Fund Flow ไหลเข้าตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ จีน และออสเตรเลียดีกว่าคาด โดยเฉพาะตัวเลขดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ยังขยายตัวต่อเนื่องทำให้ความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไป
แม้จะชะลอตัวบ้าง อย่างไรก็ตามยังคงมีกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าภูมิภาคเอเชียต่อเนื่องเพราะแรงขายทำกำไรในตลาดพันธบัตรสหรัฐของจีนหลังจากที่ราคาพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้ได้ย้ายเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรเอเชียที่มีความมั่นคงสูงกว่าจึงเป็นเหตุให้ค่าเงินเอเชียแข็งค่าเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา จนธนาคารกลางญี่ปุ่นต้องเข้าแทรกแซงในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาส่งผลให้ค่าเงินเอเชียกลับมาอ่อนค่าทันทีและอาจเป็นเพียงชั่วคราวเพราะเช้านี้ค่าเงินสกุลเอเชียส่วนใหญ่ยังทรงตัวและมีทีท่าจะแข็งค่าต่อ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวโน้ม Fund Flow สัปดาห์นี้น่าจะยังไหลเข้าต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา

ข่าวภายในประเทศ
ไอเอ็นจีควบไอเอฟซี รวบหุ้น TMB ยกล็อต! ที่ปรึกษาประเมินราคาขาย3.20-3.50บาท บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (IFC) บริษัทลูกธนาคารโลก เข้าพบผู้บริหารคลัง เจรจาซื้อหุ้นแบงก์ทหารไทย 21% ที่เหลือจากไอเอ็นจี ที่ซื้อ 5% ด้านคลังให้ที่ปรึกษาประเมินราคาขายอยู่ที่ 3.20-3.50 บาทใกล้เคียงกับต้นทุน คาดส่งผลดีต่อทหารไทย หากได้ไอเอฟซีเป็นพันธมิตรใหม่ในแง่ของการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ระหว่างประเทศ(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-09-2010)
SGP จ่อบันทึกกำไรพิเศษขาย31ล้านหุ้นให้กองทุน SGP อ้าแขนรับกองทุนสนใจซื้อบิ๊กล็อตก้อนโต 31 ล้านหุ้นเผยต้องการราคาสูงกว่า 15บาทต่อหุ้น เนื่องจากอัตราการเติบโตในอนาคตสดใส หลังมีการลงทุนต่างประเทศเพียบ แถมเพิ่มสภาพคล่องหุ้นในกระดาน ไตรมาส 3 รายได้เด้งกว่าไตรมาส 2 ความต้องการใช้ LPG เพิ่ม (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-09-2010)
KBANK-BBL ยัน 3G ไม่กระทบเป้าปล่อยสินเชื่อปีนี้ ผู้บริหาร KBANK และ BBL แจงโครงการ 3 จีล้มไม่กระทบการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่ยังเติบโตตามเป้า 3-5% นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบรรษัทธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KBANK กล่าวว่า ธนาคารยังคงมั่นใจว่าสิ้นปี 2553 สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3-5% แน่นอน แม้ว่าธนาคารจะพลาดการปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทที่ประมูลใบอนุญาต 3G ได้ หลังจากที่ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการประมูลใบอนุญาต 3Gส่งผลให้มีการเลื่อนประมูลโครงการดังกล่าวก็ตาม แต่คำสั่งระงับดังกล่าวถือว่ามีผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อธนาคารเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเนื่องจากธนาคารได้มีการปล่อยสินเชื่อในธุรกิจกิจอื่นได้ค่อนข้างมากทีเดียว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-09-2010)
TRC พุ่งรับงาน 2.7 พันล้าน TRC เจ๋งคว้างานวางท่อก๊าซมูลค่า 2,700 ล้านบาท ส่งผลให้งานในมือเพิ่มเป็น 3,700 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องจนถึงปี 54 ส่วนทั้งปีคาดมีรายได้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 1,724 ล้านบาท ขณะที่จะซื้อหุ้นคืน 30 ล้านหุ้น ใช้วงเงินสูงสุด 105 ล้านบาท (ที่มา:นสพ.ข่าวหุ้น 20-09-2010)
SAT-STANLY กำไรพีคสุด ทีเด็ดหุ้นชิ้นส่วนยานยนต์ STANLY-SAT กำไรไตรมาส 3 ควงแขนสูงสุดประวัติการณ์ ขานรับยอดผลิตยานยนต์ 8 เดือนที่ทะลุเกินเพดาน 1,000,000 คัน ฟาก STANLY การันตีงบไตรมาส 2 สุดหรูตามอุตสาหกรรมแน่ ลั่นบาทแข็งกระทบดั่งมดกัด วงการชี้กำไรปรี๊ดทะลักขั้นต่ำ 410 ล้านบาท ส่วน SAT ไม่น้อยหน้ากำไรวิ่งฉิวเหนือระดับ 200 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-09-2010)
TRUE ส่อโดนฟอร์ซเซลวันนี้ชี้ชะตาประมูล 3G จับตาหุ้น TRUE มีสิทธิถูก force Sale หากราคาหุ้นวันนี้ปรับลงอีกต่ำกว่า 10% และลูกค้าไม่วางหลักประกันเพิ่ม งานนี้ปล่อยมาร์จิ้น 652 ล้านหุ้นของทั้งระบบหรือคิดเป็น 8.84% ของทั้งหุ้นจดทะเบียน ศาลปกครองสูงสุดชี้ชะตา 3 จีวันนี้8.30 น.หลัง กทช. ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลาง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-09-2010)

