Code 351 : Thai - TVO ขาขึ้นขั้นเทพ

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554

ATT Code : Thai - TVO ขาขึ้นขั้นเทพ
E Finance :วงการ เชียร์ซื้อ TVO รับอานิสงส์น้ำมันถั่วเหลืองเริ่มขาดตลาด บัวหลวง ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2554 ขึ้น 6.2% มาอยู่ที่ 2.2 พันลบ.และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2554 ขึ้น 26.6% มาอยู่ที่ 40.50 บาท ฟิลลิป ประเมิน Q4/53 ฟันกำไร 521 ลบ.เพิ่ม 73% มองผลงานปี 54 ขยายตัวได้ 2 หลัก ฟากซิกโก้ คาดราคาถั่วเหลืองโลกทรงตัวสูง คาดอยู่ระหว่าง 13-15 Cen/Bushel ส่วนบิ๊ก TVO มั่นใจ รายได้ปี 54 โตเข้าเป้า 10%

-----------------------------------------------------------------------------
เงาหุ้น - หุ้น KSL กับ IVL!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 3 ก.พ.54 ปิดที่ 980.60 จุด บวก 2.76 จุด มีมูลค่า การซื้อขายเบาบาง 15,283.48 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ์ 38 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด นำโดย IVL ปิดที่ 42.50 บาท บวก 3 บาท, PTL ปิด 31.50 บาท บวก 3.25 บาท, PTT ปิด 345 บาท บวก 1 บาท, PTTEP ปิด 168 บาท บวก 1 บาท และ PTTCH ปิด 145.50 บาท ลบ 0.50 บาท

นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นเก็งกำไรการประกาศผลประกอบการปี 53 และการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนที่เริ่มทยอยออกมา

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ในด้านเทคนิค ตลาดเข้าเขต "ซื้อมากเกินไป"ขณะที่มองแนวโน้มตลาด คาดว่ายังแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังหลายตลาดในภูมิภาคยังปิดทำการช่วงตรุษจีน ด้านเทคนิคมองแนวรับไว้ที่ 975 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 984-985 จุด

อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนียังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ในสัปดาห์หน้า จากผลประกอบการปี 53 ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มพลังงาน ที่จะเริ่มทยอยออกมา ซึ่งคาดว่าจะโชว์ผลงานดี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากกรณีการควบรวมกิจการในกลุ่ม ปตท. ที่คาดว่าจะมีขึ้นภายในไตรมาส 2 ปีนี้

ขณะที่มีข่าว "อนนต์ สิริแสงทักษิณ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT ระบุว่า คาดการณ์กำไรปีนี้จะสูงกว่าปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 4.17 หมื่นล้านบาท ตามปริมาณผลิตปิโตรเลียมและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ขณะที่คาดว่าอีก 1-2 สัปดาห์ จะมีความชัดเจนจากรัฐบาลออสเตรเลีย ในโครงการมอนทารา

โฟกัสหุ้นรายตัว KSL บวกมากกว่าตลาด หลังราคาน้ำตาลในตลาดโลกพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี จากเหตุพายุไซโคลนที่รุนแรงที่สุดลูกหนึ่งเป็นประวัติการณ์ ส่งผลต่อออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตน้ำตาล บล.กสิกรไทย มองว่าข่าวนี้จะส่งผลดีต่อ KSL และยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาพื้นฐาน

อีกตัวหุ้น IVL 2 วันมานี้ มีแรงเข้ามาไล่ราคาร้อนแรง จาก 36 บาท ขึ้นมายืน 42.50 บาท หลังมีการปล่อยข่าวว่าจะมีคนเข้ามาไล่ราคา สอดรับกับผู้ถือหุ้นใหญ่ออกมายืนยันว่าจะใช้สิทธิเพิ่มทุน ทำให้สามารถเพิ่มทุนได้เพียงพอที่จะเดินหน้าแผนการเติบโตของบริษัท ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องฝ่ายกลยุทธ์ บล.โกลเบล็ก แนะ "ซื้อเก็งกำไร" เท่านั้น โดยให้แนวต้านที่ 44 บาท ส่วนแนวรับอยู่ที่ 40.50 บาท!!

อินเด็กซ์ 51

-----------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
4 กพ. 54 ( +2.76 จุด ) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ต่ำกว่า 977.22 ปรับตัวลง 960 – 965 จุด
แนวโน้มในวันศุกร์นี้ ถ้าต่ำกว่า 977.22จุดต่ำสุดของวันพฤหัส ภาพตลาดในช่วงสองสามวันข้างหน้า มีความเสี่ยงที่จะปรับตัวกลับ
ลงมาแถว 960 – 965 ใกล้จุดต่ำสุดของสัปดาห์อีกครั้ง

ณ บริเวณ 960 – 965 จุด ดัชนีมีโอกาสที่จะปรับตัวกลับขึ้นไปแถว 970 – 975 ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง อีกครั้ง

ภาพโดยรวมแล้ว ตลาดน่าจะแกว่งตัวอีกนานหลายวันถึงเป็นสัปดาห์ ในกรอบ 950 -987 หรือ ระหว่างจุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้วถึง
จุดสูงสุดของวันที่ 27 มค. ในรูปแบบที่คาดว่าจะเป็น Triangle wave X

หุ้นเด่น
TTA
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงได้อีกครั้ง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 18.70จุดสูงสุดวันพฤหัส เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน19.60 – 19.90( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 18.40 )

THAI
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงได้อีกครั้ง ทยอยซื้อแถว 39.00 – 39.25 หรือรอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 39.75 จุดสูงสุดวันพฤหัส เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 40.50 –42.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 38.75 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
IVL ไม่น่าเกิน 43 – 43.50
PTL เกิน 31.75 ขึ้น 33 - 34
PTT ต่ำกว่า 342 ลง 335 - 338
PTTEP ต่ำกว่า167.50 ลง 164 - 166
PTTCH ต่ำกว่า 145 ลง 141 – 143
PTTAR ไม่ต่ำกว่า 37.50 ขึ้น 40.50 – 41.50
TOP ต่ำกว่า 68 ลง 66.50 - 67
BANPU แกว่งตัว 728 - 768
STA เกิน 33.25 ขึ้น 34 – 34.50
IRPC เกิน 5.25 ขึ้น 5.40 – 5.50

-----------------------------------------------------------------------------
E Finance Thai - TVO ขาขึ้นขั้นเทพ
วงการ เชียร์ซื้อ TVO รับอานิสงส์น้ำมันถั่วเหลืองเริ่มขาดตลาด บัวหลวง ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2554 ขึ้น 6.2% มาอยู่ที่ 2.2 พันลบ.และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2554 ขึ้น 26.6% มาอยู่ที่ 40.50 บาท ฟิลลิป ประเมิน Q4/53 ฟันกำไร 521 ลบ.เพิ่ม 73% มองผลงานปี 54 ขยายตัวได้ 2 หลัก ฟากซิกโก้ คาดราคาถั่วเหลืองโลกทรงตัวสูง คาดอยู่ระหว่าง 13-15 Cen/Bushel ส่วนบิ๊ก TVO มั่นใจ รายได้ปี 54 โตเข้าเป้า 10%

กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นจริงๆ สำหรับถั่วเหลือง เนื่องจาก ผลผลิตเริ่มประสบปัญหาขาดแคลน สวนทางกับความต้องการใช้ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูง สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาถั่วเหลืองสูงตามไปด้วย และ TVO ถือว่าได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ * เซียนหุ้น เชียร์ซื้อ TVO ชี้ ปัจจัยพื้นฐานแจ่ม แถมรับอานิสงส์สินค้าขาดแคลน คาดธุรกิจโตต่อเนื่องถึงปี 55

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า นอกจาก TVO จะได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มปรับตัวสูงและประสบปัญหาขาดแคลนแล้ว ยังได้รับประโยชน์จากภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในทวีปเอเชีย ที่ส่งผลให้ราคาสินค้าต่างๆปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย ขณะเดียวกัน TVO ยังมีการส่งออกน้ำมันถั่วเหลืองไปยังต่างประเทศ โดยตัวเลขการส่งออกปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเกิดจากที่ประเทศจีนมีความต้องการใช้พลังงานทดแทนจำนวนมาก โดยเฉพาะพลังงานทดแทนมีส่วนผสมจากข้าวโพดทำให้เกษตรกรจำนวนมากหันไปให้ความสนใจการปลูกข้าวโพดเพิ่มขึ้น

" ในแต่ละปีความต้องการสินค้าเกษตรทั่วโลกเติบโตขึ้นในอัตราเฉลี่ย 6-7% แต่ผลผลิตที่เกิดขึ้นมีจำกัด โดยสามารถผลิตได้สูงสุดเพียง 3% เท่านั้น แม้ว่าในบางช่วงความต้องการอาจลดลง และช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนผลผลิตได้ในช่วงสั้น แต่หลังจากนั้นความต้องการก็จะกลับมาสูงขึ้นสลับไปเป็นรอบๆ" นายกวีกล่าว

นายกวี กล่าวด้วยว่า TVO ยังได้รับประโยชน์จากการที่มีสินค้าในสต็อก โดยต้นทุนจะมีราคาที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่นำออกไปจำหน่ายแล้วราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างกำไรจากราคาที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นผลประโยชน์ต่อยอดจากที่ผู้บริหารมองการณ์ไกลตั้งแต่ปีก่อน จึงได้เพิ่มกำลังการผลิตไว้แล้ว

ทั้งนี้ คาดกำไรในปี 2554 ของ TVO เติบโตสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 32% ซึ่งถือว่าสูงกว่าตลาดเดียวกัน ขณะที่ อัตราเงินตอบแทนปันผล 6% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก และROE จะอยู่ที่ประมาณ 26% โดย P/E อยู่ที่ 12 เท่า ซึ่งเมื่อเทียบกับผลตอบแทนแล้วถือว่า P/E ในระดับดังกล่าวไม่สูงเกินไป

นอกจากนี้ มีทิศทางของธุรกิจที่จะดีต่อเนื่องไปยังปี 2555 ซึ่งคาดว่าจะเติบโตได้ในอัตรา 10% ตามสมมติฐานราคาถั่วเหลืองที่ปรับตัวขึ้นในอัตราเดียวกัน ซึ่งในความจริงแล้วแนวโน้มราคาถั่วเหลืองมีโอกาสที่จะปรับสูงขึ้นได้มากกว่านั้น ทั้งนี้ จึงแนะนำให้ ซื้อ โดยมีมูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 38 บาท*โบรกฯ เชียร์ซื้อ TVO รับอานิสงส์น้ำมันถั่วเหลืองเริ่มขาดตลาด ให้เป้า 40 บาท

บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ระบุว่า น้ำมันถั่วเหลืองเริ่มขาดตลาด หลังจากผู้บริโภคเลือกที่จะซื้อน้ำมันถั่วเหลืองทดแทนน้ำมันปาล์มที่ราคาปรับขึ้นมาก เราประเมิน ยอดขายน้ำมันถั่วเหลืองของ TVO ในงวดไตรมาส 1/54 จะปรับขึ้นหลังจากผู้บริโภคเลือกซื้อน้ำมันถั่วเหลืองทดแทนน้ำมันปาล์ม เนื่องจากราคาที่ใกล้เคียงกัน