E Finance Thai :ลั่นดาล 3G

ADVANC- DTAC-TRUE ระทม โบรกฯ ประเสียง ปรับลดมุมมองเป็นลบยกก๊วน หลังศาลฯคุ้มครองชั่วคราว เบรกประมูล 3G ฟินันเซีย ไซรัส ปรับคำแนะนำลงทุนระยะสั้น ทั้งกลุ่ม เป็น“Underweight” จากเดิม “Overweight” เอเซีย พลัส สั่ง ลดน้ำหนักหุ้นสื่อสาร เป็นน้อยกว่าตลาด ฟากเกียรตินาคิน ระบุ TRUE ราคาเสี่ยงขาลงมากสุด ส่วน ADVANC น้อยสุด กิมเอ็ง แนะรอรับ ADVANC ที่ราคาต่ำกว่า 90 บาท หลังมองอาจมีปันผลพิเศษ ด้านTMB เผย 3G ล่ม กระทบเป้าสินเชื่อขนาดใหญ่- เล็งทบทวนใหม่ ระบุหากเกิดไม่ทันภายในปีนี้ -ปีหน้าสูญเม็ดเงินลงทุน 4-5หมื่นลบ. ตลท.เตือน นลท. ลงทุนหุ้นสื่อสารด้วยความระมัดระวัง

และแล้วศาลปกครองกลางก็มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณีที่กสท.ยื่นฟ้องคณะกรรมการ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)เพื่อเพิกถอนประกาศของ กทช. ว่าด้วยการอนุญาตการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จี ส่งผลให้การเปิดประมูลในอนุญาต 3G ต้องชะลออกไป ขณะที่กทช. ยื่นอุทธรณ์แล้ว เมื่อ 17 ก.ย. ทั้งนี้ หากศาลไม่รับอุทธรณ์ กระบวนการประมูล 3G ในสัปดาห์หน้า ต้องใช้คำว่า "เก็บฉาก" ไปก่อน

*กิมเอ็ง ปรับลดมุมมองหุ้นสื่อสารเป็นลบ หลังศาลปกครองสั่งระงับการประมูล 3G

บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า ปรับลดมุมมองกลุ่มสื่อสาร เป็นลบ และคาดว่าราคาหุ้นธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่จะปรับตัวลงหลังจากศาลปกครองสั่งระงับการประมูลใบอนุญาต 3จี ออกไปก่อนซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตลาดและอุตสาหกรรมคาด แม้ กทช. จะยื่นอุทธรณ์ แต่เราเชื่อว่าเป็นไปได้สูงที่การออกใบอนุญาต 3จี จะเลื่อนไปเป็นปีหน้าเป็นอย่างเร็ว หุ้นที่ปลอดภัยที่สุดคือ ADVANC เพราะเราคาดว่าความล่าช้าของใบการประมูลจะทำให้บริษัทมีเงินส่วนเกินและนำมาจ่ายเงินปันผลพิเศษอีกครั้ง (ปีที่แล้วจ่ายเงินปันผลปกติ 6.30 บาท/หุ้นและเงินปันผลพิเศษ 5 บาท/หุ้น)
ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวการประมูลใบอนุญาต 3จี หลัง กสท ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช) ไม่มีอำนาจเปิดประมูลใบอนุญาตตาม
รัฐธรรมนูญปี 2550 โดยสั่งให้ระงับการเปิดประมูลใบอนุญาต 3จี ในวันที่ 20 กย ออกไปก่อนจนกว่าคำสั่งศาลฯ จะเป็นอย่างอื่น เพราะศาลปกครองจะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจ กทช. โดยที่มาตรา 211 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี 2550 บัญญัติว่า “ในการที่ศาลจะใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมายบังคับคดีใด ถ้าศาลเห็นเองหรือคู่ความโต้แย้งพร้อมด้วยเหตุผลว่าบทบัญญัติแห่งกฏหมายนั้น ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 6 และยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับบทบัญญัตินั้น ให้ศาลส่งความเห็นเช่นว่านั้นตามทางการเพื่อศาลรัฐธรรมนูญจะได้พิจารณาวินิจฉัย