นอกจากนี้ วานนี้(2ก.พ.54) ราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 30 เดือน ที่ระดับราคา 14.38 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบุชเชล (เพิ่มขึ้น 0.42%) หลังจากเกษตรกรในอาร์เจนติน่ายังคงทำการประท้วงปิดท่าเรือส่งออกสินค้า ซึ่งอาร์เจนติน่าเป็นผู้ผลิตส่งออกถั่วเหลืองอันดับที่ 3 ของโลก เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” TVO ราคาเป้าหมาย 40.00 บาท * บัวหลวง ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2554 ขึ้น 6.2% มาอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาทและปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2554 ขึ้น 26.6% มาอยู่ที่ 40.50 บาท

บทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่า ผลผลิตข้าวโพดที่ขาดแคลนเนื่องจากภาวะแห้งแล้ง จะหนุนอุปสงค์ถั่วเหลืองให้สูงขึ้นเนื่องจากเป็นสินค้าทดแทน ผลผลิตถั่วเหลืองยังคงตึงตัวเนื่องจาก stock-to-use อ่อนตัวลงเนื่องจากภาวะแห้งแล้งในสหรัฐ ที่สำคัญที่สุดคือ จีนก็อยู่ในภาวะแห้งแล้งมากซึ่งจะทำให้สินค้าเกษตรลดลงและเงินเฟ้อสูงขึ้น จึงมีนัยสำคัญว่าการนำเข้า/การบริโภคของจีนอาจแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่คาด และราคาถั่วเหลืองและข้าวโพดจะปรับตัวขึ้นหากผลผลิตถั่วเหลืองและข้าวโพดส่งสัญญาณการขาดแคลน ดังนั้น กำไรของ TVO มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2554 ขึ้น 6.2% มาอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาทและปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2554 ขึ้น 26.6% มาอยู่ที่ 40.50 บาท จาก PER ในภูมิภาคที่ 15 เท่าเทียบกับ PER 12.5 เท่า ซึ่งเป็น PER เฉลี่ยช่วงครึ่งหลังของปี 2550 ถึงไตรมาส 3/51 ซึ่งเป็นช่วงที่กำไรของ TVO ปรับตัวขึ้นอย่างมาก และเราได้ปรับเพิ่มคำแนะนำจาก ถือ เป็น “ซื้อ”ความแห้งแล้งส่งผลต่อสินค้าเกษตรในอเมริกาใต้: พื้นที่เกษตรส่วนมากในอาร์เจนตินาคาดว่าจะแห้งแล้งและอากาศร้อนกว่าปกติ Buenos Aires Cereals Exchange คาดว่าการเก็บเกี่ยวข้าวโพดจะลดลงมาอยู่ที่ 19.5ล้านตันจาก 22.5 ล้านตันในปี 2553 ขณะที่ตอนใต้ของบราซิล (Parana, Santa Catarina และ Rio Grande do Sul) ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกคิดเป็น 41% และ 37% ของการผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองตามลำดับ จะมีระดับน้ำฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย

USDA คาดว่าสต็อกข้าวโพดและถั่วเหลืองจะตึงตัว เนื่องจากอุปสงค์เพิ่มขึ้นและสภาพอากาศที่ผิดปกติส่งผลกระทบต่อปริมาณผลิต การผลิตข้าวโพดในสหรัฐลดลง 4.9% และ stock-to-use ลดลงเหลือ 5.5% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 15 ปี นอกจากนี้ยังปรับลดการผลิตถั่วเหลืองลง 1.4% และระบุว่าผลผลิตข้าวสาลีจะต่ำกว่าปีก่อน 16% เนื่องจากสภาพอากาศที่ผิดปกติ ซึ่งส่งผลให้เก็บเกี่ยวข้าวโพดและถั่วเหลืองได้ต่ำกว่าที่คาด ดังนั้น หากเกิดการขาดแคลนต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยหนุนราคาถั่วเหลืองและข้าวโพดให้ขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่

The China Academy of Agricultural Sciences ของจีนกล่าวว่าภาวะแห้งแล้งที่ส่งผลกระทบต่อประเทศจีนทางตอนเหนือ, กลางและตะวันออกอาจยืดเยื้อจนถึงเดือน ก.พ. โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือของจีนเป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีมากกว่า 80% ของผลผลิตข้าวสาลีทั้งหมดของประเทศจะยังคงมีอากาศเย็นและแห้งแล้ง และภาวะแห้งแล้งอาจกระทบพื้นที่เพาะปลูกถึง 4 ล้านเฮกตาร์ ทำให้มีแนวโน้มที่ราคาอาหารจะปรับตัวสูงขึ้น * ฟิลลิป คาด Q4/53 TVO ฟันกำไร 521 ลบ.เพิ่ม 73% จากปีก่อน มองผลงานปี 54 คาดขยายตัวได้ 2 หลัก

บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ระบุว่า จากการสอบถามผู้บริหาร TVO ถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4'2553 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ โดยเฉพาะปริมาณขายน้ำมันในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นถึง 25% เทียบ QoQ เนื่องจากได้รับผลดีจากการขาดแคลนน้ำมันปาล์มในตลาดส่งผลให้ผู้บริโภคมาบริโภคน้ำมันถั่วเหลืองแทน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6% เทียบ QoQส่วนปริมาณขายกากถั่วเหลืองค่อนข้างทรงตัวแต่ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5% เทียบ QoQ ประมาณการยอดขาย 5,896 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 17% เทียบ QoQ แต่ลดลง 6% เทียบ YoY ขณะที่ต้นทุนราคาวัตถุดิบแทบไม่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นดีกว่าที่คาดไว้ แต่คาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะเพิ่มขึ้น 37% และ 16% เทียบ YoY และ QoQ จากค่าใช้จ่ายพิเศษประจำปีของพนักงาน อีกทั้งไตรมาสนี้จะมีการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์จากโรงงานที่จีนราว 100 ล้านบาท ประมาณการกำไรสุทธิ 521 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 73% และ 58% เทียบ YoY และ QoQ

จากการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตให้ลดลง รวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านภาษีส่งผลให้อัตราภาษีจ่ายลดลงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานจะขยายตัวได้ 2 หลัก ทางฝ่ายประมาณการยอดขาย 26,723 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 27% เทียบ YoY ภายใต้สมมติฐานปริมาณขายเพิ่มขึ้น 17% ราคาขายเฉลี่ยเพิ่ม ขึ้น 10% เทียบ YoY และจากราคาขายที่ เพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณขายที่ดีทั้งกากถั่วเหลืองและน้ำมัน อีกทั้งผลดีจากต้นทุนการผลิตที่ลด ลงจากโรงงานแห่งใหม่คาดว่าจะทำให้อัตรากำไรดีกว่า ที่เคยคาดไว้ทำให้ทางฝ่ายปรับประมาณการกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 1,876 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 27% เทียบ YoY

ผู้บริหารยังมีมุมมองต่อราคาถั่วเหลืองในอนาคตว่ายังอยู่ในระดับสูงจากความต้องการที่มากโดยเฉพาะจากจีนและประเทศเกิดใหม่ซึ่งมีการบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาถั่วเหลืองซึ่งเป็นพืชที่นำไปเลี้ยงสัตว์จะมีราคาสูงขึ้นตาม ขณะที่การผลิตค่อนข้างจำกัดจากการแย่งพื้นที่เพาะปลูกระหว่างข้าวโพดและถั่วเหลือง คาดใน 3 เดือนข้างหน้าราคาวัตถุดิบจะอยู่ระหว่าง 13.50-14.50 เหรียญต่อบุชเชล เนื่องจากทั้งบราซิลและอาร์เจนติน่าได้ผลผลิตสูงกว่าคาด และคาดว่าราคาขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่เม.ย. เป็นต้นไปจากสต็อกปลายปีทั้งข้าวโพดและถั่วเหลืองทีค่อนข้างตึงตัว แต่มีปัจจัยที่อาจทำให้ราคาลดลงคือ (1) ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และ (2) การเลิกใช้พลังงานทดแทน

จากการคาดหมายผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด รวมถึงแนวโน้มการขายในไตรมาส 1 ที่ยังดีต่อทำให้ทางฝ่ายยังมีมุมมองเป็นบวกต่อผลการดำเนินงานปี 2554 ว่าจะขยายตัวได้มากกว่า 2 หลักอย่างที่คาดไว้ ทางฝ่ายคงคำแนะนำ 'ซื้อ' ราคาเหมาะสม 32.50 บาทอิงบน P/E 14 เท่า * ฟากกิมเอ็ง ชี้ น้ำมันปาล์มแพง TVO รับอานิสงส์คนบริโภคมากขึ้น คาดผลงานQ1/54 ดีต่อเนื่อง

บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง ระบุว่า คาดการณ์กำไรสุทธิงวดไตรมาส 4 ที่ 566 ล้านบาท (0.70 บาท/หุ้น) โต 72% qoq และ 88% yoy TVO จะมีการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์โรงงานที่ประเทศจีนจำนวนราว 100ล้านบาทและคาดว่าจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 10 ล้านบาท ดังนั้นกำไรปกติคาดว่าจะสูงถึง 656 ล้านบาท หรือโต 129% qoq และ 127% yoy อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเติบโตแข็งแกร่งถึง 16.6% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 10.7% คาดกำไรสุทธิปี 2553 ปรับขึ้นเป็น 1,520 ล้านบาท ลดลง 6% โดยเราคาดว่าบริษัทจะมีอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวขึ้นเป็น 12.5% จากปีก่อนอยู่ที่ 8.6% เราคาดว่าผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/54 จะดีต่อเนื่อง จากปริมาณการขายน้ำมันถั่วเหลืองที่เพิ่มขึ้นเพราะลูกค้าหันมาซื้อน้ำมันถั่วเหลืองแทนน้ำมันปาล์มที่มีราคาสูงและสินค้าขาดแคลน เราประเมินมูลค่าหุ้นโดยอิง Norm. PER ปี 54 ขึ้นเป็น 12 เท่า จะได้มูลค่าเหมาะสมหลังรวมการแปลงสภาพวอร์แรนต์ทั้งหมด (fullly dilute) ที่ 27.50 บาท กรณีไม่รวมการแปลงสภาพวอร์แรนต์จะได้ราคาที่ 29 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลงมาซื้อขายที่ราคาเหมาะสมของเราแล้วซึ่งให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่ระดับ 6.3% ซึ่งนับว่าน่าสนใจและแนวโน้มของธุรกิจปีนี้ยังสดใส ดังนั้นเราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อเมื่ออ่อนตัว สำหรับ TVO