ในระหว่างนั้นให้ศาลดำเนินการพิจารณาต่อไปได้ แต่ให้รอการพิจารณาคดีไว้ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ” การสั่งชะลอการประมูลนั้นเนื่องจากถ้ามีการประมูล มีการลงทุนขยายโครงข่าย การดำเนินธุรกิจ และลูกค้าซื้อเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จีเพื่อมาใช้งานกับระบบ 3จีแล้ว และต่อมามีคำตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญว่า กทช ไม่มีอำนาจดำเนินการดังกล่าว จะเป็นปัญหาใหญ่และยากในการเยียวยา
ขณะที่ กทช. เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ และรอคำสั่งจากศาลปกครองสูงสุด ถ้าหากถึงวันที่ 20 กย เวลา 9.00 น แล้วยังไม่มีคำสั่งศาลปกครองสูงสุด กทช จะเลื่อนการประมูลออกไป ในขณะเดียวกันกรรมการ กทช 3 ท่านก็จะหมดวาระลงในวันที่ 30 ก.ย. เราประเมินว่ามีโอกาสสูงมากที่การประมูลจะต้องเลื่อนออกไปนาน
ทั้งนี้ คาดว่ารัฐบาลจะเร่งผลักดันการประกาศ พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และมีโอกาสประกาศได้ในเดือน พย 2553 เป็นอย่างเร็ว โดยร่าง พรบ. ได้ให้อำนาจ กทช รักษาการในช่วงที่ยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่ กสทช ดังนั้นกรณีที่ดีที่สุดคือ กทช จะดำเนินการเรื่องการออกใบอนุญาต 3จีในช่วงนั้น อย่างไรก็ดี อาจมีกระแสคัดค้านในช่วงนั้นได้ด้วยเหตุผลคือให้รอคณะกรรมการ กสทช ใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นกรรมการ กทช. 3 ท่านจะหมดวาระและเข้าสู่ช่วงรักษาการในสิ้นเดือนนี้ด้วย หากต้องรอ กสทช. ก็คาดว่าการออกใบอนุญาต 3จีก็ต้องรออีกไม่ต่ำกว่า 12 เดือนจากวันนี้
ด้านรมว.กระทรวงไอซีทีให้สัมภาษณ์ว่าจะเร่งผลักดันบริการ 3จีให้เร็วที่สุด ดังนั้นเราจึงเชื่อว่ารัฐบาลจะเร่งโครงการลงทุนโครงข่าย 3จี ทั่วประเทศของทีโอทีซึ่งมีใบอนุญาต 3จี อยู่แล้ว หากโครงการนี้ได้รับอนุมัติ บริษัทคาดว่าจะเข้าประมูลงานวางโครงข่ายคือ SAMTEL (บริษัทลูกของ SAMART), JTS, LOXLEY
ทั้งนี้ หุ้นธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มปรับตัวลงจากคำสั่งของศาลซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตลาดและอุตสาหกรรมคาด เราปรับลดมุมมองต่อกลุ่มสื่อสารจาก เป็นบวก เป็น เป็นลบ โดยคงหุ้น ADVANC เป็นหุ้น top pick โดยคามว่าความล่าช้าของใบอนุญาต 3จีจะทำให้บริษัทจ่ายเงินปันผลพิเศษอีกครั้ง
นอกจากนี้ คงคำแนะ ซื้อ (หลังราคาอ่อนตัว) ด้วยราคาเหมาะสมแบบไม่รวม 3จีที่ 104 บาท (แบบมี 3จีที่ 130 บาท) ส่วน DTAC นั้นเราปรับลดคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น ซื้อเมื่ออ่อนตัว ด้วยราคาเหมาะสมไม่รวม 3จี ที่ 50 บาท (แบบมี 3จีที่ 67 บาท) และคงคำแนะนำ ขาย หุ้น TRUE ด้วยราคาเหมาะสมแบบไม่รวม 3จี ที่ 2.91 บาท (แบบมี 3จีและการรีไฟแนนซ์หนี้ที่ 4.94 บาท) โดยประเมินว่ามีความเสี่ยงที่สุดด้วยความไม่ชัดเจนหลังสัญญาสัมปทานที่จะหมดลงในอีก 3 ปีข้างหน้า