เราคาดการณ์กำไรสุทธิงวดไตรมาส 4 ที่ 566 ล้านบาท (0.70 บาท/หุ้น) โต 72% qoq และ 88% yoy TVO จะมีการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์โรงงานที่ประเทศจีนจำนวนราว 100 ล้านบาทและคาดว่าจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 10 ล้านบาท ดังนั้นกำไรปกติคาดว่าจะสูงถึง 656 ล้านบาท หรือโต 129% qoq และ 127% yoy อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเติบโตแข็งแกร่งถึง 16.6% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 10.7% เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยน้ำมันถั่วเหลืองและราคาขายเฉลี่ยกากถั่วเหลืองในช่วงไตรมาส 4 ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่บริษัทยังมีต้นทุนวัตถุดิบในระดับต่ำ รายได้จากการขายคาดว่าจะเติบโต 18% qoq เป็น 6,049 ล้านบาท จากปริมาณการขายน้ำมันถั่วเหลืองและราคาขายน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น 25% qoq และ 5% qoq ตามลำดับ ส่วนปริมาณการขายกากถั่วเหลืองค่อนข้างทรงตัวแต่ราคาขายกากถั่วเหลืองปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% qoq รวมแล้วเราจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2553 ขึ้นเล็กน้อยเป็น 1,520 ล้านบาท (1.89 บาท/หุ้น) ลดลง 6% โดยเราคาดว่าบริษัทจะมีอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวขึ้นเป็น 12.5% จากปีก่อนอยู่ที่ 8.6% รายได้รวมคาดว่าจะลดลง 6% เพราะแม้ว่าปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้น แต่ราคาขายเฉลี่ยลดลงตามราคาวัตถุดิบ บริษัทจะมีการบันทึกกลับด้อยค่าสินทรัพย์ในจีนราว 100 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 88 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมกำไรจากรายการพิเศษเหล่านี้จะมีกำไรปกติที่ 1,532 ล้านบาท โต 67% จากปีก่อน

เราคาดว่าผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/54 จะดีต่อเนื่อง จากปริมาณการขายน้ำมันถั่วเหลืองที่เพิ่มขึ้นเพราะลูกค้าหันมาซื้อน้ำมันถั่วเหลืองแทนน้ำมันปาล์มที่มีราคาสูงและสินค้าขาดแคลน อุตสาหกรรมอาจต้องมีการขอปรับราคาน้ำมันถั่วเหลืองชนิดขวดเพิ่มขึ้นจาก 46 บาท/ขวดเป็นราว 55 บาท/ขวด เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเมล็ดถั่วเหลืองมีราคาปรับตัวสูงขึ้น เราคาดการณ์รายได้ปี 54 จะเติบโต 15% เป็น 24,187 ล้านบาท จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและราคาเฉลี่ยน้ำมันถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองที่คาดว่าจะสูงขึ้น เราสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 12% จะได้ประมาณการกำไรสุทธิปี 54 ที่ 1,850 ล้านบาท (2.30 บาท/หุ้น) โต 22% เราประเมินมูลค่าหุ้นโดยอิง Norm. PER ปี 54 ขึ้นเป็น 12 เท่า จะได้มูลค่าเหมาะสมหลังรวมการแปลงสภาพวอร์แรนต์ทั้งหมด (fullly dilute) ที่ 27.50 บาท กรณีไม่รวมการแปลงสภาพวอร์แรนต์จะได้ราคาที่ 29 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลงมาซื้อขายที่ราคาเหมาะสมของเราแล้วซึ่งให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่ระดับ 6.3% ซึ่งนับว่าน่าสนใจและแนวโน้มของธุรกิจปีนี้ยังสดใส ดังนั้นเราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อเมื่ออ่อนตัว สำหรับ TVO *ซิกโก้ มอง ราคาถั่วเหลืองทรงตัวอยู่ในระดับสูง คาดแนวโน้มถั่วเหลืองโลกอยู่ระหว่าง 13-15 Cen/Bushel

บทวิเคราะห์ บล.ซิกโก้ ระบุว่า แนวโน้มราคาถั่วเหลืองโลกคาดจะทรงตัวอยู่ระหว่าง 13-15 Cen/Bushel สาเหตุหลักมาจาก 1) ปริมาณผลผลิตของอาเจนตินาที่อาจออกมาต่ำกว่าที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรของสหรัฐ (USDA) คาดไว้ที่ 50.5 ล้านตัน 2) อาจเกิดการแย่งชิงพื้นที่เพาะปลูกกับข้าวโพด เนื่องจากราคาที่ปรับสูงขึ้น และ 3) ปริมาณการนำเข้าจากจีนที่เพิ่มขึ้น หลังชะลอลงในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่อย่างไรก็ดี การเข้าเก็งกำไรของนักลงทุนในสินค้า Commodity มีผลกระทบกับความผันผวนของราคาค่อนข้างมาก

ราคาเหมาะสม FY11E เท่ากับ 31.00 บาท แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”.