* ฟินันเซีย ไซรัส ชี้ ประมูล 3G ล้ม กระทบเชื่อมั่นต่างชาติ ระยะสั้น ปรับคำแนะนำลงทุนหุ้นสื่อสารเป็น“Underweight” จากเดิม “Overweight”

บทวิเคราะห์บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า กรณี 3G ผิดคาด ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการประมูล 3G ทั้งนี้ กทช. จะยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุดเช้าวันนี้ หากไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่นให้ทันเช้าวันที่ 20 ก.ย. การประมูลก็จะไม่เกิดขึ้น ข่าวนี้เป็นข่าวร้ายไม่ลำพังเฉพาะกับ ADVANC, DTAC, TRUE แต่ทำให้ความ น่าเชื่อถือในสายตาของต่างชาติแย่ลงอีกครั้ง
ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ประกาศประมูลใบอนุญาตให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ หลังจากที่ บริษัท กสท โทรคมนาคม (กสท.) ได้
ยื่นฟ้องกทช. เพื่อให้เพิกถอนประกาศการประมูลดังกล่าว โดยให้รอคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 เกิดขึ้นก่อน (ที่มา: เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิก) ทั้งนี้ หลักๆ ศาลฯ เห็นว่า (1) กทช.ไม่อำนาจตามกฎหมาย เนื่องจากคณะปฏิรูปการปกครองได้ทำการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินและได้มีประกาศเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ให้รัฐธรรมนูญปี 2540 สิ้นสุดลง และทำให้พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ปี 2543 เป็นอันสิ้นสุดลงด้วย (2) กทช.ไม่ได้ทำแผนจัดสรรคลื่นความถี่ก่อนให้ใบอนุญาต และ (3) ศาลฯ เห็นว่าผลประทบต่อผู้เกี่ยวข้องจากการคุ้มครองชั่วคราวน้อยกว่าการให้มีการดำเนินการประมูลตามกำหนดเดิม
แม้กทช. ให้สัมภาษณ์ว่าจะเข้ายื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ (17 ก.ย.) โดยความหวังว่าหากศาลฯ รับอุทธรณ์ ก็จะเดินหน้าจัดการประมูล 3G ตั้งแต่ 9.00 น. ของวันจันทร์ที่ 20 ก.ย.นี้ต่อไป แต่เป็นปัจจัยเสี่ยงว่าการจัดการประมูลใบอนุญาต 3G โดยกทช.ที่เดิมกำหนดไว้ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ ต้องหยุดหรือเลื่อนออกไปนับเป็นข่าวร้ายที่ผิดคาดของเราและตลาดฯ ต่อหุ้นกลุ่มมือถือ (ADVANC, DTAC, และ TRUE) และอาจรวมไปถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ 3G ในกลุ่มสื่อสาร จากความหวัง Growth story ในอนาคตของบริษัทต่างๆ จากบริการ 3G ที่ต้องมาสะดุดลงอีกครั้งหลังล่าช้ามาหลายปี และประเทศไทยคงต้องรอ 3G ไปอีกอย่างน้อย 12 เดือน เนื่องจากคาดว่าอย่างเร็วที่สุดที่กสทช.จะเกิดคือกลางปีหน้า 2011 กอปรกับราคาหุ้นได้ที่ปรับขึ้นมารับการประมูล 3G โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ในบรรดาหุ้นกลุ่มมือถือ TRUE ปรับขึ้นมากสุด +117% (จากระดับ 3.14 บาท) ตามด้วย DTAC +21% (จากระดับ 38 บาท) และ ADVANC +12% (จากระดับ 87 บาท)
ระยะสั้น เราปรับคำแนะนำการลงทุนกลุ่มสื่อสารเป็น “Underweight” จากเดิม “Overweight” ไปก่อน โดยกรณีเลวร้ายที่ไม่มี 3G ทำให้ต้องกลับไปอิงการประเมินราคาเป้าหมายของหุ้นบนสัมปทานปัจจุบัน (2G) จึงปรับคำแนะนำ DTAC ลงเป็น “Sell” ไปก่อน เนื่องจากราคาหุ้นปรับขึ้นมาใกล้ราคาเป้าหมายปี 11 บน 2G ที่ 47 บาทแล้ว แม้คาดอัตราการโตของกำไรในปี 10 โดดเด่นสุด +41% และคงคำแนะนำ “Sell” TRUE ส่วน ADVANC ราคาหุ้นระยะสั้นน่าจะมีการปรับฐานเช่นกัน แต่มีโอกาสปรับลงน้อยกว่าและน่าจะ Safe มากสุด เนื่องจากหากไม่ต้องลงทุน 3Gบริษัทมีโอกาสจ่ายปันผลพิเศษ อย่างน้อยหุ้นละ 3 บาทจากคาดเดิมที่ 6.30 บาท รวมกันเป็นอย่างน้อย 9.30 บาท ที่ราคาหุ้นปัจจุบันจะคิดเป็น Dividend yield ระดับ 9.6% ปรับคำแนะนำลง เป็น “HOLD”

*เอเซีย พลัส สั่ง ลดน้ำหนักหุ้นสื่อสาร เป็นน้อยกว่าตลาด

บทวิเคราะห์ เอเซีย พลัส ระบุว่า ขบวนการหลัง กทช.ยื่นอุทธรณ์ในชั้นศาล กว่าจะมีคำสั่งตัดสิน น่าจะใช้เวลานานเป็นเดือน จะส่งผลให้การประมูล 3G ต้องล่าช้าออกไปอีก จากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มประมูลในวันที่20 ก.ย. และแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ ความล่าช้าดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อประมาณการ และการคำนวณ Fair Value ที่ฝ่ายวิจัยได้คำนึงถึงการให้บริการ 3G ในงวด 6 เดือนหลังของปี 2554 แต่อย่างไรก็ตามในวันพุธที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยได้มีการปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นสื่อสาร จากเดิม มากกว่าตลาด เป็น เท่ากับตลาด ล่วงหน้าไปแล้ว เพราะความกังวลต่อความเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น ในเบื้องต้นหากกลับมาใช้มูลค่าพื้นฐานเดิม โดยคำนึงถึงเฉพาะธุรกิจ 2G เท่านั้น (โดยตัดมูลค่าหุ้นในส่วนของ 3G ออกไปจาก Fair Value เดิม) พบว่า Fair Valueของ ADVANC, DTAC จะอยู่ที่ 99.7 บาท และ 48.8 บาท ยังมี upside 2% และ 7% ตามลำดับ
จึงปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ ทั้ง 2บริษัท ขณะที่ Fair Value ของ TRUE จะอยู่ที่ 2.64 หรือมีความเสี่ยงต่อการปรับลงราว 61% จากราคาตลาด ฝ่ายวิจัยปรับลดคำแนะนำจากถือ เป็นขาย ทั้งนี้ผลกระทบจากความล่าช้าในการออกใบอนุญาต 3G มิได้กระทบเฉพาะต่อหุ้นสื่อสารเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในหุ้นกลุ่ม ธ.พ. ด้วย แม้ยังมิได้รวมธุรกิจ 3G ไว้ในประมาณการปี 2553 และ 2554 แต่การประมูล 3G ที่ชะงักนี้ ทำให้โอกาสการขยายธุรกิจของ ธนาคารพาณิชย์ ที่คาดว่าจะทำให้มีความต้องการวงเงินสินเชื่อ 1.25 แสนล้านบาทในปี 3 ข้างหน้า (2553-2556) ต้องชะลอออกไปด้วย

*เกียรตินาคิน ระบุ TRUE เสี่ยงราคาขาลงมากสุด ส่วน ADVANC เสี่ยงน้อยสุด ชี้ หุ้นกลุ่มมือถือกลับไปสะท้อนมูลค่าบนสัมปทาน

บทวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน ระบุว่า การยุติเปิดประมูลคลื่น และออกใบอนุญาตใหม่ 3G ตามคำสั่งศาลปกครองกลาง จะส่งผลกระทบทางลบต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่มมือถือ (ADVANC, DTAC และ TRUE) โดยเฉพาะหุ้น TRUE ที่ปรับตัวขึ้นตอบรับประเด็น 3G มากเกินไป
เรามองว่าหากต้องรอ กสทช. เข้ามาทำหน้าที่จัดสรรคลื่นฯ ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 จะทำให้การประมูลคลื่นฯ และออกใบอนุญาตใหม่ ต้องล่าช้าเกิน 1 ปี เนื่องจากต้องรอให้ร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ประกาศเป็นกฎหมายก่อน จากนั้นจะต้องสรรหา กสทช. เข้ามาทำหน้าที่จัดสรรคลื่นฯ
ปัจจุบันร่างพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นฯ ยังรอนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ จากคำสัมภาษณ์ของรมต. ICT ผ่านรายการข่าวทางช่อง 9 คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ สภาฯ น่าจะ
พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว หากเห็นต่างกับการแก้ไขของวุฒิสภา จะต้องตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อแก้ไขอีกครั้ง และนำเข้าสู่สภาฯ อีกครั้งต้นปี 54 (เปิดสมัยประชุมสภาฯ)
ทั้งนี้ มองว่าระดับราคาหุ้นกลุ่มมือถือ ADVANC, DTAC และ TRUE จะกลับไปสะท้อนมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานบนสัมปทานปัจจุบัน โดยเราประเมินมูลค่าเหมาะสมของ ADVANC เท่ากับ 102 บาท, DTAC เท่ากับ 44 บาท และ TRUE เท่ากับ 2.80 บาท เปรียบเทียบกับราคาปัจจุบันของหุ้น 3 บริษัทฯ มองว่า ADVANC มีความเสี่ยงราคาขาลงน้อยสุด จากราคาปัจจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมบนสัมปทาน ประมาณ 4% ขณะที่ TRUE มีความเสี่ยงราคาขาลงมากที่สุด นอกจากนี้เรามองว่าหากการประมูลฯ ล่าช้าเกินกว่า 1 ปี อาจทำให้ ADVANC ตัดสินใจจ่ายเงินปันผลพิเศษสำหรับผลประกอบการปีนี้อีกครั้ง

* โบรกฯ แนะรอรับ ADVANC ที่ราคาต่ำกว่า 90 บาท เหตุอาจมีปันผลพิเศษหลัง 3G ล่ม

บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำรอเก็บหุ้น ADVANC ที่ราคาต่ำกว่า 90 บาท ด้วยประเด็นลบจากกรณีคำตัดสินของศาลปกครองกลางคืนวานนี้ เชื่อว่าจะทำให้ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการประมูลใบอนุญาต 3จี อย่าง ADVANC – DTAC - TRUE ปรับฐานลงแรงในช่วงเช้าวันนี้
จากประเด็นดังกล่าวกิมเอ็ง เชื่อว่า ADVANC จะเร่งในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นมากขึ้น หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า การจ่ายเงินปันผลพิเศษเหมือนในงวด 2H52 ที่ผ่านมามีความเป็นไปได้มากขึ้น และหากนำเงินปันผลงวดปี 2552 ที่ ADVANC ประกาศจ่ายทั้งสิ้น 11.30 บาท หากราคาหุ้นอยู่บริเวณ 90 บาท ผลตอบแทนจากเงินปันผลจะสูงถึง 12.56% ดังนั้นราคาหุ้น ADVANC ยิ่งต่ำลงกว่า 90 บาทมากเท่าใด ผลตอบแทนจากเงินปันผลจะยิ่งขึ้นมากเท่านั้น

*ทรีนีตี้ มองศาลรับอุทธรณ์ เดินหน้าประมูล3G ต่อเป็นไปได้ แค่ 10% แนะนำ เพียงรอความชัดเจน

บทวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า กรณีดีที่สุด คือศาลปกครองสูงสุดรับอุทธรณ์ เดินหน้าประมูล3G ต่อไปได้ตามกำหนดการเดิม 20 ก.ย. 53 ซึ่งเราให้ความน่าจะเป็นสำหรับกรณีนี้ 10%
กรณีฐานรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย คาดล่าช้า 2-3 เดือน มุมมองของเราในกรณีฐานคือ ศาลปกครองสูงสุดไม่รับอุทธรณ์ แต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กทช. มีคุณสมบัติ
ดำเนินการประมูล 3G ได้ ในกรณีนี้เราคาดว่าการประมูลจะล่าช้าไป 2-3 เดือน ซึ่งเราให้ความน่าจะเป็นสำหรับกรณีนี้ 40%
กรณีเลวร้าย ต้องรอการจัดตั้ง กสทช. ใช้เวลาอีก 1-2 ปี: หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กทช. ไม่มีอำนาจประมูล 3G และต้องรอการจัดตั้งองค์กรอิสระ กสทช.ขึ้นมาดูแลการจัดสรรคลื่นความถี่และการประมูล 3G ในกรณีนี้ คาดจะต้องใช้เวลา 1 – 2 ปี สำหรับการสรรหากรรมการ กสทช. และการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ในกรณีนี้เราให้ความน่าจะเป็นที่ 30%
ความเป็นไปได้อื่น: รัฐบาลอาศัยความไม่แน่นอนของการออกใบอนุญาตและระยะเวลาของสัมปทานที่เหลือน้อย (TRUE 3 ปี, ADVANC 5 ปี, DTAC 8 ปี) ในการกดดันทางอ้อมให้เอกชนทำการเจรจาแปลงสัญญาสัมปทานเป็นใบอนุญาตตามแผน K2 ของกระทรวงการคลัง ก่อนดำเนินการออกใบอนุญาต 3G ใช้เวลาอีก 1-2 ปี ความน่าจะเป็นสำหรับกรณีนี้ 20%
เราคาดว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะอยู่ระหว่างกรณีฐาน (รอศาลรัฐธรรมนูญ 2-3 เดือน) และความเป็นไปได้อื่น (รัฐบาลพยายามแปลงสัมปทาน) ดังนั้นคาดว่าการประมูล 3G มีโอกาสล่าช้าอยู่ระหว่าง 3 เดือน – 1 ปี
คาดราคาหุ้นอาจปรับตัวลดลง 10-30%: แม้ราคาหุ้นในปัจจุบันยังคงมีอัพไซด์จากกรณี 3G แต่อยู่ในระดับเกือบเต็มมูลค่าหากพิจารณาจากกรณี 2G ความล่าช้าของการออก
ใบอนุญาต 3G จะทำให้หุ้นสื่อสารปรับตัวลดลง เราคิดว่าระดับราคาของหุ้นสื่อสารที่น่าสนใจเข้าซื้ออีกครั้งควรมีอัพไซด์เทียบกับราคาเป้าหมายในกรณี 2G อย่างน้อยประมาณ 10% หรือคิดเป็นราคา ADVANC ที่ 90 บาท และ DTAC ที่ 41 บาท ส่วน TRUE คือต่ำ 6 บาทลงมาอย่างไรก็ตาม ในช่วงสั้นราคาหุ้นอาจผันผวนมากกว่าที่เราคาดซึ่งเป็นผลของการลดการถือครองหลักทรัพย์ของนักลงทุนที่ซื้อหุ้นด้วยการกู้ยืม เราแนะนำนักลงทุนรอความชัดเจนของการอุทธรณ์ของศาลปกครองสูงสุดก่อนการตัดสินใจลงทุน
หากปรับตัวลดลงมา ADVANC จะน่าสนใจที่สุด: หาก 3G เกิดความล่าช้า เราคาดว่าด้วยกระแสเงินสดอิสระปี 2553 ของ ADVANC หลังหักปันผลปกติปีละ 6.30 บาท/หุ้น ยังคงเหลือสูงถึงปีละ 14,000 ล้านบาท (4.77 บาท/หุ้น) ดังนั้นหากการประมูล 3G ล่าช้าออกไปคาดว่าบริษัทจะจ่ายปันผลพิเศษได้ 4.70 บาท รวมทั้งปีสูงถึง 11 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนปันผลสูงถึง 11%

*บิ๊ก ADVANC รอลุ้นผลอุทธรณ์ประมูล3G ของ กทช. ระบุทำใจไว้แล้ว รับได้ทุกสถานการณ์

นายวิเชียร เมฆตระการ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยกับ eFiannceThai.com ถึง กรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการประมูล 3G ว่า ในส่วนของ ADVANC ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมประมูล คงจะต้องยอมรับกับผลการตัดสินของศาลที่ออกมา และสิ่งที่ต้องติดตามต่อไปจากนี้ คือ การยื่นอุทธรณ์ของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ต่อศาลอีกครั้งหนึ่ง ให้มีกาประมูลเกิดขึ้นในวันที่ 20 ก.ย.นี้ตามแผนเดิมว่าจะเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าศาลจะรับการอุทธรณ์ของ กทช. หรือไม่ และหากรับอุทธรณ์ ผลการตัดสินจะออกมาก่อนวันที่ 20 ก.ย.นี้หรือไม่ ก็พร้อมยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว และไม่อยากคาดเดาคำตอบล่วงหน้า แต่ทั้งนี้ หากสถานการณ์ออกมาในกรณีที่แย่ที่สุด บริษัทก็มีแผนการเตรียมไว้รองรับอยู่แล้ว
ส่วนการที่ราคาหุ้น ADVANC ปรับตัวลดลงเช้าวันนี้ ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาหลังจากนักลงทุนรับรู้ข่าวการตัดสินประมูล 3G ทั้งนี้ ก็อยากให้นักลงเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัท
'ราคาหุ้นที่ร่วงลง ก็ไม่มีอะไรแปลก อยากฝากถึงนักลงทุนว่าเป็นเรื่องธรรมดา นี่แหละประเทศไทย ให้เชื่อมั่น เราเองจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่สถานการณ์จะอำนวย' นายวิเชียร กล่าว

* รมว.ไอซีที ยอมรับ คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับจัดประมูลใบอนุญาต 3จี ส่งผลต่อการขยายโครงข่ายไปต่างจังหวัด

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที กล่าวยอมรับว่า เรื่องนี้ได้ส่งผลต่อการประมูลที่ทำให้เกิดความล่าช้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นความรับผิดชอบของตนเองด้วยที่ไม่ได้ประสานและทำความเข้าใจ กับ กสท.ให้ชัดเจน ขณะที่ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วย กสทช. ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา ซึ่งคาดว่า จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว ได้ใน 2 สัปดาห์ และเมื่อผ่านความเห็นชอบจากสภาแล้ว ก็จะสามารถดำเนินการเรื่อง 3จี ต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว แต่ผู้ประกอบการยังสามารถให้บริการในกรุงเทพฯ ในระบบ 3 จีได้ตามปกติ เพราะเป็นช่วงทดลอง แต่จะส่งผลต่อการขยายโครงข่ายไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด ทำให้ประชาชนในต่างจังหวัดยังไม่สามารถใช้ระบบ 3จี ได้

* TMB เผย เบรก 3จี กระทบเป้าสินเชื่อขนาดใหญ่- เล็งทบทวนใหม่ ระบุหากเกิดไม่ทันภายในปีนี้ -ปีหน้าสูญเม็ดเงินลงทุน 4-5หมื่นลบ.