บล.ซิกโก้ ประเมินราคาเหมาะสม FY11E เท่ากับ 31.00 บาท จากอิง ProspectivePER ที่ 14 เท่า โดยมองว่าที่ผ่านมา ราคาถั่วเหลืองที่ปรับสูงขึ้นกว่า 20%YoY ทำให้ราคาหุ้นมีการซื้อขายถึง 14 เท่า ขณะที่แนวโน้มราคาถั่วเหลืองทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อ และราคาหุ้นมีความสัมพันธ์กับราคาถั่วเหลืองโลกมาก และราคาหุ้นปัจจุบันเทียบกับราคาเหมาะสมให้ผลตอบแทน 18.0% (มี Upside Gain เท่ากับ 12.7%) แต่เนื่องจากราคาค่อนข้างผันผวน จึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” *บิ๊ก TVO มั่นใจ รายได้ปี 54 โตเข้าเป้า 10% เหตุราคาถั่วเหลืองโลกพุ่งอีก 10-15% ตามราคาน้ำมันโลกเพิ่มสูง

นายวิบูลย์ โลหะชุนสิริ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา บมจ.น้ำมันพืชไทย (TVO)เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่โต10% หลังจากได้รับอานิสงส์จากราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก 10-15%เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา(2553)ที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 9-14 เหรียญ/บุชเชล

ตามทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นแรงหนุนประสิทธิภาพผลประกอบการของบริษัทฯที่ดีขึ้นด้วย

นอกจากนี้ สำหรับแผนลงทุนบริษัทฯในช่วงปี2554ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสร้างโรงงานผลิตเรซิตินเพื่อผสมในอาหารสัตว์น้ำ 1 แห่งในพื้นที่บริเวณโรงงานในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าบริษัทฯ ให้ดียิ่งขึ้น นอกเหนือจากรายได้หลักที่เป็นผู้นำเข้าถั่วเหลืองมาแปรรูปเป็นกากถั่วเหลือง และน้ำมันถั่วเหลืองจำหน่ายในประเทศ โดยจะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯเล็กน้อย โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จช่วงกลางปีนี้(2554) โดยใช้งบประมาณลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท

' ปีนี้รายได้บริษัทฯจะเติบโต 10% หลังจากราคาถั่วเหลืองโลกเพิ่มขึ้นอีก 10-15% ซึ่งเชื่อว่าส่วนหนึ่งก็มาจากแรงเก็งกำไร โดยเป็นไปตามทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันตลาดโลกที่แนวโน้มยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง'นายวิบูลย์ กล่าว

สำหรับราคาหุ้นในวันนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นนั้น ไม่ทราบ แต่คาดว่านักลงทุนคงจะนำประเด็นการพิจารณาปรับเพิ่มราคาน้ำมันปาล์มขวด 1 ลิตร ที่ภาครัฐจะปรับขึ้นอีก 6-9 บาทต่อขวด ซึ่งเรื่องดังกล่าว จะส่งผลดีต่อบริษัทฯ เนื่องจาก ผู้บริโภคน้ำมันปาล์มจะหันมาบริโภคน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีราคาถูกกว่า

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี53บริษัทฯกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุป แต่เบื้องต้นประเมินยอดขายถั่วเหลืองจะเติบโตประมาณ 10% ส่วนรายได้ที่เป็นงบประมาณยังไม่ขอเสนอรายละเอียด

-----------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : ถ้า SET บวกแรงควรหยุดซื้อ แต่ถือเพื่อรอขายได้โดยเฉพาะใกล้ 1000...
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นไทยยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป หลังตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียยังคงปิดทำการอยู่ โดยFSS ยังคาดว่า SET มีโอกาสขยับขึ้นหาเป้าหมายของรอบรีบาวด์ที่บริเวณ 1000จุดหรือใกล้เคียงได้ แต่อาจจะเป็นลักษณะของการแกว่งตัวขึ้น ดังนั้นมีแนวโน้มที่จะมีจังหวะแกว่งตัวเป็นระยะๆ ได้ การเข้าเทรดดิ้งจึงต้องใช้ความระมัดระวัง โดย
น่าหาจังหวะซื้อในช่วงตลาดแกว่งตัวย้อนลงมากกว่าซื้อไล่ราคา ขณะที่ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อในภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นปัญหาที่ต้องจับตาดู ซึ่งยังมีโอกาสที่จะเป็นประเด็นกดดันต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคอีกครั้งได้หลังการเปิดทำการเป็นปกติในสัปดาห์หน้า ดังนั้นตลาดขยับขึ้นจึงควรมองหาจังหวะทำกำไรด้วยกลยุทธ์: ช่วงนี้เน้นถือเพื่อรอขาย และถ้าตลาดบวกมากไม่ควรซื้อไล่ราคาโดยเฉพาะถ้าดัชนีขยับเข้าใกล้ 1000 จุดหรือสูงกว่า ควรเริ่มมองหาจังหวะขายทำกำไรแทนด้วย

ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) ระยะสั้นยังผันผวน มีรายงานเศรษฐกิจที่ยังต้องติดตาม รายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เม็ดเงินยังมีโอกาสไหลกลับไปตลาดหลัก คือ G3 (สหรัฐฯ ยุโรป และยี่ปุ่น) ต่อ โดยเฉพาะหากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะประกาศคืนนี้ออกมาดีกว่าตลาดคาด ขณะที่ในฝั่งเอเชีย ตลาดยังติดตามการประชุมธนาคารกลางอินโดนีเซียวันนี้ว่าจะปรับขึ้น
ดอกเบี้ยหรือไม่ หลังเงินเฟ้อเดือน ม.ค. พุ่งแรง รวมถึงประเด็นการขึ้น RRR หรือดอกเบี้ยของจีนที่ตลาดมักกังวลว่าอาจมี surprise ในช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่ค่าเงินบาทยังแกว่งในกรอบ 30.70 - 31 บาท/ดอลลาร์ ไม่มีแนวโน้มว่าจะแข็งค่าขึ้นมาได้ในระยะสั้น
• (+) PTTEP ติดตามประเด็นมอนทาราเร็วๆ นี้ Bloomberg พาดหัวข่าวให้ติดตามความเห็นของ Ferguson รมว.พลังงานของออสเตรเลียในประเด็นมอนทาราในเร็วๆ นี้ ซึ่งเราเชื่อว่าข้อสรุปจะออกมาดีต่อ PTTEP คือไม่ถูกยึดสัมปทานและจ่ายแค่ค่าปรับซึ่งไม่มากอย่างที่ตลาดกังวล ถ้ามอนทารามีความชัดเจน คาดจะเริ่มผลิตได้ในช่วง 4Q10 นี้ เรายังแนะนำซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย 195 บาท