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)(TMB) กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวการประมูล 3จี ว่า หากขั้นตอนในกระบวนการดังกล่าวไม่จบและมีความชัดเจนทันภายในสิ้นปีหน้า อาจส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนในระบบซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการปล่อยสินเชื่อโดยธนาคารพาณิชย์หายไปกว่า 4-5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากผู้เข้าประมูลแต่ละรายต้องใช้สินเชื่อประมาณรายละ 1-2 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปขยายการดำเนินการเครือข่าย 3จี ดังนั้นเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อขนาดใหญ่ของธนาคารในปีนี้ที่วางไว้ 1-1.5 หมื่นล้านบาทนั้น ได้รวมการประเมินแนวโน้มที่จะเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อส่วนหนึ่งใน 3จี ไว้แล้ว จึงอาจต้องกลับมาทบทวนเป้าหมายบางส่วน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสินเชื่อของธนาคารจะไม่หยุดชะงัก เนื่องจากผู้ประกอบการแต่ละรายยังมีวงเงินกู้ที่ต้องนำไปใช้เพื่อดำเนินธุรกิจตามปกติ
'ทุกแบงก์มองเป้าสินเชื่อในส่วนนี้ไว้ช่วงปลายปีว่าจะมี Spending ใหญ่เข้ามา ซึ่งรัฐเองก็หวังรายได้จากการประมูลและจะมีการลงทุนขยายเครือข่ายต่างๆ ตามมา ทำให้ต้องใช้สินเชื่อรายละ 1-2 หมื่นล้านบาท เพราะฉะนั้นถ้าไม่เกิดในปีนี้จนถึงปีหน้าก็จะหายไปรวมๆ กว่า 4-5 หมื่นล้านบาท ของธนาคารเองมีแผนจะปล่อยสินเชื่อในกลุ่มนี้เหมือนกัน ที่ผ่านมาวางแพลนไว้กับผู้ประกอบการทุกรายทั้ง 3 เจ้าที่bidเข้าไป จึงต้องทบทวนเป้าหมายเล็กน้อย' นายปิติ กล่าว
ด้านนายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB)กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลกระทบจาก 3จี จะมีต่อภาคการลงทุนโดยรวม เนื่องจากเป็นระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญ ซึ่งจะต่อเนื่องไปยังการพัฒนาระบบโลจิสติกส์สำหรับเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนกรณีที่จะมีการชุมนุมทางการเมืองขึ้นอีกครั้งหนึ่งนั้น โดยส่วนตัวไม่มีความกังวลในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากยืนยันว่าธนาคารมีระบบการตรวจสอบ และที่ผ่านมามีการซักซ้อมระบบดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ลูกค้าติดขัดจากสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น

*เอกชน สะท้อน ปัญหาการประมูลคลื่นความถี่ 3จี กระทบต่อการลงทุน

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ สอท. กล่าวถึงปัญหาการเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จี ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกลายเป็นความขัดแย้งกันเองภายใน เมื่อประเทศไทยเกิดความขัดแย้งกันตลอดเวลาทำให้ผู้ที่จะมาลงทุน และผู้ประกอบการไทยเองรู้สึกท้อแท้เรื่องนี้ เพราะการใช้ระบบ 3 จีของประเทศไทยถือว่าช้ามาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่ขณะนี้ใช้ระบบ 3.9 จีแล้ว ทำให้ประเทศไทยเสียผลประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัย
ด้านนายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากอดีตที่ไทยเคยตั้งเป้าจะแข่งขันด้านเทคโนโลยีการสื่อสารกับเกาหลีใต้ แต่ด้วยปัญหาภายในต่างๆ ทำให้ต้องลดระดับลงมาแข่งกับอินโดนีเซีย เวียดนาม จนมาถึงวันนี้ต้องแข่งขันกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เห็นได้ว่าเมื่อความขัดแย้งไม่มีจุดจบ ประเทศไทยจะเจริญไม่ได้ เพราะเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญ เป็นเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทุกฝ่ายต้องร่วมกันหาทางออกป้องกันผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศที่กำลังดูทิศทางการลงทุนในไทย

* "จรัมพร" เตือน นลท. ลงทุนหุ้นสื่อสารด้วยความระมัดระวัง หลังศาลฯ สั่งคุ้มครอง เบรกประมูล 3.9G

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ระงับการเปิดประมูลใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3.9จี ขณะที่กทช.เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุดนั้น ทาง ตลท.ต้องการเตือนนักลงทุนให้ใช้ดุลยพินิจและเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อสารอย่างระมัดระวัง เนื่องจากข้อมูลยังไม่ชัดเจน นอกจากนี้ยังไม่ทราบระยะเวลาที่แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวจะได้ข้อสรุปเมื่อใด
'เรื่องดังกล่าวน่าจะมีผลในด้านลบสำหรับผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้ได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ในเวลาที่ยังไม่ชัดเจน นักลงทุนเองก็ควรรอดูความชัดเจนก่อน ซึ่งเรื่องนี้อะไรที่ไม่แน่นอนก็คงมีผลระดับหนึ่งแต่ไม่มากนัก ส่วนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศในปัจจุบันก็ยังคงอยู่เท่าๆ เดิม ที่ผ่านมาก็มีเรื่องความไม่แน่นอนแบบนี้ แต่หวังว่าในอนาคตคงดีขึ้นกว่านี้' นายจรัมพร กล่าว
ด้านนายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์คงยังไม่ขึ้นเครื่องหมาย H เพื่อห้ามการซื้อขายชั่วคราวหุ้นในกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากบริษัทในกลุ่มดังกล่าวไม่สามารถชี้แจงข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้ เพราะข้อมูลหรือความเคลื่อนไหวของบริษัทที่เตรียมยื่นประมูลใบอนุญาต 3.9จี นั้น จะมาจากศาลและกทช. ซึ่งนักลงทุนควรติดตามข้อมูลดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
'ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกคนคงรับทราบเท่ากันหมด เพราะข้อมูลหลักๆ จะออกมาจากศาลและกทช. ซึ่งบริษัทยังชี้แจงไม่ได้ ส่วนนักลงทุนเองก็ต้องระมัดระวังและรอความชัดเจนเรื่องนี้ก่อน ส่วนทางตลาดเองก็คงจะประสานงานกับกทช.และเตือนนักลงทุนให้ติดตามข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงมากกว่า' นายศักรินทร์ กล่าว
ส่วนนายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นในกลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะบริษัทที่เตรียมยื่นประมูลใบอนุญาต 3.9จี ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนราคาหุ้นที่ปรับขึ้นก่อนหน้านั้น เนื่องจากรับข่าวดังกล่าวข้างต้น แต่ในแง่ของ P/E ของหุ้นที่จะยื่นประมูลใบอนุญาต 3.9จี ถือว่ายังต่ำกว่าหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ซึ่งมี P/E อยู่ที่ 18 เท่า ส่วน P/E ตลาดอยุ่ที่ 14 เท่า ในขณะเดียวกันกระแสเงินสดที่บริษัทดังกล่าวเตรียมไว้สำหรับการยื่นประมูลใบอนุญาต 3จีนั้น ถือว่าไม่มีผลกระทบอะไร
'หุ้นในกลุ่มสื่อสารอาจจะได้รับผลกระทบในแง่ของราคา หรือถูกกระทบจากอนาคตที่ไม่เกิดขึ้น แต่นักลงทุนก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะเงินสดที่เตรียมไว้สำหรับการประมูลใบอนุญาต 3จี ยังคงอยู่ ซึ่งต้องดูต่อไปว่าจะนำเงินเหล่านี้ไปใช้ทำอะไรในอนาคต พื้นฐานก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลยเพียงแต่ราคาเปลี่ยนไปเท่านั้น' นายชนิตร กล่าว

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา สหรัฐเผย CPI ส.ค.เพิ่ม 0.3% หลังราคาพลังงานพุ่ง ขณะดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงสวนทางคาดการณ์ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนก.ค. รายงานระบุว่า การปรับตัวขึ้นของ CPI ในเดือนที่แล้วมีสาเหตุหลักมาจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น 2.3% โดยเฉพาะราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้น 3.9% ขณะที่ราคาอาหาร ซึ่งขยับลงเล็กน้อยในเดือนก.ค. กลับมาดีดตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาพลังงานและอาหารที่มีความผันผวน ปรากฏว่าทรงตัวในเดือนส.ค. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 18-09-2010)
จีน: จีนเร่งกระตุ้นอัตราการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ มุ่งรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของภาวะศก.โลก นายหลี่ เตากุย ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนกล่าวในที่ประชุมด้านการเงินที่กรุงปักกิ่งว่า จีนจำเป็นต้องเร่งกระตุ้นอัตราการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจจีนสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจทั่วโลกได้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-09-2010)
จีน: แบงค์ชาติจีนยืนยันจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ธนาคารจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายปานกลางต่อไป ขณะเดียวกันก็จะทำให้นโยบายมีความยืดหยุ่นและตรงเป้าหมายมากขึ้นในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของปีนี้ แบงค์ชาติจีนกล่าวว่าขั้นตอนต่อไปที่ธนาคารจะต้องดำเนินการก็คือ การดูแลเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างมั่นคงและรวดเร็ว ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและการบริหารจัดการการคาดการณ์เรื่องเงินเฟ้อ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 17-09-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยผลผลิตเหล็กดิบต่ำกว่า 9 ล้านตัน หลังดีมานด์จากจีนร่วง สมาพันธ์เหล็กและเหล็กกล้าของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า การผลิตเหล็กดิบของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 7.1% ในเดือนสิงหาคมเมื่อเทียบกับปีก่อน แตะระดับ 8.90 ล้านตัน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตามผลผลิตลดลงต่ำกว่า 9 ล้านตันเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆในเอเชีย เช่น จีน ได้ชะลอตัวลง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 17-09-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น