• (+) Soft commodity...KSL และ TVO ดัชนีราคาสินค้าอาหารของโลกเดือนม.ค. 2011 (ที่มา: องค์การสหประชาชาติ) สูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 231 (+4% M-M, +28% Y-Y) กลุ่มสินค้าที่ราคาปรับขึ้นสูงสุด Y-Y คือ กลุ่มไขมันและน้ำมันสำหรับบริโภค (+64% Y-Y) รองมาคือ กลุ่มธัญพืช (+44% Y-Y) ได้แก่ถั่วเหลือง ช้าวโพด ข้าวสาลี เป็นต้น – เป็นบวกต่อ TVO (เราแนะนำซื้อ เป้าหมาย36 บาท) ส่วนกลุ่มสินค้าที่ราคาปรับขึ้นสูงสุด M-M คือ น้ำตาล (+6% M-M) และมีแนวโน้มสูงต่อจาก Supply ตึงตัวค่อนข้างมาก ในขณะที่กลุ่มเนื้อสัตว์ราคาเริ่มทรงตัว (0% M-M) – เป็นบวกต่อ KSL (แนะนำซื้อ เป้าหมาย 18 บาท) แต่เป็นลบกับ CPF และ GFPT

• Fund Flow วานนี้เบาบางตามคาด เนื่องจากตลาดหุ้นและนักลงทุนส่วนใหญ่หยุดพักผ่อนเนื่องจากวันตรุษจีน อย่างไรก็ตามปัจจัยลบที่ยังมีอิทธิพลต่อตลาดยังหนีไม่พันวิกฤติการเมืองในตะวันออกกลาง ส่วนปัจจัยบวกยังเป็นตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีวันดีคืน ทั้งยอดค้าปลีก ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ตัวเลขคนขอรับสัวสดิการจ้างงานดีขึ้นหมด สำหรับค่าเงินภูมิภาคและค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวหรือแข็งค่าเล็กน้อย ราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง รับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ เรายังเน้นซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มปตท.และปิโตรเคมี ที่เด่นสุดในช่วงเดือนนี้ก็จะเป็น PTTEP เพราะเรามองว่ามอนทาราน่าจะจบสวยบวกกับได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นเต็มที่ นอกจากนี้ผลประกอบการกลุ่มพลังงานจะออกมาดีมากและดีที่สุดในรอบปี 2010 แนวโน้ม1Q11 ก็จะยังดีต่อเนื่อง


ข่าวภายในประเทศ
SCIB ปวดหัวสหภาพขอเงินชดเชย 40 เท่า! ผู้บริหารแบงก์นครหลวงไทย มึนหลังสหภาพฯ เรียกร้องให้มีการเออร์ลี่รีไทร์พนักงานหลังควบกิจการกับธนชาต ให้มีการจ่ายชดเชยสูง 40 เท่าของเงินเดือนสุดท้าย ด้านผู้บริหารยันขอเวลาเกลี่ยสายงาน ไม่มีปลดพนักงานออกแน่นอน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-02-2011)

KSL พุ่งปีนี้รับกำไรฉ่ำน้ำตาลนิวไฮรอบ 31 ปี KSL ราคาขยับเพิ่มผู้บริหารเผยรับผลดี จากราคาขายน้ำตาลทรายดิบสูงสุดรอบ 31 ปี ล่าสุดยืน 35-36 เซ็นต์ต่อปอนด์ หลังเกิดพายุไซโคลนออสเตรเลีย แย้มกำไรปีนี้ออกมาดีหลังราคาขายดีดตัว แถมยอดขายปีนี้เพิ่มสูงขึ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-02-2011)

SIRI กำไรเด้งจ่ายปันผลงามขั้นต่ำ 60 สตางค์ "แสนสิริ" ชงบอร์ดอนุมัติปันผลงวดปี'53 ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ "เศรษฐา" ส่งซิกจ่ายสูงกว่า 0.60บาท/หุ้น ให้ดิวิเดนด์ ยีลด์สูงกว่า 10% เหตุทำกำไรเกิน 1,700 ล้านบาท ด้านโบรกฯฟันธงปี'53 กำไร 1,693-1,720 ล้านบาท ลุ้นปันผลหุ้นละ 0.54-0.60 บาท เชียร์ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 7 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-02-2011)

AIS ยื่นคัดค้าน TOT ไม่จ่าย 7.3 หมื่นล้าน ADVANC รับโดนทีโอทีส่งหนังสือให้ชำระเงินกว่า 7.3 หมื่นล้านบาท ลั่นไม่จ่ายแน่ พร้อมเตรียมทำหนังสือโต้แย้งคัดค้านทุกคดี เหตุทีโอทียกอ้างคำพิพากษาศาลฎีกาฟังไม่ขึ้น เพราะไม่ได้ระบุว่าบริษัทกระทำผิดจึงไม่มีผลผูกพันถึงทีโอทีและบริษัทแต่อย่างใด (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-02-2011)

TVO ลุ้นกำไร Q4 นิวไฮ162% รับปันผล 68 สตางค์ เชียร์ซื้อเป้าสูง 40 บาท TVO มีแววกำไรไตรมาส 4/53 สูงสุดรอบปี แตะ 526 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 162.6% จากปีก่อน หลังถั่วเหลืองขาดตลาด เชื่อกำไรปี 2553 ยืน 1.48 พันล้านบาท ลุ้นรับเงินปันผลอีก 0.68 บาทต่อหุ้น ส่วนปีนี้ได้ดีแนวโน้มราคาถั่วเหลืองขาขึ้น จากความต้องการนำเข้าในจีนสูง รวมถึงการประท้วงที่อาร์เจนตินา จึงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 40 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-02-2011)

ROBINS ทิศทางลมดีน่าซื้องบ Q4 แจ่มกำไรกว่า 370 ล้าน ROBINS ได้จังหวะเข้าซื้อ หลังราคาหุ้นลง กำไรไตรมาส 4/53 แข็งแกร่ง ยืน 371ล้านบาท พุ่ง 62% ส่วนกำไรทั้งปี 2553 แตะ 1,260 ล้านบาท โต 28% สำหรับปี 2554 ตั้งเป้ายอดขายสาขาเดิมโต 7-8% คาดยอดขายรวมโต 13-14% โบรกฯเชียร์ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 27 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 4-02-2011)

-----------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ดัชนีดาวโจนส์แกว่งตัวค่อนข้างผันผวน โดยช่วงแรกของชั่วโมงการซื้อขายมีปรับพักตัวลงกว่า 60 จุด ก่อนที่จะค่อยๆ ไต่ระดับกลับมาเคลื่อนไหวในด้านบวก และปิดบวกไป 20.29 จุด โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีกหลังการเปิดยอดขายที่สดใส และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ยังดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในคืนวันนี้อยู่

ดัชนี VIX ยังลดลงต่อเนื่องอีก 3.53% มาอยู่ที่ระดับ 16.69หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งเกินคาด

ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปก็ขยับบวกตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ดูดีของสหรัฐด้วย

ค่าเงินบาทยังแกว่งแคบๆ ในกรอบ 30.80-31 บ./ดอลลาร์อยู่ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เริ่มแข็งค่าอีกครั้งหลังจากปรับตัวลงมาเกือบเดือน

ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ปิดที่ 90.54 ดอลลาร์/บาร์เรล แกว่งย้อนลงอีก 0.32 ดอลลาร์ จากแรงกดดันของค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

ราคาทองคำล่วงหน้าในตลาด COMEX ปิดที่ 1353.00ดอลลาร์/ออนซ์ กลับมาพุ่งขึ้น 20.90 ดอลลาร์ โดยยังได้รับแรงหนุนจากเหตุการณ์ไม่สงบในอียิปต์

ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ยูโรสแตทเผยราคาผู้ผลิตในเขตยูโรโซนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนธ.ค. ยูโรสแตท ซึ่งเป็นสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า ราคาผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรมในเขตยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ และเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552ราคาผู้ผลิตในภาคอุตสาหกรรมของ 17 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรเพิ่มขึ้น 5.3% ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น 2.2% จากเดือนพฤศจิกายน ในขณะที่ราคาของทั้งอุตสาหกรรมไม่นับรวมหมวดพลังงานเพิ่มขึ้น 0.3% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 3-02-2011)

ยุโรป: นักวิเคราะห์คาดอีซีบีตรึงดอกเบี้ยวันนี้ แต่อาจส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1% ในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเย็นวันนี้ (3 ก.พ.) ซึ่งจะเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 21 ครั้ง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะเป็นวาระสำคัญที่คณะกรรมการอีซีบีหยิบขึ้นมาอภิปรายในการประชุมครั้งนี้ และอาจจะส่งสัญญาณว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อในเร็วๆนี้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 3-02-2011)

สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วลดลงเกินคาด 42,000 ราย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ม.ค.ปรับตัวลดลง 42,000 ราย แตะระดับ 415,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 420,000 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 1,000 ราย แตะที่ 430,500 ราย กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarmpayroll) ประจำเดือนม.ค.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 145,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 9.5% ในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นจาก 9.4% ในเดือนธ.ค. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 4-02-2011)

สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.ขยายตัวเหนือความคาดหมาย สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.ของสหรัฐ ขยายตัวที่ระดับ 59.4 จุด เพิ่มขึ้นจากระดับ 57.1 จุดของเดือนธ.ค.ปี 2553 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 57 จุด ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐ ดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่า ภาคบริการของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว ส่วนดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวในภาคบริการ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 4-02-2011)

สหรัฐอเมริกา: เบอร์นันเก้ชี้เศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ยืนยันเดินหน้าใช้ QE2 เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมผู้สื่อข่าวแห่งชาติของสหรัฐที่นครวอชิงตัน ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ แต่ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะฉุดอัตราว่างงานให้ลดลงได้ พร้อมระบุว่า สหรัฐจำเป็นจะต้องใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อลดปัญหาด้านการคลังในระยะยาว "สหรัฐยังคงเผชิญปัญหาท้าทายด้านการคลังในระยะยาว ซึ่งไม่ใช่ปัญหาระยะสั้นหรือปัญหาชั่วคราว ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9% ของตัวเลขจีดีพี เพิ่มขึ้นจากระดับเฉลี่ยก่อนหน้านั้นที่ 2% ของจีดีพี ซึ่งการขาดดุลงบประมาณที่สูงอย่างมีนัยสำคัญเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของสถานะการคลัง อันเป็นผลมาจากการที่คณะทำงานรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้ใช้มาตรการที่แข็งแกร่งพอ" เบอร์นันเก้กล่าว(ที่มา: อินโฟเควสท์ 4-02-2011)

-----------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น